It's not easy to be me
Group Blog
 
All blogs
 
เรื่องสั้นแนวยูริ : ความเอยความรัก ตอนที่ ๑๕ ทะเล

ตอนที่ ๑๕ ทะเล

เช้าวันใหม่สดใสใต้ผ้าห่มอุ่นผืนหนาทั้งสองกอดก่ายกระชับไม่อยากลุกไปไหน เหตุการณ์เมื่อคืนยังกรุ่นอยู่ในหัวใจ ของขวัญวันเกิดชิ้นงามของมัชวีนั้นบัดนี้หน้าแดงซุกตัวใต้วงแขน

“มัชยังไม่อยากตื่นเลยค่ะพี่ธัญ” มัชวีส่งเสียเว้าวอนและฉุดรั้งร่างละมุนให้กลับมายังอ้อมแขนตน เมื่อร่างละมุนนั้นทำท่าเหมือนจะขยับลุกจากอ้อมแขนของเธอ

“สายแล้วน้องมัชแดดแรงออกอย่างนี้จะนอนให้ตะวันจี้ก้นหรือไงกัน” ธัญชนกกล่าวอย่างเอ็นดู เมื่อล้มตัวลงนอนในอ้อมแขนนั้นอีกครั้ง

“ก็มัชยังอยากนอนนี่คะ นานๆ ได้นอนแบบนี้สักที”

สายตาที่จ้องมองผู้ที่อยู่ข้างกายยังคงระยิบระยับ นั่นยิ่งทำให้อีกฝ่ายต้องก้มหน้าอายและเขินอยู่ร่ำไป

“ทำไมต้องรีบลุกหล่ะคะพี่ธัญ มัชยังอยากนอนแบบนี้อีกนานๆ”

“ก็ถ้าพี่ไม่ลุกไม่มีทางที่คนขี้อ้อนจะยอมลุกจากที่นอน แล้วก็ปล่อยให้ท้องร้องโครกครากแบบนี้ไม่ดีต่อกระเพาะแน่ๆ นะน้องมัช” ธัญชนกนั้นได้ยินเสียงท้องของมัชวีร้องดังๆ มาหลายหนแล้ว

“พี่ไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน ถ้ายังไม่อยากลุกก็นอนต่อไป แล้วพี่จะทานกับข้าวฝีมือป้าแจ่มเผื่อก็แล้วกันนะน้องมัช” ว่าแล้วธัญชนกก็ลุกพรวดหยิบผ้าเช็ดตัวหายไปในห้องน้ำ ส่วนมัชวีนั้นหลังจากที่ธัญชนกลุกไปแล้วก็อิดออดอยู่นานกว่าจะลุกขึ้นกลับห้องนอนของตน โดยหันกลับไปมองหน้าประตูห้องน้ำที่สุดที่รักของเธอหายไปนานสองนานในนั้น

..............................................................

รถสีฟ้าคันเล็กน่ารักคันใหม่จอดรออยู่ที่หน้าบ้าน มัชวีเดินสำรวจรถคันใหม่ไปทั่วราวกับเด็กเห่อของเล่นชิ้นใหม่ ถึงแม้น้องฟ้าคันใหม่จะไม่สวยสมใจเธอเหมือนน้องเต่าฟ้าก็ตาม แต่ก็เป็นพาหะนะที่จะนำพาเธอและพี่ธัญไปทะเลในวันนี้ได้อย่างสบายๆ ไม่ต้องห่วงเครื่องยนต์ร้อน เพราะน้องเต่าฟ้านั้นเครื่องยนต์ร้อนบ่อยๆ ทำให้ต้องหยุดเพื่อพักน้องเต่าฟ้าได้พักร้อนเสมอๆ มัชวีสำรวจรถไปทั่วจนลืมไปว่าธัญชนกนั้นจะตามลงมารับประทานอาหารเช้ากันที่โต๊ะอาหาร

