IELTS : กลยุทธ์และการเตรียมพร้อม
เรียบเรียงโดย merveillesxx
(เรียบเรียงจากงานสัมมนา IDP Education Australia Expo 2006 ณ ศูนย์สิริกิติ์ 17 มิถุนายน 2549)
ประกอบด้วย 2 หัวข้อคือ 1. IELTS Test Tips 2. English Preparation for IELTS
IELTS Test Tips โดย Weenarat Thongmual (IDP Education Australia)
IELTS คืออะไร IELTS = International English Language Testing System (เริ่มปี 1989) //www.ielts.org (ตัวอย่างข้อสอบ / ข้อมูลอัพเดท)
ผู้ที่มีบทบาทใน IELTS 1. British Council (ผู้จัดสอบ) 2. IDP: IELTS Australia (ผู้จัดสอบ) 3. Cambridge ESOL (ออกข้อสอบ - ทั่วโลกเหมือนกัน)
แนวโน้ม ความนิยมสอบ IELTS มากขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี ทั่วโลก : 500,000 คน ประเทศไทย ปี 2004 : สอบประมาณ 7,000 คน (เป็นผู้หญิง 64%)
ทำไมต้องสอบ IELTS *1. Study : วัดความพร้อมทางการศึกษา 2. Professional : ประกอบอาชีพในต่างประเทศ 3. Emigration : ย้ายถิ่นฐาน
คะแนนของ IELTS แบ่งเป็น 9 band score 9 expert user 8 very good user 7 good user 6 competent user 5 modest user 4 limited user 3 extremely limited user 2 intermittent user 1 non-user
**การศึกษาต่อในระดับ ป.โท มหาลัยมักต้องการระดับ 6.5 ขึ้นไป
สถิติ - อายุผู้สอบเฉลี่ย 26 ปี
- สอบประเภท *1. Academic 84% (เชิงวิชาการ, เรียนต่อป.ตรีขึ้นไป, ทำงาน) 2. General Testing 16% (มัธยม, ย้ายถิ่น)
- สถิติคะแนน 9% ที่สอบครั้งแรกแล้วได้เกิน 6.5 79% mสอบครั้งแรกแล้วได้คะแนนช่วง 4.5-6 ค่าเฉลี่ย = 5.5
Test Format เรียงลำดับตามนี้ 1. Listening (30 นาที) 2. Reading (60 นาที) 3. Writing (60 นาที) 4. Speaking (11-14 นาที)
รายละเอียดต่อไปนี้เป็น IELTS แบบ Academic
1. Listening (30 นาที) - ฟัง 30 นาที (ฟังรอบเดียว) มีเวลาอีก 10 นาทีให้ตอบลง answer sheet - คำถาม 40 ข้อ - มี 4 sections จากง่ายสุด (เรื่องใกล้ตัว, conversation) ไปยากสุด (สถานการณ์ lecture) - มีทั้ง choice และเติมคำ (ระวังตัวสะกด)
Tips การทำ Listening - อาจเจอหลาย accent (ต้องฝึกฟังมาหลายๆ สำเนียง) - ฝึกการทำสอบ : ฟัง + อ่าน + จดโน้ต ไปพร้อมๆ กัน - มีข้อสอบ 1 ข้อแน่ๆ เป็นเรื่องเขียน number เช่น เบอร์โทร บ้านเลขที่ ชั้นติดต่องาน - ระหว่างเปลี่ยน section ให้เช็คคำตอบ + ดูคำถามข้อถัดไป - เติมคำ ระวัง grammar เช่น unit (หน่วย) เซน กิโล เติม s, es / หน่วยเงิน - verb forms, spelling, plural - ตอบผิดไม่ติดลบ ถ้าไม่รู้ให้เดา อย่าเว้นว่าง - ระวังกา choice เลื่อน
2. Reading (60 นาที) - อ่าน 3 passage : ค่อนข้างยาว 2000-2750 คำ - เวลา 60 นาที - 40 คำถาม - มีทั้ง choice, เติมคำ, comprehension, T or F, Y or N, จับคู่ heading กับ paragraph - เป็นบทความทางวิชาการ เช่น ภาษาศาสตร์ แพทยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ thesis
