It's not easy to be me
Group Blog
 
All blogs
 
เรื่องแนวยูริ : อนันตราบทที่ ๖

บทที่ ๖

ยังไม่ทันที่นิชาภัทรจะลงพ้นจากตัวรถ รมัญยาก็เดินหน้าตูมมาถึงตัวของนิชาภัทร ทั้งทุบทั้งตีนิชาภัทรและโวยวาย

“นิทำไมทิ้งให้แอนรอทั้งคืนหายไปไหนมา นี่เอาชุดอะไรมาใส่ บอกมาเดี๋ยวนี้นะ ไปนอนกับใครมา” รมัญญาวีนแตกอีกรอบหลังจากที่ได้เห็นสภาพของนิชาภัทร แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่เธอไม่เคยเห็น กางเกงรึก็ดูซอมซ่อ เสื้อมองดูก็รู้ว่าไร้ยี่ห้อ ทำไมนิชาภัทรถึงใส่เข้าไปได้นะ แล้วยังจะรถนี่อีก เอาไปขับได้อย่างไร รถตู้สัปรังเคสกปรก ทำไมไม่เอาอีกคันไปใช้

“นี่แอน เรามาเหนื่อยๆ จะให้เราพักสงบๆ บ้างได้ไม๊ฮึ แล้วทำไมไม่กลับบ้าน ไม่มีใครพาไปไหนรึไงกันถึงได้มานอนค้างอ้างแรมบ้านคนอื่นเค้า” นิชาภัทรสบัดรมัญยาที่เกาะเกี่ยวแขนของเธอไว้ไม่ปล่อย

“เดี๋ยวนี้นิเป็นคนอื่นไปแล้วเหรอ ที่เมื่อก่อนนิต้องการเป็นคนรักของแอนไม่ใช่เหรอ ใครหละที่คุกเข่าขอร้องแอนให้กลับมาคบกัน ไม่ใช่นิหรอกเหรอ นี่ไง แอนกลับมาหานิกลับมาเป็นแฟนนิกลับมาอยู่กับนิ”

“ใช่ แต่มันสายไปแล้วแอน แอนกลับมาช้าไป” นิชาภัทรสวนทันควัน

“สายไปเหรอ นี่นิหมายความว่าไง หมายความว่าที่นิคบกับแอนทุกวันนี้ นิไม่ได้คิดอะไรกับแอนเลยอย่างนั้นสิ แล้วนิมามีอะไรกับแอนทำไม”

“ขยะแขยง...ใครจะมีอะไรกับเธอได้หละแอน คนอย่างเธอมันก็ดีแค่เดินฉาบฉวยไปวันๆ ในวงสังคมจอมปลอม อย่ามาพูดเลยว่าการกลับมาครั้งนี้เพียงเพราะเธอรักเรา เรารู้หรอกว่าเธอต้องการใช้เราเป็นบันไดก้าวไปไหนต่อไหนอีกรอบ ทำไมเหรอแอน การรักกันมันต้องมีผลประโยชน์เสมอหรือไงกัน เราไม่เข้าใจ” นิชาภัทรส่งเสียโวยวายลั่นบ้าน จนเด็กในบ้านวิ่งออกมาดูเจ้านายของพวกเขา

“นิ... พูดแบบนี้แสดงว่านิไม่แคร์แอนเลยใช่ไม๊”

“ใช่” นิชาภัทรตอบด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด

รมัญยาหน้าเสียด้วยคำตอบที่เธอได้รับนั้นบาดลึกลงไปในหัวใจ นิชาภัทรเปลี่ยนไป เธอเองน่าจะรู้ตัวตั้งแต่เมื่อ ๖ เดือนที่แล้ว หลังจากที่กลับมาคบกันอีกครั้ง นิชาภัทรไม่เคยโทรหาเธอ ไม่เคยโทรตามเธอ ไม่เคยชวนไปไหนต่อไหน ไม่เคยเริ่มเรื่องก่อน ไม่คิดจะสานต่อ มีเพียงเธอที่เป็นฝ่ายรุกไล่นิชาภัทรเสมอมา

รมัญยายังจำได้ดีว่านิชาภัทรเมื่อครั้งก่อนอ่อนโยนกับเธอเพียงใด นิชาภัทรไม่เคยสักครั้งที่จะพูดให้เธอเสียใจ มีแต่ปลอบโยนมีแต่ให้กำลังใจ แต่เธอเองนั่นแหละที่เห็นผิดเป็นชอบ ไปแต่งงานกับผู้ชายที่เธอหมายจะฝากชีวิตไว้ด้วยและช่วยเหลือเธอให้ได้เชิดหน้าชูตาในสังคมที่จอมปลอมแห่งนี้

ครอบครัวของเธอในตอนนั้นอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่จากพิษเศรฐกิจที่ตกต่ำ เธอต้องการมีใครสักคนที่ช่วยพยุงฐานะทางการเงินของครอบครัวที่ย่ำแย่จนแทบจะไม่มีที่จะซุกหัวนอน เธอพยายามทำเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งทีต้องการ ชื่อเสียงเกียรติยศของครอบครัวมาก่อนเสมอ แต่เมื่อได้รับรู้ว่าการเลือกทางเดินนั้นผิด ก็เมื่อสายไปแล้ว

“กรี๊ด แอนไม่ยอมนะนิ แอนไม่ย๊อม นิมาพูดแบบนี้กับแอนได้ไง นิจำไว้ว่าคนอย่างแอนอยากได้อะไรต้องได้ จำเอาไว้ด้วย” รมัญยาตะโกนไล่หลังและร้องกรี๊ดๆ เต้นเร่าๆ อยู่ตรงบริเวณหน้าบ้าน ส่วนนิชาภัทรที่เดินเข้าไปในตัวบ้านทำเหมือนไม่ใยดีในตัวของเธอแม้แต่น้อย

.................................

