Group Blog
 
All blogs
 

แสงเงารัก ..เธอคือแก้วตาดวงใจ

 

ทั้งตัวตนเเละหัวใจของเธอไม่ต้องการความรัก หรือถ้อยคำหวานพร่ำพลอด

สิ่งเดียวที่ปรารถนา คือ 'พิศวาส' ทว่าลึกลงไปจากสิ่งนั้น ที่ซุกซ่อนอยู่กับความสุขสม

คือความรู้สึกของผู้ชนะ ผู้มีอำนาจ ซึ่งเธอไม่เคยรับรู้ ไม่เคยสัมผัสมานานนับปี

เธอได้ตัวตนกลับคืนมา พร้อมทั้งพลังอำนาจที่เคยสูญหายไป

'ร้อยดาว' รักความรู้สึกนี้เหลือเกิน รัก อยากได้ โหยหา เเละติด ...จนขาดไม่ได้

ชื่อเรื่องน่าสนใจ แต่คำโปรยปกหลัง ไม่ชวนอ่านเอาซะเลย จึงไม่เคยอยู่ในสายตา นี่หากไม่ได้เพื่อนแนะนำมาอย่างมั่นอกมั่นใจว่าต้องชอบแน่ พร้อมบอกให้รู้เค้าโครงเรื่องคร่าวๆ ( ที่น่าสนใจกว่าคำโปรยปกหลังมาก) ก็คงจะยังมองข้ามกันไปอีกนาน  

เพื่อเป็นการบอกแนวเรื่องที่มากกว่าปกหลัง  ขอยกเอาคำนำของ 'พิมพ์คำสำนักพิมพ์' มาเป็นตัวช่วย

โชคดี บางทีก็มาพร้อมๆ กับโชคร้าย

ร้อยดาวเคยคิดว่าตัวเองโชคดีในเรื่องคู่ครอง เพราะมีสามีที่สมบูรณ์พร้อมทั้งรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติ แต่ตัวตนของไกรฤกษ์ผู้สามีที่เธอค้นพบหลังวันแต่งงาน ก็ทำให้สาวสะคราญกลายเป็นนกน้อยในกรงทองที่มีชีวิตอยู่กับความเปล่าเปลี่ยวและหวาดกลัว

แต่ในความโชคร้ายนั้น เธอก็ยังโชคดีที่มี "เจิดจ้า" ลูกสาวคนเดียวเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ

เด็กหญิงเติบโตมาท่ามกลางความลับในชีวิตของร้อยดาวและไกรฤกษ์ โดยมีโมทนาและมิ่งขวัญ -- เพื่อนบ้านผู้มากน้ำใจ คอยดูแลเอาใจใส่ และช่วยกันปกปิดไม่ให้เจิดจ้ารู้เรื่องราวร้ายๆ ของบิดามารดาที่อาจส่งผลกระทบต่อจิตใจ มี "น่านฟ้า" ลูกชายของโมทนาและมิ่งขวัญคอยปกป้องน้องน้อยของพี่ชายคนนี้ทุกย่างก้าว

แต่ความลับไม่มีในโลก .. และในวันที่ความจริงปรากฏ โลกของใครหลายคนก็มืดดับลงพลัน 

หากเพราะอุดมคติของความรักที่ว่า รักต้องอดทนนานและยอมได้ทุกอย่าง

โลกและชีวิตจึงกลับมาสว่างไสวด้วยแสงแห่งรักอีกครั้ง

 

๘๓๒ หน้า จัดไปแบบม้วนเดียวจบ ๘ โมงครึ่ง ถึง ๒ ทุ่มตรง  กับหนังสือด้วยความหนาพาท้อใจเช่นนี้ ย่อมแสดงว่ามีอะไรดีถึงเอาอยู่   อ่านแล้วขอยกนิ้วให้ด้วยคำนิยมฉันเอง ดังนี้ว่า ... "ดีเว่อร์  ดีที่สุดของดวงตะวันเท่าที่เคยได้อ่านมา" (ซึ่งก็ไม่มากเท่าไหร่หรอก น่าจะ  ๓ เล่มเองค่ะ เนื่องจากว่า อ่านแล้วยังไม่โดนสักเล่ม จึงเลิกสนใจไป)

ปกติความรักแบบที่จะเปรียบเทียบว่าเป็น "แก้วตาดวงใจ" คือรักของพ่อและแม่ที่มีต่อลูกของตัวเอง  รักโดยปราศจากเงื่อนไข รักที่สามารถอดทนเสียสละได้ทุกอย่าง  ซึ่งก็ใช่..ที่นิยายเรื่องนี้สื่อถึงความรักจากพ่อและแม่  แต่เชื่อไหม .. ความรักที่โดดเด่นเป็นสาเหตุให้นึกถึงคำๆ นี้ จนต้องหยิบเอามาใช้ กลับเป็นความรักของพระเอก "พี่น่านฟ้า" ที่มีต่อนางเอก "จ้าจ๋า"  เพราะก็ไม่มีคำอื่นอีกแล้วจะนึกออก และถึงจะมี ก็ไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นคำที่ใช่เหมือนคำๆ นี้หรือเปล่า 

"แก้วตาดวงใจ"  คำที่ไม่มีอยู่ในนิยายเรื่องนี้ แต่เป็นความรู้สึกของตัวเราเองที่ยกขึ้นมาเปรียบเปรยจนใครบางคนบอกว่า   โห.. ถ้าพระเอกรักนางเอกขนาดนั้นนะ  ท่าจะกลิ่นแรง น้ำเน่าเงาจันทร์ป่ะ?

ไม่นะ .. ไม่เน่า ไม่รู้สึกว่านิยายเรื่องนี้มันเน่า

แค่ไม่คิดว่าพลอตนิยายอย่างนี้มันจะหามีได้ง่ายในความเป็นจริง

ณ ขณะอ่าน อย่าได้นึกถึงพี่ชายข้างบ้าน หรือ ละแวกบ้านขึ้นมาก็แล้วกัน ไม่งั้นคุณอาจจะไม่สบอารมณ์ มโนสะดุดกึกๆ ได้ว่าเรื่องอย่างนี้ไม่มีอยู่จริง   Smiley  อย่างบรรดาพี่ชายละแวกบ้านของเราเนี่ยก็ไม่ได้ส่วนเสี้ยวสักกะผีกของพระเอกเรื่องนี้หรอก (ไม่ถึงขั้นตบกะโหลกน้องผู้หญิงอย่างเราก็ดีเท่าไหร่แล้ว 55)

ท่ามกลางความเร้นลับในเงามืดของครอบครัว 'เด็กหญิงเจิดจ้า' เติบโตขึ้นมาท่ามกลางแสงแห่งรักอันสว่างไสวจากใครหลายคนรอบข้าง เธอจึงได้รับการปกป้องจากทุกทิศทุกทาง ไม่เคยสัมผัสเงามืด ไม่เคยระแคะระคายความลับ ไม่เคยมีเรื่องร้าย หรือความทุกข์ใดมาแผ้วพาน 

ความรักของพ่อแม่นั้นยิ่งใหญ่ แล้วมันจะดีสักแค่ไหนถ้าคนเรามีพ่อแม่ถึงสี่คน

เพราะ "พ่อโม่" กับ "แม่มิ้ม" พ่อแม่ของ "พี่น่าน"  ก็เป็นพ่อแม่ของเจิดจ้าด้วย เป็นพ่อและแม่ที่คอยถนอมดูแล ประคับประคองให้เจิดจ้าเติบโตขึ้นมาอย่างงดงาม ท่ามกลางซากปรักหักพังในเงามืดระหว่างพ่อและแม่แท้ๆ ของตัวเอง  ความลับของพ่อและแม่ที่เจิดจ้าไม่เคยรู้

จากวันแรกที่พบกันตอนนั้นยังหนึ่งขวบ ตลอดมาทั้งชีวิตของจ้าจ๋ามีพี่น่านอยู่เคียงข้าง (คอยเลี้ยงต้อย) ทุกระยะการเติบโต  ไม่เคยจาก ไม่เคยพราก มีแต่กันและกันเสมอ

น่านฟ้าคือทุกสิ่งทุกอย่างในโลก

น่านฟ้าคือโลกทั้งใบของเจิดจ้า

นอกจาก 'โลกทั้งใบให้นายคนเดียว' ของพี่เต๋ากับพี่โมทย์ในอดีตแล้ว มันยากจะเข้าใจนะกับการที่ใครคนหนึ่งจะเป็นโลกทั้งใบของใครสักคน  ถ้าใครมาใช้คำบรรยายความรักอย่างนี้นะ คิดว่าจะต้องเป็นนิยายรักที่รักเว่อร์  และหากเนื้อหาไม่ทำให้เชื่อในความหมายได้จริงๆ  มันก็จะกลายเป็นเลี่ยน .. แต่ก็ช่วยไม่ได้นี่นะ ที่ดวงตะวัน ทำได้ และทำได้ดีด้วย ทั้งในเนื้อหาที่เชื่อและความรู้สึกที่ใช่ ดังนั้น นอกจากถ้อยคำเหล่านี้จะไม่เว่อร์ ยังทำอินสุดๆ  (ร้องไห้ด้วย)

 "ผมรอได้"   ละม้ายว่านี่เป็นคำศักดิ์สิทธิ์ที่น่านฟ้าเฝ้าบอกตัวเองมานานนักหนาแล้ว

 รอ..แม้ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำไปว่า คนที่เขารอคือใคร  ..

และแท้ที่จริงแล้ว น่านฟ้าแทบไม่เคยคิดเลยว่านี่คือการรอ เขาเติบโตมากับเจิดจ้า ใช้ชีวิตมากับผู้หญิงคนเดียวในชีวิตคือเจิดจ้า   ทุกเวลานาที ทุกชั่วโมง และทุกวัน  ไม่ใช่การรอคอย หากเป็นการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันตลอดมา ค่อยซึมซับรับความรู้สึกนึกคิดของกันและกันซ่านเข้าสู่ห้วงหัวใจทุกวัน 

กระทั่งวันนี้ วันที่ทุกสิ่งทุกอย่างเอ่อล้นจนเต็ม กระจ่างแจ้งแก่ใจ

ถ้าอ่านเพียวๆ แค่จากที่คัดมาแค่นี้ .. อาจพาคิดว่านิยายเรื่องนี้ต้องอินเลิฟกันหวานแหวว แต่ความจริงคือ..ไม่ใช่  ไม่ได้อินเลิฟกันขนาดนั้น   "ดวงตะวัน" ยังคงสไตล์ความเป็นงานเขียนของดวงตะวันตามประสบการณ์เคยอ่าน คือความรักไม่หวานมาก ไม่หวือหวาพาอารมณ์พระ-นางถึงเนื้อถึงตัวมากนัก  และแม้เรื่องนี้จะ 'ไม่หวาน' ในความรู้สึกของเรา แต่ก็ยังอุตส่าห์ร้องไห้น้ำตาเปรอะหน้าซะมากมาย นั่นเป็นเพราะความละเมียดละไมในการถ่ายทอด.."ความผูกพัน"    ส่วนตัวมีความเชื่ออย่างนี้ว่า

เขียนความรักให้อ่านอิน คงเป็นเรื่องยากมากระดับหนึ่ง

แต่เขียนความผูกพันให้ซาบซึ้ง  น่าจะยากมากกว่านั้น

การดำเนินเรื่องครึ่งแรก จะเป็นเหมือนกันการถักทอสายใยความผูกพัน

ความผูกพันของผู้ใหญ่สองครอบครัว ไกรฤกษ์--ร้อยดาว  มิ่งขวัญ-โมทนา ความรัก ความลับ ความระแวงหวั่นไหว ความหวาดกลัว 

ความผูกพันของสองพี่น้องต่างพ่อแม่  น่านฟ้า กับ เจิดจ้า (หรือจ้าจ๋าของพี่น่าน) แต่เล็กจนโต เรื่องเล็กเรื่องน้อย เรื่องใหญ่ ทุกเรื่องที่มีกันและกันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต

แต่มาบัดนี้ ผู้ชายคนเดียวกันนั้นเองกลับเป็นผู้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตไปจนสิ้น

ไม่เหลือชิ้นดี ไม่เหลืออะไรอีกเลย

โลกของหล่อนถล่มทลายลงแล้ว

และนั่นคือเรื่องราวต่อไปของครึ่งเรื่องหลัง ซึ่งเราชอบมากกว่าครึ่งแรกเยอะ   ตามประสาคนชอบดราม่า เจ็บลึก ร้าวราน   ในช่วงครึ่งแรกจะมีความเบื่อเล็กน้อย เพราะปล่อยให้ลุ้นนาน เข้าใจว่าที่ให้ความละเอียดในความสัมพันธ์มากจนเรื่องมันค่อนข้างยาว น่าจะเป็นการพยายามสร้าง 'ความผูกพัน' ให้แนบแน่น ..แต่เล็กจนโต   แต่ก็จะดีกว่านี้มากถ้าสามารถกระชับมันให้ยาวน้อยกว่านี้ลงหน่อยโดยที่เรายังคงอินกับความผูกพันนั้นได้อยู่

