It's not easy to be me
Group Blog
 
All blogs
 
เรื่องแนวยูริ : อนันตราบทที่ ๑๖

บทที่ ๑๖

“ตาเราไปเมืองกาญฯ กันนะ ไปแบบที่เราไม่เครียดมากเรียกว่าเอาลูกทัวร์ไปไม่มาก ให้คนขับไปด้วยงานนี้พี่คงไม่ไหว ตาชวนจิวไปด้วยสิจะมีเพื่อนพี่มาด้วยอีก ๒ คน เราไปนอนค้างกันที่นั่นสักคืน ไม่มีอะไรมากโอเคไหม” นิชาภัทรบอกกับอนันตรา

“ตาชวนจิวไว้แล้วพี่นิ ชวนตั้งแต่วันก่อนโน้นเห็นพี่นิบอกว่าจะไปก็เลยลองชวนดู แล้วเพื่อนพี่นิจะมากันวันไหนหล่ะคะ” อนันตราพูดแบบรู้ทันนิชาภัทรซึ่งก็ทำให้นิชาภัทรงงว่าอนันตรารู้ได้อย่างไรกัน

“อ้าวรู้ได้ไงว่าพี่คิดจะไปเมืองกาญฯ หล่ะสาวน้อย เดี๋ยวนี่รู้จริงนะอย่างกับนักสืบ” นิชาภัทรกระเซ้าอนันตราที่ตอนนี้เหมือนเธอคิดจะทำอะไรอนันตราก็จะรู้ไปหมดทุกเรื่องราว

“เอ๊าก็พี่นิให้หาข้อมูลเมืองกาญฯ ตาก็เลยรู้สิคะว่าพี่นิจะไปเมืองกาญ แต่ขอไปสังขละด้วยนะพี่ ตากับจิวไม่ได้ไปตั้งนานแล้ว” อนันตราเฉลยข้อข้องใจให้นิชาภัทรได้รับรู้

“อ๋อเหรอ อืมเพื่อนพี่ก็คงพรุ่งนี้แหละตาเค้าอยู่กรุงเทพนี่แหละแต่ไปๆ มาๆ เราออกจากที่นี่ตั้งแต่ตี ๓ ก็แล้วกันจะได้ไปเช้าที่โน่น ไม่รีบร้อนอะไรมามายนี่เนอะว่ามะ อ้อบอกจิวว่าไปจอดรถที่บ้านพี่ก็ได้ใกล้บ้านจิว ให้คุณแม่ไปด้วยพี่จะลองไปดูโลเคชั่นนิดๆ หน่อยๆ ทัวร์ครอบครัวเรากันเองไม่มีคนนอกตกลงไหมจ๊ะ” นิชาภัทรบอกอันตราแล้วก็เดินลงไปสั่งงานลูกน้องที่ชั้นล่าง

อนันตราโทรตามจิราพรและโทรบอกมารดาให้เตรียมจัดกระเป๋าเสื้อผ้าเพื่อเตรียมไปเที่ยวด้วยกันกับเธอ

..........................

คณะทัวร์เริ่มออกเดินทางจากบริษัทและแวะมารับนิชาภัทร อนันตราและคุณกฤติกาที่บ้านสวนซึ่งเป็นทางผ่าน เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาคุณกฤติกาจะจัดผลไม้ใส่กล่องมาเพื่อเตรียมให้กับผู้ร่วมเดินทางกัน เมื่อขนข้าวของกันเสร็จเรียบร้อย คณะท่องเที่ยวก็ออกเดินทางไปยังจังหวัดกาญจนบุรีจุดหมายปลายทางที่รออยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม

“เป็นไงมัชสบายดีหรือเปล่าไม่ได้เจอกันนานมากเลยนะ นี่ตัวเล็กเหรอโห้โตเป็นสาวแล้วนะนี่ กี่ขวบแล้วคะคนเก่ง” นิชาภัทรทักทายเพื่อนของเธอเมื่อขึ้นไปนั่งบนรถตู้เรียบร้อยแล้ว

“ตัวเล็ก ๑๔ แล้วค่ะน้านิ ขึ้นม.๒ แล้ว” เด็กหญิงตัวน้อยหน้าตาละม้ายคล้ายมัชวีส่งเสียงเจื้อยแจ้วพูดคุยกับนิชาภัทรด้วยท่าทางเป็นกันเอง

