It's not easy to be me
Group Blog
 
All blogs
 
เรื่องแนวยูริ : ครั้ง วัน วาน บทที่ ๑๙

บทที่ ๑๙

กลุ่มแปดเซียนนัดหมายกันว่าจะไปหาครูทัศนาเพราะทุกคนรู้สึกว่าคิดถึงครูทัศนากันทั้งนั้น เหมือนๆ กับว่าขาดอะไรไปสักอย่าง หากว่ากลับบ้านแล้วไม่ได้ไปหาครูไม่ได้โดนครูต่อว่าหรือไม่โดนบ่น

สถานที่ประจำที่หาครูทัศนาได้ก็คือห้องพักครูเช่นเดิม ครูทัศนาไม่เคยไปไหน นานๆ ครั้งถึงจะหายไปเที่ยวกับครอบครัวของครูสักครั้ง เมื่อมีเวลาว่างก็จะมาหาอะไรทำที่โรงเรียนอยู่เสมอๆ บนโต๊ะของครูทัศนาจะมีหนังสือหลากหลายชนิด ทั้งหนังสือเรียนหนังสือนิยาย หนังสือท่องเที่ยว

เมื่อยามที่สอนหนังสือก็จะมีสมุดการบ้านของเด็กๆ หลายๆ ตั้งวางอยู่บนโต๊ะ ครูทัศนาไม่เคยปล่อยให้สมุดการบ้านมาตั้งไว้ข้ามวัน เมื่อเด็กๆ เอาการบ้านมาส่ง ก่อนที่จะหมดวันครูทัศนาจะทำการตรวจการบ้านและแก้ไขให้ทุกเล่ม ทุกข้อทำราวกับการแก้การบ้านในแต่ละเล่มเป็นเรื่องสนุกของครู

ฉันจำได้ว่าฉันเคนทำการบ้านเลขผิดหมดทุกข้อ ครูทัศนาก็จะแก้ด้วยปากกาสีแดงให้ทุกข้อ เมื่อฉันได้รับสมุดการบ้านกลับคืนมาครูยังเขียนไว้ในนั้นด้วยว่าเย็นนี้ให้ไปพบครูที่ห้องพักครูเพื่อจะอธิบายการบ้านข้อที่ฉันทำผิดอย่างละเอียดจนฉันเข้าใจว่าการหาหรม. หรือ ครน.ทำอย่างไร หรือวิชาเลขาคณิตที่ฉันเกลียดนักเกลียดหนา การเรียนตรีโกณมิติที่ต้องท่องอะไรแปลกๆ Sine Cosine Tengent ที่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องเรียนไปทำอะไร

เด็กอย่างฉันแค่จ่ายเงินและรับเงินทอนกลับมาไม่ให้ถูกแม่ค้าโกงเงินค่าซื้อขนมก็พอแล้ว แต่ครูทัศนาก็มักจะบอกเสมอๆ ว่าเรียนไว้อนาคตต้องใช้ สอนให้ฉันจำสูตรพลิกแพลงสูตรต่างๆ จนฉันคล่องและเริ่มที่จะชอบวิชาคณิตศาสตร์ เพราะฉันคิดว่ามันเป็นวิชาที่ง่ายกว่าวิชาภาษาอังกฤษหรือวิชาภาษาไทยที่เพื่อนๆ ชอบเรียนกัน

เมื่อมีความชอบเป็นพื้นฐาน ดังนั้นวิชาอะไรก็ตามที่เป็นการเรียนเกี่ยวกับการคำนวณฉันจึงทำคะแนนได้ดีกว่าวิชาที่ต้องท่องจำ

ครูทัศนาไม่เคยแต่งงานและพวกเราก็ไม่เคยเห็นครูมีแฟน มีคนเคยนินทาครูให้พวกเราฟังว่า ครูเคยมีแฟนแต่แฟนของครูไปมีแฟนใหม่ก็เลยไม่คบกับใครอีก

บางคนก็บอกว่าแฟนของครูตายในสนามรบ บางคนก็นินทาว่าครูมีแฟนเป็นผู้หญิง แต่ถึงครูจะเป็นอย่างไรพวกเราก็ไม่สน เพียงขอให้ครูยังรักและเอ็ดดูพวกเราเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนก็เพียงพอแล้ว

ฉันหอบเอาผลไม้จากที่สวนมาเต็มตะกร้า รตีมีผ้าลูกไม้ลายสวยๆ มาให้ครูตัดเสื้อหลายพับ ธิติมาหิ้วเอาไวน์จากไร่ของกันตามาหลายขวด พร้อมกับองุ่นในไร่อีกหนึ่งตะกร้า

“ครูขามาแล้ว...” จันทร์จิราลากเสียงยานครางร้องเรียกครูทัศนาที่นั่งอยู่ในห้องพักครูและเธอก็เข้าไปคุกเข่ากอดครูทัศนาหอมแก้มซ้ายขาว จนพวกเราอิจฉา

“ไอ้เจ้าน้อยๆ หน่อยเดี๋ยวครูช้ำก่อนถึงมือฉัน” ธิติมาปรามจันทร์จิราและเข้าไปคุกเข่ากอดครูทัศนาบ้างเหมือนเด็กขี้อิจฉาจนครูทัศนาต้องถอยเก้าอี้ล้อเลื่อนเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด ให้ล่นไปด้านหลังเพราะลูกศิษย์สองคนมารุมครู

“ไม่ได้เว่ยใครเร็วใครได้สิวะไอ้ธิ” จันทร์จิรารีบปล่อยมือจากการกอดครูทัศนามากั้นธิติมาอย่างรวดเร็วแต่ก็ต้องโดนพวงทองแทรกเข้าไปทางด้านหน้ากอดครูทัศนาแทนในทันทีเช่นกัน

ครูทัศนาหัวเราะกับพฤติกรรมของพวกเราที่ยังคงเล่นเป็นเด็กๆ กันเหมือนเดิม

“ครูขาอย่าไปสนใจพวกลิงเลยค่ะครูหนูมีผ้าตัดเสื้อสวยๆ มาให้ครูด้วยมาจากเมืองจีนเลยนะ” รตีค้อมตัวเอื้อมมือส่งถุงผ้าในมือของเธอผ่านโต๊ะครูที่มีหนังกองอยู่เต็มไปหมดอย่างอยากลำบากให้กับครูทัศนา

“ไม่เห็นต้องเอาอะไรมาให้ครูเลยแค่แวะมาหาก็ดีใจแล้ว” ครูทัศนาไม่ได้รับถุงผ้าของรตีแต่หันมาพูดกับรตีแทน

