It's not easy to be me
Group Blog
 
All blogs
 
เรื่องแนวยูริ : อนันตราบทที่ ๙

บทที่ ๙

หลังรับประทานอาหารกันเรียบร้อยแล้วทั้งสามคนก็มานั่งดูรายการโทรทัศน์ร่วมกัน คุณกฤติกามีเสื้อของลูกค้าที่ต้องสอยติดมือมานั่งทำงานอยู่ด้วย

“คุณแม่คะคุณแม่เคยคิดจะลองทำสวนแบบไร้สาร ปลูกผักปลอดสารพิษขายแบบให้ลูกค้ามาเก็บเองบ้างหรือเปล่า” นิชาภัทรเสนอแนวคิดที่คิดว่าน่าจะทดลองทำ

“ไม่เคยคิดเลยคุณนิ ถามทำไมหรือคะ” คุณกฤติกาหันไปถามนิชาภัทรที่เสนอแนวคิดแปลกใหม่สำหรับตัวเธอ

“ก็นิเห็นเนื้อที่ที่บ้านคุณแม่มีเยอะมาก อีกอย่างตาเค้าบอกกับนิว่าคุณแม่ไม่ใช้สารพิษฆ่าแมลง นิก็เลยคิดว่าทำไมไม่ลองปลูกผักแบบปลอดสารกางมุ้งให้แล้วก็ให้คนซื้อเข้ามาเก็บเอง นิเคยเห็นแถวๆ สุพรรณเค้าทำกัน แบบนั้นดูจะดีออกค่ะ คนจากกรุงเทพฯ พอไปเที่ยวแถวนั้นก็แวะเข้าไปซื้อผักปลอดสารเก็บเองไม่ต้องจ้างคนงาน แถมได้ราคาดีกว่าผักทั่วไปอีกด้วย”

“แต่บ้านแม่มันอยู่ลึกนะใครเค้าจะเข้ามาในนี้หล่ะคุณนิ อีกอย่างแม่ก็ไม่ได้มีความรู้ในเรื่องผักปลอดสารนี่สักเท่าไหร่ จะให้มาลงมือทำก็คงจะยาก” คุณกฤติกาท่าทางดูหนักใจกับข้อเสนอของนิชาภัทร เพราะตัวเธอเองไม่มีความรู้เชิงเกษตรกรรม แถมคนงานในละแวกบ้านก็หายาก ทุกบ้านจะส่งลูกร่ำเรียนสูงๆ เพื่อให้หางานทำในบริษัทใหญ่โตโก้หรูมากว่าที่จะให้ลูกๆ มาตรากตรำทำสวนแบบคนรุ่นพ่อแม่

“ไม่ลึกหรอกคะคุณแม่ทีที่ไกลๆ คนยังไปซื้อได้ นิว่าพวกหมู่บ้านแถวๆ นี้ก็ต้องมีใครสักบ้านหล่ะค่ะที่ต้องการผักปลอดสารพิษ ส่วนเรื่องที่จะทำแบบไหนนิจะไปดูมาให้คุณแม่เอง ถ้าไปได้สวยบางทีนิจะหาทัวร์มาลงที่บ้านคุณแม่แต่ไม่คิดค่านำทัวร์มาลงนะคะ

นิเห็นคุณแม่มีพื้นที่ว่างๆ อยู่ แถวข้างๆ คลองก็จะเหมาะ เวลามีทัวร์มาลงก็เปิดร้านกาแฟ ทำโน่นนี่ไปวางขาย ผลไม้คุณแม่ก็มีเยอะ แบบนี้ไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง ราคาขายเราก็ดูจากราคาตลาดที่เค้าขายกันหรือไม่เราตั้งราคาเอง ไม่ต้องเสียค่าขนส่งไปส่งถึงตลาด แบบนี้นิว่าถ้าเราทำได้คงไปได้สวย” นิชาภัทรเริ่มเห็นแนวทางการทำงานที่เธอคิดว่าจะเปิดทัวร์แนวใหม่ ประเภททัวร์วัดปลอดสารพิษในระเวกปริมณฑล และก็เป็นการเสริมรายได้ให้กับคุณกฤติกาด้วยไปในตัว

