กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ มีมติ "ไม่อนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาลเอกชนใน รพ.รัฐ" .. ???
มีหมอ ตั้งกระทู้ในเวบไทยคลินิก ..
" โรงพยาบาลผมเป็นโรงพยาบาลชุมชนที่ให้เอกชนมาใช้พื้นที่ในโรงพยาบาลเปิดHemodialysis (ฟอกไตทางเส้นเลือด) มาหลายปี
วันนี้มีหนังสือจากกรมสนับสนุนบริการแจ้งว่าการทำแบบนี้ไม่สามารถทำได้เนื่องจากขัดเจตนารมย์ในการก่อตั้งสถานบริการของรัฐ
เลยอยากจะทราบความคิดเห็นจากท่านในที่นี้ว่าควรจะทำอย่างไรดีกับเรื่องนี้
"
ก็เข้าใจเหตุผล ที่ มีมติออกมาแบบนั้น .. ถ้ามองในแง่ดี ทำตามนั้นก็ถูกต้องเหมาะสม ปลอดภัย ..
มาเรื่องที่คุยกันต่อดีกว่า ..
ถ้าตีความตามเนื้อหา ... " แจ้งมติ" ... พูดกันง่าย ๆ คือ " แจ้งข่าว " ... เหมือนลงท้ายหนังสือว่า " เรียนมาเพื่อทราบ " ..
หมายความว่า
" ทราบแล้ว (ท่าน) จะทำอย่างไรก็แล้วแต่ (ท่าน)
แนวทางดำเนินการต่อไป สำหรับ ผอ.รพ.รัฐ ก็คือ
๑. " ทำหนังสือ ขอความเห็นจาก สสจ. สำนักตรวจ หรือ กระทรวงสาธารณสุข (ตามสายบังคับบัญชา) ว่า จะให้ดำเนินการอย่างไร (แนวทางปฏิบัติ การตีความทางกฏหมาย ฯลฯ) ...
เพื่อเป็นหลักฐานราชการว่า ผู้บังคับบัญชา มีคำสั่ง อย่างเป็นทางการว่า ให้ปฏิบัติอย่างไร จะได้เอาไว้ป้องกันตัวหมอเอง
๒. แจ้งผลหนังสือตอบกลับ จากผู้บังคับบัญชา ให้กับ เจ้าหน้าที่ ผู้ป่วย และ ญาติ ทราบ ด้วยนะครับ ..
ไม่งั้น ท่าน ผอ. อาจถูกเข้าใจผิด หรือ อาจถูกใส่ร้าย เกิดปัญหาตามมา โดยเฉพาะ ถ้ามีคำสั่งราชการให้ " ยกเลิก " เพราะ ถ้าผู้ป่วย(ญาติ) เข้าใจ ผอ.ผิด จะมาชี้แจงทีหลัง ยากมากครับ
๓. ในตอนนี้ มีทางเลือก ๒ ทาง
- ทำเหมือนเดิม ( หมอ อาจต้อง เสี่ยง หน่อย ถ้ากรณีมีปัญหา )
- หยุดทำ ( หมอ ปลอดภัย ไม่ต้องรับผิดชอบ
)
ปล.
- เมื่อสัก ๕ ปีก่อน มีหนังสือเรื่องการให้บริการของเอกชน ใน รพ.รัฐ ผมไม่แน่ใจว่า ในหนังสือนั้น มีอะไรบ้างที่ อนุญาตให้ เอกชนมาร่วมให้บริการใน รพ.รัฐ คงต้องลองหามาดูนะครับ .. เผื่อว่า จะต้องใช้ เพื่อป้องกันตัวหมอ ทำดี ก็ต้องป้องกันตัวเองไม่ให้เดือดร้อนด้วยนะครับ
- ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่า " ประกอบกิจการสถานพยาบาลเอกชน ใน รพ.ของรัฐ " ตีความกว้างขนาดไหน เช่น เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ แลป ห้องพิเศษ เป็นต้น
Create Date : 11 มิถุนายน 2555
Last Update : 11 มิถุนายน 2555 1:07:44 น.
Counter : 3078 Pageviews.
1 comments
Share
Tweet
//www.thailandlawyercenter.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538975386&Ntype=19
พระราชบัญญัติ ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๕
เป็นปีที่ ๔๗ ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรให้มีกฎหมายว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่รัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕”
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ บรรดากฎหมาย กฎ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีและคำสั่งอื่นใดในส่วนที่บัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัตินี้ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้แทน
พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับแก่การให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ เว้นแต่การให้สัมปทานตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียมและการให้ประทานบัตรตามกฎหมายว่าด้วยแร่
มาตรา ๔ ให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้
กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
หมวด ๑
บททั่วไป
มาตรา ๕ ในพระราชบัญญัตินี้
“หน่วยงานเจ้าของโครงการ” หมายความว่า ส่วนราชการที่มีฐานะเป็นกรมหรือเทียบเท่า รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่นของรัฐ หรือราชการส่วนท้องถิ่นที่เป็นเจ้าของโครงการ
“รัฐวิสาหกิจ” หมายความว่า รัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ
“ราชการส่วนท้องถิ่น” หมายความว่า ราชการบริหารส่วนท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน
“กระทรวงเจ้าสังกัดของส่วนราชการ” หมายความว่า กระทรวงหรือทบวงซึ่งมีส่วนราชการในสังกัดตามกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม
“กระทรวงเจ้าสังกัดของรัฐวิสาหกิจ”
(๑) กรณีบริษัทจำกัด หมายความว่า กระทรวงการคลังหรือกระทรวงหรือทบวงที่ได้รับมอบอำนาจให้ใช้สิทธิเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทจำกัดแทนกระทรวงการคลัง
(๒) กรณีไม่ใช่บริษัทจำกัด หมายความว่า กระทรวงหรือทบวง ซึ่งรัฐมนตรีว่าการเป็นผู้รักษาการตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งรัฐวิสาหกิจนั้น หรือรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบในงานของรัฐวิสาหกิจนั้น
“กระทรวงเจ้าสังกัดของราชการส่วนท้องถิ่น” หมายความว่า กระทรวงมหาดไทย
“กิจการของรัฐ” หมายความว่า กิจการที่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่นของรัฐ หรือราชการส่วนท้องถิ่นหน่วยใดหน่วยหนึ่งหรือหลายหน่วยรวมกัน ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ต้องทำตามกฎหมายหรือกิจการที่จะต้องใช้ทรัพยากรธรรมชาติ หรือทรัพย์สินของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่นของรัฐ หรือราชการส่วนท้องถิ่นหน่วยใดหน่วยหนึ่งหรือหลายหน่วยร่วมกัน
“โครงการ” หมายความว่า การลงทุนในกิจการของรัฐ และการลงทุนนั้นมีวงเงินหรือทรัพย์สินตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไปหรือตามวงเงินหรือทรัพย์สินที่กำหนดเพิ่มขึ้นโดย
พระราชกฤษฎีกา
“ร่วมงานหรือดำเนินการ” หมายความว่า ร่วมลงทุนกับเอกชนไม่ว่าโดยวิธีใด หรือมอบให้เอกชนลงทุนแต่ฝ่ายเดียว โดยวิธีการอนุญาต หรือให้สัมปทาน หรือให้สิทธิไม่ว่าในลักษณะใด
“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกเอกชนร่วมงานหรือดำเนินการตามมาตรา ๑๓
หมวด ๒
การเสนอโครงการ
มาตรา ๖ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการที่ประสงค์จะให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในโครงการใด เสนอผลการศึกษาและวิเคราะห์โครงการโดยละเอียดตามประเด็นหัวข้อที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกำหนดต่อกระทรวงเจ้าสังกัด
มาตรา ๗ ถ้าโครงการตามมาตรา ๖ มีวงเงินหรือมีทรัพย์สินเกินห้าพันล้านบาทหน่วยงานเจ้าของโครงการต้องว่าจ้างที่ปรึกษามาให้คำปรึกษา และที่ปรึกษาต้องจัดทำรายงานเป็นเอกเทศตามรายละเอียดที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกำหนดไว้ในมาตรา ๖ และสาระสำคัญอื่น ๆ ที่ที่ปรึกษาเห็นสมควร และให้หน่วยงานเจ้าของโครงการส่งรายงานของที่ปรึกษาไปเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาตามมาตรา ๘ ด้วย