เสียงกดกริ่งที่หน้าบ้าน ทำให้สองแม่ลูกที่กำลังง่วนกับการทำความสะอาดบ้านต้องละมือแล้วหันมามองหน้ากัน

“ใครมาไม่รู้ตาลูกไปดูสิ” คุณกฤติกาบอกกับบุตรสาวของเธอให้วางมือจากการทำความสะอาดบ้านเพื่อไปดูอาคันตุกะที่มาเยื่อน

“คะแม่” อนันตราเดินไปถึงหน้าประตู้รั้วก็ได้พบกับชายวัยกลางคนท่าทางดูภูมิฐาน ยืนรออยู่ข้างรถยุโรปหรูสีดำ

“มาหาใครค่ะ” อนันตราถามชายแปลกหน้า

“อั๊วมาหาอาคุงกิติกาอีอยู่ม้ายหละ” ชายแปลกน้าพุดสำเนียงจีนๆ ตอบกลับมา

“จะให้บอกว่าใครมาค่ะ” อนันตราถามย้ำอีกรอบ

“ปายบอกอีว่าเสี่ยปาชายมาหา”

“คะเสี่ยวปาชายนะค่ะ”

“ม่ายช่าย เสี่ยวปาชาย เสี่ยปาชายตั่งหากนังหนู”

“อ้าวก็เสี่ยบอกว่าชื่อปาชาย แล้วจะให้บอกว่าชื่ออะไรกันหละคะนี่”

“หนูคงนี้เปงลูกจ้างแล้วยางจามาทำล้อเลียง เดี๋ยวเถอะอั๊วจาให้อาคุงกิติกาไล่ลื้อออก เอ๊านี่เอานามบักอั๊วปายบอกอีก็ล่าย” เสี่ยประชัยยื่นนามบัตรให้กับกฤติกา ด้วยเข้าใจว่ากฤติกาเป็นลูกจ้างที่บ้านของเธอ

อนันตราแต่งตัวด้วยผ้าถุงถกขึ้นมาถึงเข่าและผูกผ้าคลุมศรีษะไว้ เพราะเธอและมารดากำลังทำความสะอาดหยากไย่ใยแมงมุม ที่เกาะติดอยู่ตามมุมต่างๆ ของเพดานบ้าน และทำความสะอาดพัดลมเพดานที่มีฝุ่นเกาะอยู่ เธอวิ่งออกมาดูผู้มาเยือนโดยไม่ได้จัดแต่งเสื้อผ้าให้ดูดี เพราะคิดว่าเพื่อนบ้านมากดกริ่ง แต่ที่ไหนได้กลับมาเจอะกับตาเสี่ยขี้เก๊กแถมยังหาว่าเธอเป็นคนรับใช้ในบ้าน

อนันตรารับนามบัตรนั้นมาแต่ไม่ยอมเปิดประตูรับคนแปลกหน้าให้เข้ามาในบ้าน เดินเอื่อยๆ เข้าไปในบ้าน เพื่อเอานามบัตรไปให้มารดา

“เอ๊ยนังหนูเดิงเลวๆ หน่อยซีวะ อั๊วร้องจาแย่อยู่แล่ว” เสียงเสี่ยสั่งให้เธอที่เดินช้าๆ ให้เดินเร็วยิ่งขึ้น อนันตรายิ่งเดินช้าลง เพราะอยากจะขัดใจคนขี้โมโหหน้าบ้าน

“นี่อั๊วบ๊อกห้ายเดิงเลวๆ ทำไมลือเดิงชักช้าแบกนี่ว่ะ” เสียชักฉุน

“อ้าวก็เสี่ยบอกให้เดินเลว ๆ ก็ฉันเดินไม่เป็นนี่เดินแบบไหน ก็เลยต้องลองเดินดู ไอ้เดินเลวๆ นี่ ไม่เคยเดินนี่นา”

“ม่ายช่ายน่อ อั๊วบอกให้ลือเดิงรีบๆ นะไม่ช่ายเลวๆ รีบๆ เอามนามบักปายห้ายอาคุงกิติกาเลวๆ หน่อยเว่ย อารายวะเด็กบั่งนี้ พุกม่ายรุภาษาคง ซี่ซั่วต่านา” เสี่ยยังคงบ่นไม่เลิก ส่วนอนันตรานั้น แอบเดินขำเข้าไปในบ้าน

“แม่ค่ะเสี่ยขี้เก๊ก ชื่อปาชายมาหาแม่นะค่ะ” อนันตรายังคงเล่นไม่เลิก

“อ้าวแล้วไม่เชิญเข้าบ้านมาหละลูก ให้ยืนตากแดดอยู่อย่างนั้นเดี๋ยวก็เป็นลมตายพอดี” คุณกฤติกาบอกกับบุตรสาว

