It's not easy to be me
Group Blog
 
All blogs
 
เรื่องแนวยูริ : ความเอยความรัก ตอนที่ ๒๘ เวลาที่ตรงกัน

ความเอยความรัก ตอนที่ ๒๘ วันเวลาที่ตรงกันและความห่างไกลของเธอกับฉัน

เวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วเมื่อทั้ง ๔ สาวจัดการกับมานพได้ก็ใกล้เวลาสอบปลายภาคอีกครั้ง เทอมนี้อะไรก็ดูจะรวดเร็วไปหมด ศตนันท์เล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้กับนิ่มนวลได้รับรู้ผ่านทาง Email ตลอดเวลา นิ่มนวลแสดงความห่วงใยศตนันท์และมัชวีทุกครั้งที่ได้รับการติดต่อ แต่หากเธอรู้ว่ามัชวีเมื่อตั้งใจจะทำอะไรแล้วแน่วแน่ยิ่งนัก เมื่อครั้งหัดเล่นสเก๊ตบอร์ดก็เหมือนกัน มัชวีหกล้มจนหัวเข่าแตก แต่ก็ยังกัดฟันหัดเล่นจนเป็นและเล่นได้เก่ง เธอเองยังตามไม่ทัน ถึงแม้หัวเข่าจะแตกยับเยินมัชวีก็ไม่ย้อท้อ หกล้มหลายครั้งเจ็บตัวก็หลายหน มัชวีไม่เคยที่จะบ่นให้เธอฟังว่าเจ็บแค่ไหน

นิ่มนวลยังช่วยสืบข้อมูลของมานพในเมืองที่เธออยู่ ได้ข้อมูลมากมายจากเหล่าเพื่อนพ้องที่สนิทกันว่า มานพนั้นช่างเป็นบุคคลอันตราย เด็กสาวหลายคนตกเป็นทาสยาของมานพจนเสียอนาคต ถึงแม้เธอจะเห็นด้วยกับการกำจัดชายคนนั้น แต่ก็เกรงกลัวอันตรายที่จะตามมา อิธิพลของผู้อยู่เบื้องหลังมานพนั้นมากพอสมควร จากข่าวคราวที่ได้รับจากศตนันท์เธอพอเข้าใจว่ามัชวีต้องทำให้ได้ เพื่อเพื่อนที่เสียไปของมัชวีอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด นิ่มนวลได้แต่บอกเตือนไปว่าให้ระวังตัว

ถึงเวลาที่นิ่มนวลจะเดินทางไปพบกับศตนันท์คนที่ตลอดเวลา ๔ เดือนที่ผ่านมาหัวใจของเธอได้แต่ร่ำร้องถามหาเด็กสาวคนนั้นเสมอ ศตนันท์ไม่ได้สวยเลิศเลอไม่มีอะไรที่แตกต่างจากหญิงทั่วไป แต่เด็กคนนี้ยึดหัวใจเธอไปได้ หัวใจที่แห้งเหี่ยวราวทะเลทรายที่ไม่มีโอเอซีส ต้นไม้อย่างเธอที่เฝ้ารอน้ำฝนชุ่มฉ่ำรดรินให้ได้แตกกิ่งก้านสาขาผลิใบงอกงาม ศตนันท์เป็นเสมือนทุกอย่างในใจเธอ

นิ่มนวลเดินทางมาถึงเชียงใหม่ด้วยหัวใจที่ใฝ่หาบุคคลอันเป็นที่รักของเธอ เห็นมัชวี ธัญชนก และศตนันท์ยืนรออยู่ที่ปลายทาง ทั้ง ๔ พูดคุยกันกอดกันด้วยความคิดถึง ศตนันท์ยืนยิ้มกว้างอยู่ด้านข้าง นิ่มนวลเข็นรถที่บรรจุกระเป๋าเดินทางของเธอและศตนันท์ก็หันมาช่วยเข็นด้วย ทั้งสองเดินเคียงข้างกันตามหลังรถเข็นกระเป๋าของนิ่มนวลตรงหน้า สองมือเกาะกุมกันบนคานจับรถเข็น มัชวีและธัญชนกเห็นภาพนั้นแล้ว ก็หันมาเกาะกุมมือกันและกันยิ้มอย่างมีความสุข

