It's not easy to be me
Group Blog
 
All blogs
 
เรื่องสั้นแนวยูริ : บังเอิญ




บังเอิญ

ฉันตัดสินใจจากบ้านมาเพื่อเข้ามาหาตัวตนของชีวิต หลังจากที่เรียนจบก็กลับไปทำงานที่บ้าน เมื่อกลับไปทุกอย่างเปลี่ยนไปจากเดิม

ใช่สินะเพราะเพื่อนๆที่สนิทกันไม่มีใครกลับบ้าน ทุกคนต่างทำงานในสาขาที่เรียนมา ฉันไม่มีเพื่อนสนิทที่กลับมาทำงานยังบ้าง มีเพียงครอบครัวของฉันเท่านั้นที่อยู่ที่บ้าน

เด็กต่างจังหวัดทุกคนก็คงจะคล้ายๆกัน จากบ้านมาเพื่อเรียนหนังสือ และเมื่อเรียนจบก็กลับบ้าน แต่ฉันตัดสินใจจะกลับมาใช้ชีวิตในเมืองหลวงอีกครั้งหลังจากที่ได้กลับบ้าน เพราะอะไรนะเหรอ ก็เพราะความเหงา เพราะฉันเป็นแบบนี้ เป็น หญิงรักหญิง หากอยู่ที่บ้านทุกคนจะมองฉันเป็นตัวประหลาด เป็นสิ่งที่ครอบครัวบอกให้ฉันเลิก แต่ฉันเลิกรักเธอเหล่านันไม่ได้

ในอดีตฉันเคยมีคนรักที่เรียนด้วยกันตั้งแต่มัธยมต้น เราคบกันหลายปี แต่ด้วยความรักที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ และเธอเป็นลูกที่ดีของครอบครัว ทำให้เราต้องแยกจากกันโดยปริยาย

เธอเลือกครอบครัวของเธอ เมื่อเธอเรียนจบก็กลับบ้านฉันก็เช่นกัน กลับบ้านไปเพื่อให้รู้โดยชัดเจนว่าความรักของเรานั้นเป็นไปไม่ได้ ........เราจากกันด้วยดี และเรายังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ….

………………………….

ฉันเองก็เข้าทำงานในบริษัทแห่งนึงที่กรุงเทพหลังจากที่หางานมานาน จำได้ว่าวันนั้นเป็นวันที่ 2 มกราคม เป็นวันแรกที่ฉันต้องเข้าไปทำงานในบริษัทแห่งนั้น และที่นั่นฉันรู้มาว่ามีรุ่นพี่ที่อยู่จังหวัดเดียวกันทำงานอยู่ด้วย ฉันจึงไปนั่งรอรุ่นพี่อยู่บนอาคารสำนักงานนั้น

“ขอโทษนะคะคุณ ไม่ทราบว่ารู้จัดคุณธิดาวรรณที่อยู่แผนกบัญชี รึเปล่าคะ?” ฉันถามหญิงสาวคนหนึ่งที่เดินออกมาจากลิฟต์ และเข้าใจว่าเธอต้องทำงานในบริษัทนี้เนื่องจากเธอแต่งชุดฟอร์มของบริษัทที่ฉัน เข้ามาทำงานใหม่นี้

“ไม่รู้จักค่ะ” เธอตอบแล้วก็เดินหนีไป ทั้งๆ ที่ฉันยังไม่ได้สอบถามอะไรเพิ่มอีกเลย

ฉันก็ได้แต่ยืนงง ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นอะไรท่าทางแปลกๆ แล้วก็ไม่ได้คิดอะไร เมื่อมองดูนาฬิกาก็เห็นว่าเกือบจะ 8 โมงเช้าแล้ว ฉันเลยตัดสินใจขึ้นลิฟต์ไปชั้นของฝ่ายบุคคลเพื่อรายงานตัวว่าฉันมาทำงานแล้วนะ (ก็วันนี้เป็นวันแรกของฉันซะด้วยสิ จะช้าได้อย่างไรกัน)

