It's not easy to be me
Group Blog
 
All blogs
 
เรื่องแนวยูริ : ครั้ง วัน วาน บทที่ ๘



บทที่ ๘

กองทัพข้าศึกยกพลมาล้อมเมือง ศึกประชิดกำแพงเมืองแบบนี้มีหรือที่ขุนศึกจะไม่ออกไปรบราปราบเหล่าอริราชศัตรู ต่างฝ่ายต่างช่วงชิงความได้เปรียบ ไม่มีใครยอมเสียเปรียบกับข้าศึกที่มาประชิดเมือง

หรือกรุงศรีอยุธยาจะแตกพ่ายย่อยยับกันในศึกครั้งนี้ ขุนศึกอย่างอรุณวิลัยมีหรือที่จะยอมศิโรราบให้กับข้าศึกที่ชื่อว่าภัทรทราภรณ์ ต่างผลัดกันรุกและรับทุกกระบวนท่า อีกฝ่ายฟาดฟันจนจะเพรี่ยงพร้ำอรุณวิลัยก็ปกป้องดินแดนของตนอย่างสุดความสามรถ และสุดท้ายก็ได้ชัยชนะเหนือศัตรูที่บุกมาโจมตี

ครั้งนี้มีหรือจะยอมให้ศัตรูที่ล่าถอยทัพหนีหายไปได้มีโอกาสกลับมามีชัยเหนือตนอีก

“โอ๊ย” เสียงของศัตรูร้องดังเมื่อขุนศึกอรุณวิลัยลงดาบที่จุดยุทธศาสตร์ ปล้นเสบียงกรังและเผาจนมอดไหม้

กว่าจะเสร็จศึกขุนศึกของทั้งสองเมืองก็เหนื่อยอ่อน หมดแรงไปด้วยกันทั้งคู่ แต่การรบยังไม่สิ้นสุดเพียงเท่านั้น ขุนศึกอย่างภัทรทราภรณ์พยายามอีกครั้งที่จะตีกรุงศรีให้แตกพ่าย และสุดท้ายก็ได้โอกาส สองฝ่ายไม่มีการประนีประนอม ไม่มีการส่งทูตไปเจริญไมตรี มีเพียงการรบที่เร้าใจและชุมโชก

และสุดท้ายกรุงศรีอยุธยาก็แตกพ่ายประตูเมืองโดนข้าศึกเผาจนไหม้เกรียมด้วยน้ำมันแห่งความเร้าร้อน ขุนศึกมือใหม่ทั้งสองในครั้งต่างหมดแรงเลิกราไปก่อนฟ้าจะสาง

ร่วมเรียงเคียงข้างพระเขยน ไหนเลยจะร้างราได้
ต่างชิดเชยแนบแอบกาย มิคลายอ้อมกอดจากกัน
นวลน้องแนบชิดติดพี่ ฤดีพี่ช่างสุขสันต์
หากมีน้องนางเคียงกัน หทัยนั้นคงสุขนิรันดร

“ขอโทษนะเจ็บมากหรือเปล่ากิ่ง” ฉันถามคนที่อยู่ในอ้อมกอด และก้มลงสูดลมหายใจข้างใบหูของเธอ ที่ตอนนี้มีร่องรอยของการผ่านศึกครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเธอ หยุดเหงื่อยังคงเกาะพราวไปทั้งใบหน้า

ภัทรทราภรณ์ส่ายหน้าที่นอนหนุนหัวไหล่ฉันไปมา

“แล้วแป๊ดหละ”

“ไม่เหมือนกัน” ฉันกอดกระชับหญิงสาวในอ้อมแขนให้แน่นยิ่งขึ้น

“มีความสุขดีอยู่หรือเปล่า”

“ที่สุดในโลกเลยหละแป๊ด แป๊ดรู้หรือเปล่าว่าเค้ารอวันนี้มานานมาก รอที่จะรักแป๊ดแบบนี้ แต่แป๊ดนะเล่นตัวจนเราคิดว่าชาตินี้เราคงไม่มีโอกาสได้...” เธอเว้นระยะให้ฉันได้คิดถึงสิ่งที่พึ่งจะผ่านมา

“ก็เราบอกไม่ถูกนะกิ่งมันเหมือนกับเราสองคนไม่คู่ควรกัน” ฉันพยายามอธิบายให้เธอเข้าใจความรู้สึกของฉัน

“ชีวิตของคนเรามันสั้นนะแป๊ด ถ้าแป๊ดไม่แสดงออกไม่ยอมรับรู้หากวันที่ต้องเสียกันและกันไปจริงๆ แป๊ดอย่ามานั่งเสียใจกับสิ่งที่แป๊ดไม่ได้ทำนะ”

“ก็...”

