It's not easy to be me
Group Blog
 
All blogs
 
เรื่องสั้นแนวยูริ : ความเอยความรัก ตอนที่ ๕ ฉันนี่นะ

ตอนที่ ๕ ฉันนี่นะ

“ไหนๆๆ น้องคนไหนลูกป้าสม” เสียงรุ่นพี่ถามกันให้แซด ว่าเด็กปีหนึ่งคนไหนลูกป้าสมคนบ้าประจำถิ่น

“นั้นไงคนนั้นแหล่ะคนที่เดินมากับยายธัญ แต่ว่าทำไมไปรู้จักยายธัญเราได้นะนี่” รุ่นพี่ต่างสงสัยกับภาพการเดินจูงมือเข้ามาใต้ตึกคณะของมัชวีและธัญชนก

“อ่อสงสัยเด็กคนนี้มั๊งที่เรียนกะยายธัญ” ชาติชายรุ่นพี่คนหนึ่งพูดขึ้น

“อืมสงสัย แล้วยายธัญไม่รู้เหรอว่าเด็กคนนั้นนะลูกป้าสม” กีรณารุ่นพี่อีกคนถามชาติชาย

“บ้าเหรอยายกี เด็กคนนั้นจะเป็นลูกป้าสมได้ไง เค้ามาจากกรุงเทพฯ ลูกป้าสมคงอายุไม่เท่าน้องคนนั้นมั๊ง” ชาติชายแย้งความเห็นของกีรณา

“เออจริงเน๊อะแล้วทำไมเค้าลือกันว่าน้องคนนั้นเป็นลูกป้าสมล่ะนายชาติ” กีรณายังไม่หายสงสัยกับข่าวลือที่กีรณาได้ยิน

“แล้วตรูจะรู้ไหมฟว่ะ ไปถามน้องเค้าเองดิ มาถามเราจะไปรู้ได้ไง” ชาติชายชักหงุดหงิด แต่ก็แอบมองภาพมัชวีและธัญชนกเดินจูงมือกัน “น้องคนนี้สวยดีแฮะ” ชาติชายรู้สึกถูกชะตากับมัชวีเมื่อได้เห็นใกล้ๆ ชัดๆ ด้วยรูปลักษณะภายนอกที่ดูสูงเพรียวของมัชวีและท่าทางการเดินเหมือนนางพญา แม้จะจอแบนไปนิดแต่ก็ดูดี (ในความคิดของชาติชาย) ใบหน้ารูปไข่ได้รูปคิวเรียวสวยถึงไม่ได้ตกแต่งด้วยเครื่องสำอางก็ยังคงดูสวย แก้มที่แดงระเรือด้วยเลือดฝาด ยิ้มที่ดูแล้วมีเสน่ห์ นี่กระมังสาวที่เค้าว่ากันว่าสวยมาแต่กำเนิด เสียอย่างเดียวแว่นตาและกระโปรงบานเฉิ่มๆ ที่สวมอยู่ทำให้ลดความสวยลงไปเกินครึ่งเลยนะนี่

“พี่ธัญคะมัชขอตัวไปเข้าแถวก่อนนะคะพี่” มัชวีเอ่ยขอตัวเดินกลับไปที่แถวซ้อมเชียร์และเดินเลี่ยงไปอีกทาง

“ค่ะ” ธัญชนกตอบรับและเดินไปยังกลุ่มเพื่อนที่ยืนอยู่อีกฝั่ง

“ไงแกยายธัญ เด็กคนนั้นลูกป้าสมจริงอะ” กีรณายังอดสงสัยไม่ได้

“บ้าไปแล้วยายกีน้องเค้าจะเป็นได้ไง แกไปเอาความคิดนี้มาจากไหนกันบ้าจริง” แล้วธัญชนกก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้กับกลุ่มเพื่อนฟังโดยที่เพื่อนๆ ในกลุ่มต่างก็ทำหน้าเหวอกับวีรกรรมของรุ่นน้องที่ชื่อมัชวีที่ใครฟังก็ต้องอึ้ง ทึ่ง เสียว เพราะไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ป้าสมเลยสักคน มิหนำซ้ำเด็กคนนี้ยังให้ป้าสมกอดและหอมซะด้วย ช่างใจกล้าซะจริง