นิ่มนวลไม่ต้องรอเธอแล้ว นิ่มนวลมีคนของใจที่นิ่มนวลให้ได้ทั้งใจ ศตนันท์เองก็คงพร้อมที่จะมอบใจให้กับนิ่มนวลได้ไม่ต่างกัน ปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ทั้ง ๔ สาวเตรียมตัวออกเดินทางท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ เมื่อสอบเสร็จพร้อมกัน

ธัญชนกนั้นจัดแจงให้นิ่มนวลกับมัชวีนอนห้องของเธอ และเธอเองไปนอนห้องของศตนันท์ ด้วยว่าเพื่อไม่ให้เกิดความน่าเกลียดจนเกินไป แต่ดูนิ่มนวลจะงอแงด้วยเธออยากจะนอนกับศตนันท์จนออกนอกหน้า

“ต้องถามน้องนันว่าจะนอนห้องเดียวกับน้องนิ่มรึเปล่าเอ่ย” ธัญชนกเสนอทางออกให้กับนิ่มนวล

“นอนกับพี่มัชไปเถอะค่ะพี่นิ่ม นันนอนกับพี่ธัญดีกว่า” ศตนันท์ลงความเห็น ทำให้อีกคนหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด

“ไว้รอนันสอบเสร็จค่อยย้ายห้องมาก็แล้วกันนะค่ะ” แต่เมื่อได้ยินประโยคหลังหัวใจของนิ่มนวลก็พองโตจน แสดงออกมาทางสีหน้าที่ยิ้มระรื่น

“หื่นมาเลยนะยายนิ่ม” มัชวีเห็นท่าทางของเพื่อนก็อดจะแซวนิดสะกิดหน่อยไม่ได้

“ก็นะมัชเห็นใจกันบ้างสิ นานๆ ได้พบกันก็ต้องมีบ้างหละนะ” นิ่มนวลแอบกระซิบเพื่อนของตน มัชวีแอบยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากด้วยกลัวศตนันท์และธัญชนกจะจับพิรุดได้ แต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาเหยี่ยวของธัญชนกไปได้

“แอบคุยอะไรกันจ๊ะเพื่อนซี้สองคน” ธัญชนกเดินมาสะกิดมัชวี

“เรื่องของเพื่อนคะที่รัก ไม่เกี่ยวอะไรกับมัชร๊อก”

“อย่าให้รู้นะว่าคิดอะไรนอกลู่นอกทางกันไม่อย่างนั้น...” ธัญชนกยกมือขึ้นทำท่าปาดคอตนเอง มัชวีหุบยิ้มลงโดยทันใด หันไปทำหน้าเหยเกกับนิ่มนวล

“ดูสินิ่มเมื่อก่อนนะไม่เค๊ยไม่เคยจะดุ ดูตอนนี้สิกลายร่างเป็นเสือไปแล้ว” พูดจบมัชวีก็จับร่างเพื่อนมาเป็นเกราะกำบังตน ที่เธอคาดได้ว่าฝ่ามือพิฆาตจะฟาดลงมายังตัวเธอ ทำให้นิ่มนวลโดนฝ่ามือนั้นอย่างจัง

“โอ๊ยพี่ธัญขา นิ่มไปเกี่ยวอะไรด้วยหละค่ะ” นิ่มนวลร้องโอดครวญ

“เกี่ยวไม่เกี่ยวก็โดนไปแล้วนะ น้องนันไม่ว่าอะไรใช่ไม๊ค่ะถ้าพี่จะจัดการกับเพื่อนซี้คู่นี้ให้อยู่หมัดแล้วพี่จะสอนวิธีการจัดการกับปลาไหลใส่สเก๊ตสองตัวนี้ให้ก็แล้วกัน” ธัญชนกแก้เก้อด้วยการยื่นข้อเสนอในการสอนจับปลาไหลกับศตนันท์

