Group Blog
 
All blogs
 

ทำประตูหัวใจให้รู้ว่ารัก .. โอ้..ยาหยี รักมากมายนิยายเรื่องนี้

ในสมรภูมิวัดศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายนักเตะ

ใครจะเชื่อว่า ณ ที่แห่งนี้ .. จะมีเรื่องราวโรแมนติกเกิดขึ้น

...

มีนา และ พงศ์พจน์ เดินทางเข้ากรุงเทพเป็นครั้งแรกด้วยจุดหมายที่แตกต่าง

เธอ .. เอนทรานซ์ติดคณะสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยอรรถศาสตร์

เขา .. มาเข้าร่วมสโมสรหินผาอากาศในฐานะนักเตะกองหน้าคนใหม่

ด้วยความสัมพันธ์แบบ "เพื่อนสนิท" ทำให้เธอมาที่สโมรสรเป็นประจำ

และนั่นก็อยู่ในสายตาของ นคินทร์ ผู้รักษาประตูจอมเย็นชา

เขาหมั่นไส้เธอตั้งแต่แรกเห็น เพราะเข้าใจว่าเธอเป็นเด็กสาวใจแตกที่ตามผู้ชายต้อยๆ

เธอเกลียดเขาที่ไร้มนุษยสัมพันธ์และปฏิบัติกับพงศ์พจน์อย่างมีอคติ

..

เส้นทางที่ชีวิตที่ต้องพาดผ่านและพัวพันกันยุ่งเหยิงช่วยพิสูจน์ "รักแท้"

รับรองว่าทั้งยิ้ม ทั้งเสียน้ำตา และไม่ธรรมดาแน่นอน

 

เกี่ยวกับผู้แต่งนามปากกา  " ยาหยี "

คุณเป็นใครคะ คุณไปอยู่ที่ไหนมา ถึงไม่เคยรู้จักคุณ แต่ต่อไปนี้นะ จะไม่เลิกเลย จะไม่เลิกเป็นกำลังใจ จะเฝ้าคอยติดตามผลงานของคุณต่อไปข้างหน้า ขออีกนะ ขอให้เขียนนิยายแบบนี้ทีอ่านแล้ว feel so good , very good แบบนี้อีก ทำให้รู้สึกดีกับการเปิดใจลองอ่านผลงานของนักเขียนที่ไม่รู้จัก และต่อไปคงจะกล้าเสี่ยงซื้อขึ้นอีกเยอะเลย

 เกี่ยวกับพลอต

ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมมันเรียกความสนใจได้ทันทีจากคำโปรยหลังปก เป็นเพราะคำ "หินผาอากาศ" หรือเปล่านะ มันฟังดูไทยๆ เท่ๆ  สโมรสรบอลไทยไม่ใหญ่ไม่โต น่าจะสร้างความเชื่อและเข้าถึงได้กับเรื่องราวของนักกีฬาฟุตบอล และมันก็เป็นเช่นนั้น อินเป็นสาวกหินผาอากาศกะเค้าด้วยคน  ก่อนหน้านั้นเคยสนใจพลอเรื่อง มนต์รักมาดริด แต่พระเอกเป็นนักเตะอาร์เจนติน่า นางเอกสาวไทยเป็นพิธีกรประจำสโมสร มันใหญ่เกินไป กลัวจะรับความเก่งความเท่ของนางเอก-พระเอกไม่ไหว ก็เลยยังไม่เคยได้อ่าน 

พลอตเรื่องนี้ ทำประตูหัวใจให้รู้ว่ารัก  ตามประสาคนถือคติ ที่ใดมีความเขม่น ที่นั่นเป็นบ่อนเพาะเชื้อของเยื่อใย ไม่เกลียด..ก็รัก สักอย่างล่ะนะ  อ่านหลังปกแล้วไม่ต้องรอลุ้น รู้ได้เลยว่าใครจะเป็นพระเอก  เป็นพระเอกแบบที่ทำให้พลิกหนังสืออ่านแต่ละหน้าด้วยความตื่นเต้นด้วยนะ  ถามว่าเป็นเรื่องตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเชียว ? คำตอบคือไม่ขนาดนั้นหรอก แต่คงเป็นสัญชาตญาณของเราเองที่ทำให้คาดหวังสูง กับตัวละครชื่อ นคินทร์ เป็นการสันนิษฐานว่าความหมั่นไส้น่าจะนำมาซึ่งอะไรๆ ที่สนุกแน่นอน  เชื่ออย่างนั้นแล้วก็ทำตัวเอง ..ตื่นเต้น    รอคอยการปรากฏตัวครั้งแรก การพบกันครั้งแรก และครั้งต่อๆ ไป อ่านต่อเนื่องไม่หลับไม่นอนรวดเดียวจบ

มันปลื้มนะที่ความคาดหวังของเราได้รับการตอบสนอง เพราะนอกจากจะรักพระเอกมากมาย ยังรักนางเอกอีกมิใช่น้อย แถมยังมีตัวละครอีกหลายคนที่ชอบมากกับคาแรคเตอร์โดนๆ ที่อ่านแล้วเผลอใจปล่อยให้นักแสดงหลายคนมามีอิทธิพลครอบงำจินตนาการ โดยปกติเราไม่เคยมีความตั้งใจจะมองหานักแสดงคนไหนมาเป็นตัวละครในนิยายหรอกนะ ปล่อยจินตนาการให้ทำหน้าที่ของมัน ล่องลอยไปตามตัวหนังสือที่เราอ่านอย่างเป็นอิสระ แต่หากตัวละครจะเกิดเป็นภาพบุคลิกหน้าตาของนักแสดงคนใดเข้าสักคนล่ะก็ มันเป็นเรื่องของความบังเอิญโดยแท้   และเมื่อนั้นจินตนาการเกี่ยวกับตัวละครจะโลดแล่นอย่างแจ่มชัด และเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้การอ่านนิยายเรื่องนี้ .. สนุกมาก 

เกี่ยวกับคาแรคเตอร์ตัวละคร และ  "พัฒนาการ" ทางความสัมพันธ์ 

พงศ์พจน์  เด็กกำพร้าอาศัยวัด สิ้นหลวงตาชุบเลี้ยง ก็ได้ครอบครัวของ มีนา หรือ มีน รับเอาคำฝากฝังของหลวงตามาปฏิบัติด้วยการอุปการะดูแลพงศ์พจน์สืบต่อมา  สองคนจึงเติบโตมาด้วยกันอย่างเพื่อนสนิท และเมื่อเติบโตขึ้นเป็นวัยรุ่นหนุ่มสาว ต่างก็รู้อยู่ในหัวใจดีว่า "เรารักกัน"  แต่ด้วยวัยของทั้งคู่ยังอ่อนเยาว์และสถานะของพงศ์ที่ยังไม่พร้อม แม้ครอบครัวของมีนาจะไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็ไม่ได้ขัดสนอะไร ซึ่งนั่นก็เพียงพอที่จะทำให้มีนากลายเป็นดอกฟ้าสำหรับเด็กกำพร้าอย่างพงศ์ที่ไม่มีอะไรเลย ดอกฟ้าที่เขาไม่อยากโน้มกิ่งลงมาแต่จะสร้างตัวปีนป่ายขึ้นไปให้ทัดเทียม และต่อให้ยื้อสถานะของ "เพื่อนสนิท" เอาไว้ ทั้งคู่ก็รับรู้วาจาเป็นสัญญาใจ จะไม่เปลี่ยนใจ จะไม่เปลี่ยนแปลง 

แต่  อนาคตมันจะแน่นอนหรือไม่ เดี๋ยวก็รู้

--------------------

ณ สโมสรฟุตบอล "หินผาอากาศ"  (ชอบชื่อสโมสรสุดๆ)

พงศ์พจน์สูง 173 ซม. แต่นายคนนั้น  คนที่ โค้ชเอส ผู้หยิบยื่นโอกาสในชีวิตมอบให้  เคยบอกว่าเขาจะเป็น  "รูมเมท" ของพงศ์ เขาอยู่กับสโมสรแห่งนี้มาตั้งแต่วัย ม.ปลาย และเป็นคนที่ '...น่าคบหาคนหนึ่ง' เท่าที่ประเมินจากสายตา เขาต้องสูงไม่ต่ำกว่า 185 แน่ๆ พงศ์กับมีนาจึงต้องพากันแหงนมองคอตั้งบ่า เพื่อจะพบกับใบหน้า หยิ่ง เย็นชา ที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ ดูเป็นคนไร้ความรู้สึก และที่มากกว่านั้น  นิสัย ช่างเป็นคนที่ไร้มนุษยสัมพันธ์!

เหอะ .. ถึงโค้ชเอสจะยืนยัน 'ไม่ได้มีพิษภัยอะไรกับใคร' มีนาก็ยังรู้สึกว่า เขาหยิ่งจะตาย นิสัยก็แย่ ไม่น่าคบหา ไม่ถูกชะตาอย่างแรง

"นคินทร์มือกาว" เป็นดาวของสโมสรฯ เพราะเกลียดการตกเป็นเป้าสายตา ดาวดวงนี้จึงไม่ชอบทอแสงตัวเองให้โดดเด่น (แต่ดาวก็ยังเป็นดาวที่เปล่งประกายน่ะนะ) เมื่อมีพงศ์พจน์เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ไฟแรงที่นอกจากหน้าตาจะโดดเด่นด้วยความหล่อเหลา ฝีเท้านักเตะยังเด็ดดวง เพียงไม่นานดาวดวงใหม่จึงเจิดจรัสในวงการและเจิดจ้าในสายตาแฟนคลับสาวๆ อย่างรวดเร็ว นักเตะกองหน้าสุดหล่อผู้มีรอยยิ้มและอัธยาสัยไมตรี ในแบบที่สาวๆ สาวกหินผาอากาศไม่เคยได้รับมาก่อนจากการเฝ้ามองนคินทร์ผู้รักษาประตู   รายนั้น..  อย่าว่าแต่จะยิ้มให้เลย แค่จะกรี๊ดอยู่ห่างๆ (อย่างหวาดๆ) ยังไม่กล้าจะกรี๊ดดัง เพราะกลัวสายตาพิฆาต ที่อาจตามมาด้วยเสียงไล่ตะเพิด

มีนา มาหา มาดูพงศ์พจน์ซ้อมบอลที่สโมสรเป็นประจำ จนกลายเป็นคนคุ้นเคยขวัญใจพี่ๆ นักฟุตบอลในทีม  และถึงทั้งคู่ไม่ยอมรับแต่ก็เป็นที่รับรู้กันดีโดยปริยายว่า "น้องมีน" เป็นแฟนของพงศ์พจน์  ท่ามกลางบรรยากาศแห่งมิตรภาพอันแช่มชื่นนั้น ไม่มีใครรู้เลยว่ามีสงครามเย็น มีคลื่นใต้น้ำ และแล้วความร้อนระอุของสงครามเขม่นหน้ากัน ระหว่าง "ยัยบ้านนอก" กับ "ไอ้ผู้ชายทุเรศ" ก็พัดโหมอยู่ในหินผาอากาศ

มันเริ่มมาจากเสียงในคอว่า "หึ" .. และหางตาที่ปรายมอง  ไม่สิ ที่จริง .. มันคงมีเหตุ มีที่มา ก่อนหน้านั้น

และอะไรบางอย่างที่รู้กันอยู่แค่สองคน มันก็กลายเป็นโลกเฉพาะสำหรับคนสองคนน่ะค่ะ คุณคงเข้าใจใช่มั้ย   Smiley

แล้วใครจะไปคิดล่ะว่า  คนเรียนดีกีฬาเด่น ที่โค้ชเอสเคยพูดถึงว่าทางสโมสรอนุมัติทุนการศึกษาให้เล่าเรียนไปจนถึงระดับปริญญาตรี และขณะนี้กำลังเรียนอยู่ปีสาม คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเดียวกันกับเธอ จะเป็นนายนั่น นายคนนิสัยไม่ดีคนนั้น 

วันรับน้อง

รุ่นพี่ผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนหนึ่งเดินยิ้มตรงมาหามีนา ไม่ใช่รุ่นพี่คนที่เธอกะเอาไว้ในทีแรก แต่ก็ไม่มีผลแตกต่างในความรู้สึกของเธอ มีนายิ้มให้รุ่นพี่สาวสวยและหลับตาเมื่อเธอเริ่มลงมือผูกผ้า

"โอ๊ย  แน่นไปค่ะพี่" มีนาร้องบอกเมื่อรู้ว่ารุ่นพี่ดึงผ้าแน่นเกินไปแล้ว

"เหรอ" รุ่นพี่บอกและคลายปมออกนิดหนึ่ง

"เป็นไง" รุ่นพี่ถาม    มีนาอึ้ง

"ถามว่าเป็นไง"    มีนาถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้ยินเสียงเข้มๆ ถามต่อ

"โชคดีจริงๆ ที่มาทัน" เขาพูดเสียงเย็น " ถ้าไม่ได้มารับ 'น้อง' วันนี้พี่คงนอนไม่หลับแน่"

