It's not easy to be me
Group Blog
 
All blogs
 

เรื่องสั้นแนวยูริ : ความหลัง ตอนที่ 6

ความหลังตอนที่ 6

ฉันถามพี่แมวว่าทำไมถึงได้มาเร็วขนาดนี้พี่แมวบอกฉันว่า ต้อบอกว่าฉันเข้าโรงพยาบาลต้อโทรไปหาพี่แมวที่กรุงเทพเพื่อส่งข่าว ตัวพี่แมวเองก็ ใจร้อนจึงได้ขับรถมาอย่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย เพื่อมาดู ว่าฉันเป็นอย่างไรบ้างมาถึงประมาณ ตี 2 ด้วยความที่ไม่รู้ว่า ฉันอยู่ห้องไหนและต้อก็ไม่ได้กลับบ้านจึงติดต่อไม่ได้ สอบถามพยาบาลก็บอกว่าหมดเวลาเยี่ยมแล้ว จึงนั่งรออยู่นอกตึกผู้ป่วยจนรุ่งเช้าจึงได้เข้ามาเยี่ยมฉัน และผลัดให้ต้อกลับบ้านไปอาบน้ำเพื่อไปโรงเรียน

ฉันเห็นแขนและขาของพี่แมวโดนยุ่งกัดเป็นรอยแดงๆ เต็มไปหมด และท่าทางอิดโรยของพี่แมว ใบหน้าที่เต็มไปด้วยแววกังวลฉันได้แต่ปลอบใจและให้กำลังใจว่าฉันไม่เป็นอะไรมากแค่เข่าซ้นเท่านั้น

“ใครว่าไม่เป็นอะไรฮึ หนุ่ย เจ็บมากใช่ไม๊ พี่หนะรู้นะว่าหนุ่ยเจ็บ แต่ไม่ยอมบอกพี่ ต้อบอกว่าหนุ่ยนอนร้องไห้ทั้งคืนเหรอค่ะ เจ็บมากไม๊ที่รักบอกพี่สิค่ะให้พี่ทำอะไรให้ได้บ้างพี่จะทำให้” ฉันจ้องไปในดวงตาของพี่แมวก็พบความจริงใจที่มีให้ฉันอย่างไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่ ไม่เจ็บมากหรอก เมื่อคืนหนุ่ยไม่ได้ร้องไห้นะ ฝุ่นเข้าตานะค่ะพี่ดูสิฝุ่นโรงบาลนะเต็มเลย”

“ไหนกัน เด็กบ้าโรงพยาบาลที่ไหนมีฝุ่นเกาะ คนไข้ก็ ติดเชื้อกันพอดี เด็กบ้า” ว่าแล้วก็ตีฉันที่ไหล่เบา 1 ที

“โอ๊ย ………. เจ็บนะ” ฉันส่งเสียงร้องเสียงดัง

“อุ้ย ขอโทษนะ ไอ้หนู เจ็บมากไม๊ค่ะ” สิ้นเสียงพี่แมวฉันก็คว้าตัวสุดที่รักฉันมากอด ๆๆๆๆ ให้หายคิดถึง คนที่ฉันอยากพบอยากเจอ อยากสัมผัส และในที่สุดฉันก็ได้พบได้เจอได้สัมผัส แม้ว่าจะต้องเก็บอาการไว้ก็ตาม

ฉันต้องเดินเข้าห้องน้ำด้วยความเจ็บปวด แต่ฉันก็สุขใจที่มีพี่แมวคอยดูแลฉัน ตลอดระยะเวลาที่อยู่ โรงพยาบาล 3 วัน ฉันมีพี่แมวดูแลตลอด เข่าฉัน อาการไม่ค่อยดี อักเสบ มากแต่ก็ต้องกลับบ้าน มาที่ต่างอำเภอ ฉันไม่ได้ไปโรงเรียน และพี่แมวก็ไม่ได้ไปเรียนเช่นกัน ฉันตัดสินใจที่จะสอบเทียบเพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปโรงเรียนอีก ส่วนพี่แมวจะต้องกลับไปสอบและจะกลับมาอีกครั้ง

เข่าฉันในที่สุดก็ต้องผ่าตัดเพื่อใส่เอ็นที่ขาด และฉันก็ไม่สามารถเดินได้ด้วยขาของฉันเอง มีรอยผ่าเข่าเป็นแนวยาว แต่ก็ไม่เจ็บมากเท่าเมื่อก่อนแล้ว ผ่านมาเป็นระยะเวลา 3 เดือน ฉันก็ยังไม่สามรถเดินได้เหมือนเดิม ต้องใช้ไม้เท้าพยุงเดิน ฉันไม่ได้ไปโรงเรียนอีกเลยนับจากวันนั้น ฉันสอบเทียบได้ครึ่งหนึ่งของวิชาที่ต้องสอบ และในเทอมหน้าฉันจะต้องสอบให้ผ่านอีก

………………………………………………………………

เวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว 2 ปี หลังจากเหตุการณ์นั้นที่ฉันต้องออกจากโรงเรียน ตอนนี้ฉันได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเดียวกับพี่แมวของฉัน แต่คนละคณะก็เท่านั้น พี่แมวอยู่ปี 3 ฉันอยู่ปี 1 ฉันมาอยู่กับพี่แมวที่ กทม.อาศัยบ้านพี่แมวอยู่ พี่แมวจะขับรถไปมหาวิทยาลัยทุกวัน โดยมีฉันนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถไปด้วยทุกวันเช่นกัน

ฉันกับพี่แมวอยู่ด้วยกันแบบคู่รักทั่วไป ไม่มีอะไรหวือหวา ฉันก็ยังเป็นคนเดิมเด็กคนที่ยังคงรัก และเทิดทูนพี่แมวของฉันตลอดเวลาไม่มีวันเปลี่ยนใจ ฉันรู้ว่าพี่แมวเป็นดาวของมหาวิทยาลัยตั้งแต่เข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัย แต่ฉันก็ไม่เคยสนใจที่จะใส่ใจใคร่รู้มากนักว่าพี่แมว จะเป็นอย่างไร ฉันสนใจเพียงว่าพี่แมวรักฉันฉันรักพี่แมวก็เท่านั้น

แต่ในความเป็นจริงไม่ใช่อย่างนั้น ฉันเด็กเกินไปที่จะเรียนรู้ว่า “ความรัก ไม่ได้มีเพียงแค่ คน สองคน ที่รักกัน” ยังต้องมีอะไรอื่นๆ อีกมากมายเป็นส่วนประกอบ เช่นครอบครัว สังคม และหน้าที่การงาน หลังจากที่พี่แมวเรียนจบ ครอบครัวพี่แมวต้องการให้พี่แมวไปทำงานกับครอบครัว ซึ่งพี่แมวก็ไม่ยอมบอกว่าอยากที่จะเรียนต่อ ฉันเห็นสีหน้ากังวลใจของพี่แมวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน ๆ

จนบางครั้งฉันกับพี่แมวมีปากเสียงกันบ้าง โดยฉันเป็นผู้ก่อเหตุทุกครั้ง เพราะความไม่รู้ของฉัน และเอาแต่ใจของฉันนั่นเอง

“พี่เป็นอะไรค่ะ ทำไมพี่ต้องมาทำหน้าบึ้งกับหนุ่ยแบบนี้ค่ะพี่ หนุ่ยทำอะไรให้พี่เหรอ หนุ่ยผิดหรือค่ะที่รักพี่ ผิดหรือค่ะ ที่ยังเด็กและไม่สามารถที่จะดูแลพี่ได้ตลอดเวลา” ฉันตัดพ้อในวันหนึ่ง