“ไม่ได้หรอกค่ะครูพ่อกับแม่พวกหนูสั่งไว้ว่าถ้ามาหาครูต้องหาอะไรติดไม้ติดมือมาฝากครูด้วย” จันทร์จิรายังยืนยันเจตนาเดิมของเพื่อนๆ

จากนั้นธิติมาและฉันก็จัดการเอาหนังสือบนโต๊ะไปวางกองเป็นตั้งใหม่เพื่อเกลี่ยพื้นที่ในการเอาของฝากสำหรับครูทัศนาไปตั้งวางไว้บนโต๊ะ

“ครูทานนะคะพวกหนูตั้งใจเอามาให้ เวลาเห็นอะไรอร่อยๆ อะไรดีๆ หนูอยากให้ครูทานอย่าเอาไปแบ่งใครเหมือนเมื่อก่อนนะคะ” ธิติมาบอกครูเมื่อเธอวางตะกร้าใบโตไว้เรียบร้อยแล้ว

“ธิครูจะบอกอะไรให้นะ เวลาที่เรามีอะไรดีๆ หรือเห็นอะไรอร่อยๆ สิ่งแรกที่พวกเธอจะต้องนึกถึงก็คือพ่อกับแม่ไม่ใช่ครูเพราะพ่อกับแม่ให้ชีวิตเธอมา ดังนั้นท่านก็คือพระใจใจของลูก ลองคิดในทางกลับกันสิธิ ถ้าพ่อกับแม่เห็นอะไรอร่อยๆ แล้วนึกถึงคนอื่นก่อนที่จะนึกถึงลูกตัวเอง พวกเธอจะได้กินของอร่อยกันเหรอ อีกอย่างไวน์ครูก็ไม่ดื่ม” ครูทัศนาเทศนาสั่งสอนพวกเราอีกแล้ว

ธิติมาทำหน้าสลดยอมรับคำสั่งสอนของครูทัศนา

“เพราะว่าพอดื่มไปแล้วมันหยุดไม่ได้ไงธิ” ครูทัศนาพูดต่อ ทำให้ธิติมามีสีหน้าดีขึ้นกว่าเดิมมาก

“จริงหรือคะครูดีจังงั้นครูดื่มเลยนะคะหนูจะดีใจมากๆ ถ้าครูดื่ม เพราะว่าหนูตั้งใจจริงๆ นะคะที่จะเอามาฝากครู”

“ดื่มแน่ในวันแห่งความสำเร็จของพวกเธอครูจะเก็บไว้ในตู้เย็นอย่างดีไม่ให้เสียรสชาติ หวังว่าอีกสามปีครูจะได้เห็นความสำเร็จและฉลองความสำเร็จของพวกเธอนะเด็กๆ อ่อกิ่งกับเติ้ลไม่ต้องห่วงนะครูรอพวกเธอด้วย ถึงจะจบช้ากว่าเพื่อนแต่สิ่งที่พวกเธอเรียนและฝึกฝนมันจะสร้างความสามารถให้กับเธอมากขึ้น”

“ค่ะครู” ภัทรทราภรณ์และพวงทองรับคำครู

“ว่าแต่ว่าวันนี้ครูว่างหรือเปล่าค่ะไปร้านประจำกันเถอะหนูหิวแล้ว” จินตนาชวนครูทัศนาให้ออกไปจากห้องพักครูหรือที่พวกเรามักเรียกกันว่าอาศรมฤาษีที่ครูทัศนามักจะเข้าฌานอยู่ในนี้เสมอเมื่อยามที่ครูว่าง

“เธอนี่ไม่เคยพ้นเรื่องกินเลยนะจินแต่ไหนแต่ไรก็มีเรืองนี้เรื่องเดียวที่เธอสนใจที่สุด”

“ไม่ได้สิคะครูหนูเกิดมาเพื่อกิน อยู่เพื่อกินไม่ได้กินเพื่ออยู่ ครูรู้หรือเปล่าว่ากว่าหนูจะได้มาขนาดนี้” จินตนายืดอกแบนๆ ของตัวเองขึ้น “หนูลงทุนไปกี่ล้านแล้วครูขา”

ครูทัศนาหัวเราะหึหึในลำคอ

“แสดงว่าไม่ได้บำรุงนมสิจินสงสัยจะกินแต่แฮมกับไข่ดาวมันถึงได้มาเท่านี้ คราวหลังถ้าจะบำรุง เคยได้ยินไหมว่าบำรุงอะไรจะได้อย่างนั้น” ทัศนานึกสนุกชวนศิษย์รักต่อล้อต่อเถียงกันมาบ้าง

“แบบนี้ไอ้จินคงต้องบำรุงนมเป็นแกลอนแล้วครูขาเพราะของมันแบนติดดินหรือว่าชาติก่อนมันคงโดดตึกมานะค่ะครู แถมยังเอาหน้าลงอีกต่างหาก” รตีลูบเสื้อของจินตนาและพูดดต่อ “ดูสิค่ะครูกระดานที่บ้านหนูยังนูนกว่าของมันอีก”

ดูเหมือนว่าตอนนี้จินตนาจะเลือดขึ้นหน้าแล้วสิ รตีเอาจุดอ่อนของเธอขึ้นมาเล่นแบบนี้คนอย่างจินตนามีหรือจะยอม

“ใครจะทำบุญด้วยส้มโอกะแตงโมแบบแกล่ะไอ้ตี ดูสิ อ๊ะหรือว่าชาติที่แล้วแกกินนมมาเยอะ ไม่สิแกอาจจะไปขโมยของใครเค้ามาก็ได้ ดูสิล้นหลาม ฉันว่าเวลาแกไปแข่งวิ่งชนะเมื่อคราวก่อนโน้นแกต้องเล่นขี้โกงแน่ๆ เลยว่ะ”

“ไหนๆ ฉันขี้โกงตรงไหนฉันได้มาเพราะความสามารถของฉันเองโว่ย” รตีทนไม่ไหวที่จินตนาเอาปมเด่นของเองมาแฉกลางลานแบบนี้

“ก็แกนะล้ำหน้าแบบนี้ไงเลยชนะ แกโกงเห็นๆ” จินตนาทำตาโตๆ และเพ่งมองมาที่อกของรตี

แล้วรตีจะทนได้หรือกับการแสดงท่าทางแบบนี้

“อย่ามาทำหน้าแบบนี้นะไอ้จินถึงฉันจะเป็นแบบไหนก็ไม่เกี่ยวกับแกแล้วอย่ามายุ่งกับฉันอีก” รตีงอนไปแล้ว