“ก็แหม่แม่ค่ะเค้ามาหาว่าตาเป็นเด็กรับใช้ แต่ช่างเค้าเถอะคะอย่าไปบอกก็แล้วกันว่าตาเป็นลูกสาวแม่ เค้าจะหน้าแตกมากกว่านี้ ว่าแต่เค้ามาทำอะไรค่ะแม่” อนันตราถามมารดาเพราะสงสัย ด้วยบ้านเธอไม่เคยรับแขกแปลกหน้ามานานมากแล้ว หลังจาที่บิดาของเธอเสียชีวิตไป

“เค้ามาขอซื้อบ้านเราไปทำหมู่บ้านจัดสรรที่อยู่ติดกับบ้านเราไงตา ไปเชิญเค้าเข้ามาเถอะไป” คุณกฤติกาตัดบท

อนันตราเดินมาเปิดประตูรับเสี่ยประชัยให้เข้าบ้าน และเดินเลวๆ ส่ายไปส่ายมาขวางทางเสี่ยตั้งแต่หน้าประตูจนถึงตัวบ้าน

“หวักลีอาคุงกิติกา วังนี้ลื้ออยู่บั้งล่ายเนอะ ทุกทีอั๊วมาม่ายค่อยเห็งลื้อ ลืมที่ลาวเคยพุกกันได้อะเป่าคับเรื่องที่ดิงบังคุง มาคราวนี้อั๊วมีข้อเสนอใหม่มาล่วยนา ลื้อน่าจาสงจายสักนิก” เสี่ยไม่พูดพล่ามทำเพลงเข้าเรื่องเอาดื้อๆ

อนันตรากระแทกวางแก้วน้ำให้เสี่ยเสียงดังกึ๊ก

“อั๊วว่าลื้อไล่อีออกไปเถอะมารายักทรามเจงๆ” เสี่ยประชัยไม่พอใจอนันตราเอาอย่างมาก

“ว่าเรื่องของเสี่ยมาดีกว่าคะ จะเสียเวลาของเสี่ยไปเปล่าๆ” คุณกฤติกาแอบขำท่าทีของบุตรสาวและตัดบทกับเสี่ยประชัย

“อ่อล่ายๆๆ อั๊วจามาบอกว่า อั๊วจาซื้อที่ลื้อตารางวาลาสามหมึ่งบั๊ก ที่ของลื้อมีทั้งหมกสิบไร่ ก็ลาวๆ เหลียวนา สิบไร่คุงสี่ร้อยคุงสามหมื่ง ก็ร้อยยี่สิบล้างบั๊ก ลื้อสงจายจาขายหัยอั๊วอะเป่าหละ นี่นาอั๊วให้ราคาลีที่สุกเลี้ยวนา”

อนันตราแกล้งทำตาโตเท่าไข่ห่าน แล้วพูดขึ้นว่า

“โห่คุณนายขา หนูว่าขายๆ ไปเถอะค่ะ รวยแบบนี้ แต่นะเมื่อวานใครมานะค่ะคุณนาย ให้ตารางวาละ ห้าหมื่น หนูว่าขายให้คนนั้นดีกว่า”

สิ้นเสียงของอนันตรา เสี่ยประชัยถึงกับตะลึง ใครกันนะที่มาตัดหน้าเขา เขารู้ว่าที่ดินแถบนี่จะปรับราคาสูงขึ้นในไม่ช้า และอีกอย่างที่ดินแปลงนี้สวยด้วยภูมิทัศน์ หากเอามาทำบ้านจัดสรรหรืออย่างอื่นจะขายได้ราคางามกว่านี้อีกเยอะ

“มังโกหกเลี้ยวอาคุงกิติกา คัยจาซื้อล่ายแพงแบกนั่ง อั๊วว่าอีคงโกหกน่า ลื้ออย่าไปเชื่ออีนา เชื่ออั๊วลีกว่า ถ้างั้นอั๊วกับก่องนา ไว้วังหลังอั๊วมาใหม่” เสี่ยประชัยถึงกับเหงื่อตก เมื่อรู้ว่าคู่แข่งให้ราคาสูงกว่าตนเกือบหนึ่งเท่าตัว เงินจำนวนมากมายมหาศาลขนาดนั้นหากเอามาลงทุนคงไม่คุ้ม แต่ในระยะยาว หากเอามาจัดสรรแล้วขายสัก ตารางวาละ หกเจ็ดหมื่น แล้วเก็บค่าสาธารณูปโภคส่วนกลางต่อเดือนก็คุ้มเกินคุ้มแล้ว สร้างเสร็จก็ทิ้งความรับผิดชอบไปซะ แต่ตอนนี้คงต้องหลบไปตั้งหลักใหม่ก่อนจะดีกว่า

“ไม่ไปส่งนะค่ะเสี่ย” คุณกฤติกาบอกไล่หลังเสี่ยประชัยที่ดูจะหัวเสียเมื่อแผนการมาขอซื้อที่ดินล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า

อนันตราเดินตามไปปิดประตูรั้ว เสี่ยประชัยหยิบนามบัตรและธนบัตรออกมาปึกใหญ่นับไปนับมาด้วยชั่งใจว่าจะหยิบใบไหนให้กับคนรับใช้บ้านนี้ดี จะให้เยอะก็กลัวจะเยอะไป ครั้นจะให้น้อยก็กลัวข่าวไม่ได้อย่างใจ ในที่สุดก็หยิบธนบัตรหนึ่งร้อยบาทสองใบให้กับอนันตรา