“ไม่หรอกคะ ที่รักที่รักไม่ได้ผิดอะไรเลยแม้แต่น้อย พี่ผิดเองที่เป็นแบบนี้พี่รักหนุ่ยนะค่ะ อย่าร้องไห้สิค่ะคนดีของพี่ อย่าร้องนะค่ะนิ่งซะ จำไว้อย่างนึงนะค่ะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จำไว้ว่าพี่รักหนุ่ยนะค่ะรักหนุ่ยคนเดียวเท่านั้น ร้องไห้ค่ะคนดี” พี่แมวโอบตัวฉันและลูบหัวฉันเพื่อปลอบใจทำอย่างที่เคยทำ ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ฉันอยู่ในอ้อมกอดของพี่แมวหญิงที่ฉันรักและเคารพมาโดยตลอด

“พี่พูดเหมือนพี่มีอะไรในใจอย่างนั้นแหละค่ะพี่ มีอะไรหรือเปล่าค่ะ บอกหนุ่ยได้ไม๊ หนุ่ยอยากรับรู้เรื่องของพี่บ้าง อยากเป็นคนที่พี่ไว้ใจบ้างนะค่ะ”

“ไม่มีอะไรหรอกนะคนดีไม่มีอะไรเลย นอนซะนะค่ะสอบวันสุดท้ายแล้วใช่ไม๊ พร้อมหรือยังเอาให้ได้เกรด A หมดทุกวิชานะ ถ้าได้ A ทุกวิชา พี่มีอะไรให้นะรับรองพิเศษสุดๆ นะรู้ไม๊ พรุ่งนี้พี่ไปส่งนะค่ะ นอนนะคนดี พี่ปิดไฟแล้วนะค่ะเช็ดน้ำตาซะ” พูดจบพี่แมวก็ลุกไปปิดไฟแล้วก็เดินกลับมานอน

……………………………………………

ฉันทำข้อสอบเสร็จก็รีบวิ่งลงมาหาพี่แมวที่รถ ฉันได้ยินเสียงพี่แมวคุยโทรศัพท์ แว่ว ๆว่า

“ ไม่ต้องรอหรอกค่ะ รอไปก็เท่านั้นแมวมีแฟนแล้ว แมวบอกคุณตั้งแต่ที่เราคบกันแล้วนี่ค่ะว่าเรานะไปกันไม่ได้ เราเป็นเพียงแค่เพื่อนกัน คุณเข้าใจไม๊ เค้ารักแมวและแมวก็รักเค้า ………… คุณอย่าทำแบบนั้นนะถ้าคุณบอกแม่แมวเรื่องหนุ่ย คุณรู้ไม๊ ว่าแมวจะไม่มีวันเจอหน้าคุณอีกเลย จำไว้ด้วย”

ฉันค่อยๆ เดินเข้ามาและได้ยินชัดขึ้นเรื่อยๆ จากใบหน้าที่มีรอยยิ้ม ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่เฉย และบึ้งตึง เดินเข้าไปด้วยใจที่รู้สึกว่าชาจนไม่รู้สึก เหมือนคนที่ตายแล้วเพียงแค่ได้ยินเท่านั้นฉันยังเป็นถึงเพียงนี้นี่ถ้าฉันเห็นจะเป็นอย่างไรกัน

“อ้าวหนุ่ย สอบเสร็จแล้วเหรอมาคะมาขึ้นรถ ทำไมหละทำไม่ได้เหรอ ทำไมทำหน้าแบบนั้นหละค่ะ มาขึ้นรถสิค่ะ พี่พาไปทานข้าวนะ”

ฉันเดินขึ้นรถไปอย่างคนที่หัวใจสลาย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง รู้แต่ว่าฉันตอนนี้ไม่ใช่หนุ่ยคนเดิมแล้ว ฉันเสียใจที่พี่แมวไม่เคยบอกฉัน ไม่เคยแม้แต่จะให้ฉันรู้ว่าพี่แมวมีอะไร กับใครมาก่อนหรือเพราะฉันผิดเองที่ไม่เคยถาม ไม่เคยอยากรู้เรื่องของพี่แมวฉันไว้ใจเกินไปหรือเปล่านะ ฉันได้แต่นั่งเงียบไปตลอดทางที่พี่แมวพามาทานข้าวก่อนจะกลับถึงบ้าน ฉันไม่รู้สึกหิว สมองมันชาไปหมด และคิดว่านี่เหรอคนที่ฉันรักคนที่ฉันรอคอยมานาน และวันนั้นตลอดเย็นจนถึง เข้านอนฉันไม่ได้พูดกับพี่แมวเลยแม้แต่คำเดียว

………………………………………….




 

Create Date : 02 ธันวาคม 2550    
Last Update : 2 ธันวาคม 2550 11:29:53 น.
Counter : 293 Pageviews.  

เรื่องสั้นแนวยูริ : ความหลัง ตอนที่ 5

ความหลัง ตอนที่ 5

บริเวณสนามบาส นักกีฬาทุกคนกำลังนั่งรอฟังอาจารย์จัดแบ่งกลุ่มอยู่บริเวณขอบสาม เพื่อเตรียมแข่งขันกีฬาระดับมัธยมปลายของจังหวัด โดยการแบ่งสายคัดเลือกจากนักกีฬาทั้งหมด 20 คน ในโรงเรียน ฉันคิดว่าครั้งนี้เป็นการคัดเลือกที่ฉันไม่อยากจะลงเล่นสักเท่าไดนัก เพราะใจของฉันอยู่ที่พี่แมวคนดีอย่างเดียวเท่านั้น

ฉันโดนจับให้ลงเล่นและแข่งขันกันเองตอนนี้ทีมของฉันตามอยู่ 8 แต้ม ซึ่งส่งผลให้พวกเราในทีมต้อง พยายามที่จะทำคะแนนตามให้ได้ ฉันกำลังขิ่งเพื่อที่จะเทคตัวขึ้นชูตลูกและทันใดนั้น เอง มีรุ่นพี่อีกคนเข้ามาประกบฉันจากด้านหลังอย่างกระทันหันโดยที่ฉันไม่ทันได้ตั้งตัว ฉันโดนกระแทคล้มลง โดยที่หัวเข่าของฉันถูกกระเทกอย่างจังล้มล่งไปนอนบิดกายกอดเข่าอย่างเจ็บปวด

“โอ๊ยยยยยยยยย” เสียงร้องของฉันลั่นสนาม

เพื่อนๆ พี่ๆ ในทีมรีบกรูกันวิ่งเข้ามาดูฉัน เพราะเห็นว่าไม่ลุกขึ้นสักทีหลังจากโดนชนล้มลง

“หนุ่ย เป็นงัยบ้าง” พี่ตา วิ่งเข้ามาจับฉันนอนและให้เหยียดขา

“สงสัยเข่าจะหลุดนะนี่ อาจารย์คะอาจารย์ มาช่วยดูหน่อยคะหนุ่ยเข่าหลุดคะอาจารย์” พี่จาตะโกนเรียก อาจารย์ผู้ควบคุมทีมให้เข้ามาดูฉัน

“ไปเอาน้ำแข็งมาประคบ เร็วเข้าแล้วไปเอารถออกนะครูจะส่งหนุ่ยไปโรงพยาบาล” พูดได้แค่นั้น อาจารย์ก็เข้ามาอุ้มฉันไปส่งโรงพยาบาลทันที

