|
เรื่อแนวยูริ : ครั้ง วัน วาน บทที่ ๒๔
ครั้ง วัน วาน บทที่ ๒๔
หลังจากออกจากบ้านเด็กไปรยาจะขอตัวกลับก่อนแต่พวงทองค้านเอาไว้ เพราะพวกเราบอกว่าอยากจะไปกินผัดไทยที่ประตูผี แต่ด้วยเวลานี้พึ่งจะห้าโมงกว่าๆ แสงแดดยังไม่หมดไปจากท้องฟ้า หากไปในตอนนี้ร้านผัดไทยก็อาจจะยังไม่เปิด เราก็เลยตกลงกันว่าทั้งสิบคนจะกลับไปที่บ้านก่อนจากนั้นค่อยเคลื่อนพลไปประตูผีกันตอนสองทุ่ม
ไปรยาตื่นเต้นเมื่อมาถึงที่บ้านเช่าของเรา เธอเดินไปมองรูปที่พวงทองวาดทิ้งไว้ รวมทั้งบางรูปที่พวงทองลงทุนใส่กรอปแขวนผนัง รูปเหล่านั้นก็จะเป็นรูปของพวกเราทั้งนั้น
สวยจังเลยเติ้ลวาดได้สวยจัง ไปรยาที่ยืนดูรูปอยู่บอกกับพวงทองที่กำลังเก็บรองเท้าเข้าชั้นวาง
เหรอไว้เราวาดสวยๆ ให้ก็แล้วกันหมวย
นี่ชื่อฉันออกจะเริดมาเรียกหมวยได้ไงยะ ไปรยาชักจะรู้สึกตัวว่างอนพวงทองตะหงิดๆ
หรือว่าหน้าไม่หมวยเลยเหรอไงดูสิตาก็ออกจะนะ แถมผิวงี้ขาวอย่างกับหยวกกล้วย ดีหน่อยที่หุ่นมีรูปมีร่างกับเค้าบ้าง อย่างน้อยหันหลังก็ทำให้จินตนาการถึงคนสวยๆ ได้นิดหน่อย พวงทองเธอรู้สึกว่าอยากจะต่อปากต่อคำกับไปรยามากขึ้นทุกที เธอเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมถึงอยากเห็นไปรยาหน้าตาบูดบึ้ง
ใบหน้าของไปรยาเมื่อเวลางอนหรือโกรธมันเหมือนกับตุ๊กตาคิตตี้ ถึงแม้ว่าดวงตาคู่นั้นจะไม่กลมโตแต่ลูกนัยย์ตาของไปรยากลมดำสวย หน้าตาของคิตตี้ไม่มีปาก มันจึงแสดงอาการยิ้มดีใจหรือหัวเราะจากรูปปากไม่ได้ แต่คิตตี้แสดงออกมาทางสายตา
ไปรยาแสดงอารมรณ์ทุกอย่างสื่อออกมาทางสายตา รัก ชอบ โกรธ โมโห เธอสังเกตได้อยู่หลายครั้ง ใบหน้ารูปไข่ของไปรยา เรียวสวยได้สัดส่วน คางกลมกลึงรับกับรูปหน้า คิ้วเป็นเส้นโค้ง ถึงแม้จะไม่ดกดำแบบเดียวกับรตี แต่ก็ไม่ต้องแต่งแต้มเพิ่มเติม จมูกโด่งเป็นสัน ปากเป็นรูปกระจับเรียวสีชมพู ไม่ต้องเติมลิปสติกก็ยังคงงดงาม
มีเพียงดวงตาของไปรยาเท่านั้น เมื่อเข้ากับใบหน้าแล้วดูแปลกๆ เพราะเป็นดวงตาของคนเอเชียตะวันออกโดยแท้ ยามที่ไปรยาเอื้อนเอ่ยวาจาใดๆ ดวงตานั้นก็จะแสดงอาการตามไปด้วยเช่นตอนนี้
เกินไปแล้วเติ้ลถึงฉันจะหมวยก็หมวยอินเตอร์นะยะขอบอก แล้วอย่างกับตัวเองดูดีนักนี่ผมก็หยิก ดำก็ดำเช๊อะ
อินเตอร์ตรงไหนจ๊ะหมวย อ่ออิเตอร์วอเตอร์เกทเหรอ อะไม่สิมูนฮาเบอร์ต่างหาก กิ้วๆๆ
ไปรยาโดนพวงทองล้อมากๆ เข้าเธอก็เริ่มรู้สึกอยากจะร้องไห้ เรื่องอะไรมาล้อกันจนเธอเถียงไม่ได้ แล้วไหนจะเพื่อนๆ ของพวงทองอยู่กันเต็มบ้าน แปลกหน้าแปลกตาทั้งนั้น จะหวังพึ่งพิงใครก็ไม่ได้ อรุณวิลัยก็ยังไม่ลงมาจากข้างบน แล้วใครล่ะจะช่วยเธอ หนทางช่างมืดมิด
ศิลปินเค้าเล่นกันแบบนี้เหรอ ไม่ถนอมน้ำใจกันบ้างเลยหรือ เสียแรงที่เธอหลงชื่นชอบคนตรงหน้ามาเป็นเดือนๆ รู้อย่างนี้ไม่ชอบให้เมื่อยหัวใจหรอกคนใจร้าย