----------

"เดี๋ยวก่อนค่ะเดี๋ยวก่อน!"  มีนาร้องโวยวายขึ้น ทั้งที่ถูกผูกตาแน่น และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะอุทธรณ์เรื่องนี้กับใคร แต่อย่างไรเธอก็ต้องทักท้วงเพื่อสวัสดิภาพของตัวเอง

"เมื่อกี๊พี่ที่จะมาเป็นพี่เลี้ยงของหนูไม่ใช่คนนี้นี่คะ ไม่ใช่พี่คนนี้"

"ตรงนั้นมีปัญหาอะไรน่ะ" เสียงพูดผ่านโทรโข่งดังมาจากที่ไกลๆ

"น้องเขาท้วงว่าพี่เลี้ยงของเขาไม่ใช่คนนี้" เสียงรุ่นพี่อีกคนที่อยู่ใกล้ๆ กับมีนาตะโกนตอบ

"โอ๊ย น้อง ไม่มีใครเลือกพี่เลี้ยงได้หรอก"

" เฮ้ย! นั่นไอ้คินใช่ไหมวะ" เสียงโทรโข่งตะโกนกลับมา

"เออ" นคินทร์ร้องตอบ

"จู่ๆ โผล่มาจากไหนวะ"

----------

"เฮ้ยๆ ไอ้คิน น้องเขาล้มแล้วเห็นมั้ย ทำไมแกไม่จับเขาไว้วะ" ใครคนหนึ่งตะโกนถามด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ  มือแข็งแรงคว้าหมับที่แขนมีนาแล้วดึงให้เธอลุกขึ้นยืนอย่างไม่ปรานีปราศัย

"ลุกขึ้นสิน้อง" นคินทร์พูดห้วนๆ มีนามั่นใจว่าเมื่อครู่เขาคงจงใจให้เธอล้มโดยไม่คิดจะช่วยเหลืออะไรเลยจริงๆ

"เดี๋ยวก่อนค่ะพี่นคินทร์ ต้องแต่งหน้าให้น้องก่อน" เสียงหวานๆ ดังขึ้นตรงหน้า จากนั้นมีนาก็รู้สึกว่ามีอะไรเปียกๆ ปาดลงมาบนแก้มทั้งสองข้างแล้วเธอก็ได้ยินเสียงนคินทร์พ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด

"เสียเวลาน่ะ" เขาพูด "เอามานี่"

"หา ! นั่นพี่จะทำอะไรคะ!"  สิ้นเสียงของนักศึกษาปีสอง มีนาก็รู้สึกว่ามีของเหลวราดลงบนศรีษะ มีนายกมือขึ้นปาดของเหลวที่ไหลลงมาสู่ใบหน้าออก มันข้นและมีความหยาบอยู่ในเนื้อ แล้วก็แห้งอย่างรวดเร็ว

"อะไรเนี่ย!" มีนาร้องลั่น แต่ก็รู้สึกว่าตัวเองจะร้องออกมาช้าไปหน่อย

"เฮ้ย! ทำอะไรของแกวะไอ้คิน" เสียงตะโกนผ่านทางโทรโข่งดังขึ้นอีก

"แกเอาสีไปรดน้องเขาคนเดียวหมดถังอย่างนั้นแล้วอย่างนั้นคนอื่นเขาจะเอาอะไรทาหน้าวะ"

มีนาค่อยโล่งใจที่มันเป็นแค่แป้งสี และโชคดีที่เธอใส่เสื้อยืดกับกางเกงวอร์มสีดำมา

"ไม่เป็นไรๆ มีสำรองอยู่" เสียงตะโกนดังมาจากอีกทาง

"มีสำรองอยู่ ได้ยินแล้วนะ" นคินทร์ตะโกนกลับไปบ้าง

"นายตั้งใจแกล้งฉันใช่ไหม" มีนาถามเสียงสั่นด้วยความโกรธ

นคินทร์ไม่ตอบ เขาลากมีนาให้เดินไปข้างหน้าอย่างทุลักทุเล

"หยุด" นคินทร์ออกคำสั่ง "นั่งลง"

มีนาไม่นั่ง เพราะเธอไม่ไว้วางใจคำสั่งเขา

"นั่งลง!"

"ทำไมต้องนั่งด้วย" มีนาถามกลับอย่างถือดี

"นั่งลงยัยบ้านนอก"

"โอ๊ย!"  นคินทร์กดบ่ามีนาให้นั่งโดยไม่ยอมเสียเวลาต่อปากต่อคำอีก เธอขัดขืนแต่ก็สู้แรงเขาไม่ได้ จึงต้องนั่งลงอย่างไม่เต็มใจ

"ทำไมน้องคนนี้เปื้อนสีมาทั้งตัวอย่างนี้วะ" รุ่นพี่คนหนึ่งพูดขึ้น

"แกทำเหรอ ไอ้คิน"

"เออ" นคินทร์ตอบ

"แปลกวุ้ย" เสียงเดิมพูดต่อ "ปกติแกไม่ชอบทำอะไรแบบนี้เลยนี่หว่า แต่จู่ๆ ก็ขอลงมาเป็นพี่เลี้ยงลอดซุ้มทั้งๆ ที่เป็นหน้าที่ของพวกปีสอง แล้วดูซีเนี่ย เล่นซะแรงยังกะแค้นน้องเขามาแต่ชาติปางไหนอย่างนั้นแหละ"

"รีบๆ เถอะน่า" นคินทร์ตัดบท "ต่อไปทำอะไรไอ้เต้"

"ผูกจุก" เต้บอก

"เอาหนังยางมา"

----------

 

จากที่ก็ขำอยู่แล้ว คำว่า 'เอาหนังยางมา' ของรุ่นพี่คินเนี่ย ทำเอาปล่อยเสียงหัวเราะ ฮ่าฮ่าฮ่า ออกมาซะดังเลย  ถ้าคุณเคยผ่านวันลอดซุ้มในรั้วมหา'ลัย คุณลองนึกภาพดูนะ ท่ามกลางน้องใหม่ทุกคนที่เลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปด้วยแป้งและสีถ้วนทั่ว แต่จะมีน้องใหม่อยู่คนหนึ่ง ที่เละเทะอย่างโดดเด่นเป็นพิเศษ พอนึกเห็นภาพมีนาเป็นแบบนั้นมันก็ขำ แล้วการผูกจุกเนี่ย ถ้าใครเคยโดนคงนึกออกใช่ไหม ผูกจุกนี่ก็พอรับได้นะ แต่ตอนถอนจุกเนี่ย แทบอยากชวนรุ่นพี่มาตบกันเลยดีกว่า (เพราะเจ็บโว้ย) ถ้าไม่กลัวโดนคว่ำบาตร และสัญลักษณ์พิเศษติดนกติดดาว บนหลังเสื้อ ที่จะเรียกร้องอะไรๆ ที่ 'พิเศษ' มารุมสว๊ากอีกยกขโยงน่ะนะ  นี่ขนาดเพื่อความสะใจของรุ่นพี่เพียงคนเดียว มีนายังเยิน

"พอแล้วมั้ง น้องเขาไม่มีผมเหลือให้แกผูกแล้ว" เต้บอก น้ำเสียงบ่งบอกว่าเห็นใจรุ่นน้องและฉงนฉงายในตัวเพื่อนปนกัน "แกเป็นบ้าอะไรขอแกวะวันนี้"

นคินทร์ไม่ตอบ แต่พูดต่อว่า "ต้องทาลิปด้วยใช่มั้ย  เอามาสิ"

พี่คินขอลิป ทำปล่อยก๊ากอีกหน และวันรับน้องมันยังไม่จบแค่นั้นหรอกนะ เพราะเสือยิ้มยากอย่างนคินทร์ได้ลงมือยำเหยื่อรุ่นน้องคนนี้อย่างใจเย็น ..(ขำดีค่ะคุณรุ่นพี่) จากที่แอบกลัวใจผู้แต่งว่านางเอกจะหมิ่นเหม่ไปล้ำเส้น ง้องแง้งไร้สาระ  เอะอะ โวยวาย อาละวาด อันเป็นคุณสมบัตินางเอกที่สุดแสนจะไม่ชอบ ก็เริ่มหายห่วงเพราะวันรับน้องนี่แหละ โกรธนะ ไม่ใช่ไม่โกรธ มีนาโกรธนคินทร์มาก แต่เธอยินยอมอดทนกับการถูกกระทำ เพราะถือว่าชดเชยกันกับคำขอโทษ ที่เธอติดค้างอยู่ในใจ จะถือเอาความรู้สึกผิดที่เคยก่อเรื่องกับเขาไว้เป็นเครื่องละลายความแค้นในครั้งนี้

ความคิดของมีนา ณ จุดนี้ มันวาบใจเลยว่าผู้หญิงคนนี้ คนที่รู้ตัวว่าว่าทำอะไรไม่ดี แล้วไม่ปล่อยให้เป็นแค่เรื่องที่แล้วๆ ไป แต่รู้สึกผิดและรู้ว่าควรขอโทษ เพราะเธอส่อถึงนิสัยที่ดีที่น่ารัก ก็เลยเริ่มชอบเธอตั้งแต่ตอนนั้นเลย แล้วยิ่งอ่านไปเรื่อยๆ จะมีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้น ความรู้สึกที่มีต่อเธอ ก็ดูเหมือนว่าจะพัฒนาไปพร้อมๆ กับความรู้สึกของนคินทร์ด้วย จากที่รู้สึกชอบเธอเพราะเรื่องนี้ ต่อไปก็จะพบว่าชอบเธอมากว่ากว่าในเรื่องนั้น แล้วก็กลายเป็นว่าชอบเธอมากๆ เพราะเรื่องโน้น แล้วเรื่องหลังจากเรื่องโน้น ก็..เฮ้ ฉันตกหลุมรักนางเอกคนนี้เข้าซะแล้วล่ะ 

นคินทร์  Smiley สวมเสื้อเบอร์หนึ่งเป็นผู้รักษาประตูให้กับทีม เขาอยู่ที่นี่ ยึดสโมสรหินผาอากาศเป็นบ้านมาตั้งแต่ตอนอายุสิบห้าปี เล่นฟุตบอล  เล่าเรียนด้วยทุนสโมสร ทำงานพิเศษหาเงินเลี้ยงดูตัวเองมาตลอดห้าหกปี เขาเป็นใครมาจากไหน ใครจะไปรู้ เพราะคนอย่างนคินทร์ก็ไม่มีใครกล้าปากยื่นปากยาวไปถามไถ่เรื่องส่วนตัวที่เจ้าตัวไม่ต้องการจะพูดถึง

อิอิ แอบทำเสื้อเบอร์หนึ่งให้ รักนะเนี่ย  Smiley

พงศ์พจน์เป็นคนดีที่รักมีนามา แล้วมีนาก็เป็นผู้หญิงมั่นคงที่ยึดมั่นในรักแรกและเชื่อเหลือเกินว่าจะเป็นรักแท้ที่ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงตลอดไป  มันน่าสนใจมั้ยล่ะคะว่า ความรักของเธอไปลงเอยกับคนเพิ่งมาทีหลังอย่างนคินทร์ได้อิท่าไหน ทั้งที่ หลังจากใช้ความพยายามแล้วเธอคิดว่าคงไม่อาจจะญาติดีกันได้ทั้งชาตินี้รวมไปถึงชาติหน้าโน่นเลย

อย่านะ อย่าคิดว่าพระเอกของเราเป็นคนแทรกกลาง เป็น "มือที่สาม" ระหว่างคนเค้ารักกัน

ห้ามใจเอาไว้ อย่าคิด

เพราะเขาจะไปเป็นมือที่สามได้ยังไง คนนิสัยอย่างนี้น่ะ

พบกันเขาเมิน เขาเฉย ไม่เคยทักทาย  ขอยืมคำพูดของนคินทร์มาสักประโยคนะ

"เราไม่ได้สนิทกันถึงขนาดเจอแล้วต้องหยุดคุย"

แล้วคนอย่างนั้น คนที่มีนาเห็นว่า แข็งกระด้าง เย็นชา ยียวน กวนประสาท  หยาบคาย ไร้เยื่อใย นิสัยเสีย ปากแย่ ไม่น่าเฉียดเข้าใกล้ กลับเป็นผู้ทำประตูชัยคว้าหัวใจของเธอไปครอง มันก็ต้องสนุกแหงน่ะสิ

นอกเหนือจากตัวละคร สิ่งที่โดดเด่นที่สุดสำหรับนิยายเรื่องนี้ เราคิดว่าเป็น "พัฒนาการ" ของ "ความเปลี่ยนแปลง" การเปลี่ยนที่ค่อยๆ เป็นไปอย่างไหลรื่นและแนบเนียน

ชื่อเสียง ความโด่งดัง ที่มาพร้อมกับเงินทอง บ่มเพาะความรู้สึกยากไร้ที่ต้องคอยเจียมเนื้อเจียมตัวในอดีต ให้กลายพันธุ์เป็นความทะเยอทะยาน ความมั่นใจในตัวเองสูง  สูง ..แล้วล้นปรี่จนกลายเป็นความลำพองตน