……………………

ที่โรงพยาบาลฉันนอนเจ็บอยู่บนรถเข็นอย่างทุรนทุราย คิดว่าโอ๊ยฉันไม่รอดแล้วคราวนี้ทำไมมันปวดเหลือเกิน ฉันถูกฉีดยาแก้ปวด เข้าไป 1 เข็ม แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความเจ็บปวดของฉันลดล แต่อย่างใด ฉันกลับคิดว่า มันเริ่มปวดมากขึ้นเรื่อยๆ และตอนนี้เข้าฉันเริ่มบวมมากขึ้นกว่าเก่า เหมือนใครเอาผ้าหนาๆ มามัดติดกับเข้าของฉันไว้ฉันขยับขาข้างซ้ายที่เจ็บไม่ได้เลยรู้สึกเหมือนโลกทั้งโลก กำลังจะแตกสลาย ในใจคิดถึง แต่ว่าเมื่อไหร่จะหายปวดสักที พยาบาลเอาตัวฉันเข้าห้องเอ็กสเรย์ แล้วให้มานอนรออยู่ที่ห้องตรวจคนไข้อีกครั้ง

ผลการตรวจพบว่าเส้นเอ็นที่หัวเข่าฉันฉีกขาด โอ๊ยพระเจ้าาาา เกิดอะไรขึ้นแค่โดนกระแทกนิดเดียว ทำไมเป็นถึงขนาดนี้ หมออธิบายว่า คงเป็นจังหวะที่โดนกระแทก และประกอบกับฉันล้มตัวลงทับเข้าตัวเอง อย่างแรงโดยที่ไม่มีอะไรมารองรับการกระแทกเลยนอกจากพื้นสนามเท่านั้น เส้นเอ็นฉันเลยฉีกออกจากกันมิน่าหละฉันถึงได้ปวดขนาดนี้

ฉันต้องนอนดูอาการที่โรงพยาบาล 1 คืน และให้ยาแก้ปวดอีก 3 เข็ม ทุก 4 ชั่วโมง ฉันเห็นตัวเองแล้ว คิดว่า ไม่น่าเลยเราซุ่มซ่ามเหลือเกิน ฉันนอนร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดทั้งคืนมีเพื่อนๆ เข้ามาดูอาการ อยู่เป็นเพื่อนฉันจนเลยเวลา เข้าเยี่ยมจึงทยอยกันกลับไป มีเพียงต้อเท่านั้นที่ขอเฝ้าฉันอยู่ที่โรงพยาบาล

“ต้อ แกกลับบ้านก็ได้นะ ไม่ต้องห่วงฉันหรอกไม่เป็นอะไรมากหรอก” ฉับบอกต้อเพื่อให้เพื่อนสบายใจ

“ไม่เป็นไรเพื่อนฉันก็ไม่ได้ต้องทำอะไรมากนักหรอก การบ้านก็ทำเสร็จแล้ว แกเป็นงัยบ้างวะยังเจ็บอยู่หรือเปล่า ฉันเป็นห่วงแกนะโว๊ย ไอ้เพื่อนรัก” ต้อมองฉันและจับมือฉันคอยให้กำลังใจอยู่ข้างเตียง

“อืมดีขึ้นมากแล้วหละเพื่อน ไม่เป็นอะไรหรอกเดี๋ยว ฉันก็หายนะขอบใจมากนะแก ที่อยู่เป็นเพื่อนกัน” ฉันกล่าวขอบใจเพื่อนจากใจจริงที่ฉันรู้สึก

“ไม่เป็นไรเพื่อน เรื่องเล็กน้อยมากไม่ต้องกังวลไป หลับเถอะแกคงง่วงแล้ว ยังปวดอยู่ไม๊ เดี๋ยวฉันไปตามหมอมาดูแกนะ” พูดแล้วต้อก็เดินเปิดประตูออกไป

ฉันยังคงนอนเจ็บอยู่อีกนาน หมอเข้ามาฉีดยาให้และความง่วงก็เริ่มครอบง้ำทำให้ฉันหลับไปอย่างอ่อนเพลีย

………………………….

เช้าวันใหม่ ฉันยังคงนอนไม่รู้สึกตัว ฉันเริ่มมีไข้จากการอักเสบของเข่า ตัวร้อนและเพ้อ ในความสลึมสลือของฉัน มีมือหนึ่งคอยจับมือฉันไว้ตลอดเวลา ในความรู้สึกนั้นบอกไม่ถูกว่ามันอบอุ่นแค่ไหน ที่มีมือนี้คอยจับมือฉันอยู่ ฉันได้ยินเสียงคนคุยกันแต่หนังตาฉันไม่สามารถที่จะลืมขึ้นมาได้ ได้ยินเสียงที่แสนจะคุ้นเคย เสียงที่ฉันคิดว่ ไม่น่าเป็นเสียงใครได้นอกจากพี่แมวแต่ก็คิดว่าไม่น่าจะใช่ พี่แมวจะมาได้อย่างไร เห็นบอกว่ากำลังจะสอบนี่นาฉันคงคิดถึงพี่แมวมากเกินไปเลยทำให้ฉันหูฟาด

พอลืมตาได้อีกครั้งมองดูเวลา เกือบเที่ยงแล้วฉันพลิกตัวกลับมาด้านข้างเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ด้านข้างเตียงหน้าตาเหมือนจะอดนอนทั้งคืน นั่งยิ้มให้กับฉัน

“เป็นงัยตัวยุ่ง ตื่นแล้วหรือค่ะ นึกว่าจะสลบไสลจนไม่มีแรงตื่นยังเจ็บเข่าอยู่ไม๊ค่ะคนดี” เสียงแสนจะสดใสนุมนวลทักทายฉัน

“พี่แมวววว พี่มาได้งัยค่ะ รู้ไม๊ คิดถึงพี่เหลือเกิน” ฉันพูดออกไปพร้อมกับดึงมือสุดที่รักของฉันเข้ามาแนบที่แก้ม

“อะ ไหนๆ ใครว่าไม่สบาย แล้วยังจะมาทำทะเล้นแบบนี้อีกรู้งี้ไม่ตั้งหน้าตั้งตาขับรถมา 600 กิโลหรอกนะนี่ เป็นห่วงนะ คราวหลังไม่เอาแล้วนะไม่ทำแบบนี้อีกรู้ไม๊ค่ะ” พี่แมวพูดจบก็ดึงมือออกมาจากหน้าของฉันและโน้นตัวลงมาหอมแก้มฉันฟอดใหญ่

“ค่ะพี่……” ฉันพูดได้เพียงเท่านั้นน้ำตาของฉันก็ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย ก็ทำไมนะเหรอ ฉันคิดถึงผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านี่นะสิ คิดถึงทุกลมหายใจของฉันเองแล้วตอนนี้ เธอคนนี้ก็มาอยู่ที่นี่มาอยู่ต่อหน้าฉันแล้วฉันจะไม่ร้องได้อย่างไรกัน

………………………………………




 

Create Date : 02 ธันวาคม 2550    
Last Update : 2 ธันวาคม 2550 11:28:59 น.
Counter : 312 Pageviews.  

เรื่องสั้นแนวยูริ : ความหลัง ตอนที่ 4

ความหลัง ตอนที่ 4

พี่แมวอยู่กับฉันที่บ้านจนถึงเย็น แล้วจึงขอตัวกลับ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่อยากให้จากไปก็ตาม วันเวลาแห่งความสุขช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน และฉันก็รู้ดีว่า มันอาจจะไม่กลับมาอีก แต่ฉันจะรอ วันแห่งความสุข ที่ฉันใฝ่หา

ฉันเปิดเทอมใหม่ และต้องไปอยู่หอนอกโรงเรียน ฉันใช้ชีวิตที่ไม่มีกฎเกณฑ์ ไม่มีซิสเตอร์มาคอยสั่งโน่นสั่งนี่ ชีวิตฉันก็เลย ไม่ค่อยเป็นระเบียบเท่าไรนัก แต่ฉันก็ยังคงเล่นบาส เล่นกีตาร์เพลงที่ฉันอยากให้พี่แมวฟัง แต่ไม่มีโอกาสได้เล่น เพราะฉันลืมที่จะเล่นให้ฟัง ด้วยความดีใจที่ได้พบกัน ฉันลืมทุกอย่างที่ตั้งใจจะทำ นี่แหละนะ เพราะความเฉิ่มและความขี้ลืมของฉันนั่นเอง
………………………………………………….