“ไม่มีปัญหาคะพี่ธัญ สอนให้หมดทุกกระบวนท่าเลยนะค่ะ นันจะได้จับปลาไหลได้ถนันมือหน่อย” ศตนันท์เออออไปกับธัญชนก ทำให้อีกสองสาวหันไปมองหน้ากันทำตาปริบๆๆ

“แต่จะให้ดีต้องถามป้าแจ่มค่ะ รับรองได้ว่ารับมือได้ทั้งคู่ไม่ยากส์” แล้วทั้ง ๔ สาวก็หัวเราะร่วนเมื่อนึกถึงป้าแจ่ม คนที่ทำเรื่องอะไรที่ว่ายากให้เป็นเรื่องง่ายๆ โดยไม่ต้องคิดมาก

....................................................

สอบเสร็จกำหนดการเดินทางพานิ่มนวลท่องเที่ยวทางภาคเหนือก็ออกมาเป็นระยะ ทั้งสองเริ่มการเดินทางไปนมัสการครูบาศรีวิชัยที่เชิงดอยสุเทพ ขึ้นดอยไปสักการะพระธาตุดอยสุเทพ จากนั้นก็ไปพระตำหนักภูพิงค์ดูดอกไม้สวยๆ เมื่อลงมาด้านล่างก็ไปสวนสัตว์ไปเยี่ยมเยียนเพื่อนจากดินแดนจิงโจ้ ๔ ตัว โคอะล่าที่นั่งหลับได้ตอลดวัน มองหาหลิงนฮุ้ยที่ไปแอบหลับอยู่หลังที่พัก ตกกลางคืนเดินเล่นถนนคนเดิน นั่งพักเหนื่อยด้วยการนวดฝ่าเท้า

มัชวีพาเพื่อนเข้าวัดโน้นออกวัดนี้จนทะลุปรุโปร่ง วัดพระสิงห์ วัดเจดีย์หลวง และอีกหลายวัด หลังจากนั้นก็ออกจากเมืองเชียงใหม่ในวันรุ่งขึ้นเพื่อไปแม่วางล่องแพที่แม่น้ำอย่างสนุกสนาน เมื่อเสร็จจากล่องแพก็ใกล้จะบ่ายแก่ๆ จึงเดินทางไปจอมทองไหว้พระธาตุจอมทอง และไปหาที่พักที่บนดอยอินทนนท์ ฟ้าบนดอยยามค่ำคืนสวยงาม ทั้ง ๔ คนนอนมองดาวบนฟ้าที่เหมือนเอื้อมมือไข่วคว้าได้แต่ไม่ถึง

“ดาวบนฟ้านี่เหมือนของปลอมเลยเนอะพี่ธัญ” มัชวีบอกกับคนในอ้อมแขน

“ค่ะ เหมือนของปลอมแต่ก็สวยงาม ทางช้างเผือกอยู่ตรงไหนนะมัช”

“นั่นสิค่ะ คงอยู่แถวๆ โน้นมังค่ะพี่ ตรงที่เหมือนหมอกขาวๆ ตรงโน้น Milky way” มัชวีชี้มือไปทางกลุ่มเมฆขาวบนท้องฟ้า

“มั่วเปล่านี่” ธัญชนกแย้ง

“มัชไม่ใช่นักดาราศาสตร์นี่ค่ะจะได้รู้ว่าอันไหนดาวอะไร” มัชวีเถียงข้างๆ คูๆ

“แล้วมาทำพูดดี เชอะ” ธัญชนกแกล้งแซวคนรัก แต่ก็สะกิดให้มัชวีดูสองคนที่นั่งถัดไปจากพวกเธอ นั่งกุมมือกันไม่ยอมปล่อย แต่ไม่ได้ยินเสียงพูดจากันเลยสักนิด

“สองคนนั้นเค้าสื่อสารกันด้วยหัวใจค่ะพี่” มัชวีแอบแซวเพื่อนรักให้กับคนรักฟัง

“นั่นสิ นั่งเงียบไม่พูดไม่จากันเลยสักคำ แล้วจะคุยกันรู้เรื่องไหมนั่น น้องนิ่มน้องนันพูดกันบ้างก็ได้นะค่ะ หัวใจคุยกันอย่างเดียวไม่ได้หรอกนะ” ธัญชนกส่งเสียแซวคู่รักใหม่