“สวัสดีค่ะพี่ธัญ พี่ธัญยังสวยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปเลยนะพี่ แต่เจ้ามัชสิแก่ไปเป็นกองเลยนี่ถ้าไม่บอกนิไม่รู้เลยนะพี่ว่าพี่ธัญอายุมากกว่าเจ้ามัช ถ้านิมองเผินๆ นิจะนึกว่าพี่ธัญเป็นน้องพวกเราอีกนะนี่ เออลืมๆๆ นี่มัชกับพี่ธัญแล้วก็ตัวเล็กลูกของพวกเค้าค่ะคุณแม่ นี่คุณกฤติกาแม่ของน้องตาและนี่ก็น้องตา ส่วนนั่นน้องจิวเพื่อนของตา” นิชาภัทรแนะนำทุกคนในรถให้ได้รู้จักกัน

ทั้งหมดยกมือไหว้กล่าวทักทายกันพอเป็นพิธีแล้วก็เริ่มต้นการสนทนา เพื่อนสองคนที่ไม่ได้พบปะกันมานานก็เริ่มสนทนากันไปเรื่อยๆ ถึงเรื่องช่วงชีวิตที่ผ่านมาของทั้งสองคน นิชาภัทรและมัชวีเป็นเพื่อนเรียนกันมาตั้งแต่อนุบาลและมาแยกจากกันก็เมื่อตอนเรียนมหาวิทยาลัย จากนั้นก็แทบไม่ได้ติดต่อกันอีกเลยจนเมื่อไม่นานมานี้ มัชวีและคนรักของหล่อนเดินทางกลับมาเมืองไทยไปพบปะสังสรรค์กันในงานเลี้ยงรุ่นของโรงเรียน

คุณกฤติกาและอนันตรานั่งฟังบทสนทนากันระหว่างเพื่อนไปตลอดทาง ทั้งสองคนอึ้งไปกับคำบอกเล่าของมัชวีและธัญฃนกที่เล่าเรื่องของทั้งสองให้กับนิชาภัทรได้รับฟัง เรื่องของการมีบุตรเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดกับมัชวี และอีกหลายเรื่องราว

จากนั้นนิชาภัทรก็บอกเล่าเรื่องราวของเธอให้กับเพื่อนได้รับรู้ทั้งเรื่องความรักที่ผ่านมาการทำตัวเสเพลและเรื่องการทำบริษัทของเธอที่ต้องแก่งแย่งกันกับรมัญยาอดีตคนรัก จนกระทั่งรถตู้พาลูกทัวร์ทั้งหมดมาถึงเมืองกาญจนบุรีในเวลาเกือบ ๖ โมงเช้า ทั้งหมดแวะเข้าตลาดเพื่อหาอาหารเช้านั่งรับประทานกัน

“แม่ธัญตัวเล็กจะกินโจ๊ก” เด็กสาวที่เริ่มจะเข้าวัยรุ่นค่อนข้างเอาแต่ใจบอกกับมารดาของเธอ

“งั้นไปบอกแม่มัชว่าตัวเล็กไม่ทานข้าวจะทานโจ๊กให้แม่มัชพาไป” ธัญชนกมองบุตรสาวของเธอแล้วก็ส่ายหน้า

“ไม่เอาอ๊ะแม่ธัญเดี๋ยวแม่มัชดุตัวเล็กอีกหาว่าตัวเล็กเอาแต่ใจตัวเอง แม่ธัญไปบอกแม่มัชให้ตัวเล็กหน่อยสินะนะแม่ธัญนะ” ธัญาวีบอกกับมารดาเสียงออดอ้อน

“อะไปบอกแม่มัชกัน เอ...อะไรลูกคนนี้ มีนั่นจะทานนี่ มีนี่จะทานนั่น” ธัญชนกแอบบ่นบุตรสาวของตัวเอง

“เด็กก็แบบนี้แหละค่ะคุณธัญ เมื่อสมัยยายตายังเด็กก็แบบนี้เหมือนกัน มีข้าวสวยจะทานข้าวต้ม พอมีข้าวต้มจะทานไข่เจียว เรื่องมากวุ่นวายทุกเช้า” คุณกฤติกาเห็นธัญชนกและธัญาวีสองแม่ลูกถกเถียงกันก็เลยขอร่วมแจมกับทั้งสองคนด้วย

“ใช่ค่ะคุณแม่ เด็กๆ นี่เอาใจยากจังเลยนะคะเดี๋ยวธัญขอตัวไปบอกมัชก่อนนะคะคุณแม่สงสัยธัญจะเอาตัวเล็กไม่อยู่แน่ต้องให้มัชปราบ” ธัญชนกเริ่มบ่นบุตรสาวและขอตัวเดินเลี่ยงไปหาคนรักที่ยืนสั่งอาหารอยู่ไม่ไกลนัก