งานเข้าแล้วจินตนางานหนักด้วยสิ

“ไปกันใหญ่แล้วพวกเธอไปปะไปกินข้าวได้แล้วร้านแป๊ะเจ้าเดิมเดี๋ยวครูตามไป” ทัศนาเห็นท่าว่าศิษย์รักจะเปิดศึกกันอีกแล้วก็เลยรีบตัดบทเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและก็แก้ไขได้จริงๆ

จากนั้นหญิงสาวสิบคนก็เดินทางออกมาจากอาศรมไปร้านแป๊ะเจ้าประจำ

ทัศนาพึ่งจะสังเกตเห็นเด็กสาวหน้าหวานมีงอกออกมาจากกลุ่มแปดเซียนลูกศิษย์แสนรักของเธอก็ตอนที่นั่งเรียงกันเพื่อที่จะสั่งอาหารจากแป๊ะ

“แม่หนูคนนั้นชื่ออะไรจ๊ะ”

“ชื่อเจี๊ยบค่ะครู” ธิติมาชิงตอบก่อนที่กันตาจะตอบ

“อ่อแล้วมารู้จักกับพวกแปดเซียนของครูได้ไงเตือนไว้เลยนะพวกนี้ทั้งห่ามทั้งเซียนเล่นอะไรไม่ได้เรื่อง” ดูเหมือนครูทัศนาจะ discredit ลูกศิษย์รักของตัวเองทันทีเหมือนกัน

“เจี๊ยบเป็นแฟนไอ้ธิค่ะครู” จันทร์จิรารีบเสริมให้

“อ้าวเหรอ ดีจัง แป๊ะจ๋าแป๊ะเหมือนเดิมนะคะ” ทัศนารับรู้แล้วก็หันไปสั่งแป๊ะเจ้าของร้าน

“เลี้ยวอาหรูคงฉวยเจี๊ยะอาราย” แป๊ะหันมาทำตาหวานให้กับกันตา

“เอาแบบเดียวกับธิค่ะแป๊ะ” กันตาสั่งแล้วก็ส่งยิ้มหวานให้แป๊กกลับคืนไปเช่นกัน

“ล่ายๆๆ รอปูเหลียวอั๊วจะทำห้าย” แป๊ะบอกแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาทำข้าวซอยของแกต่อไป


ไม่นานแป๊ะก็เอาข้าวซอยหน้าตาน่ากินมาวางไว้ที่โต๊ะตรงหน้าของกันตาก่อนเป็นคนแรกปริมาณข้าวซอยในชามของกันตาดูเหมือนว่าจะมีมากว่าของใครๆ อีกทั้งน่องไก่ก็มีสองน่อง ทำให้พวกเรามองหน้าแป๊ะและหันไปถามว่า

“แป๊ะลื้อขี้โกงนี่หว่าทำไมของพวกเราได้น้อยล่ะ” จันทร์จิราที่เห็นในชามของเธอมีน่องได่เพียงน่องเดียวแถมยังได้เส้นน้อยกว่ากันตาตั้งครึ่งหนึ่งต่อว่าแป๊ะทันที

“ช่วยม่ายล่ายลื้อม่ายฉวยแบบอาหมวยคงใหม่งาย ถ้าพวกลื้อฉวยๆ อั้วก็จาห้ายลื้อเยอะๆ แต่นี่บ่อม่าน้อ ม่ายฉวยเลี้ยว กิงๆ ผักกักดองไปเถอะพวกลื้อ”

“ไอ้หย่าแป๊ะเดี่ยวนี้ลื้อขายของดูหน้าคนซื้อเหรอนี่” พวงทองบ่นขึ้นมาบ้างเพราะรู้สึกว่าแป๊ะจะลำเอียงมากไปแล้ว

“อั้วบอกเลี้ยวงายว่าช่วยม่ายล่าย ลื้อเกิกมาหน้าตาม่ายฉวยเองช่วยม่ายล่าย” จากนั้นแป๊ะก็หันไปทำข้าวซอยให้ลูกค้าคนอื่นต่อไป โดยที่ไม่หันมาสนใจพวกเราอีกเลย

“ดูแป๊ะสิแกเดี๋ยวนี้หัวงูเว่ย เห็นสาวๆ สวยๆ ไม่ได้งูแผ่พังพานเลยเจี๊ยบกินไมดไหมนั่นแบ่งมาทางเราก็ได้นะ” จินตนาบ่นและเริ่มจะขอส่วนแบ่ง

“ไอ้จินตอนแรกก็ฟังดูดีนะแกตอนหลังไหงเป็นตลกบริโภคได้วะ” ชนกพรบ่นจินตนาที่ดูเหมือนจะมีเจตนาแอบแฝงกับการบ่น

“ก็ช่วยม่ายล่ายงายอานู๋นกเพราะอั้วคิกก่องก็ล่ายก่อง” จินตนาเลียนสำเนียงของแป๊ะตอบชนกพรหน้าตาเฉย

“เออคิดก่อนกินก่อน งั้นฉํนเอาผักกาดดองหมดถ้วยแล้วกันพวกแกไปเอาอันใหม่เองเลยช่วยไม่ได้ให้เส้นน้อยเองแป๊ะ ก็ต้องเปลืองผักกาดดองแบบนี้แหละ” ชนกพรประชดจินตนาโดยการหยิบเอาชามผักกาดดองและหอมแดงที่วางอยู่กลางโต๊ะมาเป็นของตัวเอง

กันตาแบ่งน่องไก่ให้กับจินตนาและแบ่งเส้นข้าวซอยให้กับพวงทอง จากนั้นเธอก็เริ่มลงมือปรุงข้าวซอยในชามของเธอ

พวกเราชวนครูทัศนาคุยไปเรื่อยๆ ข้าวซอยคนละชามแต่การสนทนาร่วมสองชั่วโมง เล่าเรื่องราวของเราไปเรื่อยๆ ในช่วงที่เราเรียนเทอมสอง ครูทัศนาสนใจที่จะรับฟังพวกเราและไม่สอดแทรกอะไรเลยได้แต่นั่งยิ้มไปเรื่อยๆ ฟังพวกเราบ่นเรื่องเรียนเรื่องรถติด เรื่องรับน้อง

ครูบ่นเสียดายว่าพวกเราไม่ได้อยู่เล่นน้ำสงกรานต์เพราะต้องกลับไปเรียนภาคฤดูร้อนในช่วงนั้นพอดี พวกเราก็เลยบอกกับครูทัศนาว่าเราขอให้ครูไปเที่ยวกรุงเทพและไปพักกับพวกเราแทนจะได้หรือเปล่า พวกเราทุกคนจะพาครูเที่ยวให้ทั่วกรุงเทพเอง

“ครูขอคิดดูก่อนนะพวกเธอว่าช่วงนั้นครูว่างหรือเปล่า ถ้าครูว่างครูจะไป” ครูทัศนาตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้

