1 2 3 4 5
6 7 8 9 10 11 12
13 14 15 16 17 18 19
20 21 22 23 24 25 26
27 28 29 30 31
เที่ยวห้อง CUD38 ห้องสาม : ภาคฉลองจบการศึกษา
โดย ต่อ/ฉ่อง CUD38 สาธิตจุฬารุ่น 38 ห้องสาม ไปเที่ยวห้องกันครั้งสุดท้ายกันตั้งแต่ตอนจบ ม.6 (ปี 2546 นู่นนนน) พวกเราทุกคนยังจำทริปนั้นได้ดี เพราะอย่างน้อยทุกคนก็คงจำได้ว่ามีไอ้บ้าคนนึงทำแว่นตกทะเล แถมไปลองใส่คอนแท็คในร้านอยู่เกือบชั่วโมงก็ใส่ไม่ได้ (ได้ข่าวว่านั่นคือกูเอง) หลังจากเที่ยวคราวนั้น พวกเราก็แยกย้ายกันไปใช้ชีวิตในมหาลัยกัน 4 ปีเต็ม บางคนก็รุ่ง บางคนก็ร่วง บางคนก็ได้ F (ใช่มั้ยหวาย?) บางคนก็ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง (กูเอง ฮ่าๆ) เมื่อเรียนจบกันแล้ว ก็อยากไปเที่ยวห้องด้วยกันอีกสักครั้ง ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงาน ไปเรียนต่อ ไปแต่งงาน ไปแสวงบุญ ฯลฯ และแล้วทริป เที่ยวห้องสาม : ภาคฉลองจบการศึกษา ก็บังเกิดขึ้น แต่...เดี๋ยวก่อน!...โลกไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบปานนั้น ปัญหามากมายประเดประดังเข้ามา จนเกือบจะทำให้ทริปหวิดล่มอยู่หลายครั้ง บ้านพักเต็มบ้างล่ะ คนเบี้ยวไม่ไปบ้างล่ะ (จากตอนแรกไปกัน 20 ไปๆมาๆ เหลือ 10) ไปจนถึงเกิดเหตุห่าน้ำท่วม เกือบถูกประกาศเป็นเขตภัยพิบัติซะงั้น (จะได้ตายด้วยกันก็คราวนี้) ถึงขนาดวันก่อนเดินทางก็ยังไม่ชัวร์เลยว่าตกลงมีคนไปกี่คน งานนี้เล่นเอา แป้มดำ (คนจัดทริป) และ ฉ่อง (PR) เครียดจัด จนเกือบจะเป็นฮิสทีเรียตาย (อนึ่ง ฉ่องโทรหาเพื่อนจนหน้าจอมือถือพัง ) และแล้วในที่สุดก็ถึงวันออกเดินทาง...เสาร์ 5 พฤษภาคม 2550 เที่ยวห้องคราวนี้เราไปกันที่ หาดเจ้าสำราญ จ.เพชรบุรี ก่อนจะไปก็ต้องเช็คข่าวกันใหญ่โตว่าที่นั่นโดนน้ำท่วมมั้ย โชคดีว่าไม่โดน แต่ก็ต้องไปลุ้นอยู่ดีว่าจะเจอฝนรึป่าว สถานที่นัดหมายกันก็คือ หน้าโรงเรียนสาธิตจุฬาที่คุ้นเคยนั่นเอง เวลานัดคือ 12.00 ฉ่องกับพีมาเป็นคนแรก ตามด้วยป้อง นั่งคุยกันสามคนอยู่พักใหญ่ ไม่มีใครมาสักที ก็เลยหยิบขนมมานั่งกินกัน กินมันตั้งแต่ยังไม่ออกเดินทางนี่แหละ (เพื่อความประหยัดฉ่องจึงโทรสั่งให้ทุกคนเอาขนมมาจากบ้าน) หลังจากโทรตาม โทรด่า โทรจิก จิ ปุ้ย บุ๊ค หวาน หมิง และแป้มดำ ก็มาถึงจนได้ แต่ก็ยังออกเดินทางไม่ได้อยู่ดี เพราะยังติดปัญหาว่า แอน (คนนี้ดีกรีสูงมาก เป็นถึงผู้เข้ารอบ 12 คนสุดท้ายของมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สที่เพิ่งประกวดไป ถ้าจำไม่ผิด เบอร์ 14) อยากไปเที่ยวด้วย แต่แม่ไม่ค่อยอยากให้ไปเท่าไร ก็โทรถามกันไปมาอยู่หลายรอบ แอนก็บอกว่าขอเวลาเคลียร์กับที่บ้าน เดี๋ยวโทรกลับมาบอก พวกเราทำการปรึกษากัน ก็ลงความเห็นว่าจะลองรอแอนสักชั่วโมงนึง (คนยิ่งเยอะ ตัวหารยิ่งเยอะ 5555) ระหว่างนี้ก็เลยรอกันไปเรื่อยเปื่อย และวิธีการฆ่าเวลาที่ดีที่สุดก็คือ ....การนินทาเพื่อนๆ ที่ไม่มา นั่นเอง ฮ่าๆๆๆ นี่แหละอีพวกที่ไม่ยอมมา มันต้องถูกลงโทษแบบนี้! บรรยากาศการรอ แอน (นั่งรอกันแถวครุอาร์ตเพราะโรงเรียนมันปิด) ในที่สุดคุณนายแอนก็ยุรยาตรมาถึงโรงเรียนจนได้ ก็ได้เวลาออกเดินทางจริงๆ ซะที (นัดเที่ยง ได้ออกกันบ่ายสาม! ) ตอนแรกกลัวว่าคนขับรถตู้จะหนีไปแล้ว แต่ปรากฏพี่เค้าก็ยังรออยู่ และพี่เค้าก็น่ารักมากๆ ด้วย บอกว่า ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร (แต่ใจจริงอาจจะ อีห่า อีเด็กเปรต ) กะว่างานหน้าไปเที่ยวไหนจะใช้บริการเค้าอีก (รถตู้นี้อีหวานเป็นคนจัดการ) ตามจริงแล้ว แอนควรจะถูกเพื่อนรุมด่าประณาม แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะยังมีคนที่น่าด่ากว่านั้น นั่นก็คือ หวาย เนื่องจากมันทำตัวกระแดะเป็นคุณชาย ไม่ยอมมาที่โรงเรียน แต่ให้ไปรับมันที่บ้าน ซึ่งอยู่นครปฐม! หวายบอกว่า มาทางอ้อมน้อยนะ ใกล้นิดเดียว (แถมเมื่อคืนฉ่องบอกให้แป้มถามหวายดูว่าถนนแถวนั้นน้ำมันท่วมมั้ย อีแป้มดันไปบอกหวายว่า ถนนขาด มันสื่อสารกันยังไงวะเนี่ย!?) แต่ก็ไม่มีใครรู้สึกว่ามัน อ้อมน้อย เลย เสียเวลาไปตั้งชั่วโมงนึง (เพื่อไปรับมันคนเดียว) พอหวายขึ้นมาบนรถ ทุกคนก็เลยพร้อมใจกันด่าประมาณว่า อ้อมน้อยบ้านมึงสิ! แล้วก็ลงโทษให้มันไปนั่งกับพี่คนขับข้างหน้า สรุปแล้ว