ธัญชนกลงมาจากชั้นบนมองหามัชวีที่โต๊ะอาหารแต่ก็ไม่พบ จึงนั่งรอที่จะรับประทานอาหารเช้า เมื่อป้าแจ่มมารายงานว่าอีกคนนั้นเห่อรถใหม่อยู่หน้าบ้าน อีกฝ่ายก็อมยิ้มรับรู้

“จะทานเลยหรือเปล่าคะหนูธัญ” ป้าแจ่มถามขึ้นเมื่อเห็นเวลาล่วงเลยมานานมัชวีก็ยังไม่เข้ามาสักที

“ยังก่อนก็ได้ค่ะป้า รอมัชเค้าสักครู่เดี๋ยวก็คงตามเข้ามา”

“รู้น้อยไปสิคะ รายนั้นถ้าได้อะไรที่ถูกใจป้าว่าโน่นเย็นๆ นะค่ะจะกลับเข้ามา” สิ้นเสียงป้าแจ่มก็มีเสียงกระแอม ตามหลัง

“อะแฮ้ม ใครนินทามัชท้องผูกด้วยนะขอบอก” มัชวีส่งเสียงให้ได้ยินกันถ้วนทั่ว

“ไม่ได้นินทาค่ะ แต่บ่นตามประสาคนแก่ที่เห็นเด็กเห่อของใหม่” ป้าแจ่มว่า

“นี่แค่บ่นเหรอคะ มัชนึกว่านินทากาเลเหมือนเทน้ำ ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดไปกรีดหิน แม้องค์พระปฏิมายังราคิน คนเดินดินหรือจะสิ้นคำนินทา” มัชวีพูดพร้อมกับร่ายรำท่าทางจีบมือชี้นิ้วไปตามประสา ทำให้สาวน้อยสาวใหญ่ที่นั่งและยืนดูอยู่ถึงกับขำ

“เอ๊าเรารึสุดแสนจะโมโห ยังจะทำหน้าโกอินเตอร์กันอยู่ได้ ชิชะ สองสาวผู้ต่างวัย เข้ากันได้เป็นปี่ขลุ่ยซะจริงเออ” มัชวียังเล่นเป็นลิเกให้สองสาวต่างวัยดูไม่เลิก ก่อนจะนั่งทับขาของตัวเองอีกข้างเหมือนพระเอกลิเกพร้อมกับจีบมือที่ยกรำนั้นลงมาด้านข้างตัว

“อุ้ย ทำไมขาหาย ตายแล้วท่านโหรา ขาของข้าหายไปไหน เมื่อกี้นี้ตอนข้าเดินเข้ามาขายังอยู่ครบ เหตุไฉนขาของข้าจึงหายไปได้” แล้วมัชวีก็ทำท่าลุกลี้ลุกลนมองหาขาที่ตนนั่งทับอยู่เมื่อสักครู่

“พอแล้วหนูมัชป้าจะท้องแข็งตาย เดี๋ยวก็กินข้าวกินปลาไม่ลงพอดี” ป้าแจ่มตัดบท แล้วก็เลื่อนกับข้าวมาไว้ตรงหน้ามัชวี ท่าทางไม่สนุกด้วย มัชวียิ้มเจื่อนๆ ตักข้าวเข้าปาก

“โห!!! อร่อยที่สุดในโลก ชายน้อยไม่เคยรับประทานอะไรอร่อยได้อย่างนี้เล๊ย เอาสเต็กมาแลกก็ไม่ย๊อมไม่ยอม กับข้าวฝีมือป้าแจ่มนี่นะ กินแล้วเหมือนขึ้นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์” มัชวียังเล่นต่ออีกรอบ ป้าแจ่มนั้นยิ้มแก้มแทบปริ แต่มือก็ไวกว่าความคิดฟาดเข้าที่ไหลมัชวีดังตุ๊บ

“อั๊กส์... โห่ป้าเล่นแรงนะคะ งี้มัชก็ช้ำเสียจนสุดที่จะช้ำเสียแล้วหล่ะสิ ว๊าคนใจร้าย”