“ไปเถอะคะครู ถ้าครูว่าพวกหนูจะพาครูเที่ยวให้ทั่วอยากไปไหนไปกัน รับรองว่าไม่มีใครทิ้งครูให้อยู่คนเดียวแน่ๆ” จันทร์จิรารีบเสนอตัวพาเที่ยวทันที

“เอาตัวเองให้รอดเถอะไอ้เจ้าแกยังหลงทางในกรุงเทพอยู่เลยทำซ่าจะพาครูเที่ยว” รตีเบรคจันทร์จิราเพราะต่างรู้กันดีว่าต่างคนต่างยังไม่คล่องถนนหนทางในเมืองหลวง

“แกก็พูดเกินไปไอ้ตีตอนนี้ฉันไปได้มากกว่าย้านกับมอแล้วเว่ย”

“ไหนแกไปไหนได้มากว่าบ้านกับมอ” รตีหันไปมองหน้าจันทร์จิราอย่างจริงจังและถามคำถามจี้ใจดำ

“ก็ไปห้างไงแถวสยามไงมากกว่ามอไหมล่ะ” จันทร์จิราอวดตัวเอง

ชนกพรทนไม่ได้เลยแทรกขึ้นมาบ้าง

“นี่นะเหรอไอ้เจ้าที่แกว่าไปไหนมาไหนได้ ปั๊ดโธ่เอ๊ย ทำมาอวดไอ้สยามมันทางผ่านจากบ้านไปมอแล้วแก ใครๆ ก็ไปเป็นเว่ย”

“อ้าวเหรอ แหะๆๆ ก็นึกว่านั่นหรูแล้วนะว้าอย่างนี่ฉันก็พาครูเที่ยวไม่ได้ล่ะลิ”

“ก็เออสิวะแกไม่มีทางพาเที่ยวได้หรอก ขืนพาไปหลงตลอดทางต้องให้ไอ้แป๊ดพาไปมันรู้ทาง” ชนกพรสบประมาทจันทร์จิราต่อหน้าต่อตา

“ก็ใช่นะเซ่ฉันมันพวกแม้วหลงดอยไหนเลยจะเก่งเหมือนไอ้แป๊ดมันล่ะ ซอกแซกไปได้เรื่อยๆ ตรอกไหนซอยไหนมันไปหมด” จันทร์จิราหันมาแขวะฉัน

“แล้วไหงมาลงที่ฉันได้วะไอ้เจ้าไม่ได้เกี่ยวกันเล๊ย” ฉันเริ่มปัดสวะออกจากตัวแล้วสิ ทำไมช่วงนี้โดนลากเข้ากองไฟบ่อยๆ ก็ไม่รู้

“ก็มันมีดีนี่หว่ามีคนพาเที่ยวตลอดเดี๋ยวไปโน่นเดี๋ยวไปนี่ได้ทุกวันกว่าจะกลับมาถึงบ้านโน่นสองสามทุ่ม คนมันมีเพื่อนดีก็งี้ไอ้เรามันไม่มีจะเหมือนมันได้ไง” จันทร์จิราเผลอพูดอะไรบางอย่างออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว

“เพื่อนที่ไหนเหรอจันทร์ที่พาแป๊ดไปเที่ยว” ภัทรทราภรณ์ซักจันทร์จิราทันทีแถมหันมามองหน้าฉันตาเขียวปั๊ด

“เปล่าไม่มีอะไรแป๊ดมันแค่ให้เพื่อนซ้อนมอไซด์กลับบ้านแล้วก็ซ้อนกลับมามอแล้วก็ไปส่งอีกรอบ” จันทร์จิราอ้อมแอ้มตอบเพราะพึ่งรู้สึกตัวว่าพลาด

“เพื่อนที่ไหนทำไมต้องซ้อนกันไปมาแบบนี้จันทร์เล่ามาละเอียดเลย”

“คือว่าเราก็ไม่รู้ไงกิ่งแป๊ดมันแค่บอกว่าเพื่อนพาไปโน่นนี่ให้รู้ทางก็แค่นั้นมันไม่ได้เล่าอะไรเล๊ยจริงๆ นะ” จันทร์จิรารีบปฏิเสธก่อนที่จะเกิดเรื่องมากไปกว่าเดิม

แต่หารู้ไม่ว่ายิ่งไม่พูดภัทรทราภรณ์ยิ่งคาดคั้นเอาความด้วยสายตาเหมือนแม่เสือสาวกำลังจะตะครุบเหยื่อ และเหยื่อที่ว่าก็ไม่ใช่ใครอื่นไกลฉันที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอนั่นแหละที่จะโดนเป็นรายต่อไป

ครูทัศนาหันมามองหน้าฉันกับภัทรทราภรณ์ที่กำลังหึ่มๆ กันอยู่และเอ่ยขึ้นว่า

“เวลาคนเรารักกันนะพวกเธอรู้ไหม มันมีแค่ไม่กี่คำที่เราควรจะท่องไว้ นั่นคือไว้ใจ เชื่อใจและมั่นใจในคนรักของเรา ถ้าเธอไม่ทำใจแบบนี้ความรักมันก็อยู่ไม่รอดหรอกนะ” ครูทัศนาเริ่มเทศนาอีกแล้ว

“ครูพูดเหมือนกับครูมีคนรักแล้วแต่ทำไมหนูไม่เคยเห็นครูจะมีแฟนเลยคะ” จันทร์จิราเริ่มล้วงลูกถามซอกแซก

“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วครูจะเล่าเรื่องบางเรื่องให้เธอฟัง เพราะคิดว่าพวกเธอโตพอที่จะรู้อะไรได้แล้ว ครูขอเล่าเรื่องประสบการณ์ของตัวเองให้เธอฟังไว้เป็นตัวอย่าง เผื่อว่าพวกเธอจะได้ข้อคิดอะไรบางอย่างในการดำเนินชีวิตบ้าง” จากนั้นเรื่องที่ทัศนาไม่เคยจะบอกกล่าวกับใครเก็บเงียบไว้กับตัวเองเป็นเวลาแปดปีเต็มๆ ก็พร่างพรูออกมาจากปากของเธอ

ทัศนาครั้งยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยมีเพื่อนที่สนิทกันมากๆ อยู่สองคนคนหนึ่งคือจักรเป็นผู้ชายคนเดียวในกลุ่มของเธอและอีกคนก็คือปุณยนุชทั้งสามคนเป็นเพื่อนที่เรียนคณะเดียวกันมาโดยตลอด และตลอดเวลาทัษนาและจักรก็แสดงตัวกันมาโดยตลอดว่าเป็นแฟนกันคบหากันอย่างเปิดเผย