ทริปนี้ก็มีผู้ร่วมเดินทาง 11 คน ดังนี้ : ฉ่อง ป้อง หวาย จิ ปุ้ย บุ๊ค (ผู้ชาย 6 คน) หวาน แป้ม แอน พี หมิง (ผู้หญิง 5 คน) ระหว่างทางขับรถไปยังที่หมาย ฝนก็ตกลงมาตลอดทาง บางคนก็เลยเริ่มเครียดว่าจะต้องไปนั่งดูฝนที่นู่น (อย่างไรก็ดี เชื่อว่าผู้หญิงทุกคนในทริปนี้ยังสามารถปักตะไคร้ได้ ฮ่าๆ) ก็เลยแก้เครียดด้วยการกินขนม (สรุปหมดตั้งแต่ยังไม่ถึงที่พัก) แล้วก็เม้าท์สัพเพเหระไปเรื่อย ช่วงนี้หวายจะไม่ค่อยมีปากเสียงเท่าไร เพราะพูดอะไรขึ้นมาก็จะถูกด่า ประณาม หยามเหยียด และถูกตั้งฉายาใหม่ให้ว่า อีอ้อมน้อย ขับรถไม่นานมาก ประมาณสองชั่วโมง (ยังไม่รวมตอนที่ขับไปรับไอ้หวาย) ก็ถึงที่พัก นามว่า เจ้าสำราญบีชรีสอร์ท (ซึ่งแป้มเป็นคนจัดแจงหามาให้) แป้มกับหวานไปจัดการติดต่อที่พัก ก็ได้ห้องมาครอบครอง 3 ห้อง (ตอนแรกจองไว้ 4 แต่พวกเบี้ยวเยอะ โชคดีว่าเค้ายอมให้คืนห้อง) ห้องก็ดีทีเดียวมีสองเตียงคู่ มีแอร์ มีทีวี มีน้ำอุ่น (ที่ตอนแรกไอ้หวายแม่งบ้านนอกเปิดไม่เป็น การเรียนวิศวะมา 4 ปีไม่ช่วยอะไรมันเลย) ถึงที่พักแล้ว ทยอยกันลงจากรถตู้ นี่แหละห้องของพวกเรา (วันแรกถูกขนาบด้วยสองห้องที่พาหมามาเป็นพรวน นึกว่าจะเสียงดัง แต่ก็ไม่แฮะ) ภายในห้อง และสามสาว แอน พี หมิง ระหว่างที่เก็บของกันอยู่ หวานก็เดินมาถามพวกเราว่า เย็นนี้จะออกกันไปไหนอีกหรือเปล่า ถ้าไม่ก็จะได้ให้พี่คนขับรถเค้ากลับไปเลย (เค้าไปแชร์ห้องพักกับเพื่อนเค้าที่ขับรถมาแถวนี้เหมือนกัน) เราก็บอกว่าคงไม่ไปไหนแล้วให้พี่เค้ากลับไปเถอะ แต่สักพักเราก็ฉุกคิดได้ว่า ตังค์ค่ารถก็จ่ายให้เค้าไปหมดแล้ว ถ้าเกิดเค้าชิ่งหนีไปไม่กลับมา แล้วจะกลับกรุงเทพกันยังไงหว่า (ฮา) แต่ก็เห็นว่าพี่แกก็ดูเป็นคนดี ไม่น่าทำงั้นหรอกมั้ง เหอะๆๆ เมื่อมาถึงทะเลแล้ว สิ่งแรกที่ควรจะทำก็คือ ไปเดินกินลมชมวิวริมทะเลเสียหน่อย หลังจากเลือกห้อง เก็บข้าวของกันแล้ว 11 ชีวิตก็พากันไปเดินเฉิดฉายที่ชายหาด ระหว่างที่ทุกคนเพลิดเพลินอยู่กับการถ่ายรูป ฉ่องกับหวายก็แยกกันเดินออกไปอีกทาง เพื่อรำลึกความหลัง และจุดชวนถ่านไฟเก่าอีกครั้ง แต่แล้วก็มีคนโทรมาตามว่าให้กลับไป เพราะเค้าจะกินข้าวเย็นกันแล้ว (นี่ก็คือ ข้อดีอย่างนึงของมือถือ ถ้าเป็นสมัยก่อนคงต้องวิ่งตามกัน) มื้อเย็นวันนี้พวกเราฝากความหวังไว้กับร้าน ครัวคุณย่า ซึ่งก็เป็นร้านอาหารในรีสอร์ทนั่นแล ก็สั่งไปมากมายหลายอย่าง (และก็เหมือนเคย แม้จะมาทะเล อีแป้มก็ยืนกรานว่าต้องสั่งไข่เขียวมาให้มันด้วย) มื้อนี้เสียที่ว่าอาหารมันมาทีละอย่าง ลงโต๊ะมา ไม่ถึง 2 นาทีก็เกลี้ยงแล้ว ก็เลยกินกันไม่ค่อยจุใจเท่าไร หวาย (อีอ้อมน้อย ฉายาเก่า ผู้ต้องมนต์ดำ เพราะแฟนมันดำ) และบุ๊ค (ฉายา แฮร์รี่ เนื่องจากขนดกดำอันเซ็กซี่) จิ ฉ่อง ป้อง สามคนนี้เป็น สายแข็ง เวลากินข้าวไม่ค่อยมีใครอยากนั่งใกล้ๆ จบจากมื้อเย็น ทุกคนก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำ กลางคืนก็มารวมกันที่ห้องกลาง ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นศูนย์บัญชาการ เพราะความเจริญทุกอย่างถูกรวมอยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นขนม และอุปกรณ์บันเทิงทั้งหลาย (และก็จะกลายเป็นห้องที่ซวยที่สุด เพราะมันจะเละที่สุด) ต้องอธิบายหน่อยว่าทริปพวกเราเป็นทริปไฮเทคโนโลยีกันมาก มีทั้งเกมบอย, เพลย์สเตชั่น 2 ไปจนถึงโน้ตบุ๊ค (นี่ตกลงพวกมึงมาเที่ยวทะเล หรือมาสัมมนากันแน่) แต่อนิจจาทีวีในห้องพักไม่สามารถต่อเครื่องเพลย์สองได้ คืนนี้จึงต้องเล่นเกมในโน้ตบุ๊คไปก่อน ตอนฉ่องเดินเข้าไปในห้องก็เห็นกลุ่มนึงกำลังเล่นเกม Mario Cart (เกมขับรถ) อย่างเมามันส์ ส่วนอีกกลุ่มก็คงกำลังเล่าเรื่องผี หรือเม้าท์อะไรสักอย่าง จากนั้นพวกเราก็เริ่มกิจกรรมหมู่อย่างเป็นทางการ เอ่อ อย่าเพิ่งคิดไปไกล หมายถึงเล่นไพ่นะจ้ะ ก็มีทั้งอีแก่ สลาฟ ไพ่ตอแหล อะไรประมาณนี้แล (ส่วนพวกที่เล่นเกมก็ยังแหกปากเสียงดังต่อไป) จำได้ว่าทีวีวันนั้น รายการ จับเข่าคุย มีระเบียบรัตน์มาออก ระหว่างเล่นไพ่ไป ก็ดูยัยป้านี่ไปด้วย ก็ฮาดี โดยเฉพาะประโยคที่ว่า เค้าชอบพูดกันว่า เห็นหน้าดิฉันแล้วหมดอารมณ์ทางเพศ (ซึ่งแน่นอน พวกเราทั้ง 11 คนล้วนเห็นด้วย ฮ่าๆๆ) แล้วตอนดึกๆ ช่อง 5 ก็มีรายการเพลงอะไรสักอย่างของ RS