โลกของจ้าจ๋าถล่ม แต่สงสารพี่น่านเหลือจะทนแล้ว .. (ซะงั้น) เพราะหากเรื่องที่เกิดขึ้นจะเป็นทุกข์โลกสลายของจ้าจ๋า แต่สำหรับพี่น่าน.. นั่นเป็นทุกข์น้อยที่สุดเท่าที่เขาจะเลือกให้ทุกข์ได้  และแม้ว่าหนทางที่เลือกนี้จะทำให้โลกของเขาต้องมืดมิดลงก็ตาม

ความลับของไกรฤกษ์และร้อยดาว ทำให้นึกถึงซีรีย์ญี่ปุ่นเรื่องนึง เป็นปัญหา 'ความรัก' ในแบบที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ไม่ว่าใครจะตำหนิหรือเกลียดชังตัวละครตัวนั้นอย่างไร  เรากลับรู้สึกว่าเขาน่าสงสาร เธอน่าสงสาร จุดจบของตัวละครหนึ่งในเรื่องนั้นเพื่อหนทางที่จะหยุดปัญหาลงได้ จึงเป็นการเสียสละที่ที่ทำให้เราค่อนข้างสะเทือนใจ ... ใครเคยดูบ้างมั้ย  นั่นคือ ความสัมพันธ์ของคนรักกันคู่หนึ่งใน Last Friend

แต่กรณีของไกรฤกษ์และร้อยดาวในเรื่องนี้ .. เห็นใจในสิ่งที่ไกรฤกษ์และร้อยดาวต้องทำ

แค่คาใจอยู่เรื่องเดียว  .. นั่นดีที่สุด  พยายามที่สุด  แล้วเหรอ

เพราะตลอดทั้งเรื่อง  ดูเหมือนจะไร้ประเด็นเรื่องการหาทางรักษา (หมายถึง ป้องกันมิให้เกิดเหตุ) หรือ อย่างน้อยก็เยียวยาให้บรรเทา .. เหตุจะได้ไม่ร้ายแรง หรือไม่ซ้ำซากขนาดนั้น

คงจะต้องเป็นเรื่องของความรู้ความเข้าใจในเรื่องเหล่านี้  และเมื่อเราไม่มี และไม่คิดจะหาเอาความสมจริงอะไรมากมายกับนิยาย  ...จึงข้ามไป

นิยายเรื่องนี้ดึงดูดความความสนใจให้อ่านติดหนึบต่อเนื่องอยู่ได้ราว ๑๒ ชั่วโมง ด้วยความรู้สึกที่เป็นเหตุผลแตกต่างจากนิยายเรื่องอื่นๆ ตรงที่ มันเป็นความรู้สึก "ไม่สบายใจ" ..เพราะไม่สบายใจกับตัวละครว่าจะเป็นไปอย่างนั้นอย่างนี้..หรือเปล่า? จึงต้องอ่านไปเรื่อยๆ จะได้สบายใจซะทีไง   นั่นเป็นผลพวงจากวิธีการเปิดเรื่องที่ดึงดูดด้วย  มีอยู่สองครั้งที่ทนไม่สบายใจไม่ไหว ต้องไลน์ไปถามเพื่อนถึงสองหนว่าจะเกิดเรื่องอย่างนั้น กับ อย่างโน้น ขึ้นรึเปล่า  ช่วยสปอยล์มาทีเหอะ  เพราะไม่ต้องการจะลุ้นเรื่องอย่างว่า ..กลัวเจอเฉพาะหน้าแล้วใจจะหล่นหาย   

นอกจากตัวละครหลักสองครอบครัวที่มีบทบาทความสำคัญทุกคน  ร้อยดาว ไกรฤกษ์ มิ่งขวัญ โมทนา  ยังมีตัวละครอื่นที่ทำให้เรื่องนี้มีเรื่องให้ติดตามอยู่เรื่อยๆ  คือ ไกรฤทธิ์ น้องชายของไกรฤกษ์  ปลายฝน เพื่อนของน่านฟ้าที่เป็นเพื่อนร่วมชั้น ร่วมสถาบันการศึกษา แต่เด็กจนโต  .. และเธอเป็นคนที่น่านฟ้าเคยชอบพอเมื่อครั้งย่างเข้าสู่วัยรุ่น (จ้าจ๋ายังเป็นน้องเล็กเด็กประถม)   แต่ก็มีบางเหตุผลที่ทำให้เขาไม่ถูกแล และกว่าปลายฝนจะนึกอยากแล  น่านฟ้าก็แน่ใจแล้วว่าชีวิตนี้เกิดมาเพื่อใคร ... วิ้วววว

ชอบมากค่ะ  Smiley 

 




 

Create Date : 17 มีนาคม 2557    
Last Update : 18 มีนาคม 2557 10:51:23 น.
Counter : 2931 Pageviews.  

ปลายฝนต้นรัก _ ฝนตก ความทรงจำ ความรัก After the rain ..

 

ความกลัวภายในจิตใจของเขาและเธอไม่ต่างกันเลย

เธอกลัวเพราะไม่รู้อดีตของตนเอง ส่วนเขากลัว..เพราะรู้ดีอยู่แก่ใจทุกอย่าง

รวมทั้งรู้ด้วยว่า ตอนนี้..เขาหลงรักคู่หมั้นของน้องชายเข้าเต็มหัวใจแล้ว

จุดเริ่มต้นความรักของเขาและเธอเริ่มจาก 'การสูญเสียความทรงจำ'

เพราะอุบัติเหตุรถชนทำให้ 'สลิลา' หรือ 'ฝน' ต้องความจำเสื่อม

ขณะเดินทางมานิวยอร์กเพื่อมาพบคู่หมั้น

...

'เมธ' ได้รับไหว้วานให้ไปรับคู่หมั้นของน้องชายตัวดี  'ภัทร' 

เขาไม่เข้าใจความคิดของน้องตัวเองจริงๆ ว่าทำไมถึงกลายเป็นคนจับปลาสองมือ

หนึ่งคือคู่หมั้นจากเมืองไทย แล้วไหนจะสอง คนที่กำลังคบหากันอยู่ในนิวยอร์ค 'นุ่น' 

และเพราะเธอเป็นคนดีที่น่ารัก เป็นรุ่นน้องของเขาเองที่สนิทสนมคุ้นเคยด้วย

เพื่อเธอ เพื่อความรักที่ถูกที่ควร  เขาต้องทำอะไรสักอย่าง

ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเกินความคาดหมายไปนิด  โดยที่ผลกระทบของมันไม่นิดเลย

 ...      

สำหรับเมธ มันก็แค่ความลงล็อค ได้จังหวะ ถูกเวลา ที่เขาคิดว่าเธอควรจะหายตัวไป

และคงไม่มีที่ไหนจะอำพรางซ่อนเธอไว้ได้ดีกว่า  การให้เธอมาอยู่กับเขา อยู่ด้วยกันสักพัก

แต่เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า  เธอจะเป็น "ความรัก" ที่มาพร้อมกับสายฝน

แรกเห็นปกหนังสือ ช่างมีหน้าตาชวนซื้อหาทันทีเสียนี่กระไร แต่ถ้อยคำโปรยบรรทัดที่สาม  'เขาหลงรักคู่หมั้นน้องชายเข้าเต็มหัวใจแล้ว'  ทำยับยั้งชั่งใจเอาไว้  เพราะไม่นิยมแนว 'รักนี้ต้องห้าม' ดีไม่ดีจะกระหน่ำซ้ำพลอตด้วยการเป็น 'รักสามเส้า' เข้าซะอีก  (เรื่องคิดเองเดาเองขอให้บอก!..)

ตอนที่เคยอุดหนุน  'หัวใจไกลบ้าน' (Tokyo so sweet ) ยังคงจดจำเนื้อเรื่องได้ดี  แต่จำชื่อผู้แต่งไม่ได้  พอมารู้ที่หลังว่าผู้แต่ง "nanaspace" เป็นคนเดียวกับที่เขียนเรื่องนั้น  ภาพปกสีฟ้าหยาดฝนรินของเรื่องนี้ 'ปลายฝนต้นรัก' (After the rain)  จึงได้รับความสนใจขึ้นมาอีกครั้ง  ในยามที่ต้องการอ่านรักใสๆ หัวใจโรแมนติก

ทั้งที่จะว่าไปแล้ว  นิยายเรื่องนี้มีหลายอย่างที่ขัดความชอบใจแต่แรก

Smiley  ตามที่คิดไปเองว่าเป็นแนว รักต้องห้าม และอาจจะ สามเส้า (แต่มันไม่ใช่) 

Smiley  ตามที่มักจะแอนตี้มุกน้ำเน่า "ความจำเสื่อม"

Smiley  ตามที่ไม่นิยมการเล่า ด้วยสรรพนามบุรุษที่หนึ่ง  "ผม" หรือ "ฉัน" 

Smiley  ตามที่อ่านเนื้อความจากปกหลัง แล้วไม่คิดว่าจะถูกใจ คาแรคเตอร์ "พระ-นาง"

Smiley  ทั้งยังส่อสำนวนอารมณ์กระแทกกระทั้น แสดงรูปแบบความสัมพันธ์ 'ไม่กินเส้นกัน' ที่ค่อนข้างเกร่อ

ผู้หญิงอะไรทั้งขี้บ่นขีวีน 

โดนพูดยั่วเย้าเข้าหน่อยอารมณ์ก็พุ่งปรู๊ดปร๊าดราวกับปรอทวัดไข้

นิสัยไม่เห็นเหมือนกับที่นายภัทรเคยบอกไว้สักนิด
ตรงไหนกันที่เรียกว่าเรียบร้อยน่ารัก?
แบบนี้เรียกว่าน่ารำคาญชัด ๆ!
คอยดูนะ หัวเด็ดตีนขาดยังไง
ผมก็ไม่มีทางรับผู้หญิงคนนี้มาเป็นน้องสะใภ้เด็ดขาด!

ไหนพี่ภัทรเคยบอกว่าพี่ชายของเขาเป็นคนใจดีและอบอุ่น
ไปที่ไหนก็มีแต่คนรักและเอ็
นดู แล้วนี่อะไร
แสนจะยียวนกวนประสาทและขยันสร้างศัตรูละไม่ว่า!
ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยพบเคยเจอ ผู้ชายอะไรปากร้ายที่สุดในสามโลก!