“จะโดนมากกว่านี้อีกค่ะ ถ้ายังไม่เลิกเล่นแล้วนั่งทานข้าวดีๆ กับเค้าเป็นบ้างไหม ดูสิหนูธัญเค้าออกจะทำตัวเรียบร้อยน่ารัก ไม่เห็นแก่นกะโหลกแบบหนูมัชเลยสักนิด คนอะไรสวยก็สวยทำตัวพิลึกเหมือนจิ้งจกเปลี่ยนสี” ป้าแจ่มยังคงบ่นต่อไป

ธัญชนกทำหน้าตายนั่งมองป้าแจ่มกับหลานมัชต่อปากต่อคำกันอย่างสนุกสนาน อาหารเช้ามื้อนี้เป็นอีกมื้อที่เปี่ยมไปด้วยความสุขสำหรับธัญชนก ธัญชนกนั้นยังได้รู้อีกว่ามัชวีเมื่อเวลาอยู่กับป้าแจ่มนั้นสนุกสนานและเป็นกันเองราวกับมีเพื่อนเล่นวัยเดียวกัน

........................................

“ยิยักษ์ทำไมไม่ยิ้ม ยิยักษ์ทำไมไม่ยิ้ม โย่วๆๆ” มัชวีแกล้งล่อหน้าล่อตาป้าแจ่มเมื่อรับประทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว

“ยักษ์จะยิ้มก็ต่อเมื่อลิงสงบ” ป้าแจ่มบอกทำหน้ายักษ์ให้กับมัชวีต่อไป

“งั้นรอลิงหลับก่อนนะคะป้าถึงจะสงบ อืมป้าคะ วันนี้มัชจะไปทะเลค่ะขอกุญแจบ้านให้มัชด้วย ไปสัก ๕ วัน แล้วมัชจะซื้อหม้อแกงลิงมาฝาก”

“เค้ามีแต่ขนมหม้อแกง ไม่ใช่หม้อแกงลิง” ป้าแจ่มชักหงุดหงิด

“น่านหล่ะค๊าหม้อแกงลิงหรือขนมหม้อแกงก็ครือกานแหละ มัชเห็นลิงมาช่วยขายออกเยอะไปที่เขาวัง เดินไปที่ไรนึกว่าลิงทำขนมหม้อแกงทุกทีสิน่า” มัชวีเถียงกลับอีกหน

“จะเหมือนกันได้ไง หม้อแกงลิงเป็นต้นไม้กินแมลง ส่วนขนมหม้อแกงนะอร่อยอย่าให้เซด” ป้าแจ่มเล่นภาษาอังกฤษกับเค้าบ้าง

“โอเค ป้าแจ๊ม ยูว๊อนท์ ขนมหม้อแกง ไอจะจาดให้คร๊าบ” แล้วเสียงหัวเราะก็ลั่นบ้านอีกรอบเมื่อมัชวีทำเสียงเลียนแบบโฆษณาระบบโทรศัพท์มือถือยี่ห้อหนึ่งได้เหมือนเปี๊ยบ

..........................................

การเดินทางท่องเที่ยวครั้งนี้เปรียบเสมือนการมาฮันนี่มูนของสองสาวอยู่กลายๆ มัชวีเองต้องการให้การท่องเที่ยวครั้งนี้ประทับใจธัญชนกให้มากที่สุดเพื่อเป็นสิ่งตอบแทนรักของธัญชนกที่มอบให้เธอ

ระหว่างเดินทางนั้นธัญชนกนั่งมองวิวสองข้างทาง เห็นนาเกลือที่คนทำนาเกลือกำลังใช้คราดครูดเกลือที่ตกผลึกมากองรวมกันไว้ สีขาวสะอาดตา มัชวีแวะเขาวังให้ธัญชนกได้เดินเที่ยว ทั้งสองเลือกที่จะนั่งรถรางไฟฟ้าขึ้นไปเพราะประหยัดแรงได้มากกว่าเดินขึ้น ธัญชนกซึ่งเป็นโรคกลัวความสูงอยู่แล้วถึงกับสั่นเมื่อมองลงไปข้างล่าง มัชวีเห็นท่าทางของธัญชนกก็ตกใจ