พวกเราได้ดูเอ็มวีเพลง ขัดใจ ของ Kamikaze และ MSN ของเฟย์ฟางแก้ว ก็ได้แต่ อึ้ง อึ้ง อึ้ง และก็อึ้ง เพราะไม่อยากจะเชื่อเลยว่า RS ยังคงทำเพลงเห่ยๆ เหมือนสมัยตอนที่เราเรียนอยู่มัธยมเด๊ะๆ ว่าแล้วเราก็ร่วมกันไว้อาลัยให้กับวงการเพลงไทยเป็นเวลา 3 นาที (อนึ่ง ในคืนนั้นพวกเราได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าเหตุใดเอ็มวีเพลงไทยสมัยนี้จึงต้องมี ซับไตเติ้ล ให้ และการถือสัญชาติไทยนั้น ก็ไม่ได้แปลว่าคุณจะฟังเพลงไทยรู้เรื่อง) เวลาล่วงเลยมาเกือบตีสอง ทุกคนก็แยกย้ายไปนอน แต่ตัวฉ่องยังไม่ค่อยง่วง ก็เลยออกไปดูทางฝั่งห้องไอ้หวาย เผื่อมันจะเม้าท์กันต่อ แต่แนบหูฟังแล้ว ก็ได้ยินแต่เพียงเสียงของความเงียบ (ถ้าคนผ่านมาเห็น เค้าคงนึกว่าไอ้นี่โรคจิต) ฉ่องจึงต้องจำใจกลับไปนอน แต่ก็มิอาจนอนหลับได้ง่ายๆ เนื่องจาก....ไอ้บุ๊คมันกรนอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม 2550 เช้าวันที่สอง ยังไม่แปดโมงดี ปุ้ยก็ตื่นขึ้นมาเป็นคนแรก ตามด้วยไอ้จิ และแน่นอนสิ่งแรกที่ไอ้จิทำก็คือ...เล่มเกม เสียงเกม ติ๊ดๆ ตื๊ดๆ ก็ทำให้ฉ่องกับบุ๊คตื่นจนได้ จากนั้นพวกเรา 4 คนก็เดินไปกินอาหารเช้า เนื่องจากแป้มดำโฆษณาไว้เสียดิบดีว่าที่นี่เค้ามี บริการ breakfast ฟรี ในสมองพวกก็คิดไปถึง ไข่ดาว ไส้กรอก ขนมปังปิ้ง แต่สิ่งที่เราเดินไปเจอก็คือ ข้าวต้มวิญญาณหมู อยากจะวิ่งไปลากคออีแป้มมาถามเหลือเกินว่า แถวบ้านแกเค้าเรียกไอ้นี่ว่า breakfast เรอะ !? แต่เนื่องจากมันยังไม่ตื่น ก็เลยต้องทนกินข้ามต้มนักโทษนี่ไปก่อน (มีแต่ข้าวกับน้ำชืดๆ ส่วนหมูไปหมดแล้ว) จากนั้น 3 สาว พี แอน หมิง ก็เดินมาสมทบ (และแน่นอนว่าต้องบ่นๆ เรื่อง breakfast สุดไฮโซนี่เช่นกัน ฮ่าๆ) พวกเราก็คิดว่าควรจะเดินไปซื้อเสบียงมาเพิ่มเติมแล้ว (ขนมที่เอามาจากบ้านหมดไปแล้วเรียบร้อย) ว่าแล้ว ชาย 4 หญิง 3 ก็เดินขบวนกันไป 7-11 ซึ่งก็อยู่ไกลจากที่พักไม่มากเท่าไร พอไปถึงใกล้ๆ เซเว่น ก็พบว่ามันมีมินิมาร์ทสองอันเปิดตรงข้ามกัน อันนึงคือ 7-11 ส่วนอีกอันคือ ประโลมมาร์ท แต่พวกเราก็ตัดสินใจกันเดินเข้าเซเว่นกันหมดเลย (ถ้าเกิดอีกอันมันชื่อว่า เล้าโลมมาร์ท อาจจะเปลี่ยนใจ) นี่คือประโลมมาร์ท หลังจากช็อปถล่มแหลกในเซเว่นกันแล้ว พอดีเห็นไก่ย่างห้าดาวตั้งอยู่ข้างหน้าพอดี ก็เลยซื้อไปฝากเป็นข้าวเช้าให้อี 4 ตัวที่ยังไม่ตื่น (หวาย ป้อง หวาน แป้ม) เสียหน่อย ตอนขากลับไอ้จิก็แวะร้านเครื่องไฟฟ้า เพื่อซื้ออุปกรณ์ต่อเพลย์สองกับทีวีที่ห้องให้ได้ (มันช่างมีความพยายามจริงๆ) กลับมาถึงที่พัก ไอ้ 4 ตัวนั้นก็ยังคงไม่ตื่นต่อไป จนพาลสงสัยว่าเมื่อคืนมันทำอะไรกันหว่า?? (แต่ป้องกับหวายคงไม่สิ้นคิดขนาดนั้น) แล้วไปส่องดูหน้าต่างห้องมัน ก็มีไอน้ำเต็มไปหมดเลย แสดงว่าข้างในต้องเปิดแอร์หนาวมากๆ เพราะงั้นพวกมันก็อาจจะแข็งตายห่าไปแล้วก็ได้ แต่ก็ไม่มีใครสนใจ ทุกคนก็เดินไปนั่งกินไก่ย่างที่โต๊ะม้าหินริมชายหาด (อ้าว ไหนว่าซื้อมาฝากเพื่อน!) พร้อมด้วยขนมที่เพิ่งซื้อมาเมื่อกี้ (แล้วมันจะอยู่ถึงคืนนี้มั้ยเนี่ย) สักพักไอ้ 4 ตัวนั้น ก็ทยอยตื่นขึ้นมาทีละคนสองคน ได้มากินเศษๆ ไก่ที่เพื่อนๆ เหลือไว้ให้ และในที่สุดไอ้จิก็สามารถต่อเพลย์สองจนได้ ว่าแล้วการเล่มเกมจึงเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ บรรยากาศของ ห้องกลาง / คนที่นั่งอยู่คือ ไอ้จิ ส่วนที่อยู่บนตักมันคือ จอยตีกลอง (มันก็บ้าจี้แบกมาด้วย) รู้สึกว่าเกมที่เล่นกันแรกๆ จะเป็นเกม Worm แต่เนื่องจากฉ่องเล่นไม่เป็น ก็เลยเอาเกมบอยของอีแป้มมานั่งเล่น Mario Cart กับ Mario ภาคตะลุยด่าน เล่นไปก็เป็นการรำลึกความหลังสมัยเด็กๆ ไปด้วย (แต่รู้สึกว่าฝีมือตัวเองจะห่วยลงเยอะ ที่เค้าบอกว่ายิ่งเรียนยิ่งโง่นี่สงสัยจะจริงแฮะ) หลังจากเล่มเกมกันไปได้พักนึง จิ ปุ้ย ฉ่อง บุ๊ค และแป้ม ก็ออกไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน ซึ่งก็ดันไปได้ร้านที่ไม่ค่อยอร่อยเท่าไร (คิดดูข้าวผัดปูมันยังห่วยเลย) แถมไอ้จิแม่งสั่ง ทะเลกระเทียม ก็เสือกได้ กระเพราทะเล มาแทน (ฮา) กินเสร็จ อีแป้มก็เกิดเฮี้ยนอยาก ตกหมึก ขึ้นมา (ย้ำว่าตกหมึกนะ ไม่ใช่ตกเบ็ด) แต่ไม่รู้ว่าแถวนี้เค้ามีให้ตกมั้ย มันก็เลยเนียน เดินไปซื้อหมึกย่าง แล้วก็ถามนู่นถามนี่จากคนขาย (แม่งทำยังกับหนังนักสืบ) สรุปว่าแถวนี้ไม่มีหมึกให้ตก กินข้าวแล้วก็กลับมาเล่นเกมต่อ คราวนี้เปลี่ยนไปเล่นเกม Soul Caliber อะไรประมาณนี้แหละ ที่มันเป็นเกมต่อสู้ ฟันดาบๆๆ กันอ่ะ เกมนี้มันฮาที่ว่าสามารถทำให้คู่ต่อสู้ ตกเวที ตายได้ แต่ก็มีฉ่องคนเดียวเท่านั้นที่แสดงอัจฉริยภาพ เดินตกเวทีไปเองเฉยเลย (ฮา) จากนั้นก็เปลี่ยนไปเล่นเกมที่อีแป้มมันพรีเซนต์ว่าดีนักดีหนา ซึ่งเกมนี้เราจะต้องบังคับลูกกลมๆ อะไรไม่รู้ แล้วก็ให้มันกลิ้งทับข้าวของ ตึกรามบ้านช่องในเมืองให้มากที่สุด ...