Group Blog
 
All blogs
 
ใต้เงาตะวัน... มีความสุขทุกครั้งที่ได้อ่านนวนิยายเรื่องนี้


หลังจากที่ไม่มีเรี่ยวแรงและพลังใจมากพอจะหยิบโน๊ตบุ้คขึ้นมาเปิดและเริ่มต้นทำงาน แม้ว่างานที่ควรทำก็มีอยู่ แต่ว่า หนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ เหมือนชีวิต (การทำงาน) มันเหนื่อยล้าเกินไป และฉัน.....ไม่ไหวแล้ววว ปล่อยวางมันเถอะ ถึงเวลาต้องผ่อนคลาย พรุ่งนี้เช้าวันจันทร์ค่อยว่ากันใหม่

และก็ไม่ผิดหวัง มันเป็นเวลาที่ได้ผ่อนคลายจริงๆ เมื่อหยิบเอานวนิยายเรื่องนี้ขึ้นมาอ่าน.. อีกครั้ง  แม้จะจำไม่ได้แล้วว่านี่เป็นการอ่านครั้งที่เท่าไหร่ สาม หรือว่า สี่  วันเวลาที่ผ่านไปนาน ทำให้ความทรงจำเกี่ยวกับเนื้อเรื่องนั้นลางเลือนไปหมด  แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยลืมเลือนเกี่ยวกับนวนิยายเรื่องนี้คือ 'พระเอก'

แม้ไม่แน่ใจว่าในบรรดานวนิยายของนักเขียนในดวงใจอย่าง "ปิยะพร ศักดิ์เกษม" ชอบเรื่องไหนมากที่สุด เพราะแต่ละเรื่องก็สื่อสาระไปในประเด็นที่แตกต่างกัน  แต่ก็สามารถบอกได้อย่างหนึ่ง..อย่างมั่นใจด้วยว่า "กรณ์ เชิญอิสราชัย" คือพระเอกที่รักมากที่สุดในบรรดาพระเอกนวนิยายของคุณปิยะพร

ตั้งใจว่าจะอ่านผ่านๆ ในเวลาสั้นๆ แก้เบื่อพักนึง  แต่แล้วก็คุณกรณ์นี่แหละ ที่ทำให้ต้องเริ่มต้นอ่านใหม่ทั้งหมดไม่ขาดตกบกพร่องสักตัวอักษร ยังคงอ่านสนุก และมีอิ่มเอมมีความสุขเช่นเดิม

จากคำโปรย (ปกหลัง)

ดวงตะวัน สาดแสงอุ่นนำทาง
ลาลับพ้นขอบโค้งของท้องฟ้า
ด้วยการค่อยเคลื่อนคล้อยราโรยแสง

ดวงตะวันของ "ปารีณา"
มิได้จากไปอย่างงดงามเช่นนั้น
แต่กลับไร้สิ้นซึ่งรัศมีกระจ่าง...ตลอดกาล
ตั้งแต่ยังมิได้ทาทาบลงสู่ผืนดิน
เสมือนมีปริศนาอันมืดดำมาพาดผ่าน

คำตอบภาย "ใต้เงาตะวัน" ที่เธอเฝ้าค้นหา
กลับเป็นสิ่งคลี่คลายอีกหลายปมปัญหาอันซับซ้อน
ซึ่ง"เธอ"หรือ"ใคร"ก็มิเคยคาดฝัน


จากผู้เขียน

ทุกสิ่งในโลกล้วนมีตำหนิ ไม่มีสิ่งใดสมบูรณ์พร้อม
ผู้คนก็เช่นกัน..สะอาด เก่งกาจ สูงส่ง งดงาม
บางครั้งก็เป็นเพียงการสร้างภาพ เพื่อลวงตาคนอื่นเท่านั้น
ทุกชีวิตล้วนมีแง่มุมและเรื่องราวลึกล้ำซับซ้อน
ซึ่งต้องเก็บงำซุกซ่อนด้วยกันทั้งสิ้น...
ก็ในเมื่อดวงตะวัน ยังมีเงามืดและจุดดับรอคอยอยู่

คนที่ไม่ยอมรับความจริงข้อนี้...
ไม่ยอมรับสรรพสิ่งเช่นที่มันเป็น ล้วนต้องเจ็บปวด

เช่นเดียวกับการไม่ยอมรับความเป็นปุถุชนของผู้อื่น
ไม่ยอมรับแม้กระทั่งความผิดพลาดของตน
กลับเฝ้าปฏิเสธและผลักไสเพียงสร้างเกราะเพื่อเก็บกั้นลวงตา
ก็เป็นความร้าวรวดอย่างยิ่งเช่นกัน

หากโลกนี้ม่ได้มีแต่ความผิดพลาดและทุกข์ตรม
มันมีความเสียสละ มิตรภาพ ความเห็นอกเห็นใจ ความรักและความสุข..
การเดินทางผ่าน คือการต้องยอมรับมันทั้งสองด้าน

..ยอมรับอย่างเต็มใจ เดินผ่านไปให้ได้อย่างกล้าหาญร่าเริง
ไม่ว่าจะเป็นด้านมืดหรือด้านสว่าง...