“มัชลูกจะทานโจ๊กบอกว่าไม่ทานข้าว”

“อ้าวเหรอไหนตัวเล็กทำไมไม่ทานข้าว นี่วันนี้เราจะไปเดินป่าไปน้ำตก ไปตั้งหลายที่แล้วตัวเล็กจะไม่หิวข้าวหรอลูก”มัวชีจ้องหน้าบุตรสาวและเริ่มเอ่ยถาม

“ก็ตัวเล็กไม่อยากทานข้าวนี่นาแม่มัช ตัวเล็กอยากทานโจ๊ก เห็นเค้ามีโจ๊กไข่เยี้ยวม้าด้วยนะแม่มัชตรงโน้นนะ” ธัญญาวีชีมือไปทางร้านขายโจ๊กอีกฝั่งถนน

“แล้วถ้าตัวเล็กหิวอย่ามาโทษแม่นะว่าแม่ไม่ให้ทานข้าว” มัชวียื่นข้อเสนอให้กับบุตรสาว

“โอเคค่ะแม่มัชตัวเล็กจะไม่บ่นแม่มัชสักคำเดียว ให้แม่มัชตีตัวเล็กได้ด้วยถ้าตัวเล็กบ่นว่าหิวข้าวคำเดียวตี ๑๐ ที” ธัญญาวียื่นนิ้วก้อยให้กับมัชวีเป็นการให้คำสัญญากันกรายๆ

มัชวียื่นนิ้วก้อยของเธอเกี่ยวก้อยสัญญากับบุตรสาวและหันไปบอกกับธัญชนกว่า

“เดี๋ยวมัชไปซื้อโจ๊กให้ตัวเล็กนะพี่ธัญ พี่ธัญจดสัญญาไว้ด้วยนะว่าตัวเล็กสัญญาว่าอะไรแล้วถ้าร้องหิวมัชจะตีซ้ำไม่เลี้ยงเลยเชียว” มัชวีบอกกับคนรักของเธอและเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามซื้อโจ๊กให้กับธัญญาวีที่ตอนนี้ยิ้มแก้มแทบปริที่ได้กินโจ๊กสมใจอยาก

“ตอนเด็กตาดื้อแบบนี่หรือเปล่าคะแม่” อนันตราที่นั่งมองสามคนแม่ลูกถกเถียงกันเรื่องอาหารหันไปถามมารดา

“ยิ่งกว่านี้อีก ดื้อจับไม่ได้เลยหล่ะ” คุณกฤติกาพูดปนขำเมื่อนึกถึงอนัตราสมัยยังเด็กๆ

“โห่แม่อะ ตาว่าตาไม่ดื้อสักหน่อย เน๊อะจิวเน๊อะ” อนันตราหันไปหาเพื่อนเพื่อขอกำลังสนับสนุน

“ไม่เน๊อะหรอกตาฉันว่าตัวเล็กดื้อน้อยกว่าแกด้วยซ้ำไป แกทำเอาฉันโดนครูตีไปด้วยทุกทีเลยเรื่องพิเรณไม่มีใครเกินแกไปได้หรอก” จิราพรไม่คล้อยตามเพื่อนรักเพราะเธอก็เคยโดรฤทธิ์ของเพื่อนรักมาบ้างแล้วเหมือนกันเมื่อสมัยยังเรียนหนังสือมาด้วยกัน

คุณกฤติกานั่งหัวเราะเพื่อนสนิทสองคนที่ตอนนี้มาแตกคอกันไปแล้ว นิชาภัทรเดินเข้ามาสมทบพร้อมกับธัญชนกและธัญญาวี

“คุยอะไรกันคะสนุกเชียว” นิชาภัทรเอ่ยถามคุณกฤติกาที่นั่งขำอยู่ไม่ยอมเลิก

“ก็คุยเรื่องสมัยเด็กๆ ของตาเค้าน่ะคุณนิ ว่าสมัยเด็กดื้อยิ่งกว่าตัวเล็กเป็นไหนๆ นี่ถ้าให้มารวมกลุ่มกันนะ แม่ว่าคงวุ่นวายน่าดูเชียวหล่ะ”