มีนาพยายามเชื่อมั่นว่าพงศ์พจน์ยังเหมือนเดิม แต่ที่จริงเขากำลังเปลี่ยนแปลงไป เปลี่ยนจนมีนาก้าวตามไม่ทัน แล้วเธอก็เริ่มเหน็ดเหนื่อยมากขึ้นเรื่อยๆ  

ตรงกันข้ามกับผู้ชายอีกคน นคินทร์ เขาก็เป็นคนเดิม เหมือนเดิม ไม่เคยเปลี่ยน .. แต่ที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีมากขึ้นเรื่อยๆ คือ ความคิดความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขา 

 

นคินทร์ ไม่นิยมความวุ่นวาย ไม่ชอบสุงสิงกับคนหมู่มาก ไม่สนใจชื่อเสียงความดัง เพราะเขาเกลียดการเป็นที่สนใจ ไม่เคยหยุดเสียเวลาอันมีค่าของเขาเพื่อใช้มันไปหลงระเริงกับความปลาบปลื้มของบรรดาแฟนฟุตบอลสาวๆ สวยๆ และแน่นอนว่าไม่เคยแคร์สื่อ ในวงการฟุตบอลอาชีพ เขาจึงถูกจัดอยู่ใน "พวกไม่รักความเจริญก้าวหน้าในสายอาชีพ"  

แต่คนหินผาอากาศรู้จักนคินทร์ดี  และเมื่อถึงช่วงเวลาสำคัญ โค้ชเอส และสมาชิกคนอื่นๆ ในทีมต่างรู้ดีว่า ใครที่จะเป็นผู้นำ ที่จะเจาะหัวใจของเพื่อนร่วมทีมได้ และแม้แต่มีนาก็ยังยอมรับ

ต้องเป็นคนที่รู้จักและคบหากันมานาน จึงจะรู้ว่า ภายใต้คำพูดจากวนประสาท และท่าทางห่ามๆ แบบไม่เกรงใจใครทั้งสิ้นนั้น คือความจริงใจและมิตรแท้ที่หาได้ยากยิ่ง จะมีสักกี่คนที่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่หวังผลอะไรตอบแทน และยิ่งกว่านั้น เขาไม่..แม้แต่จะทำให้เชื่อว่าเขาตั้งใจจะช่วยเหลือจริงๆ คนที่ชอบปิดทองหลังพระคงมีลักษณะนิสัยแบบนี้ และนคินทร์คงจะอาการหนักกว่าคนปิดทองหลังพระทั่วไป ตรงที่..เขาไม่เคยยอมทำให้คนอื่นรู้สึกดีกับเขาง่ายๆ  คำขอบคุณ จะถูกบ่ายเบี่ยงไม่ยอมรับด้วยเหตุผลอะไรสักอย่างที่บ่งบอกว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะช่วยหรอกนะ

เคยบอกว่าชอบนางเอกเรื่อง แอบรักออนไลน์ เพราะคำ "ขอโทษ"

มาเรื่องนี้ คงต้องบอกว่า ชอบนางเอกมากมาย Smiley เพราะคำ "ขอบคุณ"

เธอเป็นนางเอกที่ใช้คำขอบคุณเปลืองจริงๆ แต่เธอใช้มันมากเท่าไร ย่อมหมายความว่าความสัมพันธ์ของเธอกับพระเอกของเรายิ่งผูกพันกันมากขึ้นเท่านั้น แล้วความผูกพันที่ถูกถักทอด้วยความรู้สึกขอบคุณที่ซึ้งใจเนี่ย โอ๊ย .. อ่านแล้วมีความสุข

แอริณ คนดัง คนสวย คนฉลาด คนนี้นี่แหละ "มือที่สาม" ตัวจริงเสียงจริง และต้องยอมรับว่า นางแน่มาก

โค้ชเอส เท่มากค่ะโค้ช  แรกๆ โค้ชก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นอยู่แล้ว แต่รักโค้ชสุดๆ ไปเลย กับประเด็นการยืนหยัดในจุดยืนของการเป็นโค้ชผู้รู้ดีที่สุดว่าอะไรดีที่สุดเพื่อคำว่าทีม

พี่แบต เพื่อนนักฟุตบอลในทีมหินผาอากาศของนคินทร์ เอนเตอร์เทนเนอร์ผู้เรียกเสียงฮาด้วยมุขแบบแบตๆ และมีคารมชักใบให้เรือเสียเพื่อเรียกระดมฝ่าทีนจากผองเพื่อน

พี่แจ็ก  แจ็กสโนว่า เพื่อนร่วมคณะที่มหาวิทยาลัยของนคินทร์ เห็นหน้าน้องมีนเป็นไม่ได้ ฮาตัวพี่ แต่หม้อตัวพ่อ  ดังนั้นเมื่อไหร่ที่เป็นไอ้แจ็ก  นคินทร์เป็นอดไม่ได้ต้องคอยกันท่าไม่ให้มีนาถูกแทะถูกเล็ม  .. ฟงแฟนก็ไม่ใช่ สนิทกันรึก็เปล่า  เพราะแม้แต่ชื่อ นคินทร์ก็เป็นคนเดียวที่ไม่ยอมเรียก "มีน"  แต่เรียก มีนา ราวกับจะรักษาระยะความห่างเหิน เช่นเดียวกับมีนา จะยอมเอ่ยออกมาตะกุกตะกักว่า "พะ พี่ คิน" ก็ยามต้องเอ่ยชื่อนี้ต่อหน้ารุ่นพี่นักศึกษาเท่านั้น และไม่เคยเรียก "คิน" แต่ "นคินทร์" เต็มชื่อเสมอ

อาจจะหงุดหงิด เพราะ รำคาญลูกกะตา เพราะหากจะว่า ห-สระอือ-งอ-หึง ก็ไม่อาจจะเรียกได้ชัด เพราะคาแรคเตอร์ขรึมๆ เท่ๆ ของเขา ทำให้คำว่า หึง มันดูขัดแย้งลักษณะนิสัยที่เป็น การกันท่าของนคินทร์จึงเป็นสิ่งที่ควรจะเรียกว่า "ความช่วยเหลือ" มากกว่า แล้วมันก็ทั้งน่ารักและน่าขำ  ขำพี่แจ็ก ผู้รู้ไม่เท่าทันเพื่อนตัวเอง

 เกี่ยวกับสำนวน

ชอบการทิ้งท้ายแต่ละช่วงจังหวะวรรคบท ด้วยการทิ้งเรื่องทิ้งอารมณ์ไปทั้งอย่างนั้น แต่มันไม่ค้างคา จะต่อติดเลยตอนที่เราอ่านวรรคหน้าของบทใหม่  อารมณ์ต่อเนื่องที่ไม่ขาดหาย เพราะเหตุการณ์ที่ตัดตอนทิ้งไป เราเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้นโดยไม่ต้องเขียนทุกอย่างไล่เรียง ทำให้เนื้อเรื่องกระชับอาจจะเป็นคำอธิบายที่ชวนงง ถ้าใครมีนิยายเรื่องนี้ เรากำลังหมายถึง ลักษณะการทิ้งท้าย และการขึ้นต้นใหม่ กับรูปหัวใจแบ่งบทแบบนี้น่ะค่ะ 

เกี่ยวกับ "ตอดเล็กตอดน้อย"

เป็นสำนวนคำพูดจาของนคินทร์ ที่ออกแข็งๆ ห้วนๆ  และตามคำในความคิดของมีนาคือ "ตอดเล็กตอดน้อย" ลักษณะการพูดจาเป็นเหตุหนึ่งที่สำคัญพอๆ กับลักษณะนิสัยซึ่งทำให้รู้สึกชอบนคินทร์เอามากๆ  มันไม่เชิงเป็นการจิกกัด  เพราะเจตนาหวังดีที่จริงใจตามนิสัยตรงไปตรงมาทำให้มันเป็นแค่การ "ตอด" ที่เบากว่า เคยโดนปลาตอดไหม น่าจะประมาณนั้น ไม่เจ็บมากนัก แต่ก็ไม่ใช่ไม่เจ็บเลย

ตอนพงศ์มาซ้อมสาย

"รถติดเป็นปัญหาของนายงั้นเหรอ  .. ปล่อยให้ผู้ว่า กทม.เขาจัดการไป หน้าที่ของนายคือต้องมาซ้อมกับทีมให้ตรงเวลา สำหรับนายแค่นี้มันยากเกินไปใช่มั้ย"

ลองคิดดูนะแล้วจะอิน (ขำด้วย)   ถ้าเจ้านายเราพูดใส่หน้าว่า  "รถติดเป็นปัญหาของคุณงั้นเหรอ ..ปล่อยให้ผู้ว่า กทม.เขาจัดการไป หน้าที่ของคุณคือต้องมาทำงานให้ตรงเวลา ถ้าแค่นี้มันยากเกินไป ลาออกดีมั้ย"

ตอนมีนาอยู่ในโลกของความรักที่อับปาง  

"ฉันรู้..ตอนนี้เธอรู้สึกยังไง แต่รู้ไหมว่าปัญหาของเธอมันเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับความทุกข์ของประชากรอีกหลายล้านคนบนโลกใบนี้...."

 "นี่! เลิกบ้าซะทีเถอะ แค่ผู้ชายคนเดียวมันจะอะไรนักหนา  ตอนเกิดมาเธอเอาเขาติดมาด้วยหรือไง ...."

ตอนอยู่ในช่วงเยียวยาคนอกหัก

"บทเรียนน้อยไปน้อยนะ ความจริงอาจารย์ของเธอน่าจะสวดเธอให้ยับไปเลย"

"ฉลองที่เธอกลับมาเรียนหนังสืออีกครั้ง ต้อนรับอนาคตอันสดใสที่ก่อนหน้ามันหมิ่นเหม่จะย่ำแย่เต็มที"

"เธอคิดว่าฉันจะพาเธอมากินของแพงๆ แบบนี้สักกี่ครั้งกันแม่คุณ บุญเธอมีครั้งนี้แค่ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ"

นอกจากการตอดแล้ว  การ "ตอก" ก็ชวนขำมิใช่น้อย

ตอนถกกันเรื่องผู้หญิง

"ที่ยืนหัวโด่อยู่นี่ก็เป็นผู้หญิงนะ"

"เธอมันพิลึกกึกกือกว่าชาวบ้านเขานี่"

ตอนถกกันเรื่องความรู้สึกของนักฟุตบอลหินผาอากาศ

"ฉันไม่เห็นจะรู้สึกอะไรเลย" นคินทร์บอก

"ก็นายมันพิลึกึกกือกว่าชาวบ้านเขานี่"  มีนายกประโยคที่เขาใช้ว่าเธอในวันก่อนออกมาใช้

"เหตุผลนั่นคุ้นๆ นะ เธอไม่รู้สึกละอายใจบ้างเหรอที่เอาความคิดของคนอื่นมาใช้ ทั้งๆ ที่เจ้าของเดิมก็ยืนหัวโด่อยู่นี่ "

ความจำเป็นเลิศ หัวไวเป็นลิง เพราะประโยคยาวพรืดที่ทำให้ขำพรวดนี้ มีนาเคยใช้ว่านคินทร์มาก่อน- ก่อนวันก่อนนั่นซะอีก นี่เป็นการย้อนแบบน้อคเอาท์ของหมัดอัปเปอร์คัต  ขำดีจริงๆ  เป็นแบบนี้แล้วจะไม่ให้รักนคินทร์กับมีนาได้ยังไง

 

เกี่ยวกับที่ โดนใจที่สุด 

ทุกเหตุที่ทำให้เกิดรอยซ่อนยิ้ม  กลั้นหัวเราะ  หรือแม้แต่ตอนที่หลุดยิ้มหลุดหัวเราะออกมาจากคนยิ้มยากอย่างนคินทร์ เพียงแค่นี้ก็น่ารักโดนใจแล้ว  ชอบทุกบททุกตอนของเขาและเธอ แต่ถ้าถามว่าเป็นตอนไหนที่ชอบมากที่สุด อาจจะเป็นตอนที่มีนาตะโกนใส่หน้าใครบางคน  "เขาไม่ได้ห่วย! เขาไม่ได้ห่วย! ได้ยิมมั้ยว่าเขาไม่ได้ห่วย พวกนายนั่นแหละที่ห่วยแตก!"   หรือจะเป็นตอนแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตรระหว่าง 'คณะเศรษฐศาสตร์' กับ 'คณะสื่อสารมวลชน' ตกหลุมรักความจืดเจื่อนแสนตลกของมีนาในตอนนั้น และคิดว่านคินทร์ก็เช่นกัน เพราะมันยากเหลือเกินที่จะไม่ยอมรับว่ามีนา "น่ารักดี"  หรือจะเป็นตอนที่นคินทร์ปาถกฐามีนาซะยืดยาวเรื่องที่เธอมัวแต่เสียใจจนเสียการเรียน (เหตุเกิดในร้านสะดวกซื้อ และมันเป็นอะไรที่ตลกมาก)  หรือจะเป็นความช่วยเหลือที่มาในรูปของการยื่นอกให้ซุกซบซับน้ำตา  หรืออาจจะเป็นคืนนั้น ก่อนวันเริ่มต้นใหม่ เงากับตัวตน ตัวตนไปที่ไหน กับเงาที่ไปที่นั่น พร้อมเสียงเปียนโนบรรเลงขับขาน  หรืออาจจะเป็นตอนแข่งขันแมตช์สำคัญระหว่าง หินผาอากาศ กับสโมสรยักษ์ใหญ่ ราชาวดี  หรืออีกทีอาจจะเป็น รอยยิ้มทั้งน้ำตาที่สดใส อ้อมกอดอันอบอุ่น และรอยจูบพลิ้วเบาจากสายลม