“สวัสดีค่ะดิฉัน ลัดดาค่ะ มารายงานตัวค่ะ” ฉันบอกกับเจ้าหน้าที่ในฝ่ายบุคคลแล้วก็ยื่นเอกสารที่ทางบุคคลบอกให้นำมาเมื่อมารายงานตัว เช่น TRANSCRIP รูปถ่าย

“อ้อค่ะ เชิญนั่งรอสักครู่นะคะ อ้อพี่ชื่อเบียร์ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักน้องลัดดานะคะ” พี่เบียร์ทักทายฉันอย่างเป็นกันเอง แล้วก็หยิบแฟ้มมาเพื่อเก็บเอกสารของฉันและยื่นแฟ้มเอกสารให้

“นี่เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับบริษัทเรานะคะน้อง คร่าวๆ ก่อนที่จะแนะนำอย่างเป็นทางการนั่งอ่านไปก่อนนะคะ” พี่เบียร์ยื่นให้ฉัน แล้วก็เดินจากไป

ฉันนั่งอ่านเอกสารอยู่ตรงนั้นเกือบชั่วโมง พี่เบียร์ก็เข้ามาตามและบอกว่าจะแนะนะให้รู้จักกับหัวหน้างานฉันซึ่งอยู่ตึกถัดไป และเราก็เดินตามกันออกไปอย่างไม่รีบร้อน

ฉันได้รับการแนะนำให้รู้จักกับพี่ๆ ในแผนกทุกคน ซึ่งก็จำได้บ้างไม่ได้บ้าง ฉันคิดว่าอยู่ๆไปก็จำกันได้เองแหละเพราะต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน แต่ไม่รู้ทำไมฉันอยากรู้จักผู้หญิงผมยาวตัวสูงผอมคนนั้นจังเลย เธอเป็นใครนะ!!! แล้วเธอวิ่งหนีฉันทำไมกัน ฉันเป็นตัวประหลาดรึงัยเนี่ย แต่ช่างเถอะหากบังเอิญได้เจอกันอีกฉันจะถามเธอให้ลุแก่ใจว่าเธอหนีทำไมกัน

ตอนเที่ยงวันนี้ฉันก็ได้เจอกับรุ่นพี่ลืมบอกไปว่าเธอชื่อนุ้ย พี่นุ้ยเป็นรุ่นพี่ที่ไม่ค่อยสนิทกันมากนักหรอกเมื่อยามอยู่ต่างจังหวัด แต่เราจะมาสนิทกันก็ตอนอยู่ที่กรุงเทพ ทำไมนะเหรอ ก็คงเป็นเพราะว่าความห่างไกลบ้างกระมังที่ทำให้คนที่เหงาและรู้สึกว่าไม่มีใครเป็นเพื่อนสนิทได้ เมื่อเห็นว่าเป็นรุ่นน้องแล้วก็เคยเรียนโรงเรียนเดียวกัน (เรียกง่ายๆก็บ้านนอกเหมือนกัน) ก็เลยสนิทกันอย่างรวดเร็ว เผื่อพึ่งพาอาศัยกันได้

“อ้าวเป็นงัยดา ทำงานวันแรกเป็นงัยบ้าง” พี่นุ้ยถามฉันอย่างอารมณ์ดี

“ไม่เป็นงัยหละพี่ ยังไม่ได้ทำอะไรเลย อ้อพี่เมื่อเช้าไปหาพี่ที่ตึกนะ ถามใครก็ไม่รู้ตัวผอมๆ สูงๆ ว่ารู้จักพี่รึเปล่าเค้าบอกไม่รู้จักแล้วก็วิ่งหนีไปเลย ยังงอยู่เลยเนี่ย” แล้วฉันก็ทำหน้างง ให้รู้ว่างงจริงๆ

“อ้อพี่รู้แล้ว หมึกบอกพี่เหมือนกันแหละว่ามีคนถามหาตอนเช้า” พี่นุ้ยพูดแล้วก็หัวเราะ

“อ้าวก็เมื่อเช้าเค้าบอกไม่รู้จักพี่นะ” ยิ่งทำหน้างงหนักกว่าเดิมอีก

“ก็หมึกเค้าปวดท้อง ท้องเสียตั้งแต่เมื่อวานแล้วกินส้มตำปลาร้า เค้าก็เลยรีบวิ่งไปนะสิ เห็นบอกว่าอั้นมาตั้งแต่อยู่ในรถแน่ะ” แล้วเสียงหัวเราะของฉันกับพี่นุ้ยก็ดังขึ้นพร้อมๆกัน

“ไปๆ ไม่ต้องคิดมากพี่เลี้ยงข้าวเองวันนี้”

“ได้เลยพี่ จะถล่มซะให้เข็ด” แล้วเราก็ไปหาข้าวเที่ยงทานกันที่ร้านข้างๆบริษัทอย่างเอร็ดอร่อย

………………………..