ทัศนาเป็นผู้หญิงที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงเรียนแก่งและรอบรู้ เข้ากับทุกคนได้ดี เรียกว่าทั้งสวยทั้งเก่งไม่เคยเป็นรองใคร จักรที่เป็นแฟนของทัศนาเขายอมรับว่าทัศนาเป็นผู้หญิงที่เขาหมายมั่นปั้นมือที่จะแต่งงานด้วยเมื่อยามที่เรียนจบ

แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องเรียนจบจริงๆ จักรกับสอบตกติดเอฟหนึ่งวิชาและวิชานั้นก็เป็นวิชาบังคับที่เปิดให้เรียนเฉพาะเทอมสองเท่านั้น จักรก็เลยต้องอยู่เรียนต่อที่เชียงใหม่ ส่วนทัศนานั้นกลับไปเรียนต่อที่กรุงเทพ โดยเธอทำงานไปด้วยและเรียนไปด้วย เมื่อเก็บเงินได้ส่วนหนึ่งทัศนาก็นำเงินเก็บทั้งหมดที่มีอยู่ไปซื้อคอนโดราคาไม่แพงมากไว้ที่เชียงใหม่

ทั้งจักรและทัศนาต่างช่วยกันตกแต่งคอนโดนั้นด้วยกัน ทั้งคู่มีความหวังว่าเมื่อจักรและทัศนาเรียนจบจะใช้คอนโดนั้นเป็นเรือนหอเมื่อจัรกเรียนจบในอีกหนึ่งปีถัดมา จักรก็หางานทำที่เชียงใหม่และมีปุณยนุชที่คอยให้คำปรึกษาด้านการทำงานให้กับจักรเพราะทั้งสองคนทำงานบริษัทเดียวกัน

ทัศนาไม่เคยระแคะระคายเรื่องของเพื่อนรักและแฟนของตัวเองว่าจะมีความสัมพันกันเกินกว่าคำว่าเพื่อน เธอตั้งหน้าตั้งตาเรียนจนได้รับปริญญาโทมาอย่างที่ได้ตั้งใจไว้ และกลับมาเชียงใหม่เพื่อทวงสัญญาจากคนรักที่เคยสัญญากันว่าจะแต่งงานกันเมื่อเธอเรียนจบ

แต่เรื่องราวกลับไม่เป็นอย่างที่เธอคิดไว้ จักรแฟนของเธอและปุณยนุชเพื่อนรักของเธอ ทำการประหัตประหารน้ำใจของเธออย่างที่ไม่น่าให้อภัย ทั้งคู่ยอมรับว่ามีอะไรกันเกินเลยคำว่าเพื่อนและปุณยนุชขอร้องให้ทัศนาปล่อยจักรไปซะเนื่องจากเธอได้ตั้งท้องอ่อนๆ กับจักรไปแล้ว

ทัศนาเหมือนกับโลกทั้งโลกถล่มลงมาตรงหน้าเธอไม่มีเรียวแรงจะทำอะไรต่อไป ผู้ชายที่เธอไว้ใจที่สุดรองมาจากพ่อของเธอก็คือจักร เธอไม่เคยหึงไม่เคยหวงไม่เคยจะคิดว่าผู้ชายคนนี้จะทำร้ายใจเธอที่ไว้ใจเขาที่สุดได้

จักรนั่งหน้าเศร้าต่อหน้าของทัศนาเมื่อยามที่เขามาบอกควาจรงกับเธอ ปุณยนุชเองก็เช่นกัน

“ทัศเราขอโทษนะเพื่อนเราไม่ได้ตั้งใจ” ปุณยนุชเอ่ยทำลายควาเงียบทั้งหมดขึ้นมา

“ไม่ได้ตั้งใจเหรอนุช นี่ขนาดไม่ได้ตั้งใจยังท้องได้ ถ้าตั้งใจเธอคงมีลูกเป็นโหลแล้วมั๊ง” ทัศนาระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างกลั่นไม่อยู่

“จักรเราไม่เคยคิดเลยนะว่าเธอจะเป็นผู้ชายที่ชั่วร้ายได้ถึงขนาดนี้ หกปีเลยนะจักร หกปีที่เรารู้จักกัน หกปีที่เราคบกันมามันไม่เคยมีค่าอะไรสำหรับจักรเลยใช่ไหม มันไม่เคยทำให้จักรรักเราเลยใช่ไหม แล้วทำไมนะทำไม จักรต้องมาหลอกลวงเรา ทำไมจักรต้องมาแกล้งทำเป็นรักเรา จักรทำแบบนี้กับเราทำไม” ทัศนาร้องไห้ออกมาเหมือนคนบ้า

ใช่เธอกำลังบ้า เธอกำลังเสียทั้งคนรักและเพื่อนสนิทไปต่อหน้าต่อตาในเวลาเดียวกัน

จักรคุกเข่าต่อหน้าทัศนาเขาไม่รู้จะพุดอะไรออกมาเพื่อให้ทัศนาเข้าใจในตัวของเขาบ้าง เมื่อตั้งสติได้จักรก็เอ่ยปากพร่างพรูคำพูดออกมาว่า

“ทัศเรารู้ว่าเราผิด ตลอดเวลาที่เราคบกัน เราจริงใจกับทัศมาโดยตลอด เรารักทัศจากใจจริงๆ ของเรา จากก้นบึ้งของหัวใจเรา เรารู้ว่าเรารักทัศ แต่ทัศเข้าใจเราบ้างไหม ทัศเก่งในสายตาของทุกคน ทัศฐานะทางบ้านดีเริด ทัศเรียนเก่ง ทัศมีอะไรหลายๆ อย่างที่เราสู้ไม่ได้ ทัศรู้ไหมเราเป็นผู้ชาย เมื่อผู้หญิงเก่งกว่าในทุกเรื่อง เราแทบกลายเป็นคนไม่มีค่าเมื่อยามที่เราไปไหนกับทัศ เรากลายเป็นไอ้งั่งที่ต้องคอยเดินตามแฟนต้อยๆ เรากลายเป็นคนซื้อบื้อในสายตาของใครหลายๆ คน ทัศรู้บ้างไหมว่าเราต้องเก็บกดเรื่องนี้ไว้นานแค่ไหน นานตั้งแต่เราเริ่มคบกัน นานตั้งแต่เราเริ่มรู้จักกัน มีอะไรบ้างที่ทัศทำไม่ได้ แล้วมีอะไรบ้างที่เราทำได้ ไม่มีเลยใช่ไหมทัศ” จักรพยายามอธิบายให้ทัศนาเข้าใจในตัวของเขา

