Group Blog
 
All blogs
 
ถึงแม้ต้องไกลกันสุดปลายฟ้า อยากจะขอ ขอเพียงแค่เธอ 'อย่าลืมฉัน'




อยากให้รู้ ..    ว่ารักไม่สร่าง
ยังรักยังหวัง    ให้เธอกลับมา
วันที่เคยจากไป  ใจฉันยังไหวหวั่น
จิตใจมันสั่น   เมื่อวันที่เธอกลับมา
อย่าลืมฉัน  อย่าลืมวันที่เคยชิดเชย 
รักที่เคยผูกพัน เธอยังจำได้หรือเปล่า 
ทุกเรื่องราว   ที่เราได้เคยสัญญา 
เธอ..  จะรู้ไหมว่าฉันห่วง 
ยังหวงและห่วง ห่วงเธอทุกๆ เวลา
ใจ..ฉันมันอ่อนล้า    ผ่านวันเวลา 
เธออย่าลืมฉัน ... 

อย่าลืมฉัน  หนึ่งในละครเก่าเรื่องโปรดและยังอยู่ในความทรงจำ เมื่อมีโอกาสได้พบหนังสือมีหรือจะพลาด จำไม่ได้ว่าอ่านครั้งแรกเมื่อใด  แต่แน่ใจว่ายุคทมยันตี ย่อมเป็นยุคที่ไม่มีตังค์ซื้อหนังสือนั่นแหละ ถ้าไม่อ่านนิยายจากห้องสมุดโรงเรียน ก็จากร้านเช่าหนังสือล้วนๆ  ซึ่งอย่างหลังนี่ก็ยังถือว่าเป็นความสิ้นเปลืองที่เบียดบังค่ากินอยู่เพื่อศึกษาเล่าเรียนอยู่ดี  แต่.. จะสำนึกก็หาไม่ (คนมันชอบ)

หนังสือ  เมื่ออ่านไปนานแล้วก็ลืมรายละเอียด  ลางเลือนเหลือเพียงเค้าโครงเรื่องราว จนกว่าจะได้อ่านซ้ำย้ำอีกครั้ง  แต่ บทเพลง จะไม่มีวันลืมเลย บรรเลงขึ้นมาเมื่อใดก็เอื้อนเอ่ยร้องตามได้ขึ้นมาเมื่อนั้น   เนื้อเพลง อย่าลืมฉัน ที่หยิบยกมาข้างต้นเป็นเพลงประกอบละคร ที่ขับร้องโดย Big Mountain เพราะเนื้อหามันใช่ มันโดน มันอิน นี่จึงเป็นบทเพลงของ เขมชาติ  ที่ไพเราะ เครือเหงา เครือเศร้าในอารมณ์ แต่ถึงอย่างนั้น ในแง่ของความปวดใจ ฟังแล้วสะเทือนซาง และถือเป็นตัวแทนของ อย่าลืมฉัน ในใจเสมอมา คือ บทเพลงของ สุริยง ที่ขับร้องโดย ทราย เจริญปุระ  ในชื่อเพลงที่ตอกย้ำซ้ำอยู่ในเรื่องเดียวกัน 'อย่าลืมฉัน'

ฉันจำใจจากเธอไปสุดไกล
ฉันนั้นต้องจากไปทั้งที่ใจ
ฉันก็เจ็บรู้ไหม  มันเปล่าเปลี่ยวและเหงา
ฉันเจ็บปวดรวดร้าว     เมื่อต้องขาดเธอ

ฉันจะรอแต่เธอตลอดไป
แม้..ว่ามันจะนานสักเท่าใด
รักที่เคยให้ไว้  มันไม่เปลี่ยนแปลงไป
ไม่ว่านานแค่ไหน .. ก็ยังมั่นคง 

รู้ไว้ว่าเธอ  จะอยู่ในใจ
อยู่ในรักของฉัน มั่นคงตลอดเวลา
ถึงแม้ต้องไกลกันสุดปลายฟ้า
อยากจะขอ ขอเพียงแค่เธอ อย่าลืมฉัน

ถึงแม้ต้องไกลกันสุดปลายฟ้า
อยากจะขอ ขอเพียงแค่เธอ อย่าลืมฉัน

และนี่คือละครเรื่องโปรด บทเพลงซึมลึก และนิยายซาบซึ้งตรึงใจ อย่าลืมฉัน

แหวนรูปดอกไม้ห้ากลีบนั้นสดใสนัก
ใช่ .. อย่าลืมฉัน 'ฟอร์เก็ตมีน็อต'
แหวนวงนี้.. รักครั้งนั้น  จำได้เสมอ