ผมเดินย้อนกลับไปที่รถยนต์อีกครั้ง กระเป๋าสะพายของเธอวางอยู่บ
นเบาะที่นั่ง
ข้างคนขับดังเดิม เมื่อจำเป็นจึงถือวิสาสะค้น
ดูสิ่งของข้างใน แม้ตัวกระเป๋าด้าน
นอกจะเปียกชื้นไปด้วยน้ำฝน แต่ข้าวของภายในนั้นแห้งสนิ
ท ไม่ได้รับความเสีย
หายใด ๆ สิ่งแรกที่หยิบออกมาได้คือหนังสือเดินทางเล่มสีน้ำตาลแดงและมีตรา
ครุฑที่ปกหน้า

เธอถือสัญชาติไทย

แต่ว่านะ ...ย้ำอีกครั้ง  เป็นเพราะร่มสีฟ้า หยาดฝน หยดน้ำกระเซ็นบนภาพปก บวกกับสำนวนเคยอ่านได้ชอบ จากเรื่องหัวใจไกลบ้าน  บวกกับ สำนวน (เขาว่า) อ่านดีตามที่เคยอ่านรีวิว     เราจึงได้พบกันอีกครั้งกับ nanaspace  (ชอบนามปากกา กิ๊บเก๋ยูเรก้าดี )

แม้การเสื่อมความจำ   หรือ หายขาดจากความจำเสื่อม  เป็นปกติในความรู้สึกของตนเองกับทุกเรื่อง ที่ไม่สามารถจะรู้สึกเชื่อได้สนิท  ว่าเป็นกันได้หายกันดี ด้วยเหตุอย่างนั้นๆ น่ะเหรอ (ถึงไม่ค่อยชอบพลอตความจำเสื่อมไง)  แต่เพราะไม่มีความรู้เรื่อง สาเหตุ อาการ หรือวิธีการรักษา   ตอนจำ ตอนลืม ตอนถูกกระตุ้นเตือน ระลึกได้..ลางเลือน หรือ หายขาด ควรเป็นอย่างไร จึงไม่มีความเห็นจะนำเหนอ 

เพราะมีเหตุความจำเป็น ตามความเห็น (ที่คิดเองเออเอง) ของเมธ   เขาจึงต้องกระทำอะไรบางอย่าง ลับ ลวง พราง  เพื่อไม่ให้ความทรงจำของเธอฟื้นคืนกลับมาเร็วเกินไป ขอแค่ยื้อเวลาให้เธออยู่กับเขาในฐานะคนแปลกหน้าที่มาพบเจอกันเพราะอุบัติเหตุที่เขาต้องรับผิดชอบเธอให้มาอยู่ด้วยกันสักพัก

จากชื่อเพราะๆ   เมธ  กับ  ฝน

จึงต้องกลายมาเป็น  แมธ  กับ  เรน

ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นัก ที่นางเอกแทนตัวเองว่า เรน ในฐานะคนแปลกหน้ามาพบกัน  ถ้านางเอกแทนตัวว่า ฉัน น่าจะเป็นระยะห่างที่ทำให้เรามีความรู้สึกว่านางเอกหน่อมแน้มลดน้อยลง  แต่ถึงอย่างนั้น นิยายเรื่องนี้ก็มีอะไรหลายอย่าง ที่แปลกออกไปจากความทั่วไปที่เคยมีประสบการณ์อ่านมา นั่นคือ  การใช้สรรพนามบุรุษที่หนึ่งเล่าเรื่องโดย  "ผม"  หรือ "ฉัน"  .. นิยายโดยทั่วไปก็จะใช้สรรพนามเดียวจากคนเล่าเรื่องคนเดียว แต่เรื่องนี้ใช้สองคน สองสรรพนาม

เมื่อความทรงจำของเธอหายไป .. เรื่องถูกเล่าด้วย "ผม"  (เมธ)  สายตาที่เฝ้ามองเธอ ความรู้สึกนึกคิดที่มีต่อเธอ รวมถึงสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น

เมื่อความทรงจำของเธอกลับมา เปลี่ยนเป็น  "ฉัน"  (ฝน) ที่เฝ้ามองเขา เป็นผู้เล่าสถานการณ์และส่งผ่านความรู้สึกนึกคิดที่เธอมี

เป็นวิธีการดำเนินเรื่องที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน  จุดนี้จึงได้คะแนน บวก บวก

พลอตความจำเสื่อมอาจจะซ้ำๆ  แต่ทำได้ดี  ทำได้ชอบเกี่ยวกับกานจัดปมของเรื่องราว ไม่รู้สึกขัดแย้ง  เหตุผล เจตนา และอารมณ์ของตัวละครแต่ละคน  คิดว่าพอฟังขึ้น  ยกตัวอย่างพระเอก แม้ส่วนตัวจะคิดว่า ถ้าสมมติให้นี่เป็นเรื่องจริง และเราเป็นนายเมธนะ  คงไม่มีกะจิตกะใจจะนึกถึง น้อยชายภัทรา  น้องนุ่นที่น่ารัก - น่ารับเป็นน้องสะใภ้สักเท่าไรหรอก  แค่นึกถึงว่า ... ทำคู่หมั้นของน้องชายความจำเสื่อม .. แค่นี้ก็มีน้ำหนักพอจะขอ ลับ ลวง พราง ก็ในเมื่อมันสบช่องที่จะยื้อเวลาได้ ก็ขอตั้งสติ เตรียมใจ ก่อนสตาร์ทก่อนล่ะวะ เผื่อจะแก้ไขปัญหา เธอหาย(ความจำเสื่อม) จบเรื่องได้ หรือถ้าไม่หาย อย่างน้อยก็ได้เตรียมตัวตั้งรับสถานการณ์ 

และเมื่อความจำเสื่อมของตัวละครเอกในนิยาย ไม่เคยเกิดขึ้นถาวร 

'ความลับ' จึงไม่ใช่ความลับตลอดไป

'ความรัก' จึงไม่เหลือความไว้เนื้อเชื่อใจอีกต่อไปแล้ว

เพราะเหตุผลที่ทำลงไป มันไม่ใช่แม้แต่ความหวังดี

เขาเห็นเธอเป็นตัวปัญหา  และเขาทำเพื่อคนอื่น

             SmileySmiley

จริงอยู่ ที่เขาเห็นเธอเป็นตัวปัญหา 

แต่ต่อมา มันมีเหตุผลอะไรบางอย่างมากกว่านั้น

บางอย่าง..ที่ทำให้ไม่ต้องการจะเสียเธอไป

เขาอาจเริ่มมีเธอเข้ามาในชีวิตด้วยเรื่องลวง

แต่ความรู้สึก ห่วงใย หวงก้าง และ หึงหวง ล้วนเรื่องจริง

ชอบทิศทางการจบของเรื่อง  ถ้าถามหาว่าเรื่องนี้โรแมนติกตรงไหนบ้าง ก็คิดว่ามีเยอะอยู่นะ และตอนจบแบบถูกใจจ๋านี่แหละคือความโรแมนติก "ที่สุด"  ให้มันได้อย่างนี้สิเมธ (ชอบชื่อนี้มากกว่า แมธ) และนี่ก็เป็นอีกประเด็นที่โกยคะแนนไปได้เยอะ  ทำให้นึกถึงเพลงประกอบละคร "อย่าลืมฉัน" ของ ทราย เจริญปุระ ขึ้นมาเลย  

ฉันจำใจจากเธอไปสุดไกล  

ฉันนั้นต้องจากไปทั้งที่ใจ .. ฉันก็เจ็บรู้ไหม

มันเปล่าเปลี่ยวและเหงา  ฉันเจ็บปวดรวดร้าวเมื่อต้องขาดเธอ ฯลฯ

ดังนั้น นิยายเรื่อง " ปลายฝนต้นรัก"  แม้จะมีบางอย่างติดขัดเป็นอคติส่วนตน หลายอย่างอ่านแล้วไม่อินังขังขอบ (เฉยๆ)  แต่ด้วยบางอย่างที่ชอบ เป็นการชอบแบบ โดน!  จึงส่งผลให้เรื่องนี้เดินหน้าเข้าเส้นชัย ที่ขีดไว้ในใจว่า ผ่านโลด




 

Create Date : 05 มีนาคม 2557    
Last Update : 6 มีนาคม 2557 19:04:19 น.
Counter : 4837 Pageviews.  

เล่ห์รักริมเล_ภูมิแพ้ชายเจ้าชู้

 

ความจริงแล้ว มีนิยายเรื่องหนึ่งที่อ่านก่อนหน้าและอยากเขียนถึง  แต่พอได้อ่าน "เล่ห์รักริมเล" ก็มีความครั่นไม้ครั่นมือเหลือเกินที่อยากจะเขียนถึงผู้ชายคนนี้มากกว่าอะไรอื่น เขาคือ "นายเข้" พระเอก เล่ห์รักริมเล  ของ "อุธิยา" ที่ได้อ่านเป็นเรื่องที่สามและยังไม่ทำให้ผิดหวัง

เรื่องรักชวนลุ้น เมื่อสาว ‘ปูนิ่ม’ กระดองอ่อน

ต้องโครจรมาเจอ 'นายฟาร์มปูนิ่ม' จอมกะล่อน

สารพัดสารพันในตัวเขาไม่มีสักสิ่งที่เธอชอบ

หน้าเข้ม ตัวดำ ปากดี ยียวน ทะเล้นทะลึ่งลามกก็ปานนั้น!

จะหนีก็ไม่ได้ จะต้านก็ไม่แกร่งพอ

ทั้งโชคชะตายังเป็นใจให้เขามาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ หัวใจเสียอีก

ปูนิ่มตัวกระจ้อยจะรอดพ้นอุ้งมือมาร หรือถูกต้อนนิ่มๆ เข้าฟาร์มกันล่ะหนอ? 

Credit Picture ://seafood-service.circlecamp.com


เมืองชายทะเลแห่งนี้มีแต่สิ่งที่ ปุริมา ไม่พิสมัย

แพปลา ฟาร์มปู คุณครู นายเข้!

อุตส่าห์หนีจากแม่ที่ตีกรอบดับฝัน เก็บกระเป๋าย้ายมาอยู่กับพ่อที่เมืองชายทะเล

ใครจะคิดว่าความรั้นที่จะทำตามใจตัวเอง กลับพาให้ชีวิตวุ่นวายยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า

อะไรที่ไม่คิดว่าในชีวิตจะต้องทำ...ก็ต้องทำ

อะไรที่ไม่คิดว่าในชีวิตจะต้องเจอ...ก็ได้เจอ

โดยเฉพาะนายหัวหน้าเข้มคนนั้น นายเข้ พ่อม่ายหนุ่มเนื้อหอมจอมเจ้าชู้

ที่แท็กทีมมากับ เจ้าโขง ลูกติดวัยกระทงที่แสบเซี้ยวไม่แพ้กัน

ปูสาวเพิ่งลอกคราบอย่างเธอ...จะต่อกรกับนายฟาร์มเขี้ยวลากไหวไหมนะ!!

 

 

เมื่อสัปดาห์ก่อน มีโอกาสได้ไปเที่ยว ม่อนอิงดาว ม่อนแจ่ม ดอยอ่างขาง กับบรรดา 'พ่อไก่แจ้' อันได้แก่สามีของเพื่อน และเหล่าเพื่อนของสามีเพื่อน ที่บางคนพกเมียมาด้วย แต่บางคนก็แอบหนีภรรเมียบังเกิดเกล้ามาด้วยเหตุผลโกหกพกลมว่า  "พี่มางานบวชรุ่นน้อง" เงินก็กดใช้ไม่ได้ เดี๋ยวเมียจับได้ ต้องอาศัยเพื่อนออกให้ไปก่อน เดี๋ยวค่อยแอบตอดเล็กตอดน้อยค่อยทยอยจ่ายคืนทีหลัง  

เหตุที่ต้องเอ่ยถึงเรื่องนี้ เพราะอ่านเล่ห์รักริมเลแล้วนึกถึงพวกพี่ๆ เหล่านี้ขึ้นมาติดหมัดน่ะสิ ทั้งภาพตั้งวงกินเหล้าสรวลเสเฮฮา แล้วก็สำนวนหลีหญิง คำแซวสองแง่สามง่าม  และตัวละครพระเอก "นายเข้" ก็ให้บังเอิญนึกถึง 'หัวโจก' ของแก๊งพ่อไก่แจ้แก๊งนี้ ที่ถูกเพื่อนๆ เรียกว่า 'ป๋า' แถมยังยกตำแหน่ง 'อาจารย์' มอบให้อย่างซูฮกในศิลปะความเป็นพ่อปลาไหล แล้วปฏิบัติการเพื่อนเราเผาเรือน  เอาเรื่องจริงมาพูดเล่น เอาเรื่องเล่นมาพูดจริงเนี่ย แม้ว่ามันจะฮามาก แต่เชื่อว่าคุณภรรยาคนสวยน่าจะแยกแยะได้ไม่ยาก เรื่องไหนเล่น เรื่องไหนจริง ต่อหน้าเพื่อนฝูงนิ่งๆ ไม่เป็นไร แต่ลับหลังไปอาจมีหลายประเด็นที่คุณสามีต้องมีเคลียร์ 

เจอนิยายคล้ายความเป็นจริงอย่างนี้  บอกตง.. แทบ "ไม่ขำ"  ที่เล่ห์รักริมเลได้ชื่อลือผ่านรีวิวให้เห็นผ่านตามาบ้างว่าเป็นแนวตลก  ดูเหมือนว่าเราจะเส้นลึกนะคะ ไม่รู้สึกว่ามันขำสักเท่าไหร่เลย แค่พอยิ้มได้ในหลายมุก  ชอบใจในความสนุกของเรื่องราวมากกว่า (แต่เพื่อนที่ยืมหนังสือไปเพิ่งไลน์มายืนยันเหมือนกันนะว่ามันฮา) 

คาแรคเตอร์ของ "นายเข้" หรือนามอันเพราะพริ้งฟังดูมีสกุลรุนชาติ "เขมรัฐ" ถ้าใครเคยมีรอยแผลจากชายเจ้าชู้หรือมีความรู้สึกเป็นปฏิปักษ์คือเกลียดเอามากๆ  อาจปิดใจไม่ยอมให้คะแนนนายเข้ในแง่อื่นๆ ไปเลยก็ได้นะเนี่ย  เพราะถึงจะเป็นพระเอก แต่ก็ไม่ได้ถูกเขียนแบบเปลือกนอกเจ้าชู้ปกปิดเนื้อในใสกระจ่าง เจ้าชู้ไม่จริงอิงพื้นฐานพระเอกนิยายหรอกนะจ๊ะ  และก็ไม่ได้เขียนออกแนว พระเอกหล่อล่ำ ร่ำรวย ล้นเสน่ห์ เป็นเหตุให้หญิงไล่ล่าติดตรึมโดยไม่ได้ตั้งใจจะชู้ ไม่ใช่ความผิดของพระเอกอะไรทำนองนั้นอย่างแน่นอน เพราะคุณอุธิยาเธอเขียนจริง เจ้าชู้จริง

เป็นเจ้าชู้ตัวพ่อ ขอให้สวย ให้สมยอมเหอะ นายเข้ฟันดะ!