ฉันและพี่แมวติดต่อกันทางจดหมายทุกวัน เพราะว่าความคิดถึงที่ทำให้ฉันเป็นไปได้ถึงขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เวลาต้องทำเรียงความส่งครู ฉันเขียนได้ไม่ถึง 1 หน้ากระดาษ แต่พอเขียนจดหมายถึงพี่แมวฉันสามารถที่จะเขียนได้ยาว จนใครๆ อาจนึกไม่ถึง จดหมายของฉันที่เขียนเป็นเสมือนไดอารี่ประจำวัน เขียนบรรยายทุกเรื่องที่ฉันได้พบเจอ บอกถึงความคิดถึงที่ฉันมี จากวันที่ฉันและพี่แมวได้เจอกัน จนถึงวันนี้ ฉันนั่งนับจดหมายที่พี่แมวส่งมา ประมาณ 50 ฉบับ และจดหมายของฉันก็คงไม่ต่างกัน เป็นเวลาเกือบ 2 เดือนสินะ เพราะว่าตอนนี้ฉันกำลังจะสอบกลางภาคของชั้น ม.4 ฉันตั้งใจจะเรียนให้จบโดยเร็วเพื่อนที่จะได้เข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัย แห่งใดก็ได้ใน กรุงเทพฯ จะได้อยู่ใกล้ชิดคนที่ฉันรัก ให้เร็วที่สุด ฉันใช้วิธีลัดด้วยการสอบเทียบ เทอมนี้ฉันต้องสอบเทียบหลายวิชา ซึ่งมันอาจทำให้ฉันต้องอ่านหนังสือมากขึ้นกว่าเดิม แต่ฉันก็พร้อมที่จะทำ

ฉันเคยได้ยิน คำพูดปะโยคนึงที่ว่า “ ถ้าความคิดถึงมันมีขา คงเดินไปหาวันละหลายๆ หน” นั่นแหละฉันหละ คิดถึงเหลือเกิน และวันนี้ฉันก็ได้รับจดหมายของพี่แมวเช่นเคยฉันนั่นอ่านจดหมายไม่กี่บรรทัดของพี่แมว อย่างละเอียด ทุกคำพูดแทบจะจดจำได้ นี่คือน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจของฉัน ถ้าเป็นในสมัยนี้ ฉันคงไม่ต้องนั่งรอจดหมาย ฉันคงต้องนั่งรอเมล์ ของพี่แมวมากกว่า แต่ในสมัยนั้น ยังไม่มีคำว่าอินเตอร์เนท โลกออนไลน์ยังไม่เคยมีฉันเฝ้ารอวันที่จะปิดเทอม เพราะเราสัญญากันไว้ว่าจะกลับมาพบกันในช่วงปิดเทอม

ฉันยังคงเล่นบาสทุกวันหลังเลิกเรียน ทำให้ฉันได้ออกกำลังกาย และมีเพื่อนมากขึ้น เพราะฉันกลายเป็นคนไม่ค่อยพูดจากับใครจนเพื่อนทักว่า

“เฮ้ยหนุ่ย วันๆ นะพูดบ้างก็ได้นะ กลัวดอกพิกุลจะร่วงหรืองัยฮึ” ต้อ เพื่อนสนิทของฉัน ที่เรียนและเล่นบาสด้วยกันเอ่ยขึ้น

“เปล่านะ ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ก็เลยเงียบไว้ดีกว่า” ฉันบอกต้อ

“เออดีนะเพื่อนฉันเป็นไปได้ งัยคิดถึงพี่แมวหละสิท่า คิดถึงก็โทรหาสิ เอาแต่นั่งเขียนจดหมาย เดี๋ยวก็โดนงาบไปหรอกเพื่อนเอ๋ย” ต้อพูดแทงใจดำฉันอีกแล้ว

“ไอ้บ้า พูดมาได้ คนยิ่งกลัวๆ อยู่ เดี๋ยวเถอะ” ฉันว่าแล้วก็เงื้อมือ ขึ้นกะจะฟาดต้อเต็มที่ แต่ช้าไป ต้อวิ่งออกไปอย่างเร็วหลังจากที่พูดจบ ฉันวิ่งตาม จนเกือบจะถึงตัวต้อแต่และฉันก็ชนเข้ากับนักเรียนคนหนึ่ง

“อุ้ย ขอโทษค่ะ ไม่ได้ตั้งใจค่ะ โทษที” ฉันเอ่ยขอโทษนักเรียนคนนั้นเธอแต่งชุดมปลายเหมือนฉัน และก็คิดว่าเรียน ม.4 เหมือนกันเพราะมีปักที่คอเสื้อด้วยด้ายสีน้ำเงิน 1 จุดเหมือนฉัน

“นี่เธอ จะวิ่งก็ดูตาม้าตาเรือบ้างนะ ดูสิของฉันตกกระจายเลยเห็นไม๊” นักเรียนคนนั้นเอ่ยขึ้น ไม่ใช่สิ บ่นมากกว่า

“ค่ะขอโทษจริงๆ ค่ะ ไม่ได้ตั้งใจค่ะ” ฉันกล่าวขอโทษอีกครั้ง

“เป็นอะไรมาหรือเปล่าค่ะ เพื่อนต้อคนนี้มันซุ่มซ่ามค่ะ อย่าถือโกรธนะค่ะ เธอชื่ออะไรนี่” ต้อเดินกลับมาที่จุดเกิดการพิภาษและเข้ามาไกล่เกลี่ยให้ฉัน

“ไม่ค่ะไม่เป็นไร อินค่ะ เราชื่ออิน อยู่ห้อง 2 เธอหละชื่ออะไร”

“อ้อ เราชื่อต้ออยู่ห้อง 7 นี่เพื่อนเราชื่อหนุ่ยอยู่ห้องเดียวกันยินดีที่ได้รู้จักนะอิน ขอโทษนะที่เพื่อนเราทำให้เสียเวลา ไปนะแล้วเจอกันใหม่” ต้อเอ่ยปากขอโทษ และเป็นการตัดบทในการสนทนาในครั้งนั้น ต้อฉุดมือฉันเดินออกมา

“ไอ้หนุ่ย แก่นี่นะจะวิ่งก็ไม่ดูอะไรเล๊ย เห็นว่าตัวโตหรืองัยยะ วิ่งชนคนโน้นคนนี้เค้าดีนะที่เค้าไม่หกล้มหัวเข่าเป็นแผลนะ” ต้อบ่นฉัน

“ฮือ ก็ไม่ได้ทันระวังนี่นา ใครจะรู้ว่าเค้าจะเดินมาตัดหน้าฉันละแก โผล่ออกมาจากมุมตึกอย่างนั้นใครจะเห็น เป็นแกฉันก็ว่าต้องวิ่งชนเหมือนกันแหละ” ฉันเถียงต้อ

“เออ อะไรก็มีเหตุผลไปหมดแหละแกนะไปๆ จะเข้าเรียนแล้วเดี๋ยวไม่ทัน ไปเอากระเป๋าที่ห้องสมุดก่อนนะ ฉันเอาไปไว้ที่นั่นแล้วค่อยไปเรียน แกจะไป ห้องธุรการหรือเปล่าไปรษณีย์มาแล้วมั๊ง”

“อืม แล้วเจอกันที่ห้องเลยละกันนะ” แล้วเราสองคนก็แยกกันไปคนละทางเพื่อทำภาระกิจของตัวเอง

……………………………….