“ถ้าคุณนิเห็นว่าดีก็ลองไปศึกษาดูค่ะ แม่ก็แล้วแต่ตาเค้าว่าจะเอาด้วยหรือเปล่า ลำพังแม่คนเดียวคงทำไม่ได้ อีกอย่างเงินทุนเราก็มีไม่มากพอ ที่พออยู่พอกินทุกวันนี้ก็เพราะสวนพอมีรายได้ ตาเค้าก็มีงานทำพอมาจุนเจือทางบ้านได้บ้าง”

“เรื่องเงินทุนคุณแม่ไม่ต้องห่วงค่ะนิจะหาให้เองแล้วก็ค่อยๆ ผ่อนใช้นิเรื่องนี้คงไม่มีปัญหา สำคัญที่ว่าคุณแม่จะเห็นด้วยหรือเปล่าเท่านั้น แรก ๆ เราอาจจะหาตลาดได้ยากนิดหน่อย แต่พอเริ่มอยู่ตัวนิคิดว่าตลาดไม่ใช่ปัญหา สำคัญที่ว่าเราจะผลิตได้ทันส่งในตลาดหรือเปล่าเท่านั้น”

“ตาว่านะพี่นิมันออกจะฝันมากไปหรือเปล่า แบบที่พี่นิพูดมาตาก็เห็นด้วยแต่เรื่องตลาดกับการลงทุนมันจะคุ้มกันรึเปล่า อีกอย่างแล้วใครจะมาช่วยแม่ตาคงไม่มีเวลามาช่วยได้ทุกวันหรอกนะคะพี่ ก็งานพี่ออกจะล้นมือ” อนันตราขัดแย้งในท่าทีของนิชาภัทรอย่างเห็นได้ชัด

“เรื่องคนเรื่องทุนไม่ใช่ประเด็นแต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่เรามีเนื้อที่ มีพื้นที่แถมอยู่ใกล้ตัวเมือง อีกอย่างที่สำคัญไม่แพ้กัน ถ้าคุณแม่ทำแบบที่นิว่าเสี่ยทั้งหลายก็จะไม่มารบกวนขอซื้อที่ดินของคุณแม่อีกเพราะเค้าจะรู้ว่าเค้ามาผิดเจ้าของที่ไม่มีทางขายให้พวกเค้าแน่นอน” นิชาภัทรบอกเหตุและผลของความคิดของเธอซึ่งนั่นก็ทำให้คุณกฤติกาเห็นคล้อยตามไปด้วย

คุณกฤติกาเริ่มเบื่อหน่ายกับบรรดาเหล่านายทุนที่แวะเวียนมาที่บ้านสวนของเธอเพื่อขอซื้อที่ไปทำหมู่บ้านหรือทำรีสอร์ต ทุกวันนายทุนทั้งหลายจะแวะเวียนมาไม่มีหยุดหย่อน ทั้งๆ ที่เธอไม่ได้ติดประกาศขาย หากแนวคิดของนิชาภัทรเป็นได้จริงๆ นายทุนเหล่านั้นคงล้มเลิกการเวียนเข้าเวียนออกและบ้านของเธอจะได้สงบจากคนที่ไม่พึงประสงค์จะให้เข้ามา

.................................................
นิชาภัทรติดต่อไปที่ศูนย์ส่งเสริมการเกษตรเพื่อจะขอข้อมูลการปลูกพืพแบบปลอดสารพิษ และก็ได้รับข้อมูลมาอยู่ในมือเธอ และเธอก็เริ่มรู้แล้วว่าการทำการเกษตรไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดไว้ เธอจ้างคนมาปรับปรุงพื้นที่เพื่อให้เหมาะสมกับการทำโรงเรือนเพื่อปลูปผักแบบไฮโดรโปนิกส์ไม่ใช้ดิน การลงทุนไม่สูงมากแต่ดูจะคุ้มค่า เพราะการปลูกใช้เวลาไม่นานประมาณ ๒๐-๓๐ วันก็ให้ผลผลิต