“เป็นอะไรคะพี่”

“พี่กลัวความสูงนะน้องมัช”

“มองมาที่มัชสิคะพี่ไม่ต้องมองลงไปข้างล่าง จะได้ไม่กลัว” มัชวีกระชับมือธัญชนกที่อยู่ในมือตนให้แน่นยิ่งขึ้น

เมื่อมาถึงด้านบนก็แวะซื้อน้ำคนละขวดพกติดตัวไว้ แต่ด้วยตอนนี้แดดแรงเพราะเป็นเวลาเที่ยงตรงทั้งสองเลยนั่งอยู่ใต้ต้นลั่นทมที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นไปทั่วบริเวณลานกว้างนั้น ลิงหลายตัวแวะเวียนลงมาทักทาย แยกเขี้ยวน่ากลัว ธัญชนกนั้นออกจะตกใจแต่ก็ไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมา สักพักมีกลุ่มเด็กถือหนังสติ๊กมายิงไล่

“พี่ระวังด้วยนะครับ ลิงพวกนี้ไว้ใจไม่ได้” กลุ่มเด็กๆ ร้องเตือน

“แล้วไปยิงเค้าแบบนั้นเค้าไม่โกรธเอาเหรอน้อง” มัชวีถามเด็กที่เดินมาเป็นกลุ่ม

“ไม่หรอกครับพี่ พวกผมไม่ได้ยิงถูกตัว” เด็กบอก

“พี่จะเที่ยวที่นี่ไหมครับพวกผมพาไป” เด็กเสนอ

“ก็ดี งั้นน้องพาพวกพี่ไปเลยดีกว่า” ธัญชนกตอบรับข้อเสนอของกลุ่มเด็ก

ทั้งสองเดินตามกลุ่มเด็กไปทั่ว ส่งเสียงเจื้อยแจ้วเล่าประวัติของพระนครคีรีไปตลอดทางเดิน เด็กๆ พาขึ้นไปชมหอชัชวาลเวียงชัย ที่เป็นที่ดูดาว เดินวนบันไดจนเมื่อย ธัญชนกก็ขาสั่นมากขึ้นเรื่อยๆ มัชวีเดินตามหลังเอามือแตะเอวคนที่อยู่ด้านบนแถมกำชับว่า

"อย่ามองลงไปนะคะพี่ธัญจะได้ไม่กลัว"

จากนั้นเด็กๆ ก็พาเข้าชม พระที่นั่งสันถาคารสถาน พระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์ ที่มีพระแท่นบรรทม พระฉาย (กระจกเงา) บานใหญ่ ทั้งสองเปรียบตัวเองเป็น**มณีจันทร์และคุณหลวงอัครเทพวรากร**ที่เดินทางย้อนภพมาพบรักกันเป็นที่สนุกสนาน (**ตัวละครจากเรื่องทวิภพของคุณทมยันตี)

เด็กๆ ยังพาเดินไปพระธาตุจอมเพชร ตั้งอยู่ที่ยอดเขาลูกกลาง เป็นเจดีย์สีขาว ที่มองเห็นเด่นแต่ไกล โดยพาเดินไปตามทางที่ปูด้วยอิฐสองข้างทางมีต้นลั่นทมคอยให้ร่มเงา

ทั้งสองสาวไหว้พระเสร็จก็เดินกลับ เด็กๆ บอกว่าให้แวะไปที่พระที่นั่งบ้านปืนสิสวยอย่าบอกใคร สองสาวให้รางวัลกับเด็กๆ ไปกินขนมแล้วก็ลงจากเขาวังมุ่งไปพระรามราชนิเวศน์(วังบ้านปืน) ตามที่กลุ่มเด็กๆ บอกไว้