ทัศนาไม่อยากฟังคำอธิบายใดๆ จากปากของผุ้ชายที่ได้ชื่อว่าคนทรยศหักหลังในความรักของเธอ

“ทัศฟังนะ เราเหงาเราว้าเหว่แค่ไหนตอนที่ทัศไปเรียนต่อโท ทัศเอาแต่เรียนๆ และเรียน มีแต่นุชที่คอยดูแลเรา คอยสอนเราทั้งเรื่องเรียนและเรื่องงาน เมื่อคนเหงาสองคนมทาอยู่ด้วยกันเราสองคนก็เลยรู้ว่าตลอดเวลาเราสองคนรักกัน แต่จักรเองที่ไม่รู้ตัวมาก่อนว่าจักรรักนุช จักรอยากได้ผู้หญิงที่เดินคู่กับจักรไม่ใช่ผู้หญิงที่เดินนำหน้าจักรจนจักรเดินตามไม่ทันทัศเข้าใจเราบ้างไหมทัศ”

“เราไม่อยากฟังอะไรอีกต่อไปแล้วออกไปนะออกไปจากบ้านของเราเดี๋ยวนี้ทั้งคู่บอกให้ออกไป๊” ทัศนาเขวี้ยงกล่องกระดาษทิสชู่ใส่ใบหน้าของจักรเต็มๆ และชี้ไปที่ประตูห้องของคอนโดให้ทั้งสองออกไปโดยเร็ว

ปุณยนุชเดินออกไปทั้งน้ำตาโดยที่มีจักรอดีตคนรักของทัศนาคอยแระคองเดินไปตลอดทาง

ทัศนาพิงผนังและทรุดตัวลงนั่งกอดเข่าร้องไห้อย่างที่เธอเองไม่เคยเป็นมาก่อน ตลอดเวลาที่ผ่านมาห้องแห่งนี้เคยเป็นสถานที่ที่เธอคิดว่าจะเป็นเรือนหอเมื่อยามที่แต่งงานกับจักร เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นทั้งสองคนเป็นคนเดินเลือกซื้อหามาด้วยกัน

ทั้งๆ ที่เมื่อสองเดือนก่อนจักรยังมาช่วยเธอตกแต่งห้องครัวเลือกซื้อกระเบื้องปูผนังห้องน้ำ เลือกซื้อก๊อกน้ำที่เปิดปิดง่ายๆ เลือกข้าวของเครื่องใช้เข้ามาไว้ในห้อง แต่ทำไมตอนนี้วันนี้กลับมาบอกว่าปุณยนุชท้องได้สามเดือน

เท่ากับว่าจักรโกหกเธอมาโดยตลอดทั้งสองคนหักหลังเธอ ทั้งสองคนสวมเขาอันโตให้กับเธอ

ทัศนากลับมาบ้านด้วยหัวใจที่แตกสลาย เธอหมดสภาพไม่เหลือเค้ารอยที่ทุกคนเคยเห็น เธอกลายเป็นผู้หญิงที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ทัศนาหมกตัวเองอยู่แต่ในห้อง ทางมหาวิทยาลัยติดต่อให้ไปรับปริญญาเธอก็ไม่ไป เธอตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง

พ่อกับแม่ของทัศนาพยายามที่จะทำให้เธอยิ้มแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก พ่อและแม่ซึ่งเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนเก่าของเธอก็มีความคิดว่าหากปล่อยทัศนาไว้คงจะเตลิดเปิดเปิงไปมากกว่านี้ หรืออาจซึมเศร้าจนไม่สามารถรักษาให้หายได้ ทั้งคู่จึงตัดสินใจพาทัศนาไปสมัครเป็นครูที่โรงเรียน เนื่องจากคุณสมบัติของทัศนาใครๆ เห็นก็อยากจะอ้าแขนรับเข้าทำงาน

ทัศนาเรีนเก่งถึงเก่งมากๆ ได้รับเกียรตินิยมเหรียญทองทั้งปริญญตรีและปริญญาโท หากจะหางานบริษัทดีๆ ที่ไหนสักแห่งก็สามรถทำได้ เพราะทัศนาในตอนนี้อายุเพียงยี่สิบสี่ปี ถือว่าเป็นวัยแห่งการเริ่มต้นชีวิตการทำงานที่ดี

ทัศนาเห็นเด็กๆ วิ่งเล่นกันอยู่ที่สนามหน้าโรงเรียนเมื่อครูใหญ่เห็นหน้าทัศนาเท่านันก็ตบปากรับคำรับเธอเข้าทำงานเป็นครูที่โรงเรียนทันทีเพราะทัศนาเป็นเด็กเรียบร้อยน่ารักและนิสัยดีมาโดยตลอด เมื่อทัศนามาสมัครงานครูใหญ่มีหรือที่จะปฏิเสธ และเธอก็ได้รับหน้าที่เป็นครูประจำชั้นของเด็กมัญยมศึกษาปีที่หนึ่ง

ครูใหญ่บอกว่าทัศนาจะต้องดูแลเด็กเหล่านี้ไปจนกว่าจะจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก เธอรับข้อเสนอของครูใหญ่ทันทีเช่นกัน เธอมีความรู้สึกว่าเธอรักและชอบที่จะอยู่กับเด็กๆ และเด็กๆ เป็นผ้าขาวที่เธอจะวาดให้เด็กๆ เหล่านี้ออกมาเป็นภาพที่แสนดีสวยงามและมีราคา

เธอให้ความดูแลเอาใจใส่เด็กๆ ทุกคน เมื่อใดที่เด็กไม่เข้าใจหรืออ่อนวิชาใด เธอจะเต็มใจที่จะถ่ายทอดความรู้ทั้งหมดที่เธอมีให้กับเด็กเหล่านี้แม้ไม่ได้ครึ่งหนึ่งที่เธอรู้ แต่เด็กเหล่านี้จะต้องรู้ ถึงเธอจะรู้บางเรื่องแบบเป็ด หรือแบบงูๆ ปลาๆ เธอก็เต็มใจจะค้นคว้าหาความรู้มาสอนเด็กๆ

โดยเฉพาะแปดเซียนเด็กกลุ่มนี้มีความน่ารักและมีแววที่จะไปได้ดี โดยเฉพาะการเกาะกลุ่มกันมาตั้งแต่เริ่มต้น เด็กฉลาดมันกจะมีคำถามมาถามให้เธอต้องปวดหัวเมื่อยามที่จะต้องหาคำตอบมาตอบ