นิชาภัทรลงทุนจ้างผู้ดูแลมาดูแลระบบในระยะเริ่มแรก ผลผลิตที่ได้ในครั้งแรกนั้นเธอใช้วิธีติดประกาศขายริมทางและปักป้ายให้คนในละเวกนั้นเข้ามาซื้อเอง และนำมาขายหน้าบริษัททัวร์ของเธอ โดยให้คนทำสวนที่บ้านอนันตรามาเป็นผู้ขาย จัดใส่บรรจุภัณฑ์อย่างดี ติดฉลากบอกแหล่งผลิตไว้ที่ถุง หากขายไม่ได้อาหารหลักของพนักงานก็คือสลัดผัก ที่ทุกคนจะได้เป็นประจำทุกวัน ฝีมือทำน้ำสลัดก็ไม่ใช่ใครอื่น คุณกฤติกานั่นเอง ผักผลไม้ทุกอย่างล้วนมาจากสวนคุณกฤติกาที่นิชาภัทรไปลงทุนเอาไว้

นับเป็นการมองการไกลของนิชาภัทรที่เริ่มลงทุนเรื่องผักปลอดสารพิษ ไม่นานนักก็มีชมรมมังสวิรัสมาขอติดต่อซื้อเป็นขาประจำ ผลไม้ก็พลอยขายดีไปด้วย คนที่แวะเวียนมาทั้งขาประจำและขาจรจะชอบใจกับการลงไปเลือกเองในสวน แปลงไหนที่ถึงเวลาจะต้องเก็บเกี่ยวผลผลิตก็จะปักป้ายว่าเก็บได้ แปลงไหนเก็บไม่ได้ก็จะปิดมุ้งไว้ วนเวียนกันเรื่อยไป

อนันตราไม่ได้รับรู้เรื่องราวอะไรมากมายนักเพราะเธอเองต้องยุ่งอยู่กับการทำงานในบริษัท ที่นับวันนิชาภัทรจะหายจ้อยไปไม่บอกไม่กล่าว เธอกำลังคิดว่าใครเป็นเจ้าของบริษัททัวร์และใครเป็นเจ้าของสวนกันแน่ แบ่งแยกหน้าที่ได้งงจริงๆ เจ้านายเธอคนนี้ และคุณกฤติกาก็ยิ่งนับวันก็จะยิ่งเกรงใจนิชาภัทรมากขึ้นทุกที จนเธอแทบแตะต้องนิชาภัทรไม่ได้ จะบ่นอะไรนิดหน่อยมารดาของเธอก็ออกรับแทนเสมอๆ

“พี่นิถามนิดเถอะนะคะตกลงบริษัททัวร์นี่ของพี่ปะ” อนันตราทนไม่ได้ในวันหนึ่ง

“ใช่ของพี่”

“แล้วบ้านสวนนะของตาหรือเปล่า”

“ก็ใช่ของตา ถามทำไมหล่ะตา” นิชาภัทรไม่เข้าใจสิ่งที่เลขาของเธอถาม

“ก็ตอนนี้พี่ทำเหมือนบ้านตาเป็นบ้านพี่แล้วก็บริษัทของพี่เป็นของตา ตกลงจะเอาไงกันแน่พี่ ตาชักจะงงไปกันใหญ่แล้ว จะทำอะไรก็ทำสักอย่างนี่พอใครถามหาพี่นิ ตาก็ต้องออกมารับหน้าเสื่อแทนทุกครั้ง หัดอยู่บ้านตัวเองซะบ้างไม่ใช่ไปอยู่บ้านตา หรือว่าจะแลกบ้านกันเลยดีมะพี่ตาจะได้ไม่ต้องเดินทาง” อนันตราประชดประชันเจ้านาย ซึ่งตอนนี้คงเปลี่ยนไปเป็นลูกรักของแม่เธอไปแล้ว

“ดี ตาย้ายมานี่พี่จะได้ย้ายไปอยู่บ้านตาถาวร” นิชาภัทรเออออไปกับอนันตรา

“บ้า...พี่นิจะบ้าเหรอ นั่นนะบ้านตา แม่ตา สวนก็ของตาบ้าไปเปล่าพี่”

“อ้าวก็นึกว่าจะแลกจริงๆ พี่ก็กำลังอยากแลกอยู่พอดี”

“คิดได้ไงหล่ะนี่ คนเรา”

“คิดได้สิใช้สมองอันชาญฉลาดของพี่คิดไง”

“หางจะยาวไปไหมนั่นยกซะสูงเชียว” อนันตรายิ่งหมั่นไส้คนตรงหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ

“ไม่มีหางถึงมีก็ไม่ใช่สีแดงก็แล้วกันตาเตรียมลงทัวร์ได้เลยนะออกพรรษานี้ไปทัวร์บ้านตา ไม่ต้องต่อรองเราจะจัดทัวร์ส่งเสริมการเกษตรแบบครบวงจร ไปดูกล้วยไม้ที่นครปฐมคนชอบถ่ายรูปไม่น่าพลาด และจัดไปพวกตลาดน้ำ แถวดำเนินหรือแถวอัมพวาแต่ตอนแรกจะแวะบ้านตาเป็นที่แรกก่อน ให้แวะซื้อผลไม้หรืออะไรติดไม้ติดมือไปก่อน

เริ่มร่างโปรแกรมาให้พี่ได้แล้วอย่างลืมตืดต่อเวปไซด์เอาไปลงโปรแกรมทัวร์ให้พี่ด้วยดูว่ามีเวปไหนที่คนเข้ามากๆ ให้ทางไอทีทำรูปแบบเวปรองรับไว้ อีกไม่เกิน ๓ วันพี่จะเอารูปมาให้ แล้วก็อย่าลืมขอรายละเอียดของสถานที่ที่เราจะไปลงทัวร์มาลงในเวปด้วย อ่ออีกอย่างวันนี้ทานข้าวบ้านตารีบกลับบ้านเร็วๆ ด้วยหล่ะคุณแม่กับพี่จะได้ไม่ต้องหิ้วท้องรอนานเกินไป โอเคพี่ไปหละเดี๋ยวไม่ทันเค้าเอาปุ๋ยมาลง” แล้วนิชาภัทรก็ผลุบหายไปพร้อมกับเสียงสั่งงาน

อนันตราทำหน้าเหวอ ตายแล้วอะไรกันนี่เจ้านายฉัน สั่งๆ แล้วก็หายบ้าชะมัด ก็ใช่สินะเธอกินเงินเดือนเค้าก็แบบนี้แหละ ต้องทำตามคำสั่งอยู่ร่ำไป อีกหน่อยคงต้องฟังคำสั่งทางโทรศัพท์แล้วหละสินี่

“เฮ้อ” อนันตราถอนหายใจอย่างเซ็งกับชีวิต

................................................

อนันตราจัดการงานที่บริษัทเรียบร้อยก็เกือบจะทุ่มกว่า งานที่นิชาภัทรสั่งไว้ดูเหมือนง่ายแต่ทำยาก ทั้งวันเธอต่อโทรศัพท์ติดต่อเวปไซด์ต่างๆ หารายละเอียดข้อมูลของราคาค่าลงพื้นที่โฆษณาถึงจะได้มาเท่าไหร่ก็ต้องให้นิชาภัทรเป็นคนตัดสินใจว่าจะลงในเวปไซด์ไหนบ้าง วันนี้เธอจึงหอบเอางานทุกอย่างไปให้นิชาภัทรดูที่บ้านของเธอ

เมื่ออนันตรามาถึงที่บ้านก็เห็นนิชาภัทรคุยถูกคออยู่กับมารดาของเธอ ระยะหลังๆ นี้นิชาภัทรแทบจะอยู่บ้านเธอทั้งวัน ยกเว้นตอนนอนที่นิชาภัทรจะกลับไปที่บ้านของหล่อนเอง อนันตราเริ่มจะรู้สึกว่าความเป็นส่วนตัวของเธอจะหายไป คนเริ่มพลุกพล่านมากขึ้นในบ้านสวน คนงานมากหน้าหลายตาทั้งคนไทยและคนงานประเทศเพื่อนบ้าน กระต๊อบหลังเล็กๆ แถวปลายสวนเริ่มมีให้เห็นสองสามหลัง นี่นิชาภัทรจะมาเจ้ากี้เจ้าการกับบ้านเธอมากไปหน่อยหรือเปล่า แต่เมื่อคุณกฤติกาไม่ได้ว่าอะไร เธอก็เลยเฉยๆ กับเรื่องดังกล่าว