ที่ปรึกษาตามวรรคหนึ่ง ต้องมีคุณสมบัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา ๘ ให้กระทรวงเจ้าสังกัดของหน่วยงานเจ้าของโครงการพิจารณาเสนอผลการศึกษาและวิเคราะห์โครงการต่อส่วนราชการดังนี้
(๑) โครงการใหม่ ให้เสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณา
(๒) โครงการที่มีทรัพย์สินอยู่แล้ว ให้เสนอต่อกระทรวงการคลังพิจารณา
มาตรา ๙ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือกระทรวงการคลังดำเนินการดังนี้
(๑) สำหรับโครงการใหม่
(ก) หากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเห็นด้วยกับโครงการ ให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบในหลักการของโครงการ
(ข) ถ้าสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไม่เห็นด้วยกับโครงการ ให้แจ้งหน่วยงานเจ้าของโครงการ
ในกรณีที่หน่วยงานเจ้าของโครงการไม่เห็นด้วยกับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติตาม (ข) ให้เสนอความเห็นหรือคำชี้แจงเพิ่มเติมต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัด เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตัดสินโดยต้องแจ้งข้อมูลต่าง ๆ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกำหนดตามมาตรา ๖ และข้อมูลอื่นตามที่หน่วยงานเจ้าของโครงการเห็นสมควร
(๒) สำหรับโครงการที่มีทรัพย์สินอยู่แล้ว
(ก) ในกรณีที่กระทรวงการคลังเห็นด้วยกับโครงการ ให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบในหลักการของโครงการ
(ข) ในกรณีที่กระทรวงการคลังไม่เห็นด้วยกับโครงการ ให้แจ้งหน่วยงานเจ้าของโครงการ
ในกรณีที่หน่วยงานเจ้าของโครงการไม่เห็นด้วยกับความเห็นของกระทรวงการคลังตาม (ข) ให้เสนอความเห็นหรือคำชี้แจงเพิ่มเติมต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัดเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตัดสิน โดยต้องแจ้งข้อมูลต่าง ๆ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกำหนดตามมาตรา ๖ และข้อมูลอื่นตามที่หน่วยงานเจ้าของโครงการเห็นสมควร
ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และกระทรวงการคลังพิจารณาโครงการตามมาตรานี้ให้เสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับโครงการ หากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวให้ถือว่าสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและกระทรวงการคลังเห็นด้วยกับโครงการ
มาตรา ๑๐ ในกรณีที่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่นของรัฐหรือราชการส่วนท้องถิ่นใดจะกระทำกิจการของรัฐ และคณะรัฐมนตรีมีมติให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการ ให้หน่วยงานดังกล่าวดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีและปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๑๑ โครงการใดมีวงเงินไม่ถึงหนึ่งพันล้านบาท หรือน้อยกว่าวงเงินที่กำหนดเพิ่มขึ้นตามพระราชกฤษฎีกา คณะรัฐมนตรีอาจกำหนดให้ต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้ก็ได้
หมวด ๓
การดำเนินโครงการ
มาตรา ๑๒ เมื่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบในโครงการใดแล้ว ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการร่างประกาศเชิญชวนเอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการร่างขอบเขตของโครงการและเงื่อนไขสำคัญที่จะต้องมีในสัญญาร่วมงานหรือดำเนินการ
มาตรา ๑๓ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการแต่งตั้งคณะกรรมการคณะหนึ่งประกอบด้วยผู้แทนกระทรวงเจ้าสังกัดซึ่งเป็นข้าราชการประจำ พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงานหน่วยงานอื่นของรัฐหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี เป็นประธาน ผู้แทนกระทรวงการคลัง ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้แทนสำนักงบประมาณ ผู้แทนกระทรวงอื่นอีกสองกระทรวง กระทรวงละหนึ่งคน ผู้ทรงคุณวุฒิไม่เกินสามคน เป็นกรรมการ และให้มีผู้แทนหน่วยงานเจ้าของโครงการหนึ่งคนเป็นกรรมการและเลขานุการ
มาตรา ๑๔ ให้คณะกรรมการตามมาตรา ๑๓ มีอำนาจและหน้าที่ดังต่อไปนี้
(๑) พิจารณาให้ความเห็นชอบร่างประกาศเชิญชวนเอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการ ร่างขอบเขตของโครงการและเงื่อนไขสำคัญที่จะต้องมีในสัญญาร่วมงานหรือดำเนินการ
(๒) กำหนดหลักประกันซองและหลักประกันสัญญา
(๓) พิจารณาคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการ
(๔) พิจารณาดำเนินการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการตามที่เห็นสมควร
มาตรา ๑๕ การประกาศเชิญชวน เอกสารข้อเสนอการร่วมงานหรือดำเนินการ วิธีการประกาศเชิญชวน วิธีการคัดเลือกของคณะกรรมการซึ่งจะต้องใช้วิธีประมูล การกำหนดหลักประกันซองและหลักประกันสัญญา ต้องมีรายละเอียดอย่างน้อยตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๑๖ ในการคัดเลือกให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการ หากคณะกรรมการมีความเห็นว่า ไม่ควรใช้วิธีการคัดเลือกโดยวิธีประมูลและหน่วยงานเจ้าของโครงการเห็นชอบด้วย ให้รายงานสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและกระทรวงการคลัง หากสองหน่วยงานเห็นพ้องด้วยให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ
ถ้าหน่วยงานเจ้าของโครงการไม่เห็นด้วยกับความเห็นของคณะกรรมการตามวรรคหนึ่ง ให้ทำบันทึกความเห็นเสนอสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและกระทรวงการคลังเพื่อประกอบการพิจารณา หากสองหน่วยงานเห็นพ้องด้วยหรือถ้าหน่วยงานหนึ่งหน่วยงานใดมีความเห็นไม่ตรงกัน ให้ใช้วิธีคัดเลือกโดยวิธีประมูล
มาตรา ๑๗ ในกรณีที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบโครงการตามมาตรา ๑๒ ที่มีวงเงินหรือทรัพย์สินเกินห้าพันล้านบาท หน่วยงานเจ้าของโครงการต้องให้ที่ปรึกษาซึ่งมีคุณสมบัติตามประกาศตามมาตรา ๗ ร่างขอบเขตของโครงการและให้จัดทำความเห็นประเมินการคัดเลือกให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการตามโครงการนั้น
มาตรา ๑๘ การประกาศเชิญชวนให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการครั้งใด ถ้าไม่มีผู้เสนอเข้าร่วมงานหรือดำเนินการ ให้ยกเลิกการประกาศเชิญชวนเพื่อดำเนินการใหม่ ถ้ามีผู้เสนอเพียงรายเดียวหรือหลายราย แต่เสนอถูกต้องตามรายการในเอกสารข้อเสนอการร่วมงานหรือดำเนินการตามมาตรา ๑๕ เพียงรายเดียว หากเห็นว่ารัฐจะได้ประโยชน์ก็ให้ดำเนินการต่อไปได้