อย่าลืมฉัน .. อย่าลืมวัน เชยชิดพิศมัย
อย่าลืมวัน อำลา ด้วยอาลัย
อย่าลืมใจกระซิบว่า .. อย่าลืมกัน

ไม่ว่าจะด้วยกาลเวลา ด้วยความเปลี่ยนแปลงใดๆ  
ยามรัก ยามผาสุก ยามแค้น ยามโทมนัสอย่างแรงกล้า  
'อย่าลืมฉัน'  ยังคงทรงอิทธิพลตลอดมา  

ช่อดอกไม้สีม่วงอ่อน หอมระรวย  กลีบบางใสราวกับแพร 
เยื่อไม้คลี่ซ้อนเป็นพุ่ม จากสีเข้มจาง แซมด้วยใบเขียวขจี 
'ดอกฟอร์เก็ตมีน็อต'  ดอกไม้แห่งรักและคำมั่นสัญญา 

เธอว่าเธอจะไม่ลืมเขา  เขาว่าเราจะไม่ลืมกัน

เพราะรักและผูกพัน ก่อนอำลาด้วยอาลัย  
จึงฝากแหวนรูปดอกไม้ห้ากลีบสวมใส่ติดนิ้ว และ 'อย่าลืมฉัน' กลีบบางใส่ไว้
เพื่อย้ำรอยจารจำในหัวใจของสองเรา ว่าจะมีเพียงกันและกันนิรันดร

อย่าลืมฉัน  แม้รักร่วม สวมใส่ไว้ติดกาย
เมื่อใดวาย สวาทวอด จึงถอดเอย

หากกาลเวลา ไยจึงพัดพาคำสัญญาให้พลัดหาย 
และหัวใจไยจึงวายสวาทวอด

เพราะหัวใจชอกช้ำถูกซ้ำเติมให้ชอกช้ำยิ่ง 
เพราะหัวใจที่เจ็บยิ่งแล้ว ไม่เคยได้รับการเยียวยาหรือแยแส
ใจเอ๋ยใจ จึงค่อยๆ ละลาย  ละลายใจที่เคยกระซิบว่า  อย่าลืมกัน

ใช่.. เมื่อใดวายสวาทวอดจึงถอดเอย

แหวนรูปดอกไม้ห้ากลีบ ที่ถอดคืนไว้ข้างพุ่มดอกไม้สีม่วงอ่อน 
'ฟอร์เก็ตมีน็อต' ในแจกันเคลือบใบน้อย 

เป็นฉากสะเทือนอารมณ์ที่พุ่งขึ้นถึงขีดสุด อย่าลืมฉัน และ แหวนวงนั้น!

กรีดรอยซ้ำ ย้ำแผลเก่า จนร้าวรวด
ถึงเจ็บปวด อย่างไร ไม่เอ่ยถึง
จะจำรส  ช้ำไว้   ให้ตราตรึง
จนกว่าถึง วันของเรา จะเอาคืน

หนี้รักที่คั่งค้างได้รับการสะสาง  นี่ไงเล่า ..วันของเราจึงเอาคืน  
แล้วเหตุไฉน...หัวใจจึงเย็นเฉียบ  ความสุขอยู่แห่งหนใด

รักหรือ? ก็ไหนว่าความรู้สึกนั้นสิ้นไปแล้ว
เหลือแค่ความเคียดแค้น ชิงชัง
เหลือแต่รอยอาฆาต ที่ต้องการ การชดใช้

"ค่ะ"  คำเดียวสั้นๆ ที่เธอเคยใช้รับสนองคำของเขาเสมอมา
ครั้งนี้ดุจเดียวกัน เธอจดจำขึ้นใจทุกบรรทัด และตั้งใจสนองให้เขา..ทุกถ้อยคำ 

ถ้าคุณรู้จักเจ็บ ก็จงรู้เถิดว่าผมเจ็บมาก่อนคุณ
ถ้าคุณชอกช้ำ นั่นแหละ ผมเคยช้ำมาก่อนคุณ