ไอ้ปุ๊กแกก็ไปล้อกอล์ฟอยู่ได้เดี๋ยวเกิดร้องไห้ขึ้นมารับผิดชอบด้วยนะเว่ยฉันไม่เกี่ยวนะ ฉันเดินลงมาและได้ยินที่พวงทองล้อไปรยาก็รีบปรามทันที เพราะรู้ดีว่าจุดอ่อนของไปรยาก็คือดวงตาของเธอ และไปรยายังเป็นคนที่บ่อน้ำตาตื้นเอามากๆ อะไรนิดอะไรหน่อยก็จะร้องไห้ท่าเดียว
ยังไม่ทันขาดคำของฉันไปรยาก็ตาแดงจนฉันและพวงทองเห็นได้อย่างชัดเจน
เฮ้ยไรว้าแค่นี้ก็ต้องร้องไห้ด้วยหัวก็ไม่ล้านสักหน่อยแค่ตาตี่เท่านั้นเอง พวงทองพยายามแก้ไขสถานการณ์แต่มันก็ดูเลวร้ายลงไปกว่าเดิม
ไปรยาร้องไห้เสียงดังๆ จนเมื่อภัทรทราภรณ์เดินลงตามฉันมามองหน้าฉันและพวงทองเหมือนว่าจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันทำท่าทางปฏิเสธแถมยังบุ้ยปากไปทางพวงทองเป็นการบอกเธอว่าโน้นต้นเหตุยืนหัวโด่อยู่โน่น
ภัทรทราภรณ์เข้าไปโอบกอดไปรยาเพื่อปลอบใจเธอไม่ให้ร้องไห้
ไปทำอะไรกอล์ฟเค้าปุ๊ก ดูสิร้องไห้ใหญ่แล้ว ภัทรทราภรณ์ต่อว่าพวงทองทันทีเช่นกัน
เค้าเปล่าน้าแม่ไอ้แป๊ด แค่พูดล้อเล่นนิดๆ หน่อยๆ เองทำไมถึงร้องไห้ง่ายแบบนี้ก็ไม่รู้ ทำอย่างกับนางเอกหนังไทยโดนตัวอิจฉารังแกงั้นเลย พวงทองบ่นอุบ เพราะเธอไม่คิดว่าไปรยาจะเป็นคนขี้น้อยใจเอามากๆ
แล้วใครเค้าจะมาทนปากร้ายๆ ของแกได้เท่าพวกฉันเล่าไอ้ปุ๊ก อย่าลืมเซ่ว่ากอล์ฟเค้าไม่ใช่พวกเราที่รู้จักกันมานาน แกก็นะไอ้ปุ๊กจะพูดอะไรหัดคิดก่อนพูดเข้าใจไหม ฉันผสมโรงต่อว่าพวงทองไปเช่นเดียวกัน
และจากเสียงที่ดังจนลั่นบ้านของฉันก็เรียกให้เพื่อนๆ ออกมายืนดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนไทยมุง คอยดูไปรยา กับพวงทองแสดงหนังเศร้ากันอยู่กลางบ้าน
ชนกพรกับจันทร์จิรามองหน้ากันไปมา เพราะทั้งสองคนรู้ดีว่าพวงทองไม่เคยแกล้งใคร หากเป็นจันทร์จิราก็ว่าไปอย่าง เพราะจันทร์จิราจะเป็นตัวป่วนประจำกลุ่ม เมื่อครั้งยังเป็นเด็กๆ เธอเสียอีกที่พวงทองคอยปลอบเมื่อยามที่โดนจันทร์จิราแกล้ง
แล้วทำไมตอนนี้พวงทองกลับกลายมาเป็นคนมีนิสัยระรานชาวบ้านไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน หรือว่าพวงทองกำลังเริ่มมีใจให้กับไปรยา แบบที่ภัทรทราภรณ์กับอรุณวิลัยมาเล่าให้เธอกับจันทร์จิราฟัง
หากเป็นเช่นนั้นเธอจะดีใจไม่น้อยที่พวงทองเปิดใจรับใครสักคนเข้ามาแทนที่เธอ ทั้งเธอและจันทร์จิราจะได้มีความรู้สึกผิดบาปน้อยลง
ฮ่าๆๆไอ้ปุ๊กแกนะแก เล่นกับเพื่อนใหม่จนร้องไห้เลยเหรอว่า เออเองเก่ง จันทร์จิราหัวเราะกับภาพที่เธอเห็นตรงหน้า แต่ก็ต้องโดนสายตาดุๆ ของภัทรทราภรณ์ส่งมาห้ามปราม เพราะไปรยายังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดร้องง่ายๆ
แต่ช้าแต่เค้าแห่หมวยมาพอถึงศาลาเค้าก็วางหมวงลง พวงทองแลปลิ้นปลิ้นตาหยอกเย้าไปรยา แต่ดูเหมือนว่ายิ่งพวงทองพยายามสร้างบรรยากาศดีๆ ขึ้นเท่าไหร่ไปรยาก็ไม่ยอมที่จะหยุดร้องแถมยังสะอื้นมากขึ้นเรื่อยๆ
ทำไงดีว่าไม่ยอมหยุดร้องไห้สักที โธ่เว่ย อะไรวะนี่ยายหมวยมานี่เลย พวงทองเข้าไปฉุดแขนของไปรยาที่อยู่ในอ้อมกอดของภัทรทราภรณ์ให้เข้ามาหาตัวเธอ และใช้แขนของตัวเองโอบกอดไปรยาไว้