ด้วยคิดว่าเงินแค่นี้คงซื้อปากเสียงของอนันตราได้แน่ๆ คนรับใช้จะได้เงินเดือนสักเท่าไหร่กันอย่างมากก็สองสามพันบาท เงินสองร้อยนี่จะมากไปด้วยซ้ำสำหรับคนใช้ อนันตราเธอทำท่าจะไม่รับ แต่เสี่ยประชัยก็ยัดเยียดมาใส่ในมือเธอไว้ โดยพละการ

“นี่นังหนูอั๊วหัยลือนา ถ้ามีคายมาติกต่อขอซื้อบ้างหลังนี่นา ลื้อโทรบอกอั๊วตามเบอร์นี่นา อ่ออีกอย่างอย่าลืมนาบอกอั๊วทังทีน่า”

หลังจากอนันตรารับเงินจากมือเสี่ยแล้วก็ปิดประตูบ้านก่อนที่จะตะโกนบอกเสี่ยไปว่า

“เสี่ยไว้หนูจะโทรบอก แต่ว่าหนูอ่านหนังสือไม่ออกแล้วจะโทรได้ไง” พูดจบอนันตราก็วิ่งกลับเข้าบ้านตนเองอย่างรวดเร็ว และไม่ได้เดินเลวๆ แบบเมื่อสักครู่โดยไม่หันมามองเสี่ยประชัยที่โมโหจนแทบควันจะออกหู

เมื่ออนันตราเข้ามาในตัวบ้านก็ยื่นเงินและนามบัตรในมือเธอให้กับมารดา “อยู่ๆ ก็ได้เงินฟรีๆ สองร้อยคะแม่ ค่าโทรบอกว่ามีใครมาติดต่อซื้อที่เราบ้าง”

คุณกฤติกาได้แต่ส่ายหน้ากับพฤติกรรมของบุตรสาว และแอบขำอยู่ลึกๆ ในใจ แต่ก็อดห่วงกับการขี้เล่นของบุตรสาวไม่ได้

..........................

หลังจากที่เสี่ยประชัยกลับไปแล้ว สองแม่ลูกก็ช่วยกันทำความสะอาดบ้านต่อจนเสร็จและเย็นวันนี้ บ้านสวนก็ได้ต้อนรับแขกอีกครั้ง เสียงกดกริ่งที่ประตูหน้าบ้านทำให้สองแม่ลูกมองหน้ากันด้วยความขยาด

“ไปเปิดประตูไปตาดูสิว่าใครมาเอาไม้ไปด้วยนะลูก” คุณกฤติกาบอกกับบุตรสาวอีกครั้ง

อนันตราอิดออดที่จะออกไปเพราะตอนนี้ค่อนข้างจะมืดแล้วแดดร่มลมตก เธอคิดในใจว่าใครกันนะมาไม่รู้จักเวล่ำเวลา คนเค้าจะพักผ่อนมารบกวนกันอยู่ได้ แต่เมื่อเปิดไฟที่ประตูรั้วก็ต้องพบกับนิชาภัทรที่ลงมายืนรอเธอให้เปิดประตู อนันตราไม่รอช้าเข้าไปหยิบกุญแจประตูรั้วเพื่อเปิดประตูให้กับคนที่มาใหม่ได้ขับรถคันหรูเข้ามายังบ้านของเธอ

เมื่อนิชาภัทรจอดรถเสร็จ คำถามแรกจากเจ้าของบ้านก็คือ

“พี่นิมีธุระอะไรด่วนหรือเปล่าค่ะ” อนันตราไม่รอคำตอบจากผู้มาเยือนเธอเดินไปปิดประตูรั้วและเดินกลับมาหานิชาภัทรที่กำลังเดินขึ้นไปบนบ้านของเธอโดยที่เจ้าของบ้านไม่ต้องเชื้อเชิญ

“พี่ไม่มีธุระมาไม่ได้เหรอน้องตา” เมื่อโดนถามกลับแบบนี้เจ้าของบ้านถึงกับทำหน้าเหวอ

“มาได้ค่ะแต่ตานึกว่าพี่มีธุระด่วนเห็นมาซะค้ำมืด”

“พี่มาขอข้าวอร่อยๆ บ้านตาทานนะ” ผู้มาเยือนตอบเต็มปากเต็มคำ

“เบื่อสเต๊ก แซนวิช ไข่ปลาคาเวีย และหมูหัน แล้วหรือไงค่ะ ถึงได้มาทานอาหารบ้านสวนได้” อนันตราหยอกล้อเจ้านายของเธอทีเล่นทีจริง

“สวัสดีค่ะคุณแม่ นิขอมาพึ่งอาหารอร่อยๆ ฝีมือของคุณแม่สักมื้อนะคะ” นิชาภัทรเอ่ยทักทายเจ้าของบ้านตัวจริงอีกครั้ง

