|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
วิกฤตเศรษฐกิจไทย พ.ศ. 2540
วิกฤตเศรษฐกิจไทย พ.ศ. 2540 โดย merveillesxx
หมายเหตุ: เขียนขึ้นเมื่อ ก.ย. 2547 เพื่อทำส่งวิชา ศ.330 เศรษฐศาสตร์การเงินและการธนาคาร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
วิกฤตเศรษฐกิจ แบ่งเป็นสามประเภท ได้แก่ วิกฤตค่าเงิน วิกฤตธนาคาร และวิกฤตหนี้ระหว่างประเทศ
วิกฤตการณ์ค่าเงิน (Currency Crisis) เป็นวิกฤตการณ์ที่ประเทศถูกโจมตีค่าเงินจากนักเก็งกำไรค่าเงินทำให้ประเทศที่ใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ต้องลดค่าเงินลง เป็นเหตุให้ธนาคารกลางต้องพยายามตรึงค่าเงินและต้องเสียทุนสำรองระหว่างประเทศ และต้องใช้นโยบายปรับอัตราดอกเบี้ยในประเทศให้อยู่ในระดับสูง เพื่อป้องกันเงินทุนไหลออกและป้องกันการถูกโจมตีค่าเงิน เช่น วิกฤตที่เกิดขึ้นในประเทศไทยปี 2540
วิกฤตการณ์ธนาคาร (ฺBanking Crisis) เป็นวิกฤตการณ์ที่ธนาคารพาณิชย์ประสบปัญหาสภาพคล่องอย่างรุนแรง หรือไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ ทำให้รัฐบาลต้องเข้ามาแทรกแซงให้ความช่วยเหลือ หรือเข้าไปยึดกิจการมาดำเนินการเอง
วิกฤตหนี้ระหว่างประเทศ (International debt Crisis) เป็นวิกฤตการณ์ที่ประเทศไม่สามารถชำระหนี้คืนได้ ไม่ว่าเป็นหนี้ภาครัฐหรือเอกชน
เศรษฐกิจไทยปี 2535-2538 1. เศรษฐกิจขยายตัวสูง ทั้งด้านอุตสาหกรรม คมนาคมขนส่ง ก่อสร้าง และการเงิน-การธนาคาร 2. ช่วงนั้นรัฐบาลมีเป้าหมายจะพัฒนาประเทศเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ (Nics) (แต่ในที่สุดไม่สามารถทำได้เพราะวิกฤตปี 2540) 3. มีการเปิดเสรีทางการเงินระหว่างประเทศ (IBF: International Banking Facilities)
เศรษฐกิจไทยปี 2539 ปี 2539 เศรษฐกิจเริ่มชะลอตัว เนื่องจากการแข่งขันในตลาดโลก
เศรษฐกิจไทยปี 2540 ปี 2540 เกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านการเงินการคลัง
สาเหตุของวิกฤตเศรษฐกิจ ปี 2540 1. เกิดจากปัจจัยทางเศรษฐศาสตร์ คือระบบกลไกเศรษฐกิจ และการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่ผิดพลาด 2. เกิดจากปัจจัยที่ไม่ใช่ทางเศรษฐศาสตร์
วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดจากปัจจัยด้านเศรษฐศาสตร์ 1. การหดตัวของการส่งออกและดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลในระดับสูง ซึ่งในปี 2539 การส่งออกของประเทศไทยขยายตัวไม่ถึง 1% เมื่อเทียบกับปี 2537 และปี 2538 ซึ่งขยายตัว 23 % และ 21% ตามลำดับ การส่งออกที่ไม่ขยายตัวในปี 2539 ทำให้มีผลกระทบต่ออุปสงค์มวลรวม ส่งผลกระทบทางด้านจิตวิทยา และความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ ในเรื่องปัญหาสภาพคล่องของทุนสำรองระหว่างประเทศและค่าเงิน เพราะประเทศไทยขาดดุลบัญชีเดินสะพัดมาตลอดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 และมีขนาดของการขาดดุลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้นำไปสู่การโจมตีค่าเงินและเกิดวิกฤตสถาบันการเงินในที่สุด