ฉันได้รับจดหมายของพี่แมว ดังที่ได้หวังไว้ ฉันเก็บเข้าไปอ่านบนห้องและโดนต้อแย่งไปอ่านหลังจบชั่วโมงเรียน

“เฮ้ย เพื่อนๆ จดหมายรักวะ ฮ่าๆๆๆๆ หนุ่ยที่รัก พี่คิดถึงหนุ่ยมากนะ วันนี้พี่เรียนวิชาบัญชีหละ คิดถึงหนุ่ยจังเลย ตอนนี้พี่ กำลังนั่งเรียนอยู่ กระดานที่อาจารย์สอนมีหน้าของหนุ่ยเต็มไปหมด ฮ่าาาาาา”

“ไอ้ต้อ เอาคืนมานะเอาคืนมา ไอ้เพื่อนบ้าาาา” ฉันวิ่งไปแย่งจดหมายจากต้อวิ่งไล่กันทั่วห้องเสียงดังมาก จนเพื่อนๆ ทั้งห้องหันมามองความโกลาหนของฉันกับต้อเป็นตาเดียว

“อยากได้ก็เข้ามาแย่งดิ เย้ ๆๆๆๆ เก่งจริงก็เข้ามาแย่ง ฮ่าๆๆๆๆ” แล้วต้อก็วิ่งออกไปนอกห้องโดยมีจดหมายพี่แมวติดมือไปด้วย ฉันวิ่งตามออกไปติดๆ

“อุ้ย …………………” ฉันวิ่งชนเข้ากับนักเรียนคนนึงอีกแล้ว

“นี่เธอ!!!! วันนี้เธอวิ่งชนฉัน 2 ครั้งแล้วนะอะไร กันซวยชะมัด” นักเรียนคนนั้นบ่น

“อุ้ย ขอโทษนะอิน เราไม่ได้ตั้งใจก็ไอ้ต้อนะสิ มันแกล้งเรานะ”

“ไอ้ต้อ กลับมาโว๊ยยย” ฉันตะโกนเรียกต้อ

“กลับก็กลัวสิ ใครจะกลับให้โง่ ตอนนี้ใกล้สอบแล้ว พี่คงต้องอ่านหนังสืออย่างหนัก ฮ่าาาาา” ต้อยังคงยืนอ่านจดหมายของพี่แมวอยู่ที่หน้าระเบียงห้องถัดไปอยู่ดี

“ไอ้ต้อ อย่าอ่านนะเอาคืนมา แกฝากไว้ก่อนเถอะ ตอนเย็นแกไม่รอดแน่”

“แก่งจริงอย่าฝากดิ มาเอาคืน” ต้องยังคงยืนล้อเลียนฉันอยู่นั่นเอง

“โทษนะอิน เจ็บไม๊เราไปก่อนนะก่อนที่ไอ้ต้อมันจะเอาเราไปเผามากกว่านี้ ไปนะ” พูดจบฉันก็วิ่งตามต้อลงบันได ตึกไปอย่างรวดเร็ว และจักตัวต้อได้ในเวลาต่อมาแต่จดหมายของฉันยับไปหมด

“ไอ้ต้อ แก……. ดูสิยับหมดแล้ว คราวหลังแกนะ ขออ่านดีๆก็ได้ เราให้อ่านอยู่แล้ว ไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้นี่” ฉันบ่นๆๆ และหยิบเอาจดหมายที่ยับยู่นี่ออกมาคลี่และพับเก็บอย่างดีไว้ในกระเป๋า

“เออนะ เดี๋ยวก็มีฉับใหม่มาอีกนั่นแหละทำเป็นงกไปได้ ของแค่นี้ ไปเถอะกลับบ้านดีกว่าเลิกเรียนแล้ว” ต้องเปลี่ยนเรื่องหน้าตาเฉย แต่ฉันก็ไม่ได้โวยวายอะไรต้ออีก

“อืมกลับก่อนเถอะ เดี๋ยวเราไปสนามก่อนอาจารย์รออยู่นะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะอ้อ ทำการบ้านมาด้วยหละอย่ามาลอกนะขี้เกียจตอบคำถามเวลาแกอ่านลายมือเราไม่ออกหนะ”

“นั่นสิ แล้วพี่แมวเค้าอ่านลายมือแกได้งัยนะ อย่างกะไก่เขี่ย”

“ไม่รู้สิ เออหนะ พี่เค้าอ่านออกก็แล้วกัน ไปเถอะ เราไปนะ” แล้วฉันก็ตัดบทเดินออกจากห้องไปยังสนามบาส

…………………………




 

Create Date : 02 ธันวาคม 2550    
Last Update : 2 ธันวาคม 2550 11:28:04 น.
Counter : 278 Pageviews.  

เรื่องสั้นแนวยูริ : ความหลัง ตอนที่ 3

ความหลัง ตอนที่ 3

ฉันพาพี่แมวเดินออกมาในตอนค่ำๆ เพื่อไปส่องไฟจับแมงมันในทุ่งหน้าบ้าน เราเดินจูงมือกันออกมาพร้อมด้วยกระป๋องใบเล็กๆ ใส่น้ำพอประมาณ และในมือถือไฟฉายกันคนละกระบอก จุดมุ่งหมายคือใต้ต้นไม้ใหญ่ ที่ฉันเดินสำรวจมาแล้วว่ามีรูแมงมันอยู่ เราสนุกกันมาก วิ่งไล่จับแมงมัน ตัวโตๆ ได้มาเกือบเต็มกระป๋องเล็กๆ ใบนั้น

เมื่อเสร็จภารกิจในการจับแมงมันเราก็กลับบ้าน เข้ามาเอาแมงมันที่ได้ มาล้างและเอาลงกระทะคั่ว พอหอม แล้วก็นั่งทานเล่นกัน 2 คน ที่บ้านฉันตอนนี้ไม่มีใครอยู่ ฉันจึงชวนพี่แมวนอนเสียด้วยกันที่บ้าน เพราะหากพี่แมวขับรถกลับไปในตัวเมืองตอนนี้ ก็คงอันตรายมาก ฉันยังคงเป็นห่วง ผู้หญิงที่ฉันรัก เหมือนเดิม เพราะอะไรนะหรือ ก็เพราะ ฉันรักนะสิ รักมากจนไม่อยากเสียพี่แมวไปจากฉันไม่ว่าจะ แบบไหนก็ตาม

“อร่อยไม๊คะพี่ ไม่ได้ทานนานแล้วยังจำรสชาติได้หรือเปล่า” ฉันลอยหน้าลอยตาถาม

“ได้สิจ๊ะ ไอ้หนู ทำไมจะจำไม่ได้ อร่อยแบบนี้ จำได้เสมอ พี่ยังจำได้เลยนะที่หนุ่ย หอบแมงมันเอามาให้พี่ทานตอนที่ยังเรียนอยู่ที่นี่ ตอนแรกเห็นนะ กลัวเลยอ่ะ แต่พอเข้าปากไป มันอร่อยดีเนอะ ติดใจเลย เห็นไม๊ นี่ต้องตามมาทานอีกที่นี่ ฮ่าๆๆๆ” พี่แมวยังคงอารมณ์ดีอย่างนี้เสมอ

“พี่พรุ่งนี้รีบกลับหรือเปล่าคะ ไปตีรังมดแดงกันไม๊คะ เห็นมีหลายรังเลย บนต้นมะม่วงค่ะ เราไปแต่เช้านะ จะได้เอามาทอดไข่เจียวทานกัน เนอะ”

“ได้จ้าาาา ตื่นให้เช้าก็แล้วกัน อิอิ อิ่มหรือยังหละ จะได้เก็บแล้ว”