“เหอรคะงั้นงานนี้เราก็มีเด็กมากับเราสองคนสิค่ะคุณแม่ ว๊าว แบบนี้ก็ต้องจับปูใส่กระโด้งกันไม่ไหวแล้วหล่ะนี่แบบนี้” สิ้นเสียงของนิชาภัทรคนที่ทำหน้าตาบอกบุญไม่รับก็เห็นจะมีอยู่สองคน นั่นคืออนันตราและธัญญาวี ที่นั่งหน้างั้มหน้างออยู่ที่โต๊ะอาหารกลางตลาด

“รีบๆ ทานข้าวเถอะค่ะใครเมารถทานยาแก้เมาไว้ด้วยก็ดีนะคะ ทางค่อนข้างโค้งนิดหน่อย เดี๋ยวเราไปแวะเที่ยวกลางทางก็แล้วกัน ลุงคะมาทานข้าวก่อนเถอะนั่งนีแหละแล้วจะเอากาแฟหรืออะไรไหมนิจะได้ไปสั่งไว้ให้ หรือจะเอาพวกบำรุงกำลัง” นิชาภัทรบอกกับทุกคนและกันไปเรียกลุงหมานคนขับรถที่นั่งอยู่ห่างๆ กันให้มาร่วมวง

“ผมนั่นที่นี่ก็ได้คุณนิ ไม่รบกวนเดี๋ยวข้าวผมก็มาแล้วคุณนิกับเพื่อนตามสบายครับ” ลุงหมานที่รู้สึกเกรงใจเจ้านายที่เป็นกันเองกับเขาเสมอเมื่อต้องออกมาทำงานด้วยกัน

“ตามใจลุง อะนี่เงินเอาไปจ่ายค่าข้าวแล้วก็ซื้อของที่ลุงจะใช้จะกินวันนี้ก็แล้วกันนะ” นิชาภัทรยื่นธนบัตรใบละห้าร้อยให้กับลุงหมานเป็นการตัดบท จากนั้นเธอก็ร่วมรับประทานอาหารกับกลุ่มเพื่อนๆ จนเป็นที่เรียบร้อย

......................

รถตู้เคลื่อนขบวนไปยังทองผาภูมิแวะเที่ยวน้ำตกไทรโยกน้อยเพื่อให้ตัวเล็กได้เล่นน้ำจนเป็นที่พอใจ ตัวเล็กเริ่มบ่นว่าหิวกับแม่ธัญของเธอ เพราะรู้ว่าถ้าไปบ่นกับแม่มัชเธอต้องโดนตีซ้ำตามคำสัญญาที่เกี่ยวก้อยกับแม่มัชเป็นแน่ และก็สมใจอยากเมื่อธัญชนกซื้อไก่ย่างให้ธัญาวีหนึ่งไม้เพื่อแทะเล่นไปก่อนเป็นการรองท้องก่อนที่จะโดนมัชวีบ่นว่า

“ให้ลูกทานอะไรไม่เป็นเวลาเดี๋ยวเที่ยงก็ทานข้าวไม่ลงอีกหรอกพี่ธัญ”

“ก็ให้รองท้องไปก่อนเกิดหิวขึ้นมาจะเป็นลมเอาง่ายๆ เด็กๆ เป็นลมมันไม่ดีนะมัช”

“ต้องให้รู้เวลาค่ะพี่ของแบบนี้หากปล่อยไว้จะเคยตัว แล้วก็จะดัดนิสัยกันตอนโตไม่ได้ ให้ตัวเล็กรู้ว่าเวลาไหนควรทานไม่ควรทาน แล้วนี่ไม่พาลูกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนหล่ะพี่ธัญไม่สบายจะยุ่งเอานะ อ่ะเดี๋ยวมัชพาไปเองดีกว่า คนอื่นๆ เค้าคงจะไปต่อกันแล้ว” มัชวีบอกกับคนรักเพราะเห็นว่าตอนนี้นิชาภัทรและคนอื่นๆ เตรียมตัวกันที่จะออกเดินทางไปที่อื่นแล้ว แต่ครอบครัวของเธอยังไม่ได้ทำอะไรกันเลย

“เดี๋ยวเราจะไปไหนกันต่อพี่นิ” จิราพรที่เดินตามหลังนิชาภัทรเอ่ยถามขึ้น

“เราจะไปช่องเขาขาดกันไปดูทางรถไฟสายเก่า”

“อ่อค่ะ”

ทั้งหมดนั่งรถมาที่ช่องเขาขาดเพื่อมาชมพิพิทธภัณฑ์ช่องเขาขาด ซึ่งอยู่ในเขตทหาร ในนั้นมีข้อมูลเรื่องราวมากมายของการสร้างทางรถไฟสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ โดยรัฐบาลออสเตรเลียได้จัดตั้งพิพิธภัณฑ์ขึ้น