“เชิญเลยคุณนิแต่วันนี้คงผิดหวังเพราะตาเค้าเป็นคนทำกับข้าว เห็นทำแกงส้มสายบัวกุ้ง กับแกงสายบัวต้มกะทิปลาทูสด คุณนิจะทานได้หรือเปล่า พอดีวันนี้คนแถวบ้านเอาสายบัวมาให้กำใหญ่เชียว ก็เลยไม่รู้จะทำอะไรหันมาทำแกงทานกันสองคนแม่ลูก” คุณกฤติกาบอกเมนูอาหารให้กับแขกผู้มาเยือน

“ทานได้ค่ะแม่ เมนูน่าทานทั้งนั้นเลย”

“เดี๋ยวยายตาเค้าจะตำน้ำพริกกะปิกับไข่เจียวชะอมอีกอย่าง คุณนิรอสักครู่นะค่ะ สักพักคงเสร็จ”

“ค่ะคุณแม่” ระหว่างนั่งคุยกับคุณกฤติกานิชาภัทรได้ยินเสียงโขลกน้ำพริกดังออกมาจนถึงห้องรับแขกที่แปลสภาพมาเป็นที่สำหรับเย็บผ้าให้กับลูกค้าของคุณกฤติกา สักพักได้ยินเสียงตะหลิวเคาะกระทะ และเสียงล้างอะไรดังก๊องแก๊ง มาจากหลังบ้าน

เมื่ออนันตราทำกับข้าวเสร็จก็ขอตัวไปอาบน้ำอาบท่าก่อนที่จะลงมาทานอาหารมื้อเย็นพร้อมกัน

“ตาแบ่งกับข้าวไว้ใส่บาตรพรุ่งนี้หรือยังลูก” คุณกฤติกาเอ่ยถามบุตรสาว แบ่งไว้แล้วค่ะ ตักไว้อีกหม้อนึง วางไว้ในครัวนะค่ะแม่ แต่ตาว่าแกงกะทิคงไว้ไม่ได้ กลัวจะบูดไปก็เลยว่าพรุ่งนี้จะตื่นมาทอดปลาทูไว้ให้แม่แทนก็แล้วกัน ปลาทูสดดีค่ะแม่ น่าทาน ตาตำน้ำพริกเผื่อไว้แล้ว แค่ทอดปลาก็เรียบร้อย”

“จ๊ะทานข้าวกันเถอะคุณนิไปๆ ทานข้าวกัน” คุณกฤติกาเอ่ยชวนผู้มาเยือนอีกครั้ง

นิชาภัทรนั่งลงตรงข้ามกับเจ้าของบ้านทั้งคู่ มีคุณกฤติกานั่งอยู่หัวโต๊ะ และอนันตรานั่งตรงข้ามเธอ เมื่อตักกับข้าวคำแรกเข้าปากนิชาภัทรก็ต้องรับกับความเผ็ดร้อนของกับข้าวรสจัดฝีมืออนันตรา แต่เธอก็รู้สึกว่ากับข้าวมื้อนี้อร่อย ถึงแม้จะต้องข้าวคำน้ำคำ แต่ความอร่อยไม่ได้ลดลงเลย

“ต้องขอโทษด้วยนะคุณนิ บ้านเราไม่ได้ต้อนรับแขกมานานมากแล้ว ตั้งแต่พ่อของตาเค้าเสียไป แม่กับตาก็อยู่กันสองคนมานานมากจนไม่รู้ว่าจะต้องรับแขกแบบไหน อาหารเผ็ดไปหรือเปล่าค่ะ”

“เผ็ดค่ะ แต่อร่อยมาก”

“งั้นทานแกงกะทิสายบัวดีกว่าค่ะ ไม่เผ็ดออกหวาน ๆ หน่อยๆ คิดว่าคงทานได้ ตักแต่ปลาทูสิค่ะ แม่ก็ลืมไปไม่ได้ถามว่าทานเผ็ดได้หรือเปล่า” คุณกฤติกาเอ่ยด้วยความห่วงใยผู้มาเยือนพร้อมกัยตักกับข้าวให้กับนิชาภัทร

“แม่ขาเข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตามสิค่ะแม่ อีกอย่างมาทานข้าวบ้านเราฟรีๆ ไม่ติดค่าข้าวก็บุญแล้ว ถ้ามาทำเรื่องมากก็ไม่ต้องทานหรอกค่ะแม่” อนันตราพูดประชดคนตรงหน้าเธอเสียงเข้มเพราะรู้สึกหมั่นใส้มารดาที่ดูจะเอาอกเอาใจนิชาภัทรเกินหน้าเกินตาไปหน่อย

“ดูยายตาดูพูดเข้าพี่เค้าจะรู้สึกไม่ดีเอานะ”

“ก็จริงไหมหละค่ะแม่ มาขอข้าวบ้านเค้าแล้วยังจะเรื่องมากอีก มันก็น่าอยู่หรอกค่ะที่จะโดนว่าซะบ้าง”

“แล้วพี่ไปพูดบ่นอะไรสักคำหรือยังหละน้องตาสุดสวย พี่ได้แต่บอกว่า มันรสเผ็ดไปนิดหน่อยแต่อร่อยเหาะเลยนะ” นิชาภัทรชักได้กลิ่นทะแม่งๆ จากเลขาสาว

“อะหรือว่ากลัวว่าพี่จะมาเป็นลูกคนโปรดคนใหม่ของคุณแม่เลยแทงกั๊กกันไว้ก่อน” นิชาภัทรเริ่มเดินหน้าบ้างแล้ว