“โห่พี่ แมงมันนิดเดียวจะอิ่มได้งัยกัน เดี๋ยวหาอะไรทานดีกว่า พี่ทำให้หน่อยสิค่ะ อยากทานฝีมือพี่นะ” ฉันอ้อนอีกตามเคย

“นะ ถ้าทำให้ทานแล้วจะให้รางวัลอะไรพี่” ฉันเห็นสายตากรุ้มกริ่มของพี่แมวแล้ว อดนึกขำไม่ได้

“อยากได้อะไรเป็นรางวัลหละคะ จะได้จัดให้ อิอิ” ฉันก็ไม่ยอมเหมือนกัน แหมก็เหมือนท้าทายกันแบบนี้ ใครจะทนได้

“อะ ไข่เจียวเป็นงัยเจียวเก่งนะอยู่ที่โน่น ทำทุกมื้อเลยที่ต้องทำเอง สนใจไม๊”

“สนพี่ วันนี้ไข่เจียวธรรมดา พรุ่งนี้ ไข่เจียวไข่มดแดง หุหุ อร่อย” ฉันทำปากซี๊ดซ๊าด จนคนเห็นแล้วนึกหมั่นใส้

“ได้ไอ้หนูรอ เดี๋ยวนะ เดี๋ยวจัดให้”

แล้วพี่แมวก็เดินเข้าครัว ไปทำไข่เจียวที่คุยนักคุยหนาว่าอร่อยเหลือแสนมาให้ฉันทาน พร้อมกับน้ำปลาถ้วยเล็ก ซอยพริกขี้หนูใส่และบีบมะนาวลงไปด้วย เราทานข้าวมื้อนั้นอย่างเอร็ดอร่อย แปลกนะที่ อาหารแบบธรรมดา ที่แสนจะไม่มีอะไรเลย แต่กลับทำให้ฉันทานข้าวได้มากกว่าปกติ คงเป็นเพราะ ฉันได้ทานกับข้าว ฝีมือพี่แมวที่แสนดี และ ได้นั่งและพูดคุยกับคนที่ฉันแสนจะคิดถึง มาตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ฉันไม่เคยมองใคร ฉันไม่เคย ข้องแวะกับใคร เรื่องของฉันกับพี่แมวเป็นเรื่องที่คนในโรงเรียนพูดถึงกันมาก เพราะ ในคืนวันสุดท้ายที่เราอยู่ด้วยกันนั่นเอง ที่เป็นเรื่องใหญ่โต ดีนะที่เป็นช่วงปิดเทอมใหญ่ ฉันก็เลยรอดตัวไป ไม่ต้องแบกหน้ามาทนกับคำถามที่ฉันไม่อยากตอบ

“อ่ะ ไอ้หนู ทานข้าวเสร็จแล้วไปอาบน้ำซะ จะได้นอน เป็นเด็กเป็นเล็ก นอนดึกไม่ดีนะรู้ไม๊” พูดไปพลางก็เก็บจานเดินเข้าครัวไปล้าง

ฉันแอบย่องเข้าไปด้านหลังและหอมแก้มพี่แมวจากด้านหลัง ฉันเพิ่งสังเกตว่าฉันสูงกว่าพี่แมวเกือบ 10 เซ็นต์ 3 ปีที่ผ่านมาพี่แมวตัวไม่สูงขึ้นเลย ยังคงเป็นพี่ที่น่ารัก ตัวเล็ก เหมือนเดิม มีแต่แว่นเท่านั้นที่หนาขึ้นมากกว่าเดิม

“ไม่เอานะ ไม่เล่นแล้วพี่ตัวเหม็นจะตายไป ไปอาบน้ำไป เด็กอะไร ดื้อจริงๆ บอกให้ทำอะไรก็ไม่ทำ เฮ้อ แล้วจะไว้ใจ ให้ใจไว้ได้ไม๊นี่..ฉัน”

“ก็ได้ค่ะพี่ อาบก็อาบ แต่ต้องรอพี่อาบด้วยกันนะคะ”

“บ้า ทะลึ่ง ไปไป๊ ไปอาบน้ำ เซี้ยวใหญ่แล้ว” และพี่แมวก็ก้มหน้าก้มตา ล้างจานจนเสร็จโดยมีฉันยืนโอบแอวพี่แมวจากด้านหลังตลอดเวลา ไล่อย่างไรก็ไม่ไปเกาะเป็นปลิงหรือลูกลิงก็ไม่ปาน

……………………………………

และวันนั้นก็เป็นอีกวันที่ฉัน ได้นอนกอดพี่แมวของฉัน ที่คิดถึงมานานเราคุยกันจนฟ้าสาง ไม่รู้สึกง่วง ไม่รู้สึกว่าอยากจะนอน เราถ่ายเทความรักความคิดถึงกันทั้งคืน ด้วยการสัมผัส กอด จูบ ลูบไล้ กันไปมา โดยไม่มีความง่วงเลยแม้แต่นิดเดียว

รุ่งเช้า ฉันเอาไม้ไผ่ ลำยาว แบกใส่บ่า เดินเข้าสวนหลังบ้าน ไปสอยไข่มดแดงมาเป็นอาหารเช้า โดนมดแดงกันเต็มตัวไปหมด พี่แมวไม่ได้ออกมาด้วยเพราะต้องเตรียมหุงข้าวและรอไข่มดจากฉัน

“ เอ้า พี่ หุหุ คันจังเลยอ่ะ มดกัด เต็มเลย”

“ฮ่าๆๆๆๆ นี่แหละน้า ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว อิอิ”

“ก็ใครอยากทานไข่มดหละ เรารึอุตส่าห์ ไปหามาให้ยังมาว่าเราอีก อ่ะ เอาไป เดี๋ยวไปอาบน้ำก่อนนะคะ คันจริงๆ แสบด้วยค่ะ”

“ไปเถอะ เดี๋ยวพี่จัดการเอง เอาแต่ไข่เจียวนะ อิอิ ทำเป็นอย่างเดียว อย่างอื่นทำไม่เป็น”

“ค่ะ อย่างเดียวก็ได้ ให้อร่อยก็แล้วกัน” ว่าแล้วฉันก็ไปอาบน้ำ

…………………………….

เมื่อออกมาอีกครั้ง ฉันก็พบกับ ไข่เจียวฟูๆ มีไข่มดแดงเป็งองค์ประกอบ น้ำปลาซอยพริกขี้หนูหอมแดงและมีเปลือกมะนาวลอยอยู่ด้วยในถ้วยใบเล็กๆ และข้าวเปล่าวางเคียงกันไว้บนโต๊ะอาหารหน้าบ้าน เห็นแล้ว หิวชะมัด

“พี่ค่ะ ทานได้หรือยังคะ” ฉันตะโกนถามจากหน้าบ้าน ไปในครัวที่พี่แมวยังทำอะไร จุกจิกอยู่

“อ้าวอาบเสร็จแล้วเหรอ”

“ค่ะเสร็จแล้วรับรองว่า อาบจริงๆ นะคะ ไม่ได้วิ่งผ่านน้ำ อะ ไม่เชื่อลองดมดูสิ “ ว่าพลางยื่นมือให้พี่แมว

“อืม หอมจริงๆ แฮะ อาบน้ำจริงๆ ก็เป็นกับเค้าด้วยเหรอคะนี่นึกว่ามีแต่วิ่งผ่านน้ำเห็นทำบ่อยๆ โห้ ทำไมรอยมดกัดเยอะอย่างนี้หละ ไหนดูซิ เต็มเลยนี้ ไปเอายาหม่องมาทาเดี๋ยวนี้เลยไป เดี๋ยวก็ คันทั้งตัวหรอก” พี่แมวร้องเสียงหลงเมื่อเห็นรอยแดงเป็นจ้ำๆ ที่แขนฉัน

“ก็คันนะสิพี่ คันทั้งตัวเลย ทาให้หน่อยนะนะ นะนะ” ฉันอ้อน

“อืม ไปเอามา”

“เย้ พี่แมวใจดีที่สุดเลย คนดีที่หนึ่งเลย เย้……..”