เธอรู้สึกผูกพันกับเด็กกลุ่มนี้ตั้งแต่เมื่อแรกพบ กระโปรงสวยๆ ของเธอต้องโดนหมากฝรั่งเพราะเด็กกลุ่มนี้เอามาวางไว้ ที่เก้าอี้ของครูเมื่อยามที่เธอนั่งลงไปทับมันแบบเต็มๆ หลังจากนั้นเธอจะมองที่เก้าอี้ก่อนทุกครั้งที่จะนั่งเก้าอี้ในห้องเรียน

เด็กกลุ่มนี้แอบเอาดินประสิวกับดินปืนในห้องวิทยาศาสตร์มาทำระเบิดปาเล่นจนโรงเรียนแทบไหม้ โดนตีหน้าเสาธง และเด็กกลุ่มนี้อีกเช่นกันที่สร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียน โดนเฉพาะภัทรทราภรณ์ลูกของหมอชื่อดังของจังหวัด

ภัทรทราภรณ์เป็นเด็กฉลาดในสายตาเธอ เธอสนับสนุนให้ภัทรทราภรณ์ไปแข่งขันรายการไอคิวร้อยแปดสิบและภัทรทราภรณ์ก็ได้รางวัลมาแม้จะไม่ได้ที่หนึ่งแต่ก็ถือว่าสร้างชื่อเสียงให้โรงเรียนเป็นอย่างมาก ชนกพรเองก็เช่นกันไม่ว่าจะส่งไปประกวดร้องเพลงที่ไหนชนกพรจะคว้ารางวัลกลับมาให้เธอได้ชื่นใจทุกครั้งไป

ธิติมาที่มีแววทางด้านกีฬาได้รับการสนับสนุนจากโรงเรียนให้เป็นตัวแทนเข้าแข่งขันกีฬาในทุกระดับและธิติมาไม่เคยจะทำให้โรงเรียนต้องผิดหวัง พวงทองมีแววตั้งแต่เด็กแล้วว่าจะเป็นศิลปินที่ดีต่อไปในอนาคตเพราะรูปที่พวงทองวาดมีความสวยงาม เห็นแล้วอยากจะได้ไว้ในครอบครอง

เธอเคยเอารูปของพวงทองไปนั่งขายที่ตลาดกลางคืนของเชียงใหม่ฝรั่งกลุ่มหนึ่งมาซื้อไปและให้ราคาสูงมาก จนทำให้พวงทองมีรายได้เป็นของตัวเองตั้งแต่เด็กๆ เรียกว่าไม่ต้องของเงินพ่อกับแม่มาจ่ายค่าเทอมในบางเทอมด้วยซ้ำไป

จันทร์จิราเด็กคนนี้มีพรสวรรค์และพรแสวงทางด้านดนตรีทั้งเล่นทั้งร้องและสามรถแต่งเพลงแซวเธอได้ เธอจำได้ว่าในวันสุดท้ายของงานเลี้ยงส่งนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก จันทร์จิราแต่งเพลงแซวครูทุกคนที่สอนพวกเธอมา จันทร์จิราดึงเอาจุดเด่นๆ ของครูแต่ละคนมาแต่งเพลงแซวให้ทุกคนได้ขำกันกระจายไปทั้งห้องประชุม และเพลงนั้นเด็กๆ ในโรงเรียนก็ยังคงนำมาร้องกันอยู่จนทุกวันนี้

เด็กคนอื่นๆ ก็มีแววที่จะได้ดีเช่นกัน เพียงแต่ยังเด่นไม่มากพอที่สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองได้มากนัก โดยเฉพาะอรุณวิลัย เด็กคนนี้มีความเก่งเป็นของตัวเองแต่ยังไม่สามารถดึงเอาศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวเองออกมาใช้งานได้มากนัก หากได้รับการสนับสนุนมากว่านี้อรุณวิลัยถือได้ว่าเป็นเด็กที่จะโดดเด่นกว่าใครๆ

ทัศนาเล่าเรื่องราวทั้งหมดของเธอให้กับเด็กๆ ได้ฟังและถามทุกคนว่า

“ถ้าเธอเป็นครูเธอจะทำอย่างไรเดินออกมาหรือจะกลับไปฉุดเค้าให้กลับมา”

“ถ้าเป็นหนูๆ ก็จะทำแบบครูค่ะ” ภัทรทราภรณ์ตอบแบบไม่ต้องคิด

“ทำไมเธอถึงคิดแบบนั้นล่ะกิ่ง” ทัศนาถามศิษย์รัก

“ก็เพราะเด็กที่กำลังจะเกิดขึ้นมาเค้าไม่ได้รับรู้อะไรเลยกับเรื่องที่พ่อแม่ได้สร้างขึ้น เค้าบริสุทธิ์เกินกว่าที่จะต้องมารับรู้เรื่องแบบนี้”

ทัศนาพยักหน้ารับรู้และเข้าใจในความคิดของภัทรทราภรณ์

“แล้วครูยังติดต่อกับสองคนนั้นอยู่หรือเปล่าคะ” พวงทองถามทัศนาเพราะเธอคิดว่าทัศนาน่าจะทำใจได้แล้ว

“กับจักรครูยังติดต่ออยู่จนทุกวันนี้แต่กับนุชครูไม่ได้ติดต่อ”

“อ้าวทำไมล่ะคะครู” ชนกพรถามเสียงหลง

“ก็เพราะหลังจากที่นุชคลอดลูกได้ไม่นานเธอต้องไปทำงานที่ต่างประเทศและเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากๆ เครื่องบินที่นุชโดยสารไปนั้นตกกลางทางจักรเสียใจมากกับเหตุการณ์ในครั้งนั้นและยังคงครองตัวเป็นโสดมาโดยตลอดกลายเป็นพ่อหม้ายลูกติดซามูไรพ่อลูกอ่อน”

“แล้วครูไม่อยากกลับไปรักษาแผลใจให้กับคุณจักรเค้าเหรอคะครู” จินตนาอยากรู้กับเขาบ้าง

“ไม่หรอกจินครูไม่อยากกลับไปวนที่เดิมทางของเราสองคนมันเดินกันคนละทางแล้ว ตอนนี้คูรมีเส้นทางของครูนั่นคือการตั้งใจสอนหนังสือเด็กๆ ให้ได้ดีที่สุดเท่าที่ครูจะทำได้ อีกอย่างคนที่เคยทรยศเราไปแล้วมันก็เหมือนแก้วที่แตกไปแล้วต่อให้ใช้กาวดีแค่ไหนหรือเอามาหลอมใหม่มันก็ไม่เหมือนเดิมเธอพอจะเข้าใจที่ครูพูดไหม”