“ก็อะไรหละหืมแป๊ด”

“ก็เราอยากให้กิ่งได้รักกับคนที่คู่ควร”

“ใครคือคนที่คู่ควรกับเราหละแป๊ด” เธอนอนท้าวคางจ้องหน้าฉันตาไม่กระพริบ

“ก็...” ฉันพยุงตัวลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงและไม่ลืมที่จะหยิบผ้าห่มขึ้นมาปกคลุมตัวเอง

“ก็อะไรไหนว่ามาสิที่รัก” เธอเคลื่อนตัวมานั่งพิงหัวเตียงอยู่ข้างๆ ฉัน

โอ๊ย!!! ฉันจะละลายไปกับสรรพนามนี้

“ก็ประณตไงกิ่ง”

“ฮ่าๆๆๆๆ ประณตนี่นะ ตายๆ แล้วแป๊ด” เธอหัวเราะร่าจนฉันต้องหันไปมองว่าเธอจะหัวเราะอะไรกันนักหนา

“ทำไมหละประณตไม่ดีเหรอ”

“ก็ดีแต่ว่าเราคงรักประณตไม่ได้”

“อ้าวทำไมหละ” เครื่องหมายคำถามเกิดขึ้นในใจฉัน

“ก็เรานะรักแป๊ดไง อีกอย่างประณตก็มีแฟนแล้วเราคงไปแยกประณตมาจากแฟนเค้าไม่ได้หรอก”

“อ้าว เรานึกว่าประณตชอบกิ่งนะเห็นไปไหนมาไหนด้วยกัน”

“ถ้าไม่ทำแบบนี้แป๊ดจะยอมเปิดใจกับเราเหรอ” สายตาเจ้าเล่ห์ของเธอจ้องมาที่ฉัน

“อะไรกันนี่ แสดงว่าเรื่องทั้งหมดนี่กิ่งสร้างมันขึ้นมาทั้งหมดเลยใช่ไม๊”

เธอพยักหน้าแทนคำตอบ

“ก็วันนั้นไงวันที่แป๊ดจะไปหาเราจันบอกกับปุ๊กว่าแป๊ดจะไปหาเพื่อทำให้เราเซอร์ไพรส์ แต่ปุ๊กโทรบอกเราว่าแป๊ดจะมา เราก็ไม่รู้ว่าจะแกล้งกลับแป๊ดยังไง เราก็เลยบอกกับประณตเพื่อนสาวของเราให้มาเล่นละครฉากใหญ่กับเราสักฉาก เพราะไงซะเราก็รู้ว่าประณตไม่มีทางที่จะคิดอะไรกับเราไปได้มากกว่าคำว่าเพื่อน”

“หาอะไรนะเพื่อนสาว”

“ใช้แล้วเพื่อนสาว ประณตนะเป็นเกย์และมีแฟนแมนมั๊กๆ ขอบอกหล่อด้วยสิ”

“เอ๊ย จริงเหรอ”

“ไม่ต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้นก็ได้แป๊ด ไม่สังเกตเหรอเนียบขนาดนั้น ดูดีขนาดนั้น ไม่ใช่เกย์แล้วเรียกอะไร จะบอกให้รู้ไว้นะครีมบำรุงผิวของประณตมีมากกว่าของเราสองคนรวมกันซะอีก”

“จริงเหรอ” ฉันได้แต่จ้องเธอตาค้าง เพราะไม่คาดคิดว่าเรื่องที่เธอเล่าจะเป้นความจริง

“นี่เห็นเราเป็นคนชอบโกหกหรือไงกัน ที่เราพูดมาทั้งหมดนะเป็นเรื่องจริง ใครจะมาเป็นแฟนกันได้รวดเร็วขนาดนี้ พึ่งรู้จักกันมายังไม่ถึงสองเดือนเลย เรานะกลุสตรีไทยแท้นะยะขอบอกไม่ยอมให้ผู้ชายหน้าไหนมาแตะเนื้อต้องตัวเราได้ง่ายๆ หรอกทำเป็นไม่รู้จักเราไปได้” ท่าทางงอนๆ ของเธอดูแล้วก็ช่างดึงดูดใจฉันเหลือเกิน อยากจะจับมาฟัดอีกสักฟอด

“แล้วกับเราทำไมกิ่งถึงยอมให้เราแตะเนื้อต้องตัวกิ่งได้หละทั้งๆ ที่เป็นกุลสตรีไทยขนาดนั้น” แทนคำตอบทั้งหมดที่ฉันต้องการ เธอแอนกายมาอิงซบที่ไหล่ของฉันและเริ่มซุกมือเข้าไปใต้ผ้าห่ม

“ก็เพราะว่ารักไงจ๊ะที่รักเค้าถึงยอมได้ขนาดนี้”

เมื่อข้าศึกเริ่มรุกรานอีกครั้งมีหรือขุนศึกอย่างอรุณวิลัยจะไม่ออกรบเพื่อปกป้องราชอาณาจักรอีกครั้ง และอีกครั้ง

..........................