……………………………………………




 

Create Date : 02 ธันวาคม 2550    
Last Update : 2 ธันวาคม 2550 11:27:11 น.
Counter : 278 Pageviews.  

เรื่องสั้นแนวยูริ : ความหลัง ตอนที่ 2

ความหลัง ตอนที่ 2

พี่แมวสอนฉันมากมาย เกี่ยวกับการวางตัว เกี่ยวกับการต้องอยู่คนเดียวเวลาที่พี่แมวไม่อยู่ ให้ฉันหัดเล่นกีฬา จะได้หลับสบายไม่ต้องคิดมาก เพราะพี่แมวบอกว่า การที่เราได้เล่นกีฬา มากๆ เหงื่อออกมากๆ ทำให้เราหลับสบาย ที่พี่แมวบอกฉันนั้น ฉันไม่เคยเห็นพี่แมวทำเลย เห็นแต่นั่งอ่านหนังสือ ตำราเรียน พี่แมวเป็นเด็กที่เรียนเก่ง ได้รางวัลนักเรียนดีเด่นทุกปี แว่นตาของพี่แมวเริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆ ฉันรู้จักกับพี่แมวตั้งแต่ฉันเริ่มเข้ามาใหม่ๆ เราเป็นเด็กหอด้วยกัน ตอนฉันเข้ามาอยู่โรงเรียนแห่งนี้ใหม่ๆ ฉันดูเป็นเด็กที่ไม่ค่อยจะรู้ประสีประสาอะไร ฉันอยู่ ป.3 พี่แมวอยู่ ป.6 เราเริ่มสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้กลายเป็นความรักครั้งแรกของฉัน พี่แมวก็ยังคงเห็นฉันเป็นน้องมาโดยตลอด สอนการบ้าน สอนวิธีการวางตัวเมื่ออยู่ในโรงเรียน จนถือเป็นแม่แบบของฉันเลยทีเดียว

แล้ววันแห่งการจากลาก็มาถึง วันที่พี่แมวต้องไปไกลจากฉัน วันที่ฉันจบ ป.6 วันที่พี่แมวจบ ม.3 มีงานเลี้ยง อำลาหรือเลี้ยงไล่ เด็กที่จบจากโรงเรียนนั่นเอง ฉันเคยเห็นทุกปีพวกพี่ๆ จะร้องไห้กัน ฉันเคยคิดว่าทำไมต้องร้องไห้ด้วยนะ ไม่ได้ตายจากกันสักหน่อย แต่วันนี้ฉันร้องไห้ตาบวมทั้ง 2 ข้าง ฉันขอพี่แมวนอนกับฉันในคืนนี้เพราะเป็นคืนสุดท้ายที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน

“พี่คะหนุ่ยขอนอนกอดพี่เป็นคืนสุดท้ายนะคะพี่” ฉันอ้อนวอนพี่แมว

“ได้สิไอ้หนู มานอนด้วยกันนะ แล้วพี่จะเล่นนิทานให้ฟังก่อนนอน”

“ค่ะพี่ แล้วเจอกัน”

……………………..

ฉันมานอนที่เตียงพี่แมว ในใจนั้นคิดตลอดเวลาว่า จะบอกพี่แมวดีไม๊ว่าฉันรักพี่แมวมาก แต่ก็ไม่กล้า ยังคงคิดๆ ตลอดเวลา พี่แมวเล่านิทานให้ฉันฟัง เรื่องลูกหมู สามตัว ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องเดิมๆ แต่ฉันก็ยังอยากฟังจากปากของพี่ที่แสนดีของฉัน และยังเป็นหญิงที่ฉันรัก เป็นรักครั้งแรกของฉัน

“หนุ่ย ถ้าพี่จะบอกอะไรหนุ่ยอย่างนึง หนุ่ยอย่าโกรธพี่นะ” พี่แมวพูดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบของหอนอน ซึ่งไม่ค่อยเหลือใครแล้ว เพราะบางคนก็กลับบ้าน ในวันที่สอบเสร็จจึงเหลือคนน้อยมากในหอนอน

“ค่ะพี่ จะบอกอะไรคะ” ฉันถามและมองตาพี่แมวอย่างอยากรู้

“หนุ่ยรักพี่ไม๊”

“รักสิคะพี่ถามแปลกนะ ไม่รักจะเป็นแบบนี้เหรอ”

“รักแบบไหนคะ”

ฉันอึ้งในคำถามของพี่แมว และงง ที่พี่แมวถามฉันแบบนี้

“รักแบบไหนหมายความว่างัยคะพี่”

“ก็รักแบบพี่เป็นพี่ หรือรักแบบพี่เป็นคนรักของหนุ่ยนะสิ”

“แล้วพี่จะให้หนุ่ย รักพี่แบบไหนหละ”

“ถ้าใจอยากนะ อยากให้รักแบบแฟนแต่พี่ทำไม่ได้ เพราะพี่ต้องไกลจากหนุ่ย พี่ไม่อยากผูกมัดหนุ่ยไว้กับพี่ พี่รักหนุ่ยนะรักมาก แต่พี่ไม่กล้าบอกพี่ได้แต่คิด ได้แต่หวังว่าสักวันไอ้หนูของพี่จะรักพี่บ้างก็เท่านั้น หนุ่ยยังเด็กเกินไปสำหรับเรื่องนี้ ระยะห่างของเราสองคน มันเริ่มจะห่างไกลกันไปทุกที พี่ทรมานมากนะหนุ่ย ที่ต้องไปไกลจากหนุ่ย แต่พี่ก็ดีใจที่พี่ได้รักหนุ่ย วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราจะได้นอนด้วยกัน นะน้องรัก” พี่แมวพูดทั้งน้ำตา และเสียปนสะอื้นตลอดเวลาที่เปล่งเสียงออกมาจากริมฝีปากสวยนั้น

ฉันก้มลงจูบปากพี่แมว ทั้งๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน แต่ฉันรู้ว่านี่เป็นการกระทำที่จะบอกความรู้สึกของฉันทั้งหมดที่มีต่อพี่แมว หญิงที่ฉันรัก พี่แมวจูบตอบฉัน และคืนนั้นเราเป็นของกันและกัน โดยไม่อายว่าจะมีใครเห็น ฉันไม่สนใจว่าใครจะเอาเรื่องของเราไปพูด ฉันไม่สนใจว่า ใครจะนินทา ฉันรู้แต่เพียงว่า ฉันรักพี่แมว รักมาก เกินกว่าที่ฉันจะ ห้ามใจได้ และฉันก็รู้ว่าเราก็ไม่เคยด้วยกันทั้งคู่

รุ่งเช้า ฉันและพี่แมว ออกมาจากหอ พ่อกับแม่พี่แมวมารับ เราจากกันด้วยรอยยิ้ม และแลกเปลี่ยนที่อยู่กัน ฉันนั่งรถที่ บขส. กลับบ้านด้วยใจที่ห่อเหี่ยว

………………………………..