“คะพี่นิ่มจะพูดแล้ว แต่เห็นพวกพี่คุยกันออกรส นิ่มไม่อยากรบกวน เลยใช้ใจคุยกันดีกว่า” นิ่มนวลตอบกลับมาทำให้ธัญชนกอึ้ง

“นี่แสดงว่าพี่พูดมากหละสิ มัชดูเพื่อนมัชสิมาว่าพี่พูดมาก” ธัญชนกหันไปฟ้องคนรัก

“อันนี้มัชไม่รู้คะ พี่เป็นตุ๊กแกเหรอค่ะ” มัชวีเลิกคิ้วถามคนรัก

แต่ไม่ทันจะทำอะไรได้มัชวีลุกอย่างเร็ววิ่งไปหานิ่มนวลเอามาเป็นเกราะกำบังอีกครั้ง แต่คราวนี้นิ่มนวลไวกว่าเดิมด้วยเธอเคยโดนฝ่ามือพิฆาตของธัญชนกมาแล้วครั้งหนึ่งจะให้โดนอีกรอบเห็นจะไม่ไหว ก็เลยไปหลบหลังศตนันท์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ทำให้ธัญชนกหยุดยั้งมือได้ทันท่วงที

“อ๋อเดี๋ยวนี้เอาน้องนันมาเป็นเกราะเหรอ น้องนันหลบคะ มาอยู่กับพี่ดูสิแค่นี้ยังเอาตัวรอดเอาแฟนมาเป็นเกราะแบบนี้เอาไว้ไม่ได้จัดการเร็ว” และศตนันท์ก็ร่วมมือกับธัญชนกวิ่งไล่จับปลาไหลสองตัวอย่างสนุกสนานไปตามลางกว้างหน้าที่พักของพวกเธอ

...............................................

วันรุ่งขึ้นทุกคนก็เตรียมตัวเดินทางไปยอดดอยตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น เพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศและขากลับลงมาก็แวะรายทางเที่ยวน้ำตก ปลายฝนต้นหนาวแบบนี้นำที่น้ำตกดูจะหลากมากไปสักนิด ทำให้ดูน่ากลัวมากว่าน่าลงเล่นน้ำ น้ำแดงๆ ที่ไหลลงมาจากผาสูง ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันเล็กน้อย จากนั้นทั้งหมดก็มุ่งหน้าลงดอยไปออบหลวง เพื่อไปแม่ฮ่องสอน พิชิตโค้งหลายพันโค้งที่วิงเวียหน้ามืดตาลายทั้งคนขับและคนนั่ง

มัชวีและนิ่มนวลผลัดกันขับรถอยู่สองคนเพราะธัญชนกและศตนันท์ขอบายกับหนทางแบบนี้ ด้วยกลัวอันตรายและฝนที่ตกพร่ำๆ ก็ทำให้การเดินทางต้องระมัดระวังเพิ่มมากขึ้น ก่อนจะถึงแม่ฮ่องสอนทั้งหมดก็แวะเที่ยวรายทางไปตลอดเส้นทางฮอดแม่ฮ่องสอน เมื่อไปถึงก็เมื่อยขบและหิวโหย จัดการหาปั๊มน้ำมันในตัวเมืองก็เห็นจะมีเพียงแห่งเดียวที่พอจะหาได้ หาที่พักหลับนอนในคืนที่แสนจะเหนื่อยล้า

…………………………………

“มาแม่ฮ่องสอนไม่ไปวัดจองคำและพระธาตูดองกองมูก็ดูเหมือนมาไม่ถึง” ธัญชนกอ่านคู่มือท่องเที่ยวในมือเธอ

“เหรอแล้วไปทางไหนหละค่ะ อะ หนทางมาด้วยปากใช้ปากถามทางคนแถวนี้แล้วกัน” มัชวีตัดสินใจจอดรถถามทางกับคนที่เดินไปมาอยู่ข้างทาง