นิชาภัทรพาทุกคนเดินไปยังเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติไปยังช่องเขาขาด ที่เป็นสวนหนึ่งของทางรถไฟสายมรณะที่เชลยศึกในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ตัดเจาะภูเขาหินด้วยมือปราศจากเครื่องมืออันทันสมัยให้เป็นช่องสำหรับสร้างทางรถไฟ ทางเดินต้องเดินลงเขาไปค่อนข้างไกลโชคดีที่มีการทำบันไดให้ได้เดินสบายเล็กน้อย คุณกฤติกาออกจามีปัญหากับการเดินอยู่มากเธอจะปวดเข่าเมื่อเวลาต้องย่อเข่าลงบันไดมากๆ

“แม่ปวดเข่ามากหรือเปล่า” อนันตราเอ่ยถามมารดาที่เธอเริ่มสังเกตว่าคงจะเดินไม่ไหว

“ไม่มากหรอกนิดๆ หน่อยๆ ยังพอเดินได้ ตาเดินไปก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวตามคนอื่นไม่ทัน” คุณกฤติกาเห็นว่าเธอเป็นตัวถ่วงการเดินจึงบอกให้บุตรสาวเดินล่วงหน้าไปก่อน

“ไม่เป็นไรค่ะแม่ตาเดินเป็นเพื่อนแม่ดีกว่า จิวเธอเดินไปก่อนก็ได้ เราจะพาแม่เดินเที่ยวเองไม่ต้องมาตามเรา”

“ก็ได้ตา งั้นเจอกันที่ทางออกก็แล้วกันนะ” จิราพรเดินนำหน้าลิ่วไปเรื่อยๆ เมื่อเห็นอนันตราเดินจูงมือคุณกฤติกาเดินเรื่อยๆ แบบไม่เร่งรีบ

“ที่นี่จะเป็นช่องเขาขาดที่เราเดินผ่านมานี้ได้รับการบูรณะเมื่อไม่นานนี่ค่ะทุกคน เพราะปล่อยทิ้งร้างไว้นานมากแล้ว แต่ก็มาขุดคต้นกันอีกครั้งเมื่อตอนหาเส้นทางสายมรณะครั้งล่าสุด จะเห็นว่าสองข้างที่เราเห็นนี้เป็นการตัดสกัดหินด้วยมือ เครื่องมือก็ไม่ได้มีอะไรที่พิเศษที่เราได้เห็นในพิพิธภัณฑ์ไปแล้ว เพราะใช้แรงงานของเชลยศึกที่เป็นชเลยมาตั้งแต่ครั้งสงครามโลกครั้งที่สอง

ที่เราเห็นรางรถไฟที่วางไว้นี้ก็เป็นการเอามาวางใหม่แทนของเดิมที่ผุพังไปให้เราได้รู้ว่าที่นี่เคยจะเป็นทางรถไฟ แต่ก็ทำไม่สำเร็จค่ะ หมดสงครามไปเสียก่อนที่จะสร้างเสร็จ ไหนใครจะถ่ายรูปบ้างนิจะถ่ายให้” เสียงนิชาภัทรที่อธิบายเรื่องราวต่างๆ ของช่องเขาขาดให้กับผู้ร่วมเดินทางทุกคนฟัง แต่เมื่อสิ้นเสียงคำว่าถ่ายรูปจิราพรก็รีบวิ่งหน้าตั้งไปยืนแอ๊คท่าถ่ายรูปยกใหญ่

ทำเอาทุกคนหัวเราะกันครืน ธัญญาวีวิ่งไปเล่นกับจิราพรด้วยตอนนี้สองสาวสองวัยสนุกกับการทำท่าทางถ่ายรูปต่อหน้ากล้องของนิชาภัทรกันยกใหญ่

“พอแล้วนะเดี๋ยวเราไปไทรโยกกันไปนั่งแพสักชั่วโมงดูลำน้ำ ไปเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทัน” จากนั้นทุกคนก็มุ่งหน้าไปไทรโยกเพื่อล่องแพ

สองฝังลำน้ำเต็มไปด้วยธรรมชาติ น้ำตกเล็กๆ ที่ไหลลงมายังลำน้ำให้ได้เห็นถึงธรรมาชาติความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ที่ยังพอมีให้เห็นบ้าง สะพานไม้ที่ทอดผ่านสายน้ำมองดูแล้วก็สวยไปอีกแบบ