ด้วยความนับถือ
ปิยะพร ศักดิ์เกษม

คำนำนิยม รางวัลดีเด่น กลุ่มหนังสือนวนิยาย การประกวดหนังสือดีเด่นประจำปี พ.ศ.๒๕๔๓

เรื่องใต้เงาตะวัน เป็นนวนิยายที่นำเสนอความคิดว่า เราไม่ควรคาดหวังและยึดมั่นว่า สิ่งที่เชื่อว่าดีจะต้องสมบูรณ์ดีเลิศทุกประการ ในขณะเดียวกัน สิ่งที่เห็นว่าเลว ก็ใช่ว่าจะหาส่วนที่ดีมิได้เลย ดุจดวงตะวันอันยิ่งใหญ่ก็ยังมีจุดดับและเงามืด นวนิยายเรื่องนี้จึงแสดงให้เห็นว่า คนดีที่ใครๆ ยกย่องอาจจะมีจุดบกพร่องซ่อนเร้นอยู่

นวนิยายเรื่อง ใต้เงาตะวัน เปิดเผยแง่มุมชีวิตด้านมืดของตัวละครที่มีภาพลักษณ์งดงาม ดำเนินเรื่องโดยผ่านการสืบค้นหาความจริงของตัวละครเอกเพื่อแก้ข้อกล่าวหาเกี่ยวกับความทุจริตและคลี่คลายสาเหตุการตายอย่างมีเงื่อนงำของบุพการี ความจริงที่ค้นพบนั้นทำให้ตระหนักว่า โลกย่อมมีทั้งด้านมืดและด้านสว่าง สรรพสิ่งในโลกไม่มีความสมบูรณ์ดีพร้อม หากมีตำหนิหรือข้อบกพร่องไม่มากก็น้อย การยอมรับความจริงของชีวิตเป็นเรื่องที่ทำให้เจ็บปวด แต่การไม่ยอมรับความจริงกลับให้ความปวดร้าวยิ่งกว่า การเผชิญหน้ากับความจริงที่ขมขื่นอย่างกล้าหาญจึงเป็นคุณสมบัติสูงส่งข้อหนึ่งของความเป็นมนุษย์ ทำให้ก้าวพ้นความลวงไปสู่ธาตุแท้ของผู้อื่นและของตนเอง

นอกจากการนำเสนอแนวคิดที่แสดงปรัชญามนุษยนิยมอย่างแยบยลแล้ว นวนิยายเรื่อง ใต้เงาตะวัน ยังมีจุดเด่นด้านวรรณศิลป์ในการวางโครงเรื่องรัดกุม เร้าความสนใจ ชวนติดตามด้วยเหตุการณ์ลึกลับซับซ้อน เปิดเผยเงื่อนงำทีละน้อย ตัวละครทุกตัวมีความเป็นมนุษย์สมจริง มีความซับซ้อน และมีมิติลึกทางอารมณ์และจิตใจ ผู้เขียนมีความสามารถในการใช้ภาษาอย่างละเมียดละไม สร้างจินตภาพและสัมผัสอารมณ์ผู้อ่านอย่างลึกซึ้ง

นวนิยายเรื่อง ใต้เงาตะวัน ของปิยะพร ศักดิ์เกษม เป็นนวนิยายที่ให้ความบันเทิงและเสนอสาระทางปัญญาไปพร้อมกัน จึงสมควรได้รับยกย่องเป็นนวนิยายดีเด่น ประจำปี ๒๕๔๓

(คณะกรรมการตัดสิน การประกวดหนังสือดีเดี่น พ.ศ. ๒๕๔๓ กลุ่มนวนิยาย)

...................