เย็นวันนั้นเมื่อจะกลับบ้าน ฉันเจอผู้หญิงที่ชื่อหมึกอีกครั้ง คราวนี้เธอเดินคนเดียว เหมือนเดิม แต่ไม่รีบร้อนเหมือนเมื่อเช้าที่เราเจอกันฉันจึงเข้าไปทักเธอ

“สวัสดีคะ เมื่อเช้าต้องขอโทษด้วยนะคะที่ขัดจังหวะ” ฉันพูดแล้วอมยิ้มส่งให้เธอ

“หมึกสิคะต้องขอโทษคุณ…อ่าาาา คุณ..”

“ดาค่ะ เราชื่อดา”

“คะคุณดา พอดีหมึกปวดท้องมาก พูดยังจะพูดไม่ไหวเลย ต้องรีบวิ่งเข้าห้องน้ำนะคะ จริงๆ พี่นุ้ยเป็นหัวหน้าของหมึกเองหละค่ะ ขอโทษจริงๆ นะคะ” เธอกว่าด้วยเสียรู้สึกสำนึกในความผิดจริงๆ

“ไม่เป็นไรหรอกคะ พี่นุ้ยบอกดาแล้วตั้งแต่ตอนเที่ยง คุณหมึกกลับบ้านยังงัยค่ะ”

“กลับรถเมล์อ่ะค่ะ บ้านอยู่แถวสุขาภิบาล 3 คะ ใกล้แค่นี้เอง” เธอตอบพร้อมกับยิ้มน่ารักส่งมาให้ฉัน

“ติดรถดาไปไม๊ค่ะ ดาต้องกลับบ้านทางนั้นพอดี” ฉันชวนเธอ

“เกรงใจอ่ะค่ะ ไม่ดีกว่าเผื่อคุณดาจะไปทีไหนต่อ” แล้วเราก็หยุดเดินและ ยืนอยู่ตรงหน้าประตูของบริษัทพอดี

“ไม่ไปไหนหรอกค่ะ ต้องรีบกลับบ้าน เพราะต้องเตรียมของหลายอย่าง พึ่งมาจากต่างจังหวัดนะคะ ยังไม่ได้จัดข้าวของเลยคะ และถ้าเผื่อคุณปวดท้องอีกจะได้เลี้ยวเข้าปั๊มง่ายงัยค่ะ” ฉันตอบเธอ เพราะฉันต้องรีบกลับบ้านจริงๆ และด้วยความเป็นหว่งเธอด้วย

“คะก็ได้คะ ขอบคุณนะค่ะ” แล้วเราก็เดินไปที่รถขอฉัน

“รถรกหน่อยนะคะ ยังไม่ได้ขนของขึ้นบ้านเลยอ่ะค่ะมันหนัก” ฉันบอกเธอพร้อมๆกับจับของที่วางอยู่เกลื่อนรถโยนไปไว้เบาะหลังเพื่อให้เธอนั่งได้สะดวก

“ไม่เป็นไรคะเอางี้สิคะ ให้หมึกไปช่วยคุณขนของขึ้นบ้านไม๊ค่ะ เป็นการขอโทษที่หมึกเสียมารยาทกับคุณเมื่อเช้านี้” เธอยื่นข้อเสนอกับฉัน

“รบกวนเปล่าๆ ค่ะ ดาทำเองได้ค่ะ คงไม่หนักเท่าไรนักหรอกค่ะ ที่ห้องมันรกยิ่งกว่าในรถอีกอ่ะค่ะ อายนะอย่าดีกว่า ไว้วันหลังค่อยไปละกันนะคะให้จัดให้เรียบร้อยก่อน” ฉันบอกตามความคิดของฉันจริงๆ

