เลือดรักกบฏหัวใจ _ ความรักฤาจะฝืนต่อโชคชะตา
เลือดรักกบฏหัวใจ , วัตตรา : เขียน สำนักพิมพ์ กรู๊ฟ ฟีล กู๊ด , พิมพ์ครั้งแรก มีนาคม ๒๕๕๘
หัวใจที่เปี่ยมด้วยรัก จำต้องอดทน เฝ้ารอวันที่จะสมหวังในรักด้วยความทุกข์ตรมแม่หุบเขาขวางหน้า ผืนน้ำจะปิดกั้นเส้นทาง เขาก็จะฝาฟันกับไป เพื่อให้หัวใจอีกดวงรู้ว่า รัก ของเขายังคงมั่น ทั้งที่หัวใจบางห้องเขาเปิดรับใครคนหนึ่งไปแล้วโดยไม่รู้ตัว เธอ เปรียบเสมือนผู้ชุบชีวิตใหม่อยู่เคียงข้างเขาทั้งยามสุขและทุกข์ พบกับ "เลือดรักกบฏหัวใจ" นวนิยายรักที่จะทำให้ทุกท่านยิ้มทั้งน้ำตา
แม้จะไม่เคยรู้จักนักเขียน "วัตตรา" ไม่เคยอ่านผลงานเรื่องใดมาก่อน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะคาดหวังไว้มากด้วยเหตุผลต่อไปนี้
ปกหนังสือ ดึงดูดความสนใจได้ทันที อะไรหว่า มีทหารถือปืน มีเครื่องบิน มีควันพวยพุ่ง หยิบอ่านเรื่องย่อหลังปก แว่บแรกในความคิดเลยคือ ความรักโรแมนติกดราม่าแบบ โกโบริ-อังศุมาลิน หนังสือเล่มหนา ราคาไม่เบา ๔๙๐ บาท เอาวะ .. ลองเสี่ยงดู เผื่อได้อารมณ์แบบคู่กรรมเลยเชียวนะ
คำนำสำนักพิมพ์ เนื่องจากนิยายเรื่องนี้ไม่ใช่แนวทางผี ลึกลับ เหนือธรรมชาติ ของสำนักพิมพ์ กรู๊ฟ พัลลิชชิ่ง แม้แต่น้อยนิด แต่เมื่อทางทีมงานของสำนักพิมพ์ได้อ่านต้นฉบับที่วัตตราส่งมาให้อ่าน ก็มีความเห็นตรงกันว่า นิยายเรื่องนี้มีคุณค่ามากพอๆ กับความสนุกสนาน มีพลอตเรื่องที่น่าสนใจ เป็นนิยายที่อ่านแล้วสร้างความรู้สึกดีๆ ให้เกิดขึ้นในหัวใจ จนไม่อาจเพิกเฉยให้นวนิยายดีๆ เช่นนี้ผ่านไปจึงเกิดการเปิดสำนักพิมพ์น้องใหม่ กรู๊ฟ ฟีล กู๊ด เพื่อจัดพิมพ์นวนิยายในแนวรักที่ผู้อ่านอ่านจบแล้วจะเกิดความรู้สึกอิ่มใจ มีกำลังใจและเกิดพลังในเชิงบวกขึ้นในชีวิต และได้จัดพิมพ์นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของสำนักพิมพ์ .... เป็นนิยายที่สร้างพลังได้ขนาดนี้ย่อมไม่ธรรมดาใช่ไหมล่ะคะ
จากใจบรรณาการ ที่กล่าวถึงว่านิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องราวความรักความผูกพันธ์ในครอบครัว ความรักในหน้าที่ และความรักจากหัวใจที่มีต่อใคร่บางคนซึ่งมีอิทธิพลต่อชีวิต นี่คือประเด็นของ "ความรัก" ที่ผู้เขียนนำเสนอ
คำนำนักเขียน ที่บอกว่า ...นวนิยายย้อนยุคเรื่องนี้ อิงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของโลกไว้ในระดับหนึ่ง เป็นสงครามเวียดนามที่เกิดขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๙๘ และสิ้นสุดเมื่อปี ๒๕๑๘ ในเนื้อเรื่องผู้เขียนไม่ได้ระบุปีชัดเจน แต่ตามเนื้อเรื่องมีนัยว่าสงครามเวียดนามเริ่มต้นมา ๒-๓ ปีแล้ว และดำเนินไปอีกเกือบ ๒ ปี มีเหตุการณ์ บุคคล สถานการณ์และสถานที่บางแห่ง บางหน่วยงานที่ผู้เขียนจินตนาการขึ้นมา เพื่อให้สอดคล้องกับเนื้อเรื่องที่วางโครงไว้...
ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น ประกอบเข้ากับปก รูปเล่ม และความหนาของหนังสือที่ดูดีมีราคา ชวนให้คิดว่ากำลังจะได้ค้นพบนักเขียนฝีมือดีที่ข้อมูลแน่นแบบสไตล์ โสภาค สุวรรณ บวกๆ กลิ่นไอความขมขื่นรันทดแบบ ทมยันตี หรือเปล่า ?
อ่านแล้วได้ใจอย่างนี้ว่า ... มีดีตามข้างต้นที่เกริ่นมา
เริ่มตั้งแต่ สำนวนภาษาที่ดี อ่านรื่นไหล พลอตเรื่องที่ดีมากๆ มีความน่าสนใจ ชวนติดตาม
การที่นายทหารพี่น้องสองคน เจษฎา-น้องชาย เป็นนายแพทย์ทหาร และ จอมพล-พี่ชายเป็น นายทหารหน่วยรบพิเศษสกอร์เปียนพิทักษ์ชน สองพี่น้อง รักผู้หญิงคนเดียวกัน คือ ไหมทอ คุณครูสาวสวยนิสัยดี โดยที่มีความสมเหตุสมผลพอในโชคชะตาอันก่อเกิดจังหวะเวลา ที่ต่างฝ่ายต่างไม่รู้ว่ารักผู้หญิงเดียวกัน หากว่ารู้ ความรักของพี่น้องนั้นมากพอจะเสียสละและหลีกทาง อย่างที่ใครคนหนึ่งก็ได้ทำในเวลาต่อมา แต่มั่นไม่ได้ยุ่งเหยิงอยู่เพียงแค่นั้น เพราะไม่ว่าจะเป็นความตั้งใจของใครบางคน หรือ เป็นเพราะพรหมลิขิตบันดาลชักพาไม่ว่าจะการพบเจอหรือพลัดพราก การจากไป หรือ กลับบมา ผู้เขียนทำได้ดีมาก ทำให้อยากจะรู้ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป อีกทั้งเมื่อเวลาไม่พอจะอ่านรวดเดียวจบ ถึงกับอดไม่ไหวด้วยความอยากรู้จึงพลิกหาคำตอบว่ามันยังไงกันแน่
อย่าเลียนแบบเชียวนะคะ นั่นเป็นการสปอยล์ตัวเองอย่างเสียหาย
สปอยล์ตัวเองเสร็จ ยิ่งรู้สึกว่านี่เป็นพลอตที่น่าสนใจมาก ผู้เขียนจะเขียนออกมาอย่างไรให้เรารู้สึกดีกับการลงเอยของความรัก ระหว่างชายสอง หญิงสอง ที่แม้จำนวนจะเท่ากัน แต่มันไม่ได้หมายความจะลงตัวแบบถูกใจไปซะทั้งหมด มันต้องขึ้นอยู่กับรายละเอียดเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น อารมณ์ความรู้สึกนึกคิดของตัวละครด้วย
ครึ่งแรกนั้นเราอินร่วมกับตัวละครมาตลอด แม้จะบ่นแล้วบ่นอีก ไหนล่ะ ...ประวัติศาสตร์ ไหนล่ะ สงครามเวียดนาม ซึ่งกว่าจะมีเอี่ยวก็ปาเข้าไปกลางเรื่องที่เป็นจุดหักเหความรักของสองทหารหนุ่มพี่น้อง และนางเอกอีกคนได้เข้ามาเกี่ยวข้อง "ไฮซิน" ลูกสาวของ "เหวียนดง" หมอยาสมุนไพรและหัวหน้าของชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่ภาวะสงครามทำให้ต้องพากันอพยพมาตั้งหมู่บ้านซุกซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา
สำหรับเราที่ชอบนิยายมีเกร็ดความรู้ประกอบแบบโสภาค สุวรรณ มันไม่ใช่อะไรแบบนั้นเลย แต่สำหรับคนที่ไม่ชอบความเยอะของโสภาค สุวรรณ อ่านเรื่องนี้คงถูกใจ เพราะมีกลิ่นไอแบบสภาพความเป็นอยู่ของชาวบ้านในภาวะสงครามให้พอสอดคล้องกับที่มาที่ไปของตัวละครเท่านั้น ไม่ได้เยอะอะไรนักในแง่ของเกร็ดข้อมูลหรือประวัติศาสตร์ ที่จริงแล้วนอกจากสร้างเหตุการณ์ในเวียดนามให้เกิดการพลิกผันกับตัวละครแล้ว เราไม่ได้รู้สึกถึงการอิงประวัติศาสตร์อื่นใดเลย ซึ่งผู้เขียน วัตตรา ก็ออกตัวไว้อยู่เหมือนกันว่าให้อ่านเพื่อความบันเทิง