นั่นคงเป็นคำนิยมที่เพียงพอ สำหรับการที่ผู้เขียนบล็อกจะไม่ต้องพยายามอธิบายซ้ำอีกว่าทำไม ใต้เงาตะวัน จึงกลายเป็นอีกหนึ่งนวนิยายเรื่องโปรดในดวงใจ 

เกี่ยวกับผลงานนวนิยายของผู้เขียนท่านนี้  ความจริงแล้วก็ใช่ว่าจะสนุกไปซะทุกเรื่องนะคะ แต่ถ้าเรื่องไหนชอบก็จัดว่าชอบสุดๆ ไปเลย  ถ้าเทียบกันแล้วยังมีนวนิยายที่อ่านสนุก สดใส โรแมนติกกว่าอีกมากจากนักเขียนอีกหลายท่านถ้าหากจะมองในแง่ของการเป็นนวนิยายที่มี 'พระเอก' 'นางเอก' และ 'ความรัก'  แต่ทำไมเมื่อถามถึงนักเขียนในดวงใจ ถึงต้องเป็น "ปิยะพร ศักดิ์เกษม" นั่นคงเป็นเพราะสำนวนการเขียนที่ชื่นชอบ การบรรยายฉาก เหตุการณ์ หรือแม้แต่ความรู้สึกนึกคิดที่ใช้ภาษาได้สละสลวย ชัดเจน แม้ว่ามันจะซับซ้อนก็สามารถเข้าใจตัวละครได้ ก็ถ้าไม่ชัด ไม่เข้าใจ บางเรื่องอ่านแล้วคงไม่รู้สึกว่าความเครียดลงตับ! แทบ(อ่าน)ไม่รอด หรือบางเรื่องก็เศร้าโศกสะท้านอก แค่อ่านนวนิยายจากตัวอักษรที่ร้อยเรียงเป็นเรื่องราวก็สามารถสร้างความหดหู่ใจสู่ก้นบึ้งกับโศกนาฏกรรมและอารมณ์หัวใจสลาย (กับเรื่องราวในนิยายที่อินจัด) ซึ่งก่อนจะได้ประสบการณ์การอ่านแบบนั้น กิตติศัพท์เลื่องลือก็ทำให้นึกกลัวที่จะหยิบมาอ่านอยู่นานเหมือนกัน แต่เพราะ "ฝีมือ" ที่เคยฝากความชื่นชอบเอาไว้ในหลายเรื่องก็ทำให้อดใจไม่ไหวต้องลิ้มลอง ลองแล้วก็จับจิตว่า..เยี่ยม แต่จะให้หยิบมาอ่านซ้ำ ขอบอกว่าย๊ากสสส์! เพราะแค่อ่านครั้งเดียวมันก็ขมขื่นสะเทือนใจเกินจะพอ  ถ้าใครเป็นแฟนหนังสือของนักเขียนท่านนี้เหมือนกัน คงจะเข้าใจแน่แท้เลยล่ะว่า ตัวผู้เขียนบล็อก กำลังพาดพิงถึงนวนิยายเรื่องอะไรบ้าง

แต่นั่นก็เหมือนเกลียดตัวกินไข่ เพราะผลงานที่ขอไม่อ่านซ้ำเหล่านี้แหละ ก่อเกิดเป็นความลังเลอยู่ทุกครั้งเวลาที่เห็นนวนิยายของคุณปิยะพรวางอยู่บนชั้นหนังสือในร้าน กลัวเครียด กลัวเศร้า แต่อีกใจหนึ่งก็ยังอยากอิน  แล้วส่วนใหญ่ทุกครั้งที่เล็งเล่มไหน..ก็พ่ายแพ้สิน่า

เกี่ยวกับใต้เงาตะวันที่หากไม่ตัดสินรวมกับเรื่องสะเทือนใจ  เรื่องนี้ขอยกให้เป็นความชอบอันดับหนึ่งในบรรดานวนิยายของนามปากกานี้  ความโดดเด่นในใจคือแง่มุมของตัวละครทุกคน ล้วนมีความน่าสนใจ ชวนติดตามค้นหา   หา...คำตอบของจิตใจ และท่ามกลางความน่าสนใจของตัวละครเหล่านั้น คนๆ หนึ่ง โดดเด่นและเป็นที่จดจำ

ขอไม่สปอยล์เนื้อเรื่อง แต่ขอสปอยล์ถึงคนๆ นี้ สักไม่น้อย

ในขณะที่ "กานต์" พี่ชาย คือตัวแทนของความดีงามสมบูรณ์พร้อม "กรณ์" น้องชาย กลับเป็นตัวแทนของความขาดตกบกพร่อง  ตัวเกกมะเหรกเกเร ไม่เอาถ่าน เป็นตัวปัญหาที่ถูกพ่อเนรเทศไปไกลถึงต่างแดน

