|
เรื่องสั้นแนวยูริ : บันทึก ตอนที่ 7
บนรถไฟสายใต้ที่เราเดินทางกลับกรุงเทพเพื่อนฉันทั้งสามคนเหมือนแกล้งเพราะรู้ว่าตลอดการทำงานที่เกาะสมุยนั้นฉันแอบมองรุ่นน้องที่ชื่อนุ้ยตลอด(งูเริ่มปรากฏบนหัวแล้ว) จึงร่วมมือกันชวนน้องกบไปนั่งคุยด้วยและไล่ฉันให้มานั่งคุยเป็นเพื่อนน้องนุ้ยและอ้างสาเหตุว่าจะคุยงานที่ทำกันบนเกาะให้เสร็จเพราะน้องกบจะต้องลงที่สถานีนครปฐมไม่เข้าหัวลำโพงเนื่องจากบ้านของน้องอยู่ที่นั่น
สนุกไม๊น้อง ฉันถามทำลายความเงียบ
สนุกค่ะ นุ้ยพึ่งมาที่สมุยเป็นครั้งแรก เคยได้ยินแต่เค้าพูดกันว่าสวยนักสวยหนาเคยได้เห็นก็วันนี้แหละค่ะพี่ เธอตอบอย่างน่ารักในความรู้สึกของฉัน
พี่ก็เหมือนกัน พี่พึ่งลงใต้ครั้งแรกในชีวิตด้วยซ้ำ พี่เป็นคนทางเหนือเรื่องภาคใต้ไม่ค่อยถนัดเลย
เหรอคะพี่ นุ้ยพึ่งทราบว่าพี่เป็นคนเหนือจังหวัดอะไรคะ เธอถามเหมือนอยากรู้จริงๆ แล้วเราก็คุยกันอย่างสนุกสนานจนง่วงหลับกันไปในที่สุด
.......................................
ฉันมารู้สึกตัวตื่นกันอีกทีก็ถึงหัวลำโพงแล้ว
เฮ้ยตั๊กนายหลับยังงัยวะลึกขนาดนี้ ปลุกก็ไม่ตื่นน้องเค้าจะกลับบ้านแล้วไม่ช่วยเค้าหิ้วของกลับหละ แปลกคน เอ๋เอ่ยขึ้นเมื่อตอนที่พวกเรากำลังจะลงจากรถไฟเพื่อแยกย้ายกันกลับบ้านด้วยน้ำเสียงระอาใจกับความขี้เซาของฉัน
ไอ้บ้าใครจะกล้าเดี๋ยวแฟนน้องเค้าก็มารับเองแหละ ฉันตอบ
ใครบอกนายว่าน้องเค้ามีแฟนแล้ว
.
น้องเค้ายังไม่มีโว๊ย ชั้นสืบมาแล้ว ไปสิวะเดี๋ยวชวดกันพอดี เอ๋ออกคำสั่งฉันเหมือนใครสักคนที่ฉันเฝ้าคิดถึงเธออยู่ตลอด
นายรู้ได้งัยว่ายังไม่มีแฟน ฉันถามเพราะอยากรู้จริงๆ
ก็ใครหละที่เดินเก็บแบบสอบถามพร้อมชั้น ใครหละที่ลงเรือนอนไปกับน้องแล้วก็อ๊วกนะ ไม่ใช่ชั้นเหรอไอ้เพื่อนซื่อบื้อเอ๋ย ไปรีบเข้า เดี๋ยวชวดฉลูขาลเถาะหรอก
