//www.baanjomyut.com/library_2/as_lane_lyrics/19.html
โบราณวัตถุที่ถือว่าสำคัญแสดงให้เห็นการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศอย่างชัดเจนก็คือ พบจี้คริสตัลแกะสลักเป็นรูปสิงโต (Rock Crystal) มีสัดส่วนสวยงาม คล้ายกับเคยพบที่บ้านตอนตาเพชร อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี อำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมืองตักสิลา ในประเทศปากีสถาน เมืองสัมภร เมืองนาสิก ท่าเรือโบราณในลุ่มแม่น้ำกฤษณา ทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศอินเดีย ในสมัยกษัตริย์ราชวงศ์สาตวาหนะเรืองอำนาจ เมืองฮาลิน ประเทศพม่า รูปสิงโตถือว่าเป็นเครื่องรางที่พุทธศาสนิกชนนิยมนำติดตัวเพื่อคุ้มครองอันตราย เพราะเชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจและความยิ่งใหญ่ แสดงนัยความหมายว่า พระพุทธเจ้า ทรงเป็นสิงห์แห่งศากยะวงศ์ โบราณวัตถี่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความศักดิ์สิทธิ์ของพุทธศาสนา สมัยก่อนที่จะมีการสร้างรูปพระพุทธเจ้าเป็นรูปเคารพ ถือว่าเป็นเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ สำหรับห้อยคอติดตัวก็คือ รูปไตรรัตนะ (Triratana) ตลอดจนวัตถุที่แสดงถึงสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ เช่น หอยสังข์ ศรีวัตสะ รูปสวัสดิกะ เป็นหลักฐานยืนยันว่า ในสมัยนั้นศาสนาพุทธได้แผ่อิทธิพลเข้ามายังคาบสมุทรภาคใต้ของประเทศไทย สอดคล้องกับคัมภีร์พุทธศาสนาที่กล่าวถึง พระเจ้าอโศก ทรงโปรดให้ พระโสณะเถระ กับพระอุตตระเถระ เดินทางไปยัง สุวรรณภูมิ ... ยุคต่อมา เจ้าชายสุมิตร แห่งราชวงศ์โมริยะ เสด็จลงเรือไปยัง กรุงสุวรรณปุระ ถึงกระนั้นก็ตามเรื่องราวของแผ่นดินลึกลับซึ่งเคยเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ดึกดำบรรพ์ในคาบสมุทรอินโดจีนที่ในคัมภีร์โบราณของชาวอินเดีย และคัมภีร์ของพุทธศาสนา ที่เรียกกันว่า สุวรรณภูมิ หรือ สุวรรณทวีป และ กรุงสุวรรณปุระ ก็ยังไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน จนกระทั่งในสมัยปลายพุทธศตวรรษที่ 7
เจ้าชายสุมิตร ได้อภิเษกสมรสกับราชธิดาผู้เลอโฉมของ พระเจ้ากรุงสุวรรณปุระ เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติสืบต่อมา ตำนานดังกล่าวระบุว่า ทรงเป็นผู้สถาปนา ราชวงศ์สุวรรณปุระ ขึ้นใน สุวรรภูมิ และสืบราชวงศ์ลงมากระทั่งถึงสมัยจักรวรรดิศรีวิชัยเรืองอำนาจและล่มสลายไปในราวต้นพุทธศตวรรษที่ 18 ด้วยเหตุนี้ ราชวงศ์กษัตริย์ที่ปกครองบ้านเมืองในคาบสมุทรภาคใต้ของประเทศไทย จึงอ้างว่า พระองค์เป็นราชวงศ์เดียวกับพระพุทธเจ้า ดังปรากฏหลักฐานในบันทึกของราชทูตจีนในสมัยราชวงศ์สุยมีชื่อว่า ราชทูตเสียงจุ่น ซึ่งเดินทางมาเจริญสัมพันธไมตรีกับราชสำนักเชี๊ยะโท้ว เมื่อ พ.ศ. 1150 ระบุว่าพระเจ้าแผ่นดินของประเทศเชี๊ยะโท้ว แซ่เดียวกับพระพุทธเจ้า