Group Blog
 
All blogs
 

กับดักร้ายกลายรัก_ความรักไม่ได้เกิดด้วยเหตุผล แต่เป็นความลึกลับของหัวใจ

บางครั้ง ความรักก็มักเล่นตลก

ให้สมองกับหัวใจสวนทางกัน

ที่สุด... ความเกลียดชัง

อาจเปลี่ยนผันเป็นรักโดยไม่รู้ตัว 

เพราะความรักนั้นไม่มีคำตอบที่ตายตัว

ครั้งหนึ่ง ไอฝน เคยมีความรัก ทว่าหลังจากพลาดหวัง
เธอตั้งใจจะไม่ไขว่คว้าหาใครอีก
บางทีการอยู่เป็นโสด ได้ทำงานในเวดดิ้งสตูดิโอ
ได้เห็นความสุขของผู้หญิงที่กำลังสมหวังในความรัก
อาจเป็นความสุขที่แท้จริงของเธอก็ได้

แต่แล้ววันหนึ่ง แนวทาง ผู้ชายชื่อแปลก พูดตรงขวานผ่าซาก
มาดเท่ไม่เหมือนใคร ก็เดินเข้ามาในชีวิตของเธอ และยิ่งได้รู้จัก ได้สนิทสนม
ได้ผูกพันใกล้ชิด หัวใจของเธอกลับหวั่นไหว อยากลองมีความรักอีกสักครั้ง

จะติดขัดอยู่ก็ตรงที่ว่า เขาเป็นญาติสนิทของ เมฆา อดีตคนเคยรักของเธอนี่สิ

***


ถ้าอ่านจากคำโปรยปกหลังนะคะ  แนวรักสามเส้าเราสามคน(เศร้า) ไม่มีทางซะล่ะจะเรียกร้องความสนใจได้  แต่พออ่านรีวิวไปหลายครั้งก็รู้สึกว่า อืม .. น่าสนใจดีนะ  แต่ก็อีกนั่นแหละ  พลอตรักสามเส้า เอาไว้ก่อนละกัน
จนกระทั่งบล็อกรีวิวล่าสุดที่ได้อ่านของคุณ  ~:พุดน้ำบุศย์:~   เป็นคาแรคเตอร์ของพระเอกที่ถูกบรรยายไว้   "ความแนว ความติสท์ รวมถีงเกรียนระยะสุดท้าย ทำให้เรื่องนี้บีบคั้นหัวใจ อาการข้างเคียงคือ ปากร้าย ปากไว เข้าใจผิด และผลีผลาม ทำให้ตัดสินใจทำความรู้จักกับผลงานของ "ติญญา" เป็นเรื่องแรกในที่สุด  เพราะพระเอกแนว 'น่าตบกะโหลก' อย่างนั้น ย่อมใช่เลย แนวของเรา 
 
เพียง ๒๐ หน้าแรก ก็บอกอะไรได้หลายอย่าง

บอกได้ว่ามันใช่   ต่อให้ปกหลังไม่โปรยไว้ชัด ก็รู้ได้เลยว่าใครจะเป็นพระเอก อย่างที่เคยเขียนรีวิวเรื่อง ทำประตูหัวใจให้รู้ว่ารัก  " ตามประสาคนถือคติ ที่ใดมีความเขม่น ที่นั่นเป็นบ่อนเพาะเชื้อของเยื่อใย ไม่เกลียด..ก็รัก สักอย่างล่ะนะ"   เมื่อ คุณแนวทาง ไม่สบอารมณ์นางเอกของเรา  ที่เคยทิ้งเมฆาไปโดยปราศจากการบอกกล่าวเหตุผลให้เข้าใจ จนเมฆาต้องเจ็บปวดเสียใจแทบไม่เป็นผู้เป็นคน  เป็นคนล้มที่ต้องใช้เวลายาวนานกว่าจะลุกขึ้นยืนได้ แล้วพอจะยืนได้อย่างมั่นคง มีความสุขซะที  ผู้หญิงคนนั้นก็ดันเวียนกลับเข้ามาในชีวิตอีกครั้ง  เมฆาจะล้มลงอีกไม่ได้ และนั่นคือเหตุผลที่แนวทางจะต้องกางปีกปกป้องเพื่อกีดกันผู้หญิงคนนั้นให้อยู่ห่างๆ จากชีวิตของเมฆาเข้าไว้ แต่หลังๆ ชักไม่แน่ใจว่าทำเพื่อเมฆาหรือเพื่อตัวเอง เพราะยิ่งร้าย ก็ยิ่งมีเยื่อใย เข้าข่ายยิ่งเกลียดเธอยิ่งรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่อันตรายต่อหัวใจ  ความเกลียดเป็นความรู้สึกหนึ่งที่อาจพลิกผันได้ ดังนั้น จึงมีบางคนที่กล่าวว่า  ให้ถูกเกลียด ยังดีกว่าไม่รู้สึกอะไรเลย เพราะการไม่รู้สึกอะไรเลย ก็ไม่ต่างอะไรจากอากาศธาตุที่มองไม่เห็นอยู่ในสายตา

บอกได้ว่ามันยาก  เพราะความยาก คือความรู้สึกสำคัญประการหนึ่งของดราม่า  แนวทาง เป็นบุคคลที่สามในรักสามเส้า แต่เขาดันไม่ใช่คนอื่นไกล  เป็นญาติผู้น้อง เป็นเพื่อนสนิท ใกล้ชิดกันเกิ๊น อีกทั้งเมฆา ยังรักไอฝน ยังคงรู้สึกเจ็บปวด   เมื่อไหร่ก็ตามที่ความสัมพันธ์เขม่นเข่นเคี่ยวของ แนวทาง กับ ไอฝน เกิดกลายเป็นความรักขึ้นมาอยู่ 'ลับหลัง' เมฆา  เมื่อนั้นจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงคำว่า "แทงข้างหลัง" ได้เลย นี่จึงเป็นเรื่องท้าทายที่ผู้เขียนจะต้องเคลียร์ให้อิน  ชวนสนใจติดตามมากจนกระทั่งสามารถอ่านได้ทีเดียวรวดเดียวจบ

บอกได้ว่ามันขมขื่น ร้าวราน เมื่อไอฝนเป็นนางเอก  การทิ้งผู้ชายแสนดีที่รักกันอย่างเมฆาไป เธอต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่างสิ จริงไหม และนั่นก็คงหลีกหนีไม่พ้นอะไรสักอย่างที่ทำให้เจ็บปวด และเธอจะต้องถูกกระหน่ำซ้ำเติมจากคนพาลที่รู้ไม่จริงอย่างแนวทาง โดยไร้ประโยชน์จะรื้อฟื้นแก้ตัวหรือปกป้องตัวเอง กับคนที่ได้ปักใจตัดสินเธอไปแล้ว

บอกได้ว่า สนุกแน่!

แล้วก็สนุกจริงค่ะ  แม้ว่าพลอต 'เคืองโกรธโทษเธอ' จะเก่าไปนิด มุขรักตบจูบโกรธจูบก็..เชยไปหน่อย  แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับคนที่โตมากับนิยายรุ่นเก่าๆ อย่างเรา  ยังรู้สึกขัดแย้งบ้างจุดเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับความสมเหตุสมผล แต่ก็ไม่ถึงกับสะดุดในการบีบอารมณ์ ที่ทำได้โดดเด่น มีความยาก ความชอกช้ำ และนิยายเรื่องไหนก็ตามที่พระเอกทำตัวร้ายๆ กับนางเอก  สิ่งหนึ่งที่จะขาดไม่ได้เลย คือ ความรู้สึกผิด ละอายใจ ความเสียใจ กับสิ่งต่างๆ ที่ได้ทำลงไป ผู้เขียนติญญา ใส่มาให้ครบ  และที่ดราม่าถูกใจเราที่สุด เห็นจะเป็นเรื่องที่คุณแนวทาง เขาติดอยู่ใน 'กับดักร้าย' ของตัวเอง อย่างหาทางออกไม่ได้
 
"แนวทางพบว่าหัวใจของเขาสับสน  ปกติเขาเป็นคนประเภทอยากทำอะไรก็ทำ และชัดเจนกับตัวเองเรื่อยมา มีแต่ครั้งนี้นี่แหละที่เขาคิดไม่ตก  ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร จะถอยออกมาก็รู้สึกหวั่นไหวลังเล แต่จะให้เดินหน้า อะไรหลายอย่างก็รั้งเอาไว้  สรุปก็คือเขาไปไหนไม่ได้ ได้แต่ดิ้นขลุกขลักอยู่ตรงกลางนั่นเอง"

แหม .. ชอบจริงๆ นะ นิยายที่ทำให้พระเอกเจ็บ ทุรุนทุราย ทรมาน เพราะผลจากการกระทำของตัวเองเนี่ย (ซาดิสต์ไง) 

ทำให้นึกถึงนิยายเรื่อง แสงดาวฝั่งทะเล ของคุณ กิ่งฉัตร ขึ้นมาเป็นพิเศษ เพราะ นางเอกจะมีคาแรคเตอร์คล้ายกัน เงียบๆ นิ่งเย็น เรียบร้อย การปิดปากเงียบ หรือยอม ไม่ได้หมายความว่าไม่สู้คน แต่เมื่อพูดไปแล้วไม่เชื่อ ไม่มีประโยชน์ก็คร้านจะพูด เขาอยากจะคิดจะพูดอย่างไรก็ปล่อยไป เว้นเสียแต่บางครั้งที่เหลืออดก็โต้ตอบออกไป เพราะก็ใช่ว่าจะตอกหน้าใครไม่เป็น คุณแนวทางจึงสะอึกสะอัก เจ็บในอก สะเทือนในใจได้เหมือนกัน   (สะใจ)

ส่วนคุณพระเอก ก็ออกแนวเกรียนๆ แบบเรื่องแสงดาวฝั่งทะเลด้วยเช่นกัน คือ ทำปากร้ายเชือดเฉือนไป แต่ก็สงสารห่วงใยพลอยเจ็บไปด้วย เมื่อตั้งป้อมไว้แล้วว่าไม่พอใจ  ก็ย่อมยากจะกลืนน้ำลายตัวเองด้วยการยอมรับว่ารัก   พระเอกเรื่องแสงดาวฝั่งทะเลมีความยากที่จะทำร้ายความรู้สึกของคุณอา ที่เปรียบเสมือนแม่ของตัวเอง โดยการรักนางเอกที่เคยทำลายครอบครัวของคุณอามาก่อน  คล้ายกันกับแนวทาง ไอฝน เคยทำร้ายจิตใจของเมฆามาก่อน แต่ถึงอย่างนั้นเมฆาก็พร้อมจะลืมอดีตและเริ่มต้นใหม่กับเธอ แล้วเขาจะเป็นต้นเหตุให้เมฆาต้องเสียใจอีกครั้งได้อย่างไร ( ที่แทงพี่ชายในที่ลับ นั่นก็ยากจะอภัยแล้วนะยะ)

ชอบหลายอย่างที่ผู้เขียนกำหนดให้เป็น "แนวทาง" เช่น ให้มีศักดิ์เป็นน้อง แม้ว่าโดยนิสัยแนวทางจะให้ความรู้สึกเข้มแข็งเด็ดขาดเหมือนเป็นพี่ชายของเมฆามากกว่า มีบางคำพูดที่มักจะให้ความรู้สึกเป็นผู้นำที่พึ่งพาได้ เช่น " เดี๋ยวผมจัดการทุกอย่างเอง" "จะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุด" "จะตั้งใจทำอย่างดีที่สุด"   หลายต่อหลายครั้งที่คำพูด หรือ คำบรรยายความรู้สึกนึกคิดของตัวละครจะบ่งบอกคาแรคเตอร์ของแนวทางในลักษณะนี้อยู่ ดังนั้นถึงแม้จะร้าย แต่ก็เท่นะคะ  นี่แหละเสน่ห์ของพระเอกแบดบอย ปากร้าย ใจถึง

ส่วนคุณเมฆา สุภาพแสนดี ยึดมั่น รักเดียว ใจคอกว้างขวาง ให้อภัย ให้หัวใจรักแก่เธอเสมอ เช่นนั้น .. ก็เป็นพระรองต่อไปแล้วกัน เพราะสำหรับความรัก ความดีอาจไม่ใช่เหตุผลของการถูกรักเสมอไป

สำหรับเธอ หญิงสาวผู้มีงานเข้าตลอดเรื่อง ไหลรื่นดีค่ะ ไม่รู้สึกติดขัดอะไรกับการวางตัวของเธอต่อผู้ชายทั้งสองคน กับเมฆา ที่ไอฝนซาบซึ้งในความดีของเขา มีความรู้สึกผิด มีความกลัวว่าจะทำให้เขาต้องเสียใจอีกครั้งเป็นพื้นฐานของการวางตัว (แม้จะทำให้เราหงุดหงิดบ้าง)   กับแนวทาง มีอาการต่อต้านเมื่อเหลืออด มีการยอมรับอย่างสงบเพราะเปล่าประโยชน์ที่จะพูดอะไร มีความรู้สึกที่เธอมอบให้เขาด้วยความซื่อตรงจริงใจ แม้เขาจะไม่เชื่อในความรู้สึกนั้นของเธอก็ตาม และแน่นอนว่าเขาไม่ใช่คนที่เธอควรจะรัก

แต่อย่างที่ผู้เขียนได้ให้คำนำไว้ '...เส้นทางสายหัวใจนั้นซับซ้อนนัก และความรักนั้นก็ไม่ได้เกิดด้วยเหตุผล แต่เป็นความลึกลับของหัวใจ ซึ่งคนเราไม่อาจหาคำตอบ ทั้งไม่อาจหนีได้พ้น บ่อยครั้งที่โชคชะตาเล่นตลกกับความรู้สึกและบังคับให้เราต้องเป็นผู้เลือก และเมื่อถึงเวลานั้นหัวใจก็จะบอกเราได้เองว่าอะไรคือสิ่งที่เราต้องการ..'