มาตรา ๑๙ การประชุมพิจารณาของคณะกรรมการ ต้องมีกรรมการเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนกรรมการทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม
มติที่ประชุมเกี่ยวกับการพิจารณาคัดเลือกข้อเสนอและเจรจาต่อรอง ต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของกรรมการที่มาประชุม
กรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานออกเสียงเพิ่มอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
มาตรา ๒๐ ให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจพิจารณาร่างสัญญาร่วมงานหรือดำเนินการก่อนลงนาม
มาตรา ๒๑ ให้คณะกรรมการนำผลการคัดเลือกพร้อมเหตุผล ประเด็นที่เจรจาต่อรองเรื่องผลประโยชน์ของรัฐ ร่างสัญญา และเอกสารทั้งหมดเสนอต่อรัฐมนตรีกระทรวงเจ้าสังกัด เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในเก้าสิบวันนับจากวันที่คณะกรรมการตัดสิน
หากคณะรัฐมนตรีไม่เห็นด้วยให้ส่งเรื่องคืนคณะกรรมการ เพื่อพิจารณาทบทวนความเห็น แล้วนำผลการพิจารณาเสนอให้คณะรัฐมนตรีตัดสินชี้ขาด
หมวด ๔
การกำกับดูแลและติดตามผล
มาตรา ๒๒ เมื่อได้มีการลงนามในสัญญาแล้ว ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการจัดตั้งคณะกรรมการประสานงานขึ้นคณะหนึ่ง ประกอบด้วยผู้แทนหน่วยงานเจ้าของโครงการเป็นประธาน ผู้แทนกระทรวงการคลังหนึ่งคน ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหนึ่งคน และผู้แทนจากหน่วยงานอื่นซึ่งมิใช่หน่วยงานเจ้าของโครงการหนึ่งคน ผู้แทนฝ่ายเอกชนที่เข้าร่วมงานหรือดำเนินการหนึ่งคน ผู้แทนกระทรวงเจ้าสังกัดหนึ่งคน และผู้แทนอื่นซึ่งหน่วยงานเจ้าของโครงการเห็นสมควรแต่งตั้งอีกไม่เกินสามคน และรวมกันไม่เกินเก้าคน เป็นกรรมการ
การประชุมของคณะกรรมการประสานงานตามวรรคหนึ่ง และองค์ประชุมให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการประสานงานกำหนด
มาตรา ๒๓ ให้คณะกรรมการประสานงานตามมาตรา ๒๒ มีอำนาจและหน้าที่ดังนี้
(๑) ติดตามกำกับดูแลให้มีการดำเนินงานตามที่กำหนดในสัญญา
(๒) รายงานผลการดำเนินงาน ความคืบหน้า ปัญหา และแนวทางแก้ไขต่อรัฐมนตรีกระทรวงเจ้าสังกัดเพื่อทราบ
ระยะเวลาที่จะต้องรายงานตาม (๒) ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการประสานงานกำหนด แต่ต้องไม่เกินหกเดือนต่อหนึ่งครั้ง
มาตรา ๒๔ ในกรณีที่ปรากฏว่าหน่วยงานเจ้าของโครงการละเลยหรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อผูกพันของสัญญาที่ลงนามไปแล้ว ให้ผู้แทนกระทรวงการคลังในคณะกรรมการประสานงานทำรายงานเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
หมวด ๕
บทเฉพาะกาล
มาตรา ๒๕ โครงการใดที่ให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการซึ่งได้กระทำไปแล้วในขั้นตอนใดก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้เป็นอันใช้ได้แต่การดำเนินการในขั้นตอนต่อไปให้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
อานันท์ ปันยารชุน
นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากกฎหมายว่าด้วยการให้สัมปทานหรือให้สิทธิแก่เอกชน หรือการร่วมทุนระหว่างรัฐกับเอกชนในปัจจุบัน ส่วนใหญ่จะกำหนดให้เป็นอำนาจการพิจารณาของบุคคลผู้เดียวหรือหน่วยงานเดียว และในเรื่องสำคัญจะกำหนดให้เป็นอำนาจของรัฐมนตรี ทำให้การพิจารณาอาจเป็นไปโดยไม่มีหลักเกณฑ์ที่แน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้สัมปทานตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘ ลงวันที่ ๒๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๕ ส่วนใหญ่กฎหมายไม่ได้กำหนดวิธีปฏิบัติไว้ ดังนั้น เพื่อให้มีแนวทางการปฏิบัติและใช้บังคับแก่การให้สัมปทานหรือการร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ โดยเฉพาะโครงการที่มีการลงทุนหรือมีทรัพย์สินตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป สมควรให้มีกฎหมายว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
โดย:
หมอหมู
วันที่: 10 กรกฎาคม 2555 เวลา:1:13:29 น.
ชื่อ :
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
Cmu2807.BlogGang.com
หมอหมู
Location :
กำแพงเพชร Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ผู้ติดตามบล็อก : 762 คน [
?
]
บทความทั้งหมด
ทำอย่างไรดีเมื่อแพทย์โดนฟ้อง ... รศ.นพ.เมธี วงศ์ศิริสุวรรณ (นำมาฝาก)
ไปคลินิกแล้ว จะดูอย่างไรว่า ผู้ที่ตรวจรักษา เป็น หมอจริง ?
รู้ไว้ใช้สิทธิ์เมื่อเจ็บป่วยฉุกเฉิน การเรียกเก็บค่ามัดจำหรือลงนามรับผิดชอบค่ารักษา เองฯ อาจทำไม่ได้
ระบบสุขภาพสหรัฐฯ ทำ แพทย์-พยาบาล หมดไฟทำงาน เหตุจากภาระงานเกินตัว เทคโนโลยีล้าหลัง ( เน้น สหรัฐ )
คดีทางปกครอง เกี่ยวกับ ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล กับ เวชระเบียนในความครอบครองควบคุมดูแลรักษา ของ รพ
เจอข้อมูลข่าวสารสุขภาพออนไลน์ ทำไงจึงไม่ถูกหลอก ? โดย มะไฟ
การตั้งท้องคือความเจ็บป่วยอย่างหนึ่ง และ การคลอด ก็คือ การเข้าสู่สมรภูมิรบ
แนวทางการชันสูตรศพคดี การตรวจผู้ป่วยคดี และ การจัดทำเอกสารทางคดี สำหรับแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป ปี 2562
คำแนะนำมาตรฐานการป้องกันโรคหัวใจปี 2019 .. ( คัดลอกจากเวบ DrSant บทความสุขภาพ นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ )
ค่าบริการผู้ป่วยไม่ฉุกเฉินนอกเวลาราชการ ครั้งละ 110 บาท ตามระเบียบกระทรวงสาธารณสุข
แพทย์ต้องการความมั่นคง สังคมต้องการผู้เชี่ยวชาญ ผ่าปัญหา หมอสมองไหล กับ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
ชี้แนวโน้มการฟ้องร้องทางการแพทย์สูงขึ้นเรื่อยๆ
เทคนิคการสื่อสารสำหรับแพทย์ ... ผศ. นพ. พนม เกตุมาน
Tips เยี่ยมไข้ 'ผู้ป่วยหนัก'" 14 ข้อ ..จากเฟส ชีวามิตร Cheevamitr Social Enterprise
อัตราการมีบุตรของวัยรุ่น : ข้อมูล พ.ศ.2558-2559
No Fault ในความหมายทางการแพทย์ ... พญ.เชิดชู อริยศรีวัฒนา
สธ.ออกคู่มือจัดบริการเพิ่มพิเศษของ รพ. พร้อมประกาศจ่ายเงินบำรุงเป็นค่าตอบแทน
iinfographic 9 ข้อควรรู้เรื่องเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติมีสิทธิทุกที่ ( UCEP )
ชี้แจง เรื่องเครื่อง Thermatron กับโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ .. โดย นพ. นิธิ ผอ รพ จุฬาภรณ์
นพ.ธีระ วรธนารัตน์ : เจ็บป่วยฉุกเฉิน เมื่อนโยบายยังไม่ชัด ต้องคิดก่อนเข้า
ถอดความ รายการสามัญชน คนไทย ตอน กฎหมายคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบทางสาธารณสุข ... ชเนษฎ์ ศรีสุโข
เมื่อแพทย์และพยาบาลต้องล้มละลายเพราะถูกไล่เบี้ย ... ผศ.นพ.เมธี วงศ์ศิริสุวรรณ
กรรมการแพทยสภาในต่างประเทศ มีคนนอกหรือไม่และทำหน้าที่อะไร ?