บอกไม่ได้ว่าชอบตอนไหนมากที่สุด เพราะชอบหมดเลย

อยากให้หามาอ่านกันนะคะ ค่อนข้างมั่นใจว่าน่าจะชอบกัน เรื่องนี้เชียร์ออกนอกหน้านอกตาเพราะชอบมาก  เรื่องมันไม่กลวงด้วย มันมีแง่คิด การยึดมั่นในจุดยืนของโค้ชเอส  การเลือกทางเดินของพงศ์  ของกัปตันหนาม  ความรัก ความเสียใจ และการรู้จักรักตัวเอง  เรื่องของนคินทร์ก็น่าสนใจ เด็กมีปัญหาที่พยายามบำบัดความเหว่ว้าของตัวเองด้วยกีฬาและการศึกษาเล่าเรียน แต่คนตัวคนเดียวที่ไร้บ้านจะมีความสุขที่แท้จริงในชีวิตได้อย่างไร การยอมแง้มกำแพงหัวใจให้ครอบครัวของนคินทร์ จึงเป็นอีกจุดหนึ่งของนิยายที่ชอบมาก (ซึ้งค่ะ) อ่านจบรีบบอกกับเพื่อนคอนิยายของตัวเองไปว่า  พระเอกนิยายที่หล่อรวย น่ารักแสนดี หาได้ไม่ยากนักในนิยายโดยทั่วไป แต่พระเอกนิยายที่ "เท่" ไม่ใช่จะหากันได้ง่ายๆ มาเอาไปอ่านโดยด่วน เรื่องนี้เพื่อนภูมิใจนำเสนอ

ขอปิดประเด็นที่เล่าสู่กันฟังไว้ก่อนหน้า พระเอกนางเอกในจินตนาการของเรา คือ สองคนนี้ใน MV น่ะค่ะ  ไม่ใช่เพราะเนื้อเรื่องหรือบทบาทของตัวละครที่เหมือนกันหรอกนะคะ เพราะมันไม่ได้เหมือนกัน (แม้จะมีอารมณ์บางอย่างที่คล้ายคลึงจนทำให้นึกไปถึงฉากต่างๆ ในละคร) แต่เหตุผลที่นักดนตรีเกาหลีในเรื่องนี้ดันโผล่มาเป็นนักฟุตบอลไทยได้  (หน้าตาไทย/เกาหลี ก็พอกลมกลืนล่ะนะ)  สรุปสั้นๆ ว่าเป็นเรื่องของพระเอก (ที่พ่วงเอานางเอกของเค้ามาด้วย)  ผู้มีรูปร่างสูงเพรียว กับชุดนักกีฬา ฟอร์มผู้รักษาประตูที่น่าจะเข้ากันดีกับคนหัวฟูๆ  สีหน้าท่าทาง ในหลายๆ สถานการณ์ที่มั่นใช่เลย อาการเขม่น ยียวน รอยยิ้มเยาะ หน้าตาไม่สบอารมณ์ อึดอัดคับข้องใจ ขัดเขิน โกรธ เหงา เศร้า เสียใจ อาการอมยิ้ม เหลือบตามอง จดจ้อง  ฯลฯ ส่วนตัวเรา เห็นว่ามันใช่น่ะค่ะ มันใช่มาก 

 

 

 ว่าแล้วก็เอาเพลงเพราะๆ มาฝากกันเลย  Have A NICE Day นะคะ

 




 

Create Date : 23 ตุลาคม 2556    
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2556 17:30:43 น.
Counter : 5901 Pageviews.  

เล่ห์ร้ายกระหายรัก ร้อนแรง..ติดเรท 18+ จะพอมั้ย ?

 

สำนักพิมพ์โมโม่ พิมพ์ครั้งแรก 2556

 

เขา...ชายหนุ่มผู้หล่อเหลาทายาทคนเล็กของตระกูลกังวานโชติพิบูลย์  ผู้ซึ่งใครต่อใครพากันขนานนามเขาว่าเป็นสุดยอดคาสโนว่า เกิดตกหลุมรักแม่สาวชาวเหนือปากร้ายที่บังเอิญกลายมาเป็นน้องรหัสของเขา สารพัดเล่ห์เหลี่ยมถูกดึงออกมาใช้เพื่อให้ได้ใกล้ชิดสนิทแนบเนื้อกับเรือนร่างที่แสนจะยั่วตายวนใจ  ทว่าพอยิ่งนานวันผันผ่านสิ่งที่เขาต้องการหาใช่แค่เพียงแต่ร่างกายของเธอเท่านั้น หากแต่เป็นหัวใจของเธอต่างหากเล่า ที่เขาเฝ้าปรารถนาอยากจะครอบครองมากที่สุด


เธอ...สาวสวยแห่งเมืองเชียงใหม่ แม้บุคลิกจะมีความมั่นใจในตัวเองสูง แต่ก็เป็นคนค่อนข้างถือเนื้อถือตัว แต่แล้วชีวิตอันราบเรียบของเธอ ก็ต้องเปลี่ยนไปเมื่อต้องมาเจอความเจ้าเล่ห์ของพี่รหัสหนุ่มสุดหล่อ ที่คอยแต่จ้องจะลากเธอขึ้นเตียง เธอต้องบังคับเคี่ยวเข็ญตัวเองอย่างหนักไม่ให้เผลอไผลไปกับเสนห์อันแสนจะแพรวพราวที่เขาช่างขยันส่งมาให้อย่างไม่มีว่างเว้น แม้จะย้ำเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าเขาเป็นผู้ชายอันตรายที่ไม่ควรเข้าใกล้ แต่หัวใจเจ้ากรรมกลับไม่รักดีกระโจนลงสู่หลุมที่เขาขุดไว้ล่อ โดยที่ก็รู้ตัวเองดีว่าไม่มีทางที่จะปีนกลับขึ้นมาได้

.................

 

ทำเอาพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเหมือนกันนะ สำหรับนิยายเรื่องนี้ เล่ห์ร้ายกระหายรัก  เกือบจะตัดสินใจไม่รีวิวซะแล้ว  ด้วยเหตุผล เอ่อม คือว่า คือ .. แต่ก็นะ ..ไหนๆ ก็อ่านแล้ว Smiley  

ไม่เคยรู้จักนักเขียน ดาตาริน มาก่อน เพราะนี่ก็เพิ่งเป็นเล่มที่สองของเธอที่ได้ตีพิมพ์ (เล่มแรกชื่อ มนตราพิศวาส) ที่เสี่ยงซื้อนิยายความหนา 632 หน้ามา ทั้งที่ไม่รู้จักนักเขียนมาก่อน เป็นเพราะพลอตเรื่อง "พี่รหัส-น้องรหัส"  ที่ชวนให้คิดว่าต้องเป็นความรักวัยรุ่นวัยเรียนที่น่ารัก ที่ยังอยู่ในช่วงคึกคะนองก่อนจะรู้เดียงสา มันน่าสนุกที่ว่าพระเอกเป็นนักศึกษาหนุ่มเมืองกรุงลูกชายเศรษฐีที่มีฉายากระฉ่อนว่าเป็นสุดยอดคาสโนว่า  ส่วนนางเอก เอื้องสาวจากเมืองเหนือที่ย้ายถิ่นมาเข้ากรุงเพื่อศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยเป็นน้องใหม่ในปีแรก อ่านช่วงแรกๆ ยิ่งน่าสนใจมาก เพราะพื้นเพความเป็นมาของพระเอก นางเอก ต่างก็มีปมบ่งบอกว่าเป็นเด็กมีปัญหา

 "ธนันธารณ์" หรือ "แท"  คาสโนว่าทายาทคนเล็กของตระกูลกังวาลโชติพิบูลย์ เป็นแกะดำของครอบครัวผู้มุ่งมั่นกับเส้นทางที่เลือกเดินสายวิศวกรรม ปฏิเสธการจะเรียนด้านบริหารจัดการเพื่อร่วมสืบทอดธุรกิจของครอบครัวตามรอยเท้าพี่ๆ ทำให้ไม่เป็นที่ปลื้มปริ่มของพ่อ จนต้องระเห็ดออกจากบ้างมาพักอยู่คอนโดตามลำพัง

"เขมิกา" หรือ "ข้าวหอม" สาวน้อยสะสวยน่ารัก หน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพรา หุ่นอรชรอ้อนแอ้น ที่ใครเห็นเป็นนึกจีบนึกชอบ เธอก็เป็นเด็กมีปัญหา จากการที่แม่แต่งงานใหม่หลังจากพ่อและพี่ชายประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต แม้พ่อเลี้ยงจะเป็นคนดี รักและดูแลแม่ให้มีความสุข เช่นเดียวกับลูกสาวของพ่อเลี้ยงก็ยอมรับและเข้ากันกับแม่ได้เป็นอย่างดี .. แต่ข้าวหอมก็ไม่อาจจะปรับตัวให้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวใหม่ได้สนิทใจ เธอจึงมุ่งมั่นจะหนีห่างจากครอบครัวโดยการมาเรียนต่อในมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพ โดยพักอาศัยอยู่ในคอนโดแห่งหนึ่งตามลำพัง

คือ .. พระเอกรวย นางเอกก็ไม่ได้จนค่ะ มีเงินซื้อคอนโด มีรถขับไปมหาวิทยาลัย (มีฐานะน่าหมั่นไส้นิดหน่อย)

เหล่านี้ทำให้เรื่องในระยะแรกน่าสนใจ  แต่ก็จะพบในภายหลังว่ามันเป็นเพียงส่วนน้อยของเรื่อง ยังดีหน่อยที่ว่าผู้เขียนไม่ได้ทิ้งปมเหล่านี้ไป แต่ใช้มันเป็นเครื่องแสดง "วุฒิภาวะ" ของพี่แทในฐานะที่ปรึกษาเมื่อข้าวหอมต้องการที่ระบายความไม่สบายใจและต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญ และเป็นวุฒิภาวะของข้าวหอมที่จะช่วยโน้มน้าวชักจูงในยามที่พี่แทมีปัญหา

นั่นเป็นส่วนน้อย ส่วนใหญ่ของเรื่องล่ะ ?

คำตอบคือ พิศวาสร้อนแรง 

"พี่แท" คือ คาสโนว่าตัวจริงเสียงจริง ที่ชื่อกระฉ่อนมหาวิทยาลัย แรกๆ เขาไม่คิดอะไร ก็เหมือนรุ่นพี่ชายคนอื่นๆ ที่เห็นว่า "น้องข้าวหอม" สวยหมดจด ต้องตาต้องใจ เสือผู้หญิงเจอหญิงสวยมีหรือจะไม่ออกลายหวังได้เคลม ยิ่งถูกไม่ชอบหน้ายิ่งอยากเอาชนะ แล้วพี่แทก็ดันสบโอกาสดีเหมือนถูกหวยที่ได้น้องคนสวยมาเป็น "น้องรหัส" เหมือนลูกไก่ในกำมือที่จะบีบก็แนบเนื้อจะคลายก็ยังชิดใกล้ ถึงจะเป็นน้องรหัส..ก็เถอะนะ แต่สวยระดับถูกส่งเป็นตัวแทนเข้าประกวดดาวมหาวิทยาลัยแบบไร้คู่แข่งภายในคณะ ท่านสมภารแทจะอดใจไม่คิดกินไก่วัดได้ยังไง  

ชาติเสือคาสโนว่า ก็เลยเคลมเอ๊าเคลมเอา เจอหน้าเมื่อไหร่เป็นได้ถึงเนื้อถึงตัว มากน้อย ถึงไหนๆ ขึ้นอยู่กับสถานที่และความรโหฐาน ข้าวหอมคนสวย เลยซวยไป ด้วยความสัมพันธ์ฉันพี่น้องสายรหัส ทำให้ความพยายามที่จะหลบลี้หนีหน้าไม่อาจทำได้ตลอดรอดฝั่ง แถมใจเจ้ากรรมก็ไม่เคยนึกรังเกียจเดียดฉันท์พี่แทได้จริงแท้ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีก็มีอยู่ แต่ทั้งที่งัดออกมาสู้ก็ไม่เคยจะต้านทานไหว