อนันตราเริ่มฉุนมากขึ้น นั่นไงเอาเข้าให้แล้ว “ไหนใครกันจะไปกลัว ยังไงตาก็เป็นลูกสุดรักสุดโปรดของแม่อยู่วันยังค่ำแหละเนอะแม่เนอะ” อนันตราหันไปเนอะกับมารดา แต่ผลกลับมาก็คือการส่ายหน้าแบบเอือมระอากับลูกสาวคนเดียวของคุณกฤติกา

“แม่อะ มาส่ายหน้าได้ไงแม่ต้องพยักหน้าสิค่ะ แบบนี้พี่นิก็ได้ใจสิ”

“ให้พี่นิเค้ากำหราบเรานะดีแล้ว แม่จะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาสู้รบปรบมือกับเราทุกวัน เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว” คุณกฤติกาแทนที่จะเข้าข้างบุตรสาวกลับหันไปเข้าข้างนิชาภัทร ทำเอาอนันตรานั่งหน้ามุ่ย กระแทกช้อนเคาะจานไปเรื่อยเปื่อย ข้าวเย็นมือนี้ชักจะกร่อยเสียแล้วสิ

“ดูๆ ทำเข้า ไม่งามเลยนะตา ถ้าคุณพ่อยังอยู่มีหวังโดนตีแล้ว”

“แม่ก็เอาแต่อ้างคุณพ่อ ถ้าคุณพ่อยังอยู่คุณพ่อจะนั่นจะนี่ แต่จะบอกว่าคุณพ่อนะไม่มีวันเข้าข้างคนนอกนอกจากตาคนเดียว” จากนั้นอนันตราก็เดินหน้ามุ่ยขึ้นห้องของตัวเองไปเก็บตัวเงียบอยู่ข้างบน

“เป็นเรื่องแล้วสิค่ะคุณแม่ ตาเค้างอนไปแล้ว ไม่ต้องไปง้อหน่อยเหรอค่ะ” นิชาภัทรรู้สึกเป็นห่วงอนันตราขึ้นมาทันที

“ไม่ต้องหรือคุณนิ เดี๋ยวคิดได้ก็ลงมาเองแหละ คุณนิมาก็ดีแล้วแม่ขอคำปรึกษาหน่อยสิค่ะ”

“ได้เลยค่ะคุณแม่จะปรึกษาอะไรหรือค่ะ”

“คือแม่เป็นห่วงตาเค้าเรื่องกลับบ้านดึกๆ นะค่ะ ช่วงนี้มีนายทุนหลายรายมาติดต่อซื้อที่สวนของเรา ให้เงินดี แต่แม่กับตาตกลงกันว่าเราจะไม่ขายที่ของบรรพบุรุษ เพราะเป็นที่แห่งความทรงจำ แม่อดเป็นห่วงตาเค้าไม่ได้หากต้องทำงานกลับบ้านค่ำมืดทุกวัน

แม่ต้องมานั่นรอเค้าใจจดใจจ่อกลัวเค้าจะได้รับอันตราย ถึงแม้ว่าทางเข้าบ้านเราจะไม่เปลี่ยว แต่อันตรายจากคนจ้องทำร้ายกับคนระวังมันไม่เหมือนกัน เรื่องที่แม่จะขอร้องก็คือให้ตาเค้าทำงานไม่ต้องค่ำมืดมากนัก กลับบ้านอย่าดึกมากก็เท่านั้นค่ะ”

“คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะค่ะ เรื่องนี้นิจะดูแลเองค่ะนิจะให้คนรถมาส่ง หรือไม่นิก็มาส่งเองถ้าวันไหนตาเค้าต้องกลับบ้านดึกๆ หรือต้องทำงานเลิกดึกๆ สบายใจได้เลยค่ะคุณแม่ไม่ต้องกังวลนะค่ะ”

อนันตราได้ยินคำพูดของทั้งสองคนเมื่อเธอยืนอยู่ตรงบริเวณชานพักของบันไดบ้าน เธอรับรู้ถึงความห่วงใยของมารดา ที่ส่งผ่านมาถึงเธอโดยไม่ต้องกล่าวออกมาเป็นคำพูด อนันตราวิ่งลงบันไดมาถึงตัวมารดาที่นั่งหันหลังให้กับเธอ เธอคุกเข่าลงกอดมารดา และเริ่มร้องไห้ออกมาไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

“เป็นอะไรอีกหละหรือสำนึกผิดที่ไปว่าพี่เค้า ไหนมาดูหน่อยสิยัยตัวยุ่ง” คุณกฤติกาเชยคางบุตรสาวขึ้นมาดูดวงหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา สองมือของมารดาลูบไล้เกลี่ยน้ำตาให้ออกไปจากแก้มนวลนั้น อนันตรายิ่งร้องไห้หนักขึ้นทุกที จนคนตรงข้ามพูดลอยๆ ขึ้นมาว่า

“โอ๊ย แม่คนเจ้าน้ำตา ไม่คิดเลยเนอะว่าคนเราจะเล่นบทนางเอกเจ้าน้ำตาได้ถึงขนาดนี้ พึ่งรู้นะนี่นะว่าชื่อตาย่อมาจากคนเจ้าน้ำตานี่เอง”