เราไม่ชอบผู้ชายเจ้าชู้นะ  แต่ไหงเรื่องนี้เราชอบ นายเข้ นายหัวจอมเจ้าชู้แห่งฟาร์มปูนิ่ม

 

ด้วยความจำเป็นในการที่ต่างฝ่ายต่างต้องสานต่อธุรกิจของครอบครัว พ่อแม่ของนายเข้ จึงแยกกันอยู่  เข้โตมากับแม่ที่ทำธุรกิจแพปลา แต่เขาไม่อยากสืบทอดกิจการต่อจากแม่ เข้มีสิ่งที่อยากทำเป็นความฝันของตัวเอง เมื่อโตขึ้นจึงไปอยู่กับพ่อเพื่อเล่าเรียนหนังสือในกรุงเทพ  แต่แล้ววันหนึ่ง ไม่รู้ไปพลาดท่าเสียเชิงชายเจ้าชู้อิท่าไหน เข้ในวัยสิบแปดปีจึงหอบลูกน้อยกลับมาอยู่กับแม่  และเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองนับจากนั้น เป็นพ่อที่ดีของลูก  เป็นลูกชายที่ดีของแม่  เลี้ยงลูก เล่าเรียน ช่วยงานแพปลาของแม่จนขยายกิจการไปสู่การทำฟาร์มปูนิ่มครองทั้งตลาดในและการส่งออก เมื่อมีเข้รับช่วงดูแลกิจการได้อย่างดี แม่ของเขา "เจ๊หงส์" จึงวางงานส่วนใหญ่ให้ลูกชายแล้วหันไปทำร้านอาหาร "ครัวริมเล" งานอดิเรกทำเพลินๆ  เพิ่มรายได้ขยายฐานะอันมีจะกินจนได้ชื่อว่าเป็นเศรษฐินีของจังหวัดรายหนึ่ง

"เจ้าโขง"  หรือ "ขัตติยะ" คือลูกชายของ "เจ้าเข้"  ที่เติบโตมาแบบลูกไม้ใต้ต้น ทั้งรูปร่าง หน้าตา คารม และนิสัย ไม่ผิดจากต้นแบบ เพียงแต่เป็นเวอร์ชั่นที่อ่อนเยาว์น้อยประสบการณ์กว่า   ซึ่งหากโตขึ้นเป็นหนุ่มอีกหน่อย  'สันดาน' (เจ้าชู้)  ก็คงจะไม่เพี้ยนไปจากผู้เป็นพ่อแม้สักเสี้ยว

"คุณหนูปูนิ่ม"  หรือ ปุริมา  ในวัยเด็กพ่อแม่แยกทางกัน เธอเติบโตมากับแม่อย่างชาวกรุง แต่ก็ผูกพันกับพ่อที่ยังติดต่อพบปะกันเสมอ  พ่อของเธอเป็นทั้งผู้อำนวยการและเจ้าของโรงเรียนชลพิทักษ์ในอำเภอแห่งนั้น   เมื่อขัดใจที่ถูกแม่ดับฝันไม่เห็นด้วยกับการที่เธอจะมีอาชีพเป็นนางแบบ ปูนิ่มจึงทิ้งเมืองกรุงมาอยู่กับพ่อที่เมืองบ้านนอก  จำใจมาช่วยงานโรงเรียนในตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการ และยืนยันเด็ดขาดว่าเธอไม่ชอบไม่ต้องการจะเป็นครู   แต่จับพลัดจับผลูเธอก็ต้องได้เป็นในสักวัน 

 เหมือนนายเข้ที่ไม่ชอบกิจการของแม่ไม่ชอบแพปลา

แต่สุดท้ายก็ต้องกลายเป็นนายฟาร์มทั้งเลี้ยงปูดูแพปลา

ด้วยเหตุผลบางประการ ปูนิ่ม กับ พ่อ จึงตกลงใจไม่เปิดเผยความสัมพันธ์พ่อลูก  ในสังคมต่างจังหวัดที่ค่อนข้างให้ความสนใจเรื่องของคนอื่นเพื่อเมาท์มอยเป็นงานอดิเรกประเภทซุบซิบนินทา เธอจึงได้รับตำแหน่ง "เด็ก ผอ." ไปอย่างเลี่ยงไม่ได้  ยิ่งเมื่อได้เจอลีลาเจ้าชู้ประตูดินทั้งรุ่นใหญ่แก่ประสบการณ์ และรุ่นเล็กแก่แดดอย่าง นายเข้-นายโขง เข้าไป  ปูนิ่มยิ่งเต็มใจจะครองตำแหน่ง เด็ก ผอ. และยึดมันเป็นเกราะป้องกันตัว ป้องกันใจเอาไว้อย่างเหนียวแน่น

คนอย่างนายเข้ ไม่เคยพลาดสาวสวยที่หมายปอง 

แต่สำหรับคนมีเจ้าของ นายเข้ ก็มีกฏเกณฑ์ของตนเองว่าเป็นของต้องห้าม

แม้เจ้าโขงจะจิกแซวพ่อบังเกิดเกล้าว่า 'ต้นงิ้วของพ่อ' หนามมันลู่จนไม่เหลือคมไว้ทิ่มแทงอีกแล้ว แต่ที่จริงแล้วนายเข้ ก็ไม่เคยคิดจะก่อกามผิดกับลูกเขาเมียใคร  แม้ประสาผู้ชายเจ้าชู้ปากเปราะ จะทำให้อดปากอดใจไม่ค่อยได้ คอยแต่จะขายขนมจีบคุณครูปูนิ่มอยู่ร่ำไป และในบางครั้ง คุณครูก็ดันมีปฏิกิริยาที่คนอย่างนายเข้ผู้ผ่านหญิงมามากมายมีหรือจะดูไม่ออก ทำให้อดหวั่นอกหวั่นใจไม่ได้ว่า ..'นี่คิดจะปีนต้นงิ้วกับกูจริงๆ หรือไงหว่า'  

ถึงอย่างนั้นนายเข้ก็ยังให้เกียรติปูนิ่ม และรู้ขอบเขตดีว่าแค่ไหนไม่ล้ำเส้น

'ชื่อเสีย' ของนายเข้แห่งฟาร์มปูนิ่ม เป็นที่กระฉ่อนเล่าลือ มีหลักฐานพยานรับรองอย่างแน่ชัด ทั้งจากการมีลูกชายวัยรุ่นกระทงที่ถอดแบบพ่อออกมาเป็น "สำเนาถูกต้อง"  ทั้งจากความสัมพันธ์อันสนิดชิดเชื้อ ถึงเนื้อถึงตัวกันกับคุณครูคนใหม่ที่ทั้งสาวทั้งสวยและเคยเป็นผู้หญิงกลางคืนทำงานเป็นนักร้องตามผับตามบาร์มาก่อนอย่าง "ครูผักบุ้ง" หรือ "บัณฑิตา" ที่ใครๆ รู้ดีว่าเป็นผู้หญิงคนสำคัญของ "ป๋าเข้" คอยเลี้ยงดูส่งเสียเล่าเรียนกันมาจนสำเร็จการศึกษา ทั้งยังเอ่ยปากฝาก ผอ.มาให้พิจารณาถึงตำแหน่งคุณครูผู้สอนในโรงเรียนด้วย  เขาเปลี่ยนชีวิตผู้หญิงกลางคืนให้เป็นกลางวัน ปฏิบัติต่อเธอเป็นคนสำคัญที่เข้านอกออกฟาร์ม-ไปมาหาสู่ ควงแขนจ๊ะจ๋านายเข้เป็นว่าเล่น  แล้วไหนจะพฤติกรรมที่นายเข้เองก็ไม่เคยปกปิดความเจ้าชู้ของตัวเอง ไม่เคยแก้ตัว แก้ไขข้อข้องใจใดๆ ของใครทั้งสิ้น   ทุกสิ่งทุกประการบ่งชี้อย่างถูกต้องว่านายเข้เป็น 'จอมเจ้าชู้' อย่างแน่นอน

แต่เหตุไฉนหัวใจของปูนิ่มก็มิยอมฟัง 'สัญญาณเตือนภัย'  มีแต่จะดื้อรั้นเปิดใจอยากรู้อยากลองทำความรู้จัก อ่านดูผู้ชายหน้าเข้มตัวดำภาพลักษณ์เสื่อมเสียเปรียบเสมือนเป็นหนังสือ 'ปกไม่สวย' เล่มนั้นอยู่ร่ำไป

รายละเอียดของหนังสือปกไม่สวยที่ชื่อเรื่องว่า "นายเข้" คงต้องท้าทายให้คุณไปลองหามาอ่านกันเอาเองแล้วกระมัง

ส่วนตน..ชอบนายเข้มาก  ถึงจะไม่ชอบความเจ้าชู้  แต่คงเป็นเพราะมันเป็นข้อเสียข้อเดียวท่ามกลางข้อดีหลายอย่าง   และเรื่องความเจ้าชู้เนี่ย มันก็มีประเภท มีขอบเขตของมัน  ตัวเราเองสมัยเรียนจบทำงานใหม่ๆ  เราไปอยู่ในสังคมต่างจังหวัดเช่นกัน ด้วยประเภทของธุรกิจที่ส่วนใหญ่คนทำงานเป็นผู้ชาย เราเป็น 'สาวน้อย' (สมัยนั้นน่ะนะ) เพียงคนเดียว ในท่ามกลางๆ พี่ๆ ลุงๆ 8 คน ในออฟฟิศเล็กๆ ที่ไม่นับรวมถึงคนงานผู้ชายเกือบทั้งหมดยกเว้นแม่บ้าน ในออฟฟิศมีพี่ผู้หญิงอีกสามคนซึ่งมีครอบครัวแล้วและเป็นคนในพื้นที่แถวนั้น  การเดินทางไปกลับจากที่พักในตัวเมืองไปยังสถานที่ทำงาน และการออกไปกินข้าวกลางวันส่วนใหญ่ จึงมีเราเพียงคนเดียวที่ต้องไป-กลับกับพี่ๆ  ต้องอยู่กับผู้ชายพวกนี้ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ของชีวิตก็ว่าได้  บ่อยครั้งที่หลังเลิกงาน ต้องไปนั่งแกร่วอยู่ตามร้านอาหาร สั่งกับกิน (จนอ้วน) ส่วนพี่ๆ ที่ทั้งโสดและไม่โสด ก็หย่อนใจนั่งดื่มกินหลีเด็กเสิร์ฟชงเหล้าสาวเชียร์เบียร์ทั้งหลาย หาได้เกรงใจน้องนุ่งคนนี้จะง่วงหงาวหาวนอนอยากกลับที่พักไม่   ก็เลยพอจะเคยเห็นบางแง่มุมของพวกผู้ชายอยู่บ้างกระมัง  ต่อให้เป็นคนดีสุภาพก็เหอะ ลองได้เข้าก๊กเข้ากลุ่ม ไม่มีหรอกที่จะเป็นพระอิฐพระปูน ไม่ร่วมสรวลเสเฮฮา เพราะว่าผมไม่เจ้าชู้น่ะนะ   มีเหล่าสามีรวมแก๊งที่ไหน มีขบวนการนินทาเมียและครึ้มอกครึ้มใจกับสาวสวยนอกบ้านที่นั่น  และกรณีที่ยอมลงทุนมอบหมายให้ใครสักคนเอารถมาส่งเรากลับที่พักก่อน .. ก็แอบเดาว่าการนัดแนะกันออกลายจะเป็นระดับแรง อาจมีพฤติกรรมความซับซ้อนอยู่เบื้องหลังความเมาลึก บางทีอาจเป็นเพียงความคึกคะนองสรวญเสเฮครืนของผู้ชาย  แต่บางทีก็คงบางลวดลายที่เป็น 'เรื่องจริง' ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็ยังมีเหลืออีกเงื่อนไขหนึ่งคือ  โสดอิสระ หรือ มีแฟนคบหา มีภรรยาเป็นตัวเป็นตนแล้ว   ถ้าโสดอิสระก็เอาเหอะ จะไปหัวหกก้นขวิดกับใครเราไม่ขอตัดสิน  แต่กรณีไม่โสดเนี่ย ถือว่า ชั่ว (เต็มปากเต็มคำ)