“ค่ะ อ้อเดี๋ยวจอดป้ายนี้แหละค่ะ ถึงบ้านหมึกแล้ว” เธอชี้ให้ฉันจอดรถตรงป้ายรถเมล์

“ถึงแล้วเหรอคะ เร็วจังเลย บ้านดายังต้องไปอีกตั้งไกลแนะค่ะ”

“อยู่แถวไหนคะ”

“รังสิตน่ะค่ะ คงอีกกว่าชั่วโมง โชคดีนะคะ พักผ่อนเยอะๆ”

“ค๊ารับรองพักเยอะแน่นอนเพลียเหลือเกิน ขับรถดีๆนะคะ เป็นห่วง บายคะ” และยิ้มน่ารักให้ฉัน

“บายคะพรุ่งนี้เจอกันคะ” เธอลงรถไปแล้ว เธอจะรู้ไม๊นะว่าเธอได้กระชากหัวใจของฉันไปด้วยรอยยิ้มสดใสของเธอ

ดวงตาเป็นประกายสดใสคู่นั้น ทำให้ฉันขับรถกลับบ้านอย่างสบายอารมณ์ นั่นสินะ เธอดูเป็นกันเองกับฉันมาก ฉันกลับไปจัดข้าวของที่ระเกะระกะที่บ้านและในรถจนเรียบร้อนในวันนั้นพร้อมกับเอารถไปล้างอัดฉีดกว่าจะกลับเข้ามานอนก็เกือบตีหนึ่ง และได้ยินเสียงโทรศัพท์ ใครโทรมานะ ดึกดื่นป่านนี้แล้ว

“สวัสดีค่ะ” ฉันกรอกเสียงไปในโทรศัพท์

“สวัสดีคะ นี่หมึกนะค่ะ ขอโทษที่โทรมารบกวนคะ” เสียงของเธอช่างสดใสเหลือเกิน

“คะคุณหมึก ได้เบอร์มาจากไหนค่ะ?” ฉันถามด้วยความแปลกใจเป็นอย่างมาก

“ได้มาจากพี่นุ้ยคะ โทรขอแกมาคือ..... หมึกจะบอกว่าหมึกลืมกระเป๋าตังค์ไว้ในรถคุณดานะคะ” ต้องขอโทษด้วย

“ตายหละหว่า คุณลืมไว้จริงๆเหรอค่ะ เมื่อกี้เอารถไปล้างอัดฉีดมา ไม่เห็นมีเลยอ่ะคะ” ฉันตกใจมากจริงๆนั่นแหละ

“เหรอค่ะ ไม่เป็นไรคะ เดี่ยวลองดูที่บ้านใหม่ค่ะว่าอยู่รึเปล่าเดี๋ยวหมึกโทรไปใหม่นะคะ” แล้วเธอก็วางสาย

ฉันสิรีบวิ่งไปที่รถ เปิดดูว่ายังคงมีกระเป๋าเธอหล่นอยู่ในรถหรือเปล่า หากมีก็ดีไปหากไม่มี ความซวยมาเยือนแล้วเรา เดี๋ยวเค้าจะหาว่าเราขโมยรึเปล่าก็ไม่รู้ ฉันค้นๆๆๆ ทุกซอกทุกมุมของรถ และในที่สุดก็เจอ มันตกอยู่ใต้เบาะ ด้านข้าง ดีใจอย่างกับลิงได้แก้ว แทบจะตะโกนออกมาดังๆ แต่ก็ด้วยว่าเห็นว่าเป็นเวลาดึกมากแล้วชาวบ้านเค้าจะเอากระถางต้นไม้ปาใส่หลังคาบ้านจึงไม่ได้ตะโกนออกไป

……………

เสียงโทรศัพท์ดังอีก

“คะ”

“หมึกไม่เจออ่ะค่ะคุณดา” เธอกรอกเสียงมาฟังแล้วเศร้าพิกล

“ดาเจอแล้วค่ะ คุณหมึก ในกระเป๋าคุณมีอะไรบ้างคะ”

“ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ มีเงินนิดหน่อย บัตรประชาชน บัตรพนักงาน บัตรเครดิต”

“เดี๋ยวดาดูให้นะคะว่ายังอยู่ครบหรือเปล่า”

“อะอย่าค่ะ อย่าเปิดค่ะ” ไม่ทันซะแล้ว ฉันเปิดกระเป๋าเธอ ฉันเห็นรูปของเธอกับผู้หญิงอีกคนนึง เพียงแค่เห็นแว๊บแรกก็รู้ทันที่ว่าเธอเป็นเหมือนฉัน หญิงรักหญิง โอ้พระเจ้า !!!!!

“ไม่ทันแล้วค่ะดาเปิดแล้ว”

“ไม่เป็นไรคะ คือหมึกไม่อยากให้ใครเห็นรูปก็เท่านั้น เห็นแล้วก็ไม่เป็นไรคะ แล้วของครบไม๊ค่ะ”

จากนั้นเราก็เช็คของในกระเป๋าสตางค์ของเธอ โดยที่เธอจะเป็นคนบอกฉันว่ามีอะไรบ้าง ยังโชคดีที่อยู่ครบ ไม่หายไปแม้แต่อย่างเดียว และที่สำคัญ ฉันได้รู้ว่าเธอก็ชอบผู้หญิงเหมือนที่ฉันชอบ (เค้าว่ากันว่าสาวบัญชีละเอียดรอบครอบนี่ท่าทางจะจริงที่เดียวหละ) เราจบการสนทนากันโดยที่ฉันเป็นคนบอกเธอว่าดึกแล้วต้องขอตัวนอนก่อนเพราะฉันต้องตื่นเช้า เราจึงราตรีสวัสดิ์กันในคืนนั้นอย่างง่วงมาก

……………………….

ฉันและหมึกเราคบกันในฐานะเพื่อนได้มาเกือบ 2 ปี โทรคุยกันทุกวัน เธอมีเรื่องอะไรไม่สบายใจก็จะมาปรับทุกข์กับฉันเสมอ ทั้งเรื่องงานเรื่องแฟนของเธอที่ดูเหมือนจะระหองระแหงกันหนักขึ้นทุกวัน จนฉันเริ่มที่จะคิดว่าฉันเข้าไปยุ่งกับเรื่องของเธอมากเกินไปหรือเปล่า เมื่อฉันบอกเธอ เธอกลับบอกว่าไม่หรอกถ้าไม่มีฉันเธอก็ไม่รู้จะไปปรึกษาใคร

ฉันได้แต่เก็บงำความรู้สึกของฉันที่มีให้เธอเป็นความลับมาโดยตลอดทั้งๆที่เราสองคนมีความใกล้ชิดกันมาก แต่เพราะเธอมีเจ้าของแล้ว และฉันไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงเพราะกลัวว่าเธอจะไม่ยอมคบกับฉันอีก และจะหนีฉันไปเพราะตอนนี้ฉันรักเธอมากเหลือเกิน

แล้ววันนึงเธอได้บอกกับฉันว่า

“ดา เราน่ะเลิกกับพี่เค้าแล้วนะ พี่เค้าไปมีคนใหม่ เค้าขอเลิกกับเรา เพราะเราไม่ใช่คนที่เค้ารัก เราแย่มากเลยนะ มาบอกเธอทำไมไม่รู้ แต่เราต้องบ้าแน่เลยถ้าไม่ได้บอกเธอ” เธอพูดเสียเครือ และฉันเข้าใจว่าเธอกำลังร้องไห้

“หมึก เราไปหาเธอที่บ้านนะ อย่าคิดมากรอเราสักชั่วโมงนะ เดี๋ยวเราไปหา” แล้วฉันก็วางสาย

ขณะที่ขับรถไป ก็ได้แต่ภาวนาว่าขออย่าให้เธอคิดสั้น อย่าเป็นอะไรนะ เธอยังมีฉันที่เฝ้ารักเธอมาโดยตลอด เพียงแต่ฉันไม่กล้าบอกเธอเหมือนคนของเธอก็เท่านั้น อย่าเป็นอะไรนะ อย่าเป็นอะไร