“ใครคนเจ้าน้ำตาฮะพี่นิ พูดให้ดีๆ นะ ไม่งั้นพี่นิไม่มีทางมีชีวิดตรอดไปจากบ้านตาแน่นอน” จากบทเจ้าน้ำตา เปลี่ยนกะทันหันเป็นนางมารร้าย

“อุ๊ ลีม๊กโช้วออกอาละวาด คุณแม่ดูสิค่ะ ลูกสาวคุณแม่เจ้าบทบาทในเวลาเดียวกันเล่นเป็นได้ทั้งนางร้องไห้ และทั้งนางมารร้ายไปในตัว น่ากลัวจริงจริ๊งให้ตายสิ”

อนันตราลุกขึ้นในทันทีที่สิ้นเสียงของนิชาภัทร พร้อมลุยและถล่มคนตรงหน้าได้ทุกเมื่อ

“ตาไม่เอาลูกพี่เค้าล้อเล่น” คุณกฤติการฉุดแขนบุตรสาวไว้เพราะรู้ว่าบุตรสาวตนนั้นเมื่อเวลาใจร้อนนั้นเป็นดุจไฟดีๆ นี่เอง

“ล้อเล่นอะไรแบบนี้หละค่ะแม่ ตาไม่ให้อภัยแล้ว”

“กิ้วๆ น่าไม่อาย กินน้ำลายต้มส้ม กินมะยมตากแดด กินมะแรดตากลม” สิ้นเสียงล้อเลียน ฝ่ามือน้อยๆ ของอนันตราก็ฝาดลงที่ไหล่ของนิชาภัทรเข้าอย่างจัง โดยที่เจ้าตัวไม่คาดคิด ส่วนคุณกฤติกาได้แต่ทำหน้าเหรอหรา ด้วยเธอยั้งอนันตราไว้ไม่อยู่

นิชาภัทรชาไปทั้งแถบ ลุกขึ้นวิ่งไล่อนันตราไปรอบบ้าน โดยมีคุณกฤติกาเป็นกรรมการห้ามทัพ แต่เมื่อทั้งสองคนเหนื่อยหอบก็กลับมานั่งดื่มน้ำพักยกในที่ของตน จนคุณกฤติกาเปรยขึ้นมาว่า

“เล่นอะไรเป็นเด็กๆ ทั้งคู่เชียวเฮ้อ ไอ้เราก็นึกว่าจะหวังพึ่งได้ สรุปกลายเป็นเด็กไปหมดบ้าน เวรกรรมจริงๆ” คุณกฤติกาได้แต่ละอาใจกับเจ้านายลูกน้องคู่นี้จริงๆ

...............จบบทที่๖..................



Create Date : 13 มีนาคม 2551
Last Update : 23 มิถุนายน 2551 18:37:48 น. 10 comments
Counter : 280 Pageviews.

 
อ่านนิยายของพี่รันหณ์กี่ที ก็อดอมยิ้มกับความน่ารักของตัวละครพี่ไม่ได้ซักที บ่งบอกถึงความอารมณ์ดีของพี่จริงๆนะคะ แต่ละคน


โดย: ทาย IP: 58.137.154.195 วันที่: 13 มีนาคม 2551 เวลา:17:07:59 น.  

 
ชอบอ่า

น่ารักจังเลยทั้งคนแต่งและก็ตัวละครเลยครับ


โดย: ข้าว IP: 202.44.135.242 วันที่: 13 มีนาคม 2551 เวลา:19:46:24 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณทาย
ฉันดีใจจังที่คุณอ่านนิิยายของฉันแล้วสนุก แต่ฉันย้ำจริงๆ นะคะว่าฉันนะดุมากถึงมากมที่สุด เด็กๆ ที่ทำงานบอกมาแบบนั้นค่ะ
ว่าแต่ แต่ละคนของคุณหมายถึงใครบ้างหละหนอ นึกๆๆ

สวัสดีค่ะคุณข้าว
ถ้าตัวละครน่ารักก็โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ

คุณแฟนพันธุ์แท้ของฉันหายไปไหนน้อ ฮันรอคุณอยู่ค่ะ



โดย: รันหณ์ วันที่: 13 มีนาคม 2551 เวลา:19:50:56 น.  

 
เมื่อไหร่ตอนต่อไปจะลง
อ่านแล้วสนุกมาก
เรื่องแนวยูริหาอ่านมานานแล้ว


โดย: ออม IP: 118.174.220.26 วันที่: 14 มีนาคม 2551 เวลา:16:05:33 น.  