ก๊อกๆๆๆ

เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นไม่ขาดระยะ

“ไอ้แป๊ด กิ่งตื่นได้แล้วสายแล้ว เราจะไปเรียนกันแล้ว” เสียงธิติมาตะโกนอยู่หน้าประตู

ฉันลุกไปเปิดประตูด้วยความเคยชินเพราะธิติมาจะมาปลุกฉันให้ไปอาบน้ำทุกเช้า แล้วก็เดินกลับมานอนต่อ

“ว๊ายยยยยยยยยย ไอ้แป๊ดไอ้ลามก” เสียงธิติมาร้องลั่นห้องเมื่อเดินตามฉันเข้ามา

และก็มีรตีกับชนกพรเดินตามเข้ามาติดๆ เพราะสงสัยว่าอะไรเป็นต้นเหตุให้ธิติมาส่งเสียงร้องลั่นจนบ้านแทบแตก

และก็ส่งเสียงกรี๊ด ออกมาพร้อมกันเมื่อเห็นภาพตรงหน้า

“นี่แก ก่อนที่จะเปิดประตูให้พวกฉันหัดใส่เสื้อผ้าให้มันมิดชิดก่อนจะได้ไหม” รตีส่งเสียงแว๊ดมาทันที ฉันที่กลังงัวเงียอยู่ลืมตาแทบไม่ขึ้นก็สะดุ้งโหยง

“ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก” ฉันรีบดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเองเพราะเมื่อก้มลงมองตัวเองแล้วแทบสลบไปต่อหน้าเพื่อนๆ เพราะฉันไม่มีอาภรณ์ใดๆ ห่อหุ้มกายสักชิ้นเดียวและเธอเองก็เช่นกัน

เราสองคนนั่งหน้าแดงอยู่บนเตียงและมองเพื่อนๆ ที่ยืนออกันอยู่หน้าประตู

“เออ โล่งดี ฮ่าๆๆๆ แบบนี้ก็โล่งใจแล้วสิแป๊ดดีใจด้วยนะ เราไปเรียนแล้ว แกสองคนรีบๆ อาบน้ำแล้วก็ไปเรียนหละ แหมโว๊ย รู้งี้ไม่มาปลุกก็ดี ตาฉันจะเป็นกุ้งยิงแล้วไปไอ้ตีแกไปหาน้ำยาล้างตามาล้างตาตอนเช้าก่อนดีกว่าวะ ฉันว่าวันนี้พวกเราต้องคันตายิบๆ แน่เลย อะหรือจะเอาน้ำแข็งดีว่ะ รู้สึกว่าฉันจะอิจฉาตาร้อนเว่ยเพื่อน ฮ่าๆๆ” ธิติมาระบายรอยยิ้มเต็มใบหน้า และก็ชวนเพื่อนๆ เดินออกจากห้องของฉันไปพร้อมกับปิดประตูให้เรียบร้อย

ฉันและเธอมองหน้ากันจะว่าอายก็เกินอายจะว่าเขินก็ไม่ใช่ อารมณ์ในตอนนี้มันคือต้องการแทรกแผ่นดินหนีของแท้เลยนะนี่

..................................

ประณตมารอที่หน้าประตูบ้านฉันกับภัทรทราภรณ์เดินออกมาจากบ้านและปิดประตูเรียบร้อย ฉันเดินจูงมือเธอมาถึงที่รถ ประณตมองเราสองคนแล้วยิ้ม

“ตกลงสำเร็จไม๊ยะแม่กิ่ง” ประณตจีบปากจีบคอพูดแบบนี้มีหรือจะไม่รู้ว่าสำเร็จหรือเปล่า

“สำเร็จสิยะอย่างกิ่งไม่สำเร็จก็ไม่ใช่กิ่งนะสิ”

“อ๋อเหรอ แล้วเป็นไงเสียเอกราชไปกี่รอบกู้เอกราชคืนได้กี่รอบกันยะ อุ๊ยต๊ายตายเดินขากางมาเชียวนะยะหล่อน อิอิ”

“เรื่องแบบนี้ใครเค้ากินในที่ลับไขในที่แจ้งกันจ๊ะหล่อน ไม่ใช่หล่อนนี่ วันๆ เอาแต่ทำประตูแถมประตูหลังด้วยสิหล่อน”

“ว๊ายปากคอเราะร้ายนะยะหล่อนฉันนะถึงจะทำประตูหลังแต่ก็ยังสบีรูดายอยู่นะยะเช๊อะ”

ฉันที่ยืนฟังเพื่อนรักต่างขั้วคุยกันอยู่ก็ขำออกมาเพราะทนไม่ได้ นี่ฉันตาถั่วขนาดที่ว่าเป็นประณตเป็นผู้ชายทั้งแท่งได้อย่างไรกัน ออกจะเริดหรูอลังการงานสร้างขนาดนี้