แหงล่ะ  เพราะพี่แทคาสโนว่า ไม่ได้แค่ปากว่ามือถึงอย่างเดียว ยังความเจ้าเล่ห์แสนกล ลูกล่อลูกชนสารพัด ที่ล่อหลอกให้ข้าวหอมมักเชื่อฟังทำตาม ไม่ว่าจะจำใจ ไร้ทางเลือก หรือต่อให้มีทางเลือกก็อ่อนอกอ่อนใจไร้เรี่ยวแรงจะรบรากับผู้ชายห่ามๆ ที่เอาแต่จ้องจะโรมรันอยู่กับเนื้อตัวของเธออย่างหน้าด้านหน้าทน ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ไม่ว่าจะดุด่าทุบตีหรือดิ้นรนขัดขืน และแล้ว เพราะเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวของรุ่นพี่คาสโนว่าที่ทั้งลูกตื๊อ ลูกออดอ้อน ลูกหลอกล่อ ง้องอน น้องรหัสคนสวยที่สุดพยายามจะรักษาเนื้อรักษาตัวก็ต้องเสียสาวให้พี่รหัสไปจนได้ตั้งแต่ยังเรียนอยู่ปีสอง 

แต่ถึงจะมีความสัมพันธ์รักทางกาย ก็ใช่ว่าความสัมพันธ์รักทางใจจะจุดติดไฟง่ายเหมือนกายสัมผัส และเพราะมันไม่ง่าย พี่แท ที่รู้ใจตัวเองดีว่าไม่อาจเพียงพอแค่ได้ตัว จึงสลัดลายคาสโนว่าทิ้งอย่างไม่ไยดีเพราะไม่ต้องการอีกแล้วผู้หญิงคนไหนๆ หวังจะสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้เธอรู้ว่าเขาหยุดแล้ว หยุดตรงนี้ที่ข้าวหอม

ทว่า.. ภาพลักษณ์ มันจะลบกันง่ายดายได้อย่างไร พี่แทเป็นคาสโนว่า และข้าวหอมก็มองไม่เห็นตัวเองแตกต่างจากคนอื่น ก็แค่ ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เสียไปง่ายๆ และวันหนึ่งก็จะถูกโยนทิ้งง่ายๆ ไม่ต่างจากดอกไม้ริมทาง ทางเดียวที่จะไม่ต้องเจ็บปวดมากนักก็คือต้องป้องกันตัวเองไม่ให้เผลอตัวเผลอใจถลำลึกไปมากกว่านี้ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องจะหลีกเลี่ยงได้ง่ายๆ กับผู้ชายร้อยเล่ห์อย่างพี่แท

พี่แท รักมาก ก็หวงมาก .. แล้วก็ต้องการมาก การหักห้ามใจเพื่อสร้างความไว้ใจจึงยากเย็น  ข้าวหอม ยิ่งโอนอ่อนผ่อนตาม ยินยอมให้ไปมากเท่าไร ยิ่งระแวงใจมากไม่ต่างกัน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงเป็นไปแบบลุ่มๆ ดอนๆ เป็นเหมือนแฟน แต่ก็ยังไม่ใช่แฟน เดี๋ยวใกล้ชิดสนิทเนื้อ เดี๋ยวห่างเหินเหมือนคนไม่รู้จัก เดี๋ยวโกรธ เดี๋ยวเข้าใจผิด เดี๋ยวตัดรอน เดี๋ยวโหยหากัน

กว่าจะลงเอยกันได้ จึงต้องใช้เวลาผ่านไปอย่างสิ้นเปลืองถึง 9 ปีเต็ม

 ..................

เนื้อเรื่องก็โอเคนะ  แต่คงจะโอเคกว่านี้อีกมาก .. ถ้า..

ฉากเลิฟซีนจะไม่เยอะแยะและจะแจ้งเกินไป  บทบาทคาสโนว่าสามารถสร้างได้โดยไม่จำเป็นต้องให้พระเอก 'กระหายรัก' ขนาดนั้น   เข้าใจว่าน่าจะมีนิยายไทยแนวนี้อยู่เยอะ แต่ไม่เคยสุ่มเจอนิยายที่เขียนเลิฟซีนเยอะอย่างนี้มาก่อน นามปากกา ณารา  ซ่อนกลิ่น ถือว่าเยอะแล้วสำหรับเรา  เจอ ดาตาริณ เข้าไปหนักกว่าอีก (จะใช้คำว่าอีโรติก ยังไม่แน่ใจว่ามันเป็นคำที่เบาไปหรือเปล่า )

เกรงว่าจะเป็นการอคติเกินไปถ้าจะมองว่าการเขียนถึงความรักความใคร่ในวัยศึกษาเล่าเรียนเป็นเรื่องไม่เหมาะสม เพราะในยุคสมัยนี้ เด็กบางคน ก็ผ่านเรื่องอย่างว่าตั้งแต่ ม.ต้น ม.ปลาย เสียด้วยซ้ำ ไม่ติดใจอะไรที่ค่อนเรื่องของนิยายเรื่องนี้พระเอกนางเอกจะอยู่ในวัยนักศึกษา  แต่อยากฝากสายลมไปถึงผู้แต่งสักนิดว่ามันเหมาะสมดีแล้วหรือ ที่จะเขียนบางฉากให้พระเอกนางเอกมีบทถึงเนื้อถึงตัวกันในขณะที่อยู่ในชุดนักศึกษา และอยู่ในสถานศึกษา  อ่านฉากพวกนี้แล้ว ทำให้รู้สึกเหมือนเห็นเด็กนักศึกษาลูบคลำกันในรถไฟฟ้าก็ไม่ปาน มันรู้สึกสลดใจนิดๆ

จากฉากเลิฟซีนเยอะแยะของเรื่อง ท้ายปกที่ติดเรท 18+ คงไม่พอนะ  ส่วนตัวคิดว่ามันต้อง 21+ อัพ  แต่ก็อีกนั่นแหละที่มีหนังสือมากมายในร้านหนังสือที่เราไม่สามารถจะไปห้ามให้นักเรียน ม.ต้น ม.ปลาย นักศึกษามหา'ลัย ซื้อไปอ่านได้ แต่เนื่องจากนี่เป็นนิยายไทย นิยายรักที่ไม่ใช่นิยายสะท้อนปัญหาสังคม  เราอยากให้ผู้แต่งคำนึงถึงจุดนี้ด้วย ถึงมันอาจจะเกิดขึ้นได้ในความเป็นจริง (ในชุดนักศึกษา ในสถานศึกษา)  แต่ไม่จำเป็นต้องไปช่วยตอกย้ำก็ได้มั้ง    บางจุด ก็ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าเป็นมุมมองของผู้แต่งเองหรือที่คิดเห็นว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดา อย่างตอนที่พี่แทพาข้าวหอมไปหาดไร่เลย์ การที่ยายไหมดีอกดีใจที่เห็นหลานชายของเพื่อนสนิทพาแฟนมาเที่ยวลำพังสองต่อสองเป็นเรื่องปลื้มปริ่มจนต้องโทรไปรายงานครอบครัวของแทให้พากันปลื้มปริ่มว่าคาสโนว่าท่าทางจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนก็ดูจะไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่ แม้เราจะอยู่ในยุคสมัยนี้ แต่ไม่คิดว่าจะมีญาติผู้ใหญ่คนไหนเห็นเรื่องที่ชายหญิงในวัยนักศึกษาจะไปค้างอ้างแรมกันสองต่อสองเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมดีใจแบบนั้นหรอกมั้ง  

ความจริงแล้วนิยายก็คือนิยาย เป็นเรื่องสมมติ แต่ก็ไม่อยากให้มันเหมือนเป็นการสื่อชัดเจนนักว่าเรื่องรักๆใคร่ๆ (ในวัยนักศึกษา) เป็นเรื่องปกติธรรมดา เพราะในชีวิตจริง มันอาจไม่ใช่รักมาราธอนเก้าปีและลงเอยแฮปปี้เอนดิ้งแบบข้าวหอมกับแทอย่างเรื่องนี้ก็ได้ อย่าว่าบ่นเป็นยัยแก่หัวโบราณเลยนะ ถือว่าผู้ใหญ่คนหนึ่งเป็นห่วงเด็กๆ ที่อาจเผลอซื้อไปอ่านเข้าก็แล้วกัน

หากจะเพลาๆ บทเลิฟซีนลง ใส่สาระให้ข้าวหอมมีความวิตกกังวลกับความพลั้งพลาดในวัยสาว ความขมขื่นยามเลิกราเพราะเหมือนกับว่าที่เคยให้หมดทั้งตัวทั้งใจ มันอาจไม่ได้รับผลตอบแทนที่มีค่ากลับคืนมาเสมอไป ให้เป็นคติสอนใจวัยรักวัยเรียนขึ้นอีกสักนิดก็น่าจะดี  ซึ่งก็ถือว่ายังพอจะเห็นความพยายามอยู่บ้าง  ในแง่ของ 'เรียนเป็นหลัก-รักเป็นรอง' ขนาดคาสโนว่ายามเรียนหนัก ยามเตรียมตัวสอบ เตรียมตัวจบก็ยังรู้จักพักเรื่องรักเป็นระยะ 

ความน่ารักของพระเอกก็อยู่ตรงนี้แหละ เอาจริงเอาจังกับเรื่องเรียน เพราะมีปมเรื่องพ่อไม่ยอมรับ  ถ้าตัดเรื่องตั้งอกตั้งใจเอาเปรียบเรื่องเนื้อตัวของน้องรหัสไปซะเรื่องหนึ่งก็ถือเป็นรุ่นพี่ที่ดีคนหนึ่ง เป็นผู้ใหญ่กว่า เป็นที่ปรึกษาในเรื่องส่วนตัว เป็นติวเตอร์ส่วนตัวให้ได้เพราะเรียนเก่ง เรียนจบด้วยเกรดเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง สามารถเข้าศึกษาต่อมหาลัยชื่อดังในต่างประเทศเชียวนะนั่น รวมถึงช่วงมรสุมหัวใจ ที่ทำให้ความรักพังครืน ในสภาวะจิตใจที่ย่ำแย่การที่ข้าวหอมยังพยายามเรียนให้จบปริญญาตรีในปีสุดท้าย และแทพยายามมุมานะเรียนปริญญาโทให้รอดอยู่ในต่างแดน รวมๆ แล้วถือว่าเรื่องนี้มีประเด็นที่มีสาระอยู่บ้าง ทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องการให้ความสำคัญกับการเรียนและอนาคต หากจะไม่รวบรัดให้สั้นเกินไป (เพราะพื้นที่สำหรับบทเลิฟซีนสำคัญกว่า ?) และขยายความให้ความสำคัญกับมันให้มากกว่านี้ (เป็นแก่นของเรื่องไปเลยได้ยิ่งดี)  รวมถึงการเพิ่มเติมบทบาทของเพื่อนคู่อื่นๆ อย่างคู่ปากไม่ตรงกับใจระหว่าง พี่กฤษ กับ เกรซ   คู่แอบรักระหว่าง พี่วัฒน์ กับ ศศิ และคู่กันเสมออย่าง พี่ดนุ กับ ชิสา  ไหนๆ ก็จงใจเกินเหตุที่จะให้เพื่อนๆ ที่บังเอิญได้เป็นพี่น้องรหัสกันอีกสามคู่.. 

หากจะใส่รายละเอียดเกี่ยวกับทัศนคติมุมมอง พฤติกรรมอื่นดีๆ ที่น่ารักน่าสนใจของพระเอกนางเอก เข้าไปแทนบทเลิฟซีนที่เยอะแยะเกินจำเป็น เรื่องนี้ก็จะน่าเชียร์อยู่นะ แต่ถ้าแนวทางของผู้แต่ง ดาตาริน คือการจะมุ่งไปในทางนี้ เขียนบทเลิฟซีนแบบนิยายแปลโรมานซ์  ก็โอเค ไม่ว่ากัน แต่ช่วยเพิ่มวัยตัวละครหน่อยเถอะ (ขอร้อง..)

"เล่ห์ร้าย กระหายรัก" จึงเป็นชื่อเรื่องที่เข้ากับเนื้อเรื่อง

แต่ก็อยากบอกว่า ... น้องๆ ผู้จะเลือกอ่านนะคะ  21+ อัพ ก่อนนะจ๊ะ..หนูๆ

 

 




 

Create Date : 20 ตุลาคม 2556    
Last Update : 21 ตุลาคม 2556 19:28:26 น.
Counter : 108513 Pageviews.  