ทั้งหมดใช้เวลาล่องแพอยู่ประมาณ ๑ ชั่วโมงเศษก็เริ่มเดินทางไปเขื่อนเขื่อนวชิราลงกรณ์ที่เป็นเขื่อนหินกั้นลำน้ำแควน้อยแต่ด้วยแสงแดดที่ร้อนมากจึงไม่ได้อยู่นานนักขับรถกลับมายังทองผาภูมิ แวะให้ทุกคนได้รับประทานอาหารเที่ยงที่ล่วงเลยเวลามาจนบ่ายคล้อย ร้านอาหารที่ขายก๋วยเตี๋ยวเนื้อปลาแรดจนอิ่มท้อง

“ตัวเล็กต้องทานยาแก้เมาแล้วนะรู้ไหมเดี๋ยวจะเมารถเพราะทางที่เราจะไปต่อนี่มันโค้งเยอะตั้งหลายร้อยโค้งทานยาซะ” นิชาภัทรหยิบยาแก้เมารถให้กับมัชวีเพื่อให้ธัญญาวีทานยาเตรียมพร้อมไว้ก่อน

“คุณแม่จะทานด้วยหรือเปล่าคะ” นิชาภัทรเอ่ยถามคุณกฤติกาด้วยความห่วงใยในตัวมารดาของคนรักกลัวว่าจะไม่สบายขณะเดินทาง

“ก็ดีเหมือนกันแม่ว่าคงจะไม่ไหวทานอิ่มๆ แบบนี้ไปเจอะโค้งคงจะออกอาการเหมือนกัน” คุณกฤติการับยาแก้เมารถจากในมือของนิชาภัทรมาและจัดการจนเรียบร้อย

“คุณแม่นั่งหน้าเลยแล้วกันค่ะจะได้ไม่เมารถมาก” นิชาภัทรจัดแจงให้ทุกคนขึ้นรถจนเรียบร้อยแล้วจึงออกเดินทางต่อ

ขบวนรถต้องผ่านโค้งมากมายทั้งๆ ที่ระยะทางจากทองผาภูมิมุ่งสู่สังขละบุรีเพียงแค่ ๘๐ กิโลเมตร ก็ทำเอาคลื่นเหียรอาเจียนได้มากพอสมควร สองข้างทางมีวิวสวยๆ ของลำน้ำและแพที่ปลูกอยู่ข้างลำน้ำให้ได้ลงไปถ่ายรูปเล่นกันตลอดเส้นทาง กว่าจะถึงสังขละก็เกือบ ๔ โมงเย็น เห็นเจดีย์พุทธคยาจำลอง ที่วัดที่วัดวังก์วิเวการามอยู่ไม่ไกลมากนัก

นิชาภัทรพาทั้งหมดไปที่วัดไหว้สักการะพระเจดีย์และก็พากลับไปยังที่พักที่เธอได้จองไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อถึงที่พักนิชาภัทรจัดแจงหาที่พักจัดห้องให้กับทุกคน ครั้งแรกเธอจัดห้องให้อนันตรานอนกับคุณกฤติกาและเธอก็นอนกับจิราพร แต่จิราพรขอแย้งเพราะเธอไม่สะดวกใจที่จะนอนกับนิชาภัทรจึงขอแลกห้องกับอนันตรา

อนันตราก็ยินยอมแต่โดยดี เพราะไม่ใช่ว่าเธอจะไม่เคยนอนร่วมห้องกับนิชาภทรเลยเสียเมื่อไหร่จะนอนอีกครั้งก็คงไม่เสียหายอะไร และคุณกฤติกาเองก็ไม่ขัดข้องที่จะนอนกับจิราพรเพื่อนสนิทของบุตรสาว เมื่อเรื่องห้องเสร็จเรียบร้อย โดยที่คุณกฤติกากับจิราพรนอนด้วยกัน ๑ ห้อง ครอบครัวของมัชวีและธัญชนกอีกหนึ่งห้อง เธอกับอนันตราอีกหนึ่งห้อง และลุงหมานคนขับรถอีกหนึ่งห้อง

เมื่อทุกคนกับตัวเองเรียบร้อยจึงออกมานั่งรับประทานอาหารกันที่ร้านอาหารริมน้ำที่มองไปก็ยังเห็นเจดีย์ที่วัดที่วัดวังก์วิเวการามอยู่ฝังตรงข้าม เมื่อจัดการอาหารมื้อค่ำที่เมนูส่วนใหญ่จะเป็นปลาน้ำจืดจนเสร็จเรียบร้อยก็ย้ายกันไปพักผ่อนยังห้องของตนด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทางมาทั้งวัน

................จบบทที่ ๑๖ .....................