เมื่อถึงหน้าบ้านเธอ ฉันรีบวิ่งขึ้นไปข้างบนโดยที่สวัสดีพ่อกับแม่ของเธอพอเป็นพิธีเท่านั้นแล้วก็วิ่งขึ้นไปข้างบนเลย เคาะประตูแล้วเปิดเข้าไปเห็นเธอนั่งอยู่บนเตียงมืดๆ ไม่พูดจากับฉันสักคำ ฉันนั่งมองเธออยู่นาน นานจนสามารถเก็บเอาความรู้สึกเสียใจของเธอไว้ในใจฉันได้

ฉันเอื้อมมือไปจับมือของเธอลูบมือนั้นอย่างแผ่วเบา โอบกอดเธอให้มาอยู่ในอ้อมกอดฉัน เธอร้องไห้ สั่นระริกในอ้อมกอดของฉัน ไม่มีเสียงพูดของเราทั้งสองคน แต่เรารับรู้ถึงความรู้สึกเป็นห่วงกันและกันได้จากสัมผัส และสายตาที่เราส่งให้กัน เธอหยุดร้องไห้แล้ว

ฉันอยากจูบเธอ และปลอบเธอมากกว่าที่ทำอยู่อย่างนี้ แต่ไม่สามารถทำได้ และแล้วเธอก็ผละออกจากอ้อมกอดฉัน เรามองตากันเนิ่นนาน ฉันอดทนต่อไปไม่ได้แล้ว ดึงตัวเธอเข้ามาในอ้อมกอดฉันอีกครั้งจูบที่หน้าผากเธอ และบอกเธอว่า

“หมึกเรารักเธอนะ อย่าคิดสั้น อย่าเป็นอะไรนะ เรารักเธอตั้งแต่แรกเห็นในวันแรกที่เราได้เจอกัน เราไม่รู้ว่าจะบอกเธอได้ยังงัย เพราะเธอมีเจ้าของอยู่แล้ว เราเก็บมันมานานมากแล้วหมึก อยู่กับเรานะ อย่าจากเราไปไหน ตอนนี้เธอไม่มีใครแล้วเธอจะรับรักเราได้ไม๊ หมึก” ฉันพูด พูด และพูด ในสิ่งที่ฉันเก็บงำเอาไว้นาน

และเธอสนองตอบฉันด้วยการที่กอดฉันแน่นขึ้นกว่าเดิม ฉันจูบที่เปลือกตาของเธออย่างแผ่วเบา ดวงตานั้นยังมีคราบน้ำตาที่ยังคงไหลอยู่ตลอด ฉันจูบไล้ไปเรื่อยๆ ทั้งดวงหน้าของเธอ และในที่สุด ฉันก็ได้ลิ้มรสความหวานของปากสีชมพูของเธออย่างแผ่วเบา ดูดดื่ม ให้สมกับที่ฉันเฝ้ารอมานานเหลือเกิน และคืนนั้น เธอก็นอนอยู่ในอ้อมกอดของฉันทั้งคืน รุ่งขึ้นเราสองคนโทรลาป่วยและฉันพาเธอไปทะเล ฉันบอกเธอว่าไปเปิดสมองให้โล่ง จะได้ไม่ต้องคิดมากอีก

…………………….

เราสองคน เดินกอดกันอยู่ริมทะเล โดยไม่ต้องมีคำพูดจากปากเราทั้งสองคนเลย เราเพียงส่งคำพูดกันด้วยสายตา สัมผัส และหัวใจของเราเท่านั้น

เราเดินมาถึงโขดหินแห่งนึง และเราก็นั่งบนนั้น ดวงตะวันจะลับขอบฟ้าแล้วทะเลเป็นสีแสด ตะวันค่อยๆ ลับขอบฟ้า ลงไปทีละน้อย ทีละน้อย จนในที่สุดก็จมลงไปในทะเล

“หมึก เห็นดวงอาทิตย์นั่นไม๊ มันมีวันตกและก็มีวันขึ้น ก็เหมือนกับชีวิตเราทั้งสองนั่นแหละนะ เมื่อมีวันที่เสียใจก็ต้องมีวันที่สุขใจจริงไม๊” ฉันมองตาเธอด้วยสายตาที่หวานหยดย้อย