เออ.. นะ  รักสามเส้าเราสามคน ก็ทำเจ็บหนึบๆ เศร้าหนับๆ สนุกดีเหมือนกัน

ชอบการตั้งชื่อตัวละครนะคะ   เมฆา   ไอฝน  แนวทาง  ชื่อแนวดี ชอบค่ะ แต่โดยคาแรคเตอร์อยากจะเปลี่ยนชื่อพระเอกเป็น นายเพลิง (อัคคี) ให้ความรุ่มร้อนเข้ากับความเหงาเย็นของนางเอกซะจริงๆ

"คุณเคยสังเกตดอกไม้ไหมว่าวันไหนมันจะบานออกมา

ผมก็รู้สึกกับคุณแบบนั้น แรกๆ มันไม่มีอะไร

แต่จู่ๆ วันหนึ่งผมตื่นขึ้นมา ดอกมันก็บาน

แล้วผมก็... รู้ตัวว่า  ผมรักคุณ"

 

 




 

Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2557    
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2557 21:54:14 น.
Counter : 1667 Pageviews.  

แผนกวนป่วนหัวใจ_เรื่องนี้มีถือสาหาความ

 

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เมื่ออยู่ๆ แฟนสาวซึ่งคบกันมานานเกิดเปลี่ยนใจไปคบกับเพื่อนสนิทที่ดันมาแทงข้างหลังกันได้อย่างเจ็บแสบ ‘ภากร’ จึงเกิดอาการสติแตก กลายเป็นคนเลื่อนลอย ปล่อยชีวิตไปวันๆ นอนกอดขวดเหล้าเป็นเพื่อนแก้ทุกข์ใจแทบทุกคืน

เคราะห์ดีที่ครอบครัวเข้าใจและคอยอยู่เคียงข้าง แม้แต่ ‘ปัญจมาลย์’ สาวทอมบอยผู้มีศักดิ์เป็นน้องต่างสายเลือด ซึ่งปกติไม่ค่อยจะกินเส้นกันสักเท่าไร ยังต้องยื่นมือมาปลอบ แถมยอมดื่มเหล้าอำลาเป็นเพื่อนเมื่อเขาตกลงใจจะเลิกดื่มตามคำขอ

เมื่อฟื้นจากฤทธิ์แอลกอฮอล์อาละวาด เธอและเขาก็ต้องตกใจสุดขีดกับสิ่งที่เห็น!

เพราะร่างของเธอและเขาอยู่บนเตียงเดียวกัน... กอดเกี่ยวกัน... ในสภาพที่ต่างฝ่ายต่าง ‘เปิดเผย’ กันแบบสุดๆ และนั่นคือจุดพลิกผันที่ทำให้ทั้งคู่ต้องมาเกี่ยวข้องกันมากกว่าความเป็นพี่น้อง เรื่องวุ่นๆ ของว่าที่คู่รักคู่ใหม่ที่ไม่เคยคิดจะมีใจให้กันจึงเริ่มต้นขึ้น (อย่างเลี่ยงไม่ได้)

 ความรักที่เขาเคยสูญเสียไปจนก่อเกิดเป็นบาดแผลใหญ่กลางใจ

กลับถูกเยียวยาได้ด้วยหัวใจดวงน้อยๆ จากหญิงสาวผู้ไม่เคยอยู่ในสายตา

ไม่เคยอ่านผลงานของผู้แต่ง " ภิญญดา " มาก่อนค่ะ  และไม่เคยอ่านรีวิวที่ไหนเลยด้วย

แต่จากพลอต ชวนอดใจไม่ไหวจริงๆ 

คนหนึ่งเป็นลูกติดพ่อ คนหนึ่งเป็นลูกติดแม่  มีปมทางใจ กับวัยที่ใกล้เคียง

ทำให้ทั้งสองคนไม่ค่อยจะถูกกัน เติบโตมาด้วยกันแต่ก็อย่างแข่งๆ และข่มๆ

ข่มกันว่าใครดีกว่า เพื่อแข่งกันเป็นลูกรัก ที่พึ่งพาได้ 

เป็นผู้สืบทอดกิจการ  เพื่อจะครองตำแหน่งผู้นำครอบครัวรุ่นต่อไป

ด้วยบุคลิกภาพอันแตกต่าง

ภากร เป็น "ไอ้หนู"  ลูกแหง่ที่พ่อแม่สุดแสนจะถนอมเอาใจใส่

ปัญจมาลย์ เป็น  "ไอ้จ๋า" ผิดจากไอ้หนู คือ โคตรแมน จึงไม่ต้องห่วงใยให้มากนัก

สมควร จะสลับเพศกันให้รู้แล้วรู้รอดไป

เพราะสาวนิดสาวน้อยก็ล้วนปลื้มใจ "นายจ๋า" ที่ทั้งเท่ ทั้งสมาร์ท กันถ้วนหน้า

ใช่ว่า "ไอ้หนู" จะแพ้ "ไอ้จ๋า" อะไรๆ ก็สู้มันไม่ได้หรอกนะ  ตอนที่ยังเด็กไอ้หนูก็โอเค สู้บ้าง ยอมบ้าง  มีอะไรก็แข่งๆ ข่มๆ กันไป  แต่ตอนโตมานี้ไซร้ ไม่รู้จะแข่งกับมันทำไมให้มากความ  มันอยากเป็นผู้นำ เป็นลูกพี่ ก็ให้มันเป็นไป มันอยากทำไร่สืบต่อจากพ่อก็ปล่อยมัน  เขาเป็นผู้ชายยอมหลีกทางให้ก็ได้ ยังมีอะไรอื่นอีกมากมายให้เลือกทำ ไม่ใช่เด็กแล้วที่จะต้องคอยแข่งกับมันอยู่ร่ำไป .. น่ารำคาญ

จากที่ได้อ่านบทแรกๆ ยิ่งรู้สึกสนใจอยากติดตาม ต่อมจิ้นทำงานไปแล้วล่วงหน้า

ณ เช้าวันหนึ่ง เมื่อพี่ชายลืมตาตื่นขึ้นมาจากคืนเมาอันหยำเป  

ก็รู้สึกแปลกๆ กับตัวเอง      งัวเงีย หันไปมองคนข้างกาย 

คลับคล้าย คลับคลา ... เอ๊ะ นั่นมัน "ไอ้จ๋า" น้องสาวเรานี่หว่า

มึน !    ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ  

ดูจากสภาพ 'เปลือย' ของเธอ (ใต้ผ้าห่มปก) 

ก้มลงมองสภาพ 'เปิดเผย' ของเรา (หรา)

และแล้ว สติก็ค่อยทยอยมาสู่สมอง

ประมวลผลเป็นการรับรู้ ...เข้าใจ

 ...ช็อก! 

"ตายห่ะ   ฉิบหายแล้วกู!"

นั่นคือฉากไคลแมกซ์ในจินตนาการค่ะ 

แล้วก็ยังจิ้นไปเองอีกเป็นตุเป็นตุ แต่จากการดำเนินเรื่องมาสักพัก จึงรู้ว่าไม่ใช่แนวอย่างที่เราจิ้นไว้

เป็นเพราะมึนเมา จึงไร้สติ เผลอตัว จนงานเข้า

และคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรับมือ กับการเปลี่ยนแปลงจากสถานะที่เคยเป็นพี่น้อง

ไปเป็นอย่างอื่น เพียงเพราะความสัมพันธ์จุ๊กกรูเพียงชั่วคืน

พ่อแม่เป็นสามีภรรยา   ถ้าลูกๆ จะต้องเป็นสามีภรรยากันอีกคู่ จะเหมาะหรือ

ปัญหาแน่นอน! พ่อกับแม่จะรับได้อย่างไรกับเรื่องนี้  คนอื่นอีกเล่าจะครหาสักแค่ไหน

เพราะขึ้นชื่อว่าพ่อแม่แต่งงานกัน   จะอย่างไรลูกๆ ก็ถือว่าเป็น "พี่-น้อง"

ถึงไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด แต่นี่ก็เป็น "หลักการ" ที่ต้องยึดถือ

แต่จะให้ทำอย่างไร  ในเมื่อเรื่องนี้ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจ.. (คนมันเมา)

ฝ่ายหนึ่งต้องการจะเดินหน้าต่อไปในฐานะลูกผู้ชายที่ต้องรับผิดชอบ

แต่อีกฝ่ายเพียงต้องการจะยึดอยู่ในที่มั่นแห่งเดิม แห่งที่เราเคยเป็นเรา 

ลืมเสียเถิด..ความพลาดพลั้งในคืนฝันดี

เป็นเรื่องความแตกต่างของมุมมอง ที่ถึงแม้ไม่ทำให้เราปลื้ม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านิยายเรื่องนี้จะไม่สนุกสำหรับคนอื่นๆ  เพราะเราเชื่อว่าเหตุเป็นเพราะตัวเราเองที่จูนไปไม่ติดกับเรื่องราวที่จิ้นเอาไว้ซะเยอะ เพราะมีบางเรื่องที่เราถือสา ( หลักยึดถือบางประการสำหรับเฉพาะบุคคล ที่ไม่จำเป็นต้องยึดถืออย่างเดียวกัน ยกตัวอย่างสักเรื่องหนึ่งก็เช่น น้องจะแต่งงานก่อนพี่ไม่ได้ ธรรมเนียมบางท้องถิ่นไม่ถือสา  ใครหาคู่ได้ก่อนก็แต่งก่อนสิ  แต่บางท้องถิ่นก็ถือสา จะอย่างไรก็ต้องรอพี่แต่งก่อน หรือถ้ารอไม่ได้ก็ต้องมีพิธีแก้เคล็ดบางอย่าง)  

เด็กชายหนู - ภากร เป็นเด็กอ่อนโยนมองโลกในแง่ดี แม่ของ เด็กหญิงจ๋า - ปัญจมาลย์ ก็รักและห่วงใยลูกชายติดสามีคนนี้ไม่ต่างจากลูกตัวเอง เช่นเดียวกับสามีก็รักลูกจ๋าเป็นลูกสาวเหมือนกัน ดังนั้น ความสัมพันธ์ของทั้งสี่คือครอบครัว และ ภากร กับ ปัญจมาลย์ ตามศักดิ์แล้วจะเป็นอะไรอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากเป็น "พี่-น้อง" ต่อให้มีวัยใกล้เคียง และเป็นเหมือนเพื่อนเกลอกันก็ตาม

หากสองคนต่างคนต่างอยู่ ไม่ได้สนิทกันก็อาจจะให้ความรู้สึกในอีกแง่หนึ่ง แต่ในกรณีนี้ถูกรวมกันเป็นครอบครัวมาตั้งแต่ยังเล็ก ทว่าในเนื้อหาไม่มีที่จะพูดถึงคำ "พี่-น้อง" เลย  ดังนั้น การเป็นครอบครัวเดียวกัน จึงไม่ใช่ปมขัดแย้งของเรื่อง ไม่เคยมีใครตำหนิหรือแปลกใจในความสัมพันธ์ของ ภากร กับ ปัญจมาลย์ ในแง่ของพี่น้องรักกัน  ทั้งที่เลี้ยงกันมาอย่างลูกชายลูกสาวของตัวเอง แต่ทั้งพ่อและแม่ก็ดีใจ ร่วมยินดีสนับสนุนให้ลูกสองคนรักกัน โดยปราศจากความตะขิดตะขวงใจใดๆ ทั้งสิ้น ราวกับว่าไม่ได้เห็นสองคนนี้เป็นพี่น้องครอบครัวเดียวกันมาแต่แรก  

การที่ทั้งสองคนไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน  อาจเป็นเรื่องปกติในมุมมองของคนทั่วไป  แต่ในมุมมองของเราเป็นเรื่องถือสา  เรื่องนี้จึงเป็นตัวอย่างหนึ่งที่นิยายเรื่องหนึ่งๆ 'ใช่เลย' สำหรับบางคน แต่ก็อาจ 'ไม่ใช่' สำหรับบางคนก็ได้  ขึ้นอยู่กับรสนิยม ประสบการณ์ และพื้นฐานการรับรู้ในเรื่องต่างๆ   