2. การลงทุนเกินควร ซึ่งเป็นรากฐานของฟองสบู่ ซึ่งปัจจัยที่ทำให้มีการลงทุนมากเกินไปได้แก่ การเปิดเสรีทางการเงิน ทำให้ธุรกิจและสถาบันการเงิน สามารถกู้ยืมเงินจากต่างประเทศได้ ทำให้มีการขยายการลงทุนมากเกินไป อีกประการหนึ่ง เกิดจากการที่ราคาอสังหาริมทรัพย์ และ ตราสารทางการเงินต่าง ๆ มีราคาสูงขึ้นก่อให้เกิดอุปสงค์เพื่อเก็งกำไร และทำให้มีการลงทุนเพื่อผลิตสินค้าสนองตอบอุปสงค์เพื่อเก็งกำไร
3. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตกต่ำ ในช่วงปี 2530-2539 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงานสนามกอล์ฟ สวนเกษตร เติบโตอย่างมาก ในปี 2540 เกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจ เป็นผลมาจากการที่รัฐบาลอนุญาตให้มีธุรกรรมวิเทศธนกิจ (Bangkok Intrnational Banking Facilities : BIBF) ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยในตลาดโลกต่ำกว่าในประเทศมาก จึงทำให้ผู้ประกอบการหันไประดมทุนจากต่างประเทศพร้อมกับระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ โหมการลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศ และจากการที่ราคาอสังหาริมทรัพย์และที่ดินเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จึงก่อให้เกิดอุปสงค์เพื่อเก็งกำไร และดึงดูดให้ผู้ประกอบการสมัครเล่นหันมาทำธุรกิจประเภทนี้อย่างกว้างขวาง ซึ่งกล่าวได้ว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นภาคที่เกิดภาวะฟองสบู่
4. ดำเนินนโยบายเศรษฐกิจมหภาคที่ไม่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปี 2540 อีกสาเหตุหนึ่งคือ การผิดพลาดในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจมหภาคในส่วนที่รับผิดชอบโดยธนาคารแห่งประเทศไทย คือ การใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนคงที่และปล่อยให้เงินทุนเคลื่อนย้ายเสรี โดยขาดการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพ ผลดีของระบบอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ คือ ช่วยให้มีการควบคุมเสถียรภาพด้านราคา แต่มีผลเสียต่อดุลบัญชีเดินสะพัด กล่าวคือ การกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ ในขณะที่ระดับเงินเฟ้อในประเทศปรับตัวสูงขึ้น เท่ากับว่ารัฐบาลช่วยให้ราคาสินค้านำเข้าได้เปรียบในการแข่งขันกับสินค้าในประเทศ ทำให้ประสิทธิภาพของนโยบายการเงินในการควบคุมปริมาณเงินด้อยลง กล่าวคือ ตั้งแต่ประเทศไทยเปิด BIBF ในปี 2536 มีเงินทุนไหลเข้ามาในประเทศจำนวนมาก ทำให้ปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจเพิ่มสูงขึ้น ธนาคารแห่งประเทศไทย พยายามดูดซับปริมาณเงินที่มากเกินไป โดยการขายพันธบัตรการดำเนินนโยบายเช่นนี้ทำให้อัตราดอกเบี้ยภายในประเทศที่สูงอยู่แล้ว ไม่ลดลง ซึ่งเป็นปัจจัยให้มีการนำเงินทุนเข้ามามากยิ่งขึ้น ก่อให้เกิดขบวนการเศรษฐกิจฟองสบู่ในที่สุด