รีบเกินไปพาวินิจฉัยโรคพลาด ผละจาก งานยุ่ง เพื่อที่จะมี เวลาคิด .. นำมาฝาก
นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภาชี้คดีฟ้องหมอพุ่ง หวั่นอนาคตระบบสาธารณสุขไทยกำลังจะเจ๊ง
รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้าประกาศ นอกเวลาราชการโรคไม่ฉุกเฉินเก็บ 200
"การแก้ปัญหาปลายเหตุ" ... ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา
ประกันภัยภาระรับผิดชอบในวิชาชีพ ทางออกหนึ่งสำหรับคดีทางการแพทย์
แพทยสภา ดัน ต่ออายุใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม ไม่ต้องสอบใหม่ ไม่มีผลย้อนหลัง
โรงพยาบาลปฏิเสธการรักษาถือเป็นละเมิด ... แล้วทำไม "แพทยสภา" ถึงบอกว่า หมอมีสิทธิปฏิเสธคนไข้ได้ ?
แขวนป้าย แขวน ใบ ว. ... ถ้ารู้แล้วยืนยันจะเสี่ยงก็ไม่ว่ากัน
โรงพยาบาลเอกชน "แพง" .. ข้อมูลที่ยังไม่รู้ หรือว่า แกล้งไม่รู้ ? ( ฟังความอีกข้าง ^_^ )
คำแนะนำเพื่อหลีกเลี่ยงค่ารักษาโรงพยาบาลเอกชนแสนแพง ... ( นำมาฝาก )
ขรก.เบิกกลูโคซามีนได้แล้ว หลังศาลปกครองมีคำสั่งเพิกถอนเกณฑ์ ก.คลัง
สพฉ. จับมือ สธ. พัฒนาการให้บริการผู้ป่วยฉุกเฉินตามนโยบาย เจ็บป่วยฉุกเฉิน รักษาทุกที่ ดีทุกสิทธิ์
เจ็บป่วยฉุกเฉินมาตรฐานเดียว นโยบายดี แต่การปฏิบัติล้มเหลว ? ...
กฏหมาย แพทย์ต้องรู้ ( ผู้ป่วยและญาติ ก็ควรรู้ )
ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แจงสภาพข้อเท็จจริงระบบสุขภาพของไทย
บริการตรวจสุขภาพเคลื่อนที่ เลือกอย่างไร ไม่ให้ถูกหลอก ?
สถานการณ์การตั้งครรภ์ในวัยรุ่นในประเทศไทย 2556 ; Adolescent Pregnancy Thailand 2013
(เก็บมาฝาก) สำหรับผู้ที่ต้องการบริจาคโลหิต เกล็ดโลหิต เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต (สเต็มเซลล์)
มหัศจรรย์! ล้างพิษมายาวิทยา-ไสยศาสตร์ ... โดย : ศ.น.พ. ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
อาหารเสริม....บนเส้นทางสู่อมตะ ... ศจ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา (นำมาฝาก)
ทุ่ม 4 หมื่นล้าน ผลิตแพทย์เพิ่มมหา'ลัยรัฐ-เอกชน เปิดคณะรองรับ
๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๕ ขยายเวลาให้ข้าราชการ เบิกค่ายากลูโคซามีน ได้ ( คดีพลิกอีกแล้วครับท่าน )
ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับโรคมะเร็งจาก รพ.จอห์น ฮอพกินส์ เป็นเรื่องโกหกแต่เชื่อ ?
ปัญหาสาธารณสุขไทย ความจริงของ “แพทย์ไทย” กับอนาคตไร้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
สิทธิการตาย กับ หน้าที่ทำให้ตาย ... โดย : นพ. เมธี วงศ์ศิริสุวรรณ (พบ., นบ, ปรม.)
เมื่อ สาธารณสุข กลายเป็น สาธารณทุกข์ โดย : นพ. เมธี วงศ์ศิริสุวรรณ
ฉีดยาแล้วตายในสหรัฐ.......กรณีศึกษาบทเรียนในประเทศไทย โดย ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
เปิดเสรีประชาคมศก.อาเซียนการแพทย์ไทยได้มากกว่าเสีย ?
คลังสั่งถอน “กลูโคซามีนซัลเฟต” จากระบบเบิกค่ายา ขรก. ..ห้ามเบิกตั้งแต่ ๑ พย. ๕๕
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ มีมติ "ไม่อนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาลเอกชนใน รพ.รัฐ" .. ???
โครงการ การประกวดคำขวัญCME ครั้งที่ 2 .. เรียนเชิญแพทย์ทุกท่านนะครับ
ผู้ป่วยไม่ใช่ผู้บริโภค : Patients are not Consumers
กระบวนการแสวงหาข้อเท็จจริงและกระบวนการยุติธรรมในแพทยสภา
รวมลิงค์บทความ เกี่ยวกับ พรบ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข .. ( เพียบบบบบบ )
12 วลีฮิต ติดปากหมอ ที่ต้องขอแปล ... จากเวบ เดลินิวส์
ชี้ช่องทางเลี่ยงจ่ายค่ายามหาโหด ลอกคราบ ‘รพ.เอกชน’คิดอย่างไรถึงแพงสุดขั้ว !
ฉลาดเลือกใช้...การแพทย์ทางเลือก .... โดย อ.ประมาณ เลืองวัฒนะวณิช
“อย.มีหน้าที่รับรองเฉพาะส่วนผสม สถานที่ผลิต และระบบการผลิต ไม่ได้รับรองสรรพคุณว่าสามารถรักษาโรคต่างๆ
การใช้ดุลพินิจของแพทย์ในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม ... นพ.เมธี วงศ์ศิริสุวรรณ
คำชี้แจง จาก ราชวิทยาลัยออร์โธฯ เกี่ยวกับยารักษาข้อเข่าเสื่อม (ที่กรมบัญชีกลางสั่งห้ามเบิก)..(จบ?)
กฤตขาดแพทย์ผ่าตัดสมอง 30 จังหวัด! ใครป่วยตายสถานเดียว-ชี้หมอแบกคนไข้ 1 ต่อ 3.5แสน
สิทธิคนไข้ในเรื่องการตรวจAnti HIV .. กระทู้น่าสนใจจากห้องลุมพินี
'แพทยสภา' เตรียมฟ้องศาลปกครองเพิกถอน'สิทธิการตาย' หวั่นคนไข้ทั่วไป เสียสิทธิหลายกรณี
คลัง ส่งหนังสือด่วนถึง รพ.อนุมัติเบิกจ่ายยาข้อเสื่อมได้แบบมีเงื่อนไข
คลังไฟเขียวเบิกจ่ายยารักษาโรคข้อเข่าเสื่อมเหมือนเดิม ... ( ไม่รู้จะมีคดีพลิก อีกหรือเปล่า ??? )
คลังคุมเข้มเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาล ขรก. ... กรมบัญชีกลาง ยังไม่ให้เบิกยารักษาข้อเข่าเสื่อม ???
ผมมีงานมีการทำ....ไม่ต้องการไปขอทานใคร ............ แก้วสรร อติโพธิ
ทำไมหมอไม่ชอบให้โรงพยาบาลรัฐบาลขาดทุน? ... พญ.เชิดชู อริยศรีวัฒนา
คำชี้แจง จาก ราชวิทยาลัยออร์โธฯ เกี่ยวกับยารักษาข้อเข่าเสื่อม (ที่กรมบัญชีกลางสั่งห้ามเบิก)..( ต่อ )
คำชี้แจง จาก ราชวิทยาลัยออร์โธฯ เกี่ยวกับยารักษาข้อเข่าเสื่อม ..(ที่กรมบัญชีกลางสั่งห้ามเบิก)
41 ความในใจ ที่ หมอ ขอบอก ..... จาก รีดเดอร์ส ไดเจสท์
ประชาชนต้องการความปลอดภัยในการไปโรงพยาบาล หรือต้องการได้รับเงินชดเชยความเสียหาย?