เมื่อได้เวลาเย็นแล้วมัชวีเห็นว่าจะไปถึงที่พักค่ำมืดก็ชักชวนธัญชนกให้เดินทางไปยังหัวหินเพราะจุดมุ่งหมายของสองสาวก็คือหัวหินนั่นเอง

บ้านพักของมัชวีแม้ไม่ติดทะเลแต่ก็สบาย มีลมพัดจากทะเลให้เย็นๆ สองสาวเก็บสัมพาระแล้วก็พากันออกไปหาอะไรทานกันนอกบ้าน เพราะง่ายที่สุดอาหารทะเลที่ถูกสั่งมานั้นเรียกน้ำย่อยได้มากมาย ดูเหมือนส้มตำปูม้าจะเป็นของโปรดของทั้งสองสาวเป็นอย่างมาก จนทำให้ลืมอาหารอื่นๆ ที่ได้สั่งไว้ทั้งหมด

“ไม่ทานอย่างอื่นด้วยหล่ะมัช” ธัญชนกเลื่อนจานกุ้งเผามาให้มัชวี

“ไม่ดีกว่าค่ะพี่ธัญ มัชอิ่มแล้ว” มัชวีปฏิเสธ เพราะตอนนี้ราวกับว่าท้องของเธอจะอัดแน่นไปด้วยส้มตำปูม้าสองจานจนไม่สามารถจะจับอะไรส่งลงไปได้อีกแล้ว

“แล้วของที่เหลือนี่จะทำไงอะ”

“ก็ห่อกลับบ้านสิคะ เผื่อพรุ่งนี้เช้า” มัชวีเสนอ จากนั้นสองสาวก็จัดแจงสั่งเก็บเงินโดยไม่ลืมที่จะสั่งให้เอากุ้งปูปลาที่เหลือใส่ห่อกลับบ้านไปด้วย

“ฝากไว้ที่นี่ก่อนนะน้องเดี๋ยวพี่มาแวะเอา” มัชวีบอกเด็กเสิร์ฟ

“ครับพี่”

สองสาวเดินเล่นบริเวณชายทะเลไปเรื่อยๆ คืนเดือนมืดแบบนี้ทำให้ทะเลดูน่ากลัว ขอบฟ้าที่มืดมิด เห็นแต่แสงเรือประมงที่ออกไปหาปลาเวลากลางคืน ดวงดาวบนท้องฟ้าแจ่มชัดมากว่าในเมืองมากมายนัก มัชวีเดินจูงมือธัญชนกลุยน้ำเล่นข้างๆ ริมทะเลกระโดดหลบคลื่นที่ซัดเข้ามาหาฝั่ง มัชวีสนุกกับการเล่นคลื่นได้สักพักใหญ่ เมื่อยิ่งดึกลมและคลื่นก็ยิ่งแรง

“กลับกันดีกว่าค่ะพี่ธัญ มัชว่าคลื่นเริ่มแรงแล้ว”

“พี่ก็ว่าเหมือนกัน เราเดินมาไกลแล้วด้วย”

สองสาวเดินกึ่งวิ่งกลับไปยังจุดหมาย ไม่ลืมแวะรับของที่ฝากไว้ที่ร้านอาหาร เพราะท้องเริ่มร้องอีกรอบแล้วเหมือนกัน จากนั้นแวะร้าน ๗ เพื่อหาขนมนมเนย และน้ำดื่มกลับไปที่บ้าน มัชวีแอบหยิบชาเขียวยี่ห้อดาวแดงติดมือมาด้วย โดยที่ธัญชนกไม่เห็น

ถึงบ้านพักก็ราวๆ สามทุ่มเศษๆ ทั้งสองตัดสินใจอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะที่เดินเล่นริมทะเลก็ทำให้ทั้งสองเหนียวตัวอยู่เหมือนกัน เมื่อจัดการอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อย ทั้งสองก็ลงมาด้านล่างจัดแจงเทอาหารที่เหลือจากที่ร้านใส่จานอุ่นด้วยไมโครเวฟ งานนี้สองสาวสนุกกับการแกะกุ้งแกะปูและปลาที่เหลือ มัชวีเดินไปหยิบชาเขียวดาวแดงที่แช่ไว้จนเป็นวุ้นออกมาเทใส่แก้ว ๒ ใบ ยื่นให้กับธัญชนก

“สนใจไหมคะพี่ธัญ ต้องนี่แกล้มด้วยกุ้ง อร่อยอย่าบอกใคร”

“ไปเอามาจากไหน”

“ก็ซื้อมาตอนเราแวะร้าน ๗ นั่นแหละค่ะสักนิดนะคะเลือดลมไหลเวียน อิอิ จำเค้ามา” มัชวีทำหน้าทะเล้น แลบลิ้นปลิ้นตา

“อ่อเดี๋ยวนี้มีซุกมีแอบนะน้องมัช สักพักก็คงแอบซุกแอบซ่อนสาวๆ ไว้ด้วยใช่ไหม” ธัญชนกเคือง แต่ก็รับแก้วน้ำสีเหลืองมาไว้ในมือ

“ฉันมีชีวิตจิตใจ ทำไมไม่เข้าใจกันบ้าง มีซุกมีซ่อนบางครั้งไม่ต่างกับใครคนอื่น ถึงฉันจะเป็นอย่างนี้ก็มีศักดิ์ศรีความเป็นคน ฉันสู้ฉันทนดิ้นรนไม่ขอใครกิน ฉันก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งอึ่ง อึ่ง” มัชวีทำท่าล้อเลียนแถมแปลงเพลงของป้าเจินอีกต่างหาก

“อะนี่แอบซุกแบบนี้พี่ไม่ต้องจ้างนักสืบให้ตามน้องมัชแล้วหรือนี่” ธัญชนกนึกสนุกเล่นด้วย

“โอ๊ยพี่ธัญขาไม่ต้องจ้างให้เสียเงินหรอกค่ะไม่มีเสียหล่ะสำหรับมัชไม่ชอบซุก ไม่ชอบแอบทำเปิดเผยเสมอมาค่ะพี่ ฉลองวันแห่งความสุขของเรา และเริ่มต้น ๒๐ ปีของมัช ในอีก ๓๖๔ วันข้างหน้า พี่ก็จะไม่พรากผู้เยาว์แล้ว และที่สำคัญไปกว่านั้นฉลองฮันนี่มูนของมัชกับพี่ธัญ ไชโย ไชโย” มัชวียกแก้วกระทบแก้วของธัญชนกแล้วก็เอ่ยฉลองให้กับตนเอง

ธัญชนกเห็นท่าทางของเด็กน้อยแล้วอดนึกไม่ได้ว่าเดี๋ยวก็คงเมาแอ่นแน่ๆ ไม่นานเท่าไหร่ก็เป็นอย่างที่ธัญชนกเดาไว้ไม่ผิด มัชวีนั้นคออ่อนคอพับ จนธัญชนกนั้นต้องหอบหิ้วอีกคนอย่างทุลักทุเลเพื่อขึ้นไปนอนด้านบน “อย่าไปไหนนะพี่ธัญมัชรักพี่” มัชวีฉุดแขนธัญชนกไว้เมื่อตนเองนอนลงเรียบร้อย

“ไม่ไปไหนหรอกค่ะจะไปเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดให้ ดูสินี่เหงื่อแตกเต็มตัวไปหมดแล้ว ดื่มไม่ได้ก็ไม่บอก ทำซ่าจริงนะเด็กน้อย” ธัญชนกผละไปได้สักพักก็กลับมาพร้อมผ้าชุบน้ำเช็ดตัวคนเมาเบียร์ที่ดื่มไปเพียงแก้วเดียว