ลาก่อน สุริยาวดี   

'ไพ่มือบน' ที่เขารอคอยโอกาสกำชัยชนะ เพื่อเป็นฝ่ายหัวเราะให้สาแก่ใจ
กลายเป็น 'ไพ่ใบสุดท้าย' ที่ทำให้เยื่อใยเสน่หาร้างลาขาดสะบั้น
และนี่เองคือ 'ต้นเหตุ' ของการสิ้นสุดคำมั่นสัญญา  อย่าลืมกัน

หากเธอเคยมีพันธะ ก็ดูเหมือนเธอจะสลัดพันธะทั้งหมดลงได้แล้ว
ถ้าเธอเคยมีขื่อคาทางใจ บัดนี้ เธอคงจะปลดมันทิ้งไปหมดทุกชิ้น

ถ้าเธอใจเพชรพอที่จะเก็บความทรงจำอันยาวนานเกี่ยวกับตัวเขาไว้
ก็ทำไมเธอจะไม่ใจเพชรพอที่จะปิดความทรงจำในอดีตให้แน่นสนิทเล่า

เขาเอง..เป็นผู้เอื้อมมือไปปิดประตูแห่งกาลเวลา
และเธอ ..จะเป็นผู้ลั่นกุญแจด้วยตนเอง

'เวลา' ของเขาได้หมดลง 
และโอกาสของเขาจะไม่มีอีกแล้ว

บทเรียนแห่งหัวใจไม่เคยมีบทเดียว และ 'อย่าลืมฉัน' ก็คงเป็นเช่นนั้น 
เมื่อรักกัน ย่อมไม่มีผู้ใดอยากพราก เมื่อหัวใจเดียวกัน  ย่อมไม่อยากให้มีใครอื่นอีก 

วันนี้เรามาร่วมรักษาหัวใจของคนที่รักเรากันเถอะ

ทุกข์ของผู้เป็นที่รัก ย่อมไม่พ้นความทุกข์ของตัวเราเอง

(เรียบเรียงจาก อย่าลืมฉัน  และ คำนำสำนักพิมพ์ โดย บรรณาธิการ รัชนก นามธอน) 




อย่าลืมฉัน  ถูกนำมาสร้างเป็นละครครั้งแรกในปี ๒๕๔๑ ออกอากาศทางช่อง ๗  เขมชาติ รับบทโดยพระเอกในดวงใจสมัยนั้น  พีท ทองเจือ  ที่จนถึงทุกวันนี้ ก็ยังคงแอบรักเขาอยู่มิเสื่อมคลาย เห็นผ่านตาในหน้าสื่อเมื่อไหร่เป็นไม่ได้ ต้องเป็นปลื้ม  สุริยง หรือ สุริยาวดี (วดี ของเขมชาติ) รับบทโดยนางเอกคนโปรดในยุคสมัยนั้นด้วยเช่นกัน แอน-สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์ ไม่ต้องอธิบายคงทายถูก หล่อกับสวย คนโปรดคนปรานทั้งคู่มาเจอกัน อินสุดๆ Smiley

ถึงปีนี้ ๒๕๕๗ นิยายเรื่องนี้ถูกนำกลับมาสร้างเป็นละครอีกครั้ง ด้วยพระเอกรูปหล่อในดวงใจอีกคน พี่ติ๊ก- เจษฏาภรณ์ ผลดี (กรี๊ด ) ผู้ที่เราโปรดปรานนับแต่แรกเห็น  แดงไบเล่ ใน ๒๔๙๙ อันธพาลครองเมือง  ต่อมาก็เคลิ้มประหนึ่งว่าตัวเองเป็น ปริศนา ยอดดวงใจ ของท่านชายพจน์ปรีชา และยังปลื้มพี่ติ๊กเสมอมานับจากนั้น แม้พี่ติ๊กของเราจะหันไปเอาดีทางเข้าป่าจนทรุดโทรมไปมากแล้วก็ตาม   ส่วนนางเอกนั้น ต้องนับว่าได้ยอดฝีมือมารับบทให้ เพราะเธอคือ แอน ทองประสม  Smiley

ต้องถือเป็นที่สุดของความน่าดู  เมื่ออีกสองตัวละครหลัก ที่ทำให้นิยายเรื่องนี้มีความนุ่มนวล ละมุนละไมด้วยความรู้สึกดีๆ ของความรัก ความนับถือ ความเคารพในตัวตนและศักดิ์ศรีของตัวเอง เกนหลง กับคุณเอื้อ  รับบทโดยสุดสวยอย่าง ศรีริต้า เจนเซ่น และ  กรี้ดดดดด ... พี่ก้อง สหรัถ สังคปรีชา ที่สุดแสนจะแลดูอบอุ่น ใครหนออ่านบทประพันธ์แล้วนึกถึงพี่ก้อง คัดได้เยี่ยม   ยิ่งได้นักแสดงที่ชื่นชอบอย่าง กิ๊ก มยุริญ และ อ๋อม สกาวใจ มาร่วมสมทบยิ่งชวนให้รู้สึกตื่นเต้นรอคอย 