วิปรัฐบาลรับลูกภาคีวิชาชีพแพทย์ เสนอ ครม.ทบทวน กม.ค้มครองผู้เสียหายฯ
"แพทยสภาปกป้องทั้งคนไข้-แพทย์"
ด้วยรัก..ถึงนักโฆษณา... โดย Panrudee Yung ( นำมาฝากจาก FB )
เชิญชม รายการ Business Week ทาง TNN 01...สัมภาษณ์ น.อ.(พิเศษ) นพ.อิทธพร คณะเจริญ รองเลขาธิการแพทยสภา
ขอนแก่นโมเดล .. ดีจริงหรือ ??? .. ลองมาฟังความเห็น ข้อกังวลใจ ของจักษุแพทย์
" เบื้องหลัง " .... พรบคุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข ฯ ... โดย นพ.เมธี วงศ์ศิริสุวรรณ
ผู้ร้ายในโรงหมอ ??? .... โดย ชัยณรงค์ กิตินารถอินทราณี ..กรุงเทพธุรกิจ..
"ศาลปกครองกลาง" ตัดสินให้ผู้ป่วยชนะคดี "เวชระเบียนหาย" รพ.ศิริราช ต้องจ่ายชดเชย ๑ แสนบาท+ดอกเบี้ย
สรุปผลการสัมมนาร่างพรบ.คุ้มครองฯ ของ บุคลากรทางการแพทย์เขตภาคเหนือ ณ คณะแพทย์ศาสตร์ มช. เมือ ๓พย๕๓
คำถามที่ต้องตอบ และคำตอบที่ต้องใคร่ครวญเกี่ยวกับร่างพ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายฯ ..จากเวบสมาพันธ์แพทย์
เมื่อร่างพรบ.คุ้มครองฯ เป็นกฎหมาย การดูแลผู้ป่วยโดยหลักการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์จะไม่เกิดขึ้นอีกต่อไป
ขยะใต้พรม พรบ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสธ. ... โดย doctorlawyer
พรบ.คุ้มครองผู้เสียหายฯประชาชนได้ประโยชน์จริงหรือ ??... โดย ศ.พญ.ถนอมศรี ศรีชัยกุล
รายการจับเข่าคุย สรุปประเด็น พรบ.คุ้มครองผู้เสียหาย..ครบถ้วน โดย อ.วันชาติ
"จุรินทร์" ไม่รู้เท่าทันเอ็นจีโอ (หรือ แกล้งโง่..) ... โดย พญ.เชิดชู อริยศรีวัฒนา
"คลอโรฟิลล์" .. ดีจริง ตามที่โฆษณา หรือว่า แค่หลอกเล่น เหมือนกับที่เคย ๆ ...
พ.ร.บ .คุ้มครองความเสียหายฯ กับผลกระทบด้านลบต่อสังคมในระยะยาว ....... โดย สุจิตรา
พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายฯเพื่อใคร?! ... คอลัมน์: บันทึก...บ้านเมือง จาก หนังสือพิมพ์ บ้านเมือง
สรุปข่าว และ กำหนดการ ประชาพิจารณ์/ประชามติ ร่าง พรบ.คุ้มครองฯ ฉบับรัฐบาล 3 ก.ย. ถึง 16 ก.ย. 53
บทวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงแก้ไข ร่างพรบ.คุ้มครองผู้เสียหายฯ ... โดย นพ.เมธี วงศ์ศิริสุวรรณ
นัก กม.แจง กมธ.สธ.คุ้มครองผู้เสียหาย ยุติธรรม เอื้อ 2 ฝ่าย .... ข่าวจาก ASTV online
ร่างกฏหมายมูลนิธิสังคมสงเคราะห์ชนิดบังคับเรียกเก็บก่อนเดินเข้าโรงพยาบาล ..... โดย เคมบริดส์
ทำไม พรบ.ร่างรัฐบาลที่เป็นร่างหลัก จึงมีปัญหา (มากกว่าร่าง ภาคประชาชน) ??? ...โดย 716:16
ประเด็นที่ซ่อนเร้นใน พรบ.คุ้มครองฯ... ประเด็นที่วิญญูชนหน้ากากหลุด .... โดย ไทสยาม
7 กย 53 ... องค์กรแพทย์ รพ.ราชวิถี จัดประชุมวิชาการเรื่อง (ร่าง)พรบ.คุ้มครองฯ ดีจริงหรือ ???
ไอเดียเจ๋ง! กทม.เล็งเพิ่มศักยภาพเทศกิจ"ทำคลอด-เข้าเฝือก" .....เพิ่มความเห็น นพ.อุสาห์ (พรบ.คุ้มครอง)
ทำไมผมจึงเชื่อว่าร่างพ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายฯจะส่งเสริมให้มีการฟ้องร้อง มากยิ่งขึ้น ... นพ.วิสุทธิ์
กฎหมายต้องเป็นธรรม ... โดย นพ. เกษม ตันติผลาชีวะ (ไทยโพสต์)
ขอให้คิดให้รอบคอบก่อนที่จะรับร่าง พรบ.คุ้มครองฯ ซึ่งกำลังเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ .. โดย นพ.เอื้อชาติ
ไม่ยากหาก "นายกฯอภิสิทธิ์" คิดจะทำ ... โดย ลม สลาตัน (ไทยรัฐ) .. (เป็นเรื่อง พรบ.คุ้มครองฯ)
พ.ร.บ.คุ้มครองความเสียหายฯ และการเมืองภาคประชาชน .. โดย สุจิตรา
ทำไมจึงคัดค้านร่างพ.ร.บ.คุ้มครองฯ .... โดย พญ. เชิดชู อริยศรีวัฒนา ประธาน สผพท.
รายการ "เวทีสาธารณะ" สนทนา หาทางออก พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายฯ....เพิ่มความเห็นเบื้องลึกเบื้องหลัง ..
อะไรคือ ความเสียหาย ในร่างพ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายฯ ... โดย ศ.นพ.ธารา ตริตระการ
เหตุผลสำคัญที่ไม่ต้องมีพ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข .. พญ.เชิดชู
ปัญหาการประกันความเสียหายจากการให้บริการสาธารณสุขโดยผิดพลาด .. โดย แก้วสรร อติโพธิ
เหยื่อของรัฐ : ระบบการแพทย์ - สาธารณสุขของไทย ... โดย ..ศจ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
ระบบบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขไทย ลงทุนน้อยแต่หวังผลเกินจริง ..รักษาฟรี ไม่พอใจแถมเงินกลับบ้าน
โพลชี้ ปชช.ไม่เห็นด้วยหมอ-บุคคลากรแพทย์ค้านพรบ.คุ้มครองผู้เสียหาย ...จาก มติชน
สืบเนื่องจาก อ.นิธิ เขียน " ใครเสีย ในร่างพ.ร.บ.คุ้มครองความเสียหายฯ " .. ขอแจมหน่อย นะครับ..
สืบเนื่องจากคำถามของ "กาแฟดำ" ในเรื่อง "หมออย่าทะเลาะกัน คนไข้จะเป็นลม" .. โดย พญ.เชิดชู
สนทนาเรื่องรัฐสวัสดิการกับอาจารย์บุญส่ง ชเลธร ... โดย ดร.โสภณ พรโชคชัย
ติดกระดุมเสื้อผิดตั้งแต่ พรบ. หลักประกันสุขภาพ .. โดย พ.ต.ท หญิง ฐิชาลักษณ์ ณรงค์วิทย์
ร่าง พรบ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการฯ...ใครได้ใครเสีย? ... จาก พญชัญวลี ศรีสุโข + นสพ.มติชน
บทเรียนจากประเทศสวีเดน ว่าด้วยการชดเชยความเสียหายจากบริการสาธารณสุข .. มติชน
มาตรา 5 และ6 องค์ประกอบของคณะกรรมการ พูดจาภาษาชาวบ้านให้เข้าใจง่าย .. By : doctorlawyer (แร๊งงงง)
เบื้องหลังที่ถูกตัดออกไปจาก Prototype (ร่างแรก) ...ความเห็นของ "หมอ+นักกฎหมาย" ผู้ร่วมร่าง พรบ.นี้ ฯ
ปุจฉาวิสัชนา พรบฯ .. ความเห็นของ "หมอ+นักกฎหมาย" ผู้ร่วมร่าง พรบ.นี้ ตั้งแต่เริ่ม (อ่านแล้วจะ อืมมม)
ประเด็นที่น่าสงสัย ใน พรบ.คุ้มครอง ฯ ..และ..ลิงค์กระทู้บทความที่น่าสนใจ จะได้เข้าใจตรงกันมากขึ้น
ปีกสองข้างของการบริการสุขภาพและการสาธารณสุขไทย ปัญหาที่ท้าทาย ( ตอน ๓ ) .... โดย นพ.อุสาห์
ปีกสองข้างของการบริการสุขภาพและการสาธารณสุขไทย ปัญหาที่ท้าทาย ( ตอน ๒ ) .... โดย นพ.อุสาห์
ความเห็นเกี่ยวกับ พรบ.คุ้มครองฯ ..โดย นพ.วิสุทธิ์ ลัจฉเสวี ( แพทย์ + นักกฎหมาย)
ปีกสองข้างของการบริการสุขภาพและการสาธารณสุขไทย ปัญหาที่ท้าทาย .. โดย .. นพ.อุสาห์ พฤฒิจิระวงศ์
ข่าวปชส.กิจกรรมความเคลื่อนไหว สมาพันธ์แพทย์ รพศ./รพท แห่งประเทศไทย
ถ้าไม่มีพ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากบริการสาธารณสุขแล้ว ประชาชนจะยังได้รับความคุ้มครองอยู่หรือไม่ ?