คนเหลวไหลไม่ได้เรื่อง! ที่นางเอกของเรา "ปารีณา" หรือ "รีณ่า" ตั้งป้อมรังเกียจเดียดฉันท์ แต่เล็กจนโตที่เคยเติบโตขึ้นมากับพี่น้องตระกูลเชิญอิสราชัยไม่ต่างกับการเป็นครอบครัวใหญ่เดียวกัน เขาเป็นคนเดียวในบรรดาพี่น้องที่เธอหลีกเลี่ยงจะคบค้า ไม่ต้องการแม้แต่จะข้องแวะเสวนาด้วย

เพราะเธอเองก็เติบโตขึ้นมาอย่างดีพร้อม ลูกสาวคนเดียวที่ได้รับความรักการเลี้ยงดูให้อยู่ในกรอบดีงามจากพ่อคนดีที่ใครๆ ก็คิดไม่ต่างกันว่าเขาเป็นคนดีสมบูรณ์แบบ คนดีพร้อมสองคน "กานต์" กับ "รีณ่า" จึงถูกหมายปองไว้ครองคู่กัน

อะไรๆ ก็คงจะลงตัวไปหมด ชีวิตในเปลือกห่อหุ้มสวยงาม ที่จะดำเนินไปตามครรลองของมัน ถ้าเพียงแต่ ดวงตะวันฉายจะไม่ลาลับไปด้วยความสกปรกเปื้อนมลทิน

โลกสวยงามที่พลิกคว่ำ การต่อสู้เรียกร้องหาความยุติธรรมที่ใครๆ พากันเมินหนี ในความโดดเดี่ยวไม่เหลือใครนั้น 'เขา' คนที่เธอรังเกียจก็ก้าวเข้ามา 

ทั้งที่ในสายตาของเธอ เขาเป็นแค่ตัวป่วนที่ไม่เคยลงรอยกับใครสักคนในบ้าน และไม่เคยมีคุณสมบัติอันใดให้เธอต้องยกย่องนับถือเหมือนพี่น้องเชิญอิสราชัยคนอื่นๆ แต่ในยามที่ต้องเผชิญกับความเจ็บปวดสูญเสียคนที่เธอไม่เคยคิดว่าจะมีอะไรได้เรื่องสักอย่างกลับเป็นคนที่ปักหลักอยู่เคียงข้างเธอ ในขณะคนดีที่เธอคาดหวังกลับไม่มาให้เห็นแม้เงา ตลอดเวลาสิบห้าปีที่เติบโตขึ้นมาเธอเห็นกรณ์เป็นแค่แกะดำของครอบครัวที่ต้องวางตัวเหินห่างไม่อยากใกล้ชิดด้วย แต่ในยามโดดเดี่ยวอ้างว้างที่ได้ใกล้ชิด ได้มองเห็นตัวตนที่น้อยคนนักจะมีโอกาสได้เห็นและรู้จักให้ชัด    เธอจึงเพิ่งได้เรียนรู้ว่า กรณ์ มีดีมากกว่าเปลือกลวงตาที่ห่อหุ้มตัวเขาอยู่มากมายนัก  เปลือกที่เธอเพิ่งได้มองทะลุลงไปอย่างเปิดใจมากขึ้น และค้นพบน้ำใจเนื้อแท้จากหัวใจดวงนั้น  แม้เป็นเพียงช่วงระยะเวลาอันสั้นแต่ความซาบซึ้งใจที่มีก็หนักแน่นและผูกพันมากพอจะแปรเปลี่ยนเป็นความรักที่มั่นคง

นั่นเป็นเรื่องของนางเอกพระเอกเขา ที่แม้แต่ผู้เป็นพ่อของนางเอกก็มองเห็นอาการและคาดหวังกับอนาคตล่วงหน้าได้   "เบื้องหลังความไม่ลงรอย คือแรงดึงดูดอย่างรุนแรง"   ผู้เป็นพ่อถึงขั้นสั่งทอผ้าลูกไม้ไว้ให้ เพราะมั่นอกมั่นใจว่าลูกสาวสุดรักสุดดวงใจ จะได้แต่งงานกับใครคนหนึ่งไม่เกินต้นปีหน้า  ไม่ใช่กานต์ที่เหมาะสม เพราะเขาเชื่อว่าจะต้องเป็น...กรณ์ ผู้ไม่ลงรอย เขามักสนุกแกล้งทำตัวแย่ๆ เพื่อยั่วเย้าและตอกย้ำภาพของตัวเองในใจเธอเสมอ แต่ถึงจะเพียรกลบเกลื่อนเช่นนั้น คอยสร้างกำแพงเพื่อปกปิดความพึงพอใจในส่วนลึกสักเท่าไร มีหรือคนสูงวัยผู้อาบน้ำร้อนมาก่อนจะไม่รู้  ฮิโธ่ แม้แต่เด็กน้อยอย่างยัยก๋าผู้เป็นน้องสาวยังดูออก!  