สิ่งที่เรารับรู้คือ พ่อแม่แต่งงานกัน ลูกคือพี่น้องกัน  หรืออย่างกรณี ลูกพี่ลูกน้อง เราได้รับการสอนสั่งเสมอว่า ต้องนับเป็นพี่น้องไม่ต่างจากพี่น้องท้องเดียวกัน (แม้ในความเป็นจริงเราจะไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น) ต่อให้เติบโตต่างถิ่นไม่เคยใกล้ชิดก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงข้อยึดถือนี้ได้ ลูกพี่ลูกน้องคู่หนึ่งที่เรารู้จัก เติบโตคนละที่ มาเจอกันเมื่อตอนโต เกิดรักกันขึ้นมา แต่ก็แต่งงานกันไม่ได้ เพราะคำว่า "พี่น้อง" ทำให้รักนี้ต้องห้าม ผู้ใหญ่ไม่ยอมรับ ในสังคมท้องถิ่นก็เป็นเรื่องครหานินทา  สองคนจึงอยู่กินกันไปเลย (เจ๋งฝุดๆ) กว่าจะได้รับการยอมรับจากครอบครัวสนิทใจ ก็ต้องใช้เวลาจนลูกโต  แต่กรณีนี้ยังถือว่ามีสายเลือดเดียวกันจริงๆ  ส่วนในนิยาย  เมื่อต่างสายเลือด จึงเป็นช่องโหว่อย่างดีให้ยัง "รักกันได้" ดังนั้น แรกเริ่มจึงคิดว่าต้องเป็นเรื่องแนวนี้ที่สนุกมากแน่ๆ  แต่พอคำว่า "พี่น้อง" ไม่ได้ถูกใช้ให้เป็นประเด็นอุปสรรคของเรื่องสักติ๊ด ก็เลยรู้สึกเฉยๆ ไป

ตามที่เพิ่งอ่านรีวิวนิยาย "ผู้ชายของฉันไม่ใช่คนที่ฝันเอาไว้" ของคุณ Pdจิงกุเบล มา พลอตนิยายเรื่องนั้น แม่ก็บังคับลูกสาวแต่งงานกับพี่ชายลูกของพ่อเลี้ยงจนลูกต้องหาผู้ชายมาตบตาเป็นแฟน นั่นเป็นข้อยืนยันได้ว่า พี่น้องนอกไส้ ไม่ได้เป็นเรื่องถือสาสำหรับคนทั่วไป แม้ว่าพ่อแม่จะใกล้ชิดเป็นสามีภรรยากัน  พ่อแม่ของ ไอ้หนู ไอ้จ๋า ในเรื่องนี้จะสนับสนุนเต็มที่จึงไม่แปลก

พลอตของผู้เขียน  จึงเป็นเรื่องของ การหันมารักคนสนิทใกล้ตัว  บทของลูกต่างพ่อต่างแม่มีศักดิ์พี่น้องถูกใช้เป็นสื่อ "ความผูกพัน"  ที่จะเป็นพื้นฐานของความรักต่อมา จากคนที่ไม่เคยคิดว่าจะรัก ก็พัฒนาเป็นความรักได้เพราะมีความผูกพันเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่เป็นทุน  ทำให้ความรักก่อเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว  ความรู้สึกเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ ชอบพอ ติดใจ ตามรัก ตามตื๊อ ค่อนข้างไว ทั้งที่ไอ้หนูเพิ่งเป็นผู้ชายที่อกหักช้ำทรวง เมาหัวราน้ำมากว่าครึ่งปี แต่ก็สามารถจะรักไอ้จ๋าได้ง่ายดาย แต่ก่อนหน้าเราดันคาดผิดไปอีกว่า ความผูกพันนี้จะกลายเป็นความอิหลักอิเหลื่อ รู้สึกเป็นภาระที่ไม่รู้จะต้องแก้ปัญหาอย่างไร และคงยากจะยอมรับว่าความรู้สึกได้เปลี่ยนเป็นความรักไปแล้วในภายหลัง  (เยอะนะเธอ ไปเขียนเองเลยไป - อิอิ ก่อนจะมีใครหมั่นไส้ ขอออกตัวหมั่นไส้ตัวเองเอาไว้ก่อน )

ทำให้ไม่อินเท่าไรกับนิยายเรื่องนี้จากมุมมองส่วนตน (ที่ไม่เกี่ยวอะไรกับการดำเนินเรื่องราวของผู้เขียนเค้าเลย) โดยมีสาเหตุมาจากเรื่องของความคาดผิดในประเด็น รักนี้พี่น้องต้องฟันฝ่า  แต่บังเอิญว่ามันไม่ได้ประเด็นให้ฝ่าฟันตั้งแต่แรกน่ะค่ะ (555)  เป็นเหตุขัดข้องจากตัวเราเอง ไม่ใช่ที่ตัวนิยาย  แต่ก็ทำให้รู้สึกสนุกกับการเขียนรีวิวเรื่องนี้นะคะ

ส่วนที่เกี่ยวกับแนวการเขียน จะเป็นเรื่องบทบาทของตัวละคร  

นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องของใคร   ภากร กับ ปัญจมาลย์  หรือ ภาคพิเศษของ สี่สาวจากนิยาย "ร้อยดวงรัก กับดักแห่งใจ"  ที่มีบทบาทมากซะจนทำให้เนื้อเรื่องของพร-นางหลวมไป  กว่าเพื่อนเกลอจะเกิดเหตุความสัมพันธ์ในคืนเมา เพื่อเริ่มต้นเรื่องราวความรักอย่างจริงจัง ก็ปาเข้าไปแล้วกว่าครึ่งเล่ม  เข้าใจว่าคนเคยอ่านนิยายเรื่องนั้น คงจะมีความสุขใจ เมื่อได้อดีตพระ-นางถึงสี่คู่ มามีบทบาท เจ๊ดัน -ป๋าดัน โลดแล่นโชว์ความรักความหวานกันจริงจังกับบทบาท สามีหนุ่ม-ภรรยาสาว อยู่ในเรื่องนี้  แต่สำหรับคนไม่เคยอ่านมาก่อนอย่างเรา ย่อมเกิดอาการเหวอ  เพราะใส่เข้ามาเยอะจริงๆ  แล้วกว่าจะเขียนถึงสามีภรรยาแต่ละเหตุการณ์ร่วมกันครบทั้งสี่คู่ ก็ต้องเบียดบังพื้นที่ลดทอนความโดดเด่นของพระ-นาง เจ้าของเรื่องไปอย่างช่วยไม่ได้   และบางอย่างก็ดูจงใจมากไปยกตัวอย่างหนึ่ง เช่น .. ท้องพร้อมกันทั้งสี่คน

และที่เรารู้สึกว่าเกินไปจริงๆ คือ ตอนพิเศษท้ายสุดยี่สิบห้าหน้า ที่เป็นเรื่องราวชวนสุขของทั้งสี่คู่ ทำไปทำมา ภากร กับ ปัญจมาลย์ เหมือนเป็นเพียงตัวประกอบให้นิยายรักภาคพิเศษของทั้งสี่คู่นั้นซะมากกว่า  แต่แฟนของ ร้อยดวงรัก กับดักแห่งใจ ต้องโปรดเรื่องนี้แน่ เพราะเท่าที่อ่านยังรู้สึกว่าน่ารักเลย  ทั้งคู่ เจ้าพ่อธีรพัฒน์ - ใบเตย  หาญวงศ์-อนัญญดา  วีรพันธ์-ณรุดี  อนพัทย์-ประกายแก้ว โดยเฉพาะตอนพิเศษของคู่หลังสุด "เบื้องหลังการผลิต 'น้องกัน' " "คลอดแล้วจ้า"  กับ "ผมถึงเส้นตายแล้วครับ" น่ารักและตลกดี ขโมยซีนพระ-นางของเรื่องกันไปเต็มๆ 




 

Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2557    
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2557 18:56:08 น.
Counter : 1866 Pageviews.  

แสงซ่อนเงา_เขาหรือใครในตัวตน

 

ต่อให้เป็นพี่น้องฝาแฝด แต่นิสัยก็ผิดกันราวหน้ามือหลังมือได้

‘ชลธร’ เรียบร้อย แสนดี ส่วน ‘ชลชาติ’ ตรงกันข้ามกับคู่แฝดตน

 แม้จะแตกต่าง หากความต่างกลับช่วยเติมเต็มซึ่งกันและกัน

แต่แล้ววันหนึ่งอุบัติเหตุก็ได้พรากชลชาติไป

ชีวิตชลธรที่เคยเรียบง่ายพลันกลับกลายเป็นขาดสีสันนับตั้งแต่บัดนั้น

ชลธรดำเนินชีวิตต่อมาอย่างมีคุณค่า ทดแทนในส่วนของชลชาติ

เขาเป็นคนดียิ่งกว่าที่เคยเป็น หากตัวตนเช่นนี้ของเขา

กลับไม่เป็นที่ยอมรับของ 'รุจี' หญิงสาวที่เพิ่งช้ำรักจากแฟนหนุ่มคนที่เคยคิดว่าใช่

จนพานเป็นโรคเกลียดผู้ชายแสนดีทั้งโลก

หลายครั้งที่รุจีคิดว่าภาพคนดีของชลธรนั้นเกิดจากการเสแสร้งแกล้งทำ

แต่แล้วความตั้งใจที่จะฉีกหน้ากากของเขาออกมากลับกลายเป็นการรนหาที่

 เมื่อสิ่งซึ่งเขาพยายามซุกซ่อนไว้แย้มพราย โดยเธอเป็นเพียงผู้เดียวที่ได้รับโอกาส

ให้ล่วงรู้ความลับ… เบื้องหลัง…ตัวตน… ที่แท้จริงของเขา

 

 

เบื้องหน้า .. เขาช่างหล่อ รวย เพอร์เฟ็กต์จนใครๆ อิจฉา

หากเบื้องหลัง กลับซ่อนตัวตนมืดมิดภายใต้รูปเงาตนเอง

"แสงซ่อนเงา" เป็นชื่อเรื่องสามคำสั้นๆ แต่ฟังแล้วคลาสสิคดี ชอบตั้งแต่แรกเห็นผ่านสายตา พลอตฝาแฝดน่าสนใจ แต่จากคำโปรยปกหลังคิดว่ารู้ได้ทันที 'ความลับ' ของเรื่องนี้คืออะไร  จึงปล่อยเรื่องนี้ผ่านมาจนป่านฉะนี้  และยังคงกลับมาตายรังกับผู้แต่ง "ภัสรสา" อีกครั้ง เพราะคำสามคำสั้นๆ   "รน หา ที่"

เขาอยู่ของเขาดีๆ เธอจะมาหาเรื่องคอยฉีกหน้ากากแสนดีของเขาทำไม

อยากรู้นักใช่ไหมว่าตัวตนเขาเป็นเช่นไร  ได้เลย ถ้าเธออยากจะ รน หา ที่

ถ้าอยากจะรู้นัก  เขาก็จะแย้มพรายให้เห็น แต่ขอบอกเอาไว้เลย

เธอได้ 'เคราะห์ร้าย' แน่นอน

เปิดเรื่องได้น่าสนใจ ปูพื้นสองพี่น้องฝาแฝดต่างคาแรคเตอร์ ต่างการเลี้ยงดู  เพราะพ่อแม่แยกทางแล้วแบ่งลูกกันคนละคน  คนหนึ่งอยู่กับพ่อ คนหนึ่งอยู่กับแม่ ความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้อง  อุบัติเหตุ และแฝดคนเดียวที่เหลืออยู่  "ชลธร" 

บทต่อมาเปิดตัวนางเอกมามัดใจในความแปลก  "รุจี" กับความสัมพันธ์ที่น่ารักระหว่างพ่อลูก โรจน์ เขาเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว จึงสนิทกับลูกสาวคนเดียวที่เลี้ยงมาจนโต อยู่ด้วยกันลำพังสองคนมาตลอด  บทบรรยายความรู้สึกนึกคิด และการสนทนาของสองพ่อลูกคู่นี้เกือบตลอดเรื่อง อบอุ่นน่ารักมากๆ  ทำให้อมยิ้มได้ตลอด หลุดหัวเราะคิกคักออกมาก็มี แม้จะพูดจายียวน กวนอารมณ์กัน แต่ก็สื่อถึงความผูกพันใกล้ชิด

"พ่อ ถ้าพ่อยังไม่หยุดว่าหนู หนูจะงอนพ่อแล้วนะ"

"แล้วไง แกงอนฉันแล้วฉันเดือดร้อนอะไร ไหน..วานบอก  กับข้าวฉันก็ทำให้แกกิน บางวันต้องลากแกจากโต๊ะทำงานไปโยนทิ้งบนเตียงให้ด้วย ผ้าฉันก็ส่งซัก บ้านฉันก็ทำความสะอาดเอง ไหน  บอกซิ แกทำประโยชน์อะไรให้ฉันบ้าง ฮึ"

แต่อะไรก็ไม่ฮาเท่าตอนโดนพ่อว่า แล้วรุจีเอาคืนด้วยการพูดดังลั่นร้านเนื้อย่างเกาหลีที่มานั่งกินกันพ่อลูกสองคน

"เสี่ยจะไม่ยอมจ่ายค่าห้องให้หนูจริงๆ เหรอ!"