ร่าง พรบ. คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข ... ปัญหา หรือ โอกาส ...
อย.เตือนเหรียญ"ควอนตั้ม"ไม่มีผลทางการแพทย์ ..... เตือนแล้วเตือนอีก จะมีคนเชื่อมั่งหรือเปล่าเนี๊ย ???
อาหารเสริมหรือเสริมอาหาร จะเอาอะไรกันแน่ ??? อาหารต้านอนุมูลอิสระ ??? ... นำมาฝากจากเวบ หมอชาวบ้าน
มะรุม พืชสมุนไพร แต่ไม่ใช่ ยาวิเศษ .... บทความดี ๆ จากเวบ สสส.
ห้องตรวจในโรงพยาบาลของรัฐ ... กับ ... ความลับของผู้ป่วย
วิตามิน อาหารเสริม ... โทษมากกว่าคุณ ??? .... จาก นสพ.ไทยรัฐ
ใครว่า องค์การอาหารและยา ( อย. ) ไม่มีผลงาน ... ผมค้านเต็มที่ ... มีผลงานของ อย.มาแสดงด้วย .
จริง-เท็จ แผนเด็ดโฆษณา ฟิลเตอร์เทพ-แอร์ ฆ่าหวัด09 ..... นักวิชาการชี้ เป็นไป ไม่ได้
เภสัช มช. ช่วยไขข้อข้องใจ 5 ประการ ว่าด้วย น้ำหมักชีวภาพ ....
ทำไม ต้อง " ขาว " .. ทำไม ต้อง " เอาชีวิต สุขภาพ ของเรา " เพื่อให้คนอื่นเขาดู ???
กว่าจะมาเป็นหมอผิวหนัง ... แพทย์ผิวหนังคือใคร ... อยากรู้ก็แวะมาอ่านได้เลย ...
ยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ยืนยัน.. การใช้ Growth Factor .. มารักษารอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าได้จริง ...
FW mail ... รวมสินค้า (แหกตา) โดนแล้วจะตาแหก...
ครม.ผ่านกฎกระทรวง สิทธิการตาย ......เปิดช่องหมอยุติรักษาตามเจตนาคนไข้ ...
...สาวฮ่องกง.... จำนวนมาก ถูกบริษัทลดน้ำหนัก หลอกโกงเงิน .... แล้วเมืองไทยละ ???
อาหารเสริม เลือดจระเข้ ดีจริงหรือ ???
สุดยอดการหลอกลวงด้านสุขภาพ ... จาก อเมริกา ดูแล้วก็ไม่ต่างอะไร กับเมืองไทย ...
ผลสัมมนาเรื่องสมองตาย การตายตามกฎหมายที่แพทย์วินิจฉัย ... นพ.สุกิจ
ตีแผ่ FW Mail สุขภาพที่หลายคนเข้าใจผิด (หมอแมว) แถมเรื่อง การช่วยชีวิตเบื้องต้น
...... " ผ่าตัด เสี่ยงหรือเปล่าครับหมอ ??? " .... " หมอรับรองหรือเปล่าว่าจะหาย ???" ....
คุณไพศาล บอกว่า..วิชาปัญจศาสตร์ รักษามะเร็งหาย ๑๐๐ % .. แผนปัจจุบันตายทุกคนหรือตายเป็นส่วนใหญ่ ???
ไทยติด ๑ ใน ๕ ประเทศ ที่เสี่ยงต่อการทำศัลยกรรม แล้วมีปัญหาตามมาต้องกลับไปผ่าตัดแก้ไข ???
FW Mail : รายชื่อแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่ดีที่สุดในเมืองไทย ... ... จริงหรือ ???
หมอ ... มีสิทธ ิ... ที่จะปฏิเสธ .... คนไข้ที่ไม่ฉุกเฉิน..... หรือเปล่า ???
ผลการสำรวจสุขภาวะของแพทย์ไทย ปี พ.ศ. 2545 - 2549
อึ้ง! วิจัยเผยคนไทยใช้ยาเกินจำเป็น 500ล.ต่อปี .... ( จริง ๆ น่าจะมากกว่านั้นเยอะ )
น้ำ MRET น้ำโมเลกุลหกเหลี่ยม ... ใครเชื่อ ผมไม่เชื่อ ????
พยากรณ์โอกาสเสี่ยงโรคหัวใจ หลอดเลือดล่วงหน้า 10 ปี อัตโนมัติ
โรคหรือสภาพร่างกายหรือสภาพจิตใจ ซึ่ง ไม่สามารถจะรับราชการทหาร (คัดเลือกทหาร) ตามมาตรา 41
ได้ไม่เท่าเสีย ....โดย สุนทร นาคประดิษฐ์ ( ความเห็น เกี่ยวกับ การฟ้องร้องแพทย์ )
ช่องทางร้องเรียนเกี่ยวกับ ยา-หมอ-คลินิก-โรงพยาบาล-สิทธิรักษา (บัตรทอง ประกันสังคม เบิกได้ พรบ.รถ)
การรักษาด้วย คีเลชั่น....ดีจริงหรือมั่วนิ่ม ??? + แพทยสภาไม่รับรอง"คีเลชั่น"
กลูต้าไทโอน ทำให้ผิวขาวจริงหรือไม่.. โดย...สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย
!@! มดลูกเกือบแตก !@!
ภัยจากนามบัตร ยาป้าย ยาสลบ ( ใครที่มีสุตรยาป้าย ถ้าได้ผลจริง มีคนให้เงินล้าน ไม่ต้องไปป้ายข้างถนน)
ฟ้องร้องแพทย์ ความยุติธรรมแก่ใคร ฤๅ???
นศ.แพทย์ เจอดี! ประชาชนฟ้อง ฉีดยาชุ่ย! ฆ่าทารก !
(เก็บมาฝาก) สำหรับผู้ที่ต้องการบริจาค ร่างกาย อวัยวะ ดวงตา
บทความเรื่อง : สาร Glutathione สำหรับทำให้ผิวขาวที่กำลังเป็นที่นิยม
อย. ยัน "ไม่เคยรับรอง" ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ลดอ้วนได้จริง ..วิธีตรวจสอบ แอบอ้างเลข อย. (ปลอมทุกอย่าง)
อย.ย้ำ ผู้บริโภค อย่าหลงเชื่อ เครื่องบำบัดด้วยกระแสไฟฟ้าสถิตย์ อวดอ้างสรรพคุณรักษาโรค
ขอประนามหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ที่ลงรูปน้องนีนาเหยื่อสุนัขโหด
ยา กับ อาหารเสริม (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร) ต่างกันอย่างไร ???
อาหารเสริม ดีจริงหรือ ??? กินกูลต้าไธโอน ขาวจริงป่ะ ???