เออ ไปหละแล้วเจอกันที่มหาลัยนะเพื่อน แล้วฉันก็รีบวิ่งตามสาวสวยที่เดินเร็วราวกับวิ่งไปอย่างรีบร้อน
นุ้ย นุ้ย เสียงฉันตะโกนเรียกน้องดังลั่นตรงบริเวณป้ายรถเมล์เมื่อเธอกำลังจะเรียกแท๊กซี่เพื่อที่จะกลับบ้าน
พี่ไปด้วยสิคะ จะได้มีเพื่อนกลับ ฉันพูดเหมือนกับขอความเห็นและเชิงขอร้อง
อ้าว พี่ไม่กลับพร้อมพวกพี่เอ๋เหรอคะ
ไม่หรอกค่ะ พี่เค้าไล่พี่มา เอ๋ยไม่ใช่ให้พี่มาส่งนุ้ยกลับบ้านเพราะกลัวนุ้ยเป็นอันตราย ฉันอ้างไปงั้นแหละ เพราะหาสาเหตุไม่ได้ว่าจะไปกับเธอทำไมเพราะบ้านของเราอยู่กันคนละเส้นทาง
ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่ นุ้ยกลับได้แล้วค่อยเจอกันที่มอนะคะ ปฏิเสธแบบให้ความหวัง
ค่ะ แล้วเจอกัน โชคดีนะคะนุ้ย แล้วฉันก็ยอมเธอ
ฉันคิดในใจตัวเองตลอดเวลาว่าตัวฉันมันเป็นอะไรกันนะ ทำไมถึงได้ตามใจและยอมคนอื่นไปซะทุกเรื่องไม่มีความคิดเป็นของตัวเองเลยหรืองัย แล้วพอฉันมีความคิดเป็นของตัวเองบ้างฉันก็ต้องสูญเสียคนที่ฉันรักเพราะเธอไม่เคยที่จะได้รับการขัดขืนจากฉันหรือเปล่า
เมื่อฉันขัดขืนจึงยอมรับไม่ได้และเราก็จบกันอย่างที่ฉันไม่คิดว่าจะต้องเลิกลากันไปทั้งๆที่ฉันยังคงรักเธอจนถึงเดี๋ยวนี้ หรือนี่เป็นรักครั้งแรกที่ฉันไม่อยากลืมกันแน่ หากย้อนไปมองดูอดีตฉันก็ยังคงจะต้องทำแบบเดิมคือเดินออกจากชีวิตเธอเพื่อมามีชีวิตของฉันเอง
.
ความรักเอย เจ้าลอยลมมาหรือไร มาดลจิต มาดลใจ
เสน่หา รักนี้จริงจากใจหรือเปล่า หรือเย้าเราให้เฝ้าร่ำหา หรือแกล้งเพียงแต่แลตา ยั่วอุราให้หลงลำพอง สงสารใจฉันบ้าง วานอย่าสร้างรอยช้ำซ้ำเป็นรอยสอง รักแรกช้ำน้ำตานอง ถ้าเป็นสองฉันคงต้องขาดใจตาย
เสียงเพลงจากวิทยุดังมาให้ได้ยินเมื่อฉันนั่งรถกลับบ้านและเริ่มคิดตามเสียงเพลง จริงสินะรักแรกของฉันช้ำเสียเหลือเกิน แล้วรักครั้งที่สองของฉันที่พึ่งจะรู้สึกว่าเกิดขึ้นนี้จะเป็นอย่างไร ฉันจะช้ำอย่างที่เนื้อเพลงร้องหรือไม่
.