จะว่ากล่าวหรือดราม่ากันอย่างไร สุดท้ายบทสนทนาพาทีของพ่อลูกคู่มักจะถูกลากลงมาสู่ความขำขันได้บ่อยๆ  แม้การพูดจาภายนอกจะออกแนวยียวน แต่โดยความรู้สึกสองคนนี้ก็เป็นพ่อแหง่ลูกแหง่ที่สนิทกันมาก  มีอยู่ตอนหนึ่งที่รุจีตอบคำถามของชลธรว่าเพื่อนสนิทที่สุดในชีวิตของเธอคือ "พ่อ" 

เราอินกับความหมายนั้นนะ

เกี่ยวกับชื่อเรื่องส่วนตนคิดเอาเองว่า 'แสง' คือ ภาพลักษณ์  'เงา'  คือ ตัวตน และชีวิตของเขาคือ แสงซ่อนเงา_ ภาพลักษณ์ซ่อนตัวตน 

แต่ความหมายแท้จริงของชื่อเรื่องนี้  'แสง' เข้าใจว่าหมายถึง นางเอก (ถ้าเข้าใจไม่ผิดน่ะนะ)

 'เงา' คือ พระเอก  และเธอคือแสงสว่างทีทำให้รูปเงาในชีวิตหายไป แล้วเหลือไว้ซึ่งตัวตน   

พลอตเรื่องนี้เหมาะกับการจะนำไปสร้างละครดราม่าครอบครัว อัดใส่รายละเอียดอารมณ์ตัวละครเข้าไป  คิดว่าจะได้เรื่องราวฝาแฝดที่สนุกมากเรื่องนึงเลยล่ะ ธีมความรักก็น่ารักดี  ชอบที่ผู้เขียนกล่าวถึงไว้ว่า 'ถ้าใครเคยชินกับประโยค พระเอกวายร้ายที่ร้ายกับคนทั้งโลกแต่ดีกับนางเอกคนเดียว เรื่องนี้ขอสลับเป็น เป็นพระเอกแสนดีที่ดีกับคนทั้งโลกแต่ร้ายกับนางเอกคนเดียว'  ใช่เลยล่ะ แหวกแนวอย่างนี้ย่อมน่าสนใจ 

เสียดายแต่ว่ามันยังไม่จี๊ด เพราะตอนอ่านคำโปรยปกหลัง เราไพล่ไปวาดภาพ 'ร้าย' เอาไว้ซะก่อน ร้ายเกเร ดราม่า เย็นชา ร้ายประเภทชวนกังขาเจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันไย  แต่พออ่านแล้วไม่ใช่ เป็นร้ายแบบเด็กๆ หยอกเย้า ยั่วโมโห แกล้งกันวันละนิดจิตเอาคืนปลอดโปร่ง   อารมณ์ตื่นเต้นกับการพบตัวตน และที่พักใจของคู่พระนาง จึงดรอปลงไป แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังน่ารักกันอยู่ 

รุจี  เพิ่งอกหักมาจากแฟนบุคลิกแสนดี  เจอเจ้านายคนใหม่เป็นหนุ่มแสนดีที่คนรอบข้างบรรดามีล้วนชื่นชมยกย่อง  แต่.. ภายใต้ท่าทีสุภาพใจดีตลอดเวลานั้น รุจี ได้เห็นอะไรบางอย่างชวนสงสัยว่าเขาคนนี้ 'ดี' แน่หรือ ?  ถ้าหากว่าไม่แน่ แล้วทำไมต้องแสร้งทำเป็นดี 

ไม่ไหวแล้ว หมั่นไส้คนดี เห็นแล้วไม่สบอารมณ์

ทางเดียวที่จะหายหงุดหงิดก็คือการได้เห็นเขา 'หลุด' จากหน้ากากมาดคนดี

ชลธร อึดอัดคับข้องใจมาครึ่งชีวิตกับการเป็นคนแสนดี  การได้พบใครสักคนที่ 'ไว' ต่อความรู้สึกแท้จริงของเขาอย่างน่าประหลาดใจ  แถมยัง 'จับได้' คาหนังคาเขากับอาการคนดีตีหน้าตาย  เมื่อถูกยั่วโมโหจน 'หลุด' ร้ายไปแล้วครั้งหนึ่ง  ก็เห็นทีว่าคงไม่จำเป็นต้องดี-ตีบทแตกกับเธอคนนี้อีกต่อไป ให้เขาทำตัวอย่างไรกับเธอ คนอื่นก็ไม่มีทางรู้ เพราะต่อให้เธอนำพฤติกรรมอีกด้านของเขาไปแฉ  ก็อย่าหวังเลยว่าจะมีใครเชื่อ  เพราะเขามันคนเครดิตดี ที่อยู่อย่างนี้มายาวนานอย่างแนบเนียน  ขืนพูดมากไป ดีไม่ดี เธอเองนั่นแหละ รุจี จะเสียคน  

หึ  หึ  หึ  ฟ้ามีตาเสียนี่กระไร

จึงส่งใครสักคนมาให้  เพื่อปลดปล่อย...ด้านมืด

โดยพลอตชวน 'ดราม่า' แต่โดยอารมณ์ส่วนใหญ่ของเรื่องยังคงเป็น 'แจ่มใส' ต่อให้พระเอกอายุเข้าเลขสามเป็นผู้บริหารจัดการบริษัท  นางเอกก็คนทำงานวัยยี่สิบกว่า แต่ดูเหมือนว่าสำนวนสนุกรื่นรมย์ของผู้เขียนที่มักจะมากับบรรยากาศน่ารักน่าเอ็นดู ทำให้จินตนาการที่มีถึงพระ-นางมักจะเกิดเป็นภาพที่อ่อนวัยกว่าอายุอานามในหนังสืออยู่บ่อยๆ  แล้วความแตกต่างสองบุคลิกก็ไม่เชิงเป็นสว่าง-มืด หรือ ดี-ร้าย แค่เป็นเพียง  ความสุภาพอ่อนโยน กับทะโมนโผงผาง  ที่เคยเดาว่าเรื่องนี้จะเป็นดราม่าเข้มข้น จึงเหลือเพียงดราม่าเบาๆ พอเร้าอารมณ์

บรรยากาศน่ารัก คือ บริษัทเล็กๆ ในต่างจังหวัด (แต่จังหวัดไหนไม่รู้) สังคมคนทำงานแบบกันเอง บ้านที่ไม่ไกลจากออฟฟิศ และเดินทางไปทำงานด้วยการปั่นจักรยาน ภาพ กอล์ฟ พิชญะ ปั่นจักรยานไปทำงานในละครเรื่อง ลูกหนี้ที่รัก ลอยเข้าหัวมาเลยทีเดียว แต่หน้าตากอล์ฟไม่เหมาะกับบทนี้  เราเลยติดภาพเค้ามาเฉพาะขาปั่นจักรยานกับสไตล์การแต่งตัวเท่ห์ๆ ในภาพลักษณ์สบายๆ ภายใต้ใบหน้านุ่มนวลยิ้มแย้มใจดี  จากที่อ่านก็ไม่มีภาพแน่ชัดนักว่าพระเอกของเราแต่งตัวสไตล์ไหน ก็เลยจิ้นกันไปให้ถูกใจกับมโนนึกของตัวเอง

 photographs by Wouter Brandsma  //wouter28mm.wordpress.com

ชอบในเหตุผลการกระทำของตัวละครทุกคน  โดยเฉพาะเหตุผลของพ่อ และ แม่ รวมถึงตัวชลธรเองว่าทำไม่ต้องใช้ชีวิตซ่อนเงา  ซึ่งการตัดสินใจในท้ายที่สุดของเขาก็เป็นอะไรที่เท่ห์ดี ได้ดั่งใจ ใช่เลย แต่ส่วนของอารมณ์คิดว่ายังบิ๊วมาน้อยไป เพราะการดำเนินเรื่องส่วนมากจะอยู่ที่ความสัมพันธ์น่ารักเรื่อยๆ ของพระนาง  เรื่องส่วนที่เกี่ยวข้องกับปมไม่ค่อยเข้มข้นเท่าไรนัก อารมณ์จึงไม่พุ่งเท่าที่หวัง คิดว่าถ้าใส่ความสัมพันธ์ห่างเหินของ ชลธร กับ แม่  ใส่ความทรงจำกับพ่อให้มากขึ้น น่าจะอินกว่านี้ 

เพื่อนเก่า กิตติภณ กับ เพชรลดา เป็นตัวละครที่คิดว่าเกินมาอย่างไม่จำเป็นเท่าไร ถ้าไม่กระจายเรื่องไปยังสองคนนี้ ไม่มีเรื่องเสียหายอะไรเกิดขึ้นกับใครในอดีต ก็ไม่น่าจะกระทบอะไรมากนัก แล้วยังจะช่วยกระชับอารมณ์หลักของเรื่องให้ข้นๆ ไว้ด้วย เพราะพลอตอย่างนี้นะ ถ้าบิ๊วแน่นๆ เอาไว้ ตอนความจริงเฉลยเผยไต๋ อาจกระเทือนใจน้ำตาไหลพรากได้เลย  นึกถึงตอนที่ชลธรไปสถานที่ดูดาว รำลึกถึงคู่แฝด แม้ว่าเป็นเรื่องพี่น้องที่มาน้อย แต่มาทีก็ให้อารมณ์ผูกพันอาวรณ์ได้ดี 

ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะรู้สึกว่าความขมขื่นของตัวละครยังไม่หนักนัก เหมือนเป็นความน้อยใจของเด็กที่พ่อแม่ไม่อาจกลับมารักกัน แล้วก็ติดอยู่ในใจมาจนโตเพราะไม่เคยปริปากพูดอะไรออกไป  สักครั้งที่พูดออกมา เปิดหัวใจ  เรื่องก็โอเค เคลียร์กันเข้าใจ  จึงรู้สึกว่าง่ายไปหน่อยถ้าเทียบกับผลพวงต่อทั้งชีวิตที่เลือกเป็น  ถ้ามีอะไรอีกนิดให้บาดลึกเป็นบาดแผลใหญ่กว่านี้อีกหน่อย มีความเย็นชาเผลอทำร้ายจิตใจให้เจ็บช้ำกันไปบ้าง เวลาที่สำนึกได้จะได้ซึ้งมากๆ  (แต่อย่าไปเอาอะไรกับความเห็นเราเลยนะ  เพราะเรามันคอดราม่า พวกชอบแนวเจ็บ ลึก ร้าวราน อิอิ)

เนื้อหาความรัก คือ ใครสักคนที่เข้าใจ  รุจี ที่สังเกตเห็นเงาซุกซ่อนของชลธร ได้รู้จักและเข้าถึงตัวตนอีกด้าน เขาสามารถที่จะใช้เวลาอยู่กับเธอด้วยความปลอดโปร่งสบายใจ และจากสบายใจเธอก็เริ่มกลายเป็นคนสำคัญ 

ชอบการตู่เป็นแฟนของพระเอก และชอบสุดๆ คือ ฉากขอแต่งงาน  นิยายทุกเรื่องของภัสรสาที่เคยอ่านมา มุขรักลงเอยแต่ละเรื่องสร้างสรรค์ได้น่ารักมาก ไม่รู้สึกว่าล้นว่าเลี่ยนเลย ตรงกับใจชอบส่วนตนที่ไม่ค่อยชอบสำนวนรักหวานพร่ำเพ้อ  แต่ชอบความเรียบง่าย แหวกแนว ยิ่งถ้าพ่วงด้วยอารมณ์ขันยิ่งชอบมาก เรื่องนี้ก็นะ ... แหม .. อยากกรี๊ด น่ารักจัง 

แต่ช่วงท้ายแอบมีชะงักอึ้งนิดหน่อยกับการเปลี่ยนสรรพนามเป็น "ที่รัก"

ก็บอกแล้วว่าคำหวานๆ ไม่ใช่แนวของเรา

 เพื่อนคู่หนึ่ง ตอนรู้จักคบหากันใหม่ๆ  ก็เรียกชื่อกันปกติ 

อยู่มาวันหนึ่ง  สรรพนามเปลี่ยนไป จากเรียกชื่อกัน

 ..เปลี่ยนเป็น   'ป๊า'  กับ 'มี๊ ' ..  ทั้งที่ยังไม่แต่งงาน และลูกก็ยังไม่มี

ก็นะ .. จะหวานกัน เพื่อนก็เข้าใจ ไม่ได้หมั่นไส้  ไม่ได้อะไรเลย (จริงๆ)