5. ค่าเงินบาท ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องนำเงินทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ 24,000 ล้านดอลลาร์ มาใช้เพื่อปกป้องเงินบาท (ทุนสำรองที่นำมาใช้ปกป้องค่าเงินบาทปี 2540 เท่ากับ 2/3 ของทุนสำรองที่ประเทศมีอยู่) และรัฐบาลต้องขอกู้เงินจาก IMF จำนวน 17,200 ล้านดอลลาร์เพื่อชดเชยทุนสำรองฯ วิกฤตนี้ยังเผยแพร่ไปยังประเทศอื่นในเอเชียตะวันออกด้วย จนได้รับชื่อว่า ต้มยำกุ้งดีซีส
วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดจากปัจจัยที่ไม่ใช่เศรษฐศาสตร์ 1. พฤติกรรมของธนาคารพาณิชย์และบริษัทเงินทุน 1.1 การจัดหาแหล่งเงินทุนและการบริหารสินเชื่อที่ไม่มีประสิทธิภาพ นับตั้งแต่รัฐบาลอนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์และบริษัทเงินทุนทำธุรกรรม BIBF (วิเทศธนกิจ) แต่แทนที่สถาบันการเงินจะระดมเงินทุนจากเงินฝากภายในประเทศ กลับนิยมกู้เงินจากต่างประเทศมาปล่อยกู้ในประเทศ เพราะอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในต่างประเทศอยูในระดับต่ำและต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก รวมทั้งไม่ต้องกังวลเรื่องความเสี่ยงจากการผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนพฤติกรรมของสถาบันการเงินดังกล่าวทำให้สัดส่วนหนี้ต่อทุนอยู่ในระดับสูง ทำให้เกิดความเสี่ยงในการบริหารสภาพคล่อง และเกิดความเสี่ยงในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ประกอบกับสถาบันการเงิน ปล่อยสินเชื่อกระจุกตัวอยู่ในตลาดที่มีสภาพฟองสบู่ในระดับสูง คือ ตลาดอสังหาริมทรัพย์และตลาดหุ้น ดังนั้น เมื่อเกิดวิกฤตในตลาดอสังหาริมทรัพย์และตลาดหุ้น จึงมีผลกระทบต่อสภาพคล่องของสถาบันการเงิน รวมทั้งนำไปสู่การสะสมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของสถาบันการเงินในที่สุด 1.2 พฤติกรรมของผู้บริหารสถาบันการเงินที่มีการบริหารงานในลักษณะที่คอร์รัปชั่น โดยการช่วยเหลือญาติพี่น้องหรือนักการเมืองด้วยการให้สินเชื่อในกลุ่ม ผู้บริหาร ญาติ ธุรกิจในเครือมากเกินไป หรือให้สินเชื่อในโครงการที่มีผลตอบแทนต่ำ การตกแต่งบัญชี หรือการสร้างลูกหนี้ปลอม
2. พฤติกรรมการระดมทุนของธุรกิจ เกิดขึ้นเนื่องจากมีความผิดพลาดในการระดมทุน คือมีการกู้มาก จากทั้งในและนอกประเทศ ทำให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุนสูง ทำให้ธุรกิจมีความเสี่ยงสูง นอกจากนี้ธุรกิจยังได้นำเงินกู้มาลงทุนในโครงการที่ให้ผลตอบแทนระยะยาว ธุรกิจบางธุรกิจ เช่น อสังหาริมทรัพย์กู้เงินจากต่างประเทศมาลงทุนในโครงการที่ให้ผลตอบแทนเป็นสกุลภายในประเทศ โดยไม่มีการประกันความเสี่ยงจากการผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน เพราะเชื่อมั่นว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะยึดมั่นกับระบบอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ สภาพการณ์ดังกล่าวทำให้บริษัทอยู่ในสภาพความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะเมื่อการส่งออกหดตัว ความเชื่อมั่นของนักลงทุนและเจ้าหนี้ต่างประเทศลดลง จึงทำให้ธุรกิจล้มละลายนำไปสู่ภาวะฟองสบู่แตกในที่สุด