“ดื่มไม่เป็นยังจะริดื่มคราวหลังไม่ให้ดื่มแล้วนะคะรู้ไหม” ธัญชนกบ่นอุบแต่มือนั้นก็เช็ดใบหน้า เช็ดลำคอ และเรื่อยลงมาเช็ดที่อก เมื่อปลดกระดุมและตะขอได้ก็จัดการพลิกอีกคนที่นอนหลับสงบอยู่เพื่อเช็ดตัวอีกรอบ จนธัญชนกหมดแรง กลับมาล้มตัวลงนอนข้างๆ คนเมา และหลับตามไปในที่สุด

นี่นะหรือฮันนี่มูนวันแรกของเธอและมัชวี เฮ้อ

....................จบตอนที่ ๑๕...................



Create Date : 03 มกราคม 2551
Last Update : 20 มีนาคม 2551 9:31:30 น. 2 comments
Counter : 318 Pageviews.

 
ตอนนี้เหมือนจะหวาน ๆ นะคะ ที่ว่าเหมือนจะหวานนั่นเพราะว่า ดูเหมือนจะขาดอะไรไปสักอย่างนะคะ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าขาดอะไร หรืออ่านตอนนี้แล้วไปเปรียบเทียบกับตอนที่แล้วก็ไม่รู้ เลยว่าตอนนี้ หวานแปลก ๆ
ติดตามอยู่ตลอดนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ สำหรับคุณรันหณ์ บุคคลผู้แอบแฝงในเงาพระจันทร์


โดย: ต้นรัง IP: 125.27.60.133 วันที่: 3 มกราคม 2551 เวลา:17:57:12 น.  

 
นัี่นนะสิค่ะ ฉันก็ว่าขาดอะไรไปเหมือนกัน หรือมุขแป๊ก หรือไม่หวานเท่าที่ควรจะเป็น ฉันแก้ตอนนี้มาหลายสิบรอบแล้วค่ะ

กะว่าจะไม่แก้ไขอีก แต่พอคุณบอกมาฉันก็แก้ไขอีก เหมือนๆ ขาดสีสันอะไรไปสักอย่าง

สงสัยจะราบเรียบเกินไป ต้องมีน้ำตาตกในร้องไห้ระงม แบบนั้นน่าจะดีนะนี่

คริกๆๆๆ

คือถ้าต้องการรู้ว่าฉันมั่นใจแล้วนั่นหมายถึงฉันโพสลงที่เวปปิงแล้วค่ะ ถ้ายังไม่มั่นใจ ฉันจะทิ้งไว้ในบล๊อคนี้ก่อน เมื่อคิดจะแก้ไขก็จะได้เปิดเนทหยิยเอามาแก้ได้เลยโดยไม่ต้องตามหาต้นฉับบให้วุ่นวายใจ เพราะฉันเป็นพวกไม่อยู่กับที่กับทางค่ะ บทจะไปเหนือล่องใต้บอกไม่ได้สักวัน

บางคนเรียกฉันว่าพวกไร้ร่องรอยไปมาไม่บอกไม่กล่าวเจ้าที่เจ้าทาง

หุุหุ

แต่ฉันไม่ได้แอบหลังเงาจันทร์นะค่ะ ฉันแค่หลงไหลแสงจันทร์ก็เท่านั้นเอง


โดย: รันหณ์ วันที่: 3 มกราคม 2551 เวลา:19:49:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รันหณ์
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ฉันคือฉัน
ฉันรักเสียงเพลง
ฉันรักสายลม
ฉันรักท้องฟ้า
ฉันรักอิสระ
ฉันคนไร้ราก
ผิงดาวยามไร้เดือน

คืนนี้ถ้าเธอหนาว ร่วมผิงดาวบนท้องฟ้า
จากรักจากศรัทธา....ของเรา

เป็นอะไรก็ได้มิใช่หรือ
แค่เป็นคนดีก็คงเีพียงพอ
[Add รันหณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.