น่ารักที่สุดเลย พระเอกนางเอกน่ะ

แต่ผู้เขียนบล็อกในฐานะผู้อ่าน หลงรักพระเอกมากกว่านั้น ส่วนหนึ่งคงมาจากพื้นฐานความชอบส่วนตนที่มักถูกใจพระเอกแนวนี้   แนวตอแย ขี้เล่น ยียวน กวนประสาท แต่ถึงเวลาจริงจังก็เอาจริง และพึ่งพิงได้

กับพ่อ  "เกียรติ" ที่ตราหน้าลูกชายไม่เอาไหน เป็นตัวปัญหาที่ต้องเนรเทศไปให้พ้นจากเมืองไทย  แต่ในความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูก มันคือความรักในรูปแบบหนึ่งที่เข้าใจกันอยู่เพียงสองคน กรณ์รู้..ว่าพ่อรักเขามาก   แม้กระทั่งคนอื่นภายนอกก็พอมองออกว่าในคำด่าเกรี้ยวกราดแท้จริงแล้วคนเป็นพ่อทั้งรักทั้งห่วงลูกชายคนเล็กมากเพียงใด   อิสระเสรีและความเป็นตัวของตัวเองที่ไม่ยอมก้าวตามรอยเท้าใครนั่น บางครั้งก็ทำให้พ่อนึกหวั่นว่าสักวันหนึ่งลูกอาจจะไม่กลับมา

กับพี่ชาย "กานต์" ในภาพลักษณ์แตกต่างราวขาวกับดำ ความรักระหว่างสองพี่น้องมีความผูกพันลึกซึ้ง ภายใต้แรงกดดันบีบคั้นในกรอบมาตรฐานของครอบครัวและคนเป็นพ่อ สองพี่น้องเลือกทางที่แตกต่างกัน คนหนึ่งรักจะดิ้นรนเป็นอิสระไปในทุกทิศทางที่ตรงกันข้ามกับแรงบีบคั้น ไม่สนใจกับภาพลักษ์ใดที่จะถูกประณามว่าเป็น  แต่อีกคนพร้อมที่จะยอมรับการอยู่ในกรอบที่ถูกกำหนดให้และยึดมั่น"ภาพ" อันขาวสะอาดดีงามนั้นครอบตัวเอาไว้อย่างเหนียวแน่น และจะไม่ยอมให้มีอะไรมาสร้างรอยตำหนิหรือพรากมันจากไป

ทางเลือกที่แตกต่างนี้ ส่งผลมากมายต่อเส้นทางเดินชีวิตและความแข็งแกร่งของจิตใจ เข้มแข็งหรืออ่อนแอ  คนหนึ่งต้องระหกระเหินใช้ชีวิตลำพังอยู่ต่างแดนนับสิบปี ส่วนอีกคนต้องแบกรับภาระเป็นคนดีศรีตระกูลแบบที่ไม่อาจกระดิกกระเดี้ยไปเป็นอย่างอื่นไดั  แต่ถึงเป็นเช่นนั้น สองคนพี่น้องก็รักและห่วงใยกันดี  คนหนึ่งเคยชินกับการถูกด่าถูกกล่าวหาเพราะมีภาพลักษณ์เป็นตัวปัญหาอยู่แล้ว ส่วนอีกคนการถูกตำหนิติฉินเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมให้เกิดขึ้นได้ และเพื่อภาพลักษณ์ที่ต้องรักษาไว้ บางครั้งเขาก็ต้องการความช่วยเหลือจากคนที่ไม่มีภาพความดีใดๆ จะต้องรักษาและยินดีจะเสียสละรับหน้าเป็นตัวก่อปัญหาแทน

กับน้องสาว ลูกพี่ลูกน้อง "กลิกา" หรือ "ก๋า" ท่ามกลางสภาพความเป็นไปของครอบครัวที่หมิ่นเหม่จะร้าวฉานและอาจลุกลามไปถึงขั้นแตกหัก  มีหลายคนให้เธอเลือกจะพึ่งพา แต่ในยามเดือดเนื้อร้อนใจ คนเดียวที่เด็กหญิงวัยสิบสี่ปีเรียกหาและไว้วางใจว่า "เข้าใจ" คือ "พี่กรณ์"