“เพื่อนๆ ขออนุญาตเข้าแถว” เสียงมัชวีตะโกนขออนุญาตเข้าไปในแถวเมื่อเดินมาถึงแถวซ้อมเชียร์ ถึงแม้ระบบโซตัสจะหมดไปบ้างแล้วไม่มีการรับน้องที่โหดร้ายเหมือนแต่ก่อน แต่กฏบางข้อรุ่นพี่ก็ยังคงใช้อยู่เพื่อให้เกิดความพร้อมเพรียง

****หมายเหตุ : คำว่าโซตัส (SOTUS) มีความหมายตามตัวอักษรคือ
S = Seniority หรือ อาวุโส หมายถึง ความเคารพผู้ที่อาวุโสกว่าความเกรงใจเคารพในสิทธิซึ่งกันและกัน
O = Order หรือการปฏิบัติตามระเบียบวินัย สิ่งนี้จำเป็นมากในชีวิตที่ต้องอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มในสังคม
T = Tradition หรือการปฏิบัติตามธรรมเนียมประเพณี เป็นสิ่งที่เห็นว่าดี ถูกต้องและประพฤติปฏิบัติสืบต่อกันมา
U = Unity หรือการเป็นหนึ่งเดียว
S = Spirit หรือน้ำใจการฝึกจิตใจ หมายถึง การมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อ เกื้อกูล ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน*****
ที่มาจาก : //th.wikipedia.org

มัชวีเดินมานั่งข้างๆ มานิตาที่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ก่อนหน้าแล้ว มัชวีเลิกคิ้วเป็นการถามมานิตาว่าเกิดอะไรขึ้นมานิตาทำน้าบุ้ยปากไปทางมานพที่นั่งอยู่ด้านหลัง เป็นอันรู้กันสองคนว่ามานพทำเรื่องกับมานิตาอีกแล้ว มัชวีถอนใจกับเพื่อนทั้งสองคนและตั้งหน้าตั้งตาซ้อมเพลงเชียร์

เมื่อมีการพักเบรคให้น้องๆ ได้ดื่มน้ำดื่มท่า รุ่นพี่ก็เดินเข้ามาล้อมรุ่นน้องเพื่อภารกิจบางอย่าง

“น้องๆ คะ พี่ๆ จะขอเลือกลีดเดอร์ของคณะ มีใครเคยเป็นลีดเดอร์จากโรงเรียนเก่าบ้างคะ ยกมือหน่อย” กีรณาผู้ดูแลฝ่ายกองเชียร์เมื่อมายืนหน้าแถวรุ่นน้อง ประกาศผ่านโทรโข่งถามขึ้น

“ผมเสนอมานิตาครับ” มานพยกมือสูงเสนอชื่อมานิตาเสียงดังฟังชัด

มานิตาถลึงตาใส่มานพอย่างเอาเป็นเอาตาย โดยที่มีมัชวีนั่งอมยิ้มอยู่ข้างๆ สองคนนี้เล่นอะไรกันนะ ดูท่าที่มานิตาโกรธมานพก็คงเรื่องจะเสนอชื่อเป็นเชียร์ลีดเดอร์นี่กระมัง มิน่านั่งหน้าบอกบุญไปสัก ๑๐ ล้านกองก็ไม่รับ

“ดูมันดิมัชดูนายนพทำฉัน ฝากไว้ก่อนเถอะเสียแรงเรารึหลงรักเช๊อะ” มานิตาแอบบ่นให้มัชวีฟังพร้อมกับค้อนให้มานพเสียวงใหญ่ มัชวีได้แต่ส่ายหน้าเอือมๆ กับเพื่อนทั้งสองคนเดี๋ยวดีกันเดี๋ยวงอนกัน อะไรนักหนาน้อ เธอเองก็ชักจะพลอยปวดหัวตามไปด้วยแล้วสินี่

