แสงซ่อนเงา_เขาหรือใครในตัวตน
ต่อให้เป็นพี่น้องฝาแฝด แต่นิสัยก็ผิดกันราวหน้ามือหลังมือได้ ชลธร เรียบร้อย แสนดี ส่วน ชลชาติ ตรงกันข้ามกับคู่แฝดตน แม้จะแตกต่าง หากความต่างกลับช่วยเติมเต็มซึ่งกันและกัน แต่แล้ววันหนึ่งอุบัติเหตุก็ได้พรากชลชาติไป ชีวิตชลธรที่เคยเรียบง่ายพลันกลับกลายเป็นขาดสีสันนับตั้งแต่บัดนั้น ชลธรดำเนินชีวิตต่อมาอย่างมีคุณค่า ทดแทนในส่วนของชลชาติ เขาเป็นคนดียิ่งกว่าที่เคยเป็น หากตัวตนเช่นนี้ของเขา กลับไม่เป็นที่ยอมรับของ 'รุจี' หญิงสาวที่เพิ่งช้ำรักจากแฟนหนุ่มคนที่เคยคิดว่าใช่ จนพานเป็นโรคเกลียดผู้ชายแสนดีทั้งโลก หลายครั้งที่รุจีคิดว่าภาพคนดีของชลธรนั้นเกิดจากการเสแสร้งแกล้งทำ แต่แล้วความตั้งใจที่จะฉีกหน้ากากของเขาออกมากลับกลายเป็นการรนหาที่ เมื่อสิ่งซึ่งเขาพยายามซุกซ่อนไว้แย้มพราย โดยเธอเป็นเพียงผู้เดียวที่ได้รับโอกาส ให้ล่วงรู้ความลับ
เบื้องหลัง
ตัวตน
ที่แท้จริงของเขา เบื้องหน้า .. เขาช่างหล่อ รวย เพอร์เฟ็กต์จนใครๆ อิจฉา หากเบื้องหลัง กลับซ่อนตัวตนมืดมิดภายใต้รูปเงาตนเอง "แสงซ่อนเงา" เป็นชื่อเรื่องสามคำสั้นๆ แต่ฟังแล้วคลาสสิคดี ชอบตั้งแต่แรกเห็นผ่านสายตา พลอตฝาแฝดน่าสนใจ แต่จากคำโปรยปกหลังคิดว่ารู้ได้ทันที 'ความลับ' ของเรื่องนี้คืออะไร จึงปล่อยเรื่องนี้ผ่านมาจนป่านฉะนี้ และยังคงกลับมาตายรังกับผู้แต่ง "ภัสรสา" อีกครั้ง เพราะคำสามคำสั้นๆ "รน หา ที่" เขาอยู่ของเขาดีๆ เธอจะมาหาเรื่องคอยฉีกหน้ากากแสนดีของเขาทำไม อยากรู้นักใช่ไหมว่าตัวตนเขาเป็นเช่นไร ได้เลย ถ้าเธออยากจะ รน หา ที่ ถ้าอยากจะรู้นัก เขาก็จะแย้มพรายให้เห็น แต่ขอบอกเอาไว้เลย เธอได้ 'เคราะห์ร้าย' แน่นอน เปิดเรื่องได้น่าสนใจ ปูพื้นสองพี่น้องฝาแฝดต่างคาแรคเตอร์ ต่างการเลี้ยงดู เพราะพ่อแม่แยกทางแล้วแบ่งลูกกันคนละคน คนหนึ่งอยู่กับพ่อ คนหนึ่งอยู่กับแม่ ความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้อง อุบัติเหตุ และแฝดคนเดียวที่เหลืออยู่ "ชลธร" บทต่อมาเปิดตัวนางเอกมามัดใจในความแปลก "รุจี" กับความสัมพันธ์ที่น่ารักระหว่างพ่อลูก โรจน์ เขาเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว จึงสนิทกับลูกสาวคนเดียวที่เลี้ยงมาจนโต อยู่ด้วยกันลำพังสองคนมาตลอด บทบรรยายความรู้สึกนึกคิด และการสนทนาของสองพ่อลูกคู่นี้เกือบตลอดเรื่อง อบอุ่นน่ารักมากๆ ทำให้อมยิ้มได้ตลอด หลุดหัวเราะคิกคักออกมาก็มี แม้จะพูดจายียวน กวนอารมณ์กัน แต่ก็สื่อถึงความผูกพันใกล้ชิด "พ่อ ถ้าพ่อยังไม่หยุดว่าหนู หนูจะงอนพ่อแล้วนะ" "แล้วไง แกงอนฉันแล้วฉันเดือดร้อนอะไร ไหน..