บางระจันยุคใหม่ที่ไม่มีวันตีแตก พวกเขาไม่ได้เอาควายไปรบ แต่เขารบเพื่อควาย
นวนิยายที่จะทำให้ฮาจนน้ำตาเล็ดและซึ้งจนขนลุกไปกับแง่มุมความรักของคนกับควาย
เรื่องราวของเหล่ากระบือบาลที่ละทิ้งทรัพย์ศฤงคารมาร่วมชีวิตในท้องทุ่งกับควาย โดยมี ใจเด็ดหรือที่พ่อเขาเรียกว่า ไอ้ฟาย เป็นขุนพล ผู้มีวลีเด็ดประจำใจว่า อย่าปล่อยให้เพื่อนควายตกงาน
ศึกระเบิดขึ้นเมื่อ สรนุช หัวหน้าฝ่ายขายรถไถยกพลบุกหวังแย่งชิงพื้นที่ของเพื่อนควาย ทั้งเล่ห์ ทั้งกล ทั้งลูกชน ลูกบ้า สารพัดงัดมาใช้ แต่ยุทธภูมิของเหล่ากระบือบาลไม่มีวันตีแตกได้ง่ายๆ เพราะความร่วมใจของกระบือบาลและเหล่าชาวบ้านทุกคน ที่สำคัญ! เจ้าของพื้นที่ตัวจริง สองเขาหนึ่งหางก็ยืนสี่ขาขึ้นมาช่วยด้วย จนกลายเป็นม็อบควาย
มาดูกันว่าระหว่างรถไถกับควาย ใครจะเหนียวกว่า...
นี่คือเรื่องควาย เพื่อควาย ที่อ่านแล้วจะหลงรักควาย
รับประกันเสียงหัวเราะแบบดำรงค์ อารีกุล ขนานแท้
"รถไถมา ควายม้วยในโรงฆ่าสัตว์"
"อย่าปล่อยให้เพื่อนควายตกงาน" นี่คือสโลแกนแสนเท่ ที่ใช้ได้ผลในการปลุกระดมมวลชนให้รักควายไม่ทอดทิ้งควาย ทำให้กลุ่มนายทุนผู้ค้ารถไถที่พยายามจะเข้ามาขยายตลาด ณ แดนดินแห่งนี้ ต้องเคยพ่ายแพ้กลับไปในทุกฤดูกาลไถนา ประหนึ่งพม่าที่เข้าล้อมกรุงศรีอยุธยาแต่ต้องยกทัพกลับไปเมื่อถึงฤดูน้ำหลาก
แต่พวกพม่ารามัญไม่เลิกล้มเช่นไร นายทุนรถไถก็ไม่เลิกราเช่นกัน
ทางฝ่าย "กองทัพรถไถ" จึงได้แต่งตั้งแม่ทัพคนใหม่เข้าบัญชาการ "สรนุช" ลูกสาวนายพลสรจักร เธอมาจากชาติกตระกูลที่ดีมีเลือดนักรบ ในครอบครัว พ่อแม่พี่ชายล้วนเป็นทหารมีภาพถ่ายเคียงข้างรถถังประดับไว้บนฝาผนังบ้าน แต่เธอคนนี้ได้เลือกแล้วที่จะหันหลังให้รถถัง เพื่อหันหน้าให้รถไถ นำทัพยี่ห้อ "คาบาตี้" เข้าประจันบานในสนามรบกับ "กองทัพควาย" ที่มีนาย "ใจเด็ด" เป็นแม่ทัพ นายคนดักดานดื้อด้านคนนั้นประจำการเป็นหนามยอกใจอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าสถานีบำรุงพันธุ์สัตว์อิสานใต้ พร้อมกับนายขุนพลเพี้ยนคู่ใจ สัตวแพทย์เกริกไกร ผู้นิยมแต่งกายสีฉูฉาด เจิดจ้าบาดตาอยู่กลางท้องทุ่งสีเขียวและฝูงควายสีดำ โดยไม่เคยนึกกลัวสักนิดว่าควายจะขวิดเอา
นี่คือเรื่องราวการต่อสู้ของคน เพื่ออนุรักษ์ควาย กับคน เพื่อขายเครึ่องจักร
มันไม่ใช่การต่อสู้ธรรมดา แต่ว่านี่คือสงคราม ที่จริงจัง และจริงใจ
เป็นยุทธภูมิศักดิ์ศรี เป็นปฐพีบรรพบุรุษ วีรบรุษ กระบือบาล บัฟฟาโลบอย
(คนเลี้ยงควาย กับ เด็กเลี้ยงควายอ่ะนะ )
กองทัพควาย กับกองทัพรถไถ กลยุทธการศึกของใครจะทำให้ได้ชัยเหนือดินแดน
ไม่ถึงกับจะเรียกว่าฮาหัวเราะ เป็นเนื้อเรื่องที่สนุกแบบขำๆ ทำให้อมยิ้มเสียมากกว่า แต่เนื้อหาสาระไม่ขำเลยสักนิดนะคะ เพราะนี่เป็นเรื่องจริงจัง ที่อยากให้ใครต่อใครได้อ่าน อยากให้เป็นตัวอย่างนิยายไทยไม่ไร้แก่นสาร มีสาระ มีแก่นที่จะสร้างตัวละครขึ้นมานำเสนอ แม้เรื่องความรักระหว่างคนสุดแสนจะจืดชืด แต่จะเป็นไรไปถ้าความรักที่คนให้กับควายนั้นสุดเข้ม..ข้น..คลั่ก ดั่งปลักควาย (พอชดเชยกันได้) ที่ผ่านการบอกเล่า บรรยาย ด้วยสำนวนภาษาที่น่ารักน่ายิ้มหัว
