ข้อแลกเปลี่ยนที่เขาหยิบยื่นคือ
สัญญาหมิ่นศักดิ์ศรีในตัวเธอ
หากเพื่อชดใช้หนี้เธอพร้อมแลกทุกสิ่งแม้ว่าสุดท้าย...
จะต้องแลกด้วยหัวใจเธอก็ตาม
อยากอ่านนิยายรัก แนวดราม่าเจ็บหนึบ เรื่องที่มองหาคือ "หัวใจซ่อนกล- ติญญา"
แปดร้านจากห้าแบรนด์ทั้งใกล้ที่พักและที่ทำงาน บุ้คเฟรนด์ ซีเอ็ด แพร่พิทยา บีทูเอส นายอินทร์ ไม่มีอยู่เลย
หนังสือที่มี..ยังไม่อยากอ่าน หนังสือที่อยากอ่าน..ยังไม่มีให้หามาได้ .. มันเป็นเช่นนั้น
ไม่รู้จะอ่านอะไรจากตู้ของตัวเองดี ต้องอาศัยตู้ของคนอื่นนั่นคือ ร้านเช่าใกล้ที่พัก ตั้งอยู่ ณ ทำเลดี ตลาดมื้อเย็นซะด้วย หนังสือของ 1168 แอบซุกอยู่ในมุมเล็กๆ มุมนั้น ประหนึ่งเจียมเนื้อเจียมตัวต่อพี่ๆ แจ่มใส และพิมพ์คำ เมื่อก่อนไม่รู้จัก สนพ.ชื่อนี้เลย จนกระทั่งมองหาผลงานของคุณติญญานั่นแหละถึงเพิ่งจะรู้จัก
นิยายเรื่องนี้ ยังคงสนองอารมค์ดราม่าน้ำตาเล็ด แต่ให้คะแนนน้อยกว่า เงารักซ่อนใจ และ กับดักร้ายกลายรัก เนื่องจาก ไม่ค่อยคล้อยตามในความสัมพันธ์และเหตุผลของตัวละครเท่าใดนัก
เมื่อ "ยติ" น้องชายคนเดียวไปหลงรัก "มิยา" หญิงสาวฐานะยากจนที่ดูท่าทางไม่น่าไว้ใจ ในฐานะพี่ชาย "โยธัต" (ชื่อพระ-นาง เก๋ดีค่ะ) จึงต้องเข้าขัดขวางเพื่อหวังจะให้ยติมีอนาคตที่ดีกว่า ที่สำคัญ แม่ของเขายังอยากให้น้องชายได้หมั้นหมายแต่งงานกับ "ปิม-ปรียทรรศิกา" หญิงสาวนิสัยดีที่น่ารักและเพียบพร้อมทุกอย่าง แต่เมื่อน้องชายยังรักปักใจอยู่กับผู้หญิงคนนั้นไม่คิดเปลี่ยน เขาจึงต้องหาทางออกด้วยการเสนอเงินก้อนใหญ่ให้เธอ แลกกับการแต่งงาน.. กับเขา
อย่างที่คิดไว้ไม่ผิด..ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนหิวเงิน ได้ไปเท่าไหร่ก็ไม่พอ
ถ้าอยากแก้ปัญหาขอเพียงแค่จ่ายเงินให้ ทุกอย่างจะเรียบร้อย
แต่ ปรากฏว่ามันไม่เรียบร้อยน่ะสิ
แถมความเดือดร้อนยังก่อตัวขึ้นที่หัวใจ ..
