จาก "เยินเงาสลัว" สู่ Memoirs of a Geisha ว่าด้วยสุนทรียศาสตร์แบบญึ่ปุ่น



เยินเงาสลัว
( In Praise of Shadow )
จุนิจิโร ทานิซากิ เขียน
สุวรรณา วงศ์ไวศยวรรณ แปล



วันก่อนไปดูหนังเรื่อง Memoirs of a Geisha มาแล้วก็พบว่าให้ยังไง ยังไง ฝรั่งก็ไม่เข้าใจสุนทรียศาสตร์แบบตะวันออก จขบ.รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มันโฉ่งฉ่าง และหลายฉากก็ออกจะเป็นลิเกฝรั่งอยู่ครามครัน จขบ.ไม่ได้สัมผัสถึง "ความเย็นยะเยือก" ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรมีในหนังญึ่ปุ่น เวลาที่เราดูหนังญี่ปุ่น ที่สร้างโดยคนญึ่ปุ่นเอง มันจะมีอารมณ์ของ ความนิ่ง ความสงบ ความยะเยือก แต่ไม่พบอารมณ์แบบนี้ในหนัง Memoirs of s Geshia เลยค่ะ
อย่างไรก็ตามการลงทุนมหาศาลในการเนรมิตสตูดิโอในโรงถ่ายให้กลายเป็นหมู่บ้านในญึ่ปุ่นช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ทำให้ จขบ.รู้สึกยินดีอยู่บ้าง และคิดถึงหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาจับใจ

" เยินเงาสสัว " (คำว่าเยิน หมายถึงเยินยอ คนแปลเลือกศัพท์เก่า ซึ่งเคยปรากฏในลิลิตพระลอมาใช้ แต่ในการพิมพ์ครั้งที่ 2 เปลี่ยนมาใช้เป็น เยิรเงาสลัว ) มีลักษณะคล้ายความเรียงเชิงบ่นของคนแก่ ที่กำลังสะท้อนใจกับปรากฏการ์ณไหลบ่าของวัฒนธรรมตะวันตกที่เข้ามาสู่ญึ่ปุ่น จุนิจิโรคนเขียนเรื่องนี้พูดถึงความงามของสถาปัตยกรรม แบบญึ่ปุ่น อาหาร ผู้หญิงโบราณ ข้าวของเครื่องใช้ จุนิจิโรบอกว่า สุนทรียรสแบบญึ่ปุ่นนั้นมาพร้อมกับเงาสลัว ไม่ว่าจะเป็นห้องแบบญี่ปุ่น ภาชนะเครื่องเขินที่ใช้ใส่อาหารญี่ปุ่น เขาบอกว่า ซุปมิโสะ ที่ใส่อยู่ในถ้วยทรงกลม ลงรักสีดำ นั้น ดูสงบนิ่ง ชวนค้นหา และน่าลิ้มลองมากกว่าซุปแบบฝรั่งที่มักเสิร์ฟมาในจานสีขาวรูปทรงแบนกว้าง
จุนิจิโรอธิบายว่าทำไมคนตะวันออกจึงสนใจ และให้คุณค่ากับทองคำ เขาบอกว่าเป็นเพราะมันเปล่งประกายในทีมืดนั่นเอง ส่วนเกอิชา นั้นทำไมต้องแต่งหน้าขาวจัด คนเขียนเรื่องนี้อธิบายไว้อย่างน่าฟังว่า " บรรพบุรุษของเราเมื่อได้สกัดกั้นแสงเจิดจ้าจากเบื้องบนเอาไว้แล้ว ก็สร้างโลกแห่งเงาสลัวบนพื้นดิน ภายในห้วงลึกแห่งเงาสลัวนั้นพวกเขาจัดที่ไว้ให้สำหรับสตรี โดยทำให้เธอขาวที่สุดในสิ่งมีชีวิตทั้งปวง " เราจึงเห็นการแต่งหน้าแบบขาวจัดของเกอิชาญึ่ปุ่น

ฝรั่งไม่อาจเข้าถึงความงามแบบเงาสลัว ความงามแบบนามธรรม แม้แต่คำว่า "เข้าใจ" คนตะวันออกอย่างคนไทยเรา ยังมีความเป็นนามธรรมอยู่สูง "เข้าใจ " เข้าไปในใจ คำว่าเข้าใจ ของตะวันตก ยังขึ้นอยู่กับการทำให้กระจ่าง "I see " ฝรั่งต้องเห็น ถึงจะเข้าใจ แต่คนไทย คนตะวันออก นั้น การจะทำความรู้จักสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้กระจ่าง ต้อง เข้าไปในใจ