นี่มันเกมห่าอะไรวะเนี่ย ปลูกฝังแนวคิดทำลายล้างให้เด็กนี่หว่า ชิบหายมากๆ สรุปว่าทั้งวันก็เอาแต่เล่มเกม ไม่ได้ออกไปไหนไกลๆกันเลย (เสียค่ารถไปฟรีๆ หนึ่งวัน) แต่ก็อย่างว่า แถวนี้มันไม่มีอะไรให้เที่ยวเลย มีแต่เขื่อนกับวัด ซึ่งฉ่องก็ยืนยันว่าไม่อยากไปวัด เพราะกลัวร้อน อ้อ เกือบลืมไป ระหว่างที่เล่นเกม หวาย กับ ป้อง ก็หายตัวไปอย่างลึกลับเป็นเวลานานมาก จนพาลทำให้เราสงสัยว่าพวกมันไปทำอะไรกัน (หรือจะมาสว่างจิต รู้รสนิยมตัวเองกันตอนนี้ ไม่น่าเชื่อเลยว่าหนัง Brokeback Mountain จะมีอิทธิพลขนาดนี้) แต่ปริศนาก็ไขกระจ่างจากรูปที่มันถ่ายกันมา นี่คือสิ่งที่มันไปทำกันมา... เห็นมั้ยครับว่า การศึกษาไม่ได้ช่วยอะไรเลย เวลาล่วงเลยมาเกือบๆ ห้าโมงเย็น พวกเราก็เคลื่อนขบวนไปลงทะเลกัน (มาทะเลทั้งที ไม่เล่นน้ำทะเลก็กะไรอยู่นะ) ก็ลงกันหมดเลย ยกเว้น แอน พี หมิง เนื่องจากฉ่องกลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เดี๋ยวแว่นตกทะเลอีก ก็เลยรีบวิ่งเอาแว่นไปฝากแอน (โปรดสังเกตมีการเจาะจงคนฝาก อิอิ) ทะเลวันนี้สะใจดี เพราะคลื่นแรงมาก ก็ลงไปลอยตุ๊บป่องๆ ให้คลื่นซัดเล่น แต่พอพยายามจะไปหาคลื่น คลื่นมันก็หนีไปอีกที่นึงซะงั้น เล่นไปซักพักฝนก็ตกปรอยๆ ลงมา (หลังจากวันนี้ทั้งวันไม่ตกลงมาเลย) ก็เลยทยอยกันขึ้น กลัวจะเจอแมงกะพรุน ตอนเล่นน้ำทะเลไม่ได้ถ่ายรูปไว้ เอารูปวิวทะเลไปดูแทนแล้วกัน บริเวณรีสอร์ท ต้นไม้มากมาย แถมก็มีชิงช้าให้นั่งด้วย ร้านอาหารในรีสอร์ท มุมนี้วิวสวยมาก อันนี้เป็นมุมจากม้าหิน ที่อยู่แถวๆ ห้องพักของเรา ทะเล ท้องฟ้า หาดทราย หลังจากทยอยกันอาบน้ำ ก็ได้เวลาข้าวเย็น (ทำไมทริปนี้มีแต่กินๆๆ) วันนี้พวกเราลองเปลี่ยนร้านดู ก็เดินมั่วๆ กันไปเรื่อย ไปจนถึงท้ายตลาด ก็ไปได้ร้านอะไรก็ไม่รู้ (จำได้ว่าร้านนี้ที่มีแมวชอบมาวนๆ เวียนๆ ใต้โต๊ะ) ไปถึงก็สั่งแหลก แต่ก็คิดเมนูกันไม่ค่อยจะออกเท่าไร บางอันก็ลอกๆ จากของเมื่อวานมา และแน่นอน...ต้องมีไข่เจียวให้ไอ้แป้ม (เฮ้อ) ถ่ายรูปกันหน่อยก่อนที่อาหารจะมา (โปรดสังเกตสีเสื้อสุดเร้าใจของฉ่อง) อาหารมาแล้ว ไม่มีใครสนใจใครทั้งนั้น เพื่อนก็เพื่อนเถอะ กิน กิน กิน สำหรับอาหารมื้อนี้ก็โอเคเลยทีเดียว แต่ก็ซ้ำรอยกับเมื่อวานคือ อาหารมันมาทีละอย่าง ลงปุ๊บ หมดปั๊บ นอกจากนั้นฉ่องก็ยังงี่เง่าโอดครวญอยากกิน ปูเผา แต่ปรากฏว่ามันแกะปูไม่เป็น! (นี่คือคนที่จบเศรษฐศาสตร์ เกียรตินิยมอันดับหนึ่งครับท่าน) ฉ่องก็แก้ตัวว่า ก็ปกติ แม่แกะให้นี่หว่า หลังจากผ่านไปอีกหนึ่งมื้อ พวกเราก็แวะเข้าไปถล่มเซเว่นอีกรอบ ตอนแรกฉ่องจะชวนเพื่อนๆ กินเหล้ากัน แต่ก็คิดว่าซื้อไปก็คงไม่คุ้ม เพราะทริปนี้ผู้หญิงเยอะ คงไม่ค่อยกินกันมั้ง...แต่แล้วฉ่องก็นึกเรื่องสำคัญขึ้นมาได้อย่างหนึ่งว่า 4 ปีผ่านไป เราไม่รู้หรอกว่าแต่ละคนเปลี่ยนไปขนาดไหน และแล้วมันก็เริ่มขึ้น เมื่อแอนถามขึ้นมาว่า ฉ่อง ทริปนี้จะ NO L จริงๆเหรอ? (NO L = ปลอดแอลกอฮอล / ขอย้ำอีกที นี่คือคำพูดจากผู้เข้ารอบ 12 คนสุดท้ายมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส) หลังจากนั้นชาวห้องสามจึงเลือกเหล้าเบียร์กันอย่างสนุกสนาน จนทำเอาชาวบ้านแถวนั้นมองด้วยสายตาเซ็งๆ ประมาณว่า เมื่อไรพวกมึงจะออกไปซะทีเนี่ย! ภาพห้องสามเดินขบวนกลับ หลังถล่มเซเว่นจนราบไปแล้ว (อนึ่ง ตอนออกมาจากเซเว่นใหม่ๆ หวายมากระซิบข้างหูฉ่องว่า ไปซื้อมาอีกขวดดิ๊ โธ่ พี่หวายของเรา ชอบของดำ แล้วยังชอบของมึนเมาอีกนะ) ตอนขากลับก็มีเรื่องน่าตื่นเต้นเล็กน้อย เพราะไปเจอผู้ชายกลุ่มนึงกำลังเมาได้ที่ตรงชายหาด หวาย ฉ่อง ป้อง ก็เลยรีบไปเดินรอบนอก กันพวกแอนไว้ แต่ที่ฮาคือ ไม่มีใครสนใจไปกันแป้มกับหวานเลย ฮ่าๆๆ (เห็นหน้าสองคนนี้ชัดๆ พวกนั้นคงหายเมา) คืนที่สองนี้พวกเราเปลี่ยนห้องรวมมาที่ห้องริมขวาบ้าง เพราะถ้าเกิดเอาเหล้าเป็นกินในห้องตรงกลางอีก มันคงจะเน่าจนเกินทน จากนั้นก็ยังมีเรื่องน่าตื่นเต้นเกิดขึ้นต่ออีก เพราะอยู่ดีๆ ก็มีตะขาบตัวเบ้งโผล่ที่ห้องน้ำของพวกแอน พี่ป้องก็เลยไปช่วยจัดการให้ (ว้าย แมนมากๆ แต่เอ๊ะ ได้ข่าวว่าตะขาบมันหนีลงท่อไปเองนะ) ส่วนที่ห้องรวมก็ดันมีแมลงสาบโผล่ขึ้นมา ไอ้หวายก็ใช้เวลาอยู่เกือบ 10 นาทีกว่าจะเอาไปมันออกไปได้ (ส่วนฉ่องร้องกรี๊ด กระโดดหนีขึ้นเตียง เนื่องจากกลัวแมลงสาบยิ่งกว่ากลัวอกหัก) ทั้งนี้อีหวายเป็นคนเดียวที่บ่นตั้งแต่คืนแรกว่า ได้กลิ่นแมลงสาบ จนต้องขอย้ายเตียงไปมา ทำเอาคนอื่นเค้าวุ่นวายไปหมด สรุปแล้วอีนี่นอกจากจะบ้านไกลแล้ว ก็ยังเรื่องมากด้วย เนื่องจากคืนนั้นมันมีบอล (ใครแข่งกัน จำไม่ได้แล้ว) จิ กับ ปุ้ย ก็เลยขอดูบอล ไม่มาร่วมวงเหล้าด้วย ส่วนพีก็ไม่มาเพราะต้องเตรียมพรีเซนต์งาน พวกเราก็ดื่มเบียร์ไป กินขนมไป ดูบอลไป เม้าท์นู่นนี่ไปเรื่อย พอตอนบอลพักครึ่ง ก็ออกไปนั่งชิงช้าเล่นกันข้างนอก ตรงแถวนั้นมีไม้กระดก ป้องก็พยายามชวนฉ่องเล่น แต่ฉ่องไม่กล้า กลัวทำของเค้าพัง (อย่างไรก็ดี เช้าวันรุ่งขึ้นก็ได้ลองเล่นกันสมใจอยาก และค้นพบว่าพวกเราลืมไปแล้วว่าไม้กระดกนี่มันเล่นยังไง) ตอนที่ไกวๆ ชิงช้ากันเล่น ก็มีตะขาบโผล่มาอีกแล้ว สงสัยว่าจะเป็นตัวเดิม ซึ่งคิดได้ 2 อย่าง คือ 1.มันอาฆาตไอ้ป้อง หรือ 2.มันติดใจแอน แหะๆ ตรงชิงช้านี้ พวกเราก็เล่มเกมที่ชื่อว่า คิดอะไรออก ก็บอกมาเลย (มีด้วยเหรอวะ) ประมาณว่า ถ้าใครพูดอะไรขึ้นมา ก็ให้คนถัดมาไปพูดอะไรก็ได้ (คน สัตว์ สิ่งของ) ที่นึกขึ้นได้ทันที โดยที่จะมี หรือไม่มีสหสัมพันธ์กันก็ได้ อย่างเช่น ทาทายัง > นมใหญ่ > ศัลยกรรม > เปมิกา > ม้านิลมังกร > วรรณคดี > ภาษาไทย > อาจารย์ลิลลี่ > กะเทย > ม้า อรนภา > สลิมอัพเซ็นเตอร์ >
ไอ้เกมนี้มันจะสนุกตรงที่การพยายามโยงเรื่องไปด่าเพื่อนสักคน อย่างเช่น กรุงเทพ > ขับรถ > ทางไกล > บ้านนอก > อ้อมน้อย > ไอ้เหี้ยหวาย > ของดำ ทีวี > ข่าว > สรยุทธ์ > ช่องสาม > กาละแมร์ > ดำ > ไอ้เหี้ยหวาย (หมายเหตุ : ปัจจุบันหวายตาสว่าง เลิก ชอบของดำอย่างเป็นทางการแล้ว) แต่ตอนเล่นที่ฮามากก็คือ ไอ้บุ๊คนี่ถือเป็นจุดอ่อนของเกมนี้จริงๆ เพราะเวลาพูดเป็นชื่อดารา นักร้อง มันจะต่อไม่ได้ทันที ต้องใช้เวลาคิดนานมาก (บุ๊คไม่ค่อยดูหนัง ดูละคร ดูแต่หนังโป๊) แต่เล่นไปได้สักพักก็ต้องถอยทัพกลับห้อง เพราะยุงเยอะมากกกกกกกกก แม่งกัดจนพรุนเลย บรรยากาศกิจกรรมกลางคืน หลังจากหวายทำให้บุ๊คตกเป็นของตัวเองได้ หวายก็โทรไปอวดกับเพื่อนๆ (เอ๊ะ แต่ทำไมบุ๊คทำหน้ายิ้มดีใจ) ป้อง กับ หวาน (หนังสือที่หวานอ่านอยู่คือ BIOSCOPE หนังสือที่ดีที่สุดในโลก เพราะกูเขียนด้วย ฮ่าๆ) อีหวาน ขณะนั่งคำนวณเงินอย่างหน้าดำคร่ำเครียด (หวานเป็นเหรัญญิกจำเป็นของทริปนี้) หลังจากดูบอลจบ ส่วนเหล้าก็หมดแล้ว พวกเราก็เลยตั้งวงไพ่กัน โดยแยกเป็นสองวง หวาย ฉ่อง แป้ม หวาน เล่นสลาฟกัน ส่วนอีกวง ป้อง บุ๊ค แอน เล่มดัมมี่ (แอนเล่นดัมมี่เป็น แถมเซียนซะด้วย -ฮา) ส่วนหมิงกลับห้องไปนอนตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ด้านวงไพ่สลาฟก็เกิดความคิดสนุกเอาเกม พระราชา ใส่เข้าไปด้วย (คนชนะสามารถสั่งอะไรคนแพ้ก็ได้) แน่นอนว่าสั่งแต่ละอย่างก็ต้องไม่ธรรมดา เริ่มจากหวายถูกสั่งให้ไปขอความรักไอ้ป้อง ถัดมาฉ่องก็ถูกสั่งให้ไปขอแอนแต่งงาน แต่มันก็จับมือขอแอนอย่างโดยดี (ทั้งที่เพื่อนๆ ไม่ได้บอกเลยว่าต้องจับมือ แถมมันรีเควสขอให้มีจูบมือด้วย แต่ไม่มีใครอนุมัติ) ส่วนหวายถูกสั่งให้ไป เกา ไอ้บุ๊ค (เนื่องจากบุ๊คมันชอบเกานู่นเกานี่ตัวเองตลอดเวลา คาดว่ามาจากขนดกๆ ของมันพันกัน) ส่วนอีหวานตอนแรกถูกสั่งให้ไป เป่าหู แอน (ตรงนี้ฉ่องแอบเคืองว่าทำไมตอนกูไม่ยอมสั่งแบบนี้) แต่อันหลังฮากว่า เพราะมันถูกสั่งว่าให้ร้องคาราโอเกะตามเพลงแรกที่ขึ้นมาในทีวี แล้วมันก็เสือกเจอเพลง หวง ของ ปาน ธนพร (ฮ่าๆๆๆๆ) ไอ้ที่มันร้องว่า ฉันหวง ฉันมาทวงผัวฉันคืน นั่นแหละ แต่สรุปอีหวานก็ทำไม่สำเร็จ เพราะมันไม่อินกับ feel ของการทวงผัว ก็เพราะมันไม่เคยมีผัว นั่นเอง เล่นอะไรบ้าๆบอๆ กันไปถึงเกือบตีสาม ก็ได้เวลานอนแล้ว บุ๊ค กับ ฉ่อง ก็กลับไปที่ห้องตัวเอง พบว่า จิ กับ ปุ้ย หลับไปแล้ว (แต่คืนนี้ปุ้ยสลับเอาไอ้จิไปนอนด้านขวาที่ติดกำแพง เพราะไอ้จิมันนอนดิ้นข้างขวา เมื่อคืนก่อนถีบไอ้ปุ้ยไปหลายที คราวนี้ก็ให้มันถีบกำแพงจนสมใจอยาก) ฉ่องเข้าไปแปรงฟัน แล้วก็จัดแจงปิดไฟ และแน่นอน คืนนี้ไอ้บุ๊คก็ยังกรน...เหมือนเคยจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม 2550 เช้าวันใหม่แล้ว แต่ปุ้ยกับจิก็ยังตื่นก่อนเหมือนเดิม เมื่อฉ่องตื่นขึ้นก็ถามปุ้ยว่าวันนี้มีอะไรกิน (ยังคงหวังถึง Breakfast ที่ไอ้แป้มโฆษณาไว้) แต่คำตอบที่ได้รับก็คือยังคงเป็นข้าวต้มนักโทษเช่นเดียวกับเมื่อวาน ว่าแล้วฉ่องกับบุ๊คจึงเดินต๊อกๆ ไปกินด้วยกัน แต่วันนี้ดีกว่าเหมือนวาน คือมันมีหมูเป็นๆ หลงเหลืออยู่บ้าง คิดว่าเป็นเพราะวันนี้แขกที่พักในรีสอร์ทน้อยลงแล้ว กลับมาที่ห้อง พวกแอนก็นั่งดูการ์ตูนคินดะอิจิ ส่วนปุ้ยก็นั่งดูลอร์ดภาคสอง ส่วนไอ้ 4 ตัวชุดเดิมก็ยังไม่ตื่นตามเคย (ไม่มีการพัฒนาเลย) ว่าแล้วฉ่องก็เลยเข้าไปเดินๆ ในห้องให้พวกมันเกิดความสำนึกที่จะลืมตาขึ้นมาสักหน่อย ก็พบว่าอีหวานตื่นแล้ว ส่วนไอ้แป้มไม่ค่อยสบาย ตื่นมาไม่มีเสียง เจ็บคออย่างรุนแรง เดาว่าเกิดจากการกินไข่เจียวมากไป (ฮา) แป้มในสภาพทรุดโทรม (ในมือถือปากกา เพราะมันไม่มีเสียง ต้องใช้เขียนเอา โถ...) หลังจากตื่นกันหมดทุกคนก็ทยอยกันอาบน้ำ และเก็บของเตรียมกลับบ้าน (ไอ้เสื้อเปียกทะเลนี่เหม็นจริงๆ) พวกเรานัดรถเอาไว้ตอนเที่ยง ตอนนี้ก็ยังว่างๆ อยู่ แล้วมันก็ต้องนั่งรถนานด้วย ก็กินข้าวกลางวันไปเลยดีกว่า คราวนี้ขี้เกียจไปไกลแล้ว ก็เลยกลับมาตายรังที่ ครัวคุณย่า อีกครั้ง มื้อนี้สั่งแบบจานเดียว เพื่อความประหยัด แป้มยังคงอยู่ในสภาพศพต่อไป (ข้อสังเกต - ไอ้ปุ้ยต้องนั่งหัวโต๊ะทุกมื้อเลย แสดงว่าแม่งมีแววเป็นใหญ่เป็นโต) พี่ฉ่องเป็นคนจดเมนูให้เพื่อนๆ (ข้อสังเกต - ฉ่องใส่เสื้อสีจัดจ้านตลอดทริปนี้) ระหว่างที่รอกับข้าวมา ฉ่องก็เพิ่งสังเกตเห็นว่า พวกเราทั้ง 11 คน ล้วนแต่สายตาสั้นกันทุกคนเลย แต่บางคนก็ใส่แว่น บางคนก็ใส่คอนแท็ค (ส่วนฉ่องพยายามจะใส่คอนแท็คที่หัวหิน แต่ใส่ไม่ได้ 555) แล้วอยู่ดีๆ ก็มี พาเหรดวัว ยิ่งใหญ่อลังการมาเดินชายหาดให้เราดูด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่าเค้าต้อนวัวพวกนี้ไปไหน วัว วัว วัว และ วัว (หมาที่วิ่งๆ อยู่คือ หมาต้อนวัว) พอกินข้าวเสร็จ เวลายังเหลือ ก็เลยเดินไปเซเว่นกันเป็นครั้งสุดท้าย (งานนี้เซเว่นคงได้เงินจากเด็กสาธิตจุฬาไปเยอะ) แล้วก็เริ่มมีคนสังเกตเห็นว่าฉ่องซื้อน้ำส้ม ทร็อปปิคาน่า กินอีกแล้ว (ทริปนี้มันล่อไปเกือบ 8 ขวด) พอมีคนถาม ฉ่องก็ตอบว่า แหม ก็แพนเค้กไง ก็ได้แต่งงกันว่า ฉ่องหมายถึงว่ากินแล้วจะได้แฟนสวยๆ เหมือนแพนเค้ก หรือฉ่องอยากสวยแบบแพนเค้กกันแน่ (ฮา) ตอนเดินกลับไปที่ห้อง ปุ้ยก็โทรมาบอกว่ารถตู้มาแล้ว (สรุปว่าเมื่อกี้ตอนเดินไปเซเว่น พวกเราเผลอทิ้งปุ้ยไว้ที่ห้อง ฮ่าๆๆ) ต่างคนก็ไปยกกระเป๋าตัวเองออกมา เช็คความเรียบร้อยว่าไม่ลืมอะไรทิ้งไว้ และก็ไม่วายที่จะถ่ายรูปกันจนหยดสุดท้าย (ปล่อยให้พี่รถตู้รออีกแล้ว แหะๆ) บรรยากาศก่อนกลับ บุ๊คถูกสาวๆ ใช้ให้ถือน้ำ + แบกกระเป๋า พี่จิ พี่ป้อง มาดนักธุรกิจกันทั้งคู่ (ได้ข่าวว่าไอ้จิเล่มเกม ส่วนไอ้ป้องอ่านสตาร์ซ็อคเกอร์) หวาย ปุ้ย ฉ่อง หกหนุ่มบอยแบนด์ มาแรงแห่งยุค นามว่า ดองนานกิมจิ (แข่งกับวง ดองบังชินกิ) ตอนเดินมาขึ้นรถ พวกเราเพิ่งมาเห็นป้ายนี้ แต่สิ่งที่ไอ้จิเอามาก็ล้วนเป็น อุปกรณ์ไฟฟ้า ทั้งสิ้น (ฮา) จากนั้นพวกเราก็ออกเดินทางกลับกรุงเทพ คราวนี้คงจะไปถึงเร็วหน่อย เพราะไปทางพระรามสอง ขึ้นทางด่วนแป๊บเดียวก็ถึงแถวสามย่านแล้ว (ไม่มีใครยอมผ่านอ้อมน้อยแล้ว ฮ่าๆ) ขับไปได้แป๊บนึงก็แวะร้านของฝาก ซึ่งคราวนี้ไม่ยักกะใช่พวกร้าน แม่กิมล้ง กิมไล้ กิมลั้ง แล้วแฮะ แต่เป็นร้านชื่ออะไรจำไม่ได้ ดูหรูๆ หน่อย แต่บุ๊คก็จะไซโคเพื่อนๆ ให้รีบซื้อเร็วๆ เพราะว่ามันต้องรีบไปขึ้นรถที่กรุงเทพ ไปสระบุรี (ตอนนี้บุ๊คทำงานอยู่ที่สระบุรี แหม คงได้กับกะหรี่ เอ๊ย! ได้กินกะหรี่ปั๊บจนอิ่มเลยสินะ) บนรถตอน ขากลับ พอขึ้นรถมา