กรณี นายเข้ ในนิยายเรื่องนี้  เพราะเขาโสด  เราจึงไม่มีความรู้สึกด้านลบอะไรกับพระเอก แต่ยังไงก็ตาม ก่อนจะเปลืองเนื้อเปลืองตัว คุณปูนิ่มก็ควรไปตรวจเลือดนะ เพราะนายเข้สำส่อนจนน่ากลัวเชื้อโรคจะถูกป้องกันไม่หมด   นอกจากเรื่องนี้ก็มีที่น่าเป็นห่วงอยู่อีกอย่างคือ การที่นายเข้มีลูกชายกำลังเป็นวัยรุ่น คนเป็นพ่อควรเป็นแบบอย่างที่ดีหรือไม่ เที่ยวเป็นป๋าเจ้าสำราญกลับบ้านเช้าตลอดอย่างนี้  ข้อดีข้อเสียมันก็ก้ำกึ่งอยู่นะ ระหว่างเรื่องของการเป็นแบบอย่างที่ดี โสดอย่างเหี่ยวเฉาเพื่อเป็นพ่อแบบไร้ที่ติ กับการเป็นพ่อที่มีข้อบกพร่องอย่างเปิดเผยจริงใจ  ตัดสินไม่ได้ว่าอยากให้นายเข้เป็นพ่อแบบไหนดี เพราะถ้าจะให้นายเข้เป็นพระอิฐพระปูนเป็นพ่ออย่างเดียวไม่ยุ่งเกี่ยวหญิงใดนั่นก็ท่าทางจะยาก ตราบใดที่ยังไม่เสื่อมสมรรถภาพ  หรือหากจะนึกไปอีกกรณีคือเจ้าชู้ก็เจ้าชู้ไปแต่ต้องคอยสร้างภาพปกปิดไม่ให้ลูกรู้เห็น หรือถ้าเห็นก็ให้น้อยที่สุด อืม ถ้าแบบนี้ขอกาหัวพระเอกทิ้งเลยดีกว่า เพราะถือว่าเป็นพ่อสนิทคิดไม่ซื่อ   เข้เป็นอย่างที่เข้เป็น เป็นพ่อใกล้ชิด เป็นเพื่อนสนิทชิดใกล้ ไม่มีซอกหลืบซ่อนตัวตนเป็นความลับ   แม้จะไม่รู้สึกชื่นชมแต่ก็ไม่ถึงกับใส่คะแนนติดลบลงไป

เพราะนอกเหนือจากเรื่องความเจ้าชู้  เข้ถือเป็น ลูกผู้ชายตัวจริง  ทั้งความรับผิดชอบในการกระทำ ทำท้องแล้วรับ ไม่ทอดทิ้งลูก เอาจริงเอาจังกับชีวิต ทั้งเล่าเรียนหาความรู้ และช่วยแม่ทำมาหากินจนประสบความสำเร็จ  เป็นอย่างไรเป็นอย่างนั้น  ไม่เคยสร้างภาพ  เรื่องผู้หญิงสำหรับเข้เป็นเรื่องของคนสองคนที่ยินยอมพร้อมใจ ไม่ได้ผิดลูกเขาเมียใคร จึงไม่ละอายในสิ่งที่เขาเป็น   

ความจริงแล้วผู้ชายเจ้าชู้มันดีที่ไหนกันละคะคุณ  แต่นายเข้เนี่ยเหนือกว่าชายเจ้าชู้ทั่วไปคือ เจ้าชู้อย่างมั่นใจไม่มีคำปฏิเสธหรือข้อแก้ตัวใดๆ ให้ใคร     และแม้จะได้ชื่อว่าเป็นวิศวกรรางรถไฟ แต่ที่จริงนายเข้ถือหลักการไม่จำเป็นต้องสับรางให้เมื่อยตุ้ม คันไหนเหลือรอดก็คันนั้นแหละ  หรือถ้าชนกันแหลกทุกคัน นายสถานีก็ชิ่งไปอย่างรอดตัวอยู่ดี เราอาจจะมัวอึ้งในความมั่นใจใสซื่อว่าผมเป็นคนเจ้าชู้อย่างนี้แหละของพระเอกอยู่ เลยลืมเกลียดเขาเลยน่ะสิ

 

ส่วนนางเอก ปูนิ่ม  แม้จะผิดคาดไปเล็กน้อย คิดว่าถ้าพระเอกเจ้าชู้ นางเอกจะมาแนวเรียบร้อย น้ำนิ่งไหลเย็น ตั้งป้อมปฏิเสธ ไม่ชอบ ไม่สน ไม่เอา! แต่ที่จริงเป็นตรงกันข้าม  นางเอกปูนิ่มของเราไม่ได้นุ่มนิ่มสนิมสร้อยแบบใช้ความสงบสยบความเจ้าชู้ แต่เธอเป็นแนวสาวมั่นฉันเชื่อตัวเองเช่นกัน  ใครจะพูดอย่างไรเกี่ยวกับนายเข้ ใครจะว่าไม่มีหรอกคนที่จะเอานายเข้อยู่   แทนที่จะหวาดจกลัวจะหลีกหนี  นางเอกของเรากลับพร้อมตั้งรับและถ้าแน่ใจก็พร้อมใส่เกียร์เดินหน้าเข้าพุ่งชน หมายมั่นปั้นมืออยากลองดูสักตั้งว่าถ้าเป็นปูนิ่มคนนี้จะเอานายฟาร์มปูได้อยู่หรือไม่ ของอย่างนี้ถ้าอยากรู้มันต้องลอง

ผิดหลักการ 'ทั่วไป' กันเห็นๆ  เหมือนเรื่อง 'เหลี่ยมเสน่หา' นั่นแหละค่ะ  นางเอกทั่วไปเสียตัวก็โกรธเคือง เจ็บช้ำ และลงท้ายด้วยอาการหยิ่ง เสียไปแล้วก็เสียไป ฉันอยู่ได้  ไม่แคร์ไม่ง้อหรอกจ้า   นางเอกของอุธิยามาแนวแปลก ไหนๆ ก็เสียแล้ว จะเป็นไรไปถ้าต้องเสียอีกเพื่อทุ่มเททุกอย่างลงไปแลก เสียตัวแล้วต้องได้ใจ ปลื้มซะจนคิดว่าจะต้องซื้อหามาเก็บเพราะเป็นเรื่องที่ต้องนึกอยากอ่านอีกแน่นอน

เมื่อปูนิ่มก็ชอบนายเข้ อยากรู้อยากลองอ่านทางผู้ชายเจ้าชู้ ทดลองจับปลาไหลดูสักที   'ความรัก' ของสองคนนี้จึงค่อนข้างเป็นความเรียบง่ายไปหน่อยสำหรับเรานะ  แต่เพราะมีคู่ของ 'พี่กบ'  กับ 'น้องผักบุ้ง' จึงถือเป็นการชดเชยที่ลงตัวมากๆ พี่กบเป็นมือขวาคนสนิทของนายเข้ที่คาแรคเตอร์ต่างจากเจ้านายลิบลับคือ นิ่ง สงบ เงียบเป็นเป่าสาก  รักผักบุ้งนะแต่เจียมตัวเพราะเธอเป็นเด็กของนายเข้จึงไม่อาจเอื้อมคิดแสดงออก

ส่วนสาวผักบุ้ง เธอเคยเป็นผู้หญิงกลางคืนที่คุ้นเคยกับผู้ชายหน้าหม้อมามาก เมื่อเป็นสาวมั่น จึงมาพร้อมกับการนุ่งสั้น บุคลิกก๋ากั่น ปากคอรอบรู้มุกเกี้ยวพา สองแง่สามง่าม ทันเชิงชาย  แต่ว่าเธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ถึงพี่กบจะอืดอาดยืดยาด เจียมเนื้อเจียมตัว  ทึ่มเรื่องผู้หญิงเป็นกบในกะลาครอบ น่าหมั่นไส้ขนาดไหน  แต่ครั้นเธอจะลงมือทุบกะลาเปรี้ยงเดียว โดดรวบหัวรวบหางพี่กบซะโจ่งแจ้ง มันก็กระไรๆอยู่  ถึงจะมั่นขนาดไหน ก็ยังพอมียางอายอยู่นะจะบอกให้  จึงทำอะไรไม่ค่อยได้นอกจากอ่อยแล้วอ่อยอีก อีตาพี่กบบ้าๆๆๆ ก็ไม่ยอมกินเบ็ดของผักบุ้งซะที  วุ้ย! ไม่ได้ดั่งใจ รมณ์เสีย 

ผักบุ้งน่ารักมากค่ะ  เป็นตัวละครที่ชอบมากๆ  ไม่รู้จะสงสารใครดี ระหว่างความเจียมตัวเป็นฤาษีจำศีลของพี่กบ กับ ความเพียรพยายามอ่อยเบ็ดของน้องผักบุ้ง 555

เขียนคาแรคอเตอร์ของตัวละคนได้ชัดดีค่ะ  ชัดจนบางตัวละครมีหน้านักแสดงโผล่มาในหัวเลยทีเดียว " เจ้าโขง" วัยสิบสี่สิบห้าปี  มีหน้าตาน่ารักแบบกวนๆ  กับ รอยยิ้มยียวน ลีลาแพรวพราวของน้องเก้า-จิรายุ ลอยมาเลย แม้ในเรื่อง พ่อเข้ของโขงจะตัวดำ และโขงก็ควรจะสีผิวไม่ต่างกันนักก็เถอะ  "ผอ.คเชนทร์"  พ่อของปูนิ่ม เป็นใบหน้าในบุคลิกสุภาพนุ่มนวล และรอยยิ้มละไมใจดีของ คุณทูน หิรัญทรัพย์  ส่วนตัวละครที่ชอบมากๆ คือ "เจ๊หงส์"  อ่านเจอปุ๊บเป็นหน้าคนนี้โผล่มาปั๊บเลย  ป้าตุ๊ก ดวงตาตุงฯ เท่านั้น

ชอบที่สุดคือความสัมพันธ์ของครอบครัวนาวามาศ  คือ เจ๊หงส์ เจ๊แกร่งผู้เป็นเจ้าแม่สะพานปลา  ลูกชาย-นายเข้แห่งฟาร์มปูนิ่ม และหลานชาย-นายโขง ที่เป็นนายเข้เวอร์ชั่นตัวลูก ประสบการณ์เสือผู้หญิงตัวน้อยยังอ่อนนิ่มและจะพัฒนาความกร้านของลวดลายไปเป็น "ตัวพ่อ" ในอนาคต

ชอบความสัมพันธ์ของ "ป๋าเข้"  กับเด็กป๋า "น้องผักบุ้ง"  นอกจากมันจะเป็นน้ำใสใจจริงที่อบอุ่นและน่ารักมากๆ แล้ว  ป๋าเข้ กับ น้องผักบุ้ง ยังได้ใจไปเต็มๆ กับคาแรคเตอร์มั่นใจ แบบที่เป็นตัวของตัวเอง รู้ดีว่าความจริงเป็นเช่นไร จึงไม่จำเป็นต้องแคร์สายตาหรือความคิดของใครคนอื่น ถ้าจะมีใครสักคนที่ผักบุ้งแคร์ ก็มีแต่คนที่เธอรักอย่างพี่กบเท่านั้น   ส่วนป๋าเข้ ไม่ต้องพูดถึง ไม่เคยมีสักคำที่เขาจะแก้ตัวเรื่องผู้หญิง (ในเมื่อมันก็จริง) ถึงจะชอบคุณครูปูนิ่มคนสวย แต่เมื่อเธอเป็นเด็กผอ. และตราบใดที่ไม่ได้ลงเอยคบหากัน เขาไม่ได้ทำผิดอะไรต่อเธอ (อันนี้คิดแทนแบบเข้าข้างพระเอกมาก)

แล้วยังชอบฝุดๆ เลยนะ เวลาป๋าเข้ เรียกน้องผักบุ้งว่า "หนอน"

