แสงดาวฝั่งทะเล เมื่อความรักความชังเริ่มต้น และจะต้องปิดฉากลงบนเส้นทางสายเดียวกัน
พิมพ์ครั้งที่ ๑๑ สำนักพิมพ์อรุณ พ.ศ.๒๕๕๔ แสงดาวฝั่งทะเล ... การเดินทางที่แสนจะมหัศจรรย์ในชีวิต ความแค้น ความชิงชัง ความเจ็บปวด และความไม่เข้าใจกัน ที่ถูกกักเก็บมานานปีจากอดีต เปิดฉากเริ่มต้นบนรถไฟสายนี้ หากเวลากว่าครึ่งเดือนที่ต้องอยู่ด้วยกัน ทำให้ความเกลียดชังคลี่คลาย ความเจ็บช้ำ ..ตื้นเขิน และความไม่เข้าใจกัน แปรเปลี่ยนเป็นความผูกพันลึกซึ้ง ทว่าน่าเสียดาย ... ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงไปในทางตรงข้าม จะต้องปิดฉากลงที่ ..แสงดาวฝั่งทะเล ..เช่นกัน จากสำนักพิมพ์ เพราะความรักเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยากว่าจะดำเนินไปอย่างไร และจะลงเอยในรูปแบบใด การไปตั้งกฏกติกามารยาทให้กับ 'ความรัก' จึงไม่ใช่เรื่องจะปฏิบัติตามได้ง่ายๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เนื่องเพราะใจคนเราไม่มีสูตรตายตัว จะไปกะไปเกณฑ์อย่างไรก็ไม่ได้ทั้งนั้น ความรักใน 'แสงดาวฝั่งทะเล' ก็เป็นเช่นนั้น ความทุกข์ความสุขของตัวละครจึงขึ้นๆ ลงๆ อยู่กับอารมณ์ภายในที่ขัดแย้งกันเองอันเนื่องมาจาก 'ความรัก' แต่จะอย่างไร ความรักในทุกรูปแบบก็เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยจรรโลงโลก จรรโลงใจให้มีความสุข และทางสำนักพิมพ์ก็ขอมอบความสุขนี้ผ่านทาง 'แสงดาวฝั่งทะเล' แด่คุณผู้อ่านทุกคน สำนักพิมพ์อรุณ เมษายน ๒๕๔๒ อ่านจบแล้วถามตัวเองว่า พระเอกเรื่องนี้สมควรถูกรักที่ตรงไหน ? ใช่ว่าจะเกิดขึ้นบ่อยครั้งหรอกนะคะ กับหนังสือหรือละครที่หาเหตุผลให้รักพระเอกไม่ได้น่ะ ไม่ชอบเลยพระเอกที่ตัดสินคนง่ายนัก แสดงออกความดูถูกเหยียดหยามที่มีต่อนางเอกอย่างก้าวร้าวอย่างนั้น พูดออกมาแต่ละคำ อ่านแล้วสุดแสนจะปวดใจ เพราะโดยปกติส่วนตัว..ก็ไม่ค่อยจะกินเส้นกับพระเอกแนวเคียดแค้นชิงชิงอยู่แล้วด้วย แต่ ถึงพระเอกจะไม่ใช่แนวที่ชอบ ก็ยังอุตส่าห์รักนิยายเรื่องนี้มากมาย ( อ้าว .. เป็นงั้นไป ) อ่านแล้วซึ้งเหลือหลาย อินจัด และร้องไห้ไปซะเยอะ โดยเฉพาะตอนที่ ภวัต พระเอกของเรื่องได้เห็นภาพวาดโดยฝีมือของนางเอก วริษา รู้สึกราวกับว่า ความขัดแย้ง ความสองจิตสองใจว่าจะเกลียดสุดตัวหรือจะรักสุดใจของพระเอก มันมาหมดสิ้นความลังเลสงสัย เมื่อได้เห็นภาพนั้น ภาพเด็กผู้หญิงที่กำลังเล่นเงาใต้แสงเทียนที่จวนเจียนจะดับด้วยกิริยาเบามือ ... ภาพเด็กหญิงตัวน้อยที่อยู่ตรงหน้าเขา สะท้อนชีวิตในวัยเยาว์ที่แสนจะอ้างว้างของหญิงสาวออกมาได้อย่างชัดเจนที่สุด ... เรื่องนี้เริ่มต้นจากที่เคยดูละครของช่องเจ็ด แสดงโดย ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง กับ นิ้ง-กุลสตรี ศิริพงษ์ปรีดา แม้จะไม่ได้มีจิตใจชอบนักแสดงทั้งสองคนนี้มาก่อน