ร่างกายของไปรยาสั่นไปเพราะแรงสะอื้นไห้ น้ำตานองหน้า แถมดวงตาคู่เล็กๆ นั้นก็ยังแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด พวงทองรู้สึกสงสารคนในอ้อมกอดขึ้นมาจับใจ
นี่เธอทำให้คนๆ นี้ร้องไห้ได้มากมายขนาดนี้เลยเหรอ แล้วจะทำอย่างไรให้หยุดร้องไห้ พวงทองนึกถึงเมื่อตอนที่เธอยังเป็นเด็กเล็กๆ เธอร้องไห้กระจองอแงและสิ่งที่แม่ใช้ปลอบเธอก็คือจับเธอเข้ามากอดและจูบเบาๆ ที่หน้าผาก มันเป็นการแสดงความรักของแม่ที่มีต่อเธอ และตอนนี้เธอคิดว่าเธอก็จะปลอบไปรยาด้วยวิธีการเดียวกัน
ท่าทางที่พวงทองกำลังทำกับไปรยาทำเอาพวกเรามองกันตาค้างและดูเหมือนว่าไปรยาก็จะสะดุดอารมณ์ตัวเองที่กำลังงงกับการแสดงออกของพวงทองเช่นกัน
ด้านพวงทองที่ได้จูบปลอบใจให้กับคนในอ้อมกอดก็ดูเหมือนว่าจะสะกดตัวเองให้หยุดรุกรานต่อไปอีกไม่ได้ กลิ่นไปรยาช่างหอมเหลือกเกิน พวงทองอยากจะกลืนกินกลิ่นของของไปรยาไปไว้ในตัวของเธอ
เธอเริ่มรู้สึกหวงคนในอ้อมแขน จากนั้นก็เคลื่อนริมฝีปากของเธอไปประกบริมฝีปากของไปรยาแถมยังฉกเอาความหวานจากดอกเหมยนั้นมาลิ้มลอง
อืม เสียงพวงทองครางออกมาอย่างไม่เป็นศัพท์ และดูเหมือนไปรยาก็ตัวอ่อนรโหยโรยแรงไปกับนางพญาผึ้งที่ดอมดมเอาความหอมหวานไปจากดอกเหมยดอกนี้เช่นกัน
พวกเราที่ยืนตัวเกร็งก็ยิ่งมองตาค้างกันเป็นแถว จินตนายกมือขึ้นปิดตารตี ธิติมาและกันตายืนยิ้มกับภาพที่เห็นตรงหน้า ฉันกับภัทรทราภรณ์ตกใจที่เห็นว่าพวงทองจู่โจมไปรยาจนตั้งตัวไม่ติด จันทร์จิราและชนกพรกุมมือกันและกัน เหมือนจะส่งผ่านสิ่งที่ทั้งสองคนได้เห็นและรับรู้ว่าบัดนี้พวงทองได้หลุดจากวังวนแห่งความทุกข์ไปแล้ว
เมื่อไปรยาได้สติขึ้นมาเธอผละพวงทองและยกมือขึ้นตบไปที่ใบหน้าของพวงทองจังๆ เต็มแรง
เพี๊ยะ
เสียงฝ่ามือของไปรยาที่กระทบไปบนใบหน้าของพวงทองดังลั่น พวงทองผินหน้าไปตามแรงฝ่ามือที่ฟาดลงมาและตอนนี้ ใบหน้าของพวงทองมีรอยฝ่ามือของไปรยาปรากฏขึ้นแดงเป็นปื้น และคราวนี้เธอจะไม่ยอมปล่อยให้คนที่ทำให้เธอต้องเจ็บจนหน้าชาหลุดลอดไปจากอ้อมกอดของเธอแน่ๆ
เอาสิตบมาอีกตบมาสิจะได้หายน้อยใจ แต่สิ่งที่จะได้รับกลับไปมันจะเป็นแบบนี้
พวงทองกระชากไปรยาอย่างแรงให้ร่างนั้นกลับมาที่อ้อมแขนของเธออีกครั้ง และครั้งนี้ต่อให้ไปรยาจะดิ้นรนอย่างไร พวงทองก็ไม่มีวันปล่อยไปง่ายๆ เธอโน้มไบหน้าของตัวเองลงไปประกบจูบไปรยาอีกครั้งถึงแม้ว่าในครั้งนี้ดอกเหมยจะพยายามดิ้นรนอย่างไรนางพญาผึ้งก็ไม่มีวันปล่อยให้ดอกเหมยหลุดรอดไปได้อีก
จากการดิ้นรนต่อสู้ขัดขืนในตอนแรก กลับกลายมาเป็นโอนอ่อนผ่อนตาม และดูเหมือนว่าทั้งคู่จะมีอารมณ์เตลิดไปไหนต่อไหนจนกู่ไม่กลับ พวกเราพยักหน้าให้กันและทั้งหมดก็เดินเข้าไปในห้องของจันทร์จิราที่อยู่ใกล้ที่สุด ทำตัวเป็นอากาศธาตุ ไร้ตัวตน ไร้สีและไร้กลิ่น
ปล่อยให้นางพญาผึ้งดอมดมดอกเหมยอยู่กลางบ้านแต่เพียงลำพัง
.....................