“ไปๆ ขึ้นรถ สายแล้ว นี่แป๊ดจ๋าอย่ายืนซื่อบื้อสิยะหล่อนขึ้นรถไปลงหน้าปากซอยจะได้ไม่เสียค่ามอไซด์ เร็วๆ ฉันจะไปหาที่จอดรถด้วย จะแปดโมงแล้ว” แล้วประณตก็เปิดประตูฝั่งคนขับขึ้นไปนั่งหน้าตาเฉย ผิดกับการสร้างภาพเมื่อวันก่อนที่ประณตคอยเปิดปิดประตูให้กับภัทรทราภรณ์

ฉันคิดไปเองได้ไกลถึงเพียงนี้เลยเหรอนี่ แค่การสร้างภาพที่เป็นมายาฉันยังดูไม่ออกว่าคนที่คบกันและรู้จักกันมาหลายปี ฉันยังไม่ไว้ใจและเชื่อใจ หรือว่าอารมณ์หึงหวงมันบังตากันแน่นะ

...................

ฉันนั่งง่วงเหงาหาวนอนอยู่ตั้งแต่เริ่มเรียนวิชาแรกตอนสิบโมงเช้า และก็น้ำตาคลอเพราะความง่วง โชคดีที่วันนี้ไปรยาจองที่นั่งได้หลังสุดฉันก็รู้สึกว่าดีกว่าไปนั่งสัปหงกอยู่หน้าห้องเรียน

“นอนดึกเหรอถึงได้ง่วงขนาดนี้ ไม่มีรายงานส่งนี่ทำไมนอนดึกดูสิตาแดงเชียวอย่างกับปีศาจแนะ”

“อืมนอนดึกไม่สินอนไปไม่กี่ชั่วโมง” ฉันยกมือขึ้นขยี้ตาของฉันที่แดงกำเพราะว่าอดนอน

“ทำอะไรเหรอหรือว่าดูทีวี เมื่อคืนก็ไม่มีรายการอะไรน่าสนใจนี่”

“เปล่าหรอกเราปรับความเข้าใจกับใครบางคน”

“อืม คืนดีกันแล้วสิน่าอิจฉาจัง”

“ใช่แล้ว” ฉันยิ้มดวงตาเป็นประกาย

“เราสิยังไม่รู้เหนือรู้ใต้เลย เออนี่วันนี้มีแข่งบอลอยู่ดูด้วยหรือเปล่า”

“ของคณะเราเหรอ”

“อืมใช่สิของคณะเราแหละแข่งกับนิติ ถ้าไม่ใช่คณะเราจะชวนไปดูทำไมเล่าแป๊ดเสียเวลาเปล่า ไม่แน่นนะเดี๋ยวคงโดนเรียกให้ไปรวมกลุ่มกันที่สนามบอลตอนเย็นๆ”

“ก็คงงั้น แบบนี้ไม่อยากอยู่ก็ต้องอยู่ ว่าแต่ตอนนี้ไปหากาแฟกินสักแก้วเถอะเราตาจะปิดอยู่แล้ว บ่ายไม่มีเรียนนี่เน๊อะ” ฉันเก็บของลงเป้แล้วก็ชักชวนไปรยาไปโรงอาหาร และกะเอาไว้ว่าถ้าไม่มีเรียนจะไปนอนหลับสักงีบที่ห้องสมุด

...........................

“ว่าไงเพื่อนซี้ได้ข่าวว่าเมื่อเช้าโชว์พราวเหรอเพื่อน” จินตนาร้องทักฉันที่ยืนต่อแถวซื้อข้าวอยู่หน้าร้าน

“จุ๊ๆๆ อย่าเอ็ดไปอายเค้าไอ้บ้าจิน” ฉันยกมือขึ้นปิดปากจินตนาที่กำลังจะเอื้อนเอ่ยวาจาออกมา

“อ้าอ้ำอ้ออ้องอ้าอับอิอ่ะอนเอา (กล้าทำก็ต้องกล้ารับสิวะคนเรา)” จินตนาพูดรอดฝ่ามือของฉันออกมาจนได้

“ไอ้บ้าบอกให้หยุดพูด ฉันก็อายเป็นเหมือนกันนะแก” ฉันเริ่มหน้าแดงขึ้นมาทันตาเห็น

“คุยเรื่องอะไรกันนี่สองเพื่อนซี้” ไปรยาเริ่มอยากรู้อยากเห็นเรื่องของฉันอีกจนได้

“ปะ เปล่าไม่มีอะไร แค่จิ๊บๆ ว่าแต่เย็นนี้จะอยู่ดูบอลคณะรึเปล่าหละจิน” ฉันรีบเปลี่ยนหัวข้อในทันทีที่สบโอกาสและละมือออกจากปากของจินตนา