แต่พอละครออกอากาศ ได้นั่งดูเข้าจริงๆ ก็ไม่ได้ฟินมากมายอย่างที่หวัง คงติดที่มีอคติส่วนตนเกี่ยวกับวัยของนักแสดง  ในหนังสือนั้น  ถ้าสุริยงเรียนจบอนุปริญญา บวกกับช่วงเวลาที่จากกันไป หรือ อายุ ไก่ กับ ไข่ อายุของพระนางก็น่าจะอยู่ในช่วงไม่เกินสามสิบปี (ประมาณรุ่นเดียวกันกับศรีริต้า) แต่นักแสดงพระนางเรื่องนี้วัยใกล้สี่สิบเต็มทีแล้ว  เป็นธรรมดาที่สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง มนุษย์ทุกคนย่อมต้องมีวัยที่เพิ่มขึ้น ตัวเราเองก็ไล่ตาม พี่ติ๊ก พี่แอน มาไม่ช้าเหมือนกัน แต่เวลาดูตัวละครที่ต้องโปะแป้งหนา  มีร่องรอยของวัยให้เห็นอยู่ตลอดก็ไม่ชวนให้สดชื่นเท่าไร  อาศัยรักพี่ติ๊ก-พี่ก้อง-พี่แอน กันมาแต่เก่าก่อนนะเนี่ย จึงเปิดดูทุกครั้งที่มีโอกาส แต่ก็ไม่ถึงกับติดจนต้องรีบร้อนสะสางธุระอื่น หรือรีบกลับจากงานมาดูให้ทัน

ไม่ติดละคร จึงอยากอ่านหนังสือ  ถึงเวลาแล้วที่ต้องซื้อนิยายเรื่องนี้มาเก็บ ถ้าไม่มีละคร คงยังไม่ได้นึกย้อนไปถึง  ลังเลอยู่พักใหญ่ ทำใจอยู่พักนึง เพราะไม่ชอบปกใหม่นี้เท่าไหร่  ไม่ค่อยมั่นใจกับหนังสือของ ณ บ้านวรรณกรรมในปัจจุบันนี้ด้วย (หมายถึง เล่มหนังสือ ไม่เกี่ยวกับนักเขียน) แต่สุดท้าย ความอยากอ่านจัดย่อมชนะทุกสิ่ง แม้ภาพของกองดองจะรบกวนจิตใจก็..อย่าหยุดยั้ง



เปิดหน้าแรก อารัมภบทที่เป็นสำนวนคัดสรรถ้อยคำจากบทประพันธ์ตามสไตล์ของ ณ บ้านฯ ยังคงชวนอินชวนอ่าน  แต่พิมพ์  "วดี"  ผิดเป็น "วลี"  หือ?  แทบจะเอาลูกตาไปจ่อหน้ากระดาษ เผื่อว่าเราจะสายตาสั้นแล้วอ่านผิดไปเอง  ให้ตายเหอะ มัน จริงๆ นะ   ความโกรธพุ่งขึ้นเป็นริ้ว  แม้กะไว้แล้วคงจะมีผิดอย่างที่รู้ๆ กัน แต่ผิดทันทีที่เปิดปกหน้าหนังสือเนี่ย  มันช่าง.....

Smiley เอาล่ะ  พยายามประคับประคองอารมณ์ แม้จะเจอผิดอีกคำ อีกคำ และอีกคำ แล้วก็ยังให้รู้สึกประหลาดใจเกี่ยวกับการตัดคำท้ายบรรทัด  หัว-  ตัดคำว่า เราะ  ไปอีกบรรทัดนึง  ปัญ- ตัด  หา ไปอยู่อีกบรรทัด  นัก- ตัด เรียน ไปอีกบรรทัด จริงๆ แล้วมันไม่ผิดอะไร ก็ทำถูกแล้วที่ใส่เครื่องหมาย-  แต่ก็อดจะขุ่นใจไม่ได้ เพราะที่จริงแล้วการจัดคำให้เรียบร้อยสวยงาม มันไม่น่าจะยากเย็นจนต้องใช้วิธีการนี้  มีตัดคำอย่างนี้อยู่มากในเล่มแรก แต่ในเล่มสองเหมือนไม่มีให้เห็น งั้น..จัดคำให้ดีโดยไม่ต้องตัดแยกคำแบบนั้นก็ทำได้นี่ แล้วทำไมไม่ทำให้ดีทั้งหมด ? 