อีกทั้ง พี่ทัช นั้นเป็นคนที่หน้าตาไม่เหมาะกับการเป็นพระเอกละครเอาซะเลย (แต่ตอนไปดูคอนเสิร์ต RS Meeting Return เมื่อต้นปี ก็กรี๊ดพี่ทัชคอหอยแทบแตกน่ะนะ) ดูแล้วก็คิดว่าพี่ทัชเขาตรงกับคาแรคเตอร์ของภวัต ในนิยายมาก ส่วนที่คุณนิ้งรับบท ฝน หรือ วริษา คิดว่าค่อนข้างจะแตกต่างไปพอสมควร คือเธอออกจะห้าวๆ ไม่ยอมคนอยู่มากเหมือนกัน (ถ้าสงสัยว่าละครนานแล้วทำไมยังจำได้ เพราะเพิ่งดูซ้ำในยูทูปไปไม่นานน่ะค่ะ) แต่พระ-นาง ทัช-นิ้ง ถือเป็นคู่ขวัญกันอยู่แล้ว ในละครจึงดูเหมาะสมกันมาก พาอินกับเรื่องราวจนต้องหาหนังสือนิยายมาอ่าน และนิยายก็ทั้งเศร้าทั้งโรแมนติก..เมื่อลงเอยอย่างแฮปปี้เอนดิ้งได้ยิ่งซาบซึ้งใจมาก เปรียบได้กับฟ้าหลังฝนที่นำความสุขสดชื่นมาให้หลังหยดน้ำตา หลังจากดูละครจบครั้งแรก ไปหายืมนิยายจากร้านเช่ามาอ่าน ต่อมาก็ซื้อหนังสือมาเก็บ แล้วที่เก็บก็เอามาอ่านเป็นรอบที่สามแล้ว (นี่ขนาดไม่นึกรักพระเอกนะเนี่ย) ตอนเป็นละคร เราชอบ ตุ๊กตา อุบลวรรณ ผู้รับบท รสนา นางอิจฉาที่ตามประสาครอบครัวไฮโซ ต้องมีการจับคู่ตามวัตถุประสงค์ เรือล่มในหนองทองจะไปไหนเสีย เธอจึงถูกหมายตาไว้เป็นคู่สร้างคู่สมกันกับภวัต แต่ที่ชอบสุดๆ ทั้งในหนังสือและในละครต้องเป็น คุณเมฆ (หาญ หิมะทองคำ) กับ อิชยา (สุรางคณา สุนทรพนาเวส) สองสามีภรรยาหนุ่มสาวที่แต่งงานกัน และลงหลักปักฐานครอบครัวอยู่ที่ซีแอทเทิล คุณสามีเป็นเพื่อนสนิทกับภวัต ส่วนคุณภรรยาเป็นเพื่อนสนิทกับวริษา ต่างคนต่างจึงชวนเพื่อนสนิทของตนมาเยี่ยมเยียนเพื่อท่องเที่ยวและพักผ่อนที่ซีแอทเทิล โดยฝั่งคุณภรรยามีความหวังอยู่ลึกๆ เผื่อบางที เพื่อนสาวผู้อาภัพของเธอจะมีโอกาสปิ๊งรักกับผู้ชายดีๆ อย่างคุณภวัตที่เป็นเพื่อนสนิทกับสามีของเธอเอง ใครจะไปรู้ล่ะว่า บนรถไฟแอมแทรคสายแสงดาวฝั่งทะเล (The Coast Starlight) จะเกิดเหตุตามที่ปกหลังโปรยไว้ข้างต้น ความแค้น ความชิงชัง ความเจ็บปวด และความไม่เข้าใจกัน ที่ถูกกักเก็บมานานปีจากอดีต เปิดฉากเริ่มต้นบนรถไฟสายนี้ สองสามีภรรยาไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง ไม่รู้ว่าเพื่อนทั้งสองเคยรู้จักกันมาก่อนในอดีตอันเลวร้าย เมฆกับอิชยาจึงต้องเผชิญกับบรรกาศอันมึนตึง และอึมครึมแบบแปลกๆ ในการอยู่ร่วมกันของเพื่อนผู้มาเยือน เดี๋ยวก็เหมือนจะดีกันชื่นมื่น อีกเดี๋ยวก็เหมือนจะมึนตึงใส่กันอย่างเย็นชา น่าประหลาดใจแท้ .. แต่หาเหตุไม่ได้ ซ้ำร้ายยังมีนางมารผจญ ที่ภวัตได้ดึงเอา รสนา เข้ามาเกี่ยวข้อง หวังใช้นางเป็นตัวช่วย คอยเป็นเกราะป้องกันความรู้สึกบางอย่างที่กำลังก่อตัวหยั่งรากฝังลึกลงในจิตใจ แต่เพราะความเป็นนางร้ายของรสนา ทำให้ภวัตยิ่งได้เห็นน้ำเนื้อจิตใจอันดีงามของวริษา และความรู้สึกที่พยายามซ่อนเร้นก็ยิ่งจะพลุ่งพล่านชัดเจนขึ้น