Tips การทำ Reading - Prediction Skill : title subtitle - Skimming Skill : ไม่อ่านทุกคำ - Scanning : specific information - 3 เรื่อง เรื่องละ 20 นาที - guess คำศัพท์ : เอาใจความโดยรวม - ฝึกอ่านเยอะๆ ใน Times, Bangkok Post, The Nation (บางทีข้อสอบก็ดึงพวกนี้มาออก)
3. Writing (60 นาที) แบ่งเป็น Task 1 และ Task 2
3.1 Task-one - 20 นาที - เขียน 150 คำ - มักให้ report ข้อมูล มาในรูปกราฟ ตาราง แล้วให้เขียนอธิบาย - ไม่ต้องเขียนความเห็น
Tips การทำ Writing (Task-one) - วิเคราะห์กราฟ ว่าวัตถุประสงค์คืออะไร ไม่เขียนออกนอก topics - at least 150 words ถ้าเขียนไม่ถึงถูกหักคะแนน - structure clear (formal writing) - ลายมือพออ่านออก - เขียนเว้นบรรทัดเพื่ออ่านง่าย - เช็ค spelling, punctuation, grammar (plural, verb)
3.2 Task Two (คะแนนหลักของส่วน Writing) - 40 นาที - 250 คำ - เขียนความคิดเห็น (discussion essay) - formal writing - อาจซวยเจอเรื่องที่เราไม่มี background Tips การทำ Writing (Task Two) - อย่าลืม อย่างน้อย 250 คำ - วางแผนก่อนเขียน - ใส่ personal experience ลงไป - ระวัง structure / วางแผน paragraph / มี introduction, conclusion - เขียนทั้ง เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย แล้วสรุปว่าน้ำหนักเอนไปทางไหนมากกว่า
4. Speaking (11-14 นาที) - สัมภาษณ์สดกับอาจารย์ เลือกสัญชาติไม่ได้ - คุยกันตัวต่อตัว - 11-14 นาที - การสัมภาษณ์จะถูกอัดไว้ - มีทั้งหมด 3 Parts
4.1 Intro & Interview (4-5 นาที) เพื่อให้เรา relax, จะถามเรื่องใกล้ๆ ตัว เช่น ทำงานอะไร
4.2 Individual long term (3-4 นาที) อาจารย์จะเลือก topic มา 1 เรื่อง ให้กระดาษเพื่อร่างประมาณ 1 นาที จากนั้นให้พูดแบบ non-stop (speech) ถ้าอาจารย์ไม่สั่งให้หยุด ก็อย่าเพิ่งหยุด พูดไปเรื่อยๆ
4.3 Two-way discussion (4-5 นาที) discuss ใน topic ต่อเนื่องจากข้อ 4.2 ให้ใส่เหตุผลและความคิดเห็นลงไป
การให้คะแนน Speaking ประกอบด้วย 4 ส่วน 1. Fluency Coherence : ความคล่อง และความเชื่อมโยง (ไม่พูดตะกุกตะกัก ต่อเป็นธรรมชาติ และต่อเนื่อง) 2. Lexical resource : การใช้ศัพท์ ไม่ใช้ศัพท์ที่ง่ายหรือคำซ้ำมากเกินไป (ควรใช้ศัพท์ advance) 3. Grammatical Range and Accuracy เช่น ถาม past ตอบ past (แต่ข้อนี้ไม่ต้องกังวลมาก) 4. Pronunciation : สามารถพูด thai accent ได้ แต่ต้อง stress คำให้ถูกต้อง เน้นการสื่อสารถูกอารมณ์
Tips การทำ Speaking - อย่ากังวลเรื่อง grammar จนเกินไป - พูดให้ดัง ชัด และดูมั่นใจ - อย่าตอบสั้นเกินไป แม้จะเป็นคำถาม YES/NO - ระวังหมดเรื่องพูด แล้ว dead air ให้คิดเผื่อไว้หลายๆ อย่าง พูดเยอะไม่เป็นไร - อาจารย์จะช่วยยิงคำถามให้พูดต่อ - ไม่เข้าใจคำถาม pardon ได้ - ใช้ joining words เช่น and but so well - ซ้อมหน้ากระจกทุกวัน - ส่วน discussion ให้เตรียมคำตอบทั้งเห็นด้วย / ไม่เห็นด้วย - smile & eye contact - ทานข้าวกลางวันไปด้วย (speaking สอบช่วงบ่าย) - ฝึกพูดภาษา เช่น ลองพูดกับเพื่อนเป็นภาษาอังกฤษตลอดเวลา