Create Date : 25 มีนาคม 2551
Last Update : 23 มิถุนายน 2551 18:33:09 น. 14 comments
Counter : 352 Pageviews.

 
ทริปนี้สนุกดีค่ะ ได้ทั้งเล่นน้ำและนั่งรถไฟ ยิ่งตอนนั่งรถไฟสายมรณะ จังหวะที่เป็นทางโค้งแล้วถ่ายรูปออกมาสวยดีค่ะ ตัวเล็กขี้อ้อนจังเริ่มจะโตเป็นสาวแล้วนะคะ แม่มัชยังดุเหมือนเดิม แม่ธัญก็ยังใจเย็นเหมือนเดิม คิดถึง 3 คนนี้จังนะคะ เที่ยวเยอะยังไงน้องตาก็ยังน่ารัก ไม่ลืมที่จะดูแลคุณแม่นะคะ น่ารักที่สุด


โดย: ทาย IP: 58.137.154.195 วันที่: 25 มีนาคม 2551 เวลา:15:42:00 น.  

 
555 ในที่สุด...ฝันก็เป็นจริงคะ คิดไว้ว่าซักวันจะได้ที่ 1
แล้ววันนี้ฝันกลางวันก็เป็นจริง


โดย: ทาย IP: 58.137.154.195 วันที่: 25 มีนาคม 2551 เวลา:15:45:43 น.  

 
ทริปนี้ สนุกอย่างคุณทายว่าจริงๆ แหละ ตอนต้นรังไปเมืองกาญจ์ก็ไม่เคยไปสังขละสักที ไปหยุดที่อำเภอทุกทีไป
แล้วคุณผิงดาวไปครั้งล่าสุดเมื่อไรค่ะ มีรูปให้ดูไหม


โดย: ต้นรัง IP: 202.29.52.252 วันที่: 25 มีนาคม 2551 เวลา:15:54:52 น.  

 
คุณต้นรังคะ ทริปนี้ ทายไปกับที่บริษัทค่ะ นั่งแพทานข้าวด้วยสนุกค่ะ บรรยากาศดีมากๆแม้จะร้อนไปซักนิดตอนก่อนนั่งแพ แต่พอนั่งแพไปแล้ว ความเย็นของแม่น้ำก็ขึ้นมาคะ นั่งสบาย ปีนี้เห็นว่าจะแวะที่กองถ่ายหนังเรื่องพระนเรศวรด้วย ก็หวังจะให้เจอน้องแอฟ ทักษิอร ด้วยเหมือนกัน ว่าแล้วก็ขอส่งน้องแอฟ เข้าประกวดบทบาทของน้องตาด้วยเลยค่ะ สวยแบบไทยๆ เย็นๆตาดีค่ะ
ว่าแต่คุณข้าวหายไปไหนฯวันนี้ สงสัยงานจะยุ่ง


โดย: ทาย IP: 58.137.154.195 วันที่: 25 มีนาคม 2551 เวลา:16:30:30 น.  

 
น่าอิจฉาจังเลยค่ะ ได้เที่ยวกับสายน้ำเย็นๆ ด้วย อากาศร้อนๆ กับน้ำเย็น ๆ ทำให้รู้สึกเย็นสบานดีค่ะ
น้องแอฟ น่าตาน่ารักดีค่ะ แต่รู้สึกจะไม่ใช่ไทยแท้นะคะ คือ ผิวน้ำผึ้งอะจ่ะ คุณทายหาคนอื่นมาเข้าชิงตำแหน่งอีกนะคะ
แล้วนี่เขาหายไปไหนกันหมดค่ะ ทั่งคุณผิงดาว แล้วก็คุณข้าวด้วย ทำอะไรกันอยู่ค้า ทักทายค่ะ


โดย: ต้นรัง IP: 202.29.52.252 วันที่: 25 มีนาคม 2551 เวลา:17:08:22 น.  

 
นั่นซิคะ ไม่รู้ คุณข้าวหายไปไหน
ส่วนพี่รันหณ์ สงสัย กำลังปั่น ตอนใหม่มาสนอง Need พวกเราแน่ๆเลยค่ะ คุณต้นรัง

อืมม์ น้องตานี่ ขอคิดต่ออีกซักหน่อยนะคะ คนสำคัญ ต้องพิถีพิถันในการเลือกหน่อยค่ะ


โดย: ทาย IP: 222.123.184.23 วันที่: 25 มีนาคม 2551 เวลา:17:51:01 น.  