แต่ หูเค้าอ่ะ  มันจูนรับไม่ทันอ่ะนะเพื่อนนะ

ทว่าก็โอเค เก็บอาการ (อิจฉาหรืออะไรไม่รู้) แล้วปล่อยพวกมันหวานกันไป

แต่มีเพื่อนคนหนึ่ง  ปากไวไง  "มี๊อะไรวะ  มี๊-พิศมัยหรือไงเมิง" 

นั่นเป็นเหตุให้ เราจะสะดุดกับความไม่ชินทุกครั้ง เวลาเจอนิยายเรื่องไหนเปลี่ยนสรรพนามกลางอากาศ แต่ถ้าเรื่องไหนเปลี่ยนได้เนียนก็โอเค อย่างเรื่องนี้  ตอนเปลี่ยนมาเป็น "พี่" ก็เหมือนคนที่รู้จักกันพอสมควรแล้ว เปลี่ยนคำเรียกตามความสัมพันธ์ที่สนิทขึ้นอีกระดับหนึ่ง  แต่เปลี่ยนอีกครั้งที่สองเป็น "ที่รัก" แม้ว่าจะเข้าใจเหตุผลของการหาคำเรียกใหม่นั่นก็ตาม ก็ยังสะดุดกึ๊ก  นิดนึงน่ะ

ยังคงติดใจสำนวนสนทนา มุขเจรจาโต้ตอบของตัวละครที่มักทำให้อมยิ้มเสมอ  อีกอย่างคือ คาแรคเตอร์ตัวละครและการสร้างความสัมพันธ์ พบเจอ รู้จัก ใกล้ชิด ค่อยๆ เรียนรู้นิสัยใจคอที่แท้จริง ถูกใจ และชอบพอ เนียนๆ เป็นธรรมชาติดี   บรรดาพระเอก นางเอก จาก นิยายชุดจันทร์ ที่มาโผล่ในนิยายเรื่องนี้ในฐานะเพื่อน  ก็ไม่หลุดคาแรคเตอร์ไปจากนิยายต้นเรื่องเลย ความเป็น..  ปักจันทร์  คุณเทียน ป๋าวิท  แพท-พัทธวีร์ อรอินทุ์ แค่พูดไม่กี่คำ หรือไม่มีบทตัวมา แค่ว่าคนอื่นพูดถึงบ้างนิดหน่อย ก็รู้สึกว่า นั่นแหละ ใช่เลย  ชื่อป๋าวิทยังทำให้หัวเราะคิกได้เหมือนเดิม  -วิทวัสครับเกลียดว่าที่พ่อไอ้แพท- ใช่คำนี้เป๊ะหรือเปล่านะ แต่นั่นแหละ ใช่เขาเลย  เป็นอาการอิจฉาของคนที่เพื่อนรักมีจะมีลูกก่อน   ยังคงรักป๋าวิท คิดถึงพะแนงเหมือนเดิมนะ

 




 

Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2557    
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2557 18:43:28 น.
Counter : 3186 Pageviews.  

ลมไพรผูกรัก_ผูกสมัครรักมั่น "อุธิยา"

 

ด้วยสายลมแห่งไพรพนา

รักที่เคยหลุดคว้างจึงหวนกลับคืนมาอีกครั้ง

                ----------

เพราะอดีตรักอันแสนเจ็บปวดที่เขาทิ้งไว้ให้

เธอจึงปิดใจ ไม่ยอมรับรักจากเขาอีก

ทว่าคืนวันที่ผ่านไป หัวใจทั้งสองดวงยังคงเพรียกหากัน

ภาระหน้าที่ทำให้ตัวเขาต้องห่างเธอไป

เธอจึงถอดใจมองหารักใหม่เพื่อลืมเขา

แต่พรหมลิขิตกลับไม่ยอมลดราวาศอกให้

ดลบันดาลให้เขากับเธอได้กลับมาพบเจอกันด้วยความบังเอิญ

รักที่เหมือนจะเหือดแห้งกลับฟื้นคืน

เขาจะเอาชนะใจเธอได้อย่างไร

ในเมื่อหน้าที่ทำให้เขาต้องทอดทิ้งเธออีกครั้ง

เรื่องราวความรักที่แสนยากจะลงเอยอย่างไร

หากเขากับเธอต้องเอาชนะทั้งใจที่เคยบอบช้ำและหน้าที่ที่ไม่อาจปฏิเสธ

แม้หน้าที่นั้นอาจทำให้เธอต้องปิดใจจากเขาตลอดไปก็ตาม!

    ----------

ประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้งว่ายินดีที่ได้รู้จัก นักเขียนนาม อุธิยา  ดีใจนะคะที่หาคุณเจอ  ตอนแรกโกรธตัวเองที่ตบะแตกสั่งซื้อหนังสือเล่มนี้มา (คือว่า พอซื้อไปเล่มนึง เล่มสอง สาม สี่ ห้า ก็ไหลตามมาติด)  เนื่องจากเคยตั้งใจไว้ว่า จะไม่ซื้อหนังสือไปจนกว่าจะผ่านพ้นเดือน มิถุนา แต่เนื่องจากติดอกติดใจ เหลี่ยมเสน่หา  ที่ยกให้คุณเป็น New Star .ในใจฉัน จึงต้องเร่งพิสูจน์กันว่าคุณคือ Raising Star ของเราด้วยหรือไม่ ตอนนี้ได้คำตอบแล้ว อ่านแล้วสุขใจที่ได้ซื้อมา ชอบสำนวนเรียบง่าย แต่ให้ความรู้สึกอิน เรื่องนี้ไม่ได้ถึงขั้นว่าชอบมากมาย แต่เราชอบใจมากกับการใส่เนื้อหาสาระให้เป็นนิยายแบบที่เราชอบ

ถือเป็นนิยายที่ตอบโจทย์  "My Hero"  ของตัวเอง ที่ต้องรีบออกตัวไว้แรงๆ ก่อนว่า เรื่องนี้ถูกจริตส่วนตนเพราะเป็นเรื่องของชายในเครื่องแบบ "เจ้าหน้าที่ป่าไม้" ซึ่งในตอนเด็กๆ มักจะคุ้นกับคำชาวบ้านเรียกง่ายๆ ว่า "ตำรวจป่าไม้" มากกว่า (แต่เชยนะคำนี้)  เทียบกับ "แสงดาวกลางใจ" หนึ่งในละครชุด ลูกไม้ของพ่อ ที่พระเอกเป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้เหมือนกัน  ขอบอกว่าเรื่องนี้ได้ใจกว่ากันเยอะ 

เมื่อเดือนที่แล้วก็เพิ่งไปเขาช้างเผือกมา อาจจะเป็นที่แรกที่เพิ่งเคยเห็นเจ้าหน้าที่ฯ มากำกับดูแลการเดินป่าเดินเขาของนักท่องเที่ยวแบบใกล้ชิด ปลื้มค่ะ  ในวันกลับตั้งแต่จุดตั้งแคมป์ลงมาหมู่บ้านอิต่อง ตลอดระยะทาง 10 กม. เรากับเพื่อนเดินมากับเจ้าหน้าที่คนนึ่ง วัยคุณลุงแล้วล่ะ (แต่ต่อหน้าก็ตีซี้เรียกว่าพี่ไป) ได้พูดคุยสนุกเกี่ยวกับความรู้เรื่องป่ามาตลอดทาง ได้ถามซอกแซกเกี่ยวกับชีวิตเจ้าหน้าที่ การกินอยู่ ทำงานแบบไหน ยังไงบ้าง เจอปัญหาอุปสรรค เสี่ยงภัยบ้างมั้ย แล้วสถานการณ์นั้นๆ ต้องทำยังไง  ได้ฟังแล้วรู้สึกประทับใจ และเชื่อจริงๆ ว่า ถ้าไม่ใช่คนรักป่า เป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ไม่ได้ นี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่อ่านนิยายเรื่องนี้แล้วค่อนข้างฟิน

ทำให้นึกขึ้นมาได้ เราเคยอยากให้มีนิยายอยู่พลอตนึง  นายทหารประจำการสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ กับคุณครูผู้เสียสละอยู่ในพื้นที่  หรือไม่ก็เป็นสาวใต้คนงามสักคนก็ยังดี  แต่ก็คิดว่าถ้าไม่ใช่นักเขียนมือเก๋าๆ ในยุคเก่าที่มักหยิบเอาประวัติศาสตร์ สังคม การเมือง มาเป็นฉากเรื่องราว สมัยนี้จะหาใครมาเขียนแนวถ่ายทอดอุดมการณ์ หน้าที่ภารกิจ  จิตวิญญาณความเสียสละ  ออกมากับนิยายรักได้  ที่เคยอ่านๆ มาก็จะเป็นเรื่องกึ่งๆ สารคดี ซึ่งมิใช่ นิยายรัก ... มาอ่านเรื่องเจ้าหน้าที่ป่าไม้เรื่องนี้แล้ว เราไว้ใจเลยนะ ว่าอุธิยานี่แหละ..เขียนได้ จึงอยากวิงวอนฝากสายลมไป ไม่ได้หวังให้สนใจ แค่อยากให้รู้ว่าเรียกร้อง  Smiley

พี่อิส - อิสระ กับ ปอนด์-ปภาพินธ์  เป็นหนุ่มสาวบ้านใกล้เรือนเคียง ที่ครั้งหนึ่งเขาและเธอเคยรักกัน  แต่เพราะเหตุบางประการ  ทำให้ทั้งสองคนต้องเลิกรากันไป  แม้ว่าหัวใจของอิสระจะไม่เคยเปลี่ยน แต่ด้วยหนทางอาชีพที่เลือกเดิน ทำให้ยากจะหาโอกาสกลับมาสานสัมพันธ์

หากรักด้วยหัวใจทำให้เจ็บปวด ปภาพินธ์ขอเปลี่ยนไปใช้เหตุผลในการเลือกคบชายคนใหม่ พี่เก้า-กรรชิต คือ ความเหมาะสม คือคนที่ชีวิตมีกรอบระเบียบให้ชวนเชื่อใจ  แตกต่างจากเขาคนเก่าที่รักอิสระเสรี ไม่ต่างจากบรรดาพ่อพี่น้องของเขา ที่รู้กันดีว่าบ้านนั้นเป็นครอบครัวหนุ่มเจ้าสำราญ

แยกทางกัน ชีวิตก็เป็นเหมือนเส้นขนาน แม้บ้านใกล้ สายใยไม่อาจส่งผ่าน

แต่ใครเลยจะหยั่งรู้พรหมลิขิตบันดาลชักพา

สายลมแห่งไพรพนา จึงพัดพาให้กลับมาเจอกัน

หากมีทางใดจะรั้งเเอาไว้ได้ เขาจะไม่ปล่อยโอกาสนั้นให้หลุดลอยไป  

คว้าเอาไว้    

แล้วก็ได้ .. แต่งงานสายฟ้าแล่บ!

แต่อิสระไม่ได้ตบจูบปลุกปล้ำปภาพินธ์หรอกนะ (เผื่อจะมีใครคาดหวัง ) เป็นด้วยเหตุบางประการที่ส่วนตนคิดว่า น่าจะเป็นจุดเดียวที่ไม่ชอบสำหรับนิยายเรื่องนี้ มันเป็นนิยายมากเกินไป (แม้จะรู้ตัวว่ากำลังอ่านนิยายอยู่)  ที่จริงแล้ว เหตุผลของการเลิกกัน ก็ไม่ค่อยโอเคเหมือนกัน เพราะคิดว่าเรื่องมันไม่บาดลึกพอ แต่เพราะเป็นผู้หญิงก็คิดว่าพอเข้าใจได้

และโดยผลของการวิวาห์ จะนำไปสู่เจตนาของเรื่องราว

Cr.picture : Paitew.com

อิสระ เป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ สังกัดหน่วยจัดการต้นน้ำขุนน้ำเย็น อุทยานแห่งชาติแม่วงศ์ จ.นครสวรรค์ (เท่ห์มาแต่ไกล) นอกจากทำงาน จันทร์-ศุกร์แล้ว ภารกิจความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ฯ อาจยังต้องล่วงเลยถึงเสาร์อาทิตย์ ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับหน่วยงานภายนอก เช่นนักศึกษา ชุมชน การเผยแพร่ความรู้ในเชิงป้องกัน การเร่งรัดปลูกป่าในฤดูฝน  ไหนจะการเข้าชุดลาดตระเวน ที่ต้องกินนอนในป่า ปิดโทรศัพท์มือถือ เสี่ยงภัยอันตรายกับการปะทะพวกโจรลักลอบตัดไม้ สัญญาณโทรศัพท์ก็ขาดๆ หายๆ เวลากินนอน เวลาใช้โทรศัพท์ ส่งข้อความ หรือแม้แต่วันจะกลับบ้านก็ไม่แน่นอน

อิสระ กับ ปภาพินธ์ แม้จะแต่งงานใหม่ แต่ก็ยากจะหาโอกาสข้าวใหม่ปลามัน ซึ่งรวมถึงการใช้ชีวิตด้วยกันแบบคู่สามีภรรยาปกติทั่วไปด้วย 

 แต่งงานกัน แต่ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน มันคงไม่เป็นไร 

ถ้าคนสองคนมีความรักความเข้าใจเป็นพื้นฐานของชีวิตคู่ 

แต่กรณีคู่นี้ .. อาจจะเคยรักกันก็จริง แต่ก็เคยเสียศรัทธา จนเลิกรากันไป

กลับมาเจอกันอีกครั้ง ก็แต่งงานกันเลย แบบคนนึงฉวยโอกาส คนนึงไม่เต็มใจ  (แต่ไม่ได้ปล้ำจริงๆนะ ขอย้ำ) คดีเก่าที่เจ็บช้ำไม่จางหาย คดีใหม่ก็สร้างความไม่พอใจ  ปภาพินธ์เองก็เพิ่งรู้ว่าอิสระไปทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เมื่อตอนได้กลับมาพบกันอีกครั้ง และเมื่อแต่งงาน ก็กระทันหันจนเธอไม่ทันได้บอกเลิกกับแฟนที่คบกันอยู่ให้เด็ดขาด

สถานการณ์ตึงเครียด และความสัมพันธ์ก็สุดแสนจะเปราะบาง

งานป่าไม้นั้นสำคัญไฉน ปภาพินธ์ไม่เคยให้ความสนใจมาก่อน  รู้แต่ว่ามันเป็นงาน ที่ทำให้ชีวิตการแต่งงานไม่มีอะไรเปลี่ยนไป ยังคงห่างเหิน ไม่ไว้ใจ ไม่เชื่อใจ  เธอสำคัญบ้างหรือไม่ เคยสนใจมาดูแลบ้างหรือเปล่า เขารักป่ามากกว่าคนที่แต่งงานกัน หรือที่จริงเขามีใครซ่อนอยู่ที่นั่น

เรื่องนี้ เห็นใจพระเอกมากกว่านางเอกนะ เพราะงานเข้า ตลอด!