ไม่ได้อยากหยิบยกจุดบกพร่องเหล่านี้ขึ้นมาให้กลายเป็นภาพไม่ดีต่อสำนักพิมพ์ เพราะที่จริงมันก็ไม่ทำให้ความสามารถของนักเขียน  หรือ คุณค่าของเรื่องราวในหนังสือเสียไปหรอกค่ะ กับแค่คำสะกดผิด คำสลับ ตัวหนังสือเลือน ไม่กี่ตัว ไม่กี่คำ  ที่เราเองก็รู้ได้ว่าคำที่ถูกมันควรเป็นอะไร แต่ถ้ามันดันไปผิดที่ประโยคสำคัญละคะ มันก็เสียอารมณ์ได้นะ  "งั้นพี่รินจะทิ้งน้องเลยจริงๆ " ดันกลายเป็น  "งั้นพี่รินทิ้งจะน้องเลยจริงๆ"  (แม้แต่บทแนะนำนิยาย คำมั่นสัญญา ที่ปกหลังด้านในก็ยังอุตส่าห์...นะ ) ดังนั้น ในฐานะคนอ่านคนหนึ่ง ที่มีนักเขียน มีผลงานของบ้านนี้ในความทรงจำมากมาย และยังต้องการซื้อเก็บอีกมาก ด้วยความรักและหวังดีอย่างจริงใจ  เผื่อว่าเสียงบ่นจะดังไปถึงให้รับรู้ ให้ใส่ใจ ให้ปรับปรุง  

Smiley เพราะอยากให้ ณ บ้านวรรณกรรมเป็นที่ชื่นชอบของผู้อ่าน 
เพราะอยากให้สร้างสรรค์ผลงานดีๆ  ไปตราบจนชั่วลูกชั่วหลาน
เพราะรักดอก จึงบอกกล่าว 





Create Date : 19 เมษายน 2557
Last Update : 26 เมษายน 2557 23:01:52 น. 5 comments
Counter : 4626 Pageviews.

 
เป็นงานของ ทมยันตี ที่ชอบมากครับ


โดย: อุ้มสม วันที่: 19 เมษายน 2557 เวลา:23:39:28 น.  

 
ทำละครมาหลายรุ่นแล้ว ก็ยังไม่ได้ดูซะที
แต่หนังสือนี่ตั้งใจจะหามาอ่านค่ะ …จะพยายามทำใจไว้ก่อนเรื่องการสะกดคำและการตัดคำ … จะได้ปลงได้ ไม่เสียอารมณ์ขณะอ่าน …​ขอบคุณ จขบ.มากค่ะ


โดย: polyj วันที่: 20 เมษายน 2557 เวลา:14:26:32 น.  

 
รู้จักเรื่องนี้จากละครเวอร์ชั่นนี้อะค่ะ แรกๆไม่ได้ดู ตอนนี้เริ่มติดแล้ว 55 บอกในฐานะคนที่ยังไม่ได้อ่านนิยาย ว่าบทมันโบราณมากเลยนะ 55 มีจุดให้วิพากษ์กะเพื่อนที่ทำงานเยอะมาก

ส่วนหนังสือ หน้าปกนี้คล้ายแอนมาก เรื่องคำผิดนี่น่าตกใจอยู่นะคะ


โดย: kunaom วันที่: 21 เมษายน 2557 เวลา:0:31:16 น.  

 
เคยอ่านนานมากแล้วค่ะ หลายรอบด้วย
แต่ละครไม่ค่อยได้ตามเท่าไหร่


โดย: ~:พุดน้ำบุศย์:~ วันที่: 21 เมษายน 2557 เวลา:11:01:22 น.  

 
ไม่ได้อ่านค่ะ เรื่องนี้
ถึงเสียงเลื่องลือจะเลอค่าขนาดไหน
ไม่ใช่แนวด้วยมั้ง อิอิ
อ่านรีวิวเอาละกัน


โดย: Pdจิงกุเบล วันที่: 21 เมษายน 2557 เวลา:11:03:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

prysang
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.