นอกจากปม การตาย ที่เป็นจุดเริ่มต้นดำเนินเรื่องค้นหาความจริงแล้ว  อีกเรื่องที่ซ้อนอยู่ในเรื่องนี้คือปัญหาครอบครัวของกลิกาที่ก็ชวนติดตามไม่แพ้กัน  จะว่าไปแล้ว ความสัมพันธ์ของ "พี่กรณ์" กับ " ยัยก๋า" ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องอยู่อาศัยในรั้วอณาเขตบ้านเดียวกันนั้น ก็แสบๆ ซนๆ น่ารักไม่แพ้คู่พระ-นาง ทุกการกระทำที่กรณ์ค่อยๆ ตะล่อมกล่อมใจไม่ให้น้องสาวเตลิดไปไหนไกลจากปัญหาที่มีอยู่   ตลอดจนการช่วยเหลือใครๆ .. ที่แม้วิธีการชี้ช่องจะลดเลี้ยว ยียวน กวนต่อมโทโสคนอยู่บ้าง  แต่มันก็ได้ผล  และนี่ก็อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้พระเอก..น่ารักมาก  

ภายใต้เปลือกของคนห่ามๆ บุ่มบ่าม ปากเบา ที่เอาแต่พูดโพล่งเสียดสีผู้คนนั้น ลึกลงไปคือน้ำใจกว้างขวาง เต็มไปด้วยความอ่อนโยนเอื้ออาทร เพราะเขาเติบโตอย่างคนนอกกรอบ และชีวิตในต่างแดนก็ทำให้ได้รู้จักผู้คนและมีประสบการณ์เรียนรู้มามาก เขาจึงเป็นคนที่พร้อมจะเข้าใจและยอมรับความเป็นปถุชนคนธรรมดาของใครๆ ที่มีได้ทั้งข้อดีและข้อเสีย คนธรรมดาที่อาจมีความบกพร่องหรือเคยทำสิ่งผิดพลาดใดในชีวิต  ความเข้าใจ ความอบอุ่น ความมั่นคงทางจิตใจ ที่ปารีณาได้รับจากกรณ์ ทำให้ตัวเธอเองได้เรียนรู้ เข้าใจ และยอมรับ ในสิ่งที่เธอไม่เคยเข้าใจและไม่คิดว่าจะยอมรับได้มาก่อน  โดยไม่รู้ตัว..คนที่สอนเธอให้มองโลกในมุมใหม่ มองผู้คนอย่างเปิดใจ ไม่ยึดติดอยู่กับเพียงความคิด ความเชื่อในมุมมองของตนเองฝ่ายเดียว   ก็คือคนที่เธอเคยเห็นว่าเขาเป็นคนไม่ได้เรื่องคนนี้เอง

ในยามเดือดร้อนของใครต่อใคร คนเหลวไหลคนนี้นี่แหละคอยปักหลักเป็นที่พึ่ง

และพึ่งได้อย่างอุ่นใจที่สุด 

นั่นเพียงพอไหม ที่จะทำให้หลงรักพระเอกเรื่องนี้หัวปักหัวปำน่ะ ยังมีอีกนะ ที่มากกว่านั้น ในช่วงท้ายๆ ของเรื่อง กรณ์เท่มากมาย กับการที่ เขายอมรับ เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างเข้าใจโดยดุษฏี เสียใจ แต่ไม่คร่ำครวญกับเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่เรียกร้องความเห็นใจ ไม่อะไรทั้งนั้น รักมากแค่ไหน เจ็บปวดและสิ้นหวังมากเพียงใด จิตใจของเขาก็ยังหนักแน่นที่จะตัดสินใจเลือกในสิ่งที่ต้องเลือก และจะทำในสิ่งที่ควรทำ

"ถ้าฉันช่วยไม่ได้.." เสียงถามของชายหนุ่มเหมือนพูดกับตนเองมากกว่า หากคนตอบก็ตอบทันควัน .. ขมขื่นทว่ามั่นคง

"ฉันก็คงอยู่ในโลกใบเดิมไม่ได้เหมือนกัน" คำตอบของกานต์เหมือนเป็นสัญญาณเตือน กรณ์มองเห็นความจนตรอกจนมุมอย่างแท้จริงในคำพูดและภาษาท่าทีของอีกฝ่าย

......................

ทันทีที่สิ้นคำ ดวงตาของกรณ์ก็แลสบเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลสวยใส และวินาทีนั้นกลับกลายเป็นวินาทีที่เลื่อนลอยอ้อยอิ่ง ... เหมือนค้างอยู่กลางสุญญากาศ .. เหมือนกับวินาทีเดียววินาทีนี้เนิ่นนานเป็นศตวรรษ..