 
มาแล้ว ๆ มาค่ำเลย อิอิ (เข้ามาเมื่อเช้าแล้วรอบนึงค่ะ ยังไม่ลงเลย) ส่วนเรื่องสถานที่ท้องเที่ยวถ้าเน้นวัด อย่างที่คุณเคยเขียนมา ต้นรังก็ตันเหมือนกันค่ะ เพราะแถวอยุธยา อ่างทอง สุพรรณ อุทัย แถวนั้น คุณเล่นไปหมดแล้วนิ จะเหลือก็แต่ที่เมืองจันโน้น ชื่อวัดอะไรไม่รู้ แต่รู้ว่าเป็นเขาคิชกูฏ (หรือจะชื่อนี้ก็ไม่รู้) หรือจะมาแถวสระบุรี ลพบุรี ไปไหว้ศาลพระกาฬ (ขอเนื้อคู่ อิอิ) ก็โอเคค่ะ
เอ่อ "กิ้วๆ น่าไม่อาย กินน้ำลายต้มส้ม กินมะยมตากแดด กินมะแรดตากลม” ประโยคนี้คิดได้ไงเนี้ย ไปขุดมาจากหนังสือคุณตาคุณยายยังสาวหรือค่ะ เอ หรือคุณจะคิดเองค่ะ ถ้าคิดเองเนี้ย เฮอะๆๆ บ่งบอกอายุเลย (ก๊ากกกก)
ตัวละครที่เป็นตัวร้าย ใครน้า อ๋อแอนน่ะ ดูจะร้ายมาก ๆ เลยนะคะ แบบว่าไม่เคยอ่านเจอนางมารในนิยายของคุณมาก่อน พอมาเจอเข้าก็ตกกะจายเลย ร้ายน่าดูชม
เมื่อมีร้ายน่าดูชม คู่ตัวเอกก็น่ารักมากมายเลย รู้สึกจะปีนเกลียวกันขึ้นทุกวันเลยนะคะ เจ้านายลูกน้องคู่นี้ แต่ก็น่ารักดีค่ะ
รอติดตามตอนต่อไปทุกวันเลยค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ รักษาสุขภาพด้วย บ้านเรา(เหนือ) เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว ดูแลกันดี ๆ นะคะ (ฝากบอกคุณแฟนคุณด้วย ว่าดูแลสุขภาพกันดี ๆ นะคะ)


โดย: ต้นรังค่ะ IP: 118.172.166.101 วันที่: 14 มีนาคม 2551 เวลา:20:09:59 น.  

 
คุณแฟนพันธ์แท้เจ้าขา ที่จันทบุรีชื่อวัดเขาพลวงค่ะ เขาคิชกูฎ จะบอกว่าเดินทางโดยรถว่าใส้จะเคลื่อนแล้ว พอเดินขึ้นขาก็ลากอีกค่ะ

ไม่ต้องบอกก็รู้อายุฉันกระมังคะคุณต้นรัง ที่เขียนๆ เนี่ยะ มาจากการท่องจำของฉันจริงๆ เมื่อตอนเด็กๆ ยังจำได้อีกบทค่ะ

เสียงที่ัปัดน้ำฝนดังฉึ๊ก ฉึก ฉัก ฉึ๊ก ฉึก ฉัก
เสียงแตรของรถเมล์ดังปิ๊น ปิน ปิ่่น ปิ๊น ปิน ปิ่น

เรื่องนี้ตั้งใจจะไม่ให้เครียดค่ะ แต่เขียนแล้วเครียดกว่าเรื่องเครียดๆ เพราะกลัวมุขจะแป๊กอ่านเองไม่ขำนี่คะ ต้องหาคนอ่านคริกๆๆ ไว้วันต่อไปจะมาชวนคุณต้นรังมาเล่นยาหย่าย่ากันดีกว่า


โดย: ผิงดาว IP: 124.121.137.240 วันที่: 15 มีนาคม 2551 เวลา:9:58:05 น.  

 
ศรัทธาแรงค่ะ ต่อให้ลำบากแค่ไหนก็ไปได้

อืม รู้ละว่าเรื่องนี้ต้องการให้อ่านขำ ๆ ถ้าอ่านแล้วไม่ขำจะบอกนะคะ

ติดตามจ้า


โดย: ต้นรัง IP: 118.172.166.246 วันที่: 15 มีนาคม 2551 เวลา:13:56:23 น.  

 
ก็ทั้ง คุณแม่ พี่นิ และอนันตรา เลยค่ะ ทุกคนมีอารมณ์ขัน ไนแบบของตัว ((อยากจะเชื่อนะคะ ว่าพี่น่ะดุมาก แต่ยังไม่เจอกับตัว คงไม่เชื่อกับเสียงลือเสียงเล่าอ้างแน่นอนค่ะพี่))
ตอนนี้ กำลังปฏิบัติภารกิจให้อยู่นะคะ ใกล้จะจบทั้งหมดแล้วค่ะ คาดว่าวันนี้จะส่งให้พี่ได้แน่ๆ


โดย: ทาย IP: 222.123.119.91 วันที่: 15 มีนาคม 2551 เวลา:16:08:37 น.  

 
ว๊ายคุณทาย ฉันลืมส่งภาระกิจให้ ตายแล้ว


โดย: ผิงดาว IP: 124.121.137.222 วันที่: 15 มีนาคม 2551 เวลา:18:17:42 น.  

 
แวะมาแสดงตัว ว่าเป็นอีก 1 เสียง 1 กำลังใจ ที่รออ่านเรื่องนี้อยู่


โดย: raBBitFood IP: 58.9.224.59 วันที่: 15 มีนาคม 2551 เวลา:22:20:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รันหณ์
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ฉันคือฉัน
ฉันรักเสียงเพลง
ฉันรักสายลม
ฉันรักท้องฟ้า
ฉันรักอิสระ
ฉันคนไร้ราก
ผิงดาวยามไร้เดือน

คืนนี้ถ้าเธอหนาว ร่วมผิงดาวบนท้องฟ้า
จากรักจากศรัทธา....ของเรา

เป็นอะไรก็ได้มิใช่หรือ
แค่เป็นคนดีก็คงเีพียงพอ
[Add รันหณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.