จากนั้นทั้งหมดก็ไปไหว้พระทั้งสองวัดนั้นจากนั้นก็ไปหมู่บ้านกระเหลี่ยงคอยาว หนทางมีน้ำขังเพราะต้องขับผ่านเส้นทางน้ำ ที่ดูจะสูงกว่าปกติ หากมาหน้าแล้งคงจะดีกว่านี้ไม่น้อยทีเดียว นิ่มนวลต้องเดินลุยน้ำไปดูทางให้กับมัชวีที่จะต้องขับลุยน้ำลงไปกว่าจะมาถึงก็เล่นเอาเหนื่อยไปตามๆ กัน

“พี่นิ่มยืนตรงนั้นแหละคะ อะถ่ายรูป” ศตนันท์เห็นรูปหุ่นไม้แกะสลักที่ตั้งไว้ก่อนเดินลงไปในหมู่บ้านสั่งให้นิ่นนวลยืนแอ๊คท่าถ่ายรูป

“หุหุ เหมือนเลยแฮะ”

“อะไรเหมือน” ธัญชนกขอดูรูปในกล้องของศตนันท์ แล้วก็หัวเราะท่าทางของนิ่มนวลที่ทำท่าเหมือนกับรูปไม้แกะสลักนั้นไม่ผิดเพี้ยน

ทั้งหมดก็ต้องประหลาดใจที่ชาวหมู่บ้านพูดภาษาต่างถิ่นได้ชัดเจนกว่าภาษาไทยด้วยซ้ำไป

“พี่ว่านะ รู้แบบนี้ไม่ต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไปเรียนเมืองนอกร๊อกมาเรียนกับคนแถวนี้น่าจะดีกว่าเนอะ” แล้วทั้งหมดก็อดขำกับคำพูดของธัญชนกไม่ได้

เมื่อเดินจนเสร็จสิ้นนิ่มนวลแวะซื้อกล้วปิ้งตรงทางเดินก่อนจะถึงที่จอดรถ

“ขอกล้วยปิ้ง ๒๐ ค่ะป้า” นิ่มนวลบอกกับคนขาย แล้วเธอก็ไม่ได้สนใจเดินไปอีกร้านฝั่งตรงข้ามดูสร้อยเงินที่ชาวบ้านแถวนั้นบอกว่าทำเอง ก็เลยซื้อไว้อีกหนึ่งเส้น หันหลังกลับมาเอากล้วยปิ้งแต่ผลปรากฏว่าเยอะอย่างไม่น่าเชื่อ กล้วยปิ้ง ๒๐ บาท เหมือนกับเอากล้วยทั้งหวีมาส่งให้ในมือของนิ่มนวล เธอรับกล้วยปิ้งมาแล้วก็มองกล้วยในถุงจะกินหมดไหมนั่น กำแล้วตรู

“จะซื้อไปฝากช้างที่ไหนค่ะพี่นิ่ม” ศตนันท์แซวคนรัก

“เปล่าจ้าพี่จะซื้อมาทานเองแต่ไม่ยักรู้ว่า ๒๐ บาทจะเยอะขนาดนี้นี่นาแบ่งๆๆ กันไปก็ได้นะ แล้วจะได้เป็นน้องช้างด้วยกันไง” นิ่มนวลบอกตามความคิดของเธอเอง

“ไม่ดีกว่าค่ะนันไม่อยากเป็นช้าง เดี๋ยวพี่นิ่มมาเรียกนันว่ายายช้างน้ำนันก็หมดสวยพอดี นันจะสวยสองพันปีไม่ยอมอ้วนเด็ดขาด” ว่าแล้วศตนันท์ก็เดินขึ้นรถ ปล่อยให้นิ่มนวลจัดการกล้วยปิ้งทั้งหวีอยู่คนเดียวจนจุกถึงคอแล้วนะนี่

..................................................................