“บุ้ยๆๆ แหวะเค็มซะไม่มีหล่ะล้างมือมาบ้างหรือเปล่านี่ เค็มอิ๊บอ๋าย อยู่สิ รุ่นพี่เกณฑ์ให้อยู่ๆ แล้วแกหละ” ดูเหมือนจินตนาจะติดกับดักฉันแล้วสิ

“ยังหว่ะเพื่อนมื่อตะกี้เข้าห้องน้ำมาคนแต่งหน้าในห้องน้ำเยอะเลยไม่ได้ล้าง”

“ว๊ากไอ้แป๊ดแหวะๆๆ ไอ้ซกมก” จินตนายังกรี๊ดกร๊าดอยู่หน้าร้านข้าวเหมือนเดิมจนฉันอายแล้วนะนี่

“ไอ้บ้าจินเบาๆ หน่อยสิอายนะเว่ย ใครจะไม่ล้างมือกันเล่า ฉันน่ะสะอาดพอนะเว่ย แล้วฉันก็ต้องอยู่เหมือนกันวันนี้เราสองคนเป็นอริกันนะเพื่อนแต่เฉพาะในเกมส์เท่านั้น ฉะนั้นตอนนี้แกเป็นเพื่อนฉันปิดปากให้เงียบสนิดแล้วจะกินอะไรสั่งไปซะจะจ่ายให้” เกมส์รุกของฉันก็ดำเนินต่อไป แต้มต่อของฉันถึงแม้ไม่มากมายแต่ก็คงพอถูไถไปได้บ้างไม่มากก็น้อย

“ปิดปากแบบนี้ของชอบเพื่อนแต่ถูกไปเปล่าแค่เลี้ยงข้าว ต้องมีขนมกับน้ำต่อด้วยนะเพื่อนรับรองปิดเงียบรูดซิปอย่างดี” จินตนาต่อรองและฉันก็ยินยอมทำตามแต่โดยดี เพราะเรื่องแบบนี้ให้คนนอกรู้มากไม่ได้

จริงไหมจ๊ะ

..........................

กองเชียร์ของสองคณะยังคงร้องเพลงเชียร์อยู่ที่ข้างสนาม นักฟุตบอลของทั้งสองทีมก็แข่งขันกันชนิดที่เรียกได้ว่าทุ่มสุดตัว

เมื่อฝ่ายไหนได้ประตูหรือกำลังถูกบุกก็มีเสียงร้องวี๊ดว๊าย ออกมาจากเหล่าสาวๆ ที่เป็นกองเชียร์ของแต่ละทีม เรียกได้ว่าเพลงเชียร์ไม่เป็นเพลง เพราะเสียง Sound effects ที่ประกอบการร้องเพลงเชียร์อยู่เป็นระยะๆ

จินตนาเดินมาที่กลุ่มของฉันและกวักมือเรียกฉันให้ออกมาจากการเชียร์

“กิ่งมาแนะแป๊ดรออยู่ใต้ตึก”

“อ้าวเหรอ มาได้ไงนี่”

“เห็นว่าจะมาชวนไปกินมะตะบะแถวพระสุเมรุ”

ฉันเดินตามจินตนาออกมาจนมาถึงใต้ตึกและเห็นภัทรทราภรณ์กับประณตนั่งรออยู่

“ไอ้จินบอกเราว่าจะไปกินมะตะบะเหรอกิ่ง”

“อืมณตบอกว่าอร่อยก็เลยจะไปกินแป๊ดกับจินไปด้วยสิ เดี๋ยวซื้อไปฝากพวกนั้นด้วยได้ๆ แต่ต้องรอให้เค้าแข่งกันเสร็จก่อนนะ ไม่งั้นโดนซ่อมอีกแน่ๆ”

“ได้เลยเธอสองคนกลับไปที่กลุ่มเถอะเรากับณตจะรอที่นี่แล้วกัน” ยังไม่ทันขาดคำของภัทรทราภรณ์ก็มีเสียงแทรกขึ้นมาทันที

“แป๊ดนึกว่าหายไปไหนหาตั้งนานมาอยู่ที่นี่เอง พี่เรียกแล้ว” ไปรยาเดินมาคล้องแขนฉันหน้าตาเฉย

ฉันไม่รู้จะทำหน้าอย่างไรแล้วตอนนี้ได้แต่เปลี่ยนเรื่องแนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักกัน

“นี่กอล์ฟเพื่อนเรา ประณต และนี่กิ่ง”

“แฟนแป๊ด” ภัทรทราภรณ์พูดสวนขึ้นมาในทันที

จินตนาหัวเราเสียงดัง “ฮ่าๆๆๆ คุณหมอหึงเว่ย เสร็จแน่ๆ ไอ้แป๊ด กร๊ากๆๆๆๆ”