ส่วนประเด็นที่ถูกพูดถึง กรณีที่นายเข้ ไปนอนกับผู้หญิงคนอื่นอีก ทั้งที่เพิ่งเลิกรากับนางเอก  ส่วนตัวไม่รู้สึกว่าไม่พอใจพระเอกแต่อย่างใด ไม่ใช่เพราะเหตุผล เลิกกันแล้ว เป็นโสดแล้วนี่เท่านั้นหรอกนะ แต่เป็นเพราะเราไม่ค่อยอินกับความรักของคนคู่นี้  ไม่รู้สึกถึงความพิเศษที่ทำให้ปูนิ่มเป็น 'รักแท้' ของนายเข้  เหมือนเป็นผู้หญิงสวยคนหนึ่งที่นายเข้ชอบ ต่อมานายเข้ก็รัก แล้วก็อยากผูกพันด้วย รู้สึกแค่นั้นเอง แล้วปูนิ่มก็มีท่าทีพึงพอใจนายเข้ในแบบที่เขาเป็น  มันไม่มีความยากที่ว่านางเอกเซย์โนไม่เอาเด็ดขาดผู้ชายเจ้าชู้  ให้นายเข้ต้องลำบากกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเพราะก็ไม่อาจแก้ประวัติไม่ดีของตัวเองได้  ไม่มีเรื่องโกรธเคืองเข้าใจผิดในช่วงคบกันมาซ้ำเติมให้เรื่องมันยากว่า  นี่ไงล่ะ สันดานผู้ชายเจ้าชู้ ถ้ารักแล้วต้องเจ็บต้องช้ำ ยังจะเอานายเข้อีกหรือ มันจึงเรียบง่ายกว่ามากเมื่อต่างคนต่างไม่มีพันธะและมีหัวใจตรงกัน

ก็ไม่เห็นเธอจะโกรธที่นายเข้ไปนอนกับผู้หญิงคนอื่นนี่นะ คงจะเข้าใจว่า.. นั่นคือชีวิตของเขา และเราก็เลิกกันแล้ว  เมื่อไม่ได้ใส่ความยากลำบากให้กลายไปเป็นรักดราม่าของชายเจ้าชู้ กับธรรมชาติของหญิงทุกคนที่ต้องการจะเป็นรักแท้เพียงรักเดียวของผู้ชายคนหนึ่ง  เนื้อเรื่องจึงค่อนข้างเบาสมองดี

แม้ว่าความรักของนายเข้ กับ ปูนิ่ม จะราบรื่นไปสักหน่อยในความรู้สึก  แต่หากมองกันที่การร้อยเรียงเรื่องราว ถือเป็นนิยายอ่านสนุกเรื่องหนึ่ง  มี 'จุดเกิดเหตุ'  เป็นระยะๆ ให้เรื่องราวมีความน่าสนใจอยู่เสมอ  ทั้งเรื่อง ความสัมพันธ์พ่อลูกของปูนิ่มกับ ผอ.คเชนทร์ ที่ถูกเข้าใจผิดเป็นเรื่องซุบซิบฉาวโฉ่  และเป็นเส้นบางๆ ขีดคั่นอยู่ในหัวใจของนายเข้ ..ปีนดีมั้ยหว่า  หรือ ไม่ปีนดีกว่ามั้ง (ต้นงิ้วน่ะต้นงิ้ว)  ทั้งปัญหาความขัดแย้งในโรงเรียนชลพิทักษ์ และความยุ่งยากที่มีเข้ามา เมื่อ แม่ของโขง โผล่หน้ากลับมาหา และทำท่าว่าต้องการจะเป็นลมรักที่พัดหวน

ถ้าหากชายเจ้าชู้อย่างนายเข้จะเคยเท่อย่างไรที่เป็นมา แต่ฉากที่นายเข้เปิดอกคุยกับลูกชายเรื่องแม่ของลูก เหตุผล และ การตัดสินใจ .. เป็นความเท่อันดับหนึ่งเหนือการกระทำอื่นๆ แม้ความเท่ตอนบอกกล่าวการตัดสินใจกับปูนิ่มอย่างจริงใจยังต้องชิดซ้ายไปเลย

ลูกผู้ชายในความคิดของเรามีลักษณะอย่างนี้  รัก คือ ความสำคัญ  แต่ถ้าบางสิ่งบางอย่างก็สำคัญ รักย่อมไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิต เรามักจะชอบแนวคิดแบบนี้ มากกว่าแนวเกิดมาเพื่อรักเธอเท่านั้นจนเสียสละได้ทุกสิ่งเพื่อเธอ   ต่อให้เหตุที่ต้องวางความรัก  ไม่ใช่ ลูก แต่เป็นเรื่องอื่น เช่น ความฝัน  ความมุ่งมั่นตั้งใจ หรืออะไรก็ตามที่มีน้ำหนักความสำคัญก็ตามเถอะ

แต่.. ก็ไม่ได้หมายความว่าการเสียสละอะไรบางอย่างที่สำคัญเพื่อความรักมันไม่เท่นะคะ  ขึ้นอยู่กับเหตุผลและเรื่องราวแต่ละเรื่องมากกว่าที่จะบอกได้ว่า  เลือกความรัก หรือ ทิ้งความรัก อย่างไหนมันเท่มากกว่ากัน

อีกหนึ่งเหตุผล ที่ทำให้งานเขียนในนามของ "อุธิยา" เข้ามาอยู่ในใจตอนนี้ คือเรื่องของการสร้างบรรยากาศแวดล้อม  อย่างเรื่อง "ลมไพรผูกรัก" ก็ชอบเรื่องในแวดวงงานป่าไม้และแนวคิดเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ  มาเรื่องนี้ การเขียนบรรยายสภาพแวดล้อม ก็ให้ภาพสังคมต่างจังหวัด สังคมคนทำงาน ในแง่มุมที่รู้สึกว่ามันเป็นธรรมชาติที่ใกล้เคียงความเป็นจริง  การสนใจเรื่องของชาวบ้าน เรื่อง ซุบซิบนินทา ลักษณะของคนหลายแบบ  หรือการสอดแทรกวิธีการเลี้ยงปูนิ่ม วิถีของธุรกิจทำฟาร์มปู ทำให้พอเข้าใจมองเห็นเป็นภาพคร่าวๆ  และพลอยได้ความรู้ไปด้วย   อีกทั้ง กรณี หนุ่มๆ โฉด โสด และไม่โสด นัดแนะตั้งวงกินเหล้าหลีนารี  ภาษาพูดจาระหว่างกัน  สำนวนจีบหญิง คำแซวสองแง่สามง่าม อารมณ์ครึ้มอึกครึ้มใจของชายครื้นเครง  ขอบอกว่ามันเนียนเป็นธรรมชาติมากนะนั่น  ไม่งั้นเราไม่นึกถึงพี่ๆ พวกนั้นขึ้นมาหรอก  มุกหลีต่างๆ มันได้มาก  มั่นใช่มาก

เขียนเก่งค่ะ ทั้งสามเรื่องที่อ่าน แม้ไม่ได้ถูกใจทุกจุด แต่ชอบจุงเบย จะติดตามผลงานต่อไป

 

 

หมายเหตุ : นิยายไม่ค่อยได้บรรยายอะไรถึงทะเลหรอกนะคะ เพียงแต่ชื่อเรื่องทำให้นึกถึง ภาพ 'ริมเล' ทั้งหมดเป็นภาพถ่ายของเราเองจากทริปเกาะหลีเป๊ะ ปี 2553 ค่ะ แม้จะไม่ได้ไปทะเลบ่อยนัก แต่ในบรรดาทะเลที่เคยไปมา ทะเลหลีเป๊ะเป็นความงดงามของธรรมชาติที่ประทับใจมาก จำได้ว่าการถ่ายภาพกลางทะเลขณะล่องเรือเป็นเรื่องยากมาก เพราะกล้องแทบโฟกัสไม่ได้ เส้นขอบฟ้าก็เจือจางแทบมองไม่เห็น มันเหมือนเป็นภาพผืนเดียวที่ไม่มีความแตกต่างระหว่างน้ำกับฟ้า   เราไม่รู้หรอกว่าทะเลขึ้นชื่อที่อื่นๆ จะสวยงามไม่แพ้กันหรือเปล่า แต่จนถึงตอนนี้เราก็ยังยกให้หลีเป๊ะเป็นทะเลแห่งความภาคภูมิใจของชาติอยู่เลยนะ ...   ไว้อย่าลืมหาโอกาสไปเที่ยวกันบ้างนะคะ

 

 

 

 




 

Create Date : 02 มีนาคม 2557    
Last Update : 6 มีนาคม 2557 0:51:15 น.
Counter : 2743 Pageviews.  

เงารักซ่อนใจ.. เรารักเขาข้างเดียวเหมือนเกลียวเชือก

 

 

 

ใครบางคนเคยบอกไว้ว่า การรักใครสักคนไม่จำเป็นต้องใช้ความพยายาม

แต่การจะตัดใจจากเขาคนนั้นต่างหากที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก


เช่นเดียวกับ ปลายฝัน หญิงสาวที่แอบรักผู้ชายคนหนึ่ง

ผู้ชายที่เป็นเจ้าของรอยยิ้มสดใส ผู้ชายที่เป็นเจ้าของหัวใจของเธอ

แต่น่าเสียดายที่รอยยิ้มนั้นกลับมีไว้ให้ผู้หญิงอีกคน

และสำหรับเธอ...ก็เป็นได้แค่เพียง “เงา” ของผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงที่เขารักสุดหัวใจ...

หลายครั้งที่เธอพยายามตัดใจจากเขา แต่กลับพบว่ามันช่างยากเย็นและเจ็บปวด

ดังนั้นสิ่งที่เธอพอจะทำได้ก็คือเก็บทุกความทรงจำ ทุกความรู้สึกอันงดงามเหล่านั้นไว้...

เรื่องมีอยู่ว่า "ปลายฝัน" แอบหลงรัก "วายุ" มานานหลายปี ตั้งแต่ตอนเป็นเพื่อนแรกรู้จักกันใหม่ๆ ในรั้วมหาวิทยาลัย แต่ความสัมพันธ์ในตอนนั้นก่อนที่จะแยกจากกันไป อย่าว่าแต่โอกาสจะพัฒนาไปเป็นอย่างอื่นที่แทนกันด้วยคำว่าแฟนเลย แค่ความเป็นเพื่อนก็ไม่ทันถึงขั้นความสนิทสนม เพราะตั้งแต่วายุได้พบกับ "ปลายฝน" พี่สาวของปลายฝัน  เขาก็ไม่เหลือสายตาไว้เหลือบแลหญิงอื่นใด  และปลายฝันก็ต้องถอยห่างจากวายุไปโดยปริยายเมื่อเขากลายเป็นชายคนรักของพี่สาวตัวเอง และหมั้นหมายกันช่วงเรียนอยู่ปีสุดท้าย

ระยะทางอาจพอช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้

 เมื่อเรียนจบมหาวิทยาลัย ปลายฝันจึงตัดสินใจไปเรียนต่อในต่างประเทศ 

แต่แล้ว ความรักของวายุก็พังทลาย เมื่อปลายฝนเปลี่ยนใจไปแต่งงานกับชายคนอื่น (ที่ดีกว่า)

แต่มีบางเหตุทำให้.. คนที่วายุชิงชัง รังเกียจ ไม่ใช่คนพี่ แต่กลับกลายเป็นคนน้อง  

ปลายฝัน คือคนที่เขาตราหน้าว่าเป็นต้นเหตุทำลายความรักระหว่างเขากับปลายฝน

ผู้หญิงฟุ้งเฟ้อ มักได้ เห็นแก่เงิน คนที่วายุไม่ต้องการแม้แต่จะเห็นหน้าหรือเสวนาด้วย

ทั้งที่สำหรับปลายฝันแล้ว  มันไม่มีอะไรที่่เป็นความผิดของเธอเลย

และเธอก็ไม่เคยเข้าใจท่าทีปฏิปักษ์ของวายุว่ามันเป็นเพราะสาเหตุใด

แต่ถึงเขาจะโกรธเกลียด ชิงชังอย่างไร หัวใจเจ้ากรรมของปลายฝัน

ไม่เคยลืมผู้ชายคนนั้นได้เลย  ยังคงรักเขา ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานเพียงไร

และแม้เธอจะยังเป็นได้แค่ "เงา" ของพี่สาวแสนดี..เป็นแค่นั้น

รัก  ก็ยังรัก  ไม่อาจจะบังคับฝืนใจให้ลืมเลือน

แต่ ยอมรับได้หรือ กับการได้เป็นแค่ "เงา" ของใครอีกคน

เป็นผลงานเรื่องที่สองของ "ติญญา" ที่ได้อ่านและเพิ่งแนะนำเพื่อนไป ว่าเป็นแนวปวดใจที่น่าจะชอบ  บ่ายวันนี้เพื่อนมาเอาหนังสือ จึงมีของ ติญญา ติดไปด้วยสองเล่ม พร้อมด้วยคำโปรยสรรพคุณ  'ออกแนวมุกนิยายยุคเก่าๆ หน่อยนะ ประเภทพระเอกชิงชังรังเกียจนางเอกน่ะ'  แนะนำ กับดักร้ายกลายรัก ว่าสนุกกว่า  แต่ดูเหมือนว่าเพื่อนจะชอบพลอต เงารักซ่อนใจ มากกว่า  เพราะตอนนั่งเขียนบล็อกอยู่นี้  เพื่อนไลน์มาบอกว่า กำลังอ่านเรื่องนี้อยู่  และ  'เกลียดพระเอก ..... โง่'

เอ่อม.. น้ำหนักของถ้อยคำ มาเต็ม!