“ไหนคะคนไหนมานิตา” กีรณาตะโกนผ่านโทรโข่งถามหน้าแถวอีกรอบ

“คนนี้ครับพี่ คนนี้” มานพ ยกมือชี้มานิตาอีกรอบ

คราวนี้ทำเกินเหตุแล้วนายมานพ ไวเท่าความคิดมานิตายกมือขึ้นเสียงดังเพี๊ยะ ฝ่ามือของมานิตาฟาดไปยังหน้าของมานพเข้าจังเบ้อเร่อ เหล่าบรรดาเพื่อนล้วนตะลึงกับความไวของมานิตา ส่วนมานพหน้าเอ๋อเหรออยู่ได้แต่ส่ายหน้ากับความมึน ด้วยฝ่ามือที่ฟาดลงมานั้นไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าการโดนค้อนสัก ๑๐ ตันทุบเลยสักนิด ผู้หญิงอะไรมือหนักอย่างกับช้าง

มานิตาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันและลุกขึ้นยืนเดินไปหากีรณาท่าทางสะบัดสะบิ้งอย่างเห็นได้ชัด หน้าง้ำงอ และจับมือตัวเอง บ้า...ตาบ้า หน้าหนาชะมัดเจ็บมือนะนี่ เช๊อะจำไว้คนเราไม่น่าเล๊ยมานิตาไม่น่าบอกอีตาบ้านั่นเลยว่าเคยเป็นเชียร์ลีดเดอร์สมัยเรียนมัธยม กรรมเวรแท้ ๆ

“ต้องหาเพื่อนไม่มาคนเดียวร๊อก” มานิตาคิดในใจ “ยายมัชฉันขอโทษนะฉันจะเอาแกมาเป็นเพื่อนฉัน”

“เอ่อพี่คะ ถ้าหนูจะเสนอชื่อเพื่อนอีกคนได้รึเปล่าคะ” มานิตาตะกุกตะกักที่จะพูด

“ได้สิน้องใครหล่ะคนไหน” กีรณาถามมานิตาด้วยว่าลีดเดอร์นั้นต้องมีหลายคน

“มัชวีค่ะพี่ ท่าทางเค้าทำได้” มานิตาเสนอชื่อมัชวี

“มัชวีคนไหนคะน้องออกมาหน่อย” กีรณาตะโกนผ่านโทรโข่งอีกรอบทั้งที่รู้ว่าคนไหนชื่อมัชวีแต่ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้จักซะอย่างนั้น

“อะไรอีกหล่ะนี่วันนี้ ทำไมซวยอย่างนี้ฟว่ะ” มัชวีแอบบ่นกับตัวเอง แล้วลุกขึ้นปัดกระโปรงบานกรอมเท้าก่อนจะเดินออกไปหน้าแถว

มัชวีสะกิดมานิตา “อะไรนะแหม่ม ทำไมพี่เค้าเรียกเรา”

“เราเองแหละมัชขอโทษนะ เราจะเอาตัวมาเป็นเพื่อนเป็นลีดเดอร์” มานิตาตอบเสียงเบา

“ห๊า!! อะไรนะ ฉันนี่นะเป็นลีดเดอร์ บ้าไปแล้ว” มัชวีตะโกนออกมาด้วยความตกใจสุด ก็คนอย่างมัชวีขี้อายและไม่ค่อยมองหน้าใคร จะไปเป็นได้อย่างไรกันเชียร์ลีดเดอร์ ในความเข้าใจของมัชวีคนเป็นเชียร์ลีดเดอร์ต้องมั่นใจ สวยสง่า แล้วมัชวีจะเป็นได้อย่างไร เพื่อนๆ ในแถวต่างมองมาที่มัชวีที่ส่งเสียงดังจนทุกคนตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อไม่เห็นมีอะไรก็หันไปสนใจเรื่องอื่นแทน

มัชวีไม่รู้เลยว่าที่เธอเดินออกมาหน้าแถวนั้นมีสายตาสองคู่ได้เฝ้ามองเธออยู่คู่แรกจากธัญชนก ที่มองรุ่นน้องของเธออย่างชื่นชม คู่ที่สองเป็นสายตาของชาติชายที่มองมัชวีแทบลืมหายใจก็ว่าได้

มัชวียืนกล้าๆ กลัวๆ อยู่หน้าแถว แถมมือสั่นอีกต่างหาก มานิตาแอบจับมือมัชวีเป็นกำลังใจให้ แต่มือมัชวีที่มานิตาจับนั้นเย็นชืดเป็นน้ำแข็ง จนมานิตากลัวมัชวีจะเป็นลมล้มพับไป สายตาของมานิตาได้แต่พูดคำขอโทษให้กับมัชวี มัชวีเห็นสายตาคู่นั้นของเพื่อนแล้วได้แต่ส่ายหน้า และไม่ได้ตอบอะไรกลับไป (คู่นี้ชอบคุยกันด้วยสายตานะคะนี่) แต่ทุกอย่างหาได้รอดพ้นสายตาที่เพิ่มขึ้นมาอีกคู่ จาก ๒ คู่เป็น ๓ คู่ ก็สายตาอีกคู่ของมานพ ที่มองภาพเพื่อนยืนจับมือกัน ช่างเหมือนนางงามกำลังจะได้รับคัดเลือกบนเวทีก็ไม่ปาน มานพถึงกับจินตนาการว่าสองสาวเพื่อนเขาได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนางงามในปีนั้น และข่มกันไม่ลงจริงๆ สองสาวนี้

กีรณาคัดเลือกรุ่นน้องเพิ่มอีก ๒ คน เป็นอันครบทีมหญิง ซึ่งล้วนแต่คนเด่นคนสวยประจำปีทั้งนั้นและทั้ง ๕ สาวก็ เริ่มหันไปฝึกกับกีรณา ท่าแรกๆ ก็แค่โพสให้ยืนแล้วดูดี และฝึกหัดยกมือไม้ให้ได้ตามที่กีรณาบอกและต้องโพสท่าให้ค้างไว้จนกว่ากีรณาจะพอใจ

หลังจากจบการซ้อม ทั้ง ๕ สาวก็ได้แต่นวดแขนตัวเองเสียงบ่นอุบของ ๕ สาว เป็นทำนองเดียวกันว่า ปวดแขน แขนจะหัก หรือปวดจนกล้ามจะขึ้นแล้ว

กีรณาได้แต่ส่ายหน้าและบอกรุ่นน้องว่า “นี่ยังน้อยไปน้อง ยังต้องหัดส่ายเอวอีกนะขอบอก” จบเสียงกีรณามัชวีส่งเสียงครางฮือ......ในลำคอ

“จะรอดไหมนี่ฉันวันนี้วันอะไร มหาโลกาวินาศหรือไงกัน เจอแต่อะไรก็ไม่รู้” มัชวีบ่น เสียงที่เล็ดรอดออกมาทำให้มานิตาซึ่งรู้ดีว่าเพื่อนต้องมาตกระกำลำบากก็เพราะเธอได้แต่ถอนใจ ถึงแม้จะส่งสายตาขอโทษให้อย่างไรมัชวีก็ไม่ตอบรับการสื่อสารของเธอนั้นเลย

......................... จบตอนที่ ๕ ..............................



Create Date : 10 ธันวาคม 2550
Last Update : 20 มีนาคม 2551 9:23:08 น. 3 comments
Counter : 251 Pageviews.

 
สวัสดีตอนค่ำๆค่า

ขอมาอ่านด้วยคนนะคะ

ปิดบล็อกไปเดือนสองเดือนแล้วค่ะ
ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ


โดย: BeBby (หนูหลงทางมา ) วันที่: 10 ธันวาคม 2550 เวลา:20:29:06 น.  

 
ตามมาอ่านค่ะ

สนุกดี


โดย: โสดในซอย วันที่: 10 ธันวาคม 2550 เวลา:22:07:56 น.  

 
คุณBeBby (หนูหลงทางมา )
ยินดีค่ะ ฉันแวะไปดูบล๊อกคุณแล้วนะค่ะ

คุณ โสดในซอย

ว่างๆ แวะมาอ่านได้อีกนะค่ะ


โดย: รันหณ์ วันที่: 14 ธันวาคม 2550 เวลา:12:09:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รันหณ์
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ฉันคือฉัน
ฉันรักเสียงเพลง
ฉันรักสายลม
ฉันรักท้องฟ้า
ฉันรักอิสระ
ฉันคนไร้ราก
ผิงดาวยามไร้เดือน

คืนนี้ถ้าเธอหนาว ร่วมผิงดาวบนท้องฟ้า
จากรักจากศรัทธา....ของเรา

เป็นอะไรก็ได้มิใช่หรือ
แค่เป็นคนดีก็คงเีพียงพอ
[Add รันหณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.