สิเน่หาส่าหรี - เสน่ห์ผีผ้า ผืนส่าหรี และดอกแมกโนเลีย
ได้ยินชื่อเสียงมานานแล้ว "ผีผ้า" ของนักเขียนนาม "พงศกร" .. อีกทั้งผลงานนิยายไม่ว่าจะเรื่องผีผ้าหรือแนวอื่น ยังถูกนำมาสร้างเป็นละครหลายต่อหลายเรื่อง มีทั้งที่ออนแอร์ไปแล้วและยังไม่ได้ออนแอร์ สร้อยแสงจันทร์ รอยไหม สาปภูษา กี่เพ้า มาดามดัน มณีแดนสรวง บุรำปรัมปรา และ กลกิโมโน (ขายดิบขายดีจริงๆ )
สิเน่หาส่าหรี ทราบว่ามีผู้จัดละครได้ซื้อลิขสิทธิ์ไปเตรียมสร้างเป็นละครแล้วเช่นกัน ซึ่งน่าจะเป็นละครฟอร์มยักษ์กันเลยทีเดียวนะคะเรื่องนี้ เพราะฉากบ้านเมืองเวียงวังของรัฐสมมุติ "มันตราปุระ"ในประเทศอินเดีย ที่มีสามตำหนักงามนามไพเราะอย่าง บุระสุริยา บุระจันทรา และ บุระดารา คงจะต้องมีความวิจิตรตระการตาน่าดูชม ไหนจะมีฉาก รัฐสิกขิม ที่เกี่ยวข้องกับตัวละครในเรื่องราว ไหนจะมีความมหัศจรรย์พันลึกของสถานที่และสิ่งเร้นลับพิเศษเฉพาะจินตนาการของผู้เขียน เช่น เขาวงกฏ มณฑลป่า แมงมุมแสงจันทร์ แมวมันตรา ดาราแห่งมรกต (Star of emerald) โดนใจที่สุดต้องเป็น เส้นไหมสีอะเมซิ่ง ที่่นำมาใช้ปักลายส่าหรี "ผืนนั้น" ให้ความรู้สึกว่างดงามเลอค่าเหนือกาลเวลาและเป็นประวัติศาสตร์ค่าควรเมืองจริงๆ .. แต่ก็น่ากลัวด้วย
ส่าหรีสีขาวนวลที่งดงามอ่อนหวานยิ่งกว่าส่าหรีผืนใดที่ นวลเนื้อแก้ว เคยเห็นมา ส่าหรีที่ปักลวดลายดอกแมกโนเลียที่ตกทอดกันมานานนับร้อยปี สมบัติล้ำค่าของ ราชมาตาสริตา
ส่าหรีผืนงามที่เจ้าหญิงแห่งมันตราปุระจะต้องสวมใส่ในวันสยุมพร นั่นหมายถึงว่า นิลปัทม์ จะต้องสวมส่าหรีโบราณผืนนี้ เข้าพิธีสยุมพรกับเจ้าชายหนุ่มรูปงาม ชัยทัศน์
ถ้าเพียงแต่สาวิตรี คู่หมายของเจ้าชายจะไม่ก้าวเข้ามาขวางเส้นทางรักครั้งนี้เสียก่อน
แต่ นวลเนื้อแก้ว จะไม่ยอมให่้ใครหน้าไหนมาทำลายงานวิวาห์อันยิ่งใหญ่แห่งปีอย่างแน่นอน
เพราะ นิลปัทม์ เป็นน้องสาวที่เธอรักและจะต้องปกป้องดูแลให้มีความสุขอยู่เสมอ
ซึ่งนั่นรวมถึง การปกป้องงานวิวาห์ที่เต็มไปด้วยอุปสรรคขวากหนามในครั้งนี้ด้วย!