วริษา ที่เขาได้ชิดใกล้ ช่างแตกต่างกันไกลลิบ กับวริษา ในเรื่องรับรู้ ในความรู้สึกความทรงจำครั้งอดีตที่เคยมีมา คนที่ทำให้ครอบครัวของคุณอาดุจเดือนที่เขาเคารพรักประดุจมารดาต้องแตกสลาย น้าเขยของเขาตายจากไป และหลานสาวของเขาต้องกลายเป็นเด็กพิการ เธอที่เขาได้รู้จักนิสัยใจคอที่ซีแอทเทิล ช่างขัดแย้งกับความเชื่อความฝังใจที่เขาเคยมี เกิดเป็นความสงสัยที่เขาไม่อาจหาคำตอบได้ เธอทำลายครอบครัวของอาดุจจริงหรือ เขาหาคำตอบไม่ได้ หรือบางทีอาจเป็นเพราะเขาเองไม่ต้องการจะค้นหา เพราะกลัวที่จะรู้ความจริงว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเคยพูด เคยทำไว้กับเธอต่างๆ นานา จะกลายเป็นความผิดที่ไม่อาจชดใช้ ไม่อาจให้อภัยตัวเองได้ หากคำตอบคือความจริงที่ว่า เธอไม่ได้ทำ นางเอกแบบวริษา เป็นนางเอกนิยายในคาแรคเตอร์ที่ชอบมาก ชอบแนวนิ่งๆ เรียบร้อย รักศักดิ์ศรี มีน้ำอดน้ำทนและเยือกเย็นนิดๆ อย่างช่วงแรกๆ เธอก็ปฏิเสธข้อกล่าวหา โต้ตอบคำด่าทอของพระเอกแข็งขันอย่างคนที่พยายามสู้เพื่อปกป้องตัวเอง แต่เมื่อนานๆ เข้า พูดอย่างไร พูดให้ตาย เขาก็ไม่เชื่อ เธอก็เหนื่อย เธอก็เบื่อ และเธอก็เลิกปฏิเสธ เขาจะเชื่อจะคิดอย่างไร..ช่างเขาเถอะ ชอบมากเลยค่ะที่นางเอกทำแบบนั้น เพราะเหนื่อยแทนมากแล้วเหมือนกัน แล้วทำแบบนั้นมันก็สะใจดี เรื่องนี้ชอบทั้งชื่อพระเอกและนางเอก ภวัต กับ วริษา แต่ชอบมากกว่าเวลาพระเอกรวมถึงตัวละครอื่นๆ เรียกนางเอกด้วยชื่อเล่นว่า คุณฝน บางครั้งพระเอกก็เผลอเรียก ฝน คำเดียว นั่นทำให้ยิ่งชอบมากเลยค่ะ เพราะให้ความรู้สึกเหมือนพระเอกเผลอใจสนิทและเอื้ออาทรต่อนางเอก นอกเหนือจากเรื่องราวความรัก อ่านเรื่องนี้ชอบมากอีกอย่างตรงที่เหมือนได้อ่านหนังสือนำเที่ยวไปด้วย แสงดาวฝั่งทะเล จึงเป็นนิยายรักโรแมนติกของกิ่งฉัตร ที่รักมากพอๆ กับเรื่อง ตามรักคืนใจ พฤติกรรมก็เหมือนกันเด๊ะ คือ ติดใจละครก่อน แล้วหาหนังสือมาอ่าน พออ่านหนังสือ ชักอยากดูละคร ตามดูละครย้อนหลังซ้ำรอบเสร็จ อยากอ่านหนังสืออีก! คิดว่าอีกสี่ห้าปีข้างหน้า ... คงได้อ่านหนังสือ และดูละคร รอบสี่ และต่อไปอีกสิบปีข้างหน้าอาจมี รอบห้า นั่นเอง จึงโดนเพื่อนค่อนขอดว่า ..ละครน่ะ ช่วยดูไปข้างหน้าได้มั้ย อย่าเอาแต่ดูย้อนไปข้างหลัง เพราะว่าฉันคุยกะแกไม่รู้เรื่อง ! ก็นะ ..คุณเพื่อน เคยได้ยินสำนวนไทยบ้างไหม ลางเนื้อชอบลางยา นานาจิตตังไงหล่อนเอ๋ย
Create Date : 16 สิงหาคม 2556 |
Last Update : 17 สิงหาคม 2556 8:00:02 น. |
|
10 comments
|
Counter : 1933 Pageviews. |
|
|
มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ
มาตามอ่านรีวิวหนังสือนิยายของคุณกิ่งฉัตรครับ เล่มนี้ผมยังไม่เคยเห็นไม่เคยอ่านเลยครับ สงสัยว่าจะต้องไปลองหามาอ่านดูบ้างแล้วล่ะครับ
อิอิ