ก็ไม่เถียงหรอกนะ  แต่ถึงอย่างไรเรื่องนี้โดยรวมก็ยังให้ความรู้สึกปวดใจ

พระเอกโง่น่ะ  ไม่เท่าไหร่หรอกนะ   ยังพอรับได้ ตามประสาคอนิยายน้ำเน่า

แต่เราดันมีปัญหากับพระเอกเรื่องอื่นน่ะสิ  ตามที่ได้ไลน์ตอบเพื่อนไป

'เงารักซ่อนใจ  ไม่ชอบที่พระเอก  ไม่มีศักดิ์ศรี'

'ผู้หญิงเขาแต่งงานไปแล้ว  ยังจะอาลัยอาวรณ์อะไรอีกมากมาย'

'รักเดียวใจเดียวน่ะฉันชอบ  แต่รักเดียวใจเดียวกับคนที่มีเจ้าของแล้ว' 

'ฉันรับไม่ได้.... โง่'  (นี่ก็อินเอามากไม่ได้น้อยหน้าเพื่อนเลย อิอิ)

การวางพลอตเรื่องน่าสนใจดีทีเดียว สำนวนยังคงให้ความรู้สึกปวดใจเช่นเดิม แต่มุกพระเอกเข้าใจผิด โกรธเคือง โมโหเหวี่ยง แล้วทำนางเอกของเราเสียสาวเนี่ย เจอไปแล้วสองเรื่องยังโอเคอยู่ แต่ถ้ามีเรื่องที่สามจะถือว่าซ้ำ ความซ้ำทำให้ความน่าสนใจลดน้อยลง  ก่อนหน้านั้นกำลังคิดจะอ่านเรื่องที่นางเอกชื่อ ณ จันทร์ แต่อ่านพลอตแล้วก็ชักจะรู้สึกว่าน่าจะออกแนวเดียวกันอีกหรือเปล่า ก็ยังอยากอ่านค่ะ เพราะเป็นแนวที่ชอบอยู่ แต่ถ้าคล้ายๆ กัน ก็คงต้องรอจังหวะห่างหายไปสักพักก่อนค่อยกลับมาอินกันใหม่

โดยปกติเราเป็นคนชอบแนวแอบรักนะคะ เคยรู้จักกันมา เคยสนิท เคยผูกพันอะไรทำนองนั้น แต่นั่นเป็นเพราะเราชอบ ณ จุดๆ หนึ่งในอารมณ์ของคนแอบรัก และคนไม่รัก ...มักจะมีช่วงจังหวะหนึ่งที่คนไม่รักเริ่มรู้สึกตัวแล้วว่ารัก คนไม่ยอมรับ เริ่มยอมรับว่าไม่รักไม่ได้แล้ว   แต่เมื่อถึงเวลานั้น ฝ่ายที่แอบรักก็เหนื่อยมามากแล้ว พอแล้ว .. นั่นจะเป็นช่วงคร่อมจังหวะผิดเวลาที่เราจะชอบมากเป็นพิเศษ   ในเรื่องนี้ ก็เกือบจะเข้าข่ายนั้น  ถ้าเพียงแต่ว่าพระเอกนางเอกจะไม่ทำให้เสียอารมณ์ไปซะก่อนเพราะความรักที่ออกจะเยอะไปสำหรับเรา 

นั่นคือ พระเอกที่ยังห่วงใยใส่ใจแฟนเก่าที่เขาไปแต่งงานกับคนอื่น ยังแคร์มากมาย มันเยอะไป  ถ้าพระเอกไม่ได้อะไรแล้วกับคนพี่ แต่บังเอิญเพิ่งได้มาเจอคนน้องอีกครั้ง จึงยังหวนหาอาวรณ์ความทรงจำครั้งเก่านั่นก็พอจะเข้าใจ แต่ยังคงอาลัยกับปัจจุบันตัวเป็นๆ เนี่ย ... แอบเคืองเหลือหลาย  

 นางเอกรักพระเอกข้างเดียวก็ปวดใจจี๊ดๆ อยู่หรอก แต่เขาไม่รักไม่แยแสขนาดนี้  ยังทุกข์ทนทรมาน ยอมอยู่ได้ .. นี่ก็ออกจะมากไปนิด

เพราะสำหรับเรา ความรู้สึก มากไป มันดันไปลากเอาคำว่า "ศักดิ์ศรี" พ่วงมาด้วย  ซึ่งจุดนี้ต้องถือเป็นทัศนคติส่วนตนนะคะ (ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลมากน้อยของแต่ละคนที่ชอบหรือไม่ชอบนิยายเรื่องหนึ่งๆ)  ความรู้สึกรักมันห้ามใจกันไม่ได้ก็จริง ... แต่มันเป็นสิ่งจำเป็นต้องทำ ทำไม่ได้ก็ต้องเสแสร้งแกล้งทำ จะแสดงออกว่าห่วงใยใส่ใจทั้งที่นางมีสามีมีความสุขขีสโมสรดีไปแล้ว มันจะได้ยังไงกัน ไหนจะเรื่องความเหมาะความควรอีก  แล้วนางเอกเนี่ย ถ้าต้องทนทุกข์และเจ็บปวดขนาดนั้น  ยามโกรธเคืองกัน อยากให้ระดับความมาก ความยากมันพุ่งกว่านี้หน่อย  ไม่ใช่เขาง้อนิดๆ หน่อยๆ ก็โอ้ละเห่ โอเคเถอะเรา

ก็นะ ... รู้อยู่หรอก ผู้หญิงเราเล่นตัวมากก็ไม่ดี 

แต่ ณ จุดนี้  แบบว่า .. เค้าอยากได้ความสะใจ

อ่านแล้วจึงมีความรู้สึกอึดอัดกับพระเอกนางเอกอยู่บ้างค่ะ 

แต่โดยรวมแล้วก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกผิดหวัง ได้อารมณ์ชอกช้ำสมใจอยาก 

ตัวละครที่ชอบคือ  "ลม"    นั่นล่ะ  เป็นพระรองมันต้องอย่างนั้นเลยพวก

อย่าได้แสนดีอย่างเดียว ต้องแสบๆ คันๆ เอาคืนพระเอกนิสัยไม่ดีเสียบ้าง

อ่านนิยายเรื่องนี้แล้วได้ข้อคิดอยู่สองสามอย่างนะคะ 

อย่าด่วนตัดสินใครเร็วเกินไป เพียงเพราะภาพที่ได้เห็น คำพูดที่ได้ยิน เพราะบางทีมันอาจไม่ได้เป็นเช่นนั้นตามภาพ ตามถ้อยคำเหล่านั้นเสมอไป ตาไว หูเบาเกินไปมักให้โทษ

อย่าปากพล่อย  แม้ว่าบางครั้งจะไม่ได้ตั้งใจ หรือไม่ทันได้คิดถึงผลของมัน แต่เพราะคำพูดบางคำนั้น มันอาจสามารถทำลายชีวิตคนอื่นได้ ดังนั้นก่อนจะพูดอะไรออกไปควรไตร่ตรองให้ดี ถึงได้มีคำกล่าวที่ว่าคิดก่อนพูดไงล่ะ

ความรักเป็นสิ่งห้ามกันไม่ได้  เพราะเรื่องนี้คือนิยาย รักจึงลงเอยได้ง่ายแฮปปี้เอนดิ้ง  แต่ถ้าเรามาพูดถึงชีวิตจริงกันบ้าง  ไม่เถียงน่ะว่าความรักเป็นสิ่งสวยงาม  แต่เอาเหรอ ที่จะรักคนๆ  นึงที่เขาไม่รักเราอยู่ได้มากมายหลายปี

 เรารักเขาข้างเดียวเหมือนเกลียวเชือก เขารักเราเผื่อเลือกหารู้ไม่... แม้กระนั้นก็จะรักเธอต่อไป เพราะหัวใจดวงนี้มีเพื่อเธอ

 เรารักเขาข้างเดียว เหมือนเกลียวเชือก เขารักเราเผื่อเลือกหารู้ไม่ เขาไม่รักเราแล้วก็แล้วไป ...อย่ารักเขาต่อไปก็แล้วกัน

ความรู้สึกนี้ก็คงขึ้นอยู่กับแต่ละหัวใจของคนแอบรักที่ต้อง .... เลือกเอา

การลืมใครสักคนที่เรารักเป็นเรื่องยาก .. ก็จริง

แต่มันก็ยากเหมือนกันล่ะนะ  กับการจะรักใครข้างเดียว..อย่างมีความสุข

โดยเฉพาะ  ถ้าใครคนนั้น  ดันเป็นคนที่มีเจ้าของหัวใจ 

ในเมื่อไหนๆ  มันก็ต้องยากอยู่แล้ว

จะยากเอาสุขสักวัน  หรือจะยากเอาทุกข์ต่อไป ..

ตัวใครตัวท่านล่ะนะ ถ้าหากวันหนึ่งได้ตกหลุมแอบรัก.. ข้างเดียว 

( .. อิอิ เราเคยมาแล้ว )

 




 

Create Date : 01 มีนาคม 2557    
Last Update : 3 มีนาคม 2557 18:28:26 น.
Counter : 20906 Pageviews.  

ลมซ่อนรัก_โอบล้อมใจด้วยสายลมเดียว

   

 

ภัทริน หญิงสาวผู้อ่อนต่อโลก หลงคิดว่าเพื่อนชายมอบความรักให้ด้วยใจจริง

มารู้ตัวว่าถูกเขาหลอกใช้เป็นเครื่องมือ ก็เมื่อวันต้องรับชดใช้ในสิ่งที่เขาใส่ร้ายป้ายสี

วันเวลาที่ซมซานกลับบ้านเกิดที่เมืองเหนือไปพักรักษาแผลใจ

ภัทรินได้รับข้อเสนอจาก ปราณนต์ คุณหมอผู้มีอุดมการณ์

ให้แต่งงานหลอก ๆ กับเขาเพื่อตบตาบิดา

แลกกับเงินก้อนใหญ่ให้หญิงสาวนำไปใช้หนี้

ภัทรินตกสู่วังวนของการหลอกลวงอีกครั้ง...

หลอกพ่อแม่เพื่อนพ้องของทั้งสองฝ่ายว่าได้ร่วมหอลงโรงกันนั่นหนึ่งละ

สองคือหลอกตัวเองว่าไม่ได้รักกัน...แต่จะทำได้ง่าย ๆ หรือ

การหลอกลวงยังคงเกิดต่อเนื่องไม่จบสิ้น

จนกว่าคนทั้งคู่จะจูงมือกันเดินไปจนสุดทางรัก...

เอาเถอะนะ ถึงแม้พระเอก  ปราณนต์ จะเป็นหมอ โดยไม่มีฉากอะไรเกี่ยวกับการเป็นหมอหรือการรักษาพยาบาลใคร เว้นแต่ตอนพบเจอกับนางเอก ภัทริน ที่โรงพยาบาลตอนนางไปถอนฟัน หรือ ตอนทำแผล ปฐมพยาบาลกันบ้าง (รักษานางเอกอยู่คนเดียวนี่แหละ) เราก็ยังชอบที่พระเอกนิยายจะมีอาชีพเป็นหมอกันบ้างนี่แหละ

คำโปรยปกหลังทำดีแล้ว เพราะไม่ชี้โพรง ความลับให้กระรอกได้เห็นร่องรอย "ไคลแมกซ์"

แต่ก็อย่ามาหลอกกันซะให้ยาก  เพราะหลังจากเกิดความสงสัยขึ้นตั้งแต่ในตอนพิธีแต่งงาน

เรื่องลวงหลอกต่างๆ ที่ตามมายิ่งทำให้ข้อสงสัยชวนเชื่อมากขึ้นเรื่อยๆ 

แม้ครั้งหนึ่งจะเกิดอาการลังเลเล็กน้อย หรือที่เราเข้าใจมานั้นมันผิดหว่า

จะพลิกพลอตแน่หรือ  กล้าจริงง่ะ  ..เฮ้ย ... เอาจริงดิ ?