“จริงค่ะ แล้วตอนนี้ ใจในหมึกก็มีดวงอาทิตย์ดวงใหม่ขึ้นในใจแล้วหละ” เธอพูดยิ้มๆ

“ใครเอ่ย บอกได้ไม๊” ฉันแกล้งถามเธอ

“ก็ดางัยคะ ดาเป็นเพื่อนที่ดีของหมึกมานาน และเราก็จะเป็นเพื่อนคู่ใจที่เราจะเดินไปด้วยกันตลอดชีวิต สัญญากับหมึกได้ไม๊ค่ะว่าดาจะอยู่กับหมึกตลอดไป”

“ดาไม่สัญญานะคะ แต่ดาจะให้หมึกดูจากการกระทำของดาต่อจากนี้ไปต่างหากค่ะ ว่าจะทำได้รึเปล่า หมึกรู้ไม๊ ต้องขอบคุณความบังเอิญนะที่เราได้รู้จักกัน ถ้าวันนั้นหมึกไม่บังเอิญเดินออกมาจากลิฟต์ เราก็ไม่ได้ทักทายกัน เราก็ไม่มีเรื่องคุยกัน หมึกก็ไม่ได้ขึ้นรถเรา ไม่บังเอิญลืมกระเป๋าตังค์ไว้ในรถเรา และเราก็จะไม่รู้ว่าหมึกชอบผู้หญิงเหมือนเรา ถ้าเราไม่บังเอิญเปิดกระเป๋าสตางค์ของหมึกจริงไม๊”

“ก็จริงนะ (((ขอบคุณความบังเอิญ)))” เธอตะโกนออกไปในท้องทะเล

“ขอบคุณมากกกกกกกกกกกก” ฉันตะโกนบอกอีกครั้ง

แล้วเราก็นั่งลงมองท้องทะเลที่มืดสนิทลงทุกที

“เราจะรักกันตลอดไปนะหมึก”

“ค่ะ เราจะรักกันตลอดไป”

…….จบ……
ฉันเขียนเรื่องนี้เมื่อนานมาแล้วอีกเช่นกัน อย่างน้อยก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 10 ปีที่ผ่านมา
วันที่ฉันไปนั่งเล่นที่ริมทะเลแล้วมองนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องราวสมัยยังเป็นเด็กเริ่มทำงาน
ฉันคิดเสมอว่าชีวิตมีแต่เดินไปข้างหน้าเสมอ ไม่มีใครหยุดวันเวลาได้
และความบังเอิญก็เกิดขึ้นได้เสมอ หากความบังเอิญเกิดในด้านดีเค้าก็เรียกว่าบังเอิญแต่หากความบังเอิญเกิดในด้านลบ เค้าก็มักจะเรียกกันว่าอุบัติเหตุ

ใครที่กำลังอกหักรักคุด หรือไม่สมหวังในรัก ก็ให้ถือซะว่ากำลังเกิดอุบัติเหตุรัก
และพยายามเยียวยารักษาแผลรักให้หาย หากได้ยาดี หมอรักษาที่ดีก็คงหายเร็ว
หากไม่มียาไม่มีหมอรักษาก็หลบเลียแผลใจอยู่เงียบๆ
เวลาเหล่านั้นจะช่วยท่านได้ค่ะ

ฉันเชื่อเช่นนั้น.....



Create Date : 01 ธันวาคม 2550
Last Update : 1 ธันวาคม 2550 13:38:20 น. 0 comments
Counter : 420 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รันหณ์
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ฉันคือฉัน
ฉันรักเสียงเพลง
ฉันรักสายลม
ฉันรักท้องฟ้า
ฉันรักอิสระ
ฉันคนไร้ราก
ผิงดาวยามไร้เดือน

คืนนี้ถ้าเธอหนาว ร่วมผิงดาวบนท้องฟ้า
จากรักจากศรัทธา....ของเรา

เป็นอะไรก็ได้มิใช่หรือ
แค่เป็นคนดีก็คงเีพียงพอ
[Add รันหณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.