วานบอก กับข้าวฉันก็ทำให้แกกิน บางวันต้องลากแกจากโต๊ะทำงานไปโยนทิ้งบนเตียงให้ด้วย ผ้าฉันก็ส่งซัก บ้านฉันก็ทำความสะอาดเอง ไหน บอกซิ แกทำประโยชน์อะไรให้ฉันบ้าง ฮึ" แต่อะไรก็ไม่ฮาเท่าตอนโดนพ่อว่า แล้วรุจีเอาคืนด้วยการพูดดังลั่นร้านเนื้อย่างเกาหลีที่มานั่งกินกันพ่อลูกสองคน "เสี่ยจะไม่ยอมจ่ายค่าห้องให้หนูจริงๆ เหรอ!" จะว่ากล่าวหรือดราม่ากันอย่างไร สุดท้ายบทสนทนาพาทีของพ่อลูกคู่มักจะถูกลากลงมาสู่ความขำขันได้บ่อยๆ แม้การพูดจาภายนอกจะออกแนวยียวน แต่โดยความรู้สึกสองคนนี้ก็เป็นพ่อแหง่ลูกแหง่ที่สนิทกันมาก มีอยู่ตอนหนึ่งที่รุจีตอบคำถามของชลธรว่าเพื่อนสนิทที่สุดในชีวิตของเธอคือ "พ่อ" เราอินกับความหมายนั้นนะ เกี่ยวกับชื่อเรื่องส่วนตนคิดเอาเองว่า 'แสง' คือ ภาพลักษณ์ 'เงา' คือ ตัวตน และชีวิตของเขาคือ แสงซ่อนเงา_ ภาพลักษณ์ซ่อนตัวตน แต่ความหมายแท้จริงของชื่อเรื่องนี้ 'แสง' เข้าใจว่าหมายถึง นางเอก (ถ้าเข้าใจไม่ผิดน่ะนะ) 'เงา' คือ พระเอก และเธอคือแสงสว่างทีทำให้รูปเงาในชีวิตหายไป แล้วเหลือไว้ซึ่งตัวตน พลอตเรื่องนี้เหมาะกับการจะนำไปสร้างละครดราม่าครอบครัว อัดใส่รายละเอียดอารมณ์ตัวละครเข้าไป คิดว่าจะได้เรื่องราวฝาแฝดที่สนุกมากเรื่องนึงเลยล่ะ ธีมความรักก็น่ารักดี ชอบที่ผู้เขียนกล่าวถึงไว้ว่า 'ถ้าใครเคยชินกับประโยค พระเอกวายร้ายที่ร้ายกับคนทั้งโลกแต่ดีกับนางเอกคนเดียว เรื่องนี้ขอสลับเป็น เป็นพระเอกแสนดีที่ดีกับคนทั้งโลกแต่ร้ายกับนางเอกคนเดียว' ใช่เลยล่ะ แหวกแนวอย่างนี้ย่อมน่าสนใจ เสียดายแต่ว่ามันยังไม่จี๊ด เพราะตอนอ่านคำโปรยปกหลัง เราไพล่ไปวาดภาพ 'ร้าย' เอาไว้ซะก่อน ร้ายเกเร ดราม่า เย็นชา ร้ายประเภทชวนกังขาเจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันไย แต่พออ่านแล้วไม่ใช่ เป็นร้ายแบบเด็กๆ หยอกเย้า ยั่วโมโห แกล้งกันวันละนิดจิตเอาคืนปลอดโปร่ง อารมณ์ตื่นเต้นกับการพบตัวตน และที่พักใจของคู่พระนาง จึงดรอปลงไป แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังน่ารักกันอยู่ รุจี เพิ่งอกหักมาจากแฟนบุคลิกแสนดี เจอเจ้านายคนใหม่เป็นหนุ่มแสนดีที่คนรอบข้างบรรดามีล้วนชื่นชมยกย่อง แต่.. ภายใต้ท่าทีสุภาพใจดีตลอดเวลานั้น รุจี ได้เห็นอะไรบางอย่างชวนสงสัยว่าเขาคนนี้ 'ดี' แน่หรือ ? ถ้าหากว่าไม่แน่ แล้วทำไมต้องแสร้งทำเป็นดี ไม่ไหวแล้ว หมั่นไส้คนดี เห็นแล้วไม่สบอารมณ์ ทางเดียวที่จะหายหงุดหงิดก็คือการได้เห็นเขา 'หลุด' จากหน้ากากมาดคนดี ชลธร อึดอัดคับข้องใจมาครึ่งชีวิตกับการเป็นคนแสนดี การได้พบใครสักคนที่ 'ไว' ต่อความรู้สึกแท้จริงของเขาอย่างน่าประหลาดใจ แถมยัง 'จับได้' คาหนังคาเขากับอาการคนดีตีหน้าตาย เมื่อถูกยั่วโมโหจน 'หลุด' ร้ายไปแล้วครั้งหนึ่ง ก็เห็นทีว่าคงไม่จำเป็นต้องดี-ตีบทแตกกับเธอคนนี้อีกต่อไป ให้เขาทำตัวอย่างไรกับเธอ คนอื่นก็ไม่มีทางรู้ เพราะต่อให้เธอนำพฤติกรรมอีกด้านของเขาไปแฉ ก็อย่าหวังเลยว่าจะมีใครเชื่อ เพราะเขามันคนเครดิตดี ที่อยู่อย่างนี้มายาวนานอย่างแนบเนียน ขืนพูดมากไป ดีไม่ดี เธอเองนั่นแหละ รุจี จะเสียคน หึ หึ หึ ฟ้ามีตาเสียนี่กระไร จึงส่งใครสักคนมาให้ เพื่อปลดปล่อย...ด้านมืด โดยพลอตชวน 'ดราม่า' แต่โดยอารมณ์ส่วนใหญ่ของเรื่องยังคงเป็น 'แจ่มใส' ต่อให้พระเอกอายุเข้าเลขสามเป็นผู้บริหารจัดการบริษัท นางเอกก็คนทำงานวัยยี่สิบกว่า แต่ดูเหมือนว่าสำนวนสนุกรื่นรมย์ของผู้เขียนที่มักจะมากับบรรยากาศน่ารักน่าเอ็นดู ทำให้จินตนาการที่มีถึงพระ-นางมักจะเกิดเป็นภาพที่อ่อนวัยกว่าอายุอานามในหนังสืออยู่บ่อยๆ แล้วความแตกต่างสองบุคลิกก็ไม่เชิงเป็นสว่าง-มืด หรือ ดี-ร้าย แค่เป็นเพียง ความสุภาพอ่อนโยน กับทะโมนโผงผาง ที่เคยเดาว่าเรื่องนี้จะเป็นดราม่าเข้มข้น จึงเหลือเพียงดราม่าเบาๆ พอเร้าอารมณ์ บรรยากาศน่ารัก คือ บริษัทเล็กๆ ในต่างจังหวัด (แต่จังหวัดไหนไม่รู้) สังคมคนทำงานแบบกันเอง บ้านที่ไม่ไกลจากออฟฟิศ และเดินทางไปทำงานด้วยการปั่นจักรยาน ภาพ กอล์ฟ พิชญะ ปั่นจักรยานไปทำงานในละครเรื่อง ลูกหนี้ที่รัก ลอยเข้าหัวมาเลยทีเดียว แต่หน้าตากอล์ฟไม่เหมาะกับบทนี้ เราเลยติดภาพเค้ามาเฉพาะขาปั่นจักรยานกับสไตล์การแต่งตัวเท่ห์ๆ ในภาพลักษณ์สบายๆ ภายใต้ใบหน้านุ่มนวลยิ้มแย้มใจดี จากที่อ่านก็ไม่มีภาพแน่ชัดนักว่าพระเอกของเราแต่งตัวสไตล์ไหน ก็เลยจิ้นกันไปให้ถูกใจกับมโนนึกของตัวเอง photographs