พี่แมวกับฉัน เขียนจดหมายเล่าความเป็นอยู่ของกันและกัน ว่าเป็นอย่างไร ฉันทำตามที่พี่แมวบอก เล่นกีฬา เป็นนักกีฬาโรงเรียน ฉันเล่นบาส ถึงไม่เก่งมากแต่ฉันก็เล่น ฉันทุ่มเททุกอย่างให้กีฬาที่พี่แมวบอกว่าชอบดู ทุกคืนฉันจะออกมานั่งดูดาว นึกถึงเพลงที่พี่แมวชอบ “สายทิพย์” พี่แมวบอกว่า หากคิดถึงกันให้ร้องเพลงนี้

“แสงดาวสวยพราวดูเด่น เล็งเห็นเหมือนตาของเธอ เฝ้าเพ้อหัวใจละเมอรำพัน
แสงเดือนเหมือนเตือนใจเศร้า โอเรารักร้าวหัวใจ คอยไปถึงตัวแสนไกลรักมั่น
จากเธอไปแล้วใจหาย ดวงใจยังคิดถึงสายสัมพันธ์ รักมั่นมิวาย คลายจาง
ขอเดือนช่วยเตือนใจมั่น ใฝ่ฝันถึงเธอทุกวัน มองจันทร์นึกความสัมพันธ์ ..ครั้งก่อน”

ฉันร้องและหัดเล่นกีต้าร์เพลงนี้จนคล่อง หวังว่าสักวันนึงฉันจะได้เล่นเพลงนี้ให้คนที่ฉันรักฟัง จากวันนั้นเป็นต้นมา หลังจากที่เราจากกัน พี่แมวกับฉันเขียนจดหมายถึงกันตลอดทุกวัน ฉันฝากเพื่อนซื้อจดหมายแอร์เมล์ มาเป็นตั้งๆ และไม่นานก็หมด และฝากซื้อใหม่ตลอดมา ตอนนี้ฉันอยู่ ม.3 กำลังจะขึ้น ม.4 ฉันกับพี่แมวกำลังจะได้พบกันพี่แมว จบไฮสคูลที่โน่น และกำลังจะกลับเมืองไทย มาเรียนต่อที่ ม.เอกชนแห่งนึงในกทม. เรายังคงติดต่อกันทางจดหมาย ใจฉันยังมั่นคง จนวันหนึ่ง ฉันได้พบกับพี่แมวที่บ้านของฉัน โดยไม่รู้ตัวมาก่อน

“หนุ่ย ใช่ไม๊ หนุ่ยจริงๆ ด้วย “ เสียงเรียกมาจากด้านล่าง ใต้ต้นไม้ที่ฉันปีนอยู่

“พี่แมววววววว โห่คิดถึงจังเลย พี่ มาได้งัยคะ” ฉันกระโดดลงจากต้นไม้ และหล่นตุ๊บ ลงมานอนแอ้งแม้ง ใต้ต้นนั่นเอง

“ เฮ้ยไอ้หนูหนุ่ย เป็นไรมากหรือเปล่านะ ทำไมต้องกระโดลงมาด้วยดูสิเจ็บไม๊” เสียงนั้นปนเสียงหัวเราะ นิดๆ

“โห่พี่ ทำไมจำไม่เจ็บหละ สูงนะ ก็เรียกซะตกใจเลยอ่ะ ใครจะไม่โดดลงมาหละ และพี่มาได้งัยคะ มาจากไหนมาเมื่อไหร่มากับใคร โอ๊ย……”

“พอๆๆ เอาที่ละคำถามแล้วเป็นไรมากไม๊นี่ฮะไอ้หนู” ถามพร้อมกับพยุงตัวฉันให้ลุกขึ้นจากท่าที่หมดสภาพนั่งพับเพียบอยู่ใต้ต้นไม้ อย่างหมดเรี่ยวหมดแรง

“โอ๊ย เจ็บๆๆ พี่ เบาๆหน่อยสิคะ สงสัยสะโพกคราก ฮ่าๆๆๆๆๆ”

“แน่ะยังมาทำอารมณ์ดีอีก เดินไหวไม๊” พี่แมวยังเหมือนเดิม ยังคงเป็นห่วงฉันเหมือนเดิม

“ยังไม่ตอบคำถามเลยพี่มาได้งัยคะ”

“ก็มาตามหัวใจนะสิรู้ไม๊ เอาหัวใจพี่ไปนะ เมื่อไหร่จะเอากลับมาคืนสักที”

“อ่ะเอาคืนไป” ฉันพูดพร้อมกับจูบที่ปากพี่แมว และหอมแก้มฟอดใหญ่

“นี่อายเค้าบ้าง นะ คนเค้าเห็น บ้าใหญ่แล้ว” เพี๊ยะๆๆ

“โอ๊ย ……..เจ้าข้าเอ๊ย ผู้ใหญ่รังแกเด็ก ช่วยด้วยค่าาาาาา “

“บ้านะสิหนุ่ย ทำเป็นเด็กไปได้ เรานะ เป็นนางสาวแล้วนะ ไหนดูสิ โห สูงขึ้นเยอะเลยนะเราสูงกว่าพี่อีก” พี่แมวจับฉันหมุนไปหมุนมารอบตัว

“อ่ะ ใครอยากเป็นนางสาวกัน เค้าอยากเป็นนายย่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ”

“เอาเข้าไป ไอ้หนู เฮ้อ ไม่เปลี่ยนเลยนะเรานี่ ไม่พาพี่เข้าบ้านเหรอ ฮ๊า..จะให้ยืนขาแข็งอยู่ตรงนี้หรืองัย”

“ครับผม เชิญเข้าบ้านครับ ทานอะไรมาหรือยังครับท่านพี่”

“ยังเลย นี่ไม่เอานะหนุ่ย เรานะ บ๊องใหญ่แล้ว”

“อ่ะน้ำเย็นๆ พี่มาไกลถ้าจะเหนื่อย แล้วกลับมาทำไมไม่บอกกันก่อนหละพี่”

“ถ้าบอกก่อนก็ไม่เซอร์ไพรสนะสิน้อง แล้วจะรู้ได้งัยว่าเราอยู่บ้านนะเป็นลิง อิอิ”

“อืม นะพึ่งรู้เหมือนกันว่าพี่มีแฟนเป็นลิง โอ๊ย….. เจ็บนะ”

“ก็เจ็บนะสิถึงได้ทำ ทะเล้นนักนะเรานะ มาให้ตีซะดีๆ หยุดเดี๋ยวนี้นะ”

“ใครจะหยุด หละหยุดก็เจ็บนะสิพี่ “ ฉันวิ่งหนีพี่แมวรอบบ้านจนวิ่งเข้าไปในห้องตัวเองและล้มตัวลงนอนกลิ้งบนเตียง

“อย่าหนีนะ เดี๋ยวเถอะ อุ๊ย…”

ฉันคว้าตัวพี่แมวให้ล้มลงมาทับบนตัวฉัน ฉันจ้องตาพี่แมว ถ่ายทอดความรู้สึกที่คิดถึง และโหยหาให้พี่แมวรู้ว่าฉันนั้นคิดถึงเพียงใด เราผลัดกันกอดผลัดกันจูบ เนิ่นนานด้วยความคิดถึงจนเย็น ถึงได้เดินออกจากห้องนอนของฉัน

………………………




 

Create Date : 02 ธันวาคม 2550    
Last Update : 19 ธันวาคม 2550 12:56:10 น.
Counter : 303 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  

รันหณ์
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ฉันคือฉัน
ฉันรักเสียงเพลง
ฉันรักสายลม
ฉันรักท้องฟ้า
ฉันรักอิสระ
ฉันคนไร้ราก
ผิงดาวยามไร้เดือน

คืนนี้ถ้าเธอหนาว ร่วมผิงดาวบนท้องฟ้า
จากรักจากศรัทธา....ของเรา

เป็นอะไรก็ได้มิใช่หรือ
แค่เป็นคนดีก็คงเีพียงพอ
[Add รันหณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.