จะว่าไปก็เป็นการเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัวของเธอเอง และอีกไม่นานบ้านของเธอก็จะกลายเป็นที่สาธารณะ เป็นที่ให้นักท่องเที่ยวมาดูการปลูกพืชแบบปลอดสารพิษ ที่นิชาภัทรจะทำแปลสาธิตและจำหน่ายสินค้ารวมทั้งการขายอุปกรณ์การปลูกแบบง่ายๆ ให้กับนักท่องเที่ยวด้วย

“วันนี้มีอะไรทานคะแม่”

“เหมือนเดิมจ๊ะ ผัดผักกับน้ำพริก”

“อืมค่ะ ดีจังงั้นตาไปอาบน้ำก่อนนะคะแม่ อ่อพี่นิ รายละเอียดงานต้องดูวันนี้เพราะพรุ่งนี้จะต้องติดต่อแล้ว พี่นิบอกมาแล้วกันว่าจะลงที่ไหน แล้วรูปที่พี่บอกขอด่วน”

“อยู่ในกล้องพรุ่งนี้เอาให้ตอนตาไปที่ทำงานแล้วกัน รีบๆ ไปอาบน้ำได้ พี่หิวแล้ว”

“จ๊าเจ้านาย” แล้วอนันตราก็เดินเลี่ยงไปปล่อยให้มารดาและนิชาภัทรอยู่คุยกันตามลำพังเช่นเดิม

..................................................

ถึงทัวร์ที่จะไปมีลูกทัวร์ไม่มากแต่ก็พอคุ้มทุนเพราะอนันตราและนิชาภัทรลงมือเอง ลูกทัวร์คนเดิมของอนันตรากลับมาอีกครั้ง คุณป้าขี้สงสัยกับหลานชายของเธอและคุณตากล้องจอมยืดยาดคนเดิมกลับมาอีกในทริปนี้ อนันตรารู้สึกว่าจะเป็นการเปิดตัวเกินไปเพราะเธอเคยปฏิเสธคุณป้าขี้สงสัยไปแล้วว่าเธอนั้นมีคนรักอยู่แล้ว แต่นี่กลับเป็นการพาไปถึงบ้านไปดูสวน อนันตราอยากจะบ้าตายลงไปต่อหน้าต่อตาคุณป้าขี้สงสัยคนนั้นจริงๆ

เริ่มแรกก็ไม่เท่าไหร่แต่เมื่อมาเห็นมารดาเธออยู่ที่สวนก็รู้แล้วว่านี่คือบ้านของเธอ

“อ้าวไหนหนูตาบอกป้าว่ามีแฟนแล้วไม่ใช่หรือจ๊ะทำไมไม่เห็นแฟนของหนูอยู่ที่บ้านเลยหละจ๊ะ” คุณป้าขี้สงสัยเอ่ยถามเมื่อมองไม่เห็นแม้แต่เงาของแฟนที่อนันตราเคยเอ่ยอ้าง

“เอ่อคือ”

“ก็นิไงคะป้า นิเป็นแฟนของตา แต่ตาเค้าไม่อยากให้คุณป้ารู้เพราะคิดว่าไม่จำเป็น” ยังไม่ทันที่อนันตราจะเอ่ยอะไรนิชาภัทรก็พูดสวนขึ้นมาทันทีและเดินไปโอบเอวของอนันตราราวกับคนรักกัน

อนันตราทำหน้าปุเลี่ยนๆ เพราะรับมุขของเจ้านายไม่ทัน แถมท่าท่าเป็นเจ้าข้าวเจ้าของที่นิชาภัทรแสดงออกนี่ก็ทำให้เธอแทบจะแทรกแผ่นดินหนี จะให้ปฏิเสธก็เกรงเจ้านายตัวดีจะเสียหน้าแต่จะให้รับก็ใช่ที่

“อ่อแบบนี้นี่เองมิน่าถึงได้ไปไหนต่อไหนกันสองคนบ่อยๆ ป้าก็ว่าแล้วว่าทำไมเจ้าของบริษัทถึงได้มาขับรถเอง ที่แท้ก็เพราะไกด์สาวเป็นแฟน แหมน่าเสียดายจริงๆ” พูดจบป้าขี้สงสัยก็เดินเข้าไปดูสวนด้านในแต่ที่สำคัญหลานชายของป้าเดินมาใกล้ๆ อันตราแล้วกระซิบว่า