เมื่อใกล้เวลาที่จะไปบุกร้านผัดไทยที่ประตูผี เราก็ออกมายืนออกันอยู่ที่หน้าบ้านเพราะตกลงกันไม่ได้ว่าจะเอารถไปกี่คัน
เอาไปคันเดียวแหละมันหาที่จอดยาก จันทร์จิราเสนอ
แล้วจะอัดกันไปหมดเหรอไอ้เจ้าตั้งสิบคน รตีแย้ง
ก็อัดๆ กันไปหน่อยเรารถเราไปดีกว่ามันกว้างกว่า กันตาเสนอ
ก็ได้งั้นเราไปคันเดียวเอางี้เราไอ้เจ้าไอ้จินไอ้นกนั่งท้าย ส่วนที่เหลือไปนั่งหน้า สองสี่สี่ โอเคไหมรถมันสามตอนอยู่แล้วนี่ไปเปิดท้ายได้ ฉันออกความเห็นเพราะดูเหมือนว่าจะลงตัวที่สุดแล้ว
ฉันว่าต่อไปนี้คงต้องซื้อรถตู้แล้ววะแก ขนคนไปคงไม่หมดเยอะเกิน รตีบ่นไปตามนิสัยของเธอ
ก็ครอบครัวเรามันหย่ายโตก็งี้แหละตี จะขนกันไปไหนแต่ละทีมันก็เยอะจนเค้าคิดว่าจะไปบุกถล่มที่ไหน ภัทรทราภรณ์บอกกับจินตนา เพราะเมื่อก่อนเวลาพวกเราไปไหนกันแปดคนก็เหมือนกับฝูงอะไรสักอย่างถล่มเมือง และตอนนี้ก็ยังมีเพิ่มมาอีก สองเป็นสิบคนมันคงจะยิ่งกว่าฝูงกลายเป็นกองทัพถล่มเมืองไปแล้วแน่ๆ
กองทัพที่หิวโหยมาปรากฏตัวอยู่ที่หน้าร้างผัดไทยชื่อดังและสั่งอาหารมาจนเต็มโต๊ะ พอจัดการกันอิ่มเต็มคราบก็วางแผนไปเสาชิงช้า เพื่อที่จะไปร้านนมมีชื่ออีกแห่ง ไปรยาบอกทางพวกเราไปยังร้านนมที่อยู่ไม่ไกลมากนัก เรายังคิดกันเลยว่าถ้าไม่มีไปรยาคอยบอกทางใครจะพาเราลัดเลาะเข้าตรอกซอกซอยที่มืดมิดและน่ากลัวนั่นออกมาได้บ้าง
รถของกันตาโผล่ออกมาตรงศาลาว่าการกรุงเทพฯ พวกเราไม่คิดว่าตรอกซอกซอยมันจะทะลุกันได้มากมายขนาดนี้
กองทัพบุกร้านนมเรียบร้อยจนไม่มีพื้นที่ของกระเพาะให้ใส่อะไรลงไปอีกแล้ว กันตาพาพวกเราเดินย่อยไปดูเสาชิงช้า ย่อยไปเรื่อยๆ และดูเหมือนว่าพวงทองจะไม่ยอมปล่อยมือของไปรยาอกจากมือของเธอ ตลอดเวลาเราเห็นสองคนเดินจูงมือกัน
ฉันเห็นแล้วก็นึกถึงตัวของฉันเองเมื่อยามที่รักกับภัทรทราภรณ์ใหม่ๆ ความรักมันช่างหอมหวาน อยากที่จะอยู่ใกล้ชิดคนที่เรารักอยู่เสมอๆ ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็จะมีกันและกันเป็นเงาตามตัว จนมีคนเคยเอามาร้องเป็นเพลงว่า แรกรักกันใหม่ๆ อะไรๆ ก็หวาน ฉันว่ามันเป็นเรื่องจริง
เมื่อยามแรกรักเราย่อมมองข้ามสิ่งที่ไม่ดีของอีกคนไป มองเห็นแต่สิ่งที่ดีของคนที่เรารักเสมอ แต่เมื่อวันแห่งความหวานผ่านพ้นไป สิ่งที่จะทำให้คนสองคนเช่นฉันกับภัทรทราภรณ์อยู่กันต่อไปได้ ก็คือความเข้าใจในกันและกัน
ฉันเองก็ยอมรับว่าตัวเองไม่ได้มีข้อดีทั้งหมด มีข้อเสียกับใครๆ เขาด้วยเหมือนกัน และภัทรทราภรณ์ก็เช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องหึงหวงในตัวฉัน ภัทรทราภรร์เริ่มจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ ในบางครั้งฉันเองก็รู้สึกอึดอัดกับการหึงไม่ดูหน้าดูหลังของภัทรทราภรณ์อยู่เหมือนกัน
แม้กระทั่งฉันมองคนที่เดินผ่านไปผ่านมาบางครั้งก็ยังโดนดึงหูจนเกือบจะยานถึงเข่า ด้วยข้อหาที่ว่าไปมองชาวบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ทุกอย่างก็จบลงด้วยดีเมื่อฉันคิดว่าสิ่งที่เธอแสดงออกมันคือความรักที่เธอมีให้กับฉันและเราสองคนก็พยายามที่จะปรับตัวเข้าหากัน
หรืออาจจะเป็นเพราะ ฉันกับภัทรทราภรณ์รู้จักกันมานานมากและเธอเองก็รู้ว่าฉันไม่ได้มีนิสัยวอกแวกไปที่ไหนเรื่องมันก็เลยจบลงอย่างง่ายๆ ไม่มีอะไรต้องพูดมากเกินไป