กลับมาถึงตัวเมืองทั้งหมดก็ไปแวะหาอะไรทานก่อนจะไปดูพระอาทิตย์ตกดินบนดอยกองมู

“ไม่ทานอะไรหน่อยเหรอค่ะพี่นิ่ม” ศตนันท็ถามคนรัก

“ทานลงก็ไม่ใช่คนแล้วหละนัน พี่คงเป็นวัวมีหลายกระเพราะเคี้ยวเอื้องตามประสา” นิ่มนวลบ่นกระปอดประแปดด้วยไม่มีใครช่วยเธอกำจัดกล้วยปิ้งเลยสักคน

“แต่อาหารอร่อยน้า” ศตนันท์ยังคงแซวคนรักต่อ

“อร่อยก็ทานไม่ลงแล้วคะ ดูสิพุงพี่จะแตกแล้ว” แล้วนิ่มนวลก็จับมือศตนันท์มาวางที่ท้องของตนที่ดูเหมือนจะแน่นไปหมด ศตนันท์ยิ้มขำๆ กับท่าทางของคนรัก

“ก็ใครใช้ให้ทานให้หมดหละค่ะหือ ทานนิดหน่อยก็ได้นี่นา ทานหมดก็อืดแย่สิกล้วยตั้งหลายลูก แล้วก็ลูกโตๆ ทั้งนั้นด้วย”

“ถ้าไม่ทานตอนร้อนๆ ก็ไม่อร่อยสิค่ะ ต้องร้อนๆ ถึงจะอร่อย”

“งั้นก็รับกรรมไปเถอะค่ะพี่ เดี๋ยวนันทานกับพี่ธัญพี่มัชเองก็แล้วกัน ส่วนพี่ก็ทานกล้วยของพี่ไปคนเดียวเถอะ พี่ธัญค่ะเราทานอะไรดี อันนี้ก็น่าทานเนอะ เอานี้ดีกว่าแล้วก็เอานี่แล้วก็เอานี่ด้วย” ศตนันท์เลิกสนใจคนรักด้วยเพราะความหิวจึงหันไปหาธัญชนกช่วยกันสั่งอาหารมารับประทานกัน โดยมีนิ่มนวลทำตาปริบๆ เพราะเธอไม่หลงเหลือพื้นที่สำหรับอาหารในมื้อนั้นเลยสักนิด

จากนั้นทั้งหมดก็ขึ้นดอยไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามถึงแม้จะมีเมฆมาบดบังบ้างก็ตามที พระอาทิตย์บนดอยนี้ตกเร็วกว่าที่คิดเอาไว้เยอะ คงเพราะอยู่บนที่สูงด้วยสินะ ทั้งหมดกลับที่พักเพื่อพักผ่อน พรุ่งนี้ต้องเดินทางอีกไกลกว่าจะไปถึงเอวคงเคล็ดอีกหลายรอบ แต่เค้าว่ากันว่าทางไปปายโค้งน้อยกว่าทางมาจากฮอด คงไม่เท่าไหร่มั๊ง รอพรุ่งนี้เถอะจะได้หลับสบายกับเค้าสักที มัชวีคิดในใจและหลับไปอย่างง่ายดายในอ้อมกอดของธัญชนก

........................................

“หายาทานแก้ท้องอืดดีเปล่าค่ะพี่นิ่ม” ศตนันท์เห็นท่าทางของคนรักที่ดูจะปวดท้องเอามากๆ

“อืมก็น่าจะดีนะ”

“นันมียาธาตุน้ำแดงทานได้ไม๊ค่ะ หรือว่าจะเอายาอื่น”

“ก็ได้ค่ะ ถ้าช่วยได้ก็คงดี” ศตนันท์เดินไปหยิบกระเป๋ายาของเธอ แล้วยื่นยาธาตุน้ำแดงให้กับนิ่มนวล

“หว่าย รสชาตฝาดพิลึก”

“ฝาดก็ต้องดื่มคะจะได้สบายท้อง” ศตนันท์ทำเสียงเข้มกับคนรักของเธอ

“จ้า ไม่ทันไรดุพอๆ กับพี่ธัญเลยนะนันจ๋า” นื่มนวลดื่มยาในมืออย่างว่าง่ายและออดอ้อนคนรักของเธอ

ศตนันท์เดินไปเก็บขวดยาลงกระเป๋ายาของเธอ ปิดไฟและล้มตัวลงนอนเคียงข้างคนรักของเธอ แต่คนตัวโตดูเหมือนจะอยู่ไม่สุขเสียแล้วตอนนี้