โปรยปกหลังดูเมือนจะลืมพระเอก เจ้าชายกีริช ผู้เป็นพี่ชายของเจ้าชายชัยทัศน์ไป คงเหมือนกับในเนื้อเรื่องที่นอกจากโผล่มาพูดคุยและคอยช่วยเหลือนวลเนื้อแก้วจนเกิดเป็นความรัก(ที่เราไม่อิน)แล้ว ก็ไม่ค่อยมีบทบาทสำคัญอะไรต่อปมหลักของเรื่องมากนัก
ตัวละครในเรื่องส่วนใหญ่มีเชื้อสายเจ้า สืบราชวงศ์ในอดีตที่เคยเป็นเจ้าผู้ปกครองรัฐ "มันตราปุระ" คือ มหาราชาชัยนเรนทร์ มหารานีศศิประไพ เจ้าหญิงลักษมี เจ้าชายศากุน เจ้าชายทัศระ เจ้าหญิงวีณาจันทร์ เจ้าหญิงศวรี เจ้าหญิงตุลยา (รัฐสิกขิม) แม้ราชวงศ์จะสิ้นอำนาจในการปกครองไปตั้งแต่ยุคสมัยที่ตกเป็นอณานิคมของอังกฤษ แต่พระเกียรติพระยศของลูกหลานสืบราชวงศ์ต่อมาก็ยังมีความหมายในเชิงสัญลักษณ์ต่อประชาชน ยังคงได้รับความเคารพรักและมีความสูงส่งเหนือประชาชนทั่วไปเสมอ อ่านช่วงแรกจะรู้สึกไม่รื่นเล็กน้อยกับสำนวนบรรยายและบทสนทนาพูดคุยของตัวละครที่ใช้ราชาศัพท์แบบลุ่มๆ ดอนๆ เข้าใจว่าตัวละครเป็นเจ้าแค่เพียงการสืบสายเลือด เมื่อไม่ได้เป็นเจ้าปกครองบ้านเมือง ก็ถือเป็นสามัญชนด้วยเหมือนกัน ภาษาที่ใช้จึงค่อนข้างปะปนพูดแบบเจ้าแบบคนธรรมดา แต่คนที่ไม่ชอบราชาศัพท์เยอะอยู่แล้วน่าจะไม่รู้สึกอะไร เพราะเพื่อนเราก็อ่านแล้วสนุกและชอบ แม้แต่เราเองที่รู้สึก..บ้าง อ่านไปสักพักก็คุ้นและความไม่รื่นที่ว่าก็เลือนหายไป
เหตุผลการกระทำของตัวละครยังไม่ค่อยถูกใจ ยิ่งช่วงแรกๆ จะรู้สึกขัดหลายอย่างเริ่มตั้งแต่ตอนนางเอกออกเดินทางไปถึงสนามบินประเทศอินเดียเป็นต้นไป การที่นิลปัทม์น้องสาวไม่ได้บอกนวลเนื้อแก้วว่าใครจะมารับที่สนามบิน และตัวนวลเนื้อแก้วก็ลืมถามหมายเลขโทรศัพท์ของน้องสาว .. เอ่อม ณ จุดนี้ ไปต่างประเทศ ไม่รู้ว่าใครจะมารับ และไม่มีเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ ?? มุกพระนางเจอกันครั้งแรกก็รู้สึกว่าเชยจัง ความรู้สึกที่เกิดขึ้นคือ ไหวป่ะเนี่ยเรา .. หนังสือหนามากนะ และเราก็เปิดมันแล้วด้วย นั่นหมายความว่า งานเข้า! เพราะเป็นคนที่เปิดอ่านหนังสือแล้วจะไม่ยอมทิ้งกลางคัน ต่อให้เลิกอ่านไปสักพักก็ต้องกลับมาพยายามต่อให้จบ (นี่อาจเป็นโรคจิตชนิดหนึ่ง) แล้วยังมาเกิดอคติค่อนข้างหนักหนาสำหรับ "ความประพฤติ" ของบรรดาตัวร้ายในนิยายเรื่องนี้