..มีความสิ้นหวัง จนมุมและไร้ทางเลือกอยู่เต็มเปี่ยมในดวงตาของชายหนุ่ม มันกลบฝังความคมจัด แจ่มใส เปิดเผยที่เขามีจนมัวมนไร้แวว

.. หากจะทำอย่างไรได้ .. นี่คือพี่ชายคนเดียวของเขา! ..เป็นพี่เป็นน้องกันมานานกว่ายี่สิบแปดปี! เขาไม่อาจละทิ้งกานต์ได้..

ไม่ต้องหยุดคิด ไม่ลังเลแม้เพียงเสี้ยววินาที...

.........................

นั่นน่ะ การตัดสินที่ไม่มีลังเลกับสิ่งที่รู้ตัวดีว่าจะต้องสูญเสีย..และชั่วชีวิตนี้ อาจไม่มีความหวังอีกแล้ว กับความรักที่กรณ์รู้สึกว่ามันได้กลายเป็นซากปรักหักพัง แต่เขาก็ต้องเลือก 

ฉากนี้นะ ปลื้มจิตพระเอกมากๆ ลูกผู้ชายหัวใจหล่อมันต้องแบบนี้  นอกจากความช่างเย้าแหย่ที่น่ารักน่าหมั่นไส้แล้ว ความเป็นแกะดำในเปลือกไม่เอาไหน แต่เปลือกในเอาอ่าวเป็นที่พึ่งพาของใครๆ ได้ มีความรักความเข้าใจต่อผู้อื่น นี่แหละคือเหตุผล ที่ทำให้กรณ์เป็นหนึ่งในพระเอกนวนิยายในดวงใจ น่ารักที่สุดแล้วในบรรดาหนุ่ม ชื่อ ก. นามสกุลเชิญอิสราชัย ของ ปิยะพร ศักดิ์เกษม ส่วนอันดับสองนั้น ยกให้ "พี่กอบ" กอบบุญ และตามมาด้วย "พี่เกื้อ" เกื้อคุณ เชิญอิสราชัย จากบ้านร้อยดอกไม้ ที่คืนนี้ขอเริ่มรำลึกถึงนวนิยายเรื่องนี้กันอีกสักรอบ

ขอบคุณนักเขียนในดวงใจ " ปิยะพร ศักดิ์เกษม "  ที่เขียนนวนิยายดีๆ มีสาระต่อจิตใจมาให้อ่าน ตราบใดที่ยังเขียน ก็จะติดตามผลงานต่อไป เรื่องเก่าไม่เคยมีจะซื้อเก็บ เรื่องใหม่ออกมาจะซื้อไว้ มีโอกาสได้รู้จักผลงานของนักเขียนไทย ฝีมือดีๆ อย่างนี้แล้ว ต้องรักต้องหนับหนุนกัน  .. ไม่เลิกรา

แต่ว่า ถ้าจะดี  ขอแฮปปี้เอนดิ้งแบบเรื่องนี้ เรื่อยๆ นะคะ 






Create Date : 30 มิถุนายน 2556
Last Update : 16 สิงหาคม 2557 11:17:29 น. 12 comments
Counter : 19153 Pageviews.

 
เข้ามาบอกว่า ..จริตเดียวกัน

ตั้งแต่เคยอ่านนิยายมาตลอดชีวิต
จำไม่ได้ ว่านิยายเรื่องไหน ดีที่สุดค่ะ

แต่ถ้าถามว่า นิยายเรื่องไหน รักที่สุด
ขอตอบแบบไม่คิด รัก"ใต้เงาตะวัน" ที่สุด

รักพล๊อตเรื่อง รักธีมเรื่อง รักแก่นเรื่อง
หลงรักการดำเนินเรื่อง ที่ผูกโยงกันไปมา

และสุดท้าย รัก "กรณ์ เชิญอิสราชัย" มากที่สุดเช่นกัน


โดย: nikanda วันที่: 1 กรกฎาคม 2556 เวลา:3:21:21 น.  

 
เป็นเล่มโปรดที่อ่านหลายรอบมาก รักคุณกรณ์ อิจฉารีณ่า ทำให้อยากตามอ่านในเรื่องอื่นๆ ของตระกูลเชิญอิสสราชัยที่มีคุณกรณ์แจมมา

อยากให้คุณเอียดแต่งแนวนี้อีกจัง


โดย: ข้าวปั้น IP: 122.111.8.133 วันที่: 1 กรกฎาคม 2556 เวลา:6:35:26 น.  