ผู้เขียนใส่รายละเอียดงานป่าไม้มาให้อิ่มหนำสำราญใจกันเลยทีเดียว  สร้างเรื่องราวการทำงาน ทั้งภารกิจ หน้าที่ สอดแทรกแนวคิดเชิงอนุรักษ์ และรวมถึงอุดมการณ์ของการเป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ มีหลายบทพูด บทบรรยายความรู้สึกที่กินใจ แต่ที่ทำน้ำตาซึมเล็กๆ คือจุดนี้ ที่ผ่านการบิ๊วอารมณ์มาแล้วจากเหตุการณ์อื่น ความรู้สึกอื่นช่วงก่อนหน้า 

เขาอยากเจอเธออีกครั้งตามที่ให้สัญญาว่าจะกลับไปหา และตอบคำถามที่ค้างคาไว้

เขาจะตอบเธอว่า เจ้าหน้าที่ป่าไม้ทุกคนคิดว่าตนเองคือผู้รักษาป่า

ส่วนใครก็ตามที่ลักลอบตัดไม้ เผาป่า คือ ขโมย

เธออาจจะไม่เห็นด้วย  และคำตอบอาจจะไม่เป็นดังที่คาดหวัง

แต่สิ่งที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้อย่างเขาจะเสียใจที่สุด

ไม่ใช่การทำไม่สำเร็จ แต่เป็นการไม่ได้ลงมือทำ

แม้ว่า "ความรัก" และ "หน้าที่" จะถูกดำเนินเรื่องราวอย่างเคล้าคลอกันไปในสัดส่วนเนื้อหาที่ไม่ด้อยไปกว่ากัน  แต่เพราะมันเป็นรักอ่อนไหวที่คอยแต่จะโอนเอน อยู่ด้วยกันทีก็ลุ้นทีว่าจะโกรธเคืองปริร้าวหรือไม่ จึงเลยไม่ค่อยปลื้มจิตนางเอกสักเท่าไร  พระเอกของเราเขากลับมาจากป่า ขับรถมาไกลก็ไกล เหนื่อยก็เหนื่อย แต่ต้องมาคอยสังเกตลาดเลาเอาใจเมีย ระมัดระวังไม่ให้อารมณ์อันเปราะบางของเธอเกิดการกระทบกระเทือน แอบเคืองว่าทำไมต้องให้พระเอกเพลียอยู่คนเดียว 

คงเพราะเขาไม่มีทางเลือก  เป็นสามีแต่ไม่ได้อยู่ใกล้ เป็นผู้ชายแต่ไม่ได้ทำหน้าที่คอยดูแล เป็นห่วง ว่าจะน้อยใจ เสียใจ ก็เลยคอยแต่จะเฝ้าสังเกตอารมณ์คอยถนอมจิตใจภริเมียอยู่ตลอด อ่านแล้วก็พลอยเกร็งตาม พูดงี้ ทำงี้ จะโดนโกรธอีกปะเนี่ย

กว่าอคติของเธอจะสึกกร่อน กว่าจะยอมเปิดใจมอบให้ซึ่งความเชื่อมั่น ความศรัทธาที่ภาคภูมิใจ 

บอกตง ..ที่พระเอกต้องพยายามถมช่องว่างนั้นให้เต็มอยู่ฝ่ายเดียวซะส่วนใหญ่  ช้านเหนื่อยแทนนน

ก็ไม่ใช่ว่านางเอกเรานิสัยไม่ดี ไม่เอาอกเอาใจดูแลสามีหรอกนะคะ   เพราะเราก็เป็นผู้หญิง เราคิดว่าเราเข้าใจความคาดหวัง ความหวาดระแวง ตลอดจนความน้อยอกน้อยใจของเธอ ที่สำคัญ .. คุณพี่อิส ก็เคยมีประวัติสร้างบาดแผลคาใจเอาไว้ให้ด้วย

แล้วไหน จะพื้นเพครอบครัวของเขาอีก .. บ้านหนุ่มโสดเจ้าสำราญ

ป๊า ..  เพราะปัญหาหญิงๆ นี่แหละ ถึงแยกทางกับม๊า ลูกชายสามคนอยู่กับป๊าทั้งหมด

พี่โอม .. พี่ชายคนโต เป็นพ่อปลาไหล

อาร์ต .. น้องชายคนเล็ก เป็นพ่อไก่แจ้

พี่อิส  เป็นลูกคนกลาง เชื้อแรงอย่างนี้คงจะไม่แตกต่างกันสักเท่าไร

การแต่งงานที่แม้จะมีเยื่อใยแห่งรัก แต่ก็เป็นรักที่ขาดความเข้าใจเป็นรากฐาน  ชีวิตคู่ที่ขาดความเชื่อมั่นในกันและกัน  จึงมี "ความกลัว" กรุ่นอยู่ในความสัมพันธ์ให้ไม่อาจเปิดใจให้กันได้สนิท

'ป่าไม้' หรือ 'ปภาพินธ์' เป็นความรู้สึกที่เธอกลัวว่าตัวเองจะหลุดปากพูดออกไป ส่วนเขาก็กลัวว่าจะได้ยินในสักวัน และนั่นเป็นวันที่เขาจะต้องเลือก  

สนุกกับเรื่องลักลอบตัดไม้ค่ะ แทรกบรรยากาศความขัดแย้งเกี่ยวกับการต่อต้านการสร้างเขื่อนแม่วงศ์  นักการเมืองท้องถิ่น  คนนอก คนใน แรงจูงใจ และผลประโยชน์ ที่ทำให้คนบางคนต้องกลายเป็นเส้นสายของโจรในการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า  สร้างความน่าสงสัย ชวนติดตาม (โดนหลอกล่อให้ตามผิดคนด้วยนะเรา)   เมื่อมีเรื่องราวดราม่าแอคชั่นกันที่ป่า  พระเอกของเราเลยได้ทำหน้าที่เต็มที่  บางครั้งความรักป่าสุดหัวใจ  บวกกับความเป็นคนเลือดร้อนมุทะลุ (ถ้าเป็นเรื่องป่า) ยังทำให้ทำนอกเหนือคำสั่งไปอีกด้วย   คือ พี่อิสเนี่ย เค้าทนคิดถึงเมียได้นะ ถ้ามีภารกิจต้องกระทำ  แต่ถ้าเป็นเรื่องป่าล่ะก็ พร้อมกระโจนออกจากบ้านทันที เป็นห่วงจนแทบไม่หยุดคิดว่าตนจำเป็นมากน้อย เหมือนจะรักป่ามากกว่าเมียนะนั่น (อาจเป็นได้)

การสอดแทรกแง่มุมชีวิตเจ้าหน้าที่ป่าไม้ อุดมการณ์ของการปฏิบัติหน้าที่พิทักษ์รักษาป่า เป็นสิ่งที่เราชอบมากที่สุดในนิยายเรื่องนี้ ผ่านตัวละคร  "คณา"  ลูกน้องคู่ใจของพระเอก และ "พี่พนัส" หัวหน้าหน่วย ไม่ขอเอ่ยอะไรมากสำหรับสองคนนี้เพราะมีบทบาทสำคัญในเรื่องราวปัญหาการลักลอบตัดไม้

ความเข้าใจ ความเชื่อมั่น ความศรัทธา ในเรื่องนี้จึงไม่ใช่เฉพาะกับความรักของอิสระกับปภาพินธ์เพียงอย่างเดียว แต่หมายรวมถึง ความรักต่อผืนป่า ศรัทธาในการทำหน้าที่ ทำด้วยหัวใจ ทำโดยปราศจากข้อสงสัยว่าทำไปเพื่ออะไร (ซึ้ง)

ชอบตัวละครแวดล้อมทุกคน เพราะความรัก-ความหวังดีจากคนรอบข้าง มีส่วนช่วยประคับประคองความสัมพันธ์อันง่อนๆ แง่นๆ ของสามีภรรยา  ปภาพินธ์ได้สติ ฉุกคิด เรียนรู้และปรับตัว เพราะคนเหล่านั้น แม้ว่าบางคนดูแล้วไม่น่าเชื่อว่าจะหาสาระใดมาให้ข้อคิดกับเธอได้

"วีรกรรมพิทักษ์น้องสะใภ้"  พี่โอม กับ อาร์ต  น่ารักมากๆ   ฮาด้วยค่ะ  ที่จริงก็ไม่ค่อยจะว่างหรอกนะ ตามประสาหนุ่มโสดเจ้าสำราญ แต่เมื่อสายรายงานเมื่อใด พร้อมกระโจนเข้าปฏิบัติหน้าที่ จรเข้ขวางคลอง ก็ไอ้พี่เก้าแฟนใหม่ (ที่จู่ๆ ก็โดนปลดไปเป็นแฟนเก่า) มันยังมาคอยเกาะแกะน้องสะใภ้ไม่เลิกรา  "สาย" ที่ว่า ก็คือ ปิ๊ก - ปิยวัช น้องชายของปภาพินธ์ที่รักและนับถือพี่เขยอิสสุดหัวใจ ส่วน พี่เจน แฟนของพี่โอม ความเข้าใจ ความเชื่อมั่น บางสิ่งบางอย่างที่ปภาพินธ์ได้เรียนรู้ พี่โอมเขาเป็นคนเจ้าชู้ขนาดนั้น แต่อะไรทำให้เจนกับเขายังคบกันได้นานแน่นแฟ้น เป็นพี่เจนเท่านั้นที่เอาอยู่ (เจมกับโอมน่ารักดี)

แต่อะไรๆ ก็ไม่ว่า แค่ไม่เข้าใจนางเอกอยู่อย่างเดียว  ทำไมต้องรักษาน้ำใจพี่เก้านัก

เราชอบประโยคที่พี่โอมเหน็บด่าพี่เก้าของน้องปอนด์มาก  คือ ด่าผู้ชาย แต่กระเทือนมาถึงน้องสะใภ้โดยไม่ได้ตั้งใจ สิ่งที่เกิดขึ้นต่อนางเอกคือความละอาย

คือ .. มันใช่เลย เป็นนางเอกก็ไม่จำเป็นต้องดีงามสมบูรณ์พร้อมเสมอไป เป็นคนธรรมดาที่บางเรื่องก็ไม่ทันคิดถึงความเหมาะควรได้เหมือนกัน

ยังเรื่องที่โอมพูดสอนแบบไม่ได้ตั้งใจอีก " ผู้ชายที่บ้างานน่ะ เนื้อแท้ต้องการกำลังใจจากคนรักนะ ไม่อยากได้ความรักที่พร่ำเพ้อหวานแหววอะไรหรอก ขอแค่เข้าใจ เพราะไม่ใช่เพศที่จะอ่อนหวานตลอดเวลา"  สรุปว่าเรื่องนี้ ชอบพี่ใหญ่โอม และครอบครัวของอิสมาก

ยกเว้นเรื่องเหตุผลในการแต่งงานกับจุดเล็กจุดน้อยบางจุดแล้ว ทั้งหมดของนิยายเรื่องนี้ในความเห็นเราคือให้ความรู้สึกสมจริงดีค่ะ 

ชอบมุมมองการนำเสนอเกี่ยวกับสิ่งที่จะยึดมั่นความรักให้ยืนหยัดสู้ทนท่ามกลางมรสุมปัญหา เพราะในท่ามกลางสถานการณ์ที่ยากเย็น บางทีแค่เพียงความรักอาจไม่เพียงพอ เหมือนที่ครั้งหนึ่ง อิสระ กับ ปภาพินธ์ ก็ยอมจำนนเลิกกันไป จบกันไม่ดี ทั้งที่ยังรัก

แต่เมื่อสายลมแห่งไพรพนา ได้เรียกรักที่เคยร้างลาให้กลับคืนมาอีกครั้ง

โปรดเถิด ขอให้รักยังเป็นรัก อย่าได้หลุดคว้างห่างหายไปอีกเลย

  

หมายเหตุ :  เขียนบล็อกเสร็จ จะเก็บหนังสือก็มาเจอเกี่ยวกับผู้เขียนท้ายเล่ม  "ความใฝ่ฝันต่อไป อยากจะเขียนเรื่องแนวการเมืองระหว่างประเทศ เนื้อหาหนักแน่น ดรามา สาระข้น ความรักเข้ม เอาไว้เป็นมรดกให้ลูกหลานไว้ประดับตู้หนังสือบ้าง"  ดูเหมือนว่านั่นเป็นสิ่งที่ผู้อ่านอย่างเราพยายามตามหาจากนักเขียนรุ่นใหม่ๆ ด้วยเช่นกัน  ถ้าเช่นนั้น ก็อยากบอกสายลมส่งไปอีกครั้ง   จะรอนะคะ ^^




 

Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2557    
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2557 19:35:18 น.
Counter : 4209 Pageviews.  

