สืบเนื่องจากคำถามของ "กาแฟดำ" ในเรื่อง "หมออย่าทะเลาะกัน คนไข้จะเป็นลม" .. โดย พญ.เชิดชู

ถ้าใครยังไม่ได้อ่านว่าคุณ สุทธิชัย หยุ่น (กาแฟดำ) เขียนฯ ก็แวะไปอ่านได้เลยครับ


การเมือง : ทัศนะวิจารณ์

วันที่ 4 สิงหาคม 2553 01:00

คนป่วยคนไข้จะเป็นลม หมออย่าทะเลาะกันเอง

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์


////www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/opinion/suthichaiyoon/20100804/346269/%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%A1-%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%87.html





ตอบคำถามคุณ “กาแฟดำ”



สืบเนื่องจากบทความของ “กาแฟดำ”ในกรุงเทพธุรกิจ เรื่อง หมออย่าทะเลาะกัน คนไข้จะเป็นลม ได้ทิ้งคำถามไว้ว่า ควรจะตอบคำถาม 3 ประเด็นนี้ คือ

1. กฎหมายนี้จะทำให้มีการฟ้องร้องแพทย์และบุคลากรสาธารณสุขมากขึ้นจริงหรือไม่?

2. รัฐและคนไข้ทั่วไปจะเสียหายให้กับคนไข้ที่ “ฉวยโอกาส” จากกฎหมายใหม่นี้หรือไม่อย่างไร?

3. คนไข้โดยเฉพาะที่ใกล้ตายจะพากันแห่เข้าโรงพยาบาลเพื่อหาประโยชน์จากกฎหมายฉบ ับนี้ จนทำให้โรงพยาบาลต้องรับภาระหนักหน่วงขึ้น และคนไข้ที่จำเป็นต้องอยู่ในโรงพยาบาลจะประสบปัญหา เพราะหาเตียงนอนในโรงพยาบาลยากลำบากมากขึ้นหรือไม่?


คำตอบจากประธานเครือข่ายคบส.



1. กฎหมายนี้จะทำให้การร้องขอเงินค่าช่วยเหลือจากกองทุนมากขึ้นแน่นอน ดังนี้

1.1 ไปร้องเรียนที่คณะกรรมการ เวลาร้องก็ต้องกล่าวหาว่าใครทำให้เสียหาย ส่วนแพทย์และโรงพยาบาลก็ต้องเขียนรายงานส่งคณะกรรมการ หรืออาจต้องถูกเรียกไปให้ปากคำกับคณะกรรมการ หลังจากนั้น คณะกรรมการก็จะต้องตัดสินว่า จะให้เงินค่าช่วยเหลือและค่าชดเชยหรือไม่ ถ้าให้ จะให้เท่าไร และประชาชนที่ร้องขอเงินพอใจกับจำนวนเงินที่คณะกรรมการจะจ่ายหรือไม่ ถ้าพอใจก็รับไป

1.2 แต่ถ้าประชาชนยังได้เงินไม่มากพอตามใจที่อยากได้ ก็มีสิทธิ์ไปร้องอุทธรณ์เพื่อขอเงินเพิ่มไปยังคณะกรรมการได้อีก ถ้าคิดว่าคณะกรรมการอุทธรณ์เพิ่มให้จนพอใจแล้ว ก็รับเงินก้อนนั้นไป

1.3 ถ้าจำนวนเงินที่ได้นั้นยังไม่พอใจ ก็จะไปฟ้องศาลแพ่งได้อีก และถ้าชนะคดี ได้เงินมากกว่าที่คณะกรรมการให้ ก็เป็นอันยุติ หรือถ้ายังไม่ชนะคดี ก็อาจไปฟ้องกันจนถึงศาลฎีกา แต่ถ้ายังไม่ชนะคดี ก็ยังมีสิทธิ์กลับไปขอเงินจำนวนที่คณะกรรมการตัดสินให้ได้อีก

1.4 ถ้าฟ้องคดีชนะแล้ว ได้เงินแล้ว แต่ยังอาฆาตเคียดแค้นหมอไม่เลิกก็ยังมีสิทธิไปฟ้องศาลอาญาได้จนถึงขั้นฎีกา เพื่อเอาโทษอาญากับหมอให้ได้

1.5 ส่วนหมอนั้น ถ้าไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของคณะกรรมการ ก็ต้องไปฟ้องศาลปกครองชั้นต้น และศาลปกครอสูงสุดตามลำดับ เพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งของคณะกรรมการ

1.6 เนื่องจากมาตรา 6 บอกว่า จะจ่ายเงินได้ ต้องรู้ว่าแพทย์ไม่รักษาผู้ป่วยตามมาตรฐาน แต่กรรมการไม่มีความรู้ทางการแพทย์ เท่ากับว่าแพทย์ถูกเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม

1.7 เมื่อแพทย์ถูกกล่าวหาว่ารักษาผู้ป่วยไม่ได้มาตรฐาน แพทย์ก็จะต้องถูกสอบสวนเพิ่มขึ้นอีกจากแพทยสภา ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมการประพฤติของแพทย์ให้มีจริยธรรมวิชาชีพ ซึ่งหมายความรวมถึงการประกอบวิชาชีพให้ได้มาตรฐานด้วย

1.8 ฉะนั้น โดยสรุปแล้ว ขอให้คุณสทธิชัย หยุ่น คิดเองก็แล้วกันว่า กฎหมายนี้จะทำให้การร้องเรียน/ฟ้องร้องลดลงหรือไม่



2.รัฐและคนไข้ทั่วไปจะเสียหายให้กับคนไข้ที่ “ฉวยโอกาส” จากกฎหมายใหม่นี้หรือไม่อย่างไร?