 
คิดคล้าย ๆ คุณสองคนข้างบนนี้ค่ะ

แต่ส่วนตัวเล่มนี้ยังไม่ใช่เล่มที่ชอบที่สุดของปิยะพรค่ะ
ชอบนิยายรักเบา ๆ อย่างกิ่งไผ่ใบรักมากกว่า


โดย: แม่ไก่ วันที่: 1 กรกฎาคม 2556 เวลา:10:58:05 น.  

 
รักคุณกรณ์เหมือนกันค่ะ แม้ว่าจะน้อยกว่าพ่อเืทิดก็ตาม

อ่านรีวิวนี้แล้ว สงสัยต้องไปรำลึกความหลังกับคุณกรณ์สักหน่อยแล้ว



โดย: คอเล่า วันที่: 1 กรกฎาคม 2556 เวลา:11:52:20 น.  

 
prysang ชอบนางเอกสไตล์นิ่งๆ เรียบร้อยค่ะ ก็เลยชอบเรื่องนี้เป็นพิเศษ นางเอกเรียบร้อยคู่กับ พระเอกห่ามๆ ทะเล้นนิดนึง หรือไม่ก็พระเอกดุๆ เย็นชา (แบบบ้านร้อยดอกไม้) จะชอบมาก

อย่างของคุณกิ่งฉัตร ในบรรดาสามทหารเสือสาว ก็จะชอบฟ้ากระจ่างดาวที่หนึ่ง เพราะว่า พระเอกร่าเริง ทะเล้น ส่วนนางเอกนิ่งๆ เรียบร้อย เหมือนกัน

มาแนวนี้ล่ะก็เรียกว่าถูกจริตมาก


โดย: prysang วันที่: 1 กรกฎาคม 2556 เวลา:11:55:32 น.  

 
มาลงชื่อยืนยันว่า เรื่องนี้ชอบมากเหมือนคนอื่น ๆ ค่ะ


โดย: ~:พุดน้ำบุศย์:~ วันที่: 1 กรกฎาคม 2556 เวลา:16:19:31 น.  

 
ชอบมากๆครับ...แต่ชอบเรื่องราวของ กลิกา มากกว่าเรื่องของพระนางเสียอีก


โดย: อุ้มสม วันที่: 1 กรกฎาคม 2556 เวลา:19:03:15 น.  

 
จากรีวิวและหลายๆเสียงทำให้อยากอ่านมากกกกกค่ะ


โดย: สารพัดช่าง IP: 115.67.5.176 วันที่: 1 กรกฎาคม 2556 เวลา:20:12:30 น.  

 
เป็นหนึ่งในนิยายที่ชอบมากของปิยะพร ศักดิ์เกษม
และเป็นนิยายที่แนะนำให้อ่านมากที่สุดในงานของปิยะพร

แม้จะดราม่า(ปานกลาง) แต่มีความน่ารักของพระเอกนางเอก
พอที่จะทำให้คนไม่เคยอ่านไม่คุ้นดราม่าสไตล์ปิยะพรอ่านได้จนจบ


โดย: ฟ้าใส ในเงาจันทร์ วันที่: 1 กรกฎาคม 2556 เวลา:22:10:48 น.  

 
แมนอย่างเรา ยังไม่เคยอ่าน
คงไม่ใช่เรื่องแปลกใช่ไหมเนี่ย



โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 2 กรกฎาคม 2556 เวลา:20:49:41 น.  

 
จากรีวิวหลาย ๆ เสียง ทำให้อยากรู้จัก"กรณ์ " .... เร็ว ๆ นี้ เราคงได้รู้จักกันนะคะ ( กำลังหามาอ่านค่ะ )


โดย: muay IP: 202.32.86.109 วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:11:26:08 น.  

 
อยู่ดีๆวันนี้ก็คิดถึงกรณ์ขึ้นมาค่ะ ลองหาในกูเกิลเล่นๆดูเลยได้เข้ามาอ่านบล๊อคนี้ ใจตรงกะเรามากๆเลยค่ะ กรณ์เป็นพระเอกนิยายที่เรารักมากที่สุดเหตุผลก็คล้ายๆกันเลย ยิ่งพูดยิ่งคิดถึงเดี๋ยวพรุ่งนี้หยิบมาอ่านซ้ำดีกว่า ขอบคุณเจ้าของบล๊อคมากนะคะ อ่านแล้วอารมณ์ดีเลย. ^^


โดย: แสงดาวฝั่งทะเล IP: 1.47.10.134 วันที่: 16 สิงหาคม 2557 เวลา:0:44:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

prysang
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.