Cassette ท่วงทำนองในรอยรัก... กาลเวลาของฉันคือเธอ

เทปคาสเส็ตมีเสน่ห์บางอย่างคล้ายกับชีวิตมนุษย์

เมื่อเรากดปุ่มเล่นก็จำเป็น ต้องฟังไปทีละเพลง ทีละแทร็ค

ในอัลบั้มเดียวกันอาจมีทั้งเพลงที่เราชอบและไม่ชอบ

ต่อให้กดเร่งได้มันก็ไม่สามารถข้ามไปอย่างรวดเร็ว

เหมือนปุ่มฟอร์เวิร์ดในเครื่องเล่นซีดีหรือไอพอดหรอก

แถมกดบ่อยเข้าเทปก็ยืดด้วยดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดคือต้องเปิดใจ

ดำดิ่งกับท่วงทำนองและเนื้อเพลงทั้งอัลบั้มตั้งแต่ต้นจนจบ

มันก็เหมือนภาพตัวแทนของชีวิตที่ต้องไหลไปตามจังหวะ

ตามครรลองมีทั้งดีและร้ายปนเปไปให้พบเจอ...

ความรักก็ไม่ต่างอะไรกับเทปคาสเส็ต

เคลื่อนผ่านสดับฟังทีละบทเพลง

ทั้งหวานขมหลอมรวมเป็นเขาและเธอ

--------------

ญาดา นักเขียนสาวผู้เปี่ยมความสามารถเดินทางกลับมาบ้านย่านเมืองเก่าเพื่อดูแลพ่อผู้เจ็บป่วย หลังจากไปใช้ชีวิตอยู่ต่างแดนกับแม่นานถึงสิบสามปี แต่มีสิ่งอื่นรอเธออยู่ด้วย นั่นคือสายลมหวนในความสัมพันธ์เก่าที่มีกับกุญช์ หนุ่มนักแต่งเพลงข้างบ้านที่เติบโตและเป็นเพื่อนสนิทเคียงข้างกันตั้งแต่เด็ก  ทั้งสองรื้อฟื้นความทรงจำผ่านสื่อกลางอย่างบทเพลงจากเทปคาสเส็ตต์นับพันที่กุญช์สะสมเอาไว้ ย้อนรำลึกความหลังที่เคยมีร่วมกันในช่วงเวลาไร้เดียงสาขณะเป็นเด็กวัยรุ่นยุค ๘๐-๙๐

กุญช์ พยายามเริ่มบทใหม่แห่งความรัก โดยใช้เรื่องราวประทับใจในอดีตที่เคยมีร่วมกันเพื่อปลุกถ่านไฟเก่า แต่สำหรับญาดาแล้วบทเพลงในวันเก่าไม่ได้มีเพียงแค่ความสุข แต่มาพร้อมความเศร้า ความสูญเสีย โดยเฉพาะยามคิดถึงจุดเปลี่ยนแห่งชีวิตที่ทำให้ทั้งสองลาจาก สุดท้ายแล้วท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง ความแตกต่างของยุคสมัย ห้วงเวลาทั้งอดีตกับอนาคตของคนทั้งคู่จะสามารถหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันและก้าวเดินไปพร้อมกันอีกครั้งหรือไม่


ขอเชิญรวมลุ้นไปพร้อมกัน อัลบั้มเพลงนี้จะจบลงอย่างไร เมื่อบทเพลงดำเนินมาถึงแทร็คสุดท้าย


ชอบพลอตเรื่องมาก เพราะชอบแนวความผูกพันอยู่แล้ว โดยเฉพาะแนวเพื่อนรักริมรั้ว คนข้างบ้านที่เกิดและเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก  ความรักความอาทรทั้งสองฝ่ายแน่ใจชัดเจน ไม่ใช่แบบเคยชินจนไม่รู้สึกตัวว่ารัก แต่หลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นก็ไม่ถูกที่ถูกเวลา จนทำให้ต้องจากกันในที่สุด

วิธีการนำเสนอที่ใช้การดำเนินเรื่องราวในอดีตควบคู่ไปกับปัจจุบัน ใช้ความหมายของบทเพลงมาเป็นสื่อแทนความรู้สึก คลาสสิคดีค่ะ ชอบจุดนี้ของหนังสือมากๆ เลย

และการเริ่มต้นแต่ละบทตอนโดยบทเพลงดัง เกริ่นนำโดยการกล่าวถึงเหตุการณ์สำคัญในยุคสมัย ตลอดช่วงอายุของคนวัยสามสิบ ใครอายุประมาณนี้เหมือนกุญช์กับญาดา คงได้ระลึกถึง แล้วเพลิดเพลินไปกับเรื่องนี้ได้ดี

การพยายาม "รักอย่างมีวุฒิภาวะ" เป็นเหมือนจุดหักเหของเส้นทางความรัก เกิดเป็นความไม่เข้าใจที่ทำให้ทั้งสองคนต้องเสียใจ คนหนึ่งพยายามจะลืม ก็ลืมไม่ได้  อีกคน ไม่เคยคิดจะลืม แต่การรอคอยก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีวันสิ้นสุด .. และเมื่อได้พบกันอีกครั้ง คนหนึ่งพยายามรื้อฟื้นเพื่อจะสานต่อ แต่อีกคนก็เหมือนจะเพียงพอแล้วกับความชอกช้ำ เป็นเหมือนดั่งเครื่องยืนยัน สิบสามปีที่ผ่านมา นานพอจะทำใจยอมรับความจริง ความผูกพันในอดีตเป็นเพียงแค่..อดีต ชีวิตต้องเดินต่อไปข้างหน้า และสุดท้ายคงถึงเวลาต้องเลิกหวัง และเลิกรอ 

เป็นพลอตเรื่องที่พอเดาทางได้ เมื่อพบว่าครอบครัวของหญิง (ญาดา) มีปัญหา และเมื่อมีเพื่อนนักเรียน "ปรางฉัตร" เข้ามาข้องเกี่ยว  ประจวบเหมาะกับสถานการณ์แวดล้อมที่ทำให้ต้องเลือกตัดสินใจ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผล หรืออารมณ์ ก็ตัดสินใจเลือกแล้ว

ทำให้นึกถึงซีรีย์ญี่ปุ่นเรื่องหนึ่งที่ถูกใจ บางครั้งคนเราต้องเลือกวางความรักเพื่อความฝัน ..หรือเพื่อใคร เพื่ออะไรบางอย่างที่สำคัญกว่าแค่คนสองคนจะรักกัน  และการทำแบบนั้นโดยทั้งสองฝ่ายเข้าใจกันว่าเราจำเป็นต้องแยกทาง   มันเท่มาก  แต่เรื่องนี้ต่างตรงที่ทั้งสองฝ่ายไม่ได้เข้าใจกัน  กุญช์เป็นเพียงฝ่ายเดียวที่ตั้งใจทำเพื่อหญิง แต่การที่หญิงไม่ได้รับรู้เหตุผลเรื่องนั้น มันจึงก็กลายเป็นว่าเธอต้องอยู่กับความเข้าใจผิดและเสียใจอยู่อย่างนั้นมานานแสนนาน

เป็นพลอตที่เหมาะมากกับการสร้างหนังรักซึ้งๆ สักเรื่องหนึ่ง (ความเข้าใจผิด และคิดว่าเขาไม่รักทำให้นึกถึงเรื่อง "สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก") แต่ถ้าเป็นละคร คิดว่าคงไม่เหมาะเท่าไหร่ เนื้อเรื่องมันน้อยไป ถ้าจะเป็นละครแบบหนึ่งเดือนที่เราได้พบกันอีกครั้ง แล้วที่เหลือก็เป็นการย้อนเรื่องราวในอดีตทั้งหมด เว้นก็แต่คนเขียนบทจะไปยืดๆ เอา

สำนวนดี พลอตเรื่องดี การดำเนินเรื่องดีมาก แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนขาดๆ อะไรไป คงเป็นเรื่องของคาแรคเตอร์ตัวละคร ทั้งพระเอก นางเอก เรียบๆ ด้วยกันทั้งคู่ ไม่รู้สึกว่าชอบนิสัย คำพูด การกระทำอะไรของเขาและเธอเป็นพิเศษ เพราะหากจะชอบหนังสือสักเล่ม การชอบพระเอก หรือ นางเอก อย่างน้อยหนึ่งคน เป็นปัจจัยที่สำคัญมาก  แต่เรื่องนี้แต่ละคนยังไม่มีอะไรถึงขั้นโดนใจ

แต่เรื่องนี้ก็มีบางอย่างที่โดดเด่น คือการถ่ายทอดความรักความผูกพันโดยใช้บทเพลง และกลุ่มเพื่อนสนิท  เหมียว ดนัย เหล่าบู๊ และที่ชอบมากคือ อนุชิต ที่นับตัวเองว่า ฉันก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง เธอผู้มีความฝัน ในอนาคตเธอจะเก็บเงินทำสวย (มุขคนสวย ชวนขำได้ตลอด)  บทบาทของเธอคือกามเทพตัวป่วนที่พยายามช่วยให้กุญช์กับหญิงลงเอยเป็นแฟนกันเสียที .. แต่จนแล้วจนรอด .. ก็ ......ยังไม่สมเจตนารมณ์..คนสวย

ความหม่นเศร้าเล็กๆ และคาแร็คเตอร์เรียบๆ ของกุญช์กับหญิง ทำให้อ่านช่วงแรกก็มีเบื่อๆ อยู่บ้าง แต่พอเข้าสู่วัยช่วง ม.ปลาย เรื่องก็เริ่มสนุก แล้วตอนท้ายๆ ก็ซึ้งทำน้ำตาซึมได้เหมือนกัน ด้วยเพลงที่ว่าง ของวงพอส เป็นเหตุบิ๊วอารมณ์ 

ทุกอย่างลงตัว ถึงแม้ความหวาน ความอบอุ่น จะบางเบาไปนิดนึงสำหรับเรา แต่ก็สอดคล้องกันดีกับธรรมชาติของพลอต เพราะกุญช์กับหญิงต่างยังเป็นเพียงเด็กวัยรุ่น และยังไม่ได้บอกความในใจและคบหากันเป็นแฟน  แล้วก็ต้องจากกันไป พอกลับมาพบกันอีกครั้งก็อยู่ในช่วงพยายามรื้อฟื้นความผูกพันของกุญช์ และการพยายามตั้งกำแพงของหญิง .. แผลใจในอดีตทำให้ไม่ยอมปล่อยให้ใจรื่นไหลไปกับอารมณ์ความรู้สึกได้ง่ายๆ

โดยรวมแล้วถือว่าเรื่องนี้  ซึ้งโรแมนติก


ในคำนำสำนักพิมพ์เอ่ยถึงเรื่องหนึ่งน่าสนใจว่า ในการประกวดนายอินทร์อวอร์ดครั้งที่ 14 เรื่องนี้เป็นหนึ่งในหกเรื่องที่เข้ารอบและมีเนื้อหาโดนใจที่สุด (และได้ตีพิมพ์) แต่ในครั้งนี้กรรมการทั้งหมดมีความเห็นตรงกันเป็นเอกฉันท์ว่าไม่มีเรื่องที่ได้รับรางวัล จึงรู้สึกอยากหานิยายชนะรางวัลนี้มาอ่านซะแล้ว เพราะอยากรู้ว่ามาตรฐานเป็นอย่างไร ขนาดเรื่องนี้ของคุณปองวุฒิที่ว่าโดนใจที่สุด..ก็ยังไม่ยอมมอบรางวัลให้ ชวนให้คิดไปว่า มันน่าจะมีเหตุผลบางอย่างของคณะกรรมการที่เราไม่อาจจะรู้     แต่ถ้าเป็นเหตุผลของตัวเองก็อย่างที่กล่าวมาแล้ว  สรุปว่าเรื่องนี้ ก็ชอบนะ โรแมนติกดี แต่มันยังไม่มากถึงจุดๆ หนึ่งที่มันจี๊ด  คงเหมือนตอนโค้ชของรายการเดอะว๊อยซ์ ชอบเสียง ชมเสียง ผู้เข้าประกวดรอบไบลน์ออดิชั่นบางคน คือ ชอบแล้ว เกือบแล้ว.. แต่มันยังไม่ถึงอีกนิดนึงที่โค้ชจะกดปุ่มแล้วหันมาหา ท่วงทำนองในรอยรัก สำหรับเราเป็นแบบนั้น

เสียดายอีกอย่างหนึ่ง ในเรื่องพระเอกเป็นนักแต่งเพลง  และบทเพลงสุดท้ายก็มีความสำคัญเป็นไคลแมกซ์ของเรื่อง เป็น "เพลงของเธอ" ที่ถูกเก็บกักไว้กับกาลเวลามาตั้งสิบสามปี ..เพลงที่จะคลี่คลายทุกอย่างที่ค้างคาใจในอดีต  ผู้แต่งนำบทเพลงต่างๆ มาใช้ประกอบมากมาย แต่เพลงของเธอ ดันมีแค่สามประโยค  (ขัดใจหลาย) หรือเจตนาจะเน้นคำสั้นๆ แต่ครอบคลุมด้วยความหมายทั้งหมดอันหนักแน่นแทนหัวใจรักที่มั่นคงของพระเอก  "กาลเวลาของฉันคือเธอ" ก็ไม่รู้สินะ

ชื่อเรื่อง  "ท่วงทำนองในรอยรัก" เหมาะเจาะเพราะพริ้งมาก

แต่ถ้าสมมติว่าไม่ได้ชื่อนี้ "กาลเวลาของฉันคือเธอ" ก็น่าจะเป็นอีกชื่อที่เหมาะดีจริงๆ




 

Create Date : 13 ตุลาคม 2556    
Last Update : 18 มีนาคม 2558 19:34:40 น.
Counter : 1708 Pageviews.  