ตอบ 2.1 คนไข้ที่ใกล้ตาย ญาติอาจรีบนำไปโรงพยาบาล ให้ไปตายในโรงพยาบาล เพื่อร้องขอเงินช่วยเหลือ โดยไม่ต้องพิสูจน์ถูก/ผิด

2.2 รัฐบาลต้องหาเงินมาจ่ายให้โรงพยาบาลของรัฐมากขึ้น ไม่เช่นนั้น โรงพยาบาลของรัฐต้องล้มละลายแน่นอน เพราะมีผู้ป่วยตายในโรงพยาบาลปีละหลายแสนคน

2.3 โรงพยาบาลของรัฐบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขปัจจุบันนี้ ก็ขาดดุลและขาดสภาพคล่องทางการเงินอยู่แล้ว 505 โรงพยาบาล จากประมาณ 870โรงพยาบาล

ฉะนั้น ถ้าต้องส่งเงินเข้ากองทุนนี้ปีละประมาณ 2,000 ล้านบาท (จากการประมาณการของสวรส.) โรงพยาบาลก็คงต้องขาดเงินในการจัดซื้อยา เวชภัณฑ์ต่างๆ (ผ้าปิดแผล อุปกรณ์ห้ามเลือด เฝือก สายสวน มีด กรรไกร เข็มฉีดยา เครื่องมือผ่าตัด ฯลฯ) รวมทั้งเตียง เครื่องมือแพทย์ต่างๆ ไว้คอยดูแลผู้ป่วย ทั้งวัสดุคงทนและวัสดุสิ้นเปลือง ต้องขาดแคลนอย่างแน่นอน



ถาม 3. คนไข้โดยเฉพาะที่ใกล้ตายจะพากันแห่เข้าโรงพยาบาลเพื่อหาประโยชน์จากกฎหมายฉบับนี้ จนทำให้โรงพยาบาลต้องรับภาระหนักหน่วงขึ้น และคนไข้ที่จำเป็นต้องอยู่ในโรงพยาบาลจะประสบปัญหา เพราะหาเตียงนอนในโรงพยาบาลยากลำบากมากขึ้นหรือไม่?

ตอบ ตามปกติแล้ว ในปัจจุบันนี้ โรงพยาบาลต่างๆ โดยเฉพาะรพศ/รพท. หรือโรงพยาบาลประจำจังหวัดนั้นต่างก็ไม่มีเตียงเพียงพอที่จะรับผู้ป่วยทุกคน อยู่แล้ว ผู้ป่วยและญาติจะทราบดี เพราะประสบกับปัญหาเตียงเต็ม ต้องเอาผู้ป่วยใส่รถตระเวนไปเรื่อยๆจน กว่าจะได้เตียง บางที่ก็ต้องหาเตียงเสริมมานอนตามระเบียงบ้าง หน้าห้องส้วมบ้าง หน้าบันไดบ้าง เพราะฉะนั้น ถ้ามีพ.ร.บ.นี้ขึ้นมาจริงๆ ประชาชนอาจจะต้องนอนกับพื้น เหมือนโรงพยาบาลสนามยามศึกสงคราม และอาจต้องรับสมัครประชาชน มาเป็นแพทย์สนามแบบเสนารักษ์ หรือเป็นนางพยาบาลอาสาสมัคร เพื่อช่วยกันดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วยหรือญาติของตนกันเอาเอง




ส่วนที่ “กาแฟดำ”ไม่ได้ถามในบทความนี้ ประธานคบส.(เครือข่ายคุ้มครองการบริการสาธารณสุข) ขอบอกก็คือ ผู้อยู่เบื้องหลังการเขียนและผลักดันกฎหมายนี้ เขียนล็อกสเป็คเอาไว้ในมาตรา 50 บทเฉพาะกาล มีสิทธิมานั่งบริหารกองทุน เอาเงินของประชาชน มาเป็นเบี้ยเลี้ยง เบี้ยประชุม และผลประโยชน์แอบแฝงอื่นๆอีกมากมาย


ส่วนใครจะอยู่เบื้องหลังบ้าง หวังว่า "กาแฟดำ" ผู้เฝ้าข่าวสารบ้านเมืองทั่วโลกมาตลอดเวลา คงจะพอรู้ตัวคนเหล่านี้อยู่แล้วนะคะ

ถ้ายังไม่รู้ก็ถามมาได้นะคะ ยินดีจะตอบทุกคำถาม


พญ.เชิดชู อริยศรีวัฒนา

ประธานเครือข่ายคุ้มครองการบริการสาธารณสุข(คบส.)








Create Date : 09 สิงหาคม 2553
Last Update : 9 สิงหาคม 2553 12:36:44 น.
Counter : 2318 Pageviews.

0 comments
วิ่งข้างบ้าน 22,24,25,28-30 มิ.ย.2568/ผลวิ่งเดือนมิ.ย. สองแผ่นดิน
(4 ก.ค. 2568 22:52:24 น.)
เมื่อฉันเกิด “เศษกระดูกโผล่จากเบ้าฟัน” (ภาค 1) skywriter
(3 ก.ค. 2568 17:38:41 น.)
ถนนสายนี้มีตะพาบ ประจำหลักกิโลเมตรที่ 379 : เรื่องที่มักเข้าใจผิด The Kop Civil
(25 มิ.ย. 2568 15:27:14 น.)
Note: 40 Mins (250 Cals) peaceplay
(14 มิ.ย. 2568 03:58:30 น.)
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Cmu2807.BlogGang.com

หมอหมู
Location :
กำแพงเพชร  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 763 คน [?]

บทความทั้งหมด