แต่..ด้วยความเชื่อมั่นในความเป็นนิยายไทย

"นางเอก"  "พระเอก"  "ความรัก"

ย่อมยากจะถูกบิดพลิ้วให้เป็นไปทางอื่น  คนอื่น

จึงยังคง "ปักใจ" เชื่อตามความรู้สึกต่อไป 

แล้วก็เห็นมั้ยล่ะ  ถูกเผง.....!

เวลาที่เก็งหวย ทำไมเก็งไม่ถูกอย่างนี้บ้างนะเนี่ย

ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ได้ทำให้อรรถรสความสนุกในพลอตของนิยายสูญเสียไป

เพราะต่อให้เชื่ออย่างสุดใจ  แต่ก็ไม่รู้เหตุผลอยู่ดีว่า ทำไม  Smiley

ทำไมต้อง ตบตา กลิ้งกลอก หลอกลวง ทรยศ กันอย่างนั้นด้วย

 

โอเค  เก็ตละ  เข้าใจการเฉลยเผยไต๋ของเรื่องราว

แต่ .. ก็แล้วทำไมเรื่องหลอกลวงนี้ ต้องเหมารวมใครคนหนึ่งอยู่ในหมู่ผู้ถูกหลอกด้วย

คิดตบขวา ตลบซ้าย ก็ไม่เห็นจะเข้าใจเลยว่า  ถ้าคนๆ นี้ รู้แล้ว

จะส่งผลได้ผลเสียต่อเรื่องราวความลับที่ต้องการปกปิดมากน้อยที่ตรงไหน

หลอกกันทำไม   ไม่เข้าใจ      ถ้าคนใกล้ชิดรู้กันได้สี่คน 

แล้วเห็นอีกคนเป็นคนอื่นหรือไร ถึงไม่ต้องการให้มีส่วนร่วม

เสี่ยงบอกกันไม่ได้ เพราะกลัวจะเผลอมีพิรุธให้คนอื่นจับได้งั้นหรือ  (เข้าใจว่างั้นนะ)

แต่ดูน้ำหนักความได้เสียแล้ว  ไม่เห็นจะคุ้มกับการลงทุนสับรางหลอก 

นี่หรือความรัก  ปล่อยให้คนที่รักทั้งคน ต้องอยู่กับความสับสน เจ็บปวดเสียใจเนี่ยนะ   พิลึก!

ถ้าเราเป็นคนถูกหลอกในกรณีนี้นะ  ก่อนจะเชิดหน้าสะบัดหน้าหนี

ต้องมีตบสักฉาดสองฉาดเพื่อเอาคืนกับการเสียความรู้สึก แม้ว่ามันจะชดเชยกันไม่ได้

หลอกเรื่องอย่างนี้ กับคนที่อุตส่าห์รักและห่วงใย  เอามีดมาแทงกันเลยยังเจ็บน้อยกว่า

คุณอาจจะงงๆ นะคะ ว่ายัย prysang กำลังพล่ามอะไร (555) ก็จะทำไงได้ละคะ มันเป็นพลอตสนุกที่ไม่ต้องการจะสปอยล์แม้เพียงนิดน่ะค่ะ   เผลอถูกผู้เขียนหลอกก็สนุก  หรือต่อให้ไม่เผลอก็ยังจะสนุกได้ เพราะคุณคงจะไม่เข้าใจเหตุผลของการกระทำทั้งหมดจนกว่าจะได้รับการเฉลยอยู่ดี  จุดนี้ผู้เขียนเก่งค่ะ และน่าจะเป็นจุดที่นำไปสร้างละครได้สนุกด้วย  ทราบว่าเป็น  ณเดช  น้องแต้ว-ณัฐพร  น้องแพทริเซีย  ส่วนตนคิดว่าทีมแคสติ้ง ตาแหลมใช้ได้เลยล่ะ  เพราะในบรรดานักแสดงชายรุ่นที่เข้ามาพร้อมๆ กัน ในเรื่องของฝีการแสดงเนียน ยกให้ ณเดช มากกว่าใครอยู่แล้ว    ส่วนน้องแต้วก็พัฒนาขึ้นมามากในช่วงหลังๆ มานี้  ได้ณเดชมารับบท พระเอกฝาแฝด ปราณณต์ กับ ปราณ  ส่งเสริมบารมีแก่กันด้วยความขาวใสน่ารักของน้องแต้วผู้รับบท ภัทริน หากได้ออกอาการแก่นนิดๆ เจ้าแง่แสนงอนเล็กน้อย เชื่อว่าจะต้องเป็นคู่สร้างคู่สมที่น่ารักน่าเอ็นดูแน่ๆ   ส่วนแพทริเซีย ผู้รับบทอัณณา อีกหนึ่งนางผู้เข้ามามีส่วนพัวพันในความรักให้สับสน   บังเอิญมากที่โทนหน้าตาของเธอมาแนวเดียวกันกับอัณณาในจินตนาการของเราเลย 

ลมซ่อนรัก จึงถือเป็นพลอตนิยายที่มีปมเรื่องชวนสนใจติดตาม เหมาะกับการขยายรายละเอียดสร้างเป็นละครมากค่ะ  (ถ้าผู้กำกับกับคนเขียนบทเค้าจะทำให้สนุกน่ะนะ)

ความโดดเด่นในใจสำหรับนิยายเรื่องนี้มีอยู่สองประการ  คือ

ความลับ  Smiley  ลวงหลอกไม่จบไม่สิ้น  

ที่ละไว้ในฐาน..ไม่สปอยล์ (มารยาทการรีวิวที่แทบไม่เคยจะหาได้จาก prysang  Smiley )

ความรัก  Smiley  ชอบทุกบททุกตอนที่พระนางเค้ามีกัน 

ด้วยหลากหลายอารมณ์ หวานฉ่ำ กุ๊กกิ๊กน่ารัก  ขมเศร้า  เคล้าน้ำตา และ.. ฮาครืน

"เพราะว่ามันเป็นข้อเสนอที่คุณไม่มีวันเสียเปรียบ"

"เวลาแบบนี้จะมีอะไรน่าทำมากไปกว่า .. นับซอง"

"มาจูบกันไหม"  (เอ๊ยยย Smiley เขินนะ)

 สำนวนภาษาก็สละสลวยสวยงาม  ยกตัวอย่างบทบรรยายนะคะ 

...ทุกลมหายใจเข้าออกถูกหล่อเลี้ยงไว้ด้วยน้ำตา หัวใจยังเต้นเพราะมันบีบรัดหนักหน่วง สวนสวรรค์อันสวยงามไม่ผิดอไรจากสุสานที่ปกคลุมด้วยหมอกเทาหม่นหมอง...

..ก้มลงจูบรับขวัญละมุนบนกลีบปากนุ่ม ไม่ผิดผีเสื้อจุมพิตกุหลาบงามสีสด ดวงตาคู่สวยค่อยปิดลงโอนอ่อนสูญสิ้นเรี่ยวแรงทรงตัวหยัดยืน ดอกไม้งามในมือร่วงกระจายแทบเท้าพวกเขาทั้งสอง สนิทแนบเนิ่นนานราวผืนดินเล็กๆ นี้คือสวนสวรรค์...

เป็นสำนวนที่มีกลินไอของบทกวีน่ะค่ะ  "โอนอ่อนสูญสิ้นเรี่ยวแรงทรงตัวหยัดยืน"  แหม มันพลิ้วซะจริง  หรือจะเรียกตามคำนำสำนักพิมพ์ก็ได้ที่บอกว่า 'นราเกตต์ เรียงร้อย ลมซ่อนรัก ด้วยสำนวนภาษาพริ้งพราย'  จะพบลักษณะ 'พริ้งพราย' ที่ว่านี้อยู่ตามบทบรรยายความรู้สึกนึกคิด แต่เนื่องจากในฉากบรรยายฉากสถานการณ์ต่างๆ ยังต้องอาศัยความปกติธรรมดา เพราะคงไม่ใช่อารมณ์สอดคล้องกับการจะใช้คำรุ่มรวยอยู่ตลอด บางครั้งจึงทำให้รู้สึกว่าภาษามันไม่สม่ำเสมอ  ซึ่งโดยส่วนตนก็จะชอบการบรรยายแบบเรียบง่ายมากกว่า  เหมือนดูลิเกค่ะ  เป็นคนที่ชอบดูลิเกมาก  แต่จะชอบตอนลิเกพูดมากกว่าตอนลิเกร้อง ทั้งที่นั่นคือเอกลักษณ์ของลิเก ก็ถ้าลิเกไม่ร้องแล้วจะเป็นลิเกได้ยังไง  ต่างกับตอนดูโขน ชอบการบรรเลงปี่พาทย์ร้องขับเสภาของโขนมาก ฟังแต่ต้นจนจบสองสามชั่วโมงไม่มีเบื่อ ทั้งที่ก็เป็นการร้องเหมือนกัน  ชอบการร้องโขน แต่ไหงไม่ชอบการร้องลิเก  (555 อาจจะเป็นคนพิลึกที่เข้าใจยากสักนิดนะคะ เพราะเราก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน  ) อย่างในนิยายเรื่องนี้ ก็เฉยๆ กับสำนวนพริ้งพรายที่ว่า แต่ในส่วนของบทกลอนกลับชอบมากค่ะ ผู้เขียนนราเกตต์ใส่มาในแต่ละช่วงจังหวะได้เข้ากับบรรยากาศเสียงซึงแว่วหวานมาจากอารมณ์บรรเลงของคุณพระเอก

หึ...เป็นหมอ  สูง หล่อ ฝีปากกล้า แต่ อัธยาศัยดี มีฐานะ ชาติตระกูล แต่ชอบชีวิตสมถะ พอเพียง รักธรรมชาติ รักเสียงดนตรี เป็นพ่อบ้านพ่อเรือน ..เพียบพร้อมเว่อร์ในความเรียบง่ายเช่นนี้ จะหามีได้จากที่ไหน

บัวบานบานปริ่มน้ำ                กลางบึง

โสมส่องส่องคล้ายคลึง           อยู่ใกล้

ตีคลื่นคลื่นเคลื่อนถึง        ริมฝั่ง ชลเฮย

จันทร์จากจากบึงไซร้        แนบไว้เพียงเงา

เหมือนพลัดพลัดพรากร้าง         เรียมลา

คล้อยค่ำค่ำนภา                  หม่นเศร้า

ซึงแว่วแว่วลมพา                   เพลงโศก

บาดจิตจิตรุมเร้า            กร่อนเนื้อดวงใจ

จากสำนวนที่อ่านและการยกบทกลอนมาร่วมร้อยอารมณ์  ทำให้เดาเอาว่าผู้เขียนน่าจะเป็นคนรักบทกลอนกวีต่างๆ  ยิ่งพอได้ทราบภายหลังว่ากลอนเหล่านั้นในเรื่องได้แต่งเองด้วย ยิ่งชัดเลย  .. นั่นไง ใช่จริงๆ ด้วย ต้องเป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอนอยู่มิใช่น้อย  แม้ส่วนตนจะชอบภาษาเรียบง่ายบรรยายฉาดฉานมากกว่าตามความเคยชินส่วนใหญ่  แต่ก็ยังเห็นว่าสำนวนของคุณนราเกตต์แบบนี้ก็เป็นเอกลักษณ์ดี เหมาะแก่การแต่งนิยายรักหวานๆ โรแมนติก

โดยทั่วไปของเนื้อเรื่อง ก็ชอบความน่ารักของพระเอกนางเอกอยู่แล้ว  แม้จะแผ่วไปบ้างตามช่วงของดราม่า แต่ก็ไม่ถึงกับว่าความน่ารักจะขาดหาย  และอย่างไรก็ได้จ่ายคืนมาทดแทนด้วยสองตอนสุดท้ายที่ทั้งตลกแล้วก็น่ารักมาก

"นี่คุณ ฉันขอหย่าและคนขอหย่าเขาไม่นอนห้องเดียวกัน"

"ถ้าคืนนี้คุณแตะฉัน  คุณตายแน่"

"ถ้าไม่หยุด พรุ่งนี้เจอกันที่อำเภอ เข้าใจไหม"

"ผมจะไม่ทำผิดอีกแล้ว ภัท"

แต่ที่นางเอก ภัทริน ได้ใจไปสุดๆ คือ การตั้งชื่อลูก

ฮาดีค่ะ  .. เพราะในความหมายของชื่อ มีเจตนาชัดเจนมาก

ตลอดชีวิต  ตอกย้ำ  ยังไม่สาย  อย่าได้คิดลืม  

 

 




 

Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2557    
Last Update : 10 กุมภาพันธ์ 2557 23:58:21 น.
Counter : 1820 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  

prysang
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.