ฉันได้แต่หวังว่ารักใหม่ที่หอมหวานของพวงทองและไปรยาจะไม่สะดุดลงเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง หากว่าทั้งคู่จะเดินไปด้วยกันได้ก็คงจะดี มันคงเป็นการเดินทางที่คนสองคนมีความชื่นชอบเหมือนกันโคจรมาพบกัน และก็เกิดเป็นความลงตัวที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นได้
คงเพราะฉันเห็นและรับรู้เรื่องราวของทั้งพวงทองและไปรยามาโดยตลอด เมื่อฉันได้เห็นความสัมพันที่พัฒนาขึ้นมาฉันจึงรู้สึกดีตามไปด้วย
กิ่งว่าไหมสองคนนั้นเหมาะสมกันดีเน๊อะ
อืมนั่นสิ เค้าเรียกว่าความเหมือนที่แตกต่าง
ทำไมถึงเหมือนแล้วแตกต่าง เกิดคำถามในใจของฉันขึ้นมาทันที
ก็เพราะสองคนนั้นเค้ามีความเหมือนกันบนความแตกต่างไงแป๊ด
ไม่เข้าใจอยู่ดี
เรื่องอื่นทำรู้หมดพอเรื่องแบบนี้ทำงงนะแป๊ด
ก็มันงงจริงๆ นี่นากิ่ง
สองคนนั้นมีความเหมือนกันตรงที่ความชอบ และรักในศิลปะอ่อนโยนอ่อนไหวง่ายกับสิ่งเร้ารอบข้าง สองคนมีจิตใจที่อ่อนไหวมาก กับสิ่งแวดล้อม ทั้งคน สิ่งของหรืออะไรก็ตามที่พวกเค้าได้เข้าไปอยู่ในวงจรของมัน ปุ๊กเองก็อ่อนไหวมากๆ กอล์ฟก็เหมือนกัน หรือแป๊ดว่าไม่ใช่
มันก็จริง แล้วอะไรที่แตกต่างล่ะ
เรื่องที่สองคนที่แตกต่างกันที่เห็นได้ง่ายๆ ก็เรื่องผิวสี ปุ๊กออกจะมาเป็นไทยแท้ๆ ส่วนกอล์ฟไปทางจีนเลย และที่สำคัญครอบครัวของทั้งสองคนมันแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด พ่อแม่ปุ๊กเลี้ยงปุ๊กมาบนพื้นฐานของความรักและความเข้าใจในตัวลูก แต่ของกอล์ฟมันไม่ใช่แบบนั้น กอล์ฟเป็นครอบครัวคนจีนแท้ๆ ไม่ใช่เหรอแป๊ดเล่าให้เราฟังเองนี่
ใช่ๆๆ จีนมากๆ ด้วยเรียกว่ายังมีวัฒนธรรมแบบจนแท้ๆ ที่บ้านกอล์ฟ ฉันพยักหน้าเห็นด้วยกับภัทรทราภรณ์เต็มที่
นั่นแหละมันคือความแตกต่างและมันอาจจะกลายเป็นปัญหาขึ้นมาในภายหลัง แบบแฟนเก่าของกอล์ฟ ที่ต้องตัดใจจากกอล์ฟไม่ใช่เพราะเรื่องครอบครัวเป็นปัญหาเหรอแป๊ด
มันก็จริง แต่เรื่องแบบนี้อยู่ที่คนสองคนว่าเค้าจะเลือกอะไร ระหว่างความรักกับความถูกต้อง ดูอย่างไอ้นกกับไอ้เจ้าสิกิ่ง มันสองคนรู้ทั้งรู้ว่าเมื่อถึงเวลามันก็ต้องแยกจากกัน แต่มันก็ยังเลือกที่จะให้เวลาที่มีอยู่น้อยของพวกมันให้คุ้มค่าที่สุด โชคดีนะที่เราสองคนไม่ได้เป็นแบบนั้น
อาจจะโชคร้ายในวันหน้าก็ได้ใครจะรู้จริงไหมแป๊ด ตราบใดที่เราสองคนยังไม่มีงานทำไม่มีเงินเดือนเป็นของตัวเอง เราสองคนก็ต้องทำหน้าที่ของเราในฐานะลูกไปเรื่อยๆ เราบอกแม่ว่าเราจะยอมทำตามที่แม่บอกทุกอย่างเมื่อเราเรียนจบ
เรียนจบแล้วกิ่งจะแต่งงานเหรอ ฉันมีสีหน้ากังวลใจจากเรื่องที่ภัทรทราภรณ์พูดให้ฟังอยู่มาก
ใช่เราบอกแม่ไปแบบนั้น
กิ่งเราต้องแยกจากกันเมื่อกิ่งเรียนจบจริงๆ เหรอ ฉันถามย้ำเธอไปอีกครั้ง
สบายใจได้แป๊ด คนเรียนหมอแบบเรากว่าจะจบจริงๆ อาจจะอายุสักสามสิบปลายๆ มีเรียนโน่นเรียนนี่ต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีวันจบ ถึงตอนนั้นแม่คงไม่บังคับเราให้แต่งงานแล้ว
ภัทรทราภรณ์ส่งรอยยิ้มที่แสนหวานให้กับฉัน และเหมือกับเป็นพันธะสัญญาของเราสองคนว่าอนาคตของเราจะค่อยๆ ฝ่าฟันอุปสรรคของม่านประเพณีไปเรื่อยๆ จนกว่า ตาข่ายแห่งอุปสรรคนั้นจะหลุดพ้นตัวของเราทั้งสอง
............................