แอบรักออนไลน์ .. 'รัก' ..พูดยาก.. มันคับปาก จึงต้องแอบรัก

 

....
รัก.. พูดยาก มันคับปาก  จำต้องอาศัยเครื่องมือช่วย
รักเธอ ลูกน้องใหม่คนหนึ่งของฉัน
รักนี้..ขอใช้ "โปรแกรมสนทนาออนไลน์" ก็แล้วกัน
เผื่ออะไรต่อมิอะไรจะดีขึ้น
แต่นึกไม่ถึงเลยว่า  วันที่ฟ้าหม่น... หัวใจหมอง
ทำให้ฉันได้รู้ว่า  "เจ้านาย" (เราอีกที) มีใจให้
เฮ้อ.. ใจหนอใจ ควรจะเลือกใครดี
ระหว่างคนที่เรารัก กับอีกคนที่รักเรา

 
“อวัศยา” เจ้านายสาวมาดดุเกิดมาหลงรักลูกน้องหนุ่มคนใหม่เข้าอย่างจัง
แต่เพราะมาดเจ้านายมันค้ำคอ งานนี้จึงต้องพึ่งโปรแกรมสนทนาออนไลน์
ในนามแผงว่า "คุณแอบรัก"
ทว่าความสัมพันธ์ที่เริ่มไปได้สวยของเขาและเธอ กลับต้องมาสะดุด 
ไม่ใช่เพียงเพราะมือที่สามที่เข้ามาสวมรอยเป็นคุณแอบรักตัวปลอม
แต่ยังรวมถึงมือที่สี่อย่าง "ลิปดา" เจ้านายหนุ่มรูปหล่อจอมเจ้าเล่ห์
ที่แอบรักอวัศยาอยู่เช่นกัน
เรื่องราววุนๆ ของคน "แอบรัก" จึงเริ่มขึ้น ผ่านหน้าต่าง MSN !

หยิบภาพมาจากกูเกิ้ลทั้งสองปกกับสองคำโปรย เพราะแสดงให้เห็นว่าความน่าสนใจของหนังสือที่เรายังไม่เคยอ่าน นอกจากผู้แต่ง พลอตเรื่อง คำโปรย คำวิจารณ์แล้ว รูปลักษณ์ภายนอกอันเป็นรูปธรรมสายตาแลเห็นจับจ้องต้องได้ ก็มีความสำคัญต่อการเรียกร้องความสนใจจากผู้เลือกซื้ออ่านด้วยเหมือนกัน  ชอบปกแรกดูสดใสน่ารักเข้ากับเรื่อง ปกของ สนพ.พิมพ์คำ ดูเชยไปนิด แต่ชอบคำโปรยมากกว่าของปริ๊นเซสที่โปรยดีแล้วแต่ยังขัดความรู้สึกนิดหน่อยเพราะในเรื่องจริงๆ ไม่ได้เล่าด้วย "ฉัน"

อ่านแรกรู้สึกเหมือนจะไม่ค่อยชอบใจนางเอก "อวัศยา"  คือ .. ก็เข้าใจคนที่แชตนะ ช่วงเวลาหนึ่งก็เคยติดแชตเป็นบ้าเป็นหลัง แต่ว่ากรณีของอวัศวยาเนี่ย ภาคหนึ่งวางมาดนิ่งดุเป็นเจ้านาย-ลูกน้องกันอยู่หลัดๆ พอแยกกันหันหน้าเข้าหาคอมฯ ก็กลายเป็นอีกภาคหนึ่งคือ "คุณแอบรัก" มันคงจะไม่แปลกอะไรถ้าแชตกับคนอื่นที่ไม่รู้จักตัวจริงของกัน แต่กับลูกน้อง "ปราณนต์" คนใกล้เคียง กับสถานการณ์ใกล้ชิด "ออฟฟิศเดียวกัน" มันใกล้เกิ๊น จนเหมือนเป็นคน "ตีสองหน้า" ตามที่พนักงานสาวรุ่นน้องนิสัยสตอร์เบอร์รี่  "พริบพราว" ว่าเอาไว้ก็ไม่ผิดนัก  แต่เมื่อมีผู้ชายคนนี้โผล่มา  "ลิปดา" ก็ทำให้นางเอกในอีกภาคที่เป็น "ลูกน้อง" ดูเหมือนจะเป็นตัวของตัวเองที่เป็นตัวตนของเธอมากกว่า เป็นคาแรคเตอร์ที่ชัดขึ้น และน่ารักขึ้นมากเลย

   
"ลิปดา" เป็นเจ้าของบริษัท เป็นเจ้านายของ "อวัศยา" มากว่า ๕ ปี ผู้ชายคนนี้ถึงจะไม่ใช่ผู้ชายในฝัน ไม่ใช่คนที่ "คุณแอบรัก" ..แอบรัก    แต่ สมมตินะ สมมติปกหลังไม่เล่าพลอต หรือไม่ระบุชื่อตัวพระเอกเอาไว้เลย ต่อให้ปราณนต์มีบทเด่นเป็นสำคัญให้สงสัยว่า 'พระเอก' รึเปล่า?  หากเมื่อลิปดาโผล่เข้ามา แม้ว่าจะเป็นเพียงนานๆ ที อย่างวอบแว่บในระยะแรก เราก็คงจะบอกได้ทันทีว่าคนนี้แหละ 'พระเอก' ตัวจริง ออกมาน้อย แต่ออกมาแต่ละครั้ง..อย่างเท่
 
พลอตเรื่องลงตัว  ลูกน้องหนุ่ม เจ้านายสาว และ เจ้านายหนุ่มของเจ้านายสาว อีกที  การให้อวัศยาเป็นคนแอบรัก และถูกแอบรัก ไปพร้อมๆ กัน สนุกดี  แล้วพอลิปดาเข้ามามีบทบาทมากขึ้น (แน่ล่ะ พระเอกตัวจริงนี่) อีตาปราณณต์ก็หมดเสน่ห์จากเราไปเลยทันทีด้วยเหมือนกัน เพราะปกตินิสัยคนอ่านคนนี้เองก็ไม่นิยมแนว 'เด็กกว่า' อยู่แล้ว  เท่าที่จำได้ ในชีวิตนี้เคยยอมดูซีรีย์ญี่ปุ่นเรื่องเดียวที่นางเอกแก่กว่าพระเอก เรื่องนั้นมันช่วยไม่ได้จริงๆ ที่พระเอกรับบทโดย คาเมนาชิ คาซึยะ (คาเมะ)  นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าเมื่อพระเอกเท่ๆ อย่างลิปดาปรากฏตัว  ปราณนต์ก็หมดความสำคัญ (ลำเอียงสุดๆ) 
 
ชอบนิสัยพระเอกมากมาย พูดสั้น เข้าประเด็นที่ต้องการ มาดนิ่งเท่ มาเร็วเคลมเร็ว และ "แมน" รู้สึกชอบคำพูดของลิปดาอยู่ตลอดทั้งเรื่อง  

 

"เขาต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อคุณหรือไง คุณถึงจะรักเขา?"  ลิปดาถามขึ้นเรียบๆ
"หรือคุณจะให้ฉันรักผู้ชายประเภทที่ปล่อยให้ฉันยืนโหนราวรถเมล์แล้วตัวเองนั่งหลับหน้าตาเฉยล่ะ?" เธอย้อน
"ก็ไม่ถึงขนาดนั้น..." เขาทำท่าเหมือนจะเรียบเรียงคำพูด "ผมแค่คิดว่า ถ้าคุณคิดแบบนั้น มันจะยุติธรรมกับคนที่รักคุณ แต่ไม่มีโอกาสจะเสี่ยงชีวิตเพื่อคุณเหรอ"

ชอบประโยคที่ไม่ได้บอกรัก แต่ให้ความหมายมั่นคง ชัดเจน 

 "เอ๊ะ..คุณหมายความว่ายังไง?"
 
"คุณรู้น่า..ว่าผมหมายความว่ายังไง"
 
ชอบฉากนี้ที่ลิปดา... นายแน่มาก 
..
"ดีใจด้วยนะ ที่ตอนนี้ได้รู้ความจริงสักทีว่าคนที่คุณออนไลน์คุยด้วยคือใคร"
"ความรักของคุณสองคน น่าประทับใจมาก"
..
ส่วนนางเอก ชอบเวลาที่เธออยู่กับลิปดา มันเหมือนว่านั่นแหละนิสัยของเธอจริงๆ และที่รู้สึกชอบนางเอกอย่างมาก คือ..แม้บางครั้งจะเจ้าอารมณ์(สมเป็นผู้หญิง)ไปบ้าง แต่ยามอารมณ์สงบใจเย็นลง ผู้หญิงคนนี้ก็รู้จักคำว่า "ขอโทษ"

 

Lipda says: อารมณ์ดีขึ้นหรือยัง
แอบรัก says: จะว่าอารมณ์ดีคงไม่ได้ ...เรียกว่าฉันทำใจเย็นกับคุณได้แล้วดีกว่า คุณลิปดาคะ ในฐานะที่คุณเป็นเจ้านายของฉัน ฉันขอโทษที่ตะโกนใส่หน้าคุณเมื่อกี้
Lipda says: ถ้าผมไม่ใช่หัวหน้าคุณ  ผมคงไม่ได้รับคำขอโทษนี้สินะ
แอบรัก says: คุณจะไล่ฉันออกหรือเปล่า?
Lipda says: ทำไมจะต้องไล่ออก..ผมเป็นฝ่ายผิด
แอบรัก says: แต่ยังไงคุณก็เป็นเจ้านาย เป็นเจ้าของบริษัท เป็นคนที่ฉันไม่สิทธิ์จะไปตะโกนด่า ไม่ว่าคุณจะทำตัวแย่แค่ไหนก็ตาม
Lipda says: เป็นวาทะที่ซาบซึ้งใจผมจริงๆ เลยคุณ
แอบรัก says: ขอโทษค่ะ
..
.............
ไม่รู้ว่าคำขอโทษกี่ล้านคำถึงจะทำให้เขายกโทษให้เธอได้
แต่บางที..เธอควรจะเริ่มเอ่ยคำแรกได้แล้ว
............
..
"ฉันขอโทษ"
"ขอโทษที่เข้าใจคุณผิด ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น"
..........
 ..
"ขอโทษเหมือนกันนะคะที่รุนแรงไปหน่อย"
 
เมื่ออวัศยาเอ่ยคำว่าขอโทษ เรารู้สึกชื่นใจแทนพระเอกทุกครั้งว่า ..เธอน่ารักจังเลย ทำให้รู้สึกว่านางเอกเป็นคนธรรมดา มีถูกเป็นมีผิได้ ชอบนางเอกธรรมดาๆ มากกว่านางเอกที่จะสวยเริ่ดเชิดหยิ่งหรือครองอารมณ์อย่างคนมีทิฐิมานะ ว่ากันง่ายๆ คือ ไม่ชอบนางเอกแนวเกรียน แนวปากจัด ขี้โกรธ ขาวีน อะไรเทือกนั้น  เรื่องนี้เห็นทีคงต้องขอยืมคำนิยมของบรรณาธิการ มาใช้สักหน่อย เพราะมันตรงใจดี สำหรับเรื่องนี้ "แอบรักออนไลน์"
 
สั้นๆ ชอบวิธีการนำเสมอที่ทันสมัย
ส่วนอื่นๆ น่ะเหรอ..  ขอบอกว่า 'จ๊าบ'

ถ้าเป็นเมื่อหลายปีก่อน นี่ถือว่ามันเป็นพลอตทันสมัยมากเลยนะ เรื่องราวที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการสนทนาออนไลน์มันเป็นเรื่องประสบการณ์ใกล้ตัวที่เราเข้าถึงได้ สนุกและชวนติดตามดี  แต่ที่ถูกใจจนอดหัวเราะไม่ได้ คือเรื่องการส่งอีเมลผิด จุดนี้อย่างเข้าใจความร้อนตัวของผู้ส่งผิด เพราะเคยมีประสบการณ์ตรง ถึงจะไม่ใช่เรื่องลักษณะเดียวกันกับในนิยายเรื่องนี้  แต่การเมาท์เพื่อนร่วมงานกับเพื่อนนอกบริษัท แล้วดันส่งเมล..พลาด...ไปถึงเพื่อนร่วมงานอีกคน ที่เป็นเพื่อนสนิทกับเพื่อนร่วมงานคนนั้นที่ถูกเมาท์ โอ้คุณเอ๋ย ...ไม่จำเป็นต้องไปขอร้อง อ้อนวอน หาข้ออ้าง ข้อออกตัวอะไรทั้งนั้น มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอกที่เรื่องจะเงียบหายไปอยู่แค่นั้น ..ไม่จำเป็นต้องทำอะไรทั้งนั้น เพราะมันทำอะไรไม่ได้ นอกจากปล่อยมันเป็นไป ดีนะนั่น ที่ไม่ได้ว่างนัก เลยไม่ได้เมาท์เยอะ แค่พาดพิงในสิ่งที่ขัดเคืองใจไปนิดหน่อย
..
ชอบบทสนทนาออนไลน์ของนายซิลลูเอตกับแอบรักด้วยค่ะ
นายคนนี้น่ารักดีเหมือนที่เคยเป็น..เสมอ

Silhouette says: นั่นสิ..ดูเหมือนทุกอย่างมันก็ลงตัวแล้ว ...ที่สำคัญ ฟังจากผู้หญิงคนนั้น ดูเหมือนว่ามิสเตอร์ L จะไม่ได้รักคุณเพราะความบังเอิญ แต่เขารักคุณมาตังนานแล้ว

แอบรัก says: แล้วถ้าเธอเข้าใจผิดล่ะ? บางทีมิสเตอร์ L อาจจะไม่ได้คิดอย่างนั้นก็ได้ คนอย่างฉันไม่เห็นจะมีอะไรดีเลย เขาจะมารักฉันตั้งแต่แรกได้ไง

Silhouette says: คุณจะต้องให้ใครมาช่วยยืนยันอีกสักกี่คนถึงจะพอใจ?