พี่คนขับก็ถามว่าจะดูหนังมั้ย ที่ฮาก็คือหนังของพี่แกมีทั้ง Hannibal Rising และ เมล์นรกหมวยยกล้อ (ได้ข่าวว่าตอนนั้นมันยังอยู่ในโรงอยู่เลยนะ) ตอนแรกก็ดูเรื่อง Mr.Bean Holiday กัน แต่มันเป็นพากย์ไทย ไม่เวิร์ค ก็เลยเปลี่ยนไปดู เมล์นรก ซึ่งก็ฮามาก เพราะมันเป็นหนังซูม แบบที่ว่าไปถ่ายมาจากโรงหนังเลย มีทั้งหัวคนข้างหน้า คนเดินผ่านไปมา แล้วก็เสียงหัวเราะแบบสดๆ จากคนในโรง แล้วยังมีกล้องไหวๆๆ ยังกะหนังเรื่อง Blair Witch Project อีกต่างหาก (คนถ่ายแม่งมือสั่น) สรุปแล้วหนังไม่ฮา ฮาไอ้คนถ่ายนี่แหละ พอมาถึงแถวพระรามสอง พี ก็ลงจากรถไปก่อน ส่วนตอนที่รถแวะเติมน้ำมันใกล้ๆ โรงเรียน ปุ้ย จิ บุ๊ค ก็แยกไป สุดท้ายรถตู้ก็มาจอดที่หน้าโรงเรียนสาธิตจุฬาอีกครั้ง หลังจากร่ำลากับพี่คนขับแล้ว แม่แป้มก็มารับแป้มไป ตอนนี้ฝนก็กำลังตกหนักพอดี พวกเราก็เลยเข้าไปหลบในคณะครุฯก่อน พอฝนเริ่มซาๆ แม่หวานก็ขับรถมารับ ส่วน ป้อง แอน หมิง ก็นั่งแท็กซี่ไปสยามด้วยกัน หวายก็ไปต่อกับเพื่อนมหาลัยที่อยู่แถวนั้นพอดี ส่วนฉ่องก็นั่งรถใต้ดินกลับบ้าน และแล้วเที่ยวห้องสามครั้งนี้ (ซึ่งคงเป็นครั้งสุดท้าย) ก็จบลงอย่างสมบูรณ์ พวกเราต่างแยกย้ายกันไป กลับเข้าสู่ชีวิตและทางเดินของแต่ละคนอีกครั้ง โดยไม่รู้ว่า เมื่อไรที่พวกเราจะได้เจอกันอีกครั้ง แต่พวกเรามั่นใจ...ว่าเราจะต้องได้พบกันอีกครั้ง Note: จากฉ่องถึงเพื่อนห้องสาม ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่ไปทริปครั้งนี้ ส่วนคนที่ไม่ไป กูก็เข้าใจ เพราะแต่ละคนก็มีเรื่องของตัวเอง ไม่พูดอะไรมากนะ แค่จะบอกว่า กูรักพวกมึงทุกคน ยิ่งจบมหาลัยมา ก็ยิ่งเข้าใจความรู้สึกนี้ มอบเพลงนี้ให้กับทุกคนนะ ชื่อเพลง Graduation (Friends Forever) ของ Vitamin C น่าจะเคยฟังกัน เพลงนี้ดังมากตอนพวกเราอยู่ ม.3 ลองอ่านเนื้อเพลงดู ซึ้งมากๆVitamin C : Graduation (Friends Forever) And so we talked all night about the rest of our lives Where we're gonna be when we turn 25 I keep thinking times will never change Keep on thinking things will always be the same But when we leave this year we won't be coming back No more hanging out cause we're on a different track And if you got something that you need to say You better say it right now cause you don't have another day Cause we're moving on and we can't slow down These memories are playing like a film without sound And I keep thinking of that night in June I didn't know much of love But it came too soon And there was me and you And then we got real blue Stay at home talking on the telephone We'd get so excited, we'd get so scared Laughing at ourselves thinking life's not fair And this is how it feels [1] - As we go on We remember All the times we Had together And as our lives change Come Whatever We will still be Friends Forever So if we get the big jobs And we make the big money When we look back now Will our jokes still be funny? Will we still remember everything we learned in school? Still be trying to break every single rule Will little brainy Bobby be the stockbroker man? Will Heather find a job that won't interfere with her tan? I keep, I keep thinking that it's not goodbye Keep on thinking it's a time to fly And this is how it feels [Repeat 1] La, la, la, la: Yeah, yeah, yeah La, la, la, la: We will still be friends forever Will we think about tomorrow like we think about now? Can we survive it out there? Can we make it somehow? I guess I thought that this would never end And suddenly it's like we're women and men Will the past be a shadow that will follow us 'round? Will these memories fade when I leave this town I keep, I keep thinking that it's not goodbye Keep on thinking it's a time to fly [Repeat 1 (3x)]C U D 3 8 :: R O O M 3
Create Date : 28 พฤษภาคม 2550
Last Update : 29 พฤษภาคม 2550 6:18:07 น.