ใกล้เปิดเทอมแล้ว ปิดเทอมปีนี้ฉันไม่ได้กลับบ้าน ฉันบอกกับทางบ้านว่าฉันต้องทำงานและก็มีงานเยอะ ซึ่งทางบ้านก็ไม่ได้ว่าอะไร มีเพียงแม่และพี่สาวของฉันเท่านั้นที่แวะมาหาและหอบเอาของกินจากทางบ้านมาให้จนเต็มห้องของฉันไปหมด แม่บอกว่ากลัวฉันจะไม่เจริญอาหาร และสั่งให้ฉันตั้งใจเรียนให้จบเร็วๆ จะได้กลับบ้านไปช่วยแม่และพ่อทำงานที่บ้านซึ่งฉันก็ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธแต่อย่างใด
การที่ฉันไม่กลับบ้านในครั้งนี้เพราะฉันต้องการหนีใจตัวเอง ฉันรู้ว่าแมวได้กลับไปอยู่ที่บ้านแล้วตามคำบอกเล่าของพี่สาวของฉัน และฉันยังรู้อีกว่าแดงและพี่สาวของฉันตอนนี้สนิทกันมากเนื่องจากเพื่อนๆ ที่เรียนรุ่นเดียวกันไม่ค่อยที่จะมีใครกลับไปอยู่ที่บ้านมากนักจึงมีแต่พี่สาวของฉันและแดงเท่านั้นที่ยังคงติดต่อกันอยู่ตลอดเวลา จึงเป็นผลพลอยได้ของฉันที่ได้รับรู้ข่าวสารของแดงไปโดยปริยายและฉันก็ไม่สนใจที่จะติดตามฟังข่าวนั้นเลย
.
ฉันได้พบกับนุ้ยอีกครั้งในวันใกล้เปิดเทอม แต่เธอบอกกับฉันว่าวันนี้รถติดมากเพราะที่สนามหลวงกำลังมีการเดินขบวน ต่อต้านคณะรัฐบาลใหม่ แถวนั้นรถจึงไม่สามารถแล่นผ่านได้ต้องลงเดินแล้วมารอรถอีกถนนหนึ่งจึงจะสามารถนั่งรถมามหาวิทยาลัยได้
นุ้ยพี่ว่านะนุ้ยมาทางสายอื่นดีกว่าอย่างเช่นพระรามสี่น่าจะสะดวกกว่านะแถวนั้นเดี๋ยวโดนลูกหลงพี่กลัวนุ้ยจะเป็นอันตราย เอ๋บอกเพราะคิดว่าวิธีนี้เป็นการเดินทางที่ทำให้นุ้ยปลอดภัยที่สุด
นั่นน่ะสินุ้ย พวกพี่เป็นห่วงนะ แล้วกบหละมาหรือยัง
มาแล้วค่ะพี่ เห็นว่าจะไปโรงอาหารหาซื้อข้าวกลางวันและก็น้ำมาให้นุ้ยกับพวกพี่นะคะ ตอบแล้วก็ชะเง้อคอมองหาเพื่อนของตนและดูนาฬิกาข้อมือเนื่องจากเพื่อนของเธอไปโรงอาหารนานร่วมชั่วโมงแล้ว
เดี๋ยวก็มา ไม่ต้องกังวลหรอกน่าเอ๋บอก
นั่นสิ เดี๋ยวก็มา อ่อนั่นงัยวิ่งมาโน่นแล้ว เป็นงัยยะกบ ข้าวนะพึ่งไปปลูกมาหรืองัยไปนานเชียว พวกเราช่วยกันแซวกบอย่างอารมณ์ดี
ไม่ใช่หรอกพี่ พอดีเดินผ่านสโมเค้าคุยกันถึงเรื่องที่มีการประท้วง บอกว่าเมื่อวานแถวอุรุพงษ์ก็มีพวกแก๊งค์มอไซด์มาทุบไฟแดงแตกกระจายเต็มถนนไปหมด น่าเป็นห่วงนะพี่หนูว่าพรุ่งนี้หนูจะกลับบ้านแล้วหละ นุ้ยพรุ่งนี้เรากลับบ้านก่อนนะถ้าดูแล้วว่ามันไม่ดีตัวลงทะเบียนให้เราก่อนนะจะได้ไม่ต้องรีบกลับมารอให้ม๊อปสลายก่อนเพราะบ้านเราต้องผ่านทางนั้นเรากลัว" กบบอกนุ้ยเพราะเธอกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ
แล้วคืนนั้นเราก็ทำงานกันจนดึกแล้วจึงแยกย้ายกันกลับบ้าน
.............................................