ทุกคนพยักหน้ารับรู้และเข้าใจในสิ่งที่ครูทัศนาพูด

“ดังนั้นเธอจงรู้ไว้ว่าความรักของคนเราต้องมีความเข้าใจของคนสองคนเป็นหลักอย่าพยายามระแวงกันและกัน อย่าใช้ตัวเองตัดสิน และที่สำคัญอย่าก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่ายมากจนเกินไป หากเธอเข้าไปยุ่งเรื่องของเค้าทุกเรื่องจนเค้าอึดอัดสักวันเค้าก็อาจจะจากเราไปเพราะเค้าทนไม่ได้ ในทางกลับกันหากเค้าเข้ามายุ่งเรื่องของเราในทุกเรื่องสักวันเราก็จะอึดอัดและจากเขาไปเช่นกัน ทุกคนดูชีวิตของครูเป็นตัวอย่าง และอย่าทำตามพอจเข้าใจที่ครูพูดบ้างหรือเปล่า” ครูทัศนาถามพวกเราอีกครั้งและพวกเราก็พยักหน้ารับรู้

ภัทรทราภรณ์มองหน้าฉันและเราสองคนก็เข้าใจในกันและกัน แม้ยามนี้จะมีเรื่องขุ่นข้องหมองใจอยู่บ้างแต่เวลาและการปรับตัวเข้าหากันจะช่วยทำให้ทุกสิ่งเป็นไปอย่างที่เราต้องการ

พวกเราออกจากร้านแป๊ะและกลับไปส่งครูทัศนาที่บ้านครูจากนั้นถึงได้แยกย้ายกันกลับบ้าน ฉันตามภัทรทราภรณ์กลับไปที่บ้านเธอเพื่อปรับความเข้าใจและบอกเรื่องที่เธอค้างคาใจทั้งหมด และเมื่อมาถึงตอนนี้คงไม่ต้องอธิบายใช่ไหมคะว่าฉันปรับความเข้าใจกับภัทรทราภรณ์ด้วยวิธีใด

..... จบบทที่ ๑๙ ....



Create Date : 15 มิถุนายน 2551
Last Update : 23 มิถุนายน 2551 18:05:14 น. 7 comments
Counter : 333 Pageviews.

 
กลับมาแล้วค่ะ กลับมาพร้อมกับฝนที่ตกหนักใช่เล่น แล้วกรุงเทพฝนตกทุกวันหรือเปล่าค่ะ

ไปอ่านก่อนนะคะ เดี๋ยวว่ากันใหม่


โดย: ต้นรัง IP: 118.172.165.128 วันที่: 16 มิถุนายน 2551 เวลา:11:59:44 น.  

 
เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

สวัสดีค่ะคุณต้นรัง สบายดีหรือเปล่า

กทม. ฝนตกเป็นหย่อมๆ ค่ะ เดี๋ยวตกเดี๋ยวหยุด

ทานอะไรหรือยังคะ

นำบุญมาฝากฉันหรือเปล่าน้อ


โดย: รันหณ์ วันที่: 17 มิถุนายน 2551 เวลา:14:43:48 น.  

 
คุณผิงดาว แล้วก็คุณแฟนคุณผิงดาวด้วย นำบุญมาฝากอยู่แล้วละคะ สบายดีที่นี้ยังฝนตกอยู่เลย แบบว่าไม่ค่อยได้เห็นฟ้าใสเท่าไร โรคไฟลามทุ่งกำลังฮิตระบาดไปทั่ว ต้นรังกลัวไม่ฮอตเลยเป็นกับเขาด้วย เป็นไข้อยู่อาทิตย์

แล้วคุณทั้งสองสะบายดีกันใช่ไหม รักษาสุขภาพด้วย ฝนตกน้อย แต่ตกบ่อยก็เป็นหวัดได้ค่ะ

แล้วคนอื่นเขาไปไหนกันหมดเนี่ย หายเลยน้า


โดย: ต้นรัง IP: 118.172.165.12 วันที่: 18 มิถุนายน 2551 เวลา:11:44:07 น.  

 
เพลงเพราะจัง


โดย: ดินสอ IP: 119.42.69.40 วันที่: 18 มิถุนายน 2551 เวลา:20:07:53 น.  

 
รักษาสุขภาพด้วยคะคุณต้นรัง

แล้วหายดีหรือยังค่ะโรคที่ว่า

ฉันและคุณแฟนสบายดีค่ะ ไม่ต้องห่วง นอนหลับมากๆ ทานยาให้ตรงเวลาเน้อ คุณ

เพลงเพราะค่ะคุณ เพลงนี้ฉันชอบมากๆ เมื่อสมัยยังเป็นวัยรุ่น


ชอบจริงๆ จังๆ จนแกะเนื้อแกคอร์ต เอามาร้องเล่น เป็นเพลงหนึ่งในหลายๆ เพลงที่ยังเล่นเสมอๆ เมื่อยามหยิบน้องโปร่งมาเล่น อิอิ


โดย: รันหณ์ วันที่: 18 มิถุนายน 2551 เวลา:23:32:39 น.  

 
หายแล้วค่ะ เหลือแต่รอยแผลที่ต้องรักษาต่ออีกหน่อย

ใช่เพลงเพราะ แต่เพิ่งเคยฟังตอนเข้า blog ของคุณนี้แหละ เศร้า ๆ เนาะ

สวัสดีค่ะคุณดินสอ

ทักทายกับหลายคนที่ใกล้เลิกงาน แต่ต้นรังไม่เลิกหรอกงานน่ะ เพราะไม่ได้ทำ 555

ฝนตกทุกวัน รักษาสุขภาพค่ะ ดื่มน้ำเยอะนะคะ คุณผิงดาวกับคุณแฟน แล้วก็คุณแฟน ๆ นิยายด้วย


โดย: ต้นรัง IP: 118.172.165.247 วันที่: 19 มิถุนายน 2551 เวลา:16:50:34 น.  

 
คุณต้นรังคะ

ไฟลามทุ่งนี่เหมือนงูสวัสดิ์ปะคะ ฉันไม่เคยเป็นไฟลามทุ่งอะค่ะ เคยเป็นแต่งูสวัสดิ์ ที่หัวไหล่ เป็นไข้อยู่หลายวัน สมัยเข้าป่าโน้น


โดย: รันหณ์ วันที่: 20 มิถุนายน 2551 เวลา:9:07:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รันหณ์
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ฉันคือฉัน
ฉันรักเสียงเพลง
ฉันรักสายลม
ฉันรักท้องฟ้า
ฉันรักอิสระ
ฉันคนไร้ราก
ผิงดาวยามไร้เดือน

คืนนี้ถ้าเธอหนาว ร่วมผิงดาวบนท้องฟ้า
จากรักจากศรัทธา....ของเรา

เป็นอะไรก็ได้มิใช่หรือ
แค่เป็นคนดีก็คงเีพียงพอ
[Add รันหณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.