เกิดความรู้สึกที่นำมาซึ่งอันตรายต่อความสัมพันธ์ที่หมายมั่นว่าจะแค่ "ชั่วคราว"
ไหนจะยังมี เจนรัศมิ์ "แฟนเก่า" เจ้าของแหวน ที่มีทีท่าชัดเจนว่าอยากจะลมพัดหวน
คนเคยเจ็บ เคยจดจำ เคยรักมาก ฝังใจ ไม่ลืม
หรือคราวนี้เขาจะลืม ..เพื่อเริ่มต้นใหม่กับรักคนเดิมอีกครั้ง
เจ็บจริงนะนั่น แต่มันแค่ติดขัดที่
ความสัมพันธ์_ ยติ เป็นคนที่ดีต่อมิยาที่สุด ช่วยเหลือเจือจุนในยามเดือดร้อนเข้าตาจน ตามความหมายอย่างนั้นน่าจะเป็น "เพื่อน" น่ะค่ะ ในมุมมองของตัวเองคือ คนที่เรานึกถึง ยอมละทิ้งศักดิ์ศรี ความอับอาย และร้องขอความช่วยเหลือในยามเดือดร้อน น่าจะเป็นคนๆ หนึ่งที่คนเราจะเปิดใจได้มากที่สุด แต่มิยาในเรื่องนี้ค่อนข้างนิ่งเฉยต่อ ยติ มันค่อนข้างแปลกในความคิดเราน่ะค่ะ ไม่รักไม่ว่าแต่เหตุใดไยต้องเฉยชา ปิดกั้น ถ้าซาบซึ้งในความดีก็น่าจะพยายามฝืนจะรักตอบสักนิด (อาการภูมิแพ้พระรอง T_T ) การที่คนเราจะสามารถหยิบยืมเงินใครสักคนได้ทีละมากๆ โดยไม่ต้องอธิบายเหตุผล ใครคนนั้นที่คนเรากล้าจะเอ่ยปากถึงความตกต่ำสิ้นหนทางด้วย น่าจะมีมิตรภาพความเป็นเพื่อนที่แน่นหนาในความรู้สึกมากกว่านั้นสักหน่อย
เหตุผล_ไม่เข้าใจ โยธัต การที่ตัวเขากีดกัน มิยา จากน้องชาย เพราะคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงไม่ดี จ้องจะจับน้องชายเพื่อปอกลอก แม่ของโยธัตกับยติก็ไม่ชอบมิยา เพราะว่าฐานะคนละชั้นอย่ามาสะเออะคิดรวยทางลัด แล้ว... คุณโยธัตคะ คุณจะยื่นข้อเสนอแต่งงานกับผู้หญิงที่ตัวเองรังเกียจ แม่ของตัวเองก็รังเกียจ..เพื่อ ?... (จะว่าเป็นเพราะความรัก ตอนนั้นก็ยังไม่มีวี่แวว) ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่านั่นเป็นการทำร้ายยติโดยตรง พี่ชาย ไปฉกเอาผู้หญิงที่รู้ว่า น้องชาย เฝ้ารักเฝ้ารอคอยอยู่มาเป็นของตัวเอง มันคือการหักหลังกันชัดๆ เรื่องนี้ถือสา ไม่ว่าเหตุผลใดของพระเอก .. มันหักล้างข้อนี้จากใจเราลงไปไม่ได้
ก็มีสองข้อนี่เองที่ทำให้รู้สึกสะดุด นางเอกมิยา ค่อนข้างจะ เฉยๆ กับยติ และ โยธัต .. ถ้าออกไปแนวเอาเงินฟาดหัว หรือถ้าเงินมันก้อนใหญ่จนต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยน จัดให้แรงเป็นเมียเก็บ หรือ ที่ภาษาน้ำเน่าเรียกว่านางบำเรอ น่าจะทำให้เข้าใจตัวละครได้มากกว่า 'การแต่งงาน' ก็มันออกจะงงๆ ตรงที่ไม่อยากให้มาเป็นน้องสะใภ้ร่วมสกุล แต่ก็แต่งงานจดทะเบียนให้ร่วมสกุล ถึงจะอ้างว่าชั่วคราว ก็คิดว่าไม่ค่อยเป็นเหตุเป็นผลต่อกันอยู่ดี มันเหมือนเป็นการบังคับพลอตมากไปสักหน่อยที่จะให้เกิดการแต่งงานอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน
แต่ถึงอย่างนั้น ...สุดท้ายก็ยังร้องไห้กับมิยาอยู่ดี ( อ่อนไหวซ้า)
คิดว่ามุมมองต่อเรื่องราวในนิยาย มีผลมาจากวัยและประสบการณ์ผ่านโลกของผู้อ่านด้วยนะคะ เรื่องนี้ถ้าอ่านตอนเป็นเด็กวัยรุ่น จะอินโดยไม่รู้สึกสะดุดอะไรเลย แต่เพราะตอนนี้เราไม่ใช่วัยรุ่นแล้ว (ไม่อยากจะยอมรับ แต่มันก็จริง) มุมมองเปลี่ยนไป ยกตัวอย่างเช่น มุขตบจูบ ตอนเรายังเด็ก ยังโลกสวย ดาวพระศุกร์ตบ คุณภาคจูบ หรือการมีนังตัวร้ายอย่างมาหยารัศมีมันสนุกมากกก ตอนนั้นเราชอบนายหัวปลุกปล้ำโศรยาจำเลยรัก สมน้ำหน้ายัยศันสนีย์หน้าแหก แต่ถ้าเป็นตอนนี้เราจะเอือมกับตัวอิจฉาขี้โวยวายว่าไม่มีเหตุผล ไร้วุฒิภาวะ ที่มากับข้อสงสัย คนจริงๆ จะมีแบบนี้ด้วยเหรอ เป็นไรมากป้ะ เพลีย! (ทำนองนั้น) และเรารู้ว่าการปลุกปล้ำนางเอกไม่ใช่วิถีสุภาพบุรุษที่พระเอกควรจะเป็นเลยสักนิด ทั้งที่เมื่อก่อนปล้ำกันมันก็ดราม่าดี ยิ่งถ้าท้องอย่างสวรรค์เบี่ยง ด้วยนะ ...เริ่ดมาก แต่สมัยนี้ใครเขียนนางเอกท้องหลังจากมีความสัมพันธ์กับพระเอกอย่างไม่เต็มใจ (ซึ่งก็เแทบจะเป็นไปไม่ได้ในนิยาย .ที่ต้องลงเอยด้วยอาการอ่อนระทวย- ยินยอมพร้อมใจเสมอ) มันจะเชยมากๆ เลยนะคะ เพราะสมัยนี้เขามียาคุมฉุกเฉิน เว้นแต่จะไร้เดียงสาหรือสะเพร่ากับชีวิตที่พลั้งเผลอไปขนาดหนัก
แม้จะติดใจสองข้ออย่างที่บอกไป แต่ถ้าเทียบกับผลงานสองเรื่องหลังที่เคยอ่านไปก่อนหน้า นั่นหมายถึงฝีมือที่พัฒนาขึ้น ส่วนของอารมณ์ทำได้ดีแล้ว ไม่ใช่ง่ายที่ใครจะเขียนดราม่าได้อิน เรื่องนี้เราคิดว่าอารมณ์ความเจ็บช้ำออกจะล้นไปในบางสถานการณ์เสียด้วยซ้ำ ถ้าพัฒนาพลอตให้ทันสมัย ไม่ซ้ำๆ พฤติกรรมบางอย่างของตัวละคร หรือเค้าโครงเรื่องเดิมของตัวเอง (ทั้งสามเรื่องเป็นความเกลียดชังจากการเข้าใจผิด-อีกเรื่องปมแค้นซ่อนรัก ก็น่าจะมาแนวนี้ด้วยเช่นกัน) จะชวนให้น่าติดตามผลงานทุกเรื่องไป เพราะตอนนี้ก็เริ่มจำแล้วล่ะค่ะว่า ถ้าอยากปวดใจมองหา "ติญญา"
ตอนนี้อยากอ่าน สุดท้ายของหัวใจ ยังไงต้องเป็นเธอ ที่พระเอกเป็นนักบาสหัวสกินเฮดน่ะค่ะ น่าจะเป็นผลงานช่วงแรกๆ ของการเขียน เพราะเป็นเรื่องวัยรุ่นรั้วมหาลัย ... ถูกโฉลกกันจริงๆ นิยายแบบนี้ ไม่ค่อยมีนักเขียนคนไหนสนองแนวพระเอกเป็น นักกีฬา ให้สักเท่าไหร่ ยิ่งหัว "สกินเฮด" เนี่ย เป็นทรงแพ้ทาง (ต้องโทษต้นแบบเท่ๆ อย่าง เวย์ ไททาเนียม ตามมาด้วย ไมเคิล สกอฟิลด์ Prison Break) เป็นรูปลักษณ์ที่หาได้ยากจากพระเอกในนิยาย เหตุผลใหญ่ที่ทำให้อยากอ่าน "ความรักเจ้าขา" ของคุณดวงตะวัน มาก ก็เป็นเพราะ พระเอกหัวสกินเฮดที่เชื่อว่าคาแรคเตอ์น่าจะถูกใจใช่เลย ด้วยเหมือนกัน
ชอบคำจากพ่อสอนลูก ในนิยายเรื่องนี้จัง
"..รักนั้นไม่มีสีดำหรือสีขาว"