แอบรัก says: นี่คุณประชดฉันเหรอ ):

Silhouette says: เฮ้อ..ผมล่ะปวดหัวกับคุณจัง
..
แอบรัก says: นี่คุณ ทำไมพูดอย่างนี้ล่ะ .. ฉันก็ปวดหัวกับคุณเหมือนกันแหละค่ะ ทำไมนะ ถึงได้ดูเหมือนวันนี้คุณลำเอียง เข้าข้างนายมิสเตอร์ L นั่นจังเลย
..
Silhouette says: ผมไปดีกว่า
..

ชอบหลายๆ คำพูดเกี่ยวกับความรู้สึกในเรื่องนี้

 
ถ้าหากปราณนต์เปรียบเหมือนความฝันที่เธอใฝ่หา แต่ไม่เคยไขว่คว้ามาครอบครองได้..ลิปดาก็คือ 'ของจริง' ที่เธอสามารถสัมผัส ..รัก.. และ ..ได้รักตอบ
...
ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงได้ใจร้ายขนาดนี้นะ!  เธอเรียกเอาความรู้สึกทุกอย่างที่เธอเคยให้เขาคืนไป .. ยังไม่พอ เธอยังพยายามจะโยนความรู้สึกที่เขามีให้เธอกลับคืนมา

สรุปเลยว่าชอบค่ะ กับการอ่านผลงานของ "ร่มแก้ว" เป็นครั้งแรก เลยได้อุดหนุน "ต้นรักริมรั้ว" มาแล้ว แต่ขอลืมหน้าตาขอคิมเบอร์รี่และความไม่ได้ความในบทของ "บัว" และ "กบ" ด้วยบางครั้ง จากที่ดูละครช่องสามไปก่อนแล้วกัน ที่มันออกทะเลเสียจนน่าข้องใจกับการเขียนบท เจอคำวิพากษ์วิจารณ์ในพันทิปยิ่งทำให้อยากรู้อยากเห็นตามนิสัย  หนังสือเขาเขียนไว้อย่างไร มันต้องมีอะไรสนุกน่าสนใจอยู่นะ ถึงได้ถูกเอามาทำเป็นละคร

 




 

Create Date : 05 ตุลาคม 2556    
Last Update : 5 ตุลาคม 2556 11:16:53 น.
Counter : 4558 Pageviews.  

หากใจไร้จันทร์ คุณเทียนแสนดีกับผีถั่วงอก

 “เมื่อชายผู้นิ่งเงียบเป็นนิจ (มีรอยยิ้มเป็นอาวุธ)
ต้องพบกับสาวช่างเจรจาสุดขั้ว (มีการโวยวาย งอแง เอะอะอาละวาดเป็นอาวุธ)
สมการความลงตัวระหว่างสาวช่างจ้อกับหนุ่มรักสงบจึงเกิดขึ้น (หวังว่านะ)”

 ๐๐๐๐๐๐

ธีริทธ์เพิ่งหลุดพ้นจากครอบครัวที่อบอุ่นจนร้อนมาได้
ตั้งใจว่าจะได้ใช้ชีวิตแบบสงบเสียที
ที่ไหนได้ กลับต้องมาเจอ ‘ผีถั่วงอก’ คอยตามหลอกหลอนไม่เลิกราอีก
 
แต่ใครจะคิดว่าผีถั่วงอกที่วันๆ ไม่เคยมีเรื่องเครียด
เอาแต่จ้อๆๆ จนลิงหลับได้ จะมีปมเบื้องลึกเบื้องหลังให้เขาต้องออกแรงบู๊
แม้จะไม่ถึงขั้นดุเดือดเลือดพล่านแต่ก็ทำเอาแทบแย่
ในเมื่อมีชีวิตของผีถั่วงอกเป็นเดิมพัน เอ... หรือว่าที่จริงแล้ว
เขาเอาชีวิตตัวเองเป็นเดิมพันกันแน่หว่า

ถ้าอ่านจากคำโปรยบนปกอย่างเดียว ก็ตัดสินใจได้ทันทีเลยนะเรื่องนี้  "โวยวาย งอแง เอะอะอาละวาด"  เป็นคาแรคเตอร์ของนางเอกนิยายที่สามารถคัดทิ้งได้แทบจะทันทีแบบไม่ต้องมีลังเลใจ (เป็นนักอ่านที่ใจร้ายน่ะ)เพราะเป็นคาแรคเตอร์แบบที่เราและเพื่อนสนิทที่เป็นคอนิยายด้วยกัน ไม่ได้โทษผู้แต่ง แต่มักโทษตัวเองกันขำๆ ว่า 'เราแก่เกินไป' 

แต่หลังจากติดใจ  กลซ่อนใจ และ หนึ่งจันทร์กลางใจ ของ Yayoi หรือ ภัสรสา มาแล้ว ..  หากใจไร้จันทร์ เป็นเรื่องที่สามที่เลือกหามาอ่าน ซึ่งหากว่ากันด้วยพลอต เรื่องนี้น่าสนใจมาก พระเอก คุณเทียน-ธีริทธ์ ที่มีคาแรคเตอร์นิ่งเงียบ ออกแนว 'เด็กมีปัญหา'ถูกเมินเฉยจากคนในครอบครัว ขาดความรักความอบอุ่น ถ้าวัดจากแนวพระเอกในหนังละคร เช่น ล่องจุ๊น ข้าวเปลือก สุดแต่ใจจะไขว่คว้า โลกทั้งใบให้นายคนเดียว คิดว่าคุณเทียนในระยะแรกที่ แม่ไม่รัก พี่ชายใหญ่ไม่ชอบ (คุณโคม)พี่ชายรองกลั่นแกล้ง(คุณวาส์น) พี่สาวใหญ่ช่วยเหลืออะไรไม่ได้ (คุณ...อะไหร่หว่า)ก็ค่อนข้างจะเรียกร้องความรักความสนใจจากผู้อ่านที่ขี้สงสารอย่างเราได้มากทีเดียว

พลอตเรื่อง ถูกตัดหางปล่อยวัด ส่วนแบ่งสมบัติได้น้อย ต้องโยกย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดคิดประกอบอาชีพเลี้ยงตน สร้างเนื้อสร้างตัว เป็นอิสระจากครอบครัว โดยมีนางเอก 'ปักจันทร์' ผู้หญิงตัวเล็กๆ บอบบางที่จะมอบความรักความอบอุ่นเป็นคนสนิทมิตรคู่ใจอยู่เคียงข้าง แล้วสาวเจ้าก็มีปัญหาน่ากลัวให้พระเอกที่เป็นถึงอดีตนายตำรวจได้ออกโรงเป็นฮีโร่ผู้ปกป้อง  คนหนึ่งขาดความรัก คนหนึ่งได้รักความรักล้นเหลือ คนหนึ่งเงียบขรึมพูดน้อย คนหนึ่งพูดเก่งและแจ่มใสร่าเริง ถือเป็น 'การเติมเต็ม' ที่แสนจะ Matching เพอร์เฟ็คต์ลงตัว เป็นพลอตที่ถูกจริตอย่างมาก

แต่ .. ขอมีแต่อยู่แค่ข้อเดียวเท่านั้น  นางเอก- ปักจันทร์ นั้นมากไปนิดสำหรับเรา

พูดเก่งมากกก ยังพอโอเค แต่ที่เป็นปัญหาในทัศนติส่วนตนของเราเอง คือ การวางตัว  คือ ..คนแบบปักจันทร์เนี่ย  ถ้าเจอกับตัวในชีวิตจริง ช่วงแรกๆ คงจะมีคำถามเกิดขึ้นในใจว่า เราสนิทกันหรือ?  ต่อมาอีกหน่อยหลังรู้จักกันก็จะคิดว่า นี่เราสนิทกันมากพอจะพูดได้แบบนั้น ทำแบบนั้นได้แล้วหรือ?  และในเวลาต่อมา ก็จะพบว่า ..เราไม่ได้สนิทกัน เพราะมันคงจะยากแล้วล่ะที่เราจะเปิดใจเปิดโอกาสให้คนลักษณะนี้เข้ามาตีสนิทได้  Smiley 

ในมุมหนึ่งก็อาจมองเป็นคนเปิดเผยและมนุษยสัมพันธ์ดีเลิศ แต่ส่วนตัวคิดว่าเป็นการออกอาการมากไปหน่อย น้อยซึ่งความสำรวมและเกรงใจ แล้วยังไม่ค่อยชอบที่เธอเหมือนเป็นเด็กเล็กๆ ที่พี่สาวพี่เขยต้องคอยจ้ำจี้จ้ำไชดูแลเหมือนเป็นพ่อแม่ เรื่องเตือนให้กินผัก กินยา ให้ออกกำลังกาย  ค่อนข้างเป็นเรื่องน่ารำคาญสำหรับเรา ไม่ชอบที่ปักจันทร์งอนคุณเทียนแล้วขว้างกุญแจรถหรือกุญแจห้อง (ไม่แน่ใจในความจำ)ของคุณเทียนทิ้ง ถ้าเราเป็นคุณเทียน คงจะเกิดคำถามขึ้นในใจ เอ่อ .. เธอเป็นใครเหรอ เราเป็นอะไรกันเธอถึงทำตัวแบบนี้กับฉัน  แต่ในเมื่อคุณเทียนไม่ใช่เรา คุณเทียนที่เคยชินกับการวางเฉย เคยชินกับสถานภาพอันต่ำต้อยและไร้ค่าของตัวเองในครอบครัว จึงไม่รู้สึกสะทกสะท้านกับความประพฤติของปักจันทร์ที่ทึกทักเหมารวม ตั้งเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง แต่พอปักจันทร์สนิทกับคุณเทียนแล้วในครึ่งหลัง ความรู้สึกเหล่านี้จึงค่อยลดน้อยถอยลงไป เพราะเค้าก็สนิทกันแล้วนี่ จะกระเง้ากระงอดจะงอแงอย่างไรก็ปล่อยนางไปเถอะ 

แต่ ..อีกเหมือนกัน ที่เราคงเป็นคนส่วนน้อยกระมัง  เพราะเท่าที่อ่านรีวิวในอินเตอร์เน็ต ปักจันทร์เป็นคนที่น่ารักมาก ก็เป็นอีกด้านของมุมมองที่แตกต่าง และเท่าที่อ่านดู ความชอบ น่าจะเป็น 'ส่วนมาก'

ดังนั้น คิดว่า นิยายเรื่องนี้ คงจะต้องขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน ที่ยังคงอยากแนะนำให้ลองพิจารณาพลอตและลองอ่านดู ถ้าหากปักจันทร์ คือ ผู้หญิงที่น่ารักสำหรับคุณ .. เชื่อว่านิยายเรื่องนี้จะสนุกและเข้าข่ายชอบสำหรับคุณแน่ๆ เหมือนอย่างที่หลายคน ก็รีวิวมาแล้วว่าชอบ 

ส่วนตัว พอไหว เพราะได้ป๋าวิทกับหนูพะแนงน้อย (พระ-นาง หนึ่งจันทร์กลางใจ)มามีส่วนร่วมเป็นตัวประกอบที่ช่วยประคับประคองให้ยังคงอ่านต่อไป หวังจะได้พบเจอความสัมพันธ์ที่น่ารักของคู่นี้อีก และบทส่งท้ายของนายกระต่ายหูดำก็น่ารักดีสมกับที่รอคอย




 

Create Date : 29 กันยายน 2556    
Last Update : 5 ตุลาคม 2556 10:48:28 น.
Counter : 9130 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  

prysang
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.