และแล้วฤดูกาลแห่งการสอบปลายภาคก็กลับมาอีกครั้งหนึ่ง พวกเราทุกคนเริ่มตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือจริงๆ จังๆ โดยเฉพาะฉันที่ต้องอ่านหนังสือเป็นสองเท่า เพราะว่าต้องการที่จะทำเกรดให้ได้ดีกว่าเทอมที่ผ่านมา ฉันเห็นมีคนมาติดประกาศเกี่ยวกับทุนเรียนต่อ ต่างประเทศโดยไม่มีการผูกพันแต่เกรดที่ต้องได้มันระดับเกียรตินิยม ที่ฉันเองก็ยังคิดเลยว่าคงได้มาไม่ง่าย
หากเป็นไปรยาเธอคงได้ทุนที่ว่านั้นแน่นอน ภัทรทราภรณ์ให้กำลังใจฉันเมื่อยามที่ฉันเล่าให้เธอฟังเรื่องทุนเรียนต่อ เธอบอกว่าไม่มีอะไรที่คนเราทำไม่ได้ถ้าเราคิดที่จะทำ อย่าท้อแท้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มลงมือทำ เพราะนั่นเท่ากับว่าเราบั่นทอนกำลังใจของตัวเองตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มลงมือ
บรรยากาศในบ้านเริ่มเงียบมากว่าที่เคยเป็นเพราะทุกคนนั่งอ่านหนังสือ กันไม่พูดไม่จากับใคร ต่างคนต่างก็มีหนังสือของตัวเองในความรับผิดชอบและผลที่ได้ตามมาจากการที่ตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือก็เห็นได้ในพริบตาเมื่อเราทุกคนทำข้อสอบได้ ถึงจะไม่ได้มากมายแต่ก็ยังทำให้เราสอบเสร็จแล้วไม่รู้สึกว่าตัวเองโง่ แถมยังสบายใจที่จะได้ปิดเทอมแบบไม่มีอะไรค้างคาใจ
ครูทัศนาตกลงที่จะมาเยี่ยมพวกเราที่กรุงเทพและพวกเราก็รีบจัดแจงทำความสะอาดบ้านรอครู เตรียมข้าวของเครื่องใช้ให้ครูเพราะนี่ถือเป็นครั้งแรกที่ครูจะมาเยี่ยมบ้านเรา ครูทัศนาปฏิเสธพวกเรามาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อตอนปิดเทอมใหญ่ เพราะครูเห็นว่าไม่สะดวกด้วยประการทั้งปวงเนื่องจากพวกเราต้องไปเรียนและอาจจะมีใครบางคนโดดเรียนเพื่อพาครูไปเที่ยว
ครั้งนี้ครูเลือกที่จะมาในตอนปิดเทอมตุลา ครูบอกพวกเราว่าจะอยู่หนึ่งสัปดาห์และเที่ยวกับพวกเราทุกคน ครูทัศนาบอกว่าไม่มีปัญหาเรื่องรถที่พวกเราจะไปเที่ยวเพราะว่าเพื่อนของครูมีเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันเปิดบริษัททัวร์อยู่ และครูก็ขอยืมรถตู้มาใช้ได้อย่างสบายๆ
ครูยังบอกอีกว่าเมื่อตอนที่ครูมาเรียนต่อที่กรุงเทพ เพื่อนของเพื่อนคนนี้ก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี หาหอพักให้ แนะนำเส้นทางให้ครู และยังเป็นเพื่อนที่ดีของครูอีกด้วย
เมื่อกำหนดการที่ครูจะมาถึงกรุงเทพ รตีกับจินตนาไปรอรับครูที่ขนส่งหมอชิตตั้งแต่ตีสาม เพราะกลัวว่าจะคลาดกัน เมื่อครูมาถึงพวกเราก็เตรียมข้าวต้มมื้อเช้าไว้รอครูเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ครูขาชิมข้าวต้มฝีมือหนูสิค่ะทำสุดฝีมือเพื่อครูโดยเฉพาะเลยน้า ภัทรทราภรณ์กลับกลายเป็นเด็กเล็กๆ อีกครั้งเมื่ออยู่ต่อหน้าครูทัศนา
จริงเหรอ แบบนี้ครูคงต้องกินสักสองสามชามแล้วสิฝีมือคุณหมอนานๆ จะได้ชิมสักหน