“สวัสดีค่ะเรากอล์ฟเพื่อนแป๊ด ยินดีที่ได้รู้จักว่าที่คุณหมอสุดสวยของแป๊ด ได้ยินชื่อมานานมากแล้วนะคะไม่เคยได้เจอตัวจริงเสียงจริงาสักที ได้เจอวันนี้ถือว่าเป็นบุญตาได้ข่าวว่าคืนดีกันแล้วดีใจด้วยนะคะ แต่ตอนนี้ต้องของตัวแป๊ดไปทำหน้าที่ก่อนที่รุ่นพี่จะซ่อมกลับกันทั้งคณะ ไปแป๊ดรีบๆ ไปเถอะชักช้าจริงเชียว” ไปรยาฉุดฉันให้เดินตานเธอในทันที ฉันเดินหันหลังกลับไปบอกภัทรทราภรณ์ว่า

“เสร็จแล้วจะรีบออกมานะรอเราแล้วกัน” แล้วก็รีบวิ่งตามไปรยาไปทันที กลัวแฟนโกรธก็กลัว กลัวโดนซ่อมก็กลัว ไม่รู้จะอารมณ์ไหนดีแล้วอรุณวิลัยคนสวย

.....................

มะตะบะฝั่งตรงข้ามป้อมพระสุเมรุมีชื่อมานาน พวกเราต่อคิวกันซื้อและรอที่จะเข้าไปนั่งในร้าน กลิ่นเนยตลบอบอวลไปทั้งร้าน และเมื่อมะตะบะคำแรกเข้าปากของฉัน ก็รู้เลยว่าทำไมผู้คนถึงได้แห่กันมาจองคิวเพื่อที่จะมาลิ้มลองรสชาติของมะตะบะเจ้านี้

พวกเราไม่ลืมที่จะซื้อติดมือกลับไปให้เหล่าสาวกแปดเซียนที่รออยู่อย่างหิวกระหายเพราะจินตนาได้บอกกับชนกพรที่กลับบ้านก่อนว่าให้พวกนั้นไม่ต้องทำกับข้าวเพราะจะมีมะตะบะกลับไปฝาก

บรรยากาสในรถของประณตช่างอึดอัดสำหรับฉันเพราะไม่ว่าฉันจะชวนภัทรทราภรณ์คุยอย่างไรเธอก็ไม่ยอมพูดกับฉันจนต้องใช้วิธีกระทบชิ่งคุยกับประณตหรือจินตนาก่อนแล้วจึงได้รับคำตอบ

ทั้งประณตและจินตนาก็คงพอสังเกตได้ว่าฉันและภัทรทราภรณ์ต้องมีปัญหากันแน่ๆ ทั้งคู่ก็เลยชวนกันคุยสองคนให้ลั่นรถไปหมด ปล่อยให้ฉันกับภัทรทราภรณ์นั่งเงียบๆ กันไปสองคน

ฉันยังไม่รู้เลยว่าภัทรทราภรณ์โกรธเคืองอะไรฉัน เพราะเมื่อเช้านี้เราก็ยังหวานฉ่ำกันอยู่ แต่ตอนนี้เธอกลับนั่งบึ้งไม่พูดไม่จา ตั้งแต่ที่ร้านมะตะบะเธอก็ไม่ยอมนั่งข้างๆ ฉันแต่กลับไปนั่งข้างๆ ประณต นี่ถ้าไม่รู้ว่าประณตมีจิตใจที่รักชายด้วยกันเองฉันคงจะระเบิดอารมณ์กับภัทรทราภรณ์ไปแล้วด้วยข้อหาฝักใฝ่เพศตรงข้าม

ถึงบ้านประณตก็ขอตัวกลับก่อนเพราะบอกว่านัดกับแฟนไว้พวกเราก็เลยไม่รั้งประณตเพราะเห็นใจประณตเหมือนกัน และรู้ว่าความคิดถึงนั้นรุนแรงแค่ไหน

สี่สาวเตรียมจานไว้รอท่าอยู่แล้วเมื่อเรามาถึงก็จัดแจงเปิดถุงเทมะตะบะลงจานและสวาปามกันอย่างไม่ลดราวาศอกด้วความรวดเร็วและภายในพริบตามะตะบะในจานของทุกคนก็หายวับไปกับตา

“ทำไมน้อยแบบนี้หละ” จันทร์จิราบ่นเมื่อของกลางในจานเธอหายไปอย่างรวดเร็ว

“น้องที่ไหนกันไอ้เจ้านี่เยอะแล้วนะ” จินตนาแย้งเพราะเธอรู้สึกว่ามะตะบะแต่ละจานไม่ได้มีปริมาณที่น้อยกว่าที่ร้านเลย