3. ธนาคารแห่งประเทศไทยบกพร่องในการกำกับและตรวจสอบสถาบันการเงิน การเปิดเสรีทางการเงินโดยให้สถาบันการเงินสามารถกู้เงินจากต่างประเทศได้ง่าย ดังนั้นธนาคารแห่งประเทศไทยต้องมีระบบการตรวจสอบสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
4. ประชาชนขาดศรัทธาในรัฐบาล
ผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ผลกระทบโดยรวม 1. เศรษฐกิจประเทศแย่มาก - คนว่างงานเพิ่ม (ปี 2541 มี 1.13 ล้านคน) - รายได้ต่อหัวลดลง 2. การพัฒนาประเทศช้ากว่าที่เคยคาดไว้ 3. สวัสดิการทางสังคมน้อยลง
ผลกระทบในด้านต่างๆ 1. ด้านเศรษฐกิจ บริษัทต่างๆไม่ว่าจะเป็นขนาดใหญ่ ขนาดกลาง หรือขนาดเล็ก ได้รับผลกระทบโดยถ้วนหน้า จากสาเหตุอำนาจซื้อที่ลดลงของประชาชน และด้วยสาเหตุนี้เองที่ส่งผลลูกโซ่ต่อการผลิตและการซื้อที่ลดลงอย่างต่อเนื่องอัตโนมัติ แม้ว่าวิกฤตครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจในภาพรวม แต่ผลเสียหายที่ส่งผลต่อการพัฒนาประเทศมากที่สุดคือผลกระทบกับธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก ซึ่งเป็นภาคการผลิตที่เป็นแก่นและหัวใจหลักของขบวนการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจให้มีการเจริญเติบโตจากภายใน อันจะส่งผลต่อเนื่องสู่การเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน
นอกจากปัญหาการล้มละลายหรือการปิดกิจการของภาคธุรกิจทุกขนาดแล้ว ปัญหาหนึ่งที่เห็นได้ชัดมากจาก วิกฤตเศรษฐกิจปี พ.ศ.2540 คือ ปัญหาการว่างงานทั้งจากสาเหตุการถูกปลดออกจากการเป็นพนักงานบริษัท และปัญหาการไม่มีตลาดแรงงานรองรับนักเรียนนักศึกษาจบใหม่ อย่างไรก็ตามในช่วงภาวะวิกฤตเศรษฐกิจยังมีธุรกิจบางประเภทที่ได้รับผลดี หรือได้รับผลกระทบน้อยมากจากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ เช่น ธุรกิจการเงินขนาดเล็ก
เมื่อพิจารณาในระดับมหภาคจะพบว่าวิกฤต 2540 ได้ส่งผลต่อภาวการณ์คลังของประเทศ คือ การเก็บภาษีอาการได้น้อยลง ซึ่งได้ส่งผลต่อเนื่องสู่การใช้จ่ายภาครัฐเพื่อกระตุ้นให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้น้อยลงตามไปด้วย
2. ด้านสังคม ในด้านสังคม เป็นที่ทราบกันดีกว่าหลังจากเกิดปัญหาวิกฤต 2540 คนไทยโดยเฉพาะระดับกลางและระดับล่างมีคุณภาพชีวิตที่ลดลงเป็นอย่างมาก เกิดภาวะข้าวยากหมากแพง จำนวนคนจนมีสูงขึ้น ความไม่เท่าเทียมกันของการกระจายรายได้มีมากขึ้น ตลอดจนปัญหาด้านการศึกษาและปัญหาด้านสาธารณสุขก็ได้มีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
3. ด้านการเกษตร - ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจน้อย แต่จะได้ผลกระทบจากภาวะธรรมชาติ และราคาพืชผลมากกว่า - ได้เปรียบเพราะเงินบาทอ่อนตัว ราคาผลผลิตเกษตรไทยเลยดูถูกลง ทำให้ส่งออกได้มากขึ้น - ชนบทที่ไปทำงานนอกภาคเกษตร กลับมาทำเกษตรมากขึ้น - แต่การพัฒนาเกษตรยังมีปัญหาด้านงบประมาณ ราคาปุ๋ยจากต่างประเทศสูงขึ้น ปรากฏการณ์เอลนิโญ และปัญหาสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรม
4. เหมืองแร่ - การผลิตแร่เชื้อเพลิง เช่น ก๊าซธรรมชาติ ขยายตัว - การผลิตยิปซั่ม หินปูน ลิกไนต์ ที่ใช้ในการก่อสร้างลดลงอย่างมาก
5. ด้านอุตสาหกรรม - วัตถุดิบและดอกเบี้ยจากต่างประทศราคาแพง (ค่าเงินบาทลด) - ทั้งอุตสาหกรรมภายในและส่งออกชะลอตัวหมด โดยเฉพาะด้านยานยนต์ และอุปกรณ์ขนส่ง หมวดยาสูบ (เกิดจากเพิ่มภาษีสรรพสามิต) - ด้านสิ่งทอขยายตัวน้อย เพราะอยู่ในช่วงปรับการผลิตมาเป็นเครื่องจักรที่มีราคาสูง - ค่าแรงแพงกว่าประเทศคู่แข่ง คือ จีน อินโดเนเซีย เวียดนาม
6. การก่อสร้าง - ลดลงอย่างมาก 7. การค้า - ลดลงอย่างมาก 8. ด้านบริการ - การท่องเที่ยวนำรายได้เข้าประเทศไทยจำนวนมาก
แนวทางของรัฐบาลในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปี 2541 1. รัฐเพิ่มงบประมาณขาดดุล 2. เร่งอุปสงค์ โดยเพิ่มสินเชื่อมากขึ้น 3. เปิดและจูงใจให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น เช่น - ให้สัญชาติไทยแก่ผู้เข้ามาลงทุน - ปรับกฎหมายถือที่ดินของคนต่างด้าว - ออก พรบ.ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว - ผ่อนปรนด้านภาษี 4. เร่งอุปทานโดยเพิ่มการผลิต โดยเฉพาะด้านเกษตร อุสาหกรรมขนาดเล็ก-ขนาดกลาง (SMEs) และการท่องเที่ยว 5. สร้างงาน ด้านบริการและก่อสร้างสาธารณูปโภคของรัฐ 6. เพิ่มการส่งออก และลดการนำเข้า 7. แก้ไขสภาพคล่องของสถาบันการเงิน 8. มีการจัดตั้งบริษัท TAMC (บริษัทบริหารสินทรัพย์แห่งชาติ) เพื่อแก้ปัญหา NPL ปี 2541 ดุลการค้าไทยเริ่มเกินดุล เพราะการชะลอตัวด้านการสั่งเข้าสินค้าทุนและสินค้าอุปโภคบริโภคแบบฟุ่มเฟือย
แนวทางของรัฐบาลในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปี 2542 1. แก้ไขระบบการเงิน แก้ปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เช่น ประมูลขายสินทรัพย์ของลูกหนี้ธนาคาร 2. ใช้มาตรการการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจ 3. เน้นความสำคัญของภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 4. ปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมให้เป็นแบบครบวงจร 5. เพิ่มบทบาทของเอกชนมากขึ้น 6. แก้ไขปัญหาว่างงาน
สถานการณ์ปัจจุบัน - รัฐบาลภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ดร. ทักษิณ ชินวัตร ดำเนินการบริหารประเทศด้วยระบบ บูรณาการ, พัฒนาเศรษฐกิจไทยแบบยั่งยืน และ แปลงทรัพย์สินเป็นทุน - ภายหลังอุบัติการณ์เดือนกันยายน 2544 ฝ่ายทุกขทรรศน์ (Pessimists) ที่มองเห็นความยืดเยื้อของภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ ก่อนเดือนกันยายน 2544 วงวิชาการเศรษฐศาสตร์ถกเถียงกันว่า ระบบเศรษฐกิจอเมริกันเผชิญกับภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจแล้วหรือยัง แต่เมื่อ World Trade Center ถูกถล่ม นักเศรษฐศาสตร์พากันมีสมานฉันท์ในการให้คำทำนายในทิศทางเดียวกันว่า ระบบเศรษฐกิจอเมริกันและระบบเศรษฐกิจโลก (รวมถึงประเทศไทย) มิอาจหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจได้อย่างแน่นอน วิวาทะประเด็นเดียวที่มีอยู่ก็คือ ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นครั้งนี้ยืดเยื้อยาวนานเพียงใด - กลุ่มสุขทรรศน์ (Optimists) เชื่อว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะเป็นไปอย่างรวดเร็ว อย่างช้าที่สุดในช่วงปลายปี 2545 ระบบเศรษฐกิจอเมริกันจะสามารถฟื้นตัวได้ ทั้งนี้เนื่องจากรัฐบาลอเมริกันดำเนินนโยบายเศรษฐกิจมหภาคแบบขยายตัว (Expansionary Macroeconomic Policy) ทั้งนโยบายการคลัง (ด้วยการอัดฉีดรายจ่ายรัฐบาลและการลดภาษีอากร) และนโยบายการเงิน (ด้วยการลดอัตราดอกเบี้ย) กล่าวโดยสรุปก็คือ การฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจอเมริกันจะเป็นไปดุจอักษร V และช่วยฉุดระบบเศรษฐกิจโลกให้พ้นจากภาวะถดถอยด้วย - 25 สิงหาคม 2547 คณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทยขึ้นอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ14วันหรืออาร์/พี นับว่าเป็นวันประวัติศาสตร์อีกวันหนึ่งสำหรับเศรษฐกิจของประเทศไทยเพราะเป็นการส่งสัญญาณออกมาว่าหลังจากเกิดวิกฤตการณ์เศรษฐกิจเมื่อปี พ.ศ. 2540 ที่เรียกกันว่า ต้มยำกุ้งดีซีส รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยได้ใช้นโยบายดอกเบี้ยต่ำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจมานาน บัดนี้ประเทศไทยเริ่มจะเข้าสู่ยุค ดอกเบี้ยขาขึ้น แล้ว
เอกสารอ้างอิง 1. เอกสารประกอบการเรียนวิชาสังคมศึกษา เรื่องเศรษฐกิจไทยปี 2535-2542 โดย กิตติวุฒิ เจริญศิริวัฒน์ 2. //www.mis.nu.ac.th/nec/index.php 3. //www.nesdb.go.th/news/yearend/YearEnd46/data/data03_1.doc 4. //www.thaisnews.com/report_detail.php?reportid=2115 5. //se-ed.net/thaiarticles/2001_11_22.html 6. //yalor.riy.ac.th/~pwasana/data/crisis.html
Create Date : 29 ธันวาคม 2547 |
Last Update : 29 ธันวาคม 2547 23:08:16 น. |
|
40 comments
|
Counter : 13279 Pageviews. |
|
|
|
โดย: กิ๊ก (+KikKle+ ) วันที่: 2 2548 เวลา:11:04:35 น. |
|
|
|
โดย: wor เองจ้า IP: 210.246.163.130 วันที่: 4 มกราคม 2548 เวลา:10:17:48 น. |
|
|
|
โดย: รi IP: 124.120.150.242 วันที่: 3 มกราคม 2550 เวลา:23:04:56 น. |
|
|
|
โดย: Ngoher singhadang'57 IP: 203.153.170.19 วันที่: 22 สิงหาคม 2550 เวลา:13:26:18 น. |
|
|
|
โดย: kratai IP: 202.28.35.1 วันที่: 24 กันยายน 2550 เวลา:9:19:11 น. |
|
|
|
โดย: ssr IP: 222.123.61.62 วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:2:10:08 น. |
|
|
|
โดย: น้ำฝน IP: 203.154.67.148 วันที่: 12 ธันวาคม 2550 เวลา:8:57:34 น. |
|
|
|
โดย: thank you IP: 61.19.144.194 วันที่: 18 ธันวาคม 2550 เวลา:13:54:09 น. |
|
|
|
โดย: ขอบคุณค่ะ IP: 124.121.67.97 วันที่: 7 มกราคม 2551 เวลา:19:17:05 น. |
|
|
|