ครูพูดแบบนี้หนูก็น้อยใจแย่สิค่ะ ทำอย่างกับว่าฝีมือของหนูอร่อยสู่กิ่งไม่ได้แบบนั้นแหละ จินตนาทำท่าทางงอนๆ แก้มป่องไปมา
ไม่ใช่อย่างนั้นก็ฝีมือของเธอครูชิมมานานแล้วไงพอมีอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ มาให้ชิมก็ต้องรีบๆ ชิมหน่อย
ใช่เซ่ ก็หนูมันเก่าแล้วนี่ ของใหม่มันหน้าตาจุ๋มจิ๋มก็งี้ จินตนายังตั้งหน้าตั้งตางอนครูทัศนาต่อไป
แต่ถึงจินตนาจะงอนอย่างไร ครูทัศนาก็ไม่ได้สนใจมากนัก เพราะครูคงรู้ว่าจินตนานั้นแกล้งงอน เมื่อพวกเราพาครูไปเก็บกระเป๋าที่ห้องของจันทร์จิราเรียบร้อยก็ให้ครูออกมาชิมฝีมือข้าวต้มหมูของภัทรทราภรณ์เพราะคิดว่าครูคงเหนื่อยกับการเดินทางและอาจจะหิวมากๆ ด้วยสิ
เมื่อครูจัดการข้าวต้มของภัทรทราภรณ์เสร็จครูก็บอกพวกเราว่า
เดี๋ยวสักเกือบๆ เจ็ดโมงเช้าจะมีรถมารับพวกเราไปเที่ยวไหว้พระเก้าวัดนะ เพื่อนครูจะมารับ
จริงหรือค่ะ ดีจังเลยค่ะครู ไปวัดไหนค่ะ จินตนาถาม
ไปอยุธยาไปไหมจิน
อยุธยา ไปๆๆๆ ค่ะ ครู ดีจังเลยชอบๆๆ ได้เที่ยวอยุธยาแล้วเพื่อน จิจตนากระโดดโลดเต้นเหมือนเด็กๆ
อะไรกันพวกเธอจะส่งเสียงดังก็เกรงใจบ้านข้างๆ บ้างยังเช้าอยู่เลย ไปไป๊อาบน้ำอาบท่าเดี๋ยวครูขอไปเอาของออกจากกระเป๋าก่อนมีของมาฝากพวกเธอด้วยนะ
อะไรค่ะครู พอพูดถึงเรื่องของฝากจินตนาก็ทำตาลุกวาว
ใส้อั่วน้ำพริกหนุ่มกาดตีนสะพานสนใจไหมจิน
สนค่ะสนๆๆ ไหนค่ะครู หนูช่วยครูเก็บของเองดีกว่าเอาปะครู จินตนารีบเสนอตัวช่วยครูทัศนาทันที
พอพูดเรื่องกินไม่ได้เชียวนะไอ้จินทำตาลุกอย่างกับเห็นทอง รตีแขวะจินตนา
สองคนนี้กัดกันเหมือนเดิมเลยนะ อะใครจะเข้ามาช่วยครูจัดของก็ตามมา อ๊ะแต่ไม่ต้องขนกันมาจนหมดหรอกนะห้องมันแคบ ครูทัศนารีบปรามก่อนเพราะเห็นท่าทางแล้วพวกเราทุกคนคงจะบุกรุกเข้าไปในห้องของจันทร์จิรากันหมดทั้งโขยง
ดังนั้นจึงมีแต่จินตนาที่เดินตามครูเข้าไปแถมยังหันมาแลปลิ้นปลิ้นตาให้กับพวกเราอีกด้วย
ฝากไปก่อนเถอะไอ้จินให้แกทำคะแนนไปก่อนคืนนี้ตาฉันทำคะแนนเว่ย จันทร์จิราตะโกนไล่หลังจินตนาที่เดินตามครูทัศนาเข้าไปในห้อง เพราะอย่างไรคืนนี้เธอก็ต้องนอนกับครูทัศนาอยู่ดี
เออแป๊ดเราจะชวนหมวยไปด้วยได้หรือเปล่า พวงทองถามฉันเพราะเธอนึกขึ้นได้ว่าเธอชวนไปรยาไว้ด้วยว่าหากครูสุดที่รักของเราจะไปเที่ยวที่ไหนจะพาไปรยาไปด้วย
คงได้มั๊งเห็นครูบอกว่าไปรถตู้ เอแต่ฉันก็ไม่แน่ใจนะว่าไปกันได้หรือเปล่าลองไปถามครูดูสิ
พวงทองเข้าไปคุกเข้าที่หน้าเตียงของจันทร์จิราและถามครูทัศนา
ครูขาถ้าหนูจะพาแฟนของหนูไปด้วยอีกคนจะได้หรือเปล่า
ได้สิอย่าลืมบอกธิด้วยนะให้พาแฟนธิไปด้วยรถตู้นั่งได้ตั้งเยอะ กว้างขวางออกจะตายไป ครูทัศนาตอบพวงทองแบบยิ้มๆ
หลังจากนั้นพวงทองก็จัดแจงโทรบอกไปรยาให้มาหาพวกเราที่บ้านและโทรบอกธิติมาที่ไปนอนค้างที่หอของกันตาให้เตรียมตัวออกมาจากหอได้แล้ว เพราะกลัวว่าจะไม่ทัน จากนั้นพวกเราทุกคนก็จัดการอาบน้ำแต่งตัวรอรถของเพื่อนครูทัศนามารับ