Test Report Form (TRF) - ใช้รูปปัจจุบัน เพื่อความน่าเชื่อเถือ - บอกคะแนนแต่ละ section และ overall band score (เฉลี่ย) - ระวังบางมหาลัยระบุคะแนนเฉพาะ เช่น ต้องการ writing ระดับ 6 ขึ้นไป - ใช้เวลาตรวจข้อสอบ 13 วัน (รอบนึงสอบประมาณ 90-100 คน) - TRF เก็บได้ 2 ปี แต่ระวังบางมหาลัยไม่เกิน 1½ ปี (เพราะต้องการทักษะปัจจุบัน)
FAQ (คำถามที่พบบ่อย) 1. สมัครสอบที่ IDP หรือ British Council ได้ข้อสอบเดียวกัน (Speaking ก็จะมาตรฐานเดียวกัน) 2. ค่าสอบ 5,500 บาท 3. ตั้งแต่ พ.ค. 2549 ยกเลิกกฎเว้นช่วงสอบ 90 วัน ปัจจุบันสอบบ่อยแค่ไหนก็ได้ 4. มีสอบเดือนละ 3 ครั้ง 5. ต้องสมัครล่วงหน้า เพราะเต็มยาวเป็นเดือน 6. ลือกันว่าสอบ IDP จะง่ายกว่า : ไม่จริง เพราะ Examiner Standard เท่ากัน 7. IELTS ใช้ยื่นมหาลัยใน อังกฤษ, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ และบางมหาลัยในอเมริกาก็รับ (ต้องเช็คก่อน)
IDP มีคอลัมน์ลงใน นสพ.Bangkok Post ทุกวันอังคารที่สองของเดือน
IDP กรุงเทพ CP TOWER ชั้น 4 โทร. 02-638-1111 # 111-112 //www.idp.com/thailand
English Preparation for IELTS โดย Dominic Bird (IDP English Language Centre)
สถิติของคนไทย ได้คะแนน 6.5 ขึ้นไป : 9% ได้คะแนน 4.5 - 6 : 79% ได้คะแนน 4 ลงมา : 12% ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 5.5
- การจะทำ IELTS ให้ได้คะแนน 6.5 หรือ 7 ไม่ใช่เรื่องง่าย - คะแนนส่วนของ Writing กับ Speaking จะไม่มีเป็น .5
3 ข้อผิดพลาดสำคัญ 1. No organize preparation : นึกว่าผ่านข้อสอบที่มหาลัย แล้วจะผ่าน IELTS 2. Too little preparation : เรียนแค่ไม่กี่อาทิตย์ก่อนสอบ (**ต้องวางแผนอย่างน้อย 1 ปี**) 3. Wrong preparation : นึกว่าทำโจทย์อย่างเดียวก็พอ (ไม่ได้เพราะ IELTS เป็นข้อสอบเชิง communication)
จะทำอย่างไรให้ได้คะแนน - เน้นข้อสอบ 4 Part + Grammar + Vocabulary - เน้นการ Practice กับ people (esp. Speaking) - When your English is a high enough level, you have to learn about IELTS test.
ต้องใช้เวลาเท่าไร 5.5 - 6.0 : 300 ชั่วโมง 6.0 - 6.5 : มากกว่า 300 ชั่วโมง (ประมาณ 7-9 เดือน สำหรับการเรียน) 6.5 - 7.0 : มากกว่า 300 ชั่วโมง
การใช้เวลาเตรียมน้อย / มาก ขึ้นกับ 1. motivation 2. ความเชื่อว่าภาษาอังกฤษมีความสำคัญ 3. ความมั่นใจ (esp. speaking) 4. young people จะเรียนเร็วกว่า
หากทำคะแนน IELTS ได้น้อย 1. delay เรื่องการไปศึกษาต่อ 2. เสียเงิน + เวลา
ดังนั้นเราควรทำอย่างไร 1. Establish my current level 2. Allow enough preparation time *3. Attend classes to prepare 4. Study privately (เวลาอยู่บ้าน เวลาอยู่บนรถไฟฟ้า)
Create Date : 18 มิถุนายน 2549 |
Last Update : 1 กรกฎาคม 2549 20:38:00 น. |
|
9 comments
|
Counter : 5871 Pageviews. |
|
|
|
เซ็งที่สุด ก็เรื่อง TOEFL ระบบ IBT เนี่ยแหละ ทำไมมันยากแบบนี้ฟะ (แล้วทำไมมันต้องมาเปลี่ยนตอนปีที่ตูจะสอบด้วย!)