ในตอนเช้าฉันได้รับโทรศัพท์จากเอ๋ที่พูดเสียงตื่นเต้นมาในสายว่า
ตั๊กนายรู้ไม๊นุ้ยไม่กลับบ้านเมื่อคืนนี้ไม่รู้ติดอยู่กับขบวนม๊อบหรือเปล่าสิ ชี้นติดต่ออกับกบกบบอกว่าแยกกันตรงกิ่งเพชรแล้วก็ไม่รู้ว่านุ้ยกลับบ้านทางไหนเอ๋พูดแล้วก็มีเสียงสั่นเครือตามมาเหมือนจะร้องไห้
ไม่มั๊ง เราว่าไม่มีทางหรอก น้องเค้าคงไม่เป็นไร นายใจเย็นๆ ดีกว่าเอ๋น้องคงไม่เป็นอะไร ฉันปลอบเพื่อแต่ในใจกลับคิดไปในทางกลับกัน เพราะนุ้ยเคยบอกกับฉันว่าเธอเคยลงรถที่สนามหลวงแล้วเดินมาที่นางเลิ้งเพื่อนั่งรถต่อมามหาลัยหากขากลับเธอทำแบบนั้นอีก เธอคงแย่แน่เพราะเมื่อคืนมีการยิงกันที่นั่น แล้วเธอจะเป็นอย่างไรคิดแล้วใจหาย
ไม่เป็นไรก็ดีเราจะได้ไม่คิดมาก อ่อแล้ววันนี้ไม่ต้องไปมอนะ พวกเราจะทำงานกันที่บ้านใครบ้านมันแล้วเปิดเทอมค่อยเอามารวมกันนะเพื่อน เอ๋บอกแนวความคิดแล้วก็วางหูไป
พอวางหูจากเอ๋ ฉันก็รีบหาเบอร์โทรศัพท์ของบ้านนุ้ยเพื่อที่จะโทรไปถามข่าวคราวของนุ้ยจากที่นั่น
ยังไม่กลับมาเลยหนู หนูเป็นเพื่อนนุ้ยเหรอคะ น้าก็รอนุ้ยตั้งแต่เมื่อคืนไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังงัย ว่าจะโทรไปตามโรงพยาบาลต่างๆ ก็หาไม่เจอ น้าล่ะใจไม่ดีเลยหนูจ๋า เสียงแม่เธอบ่นออกมาด้วยความเป็นห่วงลูกสาวเป็นอย่างมาก
เดี๋ยวหนูจะช่วยตามหาอีกแรงค่ะคุณน้ามีอะไรคุณน้าโทรมาสั่งที่หอพักได้เลยนะคะหนูจะโทรมาเช็คเป็นระยะค่ะ ฉับบอกพร้อมกับเก็บเป้ใบโตของฉันเพื่อเตรียมออกจากบ้านไปตามหาน้องนุ้ย
ฉันขับรถไปตามโรงพยาบาลต่างๆ เห็นสภาพถนนแล้วตกใจ ไฟแดงทุกสี่แยกสามแยกล้วนโดนทุบแหลกละเอียด แถวสนามหลวงปิดถนน เห็นรถตำรวจที่สน.นางเลิ้งโดนเผา รถเมล์ปิดทางเดินรถ ฉันอ้อมไปทางสะพานกรุงธนไปโรงพยาบาลแถวฝั่งโน้นเพื่อขอตรวจเช็ครายชื่อของคนเจ็บในเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ ตระเวนอยู่สองถึงสามแห่ง จนท้อใจเพราะต้องพบกับผู้ที่บาดเจ็บและล้มตายเป็นอย่างมากจนรู้สึกเศร้าใจอย่างบอกไม่ถูกกับการตัดสินใจกระทำการอันเป็นที่อุกอาจของรัฐบาลในสมัยนั้น และในที่สุดฉันก็ได้พบกับกระเป๋าใบหนึ่งที่คุ้นตา ในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใช่สิกระเป๋าหนังสือของนุ้ย