แรงรัก_ ลาแล้ว ลาลับ อย่ากลับมา ลืมเสียเถิด แก้วตา อย่าอาวรณ์

"แรงรัก" เป็นผลงานของ คุณหญิงวิมล เจียมเจริญ ภายใต้นามปากกา "กนกเรขา" ซึ่งไม่ว่าจะเป็นผลงานในนามปากกาใด  หากเป็นคุณหญิงวิมล ก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นหนึ่งในผู้ได้รับการยกย่องว่า "ชั้นครู"  ดังนั้น คงไม่ต้องเวิ่นเว้อคุณภาพให้มากความ เอาเป็นว่าถ้าใครยังไม่เคยอ่าน ก็พิจารณาจากพลอตว่า ดราม่า เจ็บ ร้าวราน ใช่แนวของคุณหรือไม่

และเพราะเป็นนวนิยายจากสำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม  อีกเช่นเคยที่จะขอคัดลอกเนื้อความที่  ท่าน บก. "รักชนก นามธอน" ได้จัดเป็นอารัมภบท หน้าปก-หลังปกทั้งหลาย มาเรียบเรียงให้เป็นเรื่องย่อ  เพราะของเขาเขียนไว้ดีแล้ว เราจะเขียนเองใหม่ทำไมให้เมื่อยตุ้ม  (อิอิ หนูขอกินแรง)

โอ้โอ๋กระไรเลย บ่ มิเคย ณ ก่อนกาล

พอเห็นก็ซาบซ่าน ฤดีรัก บ่ หักหาย

ยิ่งยลวนิดา  ละก็ยิ่ง จะร้อนคลาย

เพลิงรุมประชุมกาย ณ อุรา บ่ ราลด

.

'ผู้หญิงคนนี้' ใจหินจริงๆ

ระหว่างความละอาย ในฐานะเป็นผู้ให้กำเนิดลูกไม่มีพ่อ

ซึ่งผู้หญิงทั้งโลกยอมทนไม่ได้  ในวาระเช่นนั้น

ย่อมจะต้องอุปโลกน์ใครขึ้นมาสักคน พอให้พ้นๆ ตัว

กับการเอ่ยชื่อ 'เขา' ...ดูเถอะ เธอยังเลือกเอาประการแรก!

เธอยอมแลกเกียรติยศ ชื่อเสียงกับความทะนงตน

โดยไม่ไยดีต่อความรู้สึกผู้ใด

 ดอกเอ๋ย.. เจ้าดอกราชาวดี

ลาแล้วลาลับ ... นับเดือนปี คงจะไม่มีวันหวนมาเอย

-

ตัดใจจาก 'นายลูกหมู' เสียเถิด

นายอาทิตย์เอ๋ย .. ตัดใจให้ได้ตั้งแต่บัดนี้

ก่อนที่ความอาวรณ์จะเป็นชนักเกาะกินใจไม่สร่างซา

นี่กระมังคือเหตุผลที่ว่า ..ทำไม 'นุดี' จึงยังยอมทนอยู่ที่นี่

นอกจากความเข้มแข็งแห่งจิตใจแล้ว 

เธอผู้นี้ยังได้ซ่อนความอาฆาตมาดร้ายไว้อย่างเยือกเย็น

เธอหวังที่จะใช้เด็กชายตัวอ้วนคนนี้

ใช่ 'นายลูกหมู' ตัวน้อยของเขานั่นแหละ

มาเป็นเครื่องมือทรมานเขาอย่างเงียบๆ นั่นเอง

โอ้ .. รินริน กลิ่นนวล   ยังหวนหอม

เคยถนอม   แนบทรวง  ดวงสมร

ยัง..รื่นรื่น   ชื่นใจ        อาลัยวอน

สะอื้นอ้อน  อารมณ์     ระทมทวี

-

เมื่อคนสองคนต่างเชื่อมั่นในวิถีชีวิตและยึดมั่นในการตัดสินใจของตัวเอง

ต่างคนต่างถูก เมื่อต่างคนต่างมีเหตุผลของตัวเอง ต่างคนจึงต่างต้องไป

หากที่ 'รักร้างเลิกรา' ของคนสองคนยังมี 'รักลึกๆ' ที่ค้างคา

เป็นดั่งตะกอนนอนก้นอยู่ในหัวใจ 

ก้นบึ้งหัวใจที่บางที .. ตัวของเราเองก็ยังไม่รู้จัก

ดอกเอ๋ย ... เจ้าดอกมะซาง

รักกันจริงอย่าทิ้งขว้าง อย่าเหินอย่าห่างกันเอย

-

หากรักของเขาทั้งสอง 'อาทิตย์และนุดี' เปรียบเหมือนต้นไม้

ต้นไม้ของเขาและเธอก็มองคล้ายจะตายซาก

หากเป็น 'ซากรัก' ที่รอคอยน้ำ รอคอยปุ๋ย

รอคอยพลังมหัศจรรย์มาหล่อเลี้ยง

อะไรคือ 'พลังมหัศจรรย์' ที่จะหล่อหลอมต้นไม้แห่งรัก ให้กลับคืนมา

อะไรคือ 'แรงรัก' ที่จะฟูมฟัก 'ซากหัวใจ' ที่รู้สึกว่าไร้ค่า!

จะผันผ่อน  ก็ห่อน บรรเทาเศร้า

ทุกข์เท่าเขา โค่นทับ ระทมถม

แสนสุขโศก ด้วยวิโยค นิยมชม

เจ็บระบบ เจียนจิต ทำลายวาย

-

ชีวิตคือการรอ ... เธอไม่ใช่หรือที่เฝ้ารออย่างใจเย็นว่า

สักวันหนึ่ง ... เธอหวังจะทำให้ 'ผู้ชายคนนั้น' ได้รับรู้

เขาได้ละทิ้งสิ่งมีค่าชิ้นใดไว้เบื้องหลังบ้าง และวันนั้นแหละ

เธอจะทำให้เขาโหยหา อาวรณ์ คลุ้มคลั่ง ให้จงได้

แต่ครั้นเวลาที่รอคอยมาถึง

เธอเองกลับไม่สามารถพรากสิ่งมีค่านั้นไปจากเขาได้

โอ้..แรงรัก ที่ผูกพันนั้นช่างยึดเหนี่ยวเหนียวแน่นยิ่งสิ่งใด

นุดี ยากนักจะสลัดแรงแห่งรัก และใยแห่งความผูกพันไปจากเขาได้

เห็นแก้ว    แวววับ   ที่จับจิต

ใยไม่คิด   อาจเอื้อม  ให้ถึงที่

เมื่อไม่เอื้อม  แล้วจะได้  อย่างไรมี

อันมณี    ฤาจะโลก ไปถึงมือ

.

อาทิตย์ กับ นุดี สองหนุ่มสาวถูกผู้ใหญ่เห็นชอบจัดการให้แต่งงานกัน โดยที่อาทิตย์มีคนรักอยู่แล้วคือ คัทลิยา สองหนุ่มสาวรักกันมาตั้งแต่เมื่อครั้งยังเรียนอยู่ที่ต่างประเทศ เมื่ออาทิตย์เรียนจบเดินทางกลับมาก็ถูกคลุมถุงชนให้แต่งงานกับ นุดี หรือ "หนูดี" คนดีของแม่ ลูกสาวของเพื่อนที่แม่รักนักรักหนา

ต่างฝ่ายต่างเหลือแม่เพียงคนเดียวที่เป็นเพื่อนรักกัน และพึงพอใจให้ลูกหนุ่มสาวของตนแต่งงานกัน แม้อาทิตย์จะเข้ากันได้ดีกับหนูดีของแม่  แต่มันข้อติดใจบางอย่างในความรู้สึกของการถูกเลือกให้ กับการอยากเลือกเอง ที่เป็นเหมือนม่านบังใจคอยขวางกั้นอยู่ในความสัมพันธ์  หลังจากแม่ของทั้งสองฝ่ายเสียชีวิต อาทิตย์ก็ทิ้งนุดีกลับไปหาคัทลิยาแต่งงานอยู่กินด้วยกันที่ต่างประเทศ โดยที่ไม่รู้ว่านุดีกำลังตั้งท้อง

นุดียังคงปักหลักใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น บนที่ดินสินสมรสที่แบ่งครึ่งกัน เรือนหลังเล็กที่เคยอยู่ในอณาบริเวณของบ้านหลังใหญ่อันเป็นเรือนหอที่เคยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมา   แม้จะสร้างรั้วกำแพง ปลูกต้นไม้หนาทึบ ปิดกั้นสายตา  แต่จะปิดกั้นความรู้สึกได้อย่างไร เมื่ออาทิตย์กลับมาเมืองไทยในสามปีหลังจากนั้น และต้องอยู่กันแบบคนบ้านใกล้เรือนเคียง

และนั่นคือ จุดเริ่มต้นบทแรกของเรื่องราว

เปิดมาก็ชวนสงสัยว่า เหตุใดคนที่ไม่รักและทิ้งไป จึงต้องปวดร้าวใจเมื่อได้เฝ้ามองไปยังหลังคาเรือนน้อยที่โผล่พ้นแมกไม้ออกมาให้เห็น ไม่รักแล้วจะเศร้าทำไม  ถ้าเศร้าแสดงว่ารัก ถ้ารักแล้วทิ้งทำไม "คนเลว!" (ดราม่าอีกล่ะเรา)

ตอนแรกคิดว่าเรื่องนี้จะดำเนินเรื่องด้วยความร้าวรานของฝ่ายอดีตภรรยา 

ผิดโผแฮะ เพราะเรื่องนี้คือความเจ็บปวดของอดีตสามีผู้ตัดสินใจเลือกเส้นทางชีวิตที่ผิดพลาด

หนูดี  เธอดีสมชื่อ นุ่มนวล อ่อนหวาน ให้ความสุขสงบ ร่มเย็น แต่กว่าเขาจะรู้ซึ้งถึงคุณค่า

ก็ต่อเมื่อได้ละทิ้งเธอไปสู่ความมีชีวิตชีวาที่เร่าร้อนกับผู้หญิงอีกคน

"จะมีอีกสักกี่คน ฉันก็เลี้ยงของฉันได้ แต่ถ้าเอาคืนมาแล้วล่ะก็

ต่อให้แผ่นดินกลบหน้า ก็อย่ามาขอจากฉันอีกเลย"

สิ่งที่สูญเสียไปแล้วเอาคืนมาไม่ได้ ไม่ใช่เพราะคุณป้าอำภา ที่เคยลั่นวาจาเอาไว้ เมื่อครั้งตัดใจยอมยกหลานสาวคนดีให้ ทั้งที่รู้ว่าเขาเคยมีคนรักมาก่อน  แต่เป็นเพราะ 'ผู้หญิงคนนั้น'  คงไร้ความรัก ไร้ความรู้สึกต่อเขา จึงจงใจจะทำให้ทางทุกสายในชีวิตของเธอ แยกจากเขาโดยสิ้นเชิง

ลาแล้ว ลาลับ อย่ากลับมา

ลาก่อน จำคลาดแคล้ว จากกัน

แต่ด้วยแรงรัก สุดจะหัก ห้ามจิต คิดไฉน  "นายลูกหมู" ในวัยสามขวบหรือเด็กชาย นัทที อภิวัตน์ ที่แม้จะใช้นามสกุลแม่ เป็นลูกของแม่ แต่เด็กฉลาดน่ารักตัวอ้วนกลมคนนี้ก็เป็นลูกของเขาด้วยเหมือนกัน สายเลือดไม่ควรถูกปิดบัง เช่นที่สายใยไม่ควรถูกตัดขาด ถึงแม้จะไม่มีใครยอมรับ แต่ใครจะมาลบทิ้งความจริงไปได้ว่าเขาเป็นพ่อ  ลูกของเขาแม้จะเอามายึดครองไม่ได้ แต่อย่างน้อยอาทิตย์ก็ควรมีสิทธิที่เท่าเทียม

อีตานี่  เมียใหม่ตัวก็ยังมี  แคธี-คัทริยา  แล้วยังจะมาเอาอะไรจากจากเมียเก่าอีก

ประชดประชัน หึง หวงก้าง รักพี่เสียดายน้อง จับปลาสองมือ คนอะไรช่าง เห็นแก่ตัว  ชั่ว  เลว ..