ข้อแนะนำก่อนจะพบแพทย์กระดูกและข้อ
มีบทความสุขภาพ โรคทั่วไป โรคกระดูกและข้อ ทำเป็น pdf ให้ download
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
//www.thailandlawyercenter.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538975386&Ntype=19
พระราชบัญญัติ ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๕
เป็นปีที่ ๔๗ ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรให้มีกฎหมายว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่รัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕”
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ บรรดากฎหมาย กฎ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีและคำสั่งอื่นใดในส่วนที่บัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัตินี้ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้แทน
พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับแก่การให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ เว้นแต่การให้สัมปทานตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียมและการให้ประทานบัตรตามกฎหมายว่าด้วยแร่
มาตรา ๔ ให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้
กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
หมวด ๑
บททั่วไป
มาตรา ๕ ในพระราชบัญญัตินี้
“หน่วยงานเจ้าของโครงการ” หมายความว่า ส่วนราชการที่มีฐานะเป็นกรมหรือเทียบเท่า รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่นของรัฐ หรือราชการส่วนท้องถิ่นที่เป็นเจ้าของโครงการ
“รัฐวิสาหกิจ” หมายความว่า รัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ
“ราชการส่วนท้องถิ่น” หมายความว่า ราชการบริหารส่วนท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน
“กระทรวงเจ้าสังกัดของส่วนราชการ” หมายความว่า กระทรวงหรือทบวงซึ่งมีส่วนราชการในสังกัดตามกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม
“กระทรวงเจ้าสังกัดของรัฐวิสาหกิจ”
(๑) กรณีบริษัทจำกัด หมายความว่า กระทรวงการคลังหรือกระทรวงหรือทบวงที่ได้รับมอบอำนาจให้ใช้สิทธิเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทจำกัดแทนกระทรวงการคลัง
(๒) กรณีไม่ใช่บริษัทจำกัด หมายความว่า กระทรวงหรือทบวง ซึ่งรัฐมนตรีว่าการเป็นผู้รักษาการตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งรัฐวิสาหกิจนั้น หรือรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบในงานของรัฐวิสาหกิจนั้น
“กระทรวงเจ้าสังกัดของราชการส่วนท้องถิ่น” หมายความว่า กระทรวงมหาดไทย
“กิจการของรัฐ” หมายความว่า กิจการที่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่นของรัฐ หรือราชการส่วนท้องถิ่นหน่วยใดหน่วยหนึ่งหรือหลายหน่วยรวมกัน ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ต้องทำตามกฎหมายหรือกิจการที่จะต้องใช้ทรัพยากรธรรมชาติ หรือทรัพย์สินของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่นของรัฐ หรือราชการส่วนท้องถิ่นหน่วยใดหน่วยหนึ่งหรือหลายหน่วยร่วมกัน
“โครงการ” หมายความว่า การลงทุนในกิจการของรัฐ และการลงทุนนั้นมีวงเงินหรือทรัพย์สินตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไปหรือตามวงเงินหรือทรัพย์สินที่กำหนดเพิ่มขึ้นโดย
พระราชกฤษฎีกา
“ร่วมงานหรือดำเนินการ” หมายความว่า ร่วมลงทุนกับเอกชนไม่ว่าโดยวิธีใด หรือมอบให้เอกชนลงทุนแต่ฝ่ายเดียว โดยวิธีการอนุญาต หรือให้สัมปทาน หรือให้สิทธิไม่ว่าในลักษณะใด
“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกเอกชนร่วมงานหรือดำเนินการตามมาตรา ๑๓
หมวด ๒
การเสนอโครงการ
มาตรา ๖ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการที่ประสงค์จะให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในโครงการใด เสนอผลการศึกษาและวิเคราะห์โครงการโดยละเอียดตามประเด็นหัวข้อที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกำหนดต่อกระทรวงเจ้าสังกัด
มาตรา ๗ ถ้าโครงการตามมาตรา ๖ มีวงเงินหรือมีทรัพย์สินเกินห้าพันล้านบาทหน่วยงานเจ้าของโครงการต้องว่าจ้างที่ปรึกษามาให้คำปรึกษา และที่ปรึกษาต้องจัดทำรายงานเป็นเอกเทศตามรายละเอียดที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกำหนดไว้ในมาตรา ๖ และสาระสำคัญอื่น ๆ ที่ที่ปรึกษาเห็นสมควร และให้หน่วยงานเจ้าของโครงการส่งรายงานของที่ปรึกษาไปเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาตามมาตรา ๘ ด้วย
ที่ปรึกษาตามวรรคหนึ่ง ต้องมีคุณสมบัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา ๘ ให้กระทรวงเจ้าสังกัดของหน่วยงานเจ้าของโครงการพิจารณาเสนอผลการศึกษาและวิเคราะห์โครงการต่อส่วนราชการดังนี้
(๑) โครงการใหม่ ให้เสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณา
(๒) โครงการที่มีทรัพย์สินอยู่แล้ว ให้เสนอต่อกระทรวงการคลังพิจารณา
มาตรา ๙ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือกระทรวงการคลังดำเนินการดังนี้
(๑) สำหรับโครงการใหม่
(ก) หากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเห็นด้วยกับโครงการ ให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบในหลักการของโครงการ
(ข) ถ้าสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไม่เห็นด้วยกับโครงการ ให้แจ้งหน่วยงานเจ้าของโครงการ
ในกรณีที่หน่วยงานเจ้าของโครงการไม่เห็นด้วยกับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติตาม (ข) ให้เสนอความเห็นหรือคำชี้แจงเพิ่มเติมต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัด เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตัดสินโดยต้องแจ้งข้อมูลต่าง ๆ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกำหนดตามมาตรา ๖ และข้อมูลอื่นตามที่หน่วยงานเจ้าของโครงการเห็นสมควร
(๒) สำหรับโครงการที่มีทรัพย์สินอยู่แล้ว
(ก) ในกรณีที่กระทรวงการคลังเห็นด้วยกับโครงการ ให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบในหลักการของโครงการ
(ข) ในกรณีที่กระทรวงการคลังไม่เห็นด้วยกับโครงการ ให้แจ้งหน่วยงานเจ้าของโครงการ
ในกรณีที่หน่วยงานเจ้าของโครงการไม่เห็นด้วยกับความเห็นของกระทรวงการคลังตาม (ข) ให้เสนอความเห็นหรือคำชี้แจงเพิ่มเติมต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัดเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตัดสิน โดยต้องแจ้งข้อมูลต่าง ๆ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกำหนดตามมาตรา ๖ และข้อมูลอื่นตามที่หน่วยงานเจ้าของโครงการเห็นสมควร
ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และกระทรวงการคลังพิจารณาโครงการตามมาตรานี้ให้เสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับโครงการ หากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวให้ถือว่าสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและกระทรวงการคลังเห็นด้วยกับโครงการ
มาตรา ๑๐ ในกรณีที่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่นของรัฐหรือราชการส่วนท้องถิ่นใดจะกระทำกิจการของรัฐ และคณะรัฐมนตรีมีมติให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการ ให้หน่วยงานดังกล่าวดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีและปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๑๑ โครงการใดมีวงเงินไม่ถึงหนึ่งพันล้านบาท หรือน้อยกว่าวงเงินที่กำหนดเพิ่มขึ้นตามพระราชกฤษฎีกา คณะรัฐมนตรีอาจกำหนดให้ต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้ก็ได้