โดย: brillient IP: 118.172.21.105 วันที่: 11 มกราคม 2551 เวลา:2:54:01 น. |
|
|
|
โดย: P.A บ้านเด็จ IP: 58.9.185.52 วันที่: 2 มีนาคม 2551 เวลา:18:07:51 น. |
|
|
|
โดย: อั้ม IP: 125.26.85.103 วันที่: 14 มิถุนายน 2551 เวลา:20:40:18 น. |
|
|
|
โดย: โม IP: 222.123.213.229 วันที่: 17 มิถุนายน 2551 เวลา:12:23:49 น. |
|
|
|
โดย: orange IP: 125.27.30.17 วันที่: 23 มิถุนายน 2551 เวลา:9:30:29 น. |
|
|
|
โดย: tek IP: 202.91.19.204 วันที่: 1 สิงหาคม 2551 เวลา:17:27:29 น. |
|
|
|
โดย: jam IP: 222.123.32.108 วันที่: 10 สิงหาคม 2551 เวลา:18:54:21 น. |
|
|
|
โดย: พีพี IP: 125.26.88.65 วันที่: 24 สิงหาคม 2551 เวลา:14:01:48 น. |
|
|
|
โดย: bb IP: 203.158.207.31 วันที่: 25 สิงหาคม 2551 เวลา:11:18:58 น. |
|
|
|
โดย: maylody IP: 58.137.173.163 วันที่: 16 กันยายน 2551 เวลา:16:40:54 น. |
|
|
|
โดย: lll IP: 118.172.139.17 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2551 เวลา:6:35:43 น. |
|
|
|
โดย: a IP: 125.25.95.235 วันที่: 7 มกราคม 2552 เวลา:17:47:12 น. |
|
|
|
โดย: ty IP: 118.173.94.216 วันที่: 16 เมษายน 2552 เวลา:16:45:38 น. |
|
|
|
โดย: ns IP: 125.27.30.144 วันที่: 24 มิถุนายน 2552 เวลา:21:01:36 น. |
|
|
|
โดย: nanagi IP: 61.7.170.47 วันที่: 19 กันยายน 2552 เวลา:22:49:56 น. |
|
|
|
โดย: แมวมอง IP: 115.67.9.33 วันที่: 6 ธันวาคม 2552 เวลา:21:33:07 น. |
|
|
|
โดย: อ้อแอ้ IP: 192.168.100.45, 58.147.122.221 วันที่: 24 ธันวาคม 2552 เวลา:0:59:55 น. |
|
|
|
โดย: ทานตะวัน IP: 222.123.221.171 วันที่: 27 เมษายน 2553 เวลา:14:47:19 น. |
|
|
|
โดย: แจน IP: 112.142.173.246 วันที่: 31 กรกฎาคม 2553 เวลา:2:16:01 น. |
|
|
|
โดย: เตยหอม IP: 125.27.229.174 วันที่: 25 พฤษภาคม 2554 เวลา:19:42:07 น. |
|
|
|
โดย: เก่ง IP: 110.169.196.233 วันที่: 19 มิถุนายน 2554 เวลา:18:38:34 น. |
|
|
|
โดย: เบียร์ IP: 49.228.34.212 วันที่: 11 กรกฎาคม 2554 เวลา:22:27:42 น. |
|
|
|
โดย: กวางเจา IP: 223.205.82.113 วันที่: 31 กรกฎาคม 2554 เวลา:21:05:13 น. |
|
|
|
โดย: ชายผู้มากับฝน IP: 27.130.129.172 วันที่: 21 กันยายน 2554 เวลา:5:57:41 น. |
|
|
|
โดย: ติกอิอิ IP: 171.4.230.180 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2554 เวลา:8:31:09 น. |
|
|
|
โดย: ชุติมา IP: 182.53.205.153 วันที่: 15 สิงหาคม 2555 เวลา:18:19:11 น. |
|
|
|
โดย: แอ้ ภูเก็ต IP: 27.55.4.83 วันที่: 1 กันยายน 2555 เวลา:22:55:28 น. |
|
|
|
โดย: จิ๊บ IP: 110.49.234.15 วันที่: 5 กันยายน 2555 เวลา:21:27:07 น. |
|
|
|
โดย: จิ๊บ IP: 110.49.234.15 วันที่: 5 กันยายน 2555 เวลา:21:27:07 น. |
|
|
|
โดย: mepoo IP: 101.109.198.217 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2555 เวลา:15:20:18 น. |
|
|
|
โดย: K.C. IP: 171.4.116.93 วันที่: 28 ธันวาคม 2555 เวลา:11:06:19 น. |
|
|
|
|
|
|
|