ครูทัศนาโทรบอกเพื่อนของครูว่าบ้านเราอยู่แถวไหน จากนั้นเราก็ตั้งหน้าตั้งตารอรถเพื่อการไปเที่ยวในวันแรกของเรา
เราก็เห็นรถของบริษัททัวร์มาจอดอยู่ที่หน้าบ้าน ครูทัศนาออกไปเปิดประตูรับให้ลุงคนขับรถขับรถนั้นเข้ามาในบ้าน
สวัสดีค่ะลุงหมานมาคนเดียวหรือค่ะ ครูทัศนายกมือไหว้ลุงคนขับรถอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน
ลุงคนขับรถลงมาจากรถแล้วก็ตอบว่า เปล่าครับเจ้านายมาด้วยอยู่ในรถ
ทัศนาเดินไปเปิดประตูรถตู้ให้เลื่อนออกและก็เห็นหญิงสาวที่เธอไม่ได้พบปะหน้าตามาหลายปี ยังคงเหมือนเดิมไม่ผิดไปจากครั้งสุดท้ายที่ได้พบกัน
สวัสดีนิดีใจจังที่ได้เจอเธออีกครั้ง หญิงสาวที่อยู่ในรถตู้ลงมาจากรถและโอบกอดกับทัศนา
ดีใจเหมือนกันทัศเราไม่ได้เจอะกันนานเท่าไหร่แล้วเพื่อน
เกือบแปดปีแล้วดูนิไม่เปลี่ยนไปเลยนะดำขึ้นอีกต่างหาก
ทัศก็ไม่เปลี่ยนไปเลยนะเคยสวยไงก็ยังสวยเหมือนเดิม
ไม่ต้องมายอกันซะให้ยากเลยไม่ใจอ่อนหรอกเพื่อนแล้วสุดที่รักเธอล่ะไปไหน
อยู่ท้ายรถเดี๋ยวคงตามลงมา อะมาพอดีเลยตานี่เพื่อนพี่ชื่อทัศ ทัศเป็นเพื่อนของมัช เราก็เลยมาเป็นเพื่อนกันอีกทีดูวุ่นวายเน๊อะแต่นี่ก็เพื่อนกัน นิชชาภัทรแนะนำทัศนาให้รู้จักกับอนันตราคู่รักของตน
ยินดีที่ได้รู้จักกับน้องตา ค่ะ ทัศนายื่นมือไปให้อนันตราจับแต่อนันตากลับยกมือไหว้ทัศนาอย่างนอบน้อม
อ้าวแล้วกันจะหลอกจับมือสาว สาวกลับไหว้เราเสียนี่ เฮ้อทัศเอ๊ยชาตินี้จะไปหลอกจับมือใครได้ล่ะนี่ เซ็งเลย ครูทัศนาแก้เก้อแทนตัวเองและอนันตราที่ไม่รู้คิวกัน
เออนิพลพรรคเราสิบเอ็ดคนพอไหวไหม
ไหวสิ รถมันนั่งได้ตั้งสิบห้าคน เหลือที่อีกเยอะ
โอเคงั้นเดี๋ยวรอลูกๆ เราก่อนนะ สักพักคงครบ
ลูกเยอะจริงๆ นะเพื่อน ดีจังไม่ต้องเบ่งออกมาเองก็มีลูกโตได้ขนาดนี้ ว่าแต่มีคนไหนว่างๆ บ้างปะ เราชักจะสนใจ นิชาภัทรแกล้งเย้าทัศนาเล่น
ไม่ได้นิลูกของใครๆ ก็หวงนั่นๆๆ น้องตานั่นไปดูแลกันเองดีๆ ก็แล้วกัน อย่ามายุ่งกับเรา
เสียงหัวเราะของเพื่อนที่ไม่ได้พบกันมานาน รอยยิ้มที่ไม่ค่อยมีปรากฏให้ให้บนใบหน้าของทัศนายามที่เธอสวมบทเป็นครู กลับมาอีกครั้งพร้อมกับมิตรภาพของคำว่า เพื่อน
..... จบบทที่ ๒๔ ....
Create Date : 25 มิถุนายน 2551 |
Last Update : 25 มิถุนายน 2551 16:11:56 น. |
|
3 comments
|
Counter : 290 Pageviews. |
|
|
|
โดย: หมอก IP: 124.121.59.188 วันที่: 25 มิถุนายน 2551 เวลา:16:46:36 น. |
|
|
|
โดย: รันหณ์ วันที่: 25 มิถุนายน 2551 เวลา:18:34:14 น. |
|
|
|
โดย: ไอ IP: 203.107.202.38 วันที่: 25 มิถุนายน 2551 เวลา:20:48:24 น. |
|
|
|
| |
|
|
Location :
ปทุมธานี Thailand
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
|
|
|
|
|
|