 
มาแล้วครับ

เพิ่งจะกลับมาจากห้องแลปครับเกือบได้นอนที่แลปแล้ว


ยังไม่ได้กินไรเลยตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าไปแลปแต่เช้าเลย

รีบกลับมาเปิดคอมก่อนจะทำไร คิดถึงทุกคนเลยน้า


โดย: ข้าว IP: 202.44.135.242 วันที่: 25 มีนาคม 2551 เวลา:18:20:12 น.  

 
งานนี้มีพี่ธัญกะมัชกลับพร้อมตัวเล็ก ข้าวล่ะปลื้มจัง


เด่วข้าวไปหาไรกินกะคุณแฟนก่อนน้า ป่านนี้งอนไปแล้ว หาว่าเรารักบอร์ดนี้มากกว่าเค้า เหอๆ สงสัยงานนี้ง้อยาวแน่เลยครับ


โดย: ข้าว IP: 202.44.135.242 วันที่: 25 มีนาคม 2551 เวลา:18:41:33 น.  

 
คุณต้นรัง คุณทาย คุณข้าว

ฉันปั่นมาแล้วจ้า ขอพักเหนื่อยหน่อยนะค่ะ ปวดหมองจิงน้า


โดย: รันหณ์ วันที่: 25 มีนาคม 2551 เวลา:18:44:04 น.  

 
555 รีบๆนะคะคุณข้าว ทำคะแนนหน่อย ยังไง พี่รันหณ์ คุณต้นรัง และทาย ไม่หายไปไหนแน่ๆ แต่ แฟนคุณข้าวอ่ะ อาจจะทำให้ใจหายได้ง่ายๆนะคะ


โดย: ทาย IP: 222.123.184.23 วันที่: 25 มีนาคม 2551 เวลา:18:44:22 น.  

 
โหยยยยย คุณทายอ่า

เล่นงี้เลยเหรอครับ ใจหายเหอๆไม่เอาอ่ะ ไม่ดีเด่วตาย

ไปกินข้าวด้วยกันคุณแฟนของป๋มยังงอนๆอยุเลยอ่า ว่างๆจะชวนมานั่งอ่านด้วยกันเลย จะได้รู้จักกันไปเลย


โดย: ข้าว IP: 202.44.135.242 วันที่: 25 มีนาคม 2551 เวลา:20:10:12 น.  

 
ดีค่ะ จะได้รู้จักกันไว้ เธอจะได้รู้ว่า นิยายพี่รันหณ์ สนุกแบบไหน คุณข้าวถึงติดตามอย่างใกล้ชิดและช่วงชิงการเป็นที่ 1 ในการมาเมนท์นิยายของพี่รันหณ์


โดย: ทาย IP: 117.47.27.151 วันที่: 26 มีนาคม 2551 เวลา:3:23:12 น.  

 
คุณข้าว
ง้อคุณแฟนสำเร็จไหมคะคือถ้าติดนิยายจนมีปัญหาคุณข้าวก็เอาใจคุณแฟนเยอะเลยน้า

นิยายอ่านเมื่อไหร่ก็ได้แต่คุณแฟนนี่สิสำคัญที่ซู๊ด

ขอขำคุณทายนิดเถอะคะ ตีสามกว่ายังไม่นอน หุหุ นอนพักผ่อนบ้างนะคะถ้าไม่สบายขึ้นมาจะว่าฉันไม่เตือนไม่ได้เน้อคุณ


โดย: รันหณ์ วันที่: 26 มีนาคม 2551 เวลา:9:45:24 น.  

 
ทำไม Web come-book เข้าไม่ได้อ่ะ เลยต้องมาเซิร์ทหาเผื่อว่าคุณผิงดาวจะอัพบนเว็บอื่นต่อ แถมหาเจอจริงๆด้วย เลยตามมาอ่าน เหอๆ


โดย: Dinsor IP: 119.42.72.104 วันที่: 28 มีนาคม 2551 เวลา:21:20:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รันหณ์
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ฉันคือฉัน
ฉันรักเสียงเพลง
ฉันรักสายลม
ฉันรักท้องฟ้า
ฉันรักอิสระ
ฉันคนไร้ราก
ผิงดาวยามไร้เดือน

คืนนี้ถ้าเธอหนาว ร่วมผิงดาวบนท้องฟ้า
จากรักจากศรัทธา....ของเรา

เป็นอะไรก็ได้มิใช่หรือ
แค่เป็นคนดีก็คงเีพียงพอ
[Add รันหณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.