ฉันจำสีกระเป๋าและพวงกุญแจที่ห้อยได้เพราะพวกเราทั้งหกคนซื้อมาจากเกาะสมุยด้วยกันโดยเป็นความคิดริเริ่มของเอ๋ว่าพวกเราต้องมีของที่ระลึกจากการมาทำงานครั้งนี้และเราก็ต้องเอาติดโชว์เพื่ออวดสายตาประชาชนในคณะให้อิจฉาเล่นว่าเราได้มาเที่ยวที่สมุย ใช่ ใช่จริงๆ นั่นแหละ
คุณพยาบาลคะนี่กระเป๋าของเพื่อนหนู แล้วเพื่อนหนูอยู่ไหนคะ ฉันถามอย่างร้อนรน
เอ่อของเพื่อนน้องเหรอ พี่กำลังจะติดต่อญาติของเค้าอยู่พอดี น้องมาก็ดีแล้วช่วยติดต่อญาติมารับด้วยนะคะ เธอพูดพร้อมกับสอบถามชื่อและที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ของญาติเพื่อที่จะติดต่อด้วย โดยที่ฉันก็ยังไม่ได้พบกับนุ้ยเพราะเธออยู่ในห้องไอซียู
หนู นุ้ยเป็นงัยบ้าง แม่เธอถามฉันขณะที่ฉันรออยู่หน้าห้อง
ยังไม่ทราบเลยค่ะหมอยังไม่ออกมาจากห้องเลยเห็นว่ามีคนไข้ฉุกเฉินมากเหลือเกิน ฉันก็ยังคงเป็นห่วงเธออยู่ดีหลังจากที่รอเธออยู่หน้าห้องนั้นเป็นเวลาเกือบสองชั่งโมงแล้ว และในที่สุดประตูห้องก็เปิดออก
ใครเป็นญาตินางสาวธิติญาครับ หมอเดินออกมาสอบถาม
ดิฉันเป็นแม่ค่ะคุณหมอ
หมอเสียใจด้วยนะครับ เธอเสียเลือดมากและก็เป็นโรคหัวใจด้วยหมอช่วยไว้ไม่ทัน หมอพยายามอย่างดีที่สุดแล้วครับ แล้วหมอก็เดินจากไป
ฉันและแม่ของนุ้ยยืนงงมองหน้ากันไปมาโดยที่ไม่มีคำพูดใดๆ ออกมาจากปากของเราทั้งสองคนเลย ฉันยอมรับว่าแม่ของนุ้ยใจแข็งมากเธอติดต่อทุกอย่างเสร็จโดยที่ฉันเป็นเพียงผู้ช่วยที่ทำอะไรไม่เป็นเลย ฉันพึ่งรู้วันนี้เองว่านุ้ยเหลือเพียงแม่คนเดียวเท่านั้นเธอเสียพ่อไปตั้งแต่อายุยังน้อยด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ มีเพียงแม่ของเธอเพียงคนเดียวที่เลี้ยงเธอและน้องสาว
พวกเราไปช่วยงานสวดอภิธรรมศพของนุ้ยกันทุกวันทั้งช่วยทั้งเลี้ยงพระและสวดตอนกลางคืน แม่เธอบอกว่าจะสวดแค่ 5 วันเท่านั้น และจะเผาเลย
ในวันเผาศพนุ้ยฉันขออธิษฐานว่าขอให้เธอสู่สุขติอย่าได้เป็นห่วงอะไรทางนี้เลยและหวังว่าเธอคงจะได้สงบในภพที่เธอไปอยู่ ด้วยใจที่เศร้าหมองของฉัน
.
Create Date : 02 ธันวาคม 2550 |
Last Update : 2 ธันวาคม 2550 16:07:22 น. |
|
0 comments
|
Counter : 336 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|
Location :
ปทุมธานี Thailand
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
|
|
|
|
|
|