เข้าใจนะคะว่าเป็นคนธรรมดาเหมือนกันย่อมมีรักโลภโกรธหลงไม่แตกต่างจากคนทั่วไป แต่เพราะมีเชื้อสายเจ้าล่ะมัง เราจึงค่อนข้างคาดหวังเรื่อง "ชั้นเชิง" ในความคิด การกระทำ และการแสดงออก ของผู้อยู่ในชนชั้นสูง ถูกเกียรติยศค้ำคอเอาไว้ให้เชิดหน้าสง่างามในทุกอริยาบท ถ้าจะ "หลุด" ย่อมไม่ใช่ออกนอกหน้าในที่สาธารณะ เจ้าในความคิดติดภาพของเราคือการ born to be ไม่ใช่จับพลัดจับผลูมาเป็นนี่นา ถ้าจะร้ายน่าจะลึก แต่ตัวละครและบทบาทพฤติกรรมทั้งกาย วาจา ใจ ในเรื่องนี้ค่อนข้างโผงผางชัดเจน มีการกลั่นแกล้ง ด่าว่า (นังหน้าด้าน! ) ทะเลาะเบาะแว้ง (แทงเลือดสาด ) ขอบอกว่าถ้าเอานิยายเรื่องนี้ไปทำละคร ไม่ต้องเขียนบทเพิ่มเติมมากมาย เพราะนางอิจฉาตัวร้ายกับนางเอกสู้คน แม่ผัวรังเกียจลูกสะใภ้ อยากได้สะใภ้รวยมั่งคั่งชนชั้นส่งเสริมกัน น้องสามีเป็นคู่แสบกับคนรักเก่า พร้อมรวมหัวประจัญบานระรานฝ่ายนางเอก ด้วยมีฝ่ายแม่ผู้ชายถือหางเข้าแย่งชิง อะไรเทือกนี้ก็คุ้นเป็นสามัญละครหลังข่าวกันอยู่แล้ว
ส่วนตัวคิดว่าการดำเนินเรื่องค่อนข้างช้า เรื่องขัดแย้งของสาวๆ ค่อนข้างเยอะ จนทำให้รู้สึกว่าผีสาวในชุดส่าหรีมีบทบาทน้อย ประกอบกับตัวละครขาดเสน่ห์มัดใจตามที่กล่าวมา ช่วงครึ่งแรกจึงรู้สึกว่าค่อนข้างอึดอัดและต้องอ่านอย่างใช้ความอดทนอยู่เหมือนกัน
แต่เมื่อมีสิ่งที่ชอบเป็นสิ่งใหญ่สำคัญ นั่นคือ "เนื้อเรื่อง" นิยายเรื่องนี้จึงยังผูกใจเอาไว้ได้ ยังทำให้อ่านทุกตัวอักษรเพราะเกรงว่าถ้าอ่านข้ามจะพลาดอะไรไป นั่นคือเรื่องปริศนาผีผ้า ดาราแห่งมรกต (Star of emerald) เขาวงกต แมวมันตรา ส่าหรีสยุมพร และการฆาตกรรม สิ่งเหล่านี้ประกอบกันเป็นความโดดเด่นที่น่าทึ่ง หลังจากผ่านมาครึ่งเล่มที่ทำใจยอมรับพฤติกรรมตัวละครทั้งหลายได้แล้ว (โดยเฉพาะมหารานีศศิประไพ น้องหญิงลักษมี และ สาวีตรี เหลือจะทนจริงๆ นะ สามนางนี้) ช่วงหลังจึงอ่านได้สนุก กล่าวได้ว่า ชอบปมเรื่อง "ผ้า" เอามากๆ โดยเฉพาะเรื่องเส้นไหมที่ใช้ปักลายดอกแมกโนเลีย การปรากฏตัวของหญิงสาวในชุดส่าหรีสีนวล บุคคลสาปสูญ และประวัติศาสตร์ที่ไร้รอยจารึกของราชวงศ์มันตรา นี่หากว่าดำเนินเรื่องให้เร็วสักหน่อย มีตัวละครที่ถูกใจบ้าง และการคลี่คลายปมแต่ละเปลาะถึงใจอีกนิด สิเน่หาส่าหรี คงจะจัดเป็นนิยายเรื่องโปรดได้
คำนำสำนักพิมพ์กล่าวไว้ว่า 'เป็นหนึ่งในนิยายของซีรีย์ผีผ้า ต่อจาก สาปภูษา รอยไหม และ กี่เพ้าที่ได้ชื่อว่าเข้มข้นและสนุกที่สุดในบรรดาสี่เรื่องนี้' แม้จะไม่เคยอ่านสามเรื่องนั้น แต่ก็ค่อนข้างเชื่อว่าคงจะจริง เพราะมนต์เสน่ห์ของอินเดีย ดอกแมกโนเลีย และความพลิ้วไหวของผืนผ้าส่าหรีที่มีปริศนาอันเร้นลับในเรื่องนี้ ขอชมเชยว่าของเขาสนุกจริง
นมัสเต
ภาพดอกแมกโนเลียจาก google
Create Date : 31 พฤษภาคม 2557 |
Last Update : 2 มิถุนายน 2557 7:07:48 น. |
|
14 comments
|
Counter : 11872 Pageviews. |
|
|