“น้อยเว่ยก็มันไม่อิ่ม” จันทร์จิราแย้ง

“เอางี้เดี่ยวเราไปซื้อขนมหน้าปากซอยมาให้ รอก็แล้วกัน” ฉันเสนอตัวเพราะรู้ว่าหากอยู่ที่บ้านในตอนนี้ฉันคงทนกับความเงียบของภัทรทราภรณ์ไม่ไหวออกไปจากบ้านตอนนี้จะดีกว่า

“กิ่งไปกับแป๊ดมันสิไปคนเดียวอันตราย” จินตนาที่เห็นเราทั้งสองคนอึมครึมก็รีบเสนอให้เราทั้งคู่ออกไปด้วยกัน

“เออเอารถถีบไปสิฉันพึ่งไปซื้อมาปั่นกลับมาแทบตายรถเมล์ไม่สนใจเล๊ยว่าฉันปั่นอยู่” ชนกพรรีบบอกวีรกรรมของเธอให้ฉันฟัง

“ไปซื้อมาตอนไหนนี่พึ่งกลับมาไม่ใช่หรอ” ฉันหันไปถามชนกพรเพราะไม่แน่ใจว่าเธอมีเวลาไปถอยจักรยานมาตอนไหน

“ก็เห็นที่ป้ายรถเมล์ก่อนถึงบ้านเราสองซอยมันมีขายก็เลยซื้อมาจะได้ไปไหนมาไหนเร็วหน่อยไม่ต้องเสียค่ามอไซด์ตอนออกไปซื้อกับข้าว อีกอย่างมันก็ดีกว่าเดินจอดไว้ข้างบ้านน่ะเอาไปใช้ได้เลยนี่กุญแจคล้องโซ่เอาไปปลดซะ” ชนกพรยื่นกุญแจดอกจิ๋วส่งมาให้ฉัน

จากนั้นฉันก็จูงจักรยานเดินออกมาหน้าบ้านโดยมีภัทรทราภรณ์เดินตามมานั่งซ้อนท้าย ตลอดทางไม่มีเสียงพูดคุยของสองเรา เมื่อได้ขนมแล้วฉันก็เลยแกล้งขี่จักรยานตกหลุมบ้าง ขึ้นลูกระนาดบ้างให้รถกระแทกไปมา แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองจากภัทรทราภรณ์

กลับมาถึงบ้านเธอก็ขึ้นไปชั้นบนและหายเงียบกว่าฉันจะจัดการกับขนมที่ซื้อมาจนหมดและนั่งคุยกับเหล่าผองเพื่อนเสร็จก็นานโข จากนั้นก็เตรียมตัวอาบน้ำขึ้นนอน

เมื่อฉันเอนกายลงก็สอดแขนให้ภัทรทราภรณ์หนุนนอนอย่างเคย เธอหันมามองหน้าฉันและจ้องอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“บอกมาเดี๋ยวนี้นะว่ากอล์ฟเป็นใคร” มาแล้วคำถามที่ต้องตอบ

“เพื่อนเราที่คณะ”

“แล้วไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมไม่เคยเล่าให้เราฟัง” คำถามที่สองเริ่มอีกรอบ

“ก็ตั้งแต่เปิดเทอมนั่นแหละเราทำรายงานกลุ่มเดียวกัน”

“แล้วทำไมไม่เคยบอกเราว่ามีเพื่อนชื่อกอล์ฟ”

“ก็กิ่งไม่เคยถามไม่คิดว่าจะอยากรู้”

“ทำไมจะไม่อยากรู้ อ๋อเดี๋ยวนี้คิดนอกใจไม่บอกอะไรเราเลยใช่ไม๊” มือของเธอดึงหูของฉันจนแทบจะขาดหลุดติดมือ

“โอ๊ยเจ็บนะกิ่งเราไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อยมาบิดหูเราทำไม” ฉันโอดครวญ

“ที่ทำอยู่นี่ไม่ผิดเหรออย่าให้รู้นะว่าคิดนอกใจไม่อย่างนั้นจะบิดให้หูขาดเชียว ไหนเล่ามาละเอียดๆ สิว่าไปรู้จักมักจี่กับคนชื่อกอล์ฟนั่นได้ยังไง แล้วทำไมต้องควงแขนกันแบบนั้นด้วย” สิ่งที่เธอถามนั้นเธอจะรู้ไหมนะว่าฉันเองก็ตอบไม่ได้

และฉันก็เริ่มเล่าเรื่องของฉันกับกอล์ฟให้เธอฟังอย่างละเอียดยิบชนิดที่ไม่ขาดตกบกพร่องไปแม้แต่กระเบียดเดียว กว่าจะเล่าจบก็เล่นเอาฉันน้ำลายเหนียว เพราะเธอช่างซักไซ้ไล่เรียงทุกคำ ทั้งเรื่องที่ไปรยากับแฟนที่กำลังระหองระแหงกันอยู่และเรื่องการที่ฉันกับไปรยาที่ดูท่าทางเหมือนว่าจะสนิทกันเกินเพื่อน