สารพัดจะนึกตัดสินและด่าพระเอกแบบจัดเต็ม  แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะคะ  ไม่มีมนุษย์คนใดที่สมบูรณ์พร้อม ปถุชนมีก้าวชีวิตที่ผิดพลาด การกลับมาของอาทิตย์ และการ "เข้าหา" ลูกหมู โดยมี "ลุงพัฒน์" หนุ่มเศรษฐีใจดีที่มาติดพันทั้งแม่และลูก เป็นก้างขวางคอชิ้นใหญ่ เพราะเด็กชายก็รักคุณลุงหนักหนา แต่ถึงจะมาทีหลัง สัญชาตญาณพ่อลูกก็ทำให้คุณน้าข้างรั้วกับเด็กชายข้างบ้านถูกดึงดูดเข้าหากัน

อดีตกับเมียเก่า-เมียใหม่  ปัจจุบันกับเมียใหม่-เมียเก่า  ถูกดำเนินเรื่องราวแบบรำลึกความหลัง ความรู้สึกในความทรงจำครั้งเก่า เคล้าคลอกันไปกับสถานการณ์ปัจจุบันที่เป็น  จะค่อยๆ เปิดเผยออกมาว่าอาทิตย์อาจไม่ได้เป็นฝ่ายผิดทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว

สำหรับคนที่ไม่ชอบแนวผู้ชายหลายเมียไม่อยากให้พระเอกกับนางเอกกลับมาคืนดีกัน  มันก็อาจขึ้นอยู่กับประสบการณ์รับรู้เกี่ยวกับชีวิตของผู้คนรอบข้างนะคะ  สามีอย่างอาทิตย์ เจอผู้หญิงหยิ่ง ทะนง โคตะระใจแข็งเป็นเพชรอย่างหนูดี ก็สาสมแล้ว แต่ในความเป็นจริงหากบางผู้หญิงจะเลือกการให้อภัยเพื่อรักษาครอบครัวเอาไว้ ก็ขึ้นอยู่กับเหตุผลและความรู้สึกของคนนั้นๆ  การถูกทิ้งเป็นการหลบหลู่ศักดิ์ศรีของผู้หญิงอย่างไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ให้อภัยได้  แต่เมื่อสามีก็ไม่เหลือศักดิ์ศรีใดๆ แค่เพียงชัยชนะ จะคุ้มกันไหมเล่ากับความเสียสละ ความหวังดี ของใครหลายคน ความเจ็บปวดของเขา และอาจรวมถึงความเจ็บปวดของเธอด้วย  (แต่ถ้าเป็นฉันล่ะก็  ไม่ร่ำไรให้เสียเวลา... ซบอกคุณพัฒน์ไปนานแล้ว) 

เอาจริงๆ นะ  พระเอกเนี่ย ไม่ได้มีอะไรชวนให้ศรัทธาสักอย่าง เว้นเสียก็แต่ ความดันทุรังสูง  เป็นพระเอกจะยอมแพ้ง่ายๆ ได้ไง ถ้าอยากได้อะไรก็ต้องไขว่คว้า ใครจะตราหน้าว่าเห็นแก่ตัวอย่างไรก็ช่างปะไร ถ้าหากนั่นคือสิทธิที่ควรเป็นของเรา  คือ ถ้าคุณพระเอกจะไม่มีอะไรดีมากนัก ก็ต้องเอาความไม่ดีนี่แหละมาเป็นจุดแข็ง ถึงจะเคยทิ้งแม่ไป แต่ไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งลูกนี่  เขาต้องการสิทธิในการเป็นพ่อ ก็ต้องหาทางเข้าหาลูกให้ได้ หน้าด้-านซะอย่างใครจะทำไม (เริ่ดค่ะ-ประชดนะ)

ส่วนแม่ของลูกถึงตอนนี้ไม่มีสิทธิ ก็รอก่อนเถอะน่า ถ้าได้ลูก แม่จะไปไหนเสีย

แต่เพราะยังมีเมียอีกคนคารังคาซังอยู่  เลยหมดอารมณ์จะนึกเชียร์

จึงอ่านแบบ .. แล้วแต่ผู้แต่งเถอะ  เอาไงกันก็เอา

แต่มันก็เจ็บนะ กับความรักของอาทิตย์ ที่จริงแล้วหนูดีน่าสงสาร แต่เป็นเพราะผู้เขียนแทบไม่ได้นำเสมอในมุมของหนูดีนัก ผู้หญิงที่รักและเฝ้ารอ..(อย่างอาฆาต) แต่เน้นหนักในเรื่องความเสียใจต่อความผิดพลาดของอาทิตย์ ผลของการกระทำที่ทำให้เขาทุกข์ระทมอยู่กับการรักเมียเก่าทั้งที่รู้แก่ใจว่าไขว่คว้าไม่ถึง และไม่สามารถเป็นเจ้าของได้อีกแล้ว

ภายใต้ความสงบราวกับผืนน้ำอันเยือกเย็น นุดี ซ่อนความลึกสุดประมาณหมายไว้

ผู้หญิงที่นุ่มนวลอ่อนหวานคนนั้น แท้จริงเธอซ่อนซุกความโหดร้าย

เธอยอมปักหลักอยู่ตรงนั้น อยู่ข้างบ้านที่เคยเป็น "บ้านของเรา"

อุ้มท้อง เลี้ยงลูก ลบคำว่าพ่อให้สิ้นตัวตนและไร้ความหมาย

อดทน เฝ้ารอ เพื่อจะได้ทรมานและเชือดเฉือนหัวใจเขา อย่างช้าๆ และเลือดเย็น

แม่หนูดี คนใจดำ เธอทำได้สำเร็จเสียด้วย

คัทลิยา  อีกหนึ่งภริเมีย ที่เคยอ่านรีวิวมา เธอถูกเรียกว่าเป็น "นางร้าย" 

ก็ไม่รู้สินะ  เราไม่คิดจะเรียกผู้หญิงคนนี้ว่าเป็นนางร้าย เธอถูกพรากคนรักไป ความเสียใจ นำพาไปสู่ชีวิตไร้จุดหมาย สุดท้ายก็ทนไม่ได้ต้องเรียกร้องทวงคืนคำมั่นสัญญา  เธออาจเปรี้ยวซ่า ทันสมัย มั่นใจในตัวเองสูง รักสนุกสนานและใช้เงินเป็นเบี้ยตามประสาลูกสาวเศรษฐีคนมีเงิน จนทำให้ง่ายที่จะตัดสินว่าเธอกับเขาต่างเป็นหญิงร้ายชายเลว แต่ในชีวิตคนเราไม่ได้มีแค่ดำกับขาว มันมีสีเทาผสมอยู่ด้วย ผิดพลาด ไม่ได้หมายความว่าเลวจากก้นบึ้งเสมอไป

ว่าการตามจริง เราอินกับเรื่องราวชีวิตคู่ของอาทิตย์กับคัทลิยามากกว่าพระเอกกับนางเอกอีกนะ แล้วเราก็ชอบอารมณ์ที่เกิดจากบทบาทของคัทลิยามากกว่านางเอกด้วย  ภายใต้บุคลิกเช่นนั้น เธอซ่อนหัวใจอย่างไรเอาไว้ ความแตกต่างทางฐานะ สังคม และวิถีการใช้ชีวิต ที่ทำให้เขาถูกตราหน้าว่าเป็น 'หนูตกถังข้าวสาร'  ส่วนเธอ 'แย่งสามีชาวบ้าน'  แม้ความสัมพันธ์จะแปรเปลี่ยนไปตามความผกผันของชีวิต  แต่การเพียรพยายามที่จะปรับตัวเข้าหาอีกฝ่าย ด้วยความอดทน ขมขื่นและไร้ความสุข  มันก็คือความรับผิดชอบที่มีต่อกัน  และคงปฏิเสธไม่ได้ว่าครั้งหนึ่งมันเคยเป็น ความรัก

ลูกจะเป็นอย่างไร หากต้องเติบใหญ่โดยไร้พ่อแม่อยู่คู่กันพร้อมหน้า  เอาทุกสิ่งในโลกมารวมกัน ก็ไม่มีอะไรมีค่าความสำคัญไปกว่าลูกคนนี้  ลูกคือแรงรัก คือเลือดเนื้อเชื้อไขที่มีร่วมกัน   'แรงรัก' นั้นจะมาจากไหนกันเล่า  ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อกับแม่เคยรักและยัง..รักกัน

อาทิตย์รักษาคำมั่นสัญญา  เพียงแต่ไม่รู้ตัวว่า เขาไม่ได้เอาหัวใจติดตัวไปด้วย  

คนหนึ่งได้ตัว แต่ไร้หัวใจ

คนหนึ่งได้หัวใจ แต่ไร้ตัว

แล้ว 'ตัว' จะทิ้งคำสัญญาได้อย่างไร 

อีกทั้ง 'หัวใจ' ก็ดูจะไม่เป็นที่ต้องการอีกต่อไปแล้ว

อยากอ่านแนวเจ็บลึก ร้านราน เลือกเรื่องนี้มา ก็ได้เจ็บดี สมใจ สงสารไป สมน้ำหน้าพระเอกไป  (อ้าว) เศร้า เคล้าสะใจ  เรื่องนี้ นอกจากลูกหมูอ้วนตัวน้อยๆ ของแม่ที่น่ารัก เราขอเทใจให้คัทลิยาด้วยอีกคน  

เรื่องนี้ชอบบทกลอนที่สอดแทรกบิ๊วอารมณ์อยู่เรื่อยๆ เพราะเป็นภาพความระลึกถึง หญิงสาวผู้รักบทกวี หนึ่งในความทรงจำฝังลึกที่อาทิตย์มีหนูดีอยู่ในหัวใจ 

หนังสือซื้อใหม่ แพง เอี่ยมอ่อง แต่เรื่องนี้ซื้ออย่างไม่รู้สึกผิดต่อกองดอง เพราะเป็นภารกิจแกะรอยพิชิตความทรงจำ มีนิยายเรื่องหนึ่งเคยได้อ่านแล้วประทับใจเมื่อตอนยังเด็ก เห็นรีวิวแล้วคิดว่าอาจใช่ก็เลยไปสอยมา แต่แล้วก็ไม่ใช่อีกแล้ว  มันนานมากจึงจำไม่ได้ว่านิยายเรื่องนั้นชื่อเรื่องอะไร และแต่งโดยใคร คล้ายจะเกี่ยวข้องกับคลุมถุงชนนี่แหละพระเอกนางเอกต่างทำเหมือนไม่รักและเข้าใจผิดกันอยู่ตลอดทั้งเรื่อง แล้วกว่าจะรู้ก็สุดแสนจะให้ความรู้สึกร้าวราน  มันเรื่องอะไรหว่า ก็จำไม่ได้จริงๆ นะ  ทั้งที่ไม่มีหนังสือที่จะอ่านแล้วอินร้องไห้มากอย่างนั้นมากนักหรอก พอเรื่องนี้ไม่ใช่ ตอนนี้เบนเข็มไปที่  "เมื่อรักร้าว" ของเพชรน้ำค้าง  แต่มันก็เก่ามากจนไม่อาจจะหาเรื่องย่อจากอินเตอร์เน็ตได้ คลับคล้ายอีกทีอาจจะเป็นสักเรื่องของ "ช่อลัดดา"  หรือ จะเป็น "ชูวงศ์ ฉายะจินดา" ..จำไม่ได้เลยหว่า  ทุกวันนี้ก็ยังคงเป็นนิยายปริศนาที่ต้องตามหากันต่อไป กับร่องรอยเพียงแค่ว่าเป็นนิยายของ ณ บ้านวรรณกรรม

สำนักพิมพ์นี้ถ้าพิจารณาจากหนังสืออะไรก็ดีนะ แต่ขอเหอะ ช่วยแก้ไขปรับปรุงการพิสูจน์อักษร และคุณภาพหมึกพิมพ์ให้สม่ำเสมอซะที  ซีดบ้าง จางบ้าง ... ถึงมีนักเขียนดีให้อยากอ่าน แต่บางทีมันก็เซ็ง   




 

Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2557    
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2557 18:14:55 น.
Counter : 9409 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  

prysang
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.