หมวด ๓
การดำเนินโครงการ
มาตรา ๑๒ เมื่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบในโครงการใดแล้ว ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการร่างประกาศเชิญชวนเอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการร่างขอบเขตของโครงการและเงื่อนไขสำคัญที่จะต้องมีในสัญญาร่วมงานหรือดำเนินการ
มาตรา ๑๓ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการแต่งตั้งคณะกรรมการคณะหนึ่งประกอบด้วยผู้แทนกระทรวงเจ้าสังกัดซึ่งเป็นข้าราชการประจำ พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงานหน่วยงานอื่นของรัฐหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณี เป็นประธาน ผู้แทนกระทรวงการคลัง ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้แทนสำนักงบประมาณ ผู้แทนกระทรวงอื่นอีกสองกระทรวง กระทรวงละหนึ่งคน ผู้ทรงคุณวุฒิไม่เกินสามคน เป็นกรรมการ และให้มีผู้แทนหน่วยงานเจ้าของโครงการหนึ่งคนเป็นกรรมการและเลขานุการ
มาตรา ๑๔ ให้คณะกรรมการตามมาตรา ๑๓ มีอำนาจและหน้าที่ดังต่อไปนี้
(๑) พิจารณาให้ความเห็นชอบร่างประกาศเชิญชวนเอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการ ร่างขอบเขตของโครงการและเงื่อนไขสำคัญที่จะต้องมีในสัญญาร่วมงานหรือดำเนินการ
(๒) กำหนดหลักประกันซองและหลักประกันสัญญา
(๓) พิจารณาคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการ
(๔) พิจารณาดำเนินการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการตามที่เห็นสมควร
มาตรา ๑๕ การประกาศเชิญชวน เอกสารข้อเสนอการร่วมงานหรือดำเนินการ วิธีการประกาศเชิญชวน วิธีการคัดเลือกของคณะกรรมการซึ่งจะต้องใช้วิธีประมูล การกำหนดหลักประกันซองและหลักประกันสัญญา ต้องมีรายละเอียดอย่างน้อยตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๑๖ ในการคัดเลือกให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการ หากคณะกรรมการมีความเห็นว่า ไม่ควรใช้วิธีการคัดเลือกโดยวิธีประมูลและหน่วยงานเจ้าของโครงการเห็นชอบด้วย ให้รายงานสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและกระทรวงการคลัง หากสองหน่วยงานเห็นพ้องด้วยให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ
ถ้าหน่วยงานเจ้าของโครงการไม่เห็นด้วยกับความเห็นของคณะกรรมการตามวรรคหนึ่ง ให้ทำบันทึกความเห็นเสนอสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและกระทรวงการคลังเพื่อประกอบการพิจารณา หากสองหน่วยงานเห็นพ้องด้วยหรือถ้าหน่วยงานหนึ่งหน่วยงานใดมีความเห็นไม่ตรงกัน ให้ใช้วิธีคัดเลือกโดยวิธีประมูล
มาตรา ๑๗ ในกรณีที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบโครงการตามมาตรา ๑๒ ที่มีวงเงินหรือทรัพย์สินเกินห้าพันล้านบาท หน่วยงานเจ้าของโครงการต้องให้ที่ปรึกษาซึ่งมีคุณสมบัติตามประกาศตามมาตรา ๗ ร่างขอบเขตของโครงการและให้จัดทำความเห็นประเมินการคัดเลือกให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการตามโครงการนั้น
มาตรา ๑๘ การประกาศเชิญชวนให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการครั้งใด ถ้าไม่มีผู้เสนอเข้าร่วมงานหรือดำเนินการ ให้ยกเลิกการประกาศเชิญชวนเพื่อดำเนินการใหม่ ถ้ามีผู้เสนอเพียงรายเดียวหรือหลายราย แต่เสนอถูกต้องตามรายการในเอกสารข้อเสนอการร่วมงานหรือดำเนินการตามมาตรา ๑๕ เพียงรายเดียว หากเห็นว่ารัฐจะได้ประโยชน์ก็ให้ดำเนินการต่อไปได้
มาตรา ๑๙ การประชุมพิจารณาของคณะกรรมการ ต้องมีกรรมการเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนกรรมการทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม
มติที่ประชุมเกี่ยวกับการพิจารณาคัดเลือกข้อเสนอและเจรจาต่อรอง ต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของกรรมการที่มาประชุม
กรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานออกเสียงเพิ่มอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
มาตรา ๒๐ ให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจพิจารณาร่างสัญญาร่วมงานหรือดำเนินการก่อนลงนาม
มาตรา ๒๑ ให้คณะกรรมการนำผลการคัดเลือกพร้อมเหตุผล ประเด็นที่เจรจาต่อรองเรื่องผลประโยชน์ของรัฐ ร่างสัญญา และเอกสารทั้งหมดเสนอต่อรัฐมนตรีกระทรวงเจ้าสังกัด เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในเก้าสิบวันนับจากวันที่คณะกรรมการตัดสิน
หากคณะรัฐมนตรีไม่เห็นด้วยให้ส่งเรื่องคืนคณะกรรมการ เพื่อพิจารณาทบทวนความเห็น แล้วนำผลการพิจารณาเสนอให้คณะรัฐมนตรีตัดสินชี้ขาด
หมวด ๔
การกำกับดูแลและติดตามผล
มาตรา ๒๒ เมื่อได้มีการลงนามในสัญญาแล้ว ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการจัดตั้งคณะกรรมการประสานงานขึ้นคณะหนึ่ง ประกอบด้วยผู้แทนหน่วยงานเจ้าของโครงการเป็นประธาน ผู้แทนกระทรวงการคลังหนึ่งคน ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหนึ่งคน และผู้แทนจากหน่วยงานอื่นซึ่งมิใช่หน่วยงานเจ้าของโครงการหนึ่งคน ผู้แทนฝ่ายเอกชนที่เข้าร่วมงานหรือดำเนินการหนึ่งคน ผู้แทนกระทรวงเจ้าสังกัดหนึ่งคน และผู้แทนอื่นซึ่งหน่วยงานเจ้าของโครงการเห็นสมควรแต่งตั้งอีกไม่เกินสามคน และรวมกันไม่เกินเก้าคน เป็นกรรมการ
การประชุมของคณะกรรมการประสานงานตามวรรคหนึ่ง และองค์ประชุมให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการประสานงานกำหนด
มาตรา ๒๓ ให้คณะกรรมการประสานงานตามมาตรา ๒๒ มีอำนาจและหน้าที่ดังนี้
(๑) ติดตามกำกับดูแลให้มีการดำเนินงานตามที่กำหนดในสัญญา
(๒) รายงานผลการดำเนินงาน ความคืบหน้า ปัญหา และแนวทางแก้ไขต่อรัฐมนตรีกระทรวงเจ้าสังกัดเพื่อทราบ
ระยะเวลาที่จะต้องรายงานตาม (๒) ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการประสานงานกำหนด แต่ต้องไม่เกินหกเดือนต่อหนึ่งครั้ง
มาตรา ๒๔ ในกรณีที่ปรากฏว่าหน่วยงานเจ้าของโครงการละเลยหรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อผูกพันของสัญญาที่ลงนามไปแล้ว ให้ผู้แทนกระทรวงการคลังในคณะกรรมการประสานงานทำรายงานเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
หมวด ๕
บทเฉพาะกาล
มาตรา ๒๕ โครงการใดที่ให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการซึ่งได้กระทำไปแล้วในขั้นตอนใดก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้เป็นอันใช้ได้แต่การดำเนินการในขั้นตอนต่อไปให้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
อานันท์ ปันยารชุน
นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากกฎหมายว่าด้วยการให้สัมปทานหรือให้สิทธิแก่เอกชน หรือการร่วมทุนระหว่างรัฐกับเอกชนในปัจจุบัน ส่วนใหญ่จะกำหนดให้เป็นอำนาจการพิจารณาของบุคคลผู้เดียวหรือหน่วยงานเดียว และในเรื่องสำคัญจะกำหนดให้เป็นอำนาจของรัฐมนตรี ทำให้การพิจารณาอาจเป็นไปโดยไม่มีหลักเกณฑ์ที่แน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้สัมปทานตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘ ลงวันที่ ๒๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๕ ส่วนใหญ่กฎหมายไม่ได้กำหนดวิธีปฏิบัติไว้ ดังนั้น เพื่อให้มีแนวทางการปฏิบัติและใช้บังคับแก่การให้สัมปทานหรือการร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ โดยเฉพาะโครงการที่มีการลงทุนหรือมีทรัพย์สินตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป สมควรให้มีกฎหมายว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้