“ระวังไว้นะแป๊ดคนกำลังอกหักมักจะใจแกว่งและโอนอ่อนไปกับคนข้างกายได้ง่าย”

“เรารู้นะกิ่งเราเข้าใจเรื่องนี้ดีเลยด้วย”

“อืมอย่าให้เรารู้ก็แล้วกันว่าจะไปช่วยกอล์ฟรักษาแผลใจไม่อย่างนั้นหละน่าดู” เธอฆาตโทษฉัน

“นี่กิ่งหึงเราเหรอ”

“ใช่สิหึงแล้วก็หึงมากๆ ด้วย” เธอตอบด้วยท่าทางงอนๆ

“จะดีใจหรือเสียใจดีนี่”

“ก็ลองพูดมาสิว่าเสียใจหูจะได้ยานไปอีกข้างนึง” ไม่พูดเปล่ายังจะเอื้อมมือมาที่หูฉันอีกแต่คราวนี้มือเรียวนั้นไม่สามารถที่จะถึงหูของฉันหรอก เพราะมันผ่านการเซ็นเซอร์ด้วยมือของฉํนที่กุมมือของเธอไว้


และฝังรอยจุมพิตไว้ที่หลังมือนั้นพร้อมกับจับมาวางไว้ที่แก้มของฉัน

“เรารักกิ่งนะเราไม่นอกใจกิ่งหรอกกอล์ฟน่ะก็คือเพื่อนเรา แต่กิ่งสิเป็นแฟนเรา แล้วกิ่งไปประกาศอาณาเขตไว้ขนาดนั้นใครๆ เค้าก็ได้ยินกันหมดแล้วคงไม่มีใครคิดจะเอาเราไปทำพันธุ์อีกแล้วหล่ะกิ่งนอนเถอะนะคนดีเราลูบหลังให้พรุ่งนี้ต้องไปโน่นไม่ใช่เหรอ” ฉันพยายามอธิบายให้เธอได้เข้าใจในตัวของฉันและโอบกอดเธอให้กลับมาในอ้อมกอดของฉัน

“เราต้องกลับไปเรียนแล้วและอีกนานกว่าจะได้กลับมาเราคงคิดถึงแป๊ดแย่เลย” เสียงของเธออู้อี้อยู่ข้างๆ ใบหูของฉัน

“อย่าทำแบบนี้สิกิ่งเราเสียว”

“นี่หน้าสิ่วหน้าขวานจะมาเสียวอะไรกันนักหนาคนยิ่งกลุ้มๆ อยู่” เธอแว๊ดใส่ฉันอีกแล้ว

“จะกลุ้มไปทำไมหล่ะจ๊ะทูนหัววันหยุดเรา เราก็ไปหากิ่งได้กิ่งไม่ต้องมาหาเรา แล้วเราก็ไปอ่านหนังสือด้วยกันให้เราได้ทำหน้าที่แฟนและไปประกาศว่าเราเป็นแฟนกิ่งบ้างสิ กิ่งมาประกาศฝ่ายเดียวไม่ดีนะไม่แฟร์”

“อ๋อเหรอนี่แน่ะไม่แฟร์” แล้วเธอก็ก้มลงมากัดที่คอของฉันจนจมเขี้ยว ทำเอาฉันร้อง

“จ๊าก”
และงานนี้ต้องมีการเอาคืนราตรีนี้ยังอีกยาวไกลนักคิดหรือว่าจะได้หลับได้นอนกันนะคุณหมอขี้หึง


..... จบบทที่ ๘ ....



Create Date : 22 พฤษภาคม 2551
Last Update : 23 มิถุนายน 2551 18:10:58 น. 2 comments
Counter : 447 Pageviews.

 
ที่หนึ่งครับ เอาตำแหน่งคืน ว่ะ ห้า ห้า


โดย: ข้าว IP: 202.44.135.242 วันที่: 22 พฤษภาคม 2551 เวลา:19:52:42 น.  

 
โล่งใจจังครับ นึกว่านางเอกของเราจะไม่ได้คู่กันซะอีก


โดย: ข้าว IP: 202.44.135.242 วันที่: 22 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:06:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รันหณ์
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ฉันคือฉัน
ฉันรักเสียงเพลง
ฉันรักสายลม
ฉันรักท้องฟ้า
ฉันรักอิสระ
ฉันคนไร้ราก
ผิงดาวยามไร้เดือน

คืนนี้ถ้าเธอหนาว ร่วมผิงดาวบนท้องฟ้า
จากรักจากศรัทธา....ของเรา

เป็นอะไรก็ได้มิใช่หรือ
แค่เป็นคนดีก็คงเีพียงพอ
[Add รันหณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.