“อย่าซนสิค่ะพี่ไหนว่าปวดท้อง”

“ปวดก็ส่วนปวดอ้อนก็ส่วนอ้อน ให้พี่นะน้องนัน”

นิ่มนวลไม่ต่างอะไรกับเด็กซุกซนค้นหาของเล่นที่ดูจะเพลิดเพลิน ดินแดนที่แสนหวานอบอวลไปด้วยกลิ่นไอแห่งรัก นิ่มนวลจูงมือศตนันท์ให้เริ่มค้นหากลิ่นไอหอมหวานไปด้วยกัน เคียงข้างกันผลักดันกันไปด้วยแรงรักที่ปะทุโชติช่วง หลายครั้งที่ดูเหมือนจะขาดใจแต่ก็กลับมาหยัดยืนด้วยกันอีกครั้ง ทั้งสองผลัดกันจูงมือบางครั้งนิ่มนวลเป็นผู้นำบางครั้งนิ่มนวลเป็นผู้ตามที่ทำให้นิ่มนวลจวนเจียนจะขาดใจ และหลับไปในคืนที่แสนสุขครั้งแรกในชีวิต

...............................................

เมืองปายเมืองในฝันของหลายคนที่จะต้องเดินทางมาสักครั้งในชีวิต เมืองที่มีวัฒนธรรมอันหลากหลายทั้งจีนแขกไทย เมืองนี้โด่งดังเมื่อไม่นานจากภาพยนตร์ไทยเรื่องหนึ่งที่เคยใช้สถานที่แห่งนี้ถ่ายทำ จึงทำให้เมืองที่เคยเงียบสงบกลับกลายเป็นพลุกพล่านไปด้วยผู้คน สายน้ำปายที่ไหลผ่านเมืองทำให้มีวิวช่วงกลางคืนของสายน้ำและแสงจันทร์สวยงาม

“พระจันทร์คืนนี้สวยนะค่ะ” นิ่มนวลบอกกับศตนันท์ที่นอนหนุนแขนตนดูท้องฟ้าในยามราตรี

“สวยค่ะไม่มีแสงไฟจากในเมืองมาบดบังแสงธรรมชาติ”

“นั่นสิ น้องนัน พี่มีเรื่องปรึกษา น้องนันไปอยู่กับพี่ที่โน่นได้รึเปล่าค่ะ” นิ่มนวลถามศตนันท์ด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ให้ไปง่ายๆ ก็ง่ายเกินไปสิค่ะ พี่นิ่ม นันขอเรียนจบก่อนแล้วค่อยตัดสินใจจะได้หรือเปล่า หรือพี่นิ่มรอไม่ไหว พี่นิ่มก็ไม่ต้องรอก็ได้นะค่ะ นันเข้าใจพี่คะ” ศตนันท์หันไปมองหน้าคนรักที่คิ้วผูกโบว์อยู่ข้างๆ

“รอได้ค่ะ แต่พี่ขอมัดจำไว้ก่อนจะได้หรือเปล่า” นิ่มนวลหอมแก้มคนรักฟอดใหญ่

“มัดจำแบบนี้นันก็ช้ำหมดสิค่ะ” ศตนันท์แอบบ่นกรายๆ

“ว่าแต่นี่กี่โมงแล้วค่ะน้องนัน” นิ่มนวลคว้าข้อมือของศตนันท์มาดูเวลาที่นาฬิกาเรือนน้อยซึ่งเธอเองเป็นคนมอบให้คนรัก และก็ต้องแปลกใจที่เวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว

“โห่ นี่ จะตี สองแล้วเหรอ ทำไมเร็วจัง” นิ่มนวลแอบบ่นเมื่อเห็นว่าเวลาแห่งความสุขช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว

“ยังหรอกค่ะพี่แค่สี่ทุ่มกว่าๆ เท่านั้น เวลาที่นาฬิกาเรือนนี้คือเวลาของเมืองนั้น ที่อยู่ของพี่งัยค่ะ นันไม่ได้เปลี่ยนกลับมาเป็นเวลาเมืองไทยหรอกคะ ใช้ไปเรื่อยๆ ก็เริ่มคุ้นเคยกับเวลาในนาฬิกาจนไม่ต้องนับถอยหลังอะไรอีก ดูเวลาก็รู้แล้วคะว่าตอนนี้เวลาเท่าไหร่ และนันก็คิดว่าจะไม่กลับมาตั้งเวลาเป็นเวลาเมืองไทยอีกแล้ว” ศตนันท์อธิบายให้คนรักฟัง

นิ่มนวลดูจะดีใจจนออกนอกหน้า เธอรู้แล้วว่าไม่ใช่เธอเพียงคนเดียวที่รอให้เวลาที่จะได้อยู่ด้วยกันมาถึงเร็วๆ แต่ยังมีศตนันท์ที่ยังคงรอเวลาด้วยอีกเช่นกันนิ่มนวลกอดกระชับร่างบางแน่ยิ่งขึ้น แม้สายลมหนาวจะพัดผ่านแต่ในดวงใจสองดวงช่างอบอุ่นมากมาย ภายใต้อ้อมกันซึ่งกันและกัน

............................................

วันเวลาแห่งความสุขผ่านไปอย่างรวดเร็วถึงวันที่นิ่มนวลต้องเดินทางกลับ ศตนันท์มีน้ำตาไหลรินล้นท่วมทั่วทั้งใจ แต่เธอใจแข็งพอที่จะไม่แสดงให้คนรักรู้ว่าเธอโหยหาเค้าเพียงใด

“แล้วเราจะพบกันนะค่ะคนดี” นิ่มนวลกระซิบบอกกับคนรัก ณ.สนามบิน

“ค่ะ เราจะพบกันไม่รอนาน ปิดเทอมหน้านันจะบินไปหานะค่ะ”

“ค่ะ ปิดเทอมถัดไปพี่จะบินกลับมาหานัน” ทั้งสองต่างสัญญาและคำสัญญานั้นดูจะมั่นคงตราบนานเท่านาน

“มัชพี่ธัญฝากหัวใจนิ่มไว้ด้วยนะ อย่าให้ใครรังแก อ่อมัชฝากไว้ให้ดูแลแต่ห้ามแตะต้องโอเค๊” นิ่มนวลยังหันมาบอกเพื่อนรักด้วยความระแวง

“ได้เลยนิ่มดูให้ไม่ให้ริ้นไรไต่ตอมยกแว้นมือเรา ฮ่าๆๆๆ” มัชวีแซวเพื่อนรักเล่นเพื่อให้หายอาการโศกเศร้า

“ไปนะเพื่อน โชคดี” และนิ่มนวลก็เดินหายไปในช่องทางผู้โดยสารขาออก

ศตนันท์ร้องไห้ในอ้อมกอดของธัญชนกอย่างอดกลั้นไว้ไม่ได้ เธอต้องไกลจากคนรัก และความห่างไกลก็ทำให้เธอปวดร้าว เช่นเดียวกันกับคนรักของเธอ

ธัญชนกรู้ดี และเธอเองก็กำลังจะใก้ลเวลาต้องจากไกลกับคนรัก เช่นกัน บัดนี้เธอรู้แล้วว่าความห่างไกลกันมันทรมานแบบนี้นี่เอง มิน่ามัชวีถึงรีบเร่งเรียนจบให้ทันกับเธอ เพื่อไม่ต้องการห่างไกลกัน เธอพึ่งเข้าใจในตัวคนรักก็วันนี้

................จบตอนที่ ๒๘.............



Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 23 มิถุนายน 2551 18:40:45 น. 0 comments
Counter : 362 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รันหณ์
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ฉันคือฉัน
ฉันรักเสียงเพลง
ฉันรักสายลม
ฉันรักท้องฟ้า
ฉันรักอิสระ
ฉันคนไร้ราก
ผิงดาวยามไร้เดือน

คืนนี้ถ้าเธอหนาว ร่วมผิงดาวบนท้องฟ้า
จากรักจากศรัทธา....ของเรา

เป็นอะไรก็ได้มิใช่หรือ
แค่เป็นคนดีก็คงเีพียงพอ
[Add รันหณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.