ตัวละครที่ชอบมาก คือ
โหม เจ้าควายเสียทุย ไม่ยอมลุย ไม่ยอมไถ เปรียบได้กับเป็นควายดื้อด้านไม่เอาถ่าน
โทน หัวหน้ายุวกระบือบาล คำง่ายๆ คือ หัวหน้า(หรือหัวโจก)เด็กเลี้ยงควายนั่นเอง
อ่านแล้วคิดถึงบรรยากาศบ้านนาต่างจังหวัด คิดถึงยามเด็กเคยร่ำร้องอยากขี่หลังควาย
แต่ที่นึกถึงมากที่สุดตลอดการอ่านราวกับมันเป็นฉากในนิยาย "สถานีบำรุงพันธุ์สัตว์อิสานใต้" ที่หัวหน้าใจเด็ดได้เน้นให้เป็นศูนย์อนุรักษ์ควายที่มีอยู่เป็นพันตัวในเรื่องนี้ คือ สถานที่แห่งหนึ่งซึ่งหากจะนึกถึง..ต้องนึกถึงควาย เนื่องด้วยที่นั่นเป็นโรงเรียนสำหรับฝึกควายและฝึกคน "กาสรกสิวิทย์" ในโครงการธนาคารโคกระบือเพื่อเกษตรกรตามพระราชดำริเขตจังหวัดสระแก้ว
วัตถุประสงค์ของสถานที่แห่งนี้คือ
.... สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิชัยพัฒนาจัดตั้งโรงเรียนกาสรกสิวิทย์ขึ้น เพื่อเป็นโรงเรียนสำหรับฝึกกระบือให้สามารถไถนาและทำงานด้านการเกษตรกรรม และสอนผู้ที่ต้องการใช้กระบือทำการเกษตรให้สามารถทำงานร่วมกับกระบือได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถดูแลกระบือให้มีสุขภาพแข็งแรง นอกจากนี้จะเป็นสถานที่ที่ให้ความรู้กับประชาชนในเรื่องวิถีชีวิต ความเป็นอยู่แบบพื้นบ้านที่เรียบง่าย และการใช้ชีวิตแบบพอเพียงตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย ...
ถ้าใครมีโอกาสได้ผ่านไปจังหวัดสระแก้ว อยากให้แวะไปเที่ยวชมนะคะ ถือเป็นสถานที่สีเขียวเหมาะสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ มีควายให้ชม มีน้ำ มีนาเขียวๆ แลดูสดชื่น มีร้านอาหารดีมีลมพัด ร้านกาแฟอร่อย "ควายคะนอง" ร้านขายสินค้าโอท็อปและของที่ระลึกน่ารักๆ ที่เต็มไปด้วยควาย ชอบมากที่สุด คือ ควายปั้นกระดาษแต่งแต้มสีสันเคลือบเงาสดใสด้วยใบหน้าควายยิ้มแฉ่ง ถ้ามีโอกาสได้ผ่านแวะไปอุดหนุนด้วยนะคะ อยากให้สถานที่แบบนี้ดำรงอยู่ได้เพื่อสังคมอย่างมั่นคง
งานของใจเด็ดที่ต้องต่อสู้ด้วยความอุทิศทุ่มเทอยู่ในเรื่องก็คล้ายๆ วัตถุประสงค์ของที่แห่งนี้เลยคือ อบรมเกษตรกร ฝึกกระบือ งานอนุรักษ์ วิจัยพัฒนา งานผสมเทียมแพร่พันธุ์ และยังปรับปรุงพัฒนาสายพันธุ์อีกด้วย แต่ งานต่อต้านรถไถ ไม่ใช่หน้าที่ของข้าราชการที่จะได้รับการสนับสนุนจากเบื้องบน และไม่ใช่เรื่องที่ใครจะมาเข้าใจถ่องแท้จนเห็นดีเห็นงานได้ง่ายๆ ซื้อรถไถไถนา ประหยัดแรง ประหยัดเวลาสิเข้าใจง่ายกว่ามาก
เมื่อมี สรนุช หญิงแกร่งกล้ามาท้ารบ นำทัพรถไถบุกทะลวงเข้าถึงถิ่น
... ศึกนี้จึงใหญ่หลวงนัก แต่ ใจเด็ดก็ไม่คิดจะถอยให้แม้แต่ก้าวเดียว
มาค้นพบนิยายสาระบันเทิงแบบ ธรณีนี่นี้ควายครอง เช่นเรื่องนี้
ทำให้รู้สึกดีมากเลยค่ะ ชื่นใจที่มีนิยายดีๆ แบบนี้
เรื่องควายๆ ที่มีแง่คิดดีๆ สอนคน
จึงขอย้ำ ...
นี่คือเรื่องควาย เพื่อควาย ที่คนรักควายต้องอ่าน
แล้วจะหาว่าคนไม่บอกต่อ ^^
ชอบประโยคนี้จังครับ 555