“ขอบคุณนะฮ่ะที่บอกป้าผมไปแบบนั้นไม่อย่างนั้นผมตายแน่ๆ ต้องมาจีบคุณ เพราะผมเป็นเกย์”

อนันตราอึ้งไปอีกครั้งนี่มันวันอะไรกันหละนี่เธอต้องมาเจอะเจออะไรแบบนี้ โอ๊ยพระเจ้าช่วยลูกด้วย

ส่วนตัวแสบที่ก่อเรื่องตอนนี้ยืนหัวเราะยิ้มอย่างสะใจที่ได้แกล้งลูกน้องสาวให้ได้หัวปั่นถึงแม้ว่าเธอจะหวังอยู่ลึกๆ ว่าสักวันหนึ่งสิ่งที่เธอหวังจะต้องเป็นจริง แต่คงไม่ใช่วันนี้อย่างแน่นอน


...........จบบทที่ ๙..........



Create Date : 20 มีนาคม 2551
Last Update : 23 มิถุนายน 2551 18:38:25 น. 11 comments
Counter : 325 Pageviews.

 


โดย: Opey วันที่: 20 มีนาคม 2551 เวลา:5:55:03 น.  

 
ตอนใหม่มาแล้ว บ้านหนูตา เปลี่ยนเป็นที่เที่ยวไปแล้ว เอคุณผิงดาวไปเอาแนวคิดนี่มาจากไหนค่ะเนี้ย
แหม คิดว่าบุกมาอยู่บ้านสาวตาแล้ว พี่นิคนน่ารักจะลงมือซะหน่อย ป่าวเลย ยังช้าเหมือนเดิม แล้วอย่างนี้เมื่อไรกันหนอที่หนูตาจะรู้เนื้อรู้ใจตัวเองซักที ลุ้นตัวโก่งนะคะ อ๋อ เพลงบรรเลงนี้ เพราะดีค่ะ
รอติดตามตอนต่อปายยยยย


โดย: ต้นรัง IP: 118.172.164.69 วันที่: 20 มีนาคม 2551 เวลา:9:50:10 น.  

 
คุณ Opey ขอบคุณสำหรับไอติมน่าตาน่าหม่ำค่ะ เห็นแล้วน้ำลายสอ

คุณต้นรัง
แนวคิดเรื่องปลูกผักนะเหรอคะ ฉันเห็นแถวๆ คลองรังสิตและที่สุพรรณเค้าทำกันเป็นกิจลักษณะค่ะ

คุณไม่รู้ซะแล้ว พี่นิใช้การแทรกซึมแบบตั้งตัวไม่ติด มาทางแม่เลยนะนั่น แผนสูงจริงๆ เหยียบเมฆมาแบบหงอคงเลยเชียว แบบพี่นิถาแม่ไฟเขียว สมภารก็หม่ำไก่ได้อย่างสบายแล้ว คริกๆๆๆ

ช้าๆ ได้อนันตรามาเชยชม คิดได้ไงน้อฉัน


โดย: รันหณ์ วันที่: 20 มีนาคม 2551 เวลา:10:09:55 น.  

 
555 เรียกว่า เข้าทางผู้ใหญ่ สบายหายห่วงเลยนะคะ
แต่วิธีนี้ ได้ผลเกือบทุกครั้งคะ คิดอยู่ว่าวันนี้เข้ามาจะได้อ่านตอนใหม่มั้ยน๊า 555 ในที่สุดก็....

คุณต้นรังคะ...
ทาย..ว่าพี่นิคงใช้วิธีแบบยาเสพติดมั้งคะ ค่อยๆติดทีละนิดรู้สึกตัวอีกทีก็ถอนตัวไม่ขึ้นซะแล้ว

มุขสุดท้ายดีนะฮ๊า...ที่ผมเป็นเกย์


โดย: ทาย IP: 58.137.154.195 วันที่: 20 มีนาคม 2551 เวลา:12:52:49 น.  

 
ขอแอบมาขำคุณทายสัดนิดเถอะนะ

สมภารนิเข้าทางผู้ใหญ่เปิดทางให้ดีกว่าให้เด็กวัดฆ่าไก่ให้อีกเนอะคุณทายเนอะ




โดย: รันหณ์ วันที่: 20 มีนาคม 2551 เวลา:13:15:00 น.  