by Wouter Brandsma //wouter28mm.wordpress.com ชอบในเหตุผลการกระทำของตัวละครทุกคน โดยเฉพาะเหตุผลของพ่อ และ แม่ รวมถึงตัวชลธรเองว่าทำไม่ต้องใช้ชีวิตซ่อนเงา ซึ่งการตัดสินใจในท้ายที่สุดของเขาก็เป็นอะไรที่เท่ห์ดี ได้ดั่งใจ ใช่เลย แต่ส่วนของอารมณ์คิดว่ายังบิ๊วมาน้อยไป เพราะการดำเนินเรื่องส่วนมากจะอยู่ที่ความสัมพันธ์น่ารักเรื่อยๆ ของพระนาง เรื่องส่วนที่เกี่ยวข้องกับปมไม่ค่อยเข้มข้นเท่าไรนัก อารมณ์จึงไม่พุ่งเท่าที่หวัง คิดว่าถ้าใส่ความสัมพันธ์ห่างเหินของ ชลธร กับ แม่ ใส่ความทรงจำกับพ่อให้มากขึ้น น่าจะอินกว่านี้ เพื่อนเก่า กิตติภณ กับ เพชรลดา เป็นตัวละครที่คิดว่าเกินมาอย่างไม่จำเป็นเท่าไร ถ้าไม่กระจายเรื่องไปยังสองคนนี้ ไม่มีเรื่องเสียหายอะไรเกิดขึ้นกับใครในอดีต ก็ไม่น่าจะกระทบอะไรมากนัก แล้วยังจะช่วยกระชับอารมณ์หลักของเรื่องให้ข้นๆ ไว้ด้วย เพราะพลอตอย่างนี้นะ ถ้าบิ๊วแน่นๆ เอาไว้ ตอนความจริงเฉลยเผยไต๋ อาจกระเทือนใจน้ำตาไหลพรากได้เลย นึกถึงตอนที่ชลธรไปสถานที่ดูดาว รำลึกถึงคู่แฝด แม้ว่าเป็นเรื่องพี่น้องที่มาน้อย แต่มาทีก็ให้อารมณ์ผูกพันอาวรณ์ได้ดี ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะรู้สึกว่าความขมขื่นของตัวละครยังไม่หนักนัก เหมือนเป็นความน้อยใจของเด็กที่พ่อแม่ไม่อาจกลับมารักกัน แล้วก็ติดอยู่ในใจมาจนโตเพราะไม่เคยปริปากพูดอะไรออกไป สักครั้งที่พูดออกมา เปิดหัวใจ เรื่องก็โอเค เคลียร์กันเข้าใจ จึงรู้สึกว่าง่ายไปหน่อยถ้าเทียบกับผลพวงต่อทั้งชีวิตที่เลือกเป็น ถ้ามีอะไรอีกนิดให้บาดลึกเป็นบาดแผลใหญ่กว่านี้อีกหน่อย มีความเย็นชาเผลอทำร้ายจิตใจให้เจ็บช้ำกันไปบ้าง เวลาที่สำนึกได้จะได้ซึ้งมากๆ (แต่อย่าไปเอาอะไรกับความเห็นเราเลยนะ เพราะเรามันคอดราม่า พวกชอบแนวเจ็บ ลึก ร้าวราน อิอิ) เนื้อหาความรัก คือ ใครสักคนที่เข้าใจ รุจี ที่สังเกตเห็นเงาซุกซ่อนของชลธร ได้รู้จักและเข้าถึงตัวตนอีกด้าน เขาสามารถที่จะใช้เวลาอยู่กับเธอด้วยความปลอดโปร่งสบายใจ และจากสบายใจเธอก็เริ่มกลายเป็นคนสำคัญ ชอบการตู่เป็นแฟนของพระเอก และชอบสุดๆ คือ ฉากขอแต่งงาน นิยายทุกเรื่องของภัสรสาที่เคยอ่านมา มุขรักลงเอยแต่ละเรื่องสร้างสรรค์ได้น่ารักมาก ไม่รู้สึกว่าล้นว่าเลี่ยนเลย ตรงกับใจชอบส่วนตนที่ไม่ค่อยชอบสำนวนรักหวานพร่ำเพ้อ แต่ชอบความเรียบง่าย แหวกแนว ยิ่งถ้าพ่วงด้วยอารมณ์ขันยิ่งชอบมาก เรื่องนี้ก็นะ ... แหม .. อยากกรี๊ด น่ารักจัง แต่ช่วงท้ายแอบมีชะงักอึ้งนิดหน่อยกับการเปลี่ยนสรรพนามเป็น "ที่รัก" ก็บอกแล้วว่าคำหวานๆ ไม่ใช่แนวของเรา เพื่อนคู่หนึ่ง ตอนรู้จักคบหากันใหม่ๆ ก็เรียกชื่อกันปกติ อยู่มาวันหนึ่ง สรรพนามเปลี่ยนไป จากเรียกชื่อกัน ..เปลี่ยนเป็น 'ป๊า' กับ 'มี๊ ' .. ทั้งที่ยังไม่แต่งงาน และลูกก็ยังไม่มี ก็นะ .. จะหวานกัน เพื่อนก็เข้าใจ ไม่ได้หมั่นไส้ ไม่ได้อะไรเลย (จริงๆ) แต่ หูเค้าอ่ะ มันจูนรับไม่ทันอ่ะนะเพื่อนนะ ทว่าก็โอเค เก็บอาการ (อิจฉาหรืออะไรไม่รู้) แล้วปล่อยพวกมันหวานกันไป แต่มีเพื่อนคนหนึ่ง ปากไวไง "มี๊อะไรวะ มี๊-พิศมัยหรือไงเมิง" นั่นเป็นเหตุให้ เราจะสะดุดกับความไม่ชินทุกครั้ง เวลาเจอนิยายเรื่องไหนเปลี่ยนสรรพนามกลางอากาศ แต่ถ้าเรื่องไหนเปลี่ยนได้เนียนก็โอเค อย่างเรื่องนี้ ตอนเปลี่ยนมาเป็น "พี่" ก็เหมือนคนที่รู้จักกันพอสมควรแล้ว เปลี่ยนคำเรียกตามความสัมพันธ์ที่สนิทขึ้นอีกระดับหนึ่ง แต่เปลี่ยนอีกครั้งที่สองเป็น "ที่รัก" แม้ว่าจะเข้าใจเหตุผลของการหาคำเรียกใหม่นั่นก็ตาม ก็ยังสะดุดกึ๊ก นิดนึงน่ะ ยังคงติดใจสำนวนสนทนา มุขเจรจาโต้ตอบของตัวละครที่มักทำให้อมยิ้มเสมอ อีกอย่างคือ คาแรคเตอร์ตัวละครและการสร้างความสัมพันธ์ พบเจอ รู้จัก ใกล้ชิด ค่อยๆ เรียนรู้นิสัยใจคอที่แท้จริง ถูกใจ และชอบพอ เนียนๆ เป็นธรรมชาติดี บรรดาพระเอก นางเอก จาก นิยายชุดจันทร์ ที่มาโผล่ในนิยายเรื่องนี้ในฐานะเพื่อน ก็ไม่หลุดคาแรคเตอร์ไปจากนิยายต้นเรื่องเลย ความเป็น.. ปักจันทร์ คุณเทียน ป๋าวิท แพท-พัทธวีร์ อรอินทุ์ แค่พูดไม่กี่คำ หรือไม่มีบทตัวมา แค่ว่าคนอื่นพูดถึงบ้างนิดหน่อย ก็รู้สึกว่า นั่นแหละ ใช่เลย ชื่อป๋าวิทยังทำให้หัวเราะคิกได้เหมือนเดิม -วิทวัสครับเกลียดว่าที่พ่อไอ้แพท- ใช่คำนี้เป๊ะหรือเปล่านะ แต่นั่นแหละ ใช่เขาเลย เป็นอาการอิจฉาของคนที่เพื่อนรักมีจะมีลูกก่อน ยังคงรักป๋าวิท คิดถึงพะแนงเหมือนเดิมนะ
Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2557 |
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2557 18:43:28 น. |
|
11 comments
|
Counter : 3187 Pageviews. |
|
|
ปล. ชอบอ่านรีวิวบล็อคนี้ค่ะ ถึงจะยาว แต่วิเคราะห์ดีจัง