ครึ่งหลังนี่แหละ ที่เราเริ่มมีความรู้สึกตะขิดตะขวงใจกับการกระทำของตัวละคร แม้จะเข้าใจได้ว่าเรื่องของความรักมันห้ามกันไม่ได้ และผู้เขียนก็ทำได้ดีซะจน เรารู้สึกว่า ไม่มีใครเลยที่ผิด มันคือความรัก มันคือจังหวะเวลา และโชคชะตา การปักหลักยึดมั่นรักไม่ลืมต่อใครสักคน หรือ การจะเปลี่ยนใจของใครสักคนจากรักคนนี้ มารักคนนั้น จากที่ตั้งใจจะเลือกคนนี้ แต่กลับเปลี่ยนไปเลือกอีกคน มันเป็นเรื่องเกิดขึ้นได้ และมันก็ไม่ใช่ในเวลาที่ผิดด้วย
แต่ ... เรามีทัศนติว่าความรักนั้นสามารถเกิดขึ้นเปลี่ยนแปลงได้ก็จริง แต่ความรักในแบบที่ชอบมันควรจะหนักแน่นมั่นคง และหากจะต้องเปลี่ยน อาจจะรู้สึกดีกว่าถ้ามันผ่านระยะเวลาที่นานกว่า ผ่านการซาบซึ้งในการกระทำอื่นใดที่ซื้อใจที่มากกว่านั้น ความรักนั้นจะรักใครก็รักได้ แต่ศักดิ์ศรีของตัวเอง หรือ การให้เกียรติกับอีกคนมันเป็นเรื่องของมุมมองจริงๆ ซึ่งมีตัวละครอยู่คนเดียวที่รู้สึกในแง่ไม่ดี และมันบ่งชี้ความรู้สึกตะขิดตะขวงใจของเราออกมาได้ ตัวละครที่ว่านี้ไม่อาจจะยอมรับและยินดีกับความรักนั้น เพราะเห็นว่ามันเป็นการ 'ไม่ให้เกียรติ' ต่ออีกคนในสถานการณ์ที่เป็นอยู่
มันเป็นจุดอ่อนไหวในมุมมองส่วนตนของเราเองที่นิยายเรื่องนี้ยังข้ามผ่านไปไม่ได้ ยกตัวอย่างเปรียบเทียบง่ายๆ ถ้าใครอ่านเกี่ยวกับกระทู้ละคร สุดแค้นแสนรัก ในพันทิปช่วงนี้ จะพบความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลายเกี่ยวกับ ความรักสามเส้าของเราสามคนของ ยงยุทธ ธนา และ หมอรัตน์ แต่ในละครเรื่องนี้ในมุมมองของแต่ละคนจะชี้การกระทำได้ชัดเจนว่าชอบหรือไม่ชอบเพราะอะไรที่เราเห็นว่าควรหรือไม่ควร ต่างจากนิยายเรื่องนี้ ...ที่เราเองก็ไม่แน่ใจว่าอะไรบางอย่างที่เราไม่ชอบใจนั้นคนอื่นๆ คิดอย่างไร แต่ว่านิยายเรื่องนี้ ความรัก และ ตัวละคร ไม่ได้มีอะไรเหมือนสุดแค้นแสนรักหรอกนะคะ เป็นเพียงการยกตัวอย่างเรื่องมุมมองเฉยๆ
แต่สิ่งที่โดดเด่นจับความรู้สึกคือความสัมพันธ์ของเพื่อนและครอบครัว
ความรักของเพื่อน ที่ร่วมสุขร่วมทุกข์ ร่วมเป็นร่วมตาย ผ่านตัวละครอย่าง บดินทร์ ที่เป็นเพื่อนสนิทของเจษฎา ความรักของพี่น้อง ระหว่างจอมพลกับเจษฎา และน้องสาวคนสุดท้อง จันทร์จิรา หรือ "หนูจันทร์" ของพี่ๆ ที่ความรักความห่วงใยในตัวพี่ชายทั้งสองทำให้เธอต้องพลอยเจ็บปวดไปกับความรักของพี่ๆ ด้วย และความรักของพ่อแม่แต่ละครอบครัวที่นำเสนอในมุมแตกต่าง ความรักที่ให้อิสระ เคารพการตัดสินใจ ถนอมหัวใจลูก ความรักที่ขีดเส้นตีกรอบ กะเกณฑ์ให้เป็นไปตามที่ต้องการ เพราะอยากให้ลูกได้รับในสิ่งที่คิดว่าดีที่สุด
อาจมีที่ไม่ค่อยถูกใจอย่างที่กล่าวมา แต่ยืนยันว่าดีพอที่จะแนะนำว่าน่าลองค่ะ
Create Date : 23 พฤษภาคม 2558 |
Last Update : 30 พฤษภาคม 2558 13:54:47 น. |
|
4 comments
|
Counter : 3401 Pageviews. |
|
|
ไม่ค่อยชอบรักสามเส้ารักซ้อนเท่าไรเหมือนกันค่ะ แต่ยืนยันว่าดีอย่างนี้น่าสนใจนะคะ