 
ว้าว เปิดปุ๊บ ได้ตอนใหม่ปั๊บเลย


เมื่อไหร่จะเป็นแฟนกันจริงล่ะครับ


โดย: ข้าว IP: 202.44.135.242 วันที่: 20 มีนาคม 2551 เวลา:14:14:23 น.  

 
เมื่อเอยเมื่อนั้น รจนานารีมีศักดิ์
เทพไทอุปถัมภ์นำชัก นงลักษณ์ดูเงาะเจาะจง
นางเห็นรูปสุวรรณอยู่ชั้นใน เอารูปเงาะสวมใส่ให้คนหลง
ใครใครไม่เห็นรูปทรง พระเป็นทองทั้งองค์อร่ามตา
ชะรอยบุญเราไซร้จึงได้เห็น ต่อจะเป็นคู่ครองกระมังหนา
คิดพลางนางเสี่ยงมาลา แม้นว่าเคยสมภิรมย์รัก
ขอให้พวงมาลัยนี้ไปต้อง เจ้าเงาะรูปทองจงประจักษ์
เสี่ยงแล้วโฉมยงนงลักษณ์ ผินพักตร์ทิ้งพวงมาลัยไป

หุหุ นึกถึุงรจนาเสี่ยงพวงมาลัยได้ไงหละนี่ คงต้องรอให้พี่นิถอดรูปเงาะปลาไหลออกก่อนมังค่ะคุณข้าวจ๋า

กว่ารจนาอนันตราจะได้เห็นรูปทองคงอีกหลายเพลากรัมัง คริๆๆๆ


โดย: รันหณ์ วันที่: 20 มีนาคม 2551 เวลา:14:23:33 น.  

 
พี่รันหณ์คะ...

กว่ารจนาจะเห็นเนื้อในของพระสังข์มีหวัง...ปลาไหลคงกลืนพระสังข์ไปทั้งตัวแล้วล่ะคะ
เข้าตำราปลาไหลเรียกพี่อีกคนแล้วมั้งคะ...พี่นิของน้องอนันตรา


โดย: ทาย IP: 58.137.154.195 วันที่: 20 มีนาคม 2551 เวลา:16:41:20 น.  

 
แบบนั้นน้องตาก็แย่นะนิเนอะคุณทาย โดนปลายไหลงาบไปแล้ว ว่าแต่ที่คุณพูดถึงนะ อานาคอนด้าหรือปลาไหลกันคะ ถึงได้งาบอนันตราได้ทั้งตัวอะคะคุณน้องทายจ๋า


โดย: รันหณ์ วันที่: 20 มีนาคม 2551 เวลา:16:54:06 น.  

 
เฮ้อ ระดับปลาไหลอย่างนิ
จะถอดรูปเมื่อไหร่ล่ะเนี้ย

คงจะแก่กันไปข้างหนึ่งอ่ะป่าว เหอๆๆ

ตอบเป็นกลอนเชียวนะคับ


โดย: ข้าว IP: 202.44.135.242 วันที่: 20 มีนาคม 2551 เวลา:21:23:50 น.  

 
ูคุณข้าว ฉันนึกถึงตอนรจนาเสี่ยงพวงมาลัยค่ะ

พวงมาลัยเจ้าเอ๋ยก่อนนี้เคย ได้สวมคอ
เดี๋ยวนี้ซิหนอ….ฉันมารอพวงมาลัย
มาลัย ลอยเวียนลอยวน ลอยวนอยู่บนน้ำใส
จะสวมคอใคร นะพวงมาลัยเจ้าเอย ๆ


โดย: รันหณ์ วันที่: 21 มีนาคม 2551 เวลา:12:07:17 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รันหณ์
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ฉันคือฉัน
ฉันรักเสียงเพลง
ฉันรักสายลม
ฉันรักท้องฟ้า
ฉันรักอิสระ
ฉันคนไร้ราก
ผิงดาวยามไร้เดือน

คืนนี้ถ้าเธอหนาว ร่วมผิงดาวบนท้องฟ้า
จากรักจากศรัทธา....ของเรา

เป็นอะไรก็ได้มิใช่หรือ
แค่เป็นคนดีก็คงเีพียงพอ
[Add รันหณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.