45 comments
Counter : 4400 Pageviews.
โดย: แอน IP: 203.146.11.103 วันที่: 29 พฤษภาคม 2550 เวลา:9:45:23 น.
โดย: หวาย ณ อ้อมน้อย IP: 58.9.96.75 วันที่: 29 พฤษภาคม 2550 เวลา:10:21:08 น.
โดย: ป้อง IP: 124.120.108.199 วันที่: 29 พฤษภาคม 2550 เวลา:12:28:31 น.
โดย: แป้ม IP: 124.120.26.218 วันที่: 29 พฤษภาคม 2550 เวลา:13:01:37 น.
โดย: แพรวน้อยผู้น่าสงสาร IP: 58.8.185.19 วันที่: 29 พฤษภาคม 2550 เวลา:15:57:28 น.
โดย: ครูเห็ดเองงงงง IP: 124.120.49.182 วันที่: 29 พฤษภาคม 2550 เวลา:19:34:18 น.
โดย: แพรวอีกครั้ง IP: 161.200.255.162 วันที่: 29 พฤษภาคม 2550 เวลา:23:50:36 น.
โดย: Phenny Penne IP: 124.120.128.115 วันที่: 30 พฤษภาคม 2550 เวลา:0:28:25 น.
โดย: oat IP: 66.223.225.110 วันที่: 30 พฤษภาคม 2550 เวลา:0:33:22 น.
โดย: นิม IP: 125.25.195.7 วันที่: 30 พฤษภาคม 2550 เวลา:7:14:59 น.
โดย: แป้ม IP: 124.120.26.135 วันที่: 30 พฤษภาคม 2550 เวลา:10:45:09 น.
โดย: Joke IP: 58.64.108.31 วันที่: 30 พฤษภาคม 2550 เวลา:16:49:26 น.
โดย: ยาหยี IP: 124.120.184.233 วันที่: 30 พฤษภาคม 2550 เวลา:17:44:59 น.
โดย: Rabbitboy IP: 124.121.55.223 วันที่: 31 พฤษภาคม 2550 เวลา:0:23:39 น.
โดย: หมิง IP: 58.64.77.45 วันที่: 31 พฤษภาคม 2550 เวลา:0:32:48 น.
โดย: ืnanoguy IP: 125.24.78.47 วันที่: 31 พฤษภาคม 2550 เวลา:1:04:37 น.
โดย: ฉ่อง IP: 203.209.91.253 วันที่: 31 พฤษภาคม 2550 เวลา:2:26:52 น.
โดย: นุช (ห้อง4) IP: 124.121.149.15 วันที่: 31 พฤษภาคม 2550 เวลา:17:01:09 น.
โดย: หวาน IP: 58.8.59.62 วันที่: 31 พฤษภาคม 2550 เวลา:19:08:35 น.
โดย: nanoguy วันที่: 31 พฤษภาคม 2550 เวลา:20:26:59 น.
โดย: เป้ ณ ดินแดนอันไกลโพ้น IP: 210.213.26.82 วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:8:25:50 น.
โดย: visuallyyours IP: 58.8.103.218 วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:9:11:19 น.
โดย: thunn IP: 58.8.186.99 วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:11:38:47 น.
โดย: ขวัญ IP: 202.28.181.10 วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:16:00:11 น.
โดย: Book IP: 58.9.160.32 วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:21:55:37 น.
โดย: บุ๊ค (devil_za101 ) วันที่: 2 มิถุนายน 2550 เวลา:11:40:10 น.
โดย: zoxmok IP: 124.183.41.128 วันที่: 2 มิถุนายน 2550 เวลา:13:30:53 น.
โดย: เมฆชรา วันที่: 4 มิถุนายน 2550 เวลา:11:25:57 น.
โดย: ฮง IP: 210.203.183.146 วันที่: 4 มิถุนายน 2550 เวลา:20:33:44 น.
โดย: OTTO IP: 202.134.119.218 วันที่: 6 มิถุนายน 2550 เวลา:9:36:01 น.
โดย: Phenny Penne IP: 124.120.128.74 วันที่: 6 มิถุนายน 2550 เวลา:23:00:31 น.
โดย: เป้ ณ ดินแดนอันไกลโพ้น IP: 210.213.26.82 วันที่: 8 มิถุนายน 2550 เวลา:15:16:04 น.
โดย: เป้ ณ ดินแดนอันไกลโพ้น IP: 210.213.26.82 วันที่: 8 มิถุนายน 2550 เวลา:15:17:37 น.
โดย: ป้อง IP: 124.120.102.218 วันที่: 9 มิถุนายน 2550 เวลา:23:51:38 น.
โดย: ครูเห็ด IP: 58.9.40.213 วันที่: 10 มิถุนายน 2550 เวลา:16:09:36 น.
โดย: Phenny Penne IP: 124.120.130.58 วันที่: 11 มิถุนายน 2550 เวลา:15:55:35 น.
โดย: จุนจัง IP: 222.123.192.48 วันที่: 11 ธันวาคม 2550 เวลา:14:13:24 น.
โดย: boonkit2535 IP: 58.8.20.122 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:4:27:08 น.
โดย: หนิน 38 IP: 113.53.36.93 วันที่: 26 มิถุนายน 2556 เวลา:19:08:23 น.
ส่วนอันนี้คือรูปงานครั้งก่อนๆ นะ
เลี้ยงห้องสาม ครั้งที่ 1 (2547)
เลี้ยงห้องสาม ครั้งที่ 3 (2549)
แล้วก็พวกห้องสาม ถ้าเข้ามาดู ก็ช่วยเมนท์ด้วยนะเฟร้ย!