จุนิจิโรบอกไว้ตอนหนึ่งว่า "ข้าพเจ้าทราบดีและรู้สึกเป็นบุญคุณต่อคุณประโยชน์ทั้งหลายแห่งโลกสมัยใหม่นี้ ไม่ว่าเราจะคร่ำครวญร้องบ่นอย่างไร ญี่ปุ่นก็เลือกที่จะตามโลกตะวันตก และญี่ปุ่นก็ไม่อาจจะทำอะไรได้นอกจากจะก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ ...ข้าพเจ้าเขียนมาทั้งหมดนี้ ด้วยความคิดที่ว่ายังอาจจะมีช่องทางที่เราจะรักษาอะไรไว้ได้บ้าง บางทีอาจเป็นโลกแห่งวรรณกรรมหรือศิลปะ ข้าพเจ้าจะขอเรียกร้องเอาโลกแห่งวรรณกรรมนี้ ข้าพเจ้าอยากให้มีชายคาหนาทึบและกำแพงมืดสลัว ข้าพเจ้าจะผลักสิ่งที่ปรากฏออกมาชัดเจนจนเกินไปให้กลับไปดินแดนแห่งเงาสลัว ...ข้าพเจ้าไม่ได้เรียกร้องให้เป็นแบบนี้ไปเสียทุกแห่ง แต่บางทีเขาอาจจะยอมให้เรามีคฤหาสน์สักหลัง ที่เราปิดไฟให้มืดสลัวและดูสิว่าจะเป็นอย่างไร... "

ดูเผินๆ แล้วเหมือนคนเขียนเรื่องนี้จะแอนตี้ตะวันตกและค่อนข้างจะอนุรักษ์นิยม โดยส่วนตัว จขบ.ไม่แอนตี้ความเจริญก้าวหน้าหรือการเปลี่ยนแปลง การห้ามไม่ให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งเปลี่ยนแปลงนั้นดูจะขัดกับหลักธรรมชาติ แต่ในแง่สุนทรียรส จขบ.ชอบความสุนทรียศาสตร์แบบเงาสลัวมาก ไม่เชื่อลองนั่งลงทานข้าวกับใครสักคนในที่เงียบๆ มีเพลงแผ่วๆ จาง ๆ ภายใต้บรรยากาศแสงสลัวๆ ที่สามารถเห็นเงาสะท้อนของเปลวเทียนในดวงตาของคู่สนทนาของเราดู
มา "เยินเงาสลัว " ด้วยกันนะคะ



เพลงนี้ชื่อ The chairman's waltz เพลงประกอบจากหนังเรื่อง Memoirs of a Geisha ใครที่ดูหนังแล้วคงทราบว่า Chairman คือพระเอกของหนังเรื่องนี้



Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2549
Last Update : 31 สิงหาคม 2557 16:36:22 น.
Counter : 5588 Pageviews.

56 comments
  
เขียนดี ค่ะ

ตอนนี้ คนรุ่นใหม่ซีกตะวันออกของเราคลั่งตะวันตกกันจัง(ดูจีน สิ เทศกาลคริสต์มาส เป็นงงไปเลย)..ตะวันตกก็หันมาสนใจตะวันออกมากขึ้น

อีกหลายสิบ หลายร้อยปี ทั้งสองฝั่งคงจะกลมกลืนกันได้แนบนัย โลกจะไม่มีเส้นแบ่งกันแล้วกระมังคะ

ป.ล.เพลงกระตุก ไม่ทราบทำไม อาจจะตัวรับที่บ้านไม่ดีพอ
โดย: samranjai วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:11:22:36 น.
  
น่าสนใจครับ

แวะเข้ามาโดยบังเอิญ
จะบอกว่า ชื่อผู้แต่ง น่าจะอ่านว่า จุนอิจิโร ครับ
โดย: Oakyman IP: 221.113.3.233 วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:11:30:07 น.
  
^
^ หนังสือเล่มนี้ถอดว่า จุนิจิโร ทานิซากิ อ่ะค่ะ ภาษาอังกฤษเขียนว่า Jun'ichiro Tanizaki

ส่วนเพลงต้องรอโหลดนิดนึงค่ะ ตอนนี้ตัวเองก็ฟังได้อยู่
โดย: grappa วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:11:43:05 น.
  
ผมไม่มีอารมณ์อยากดู Memoir of Geisha เลยแม้แต่น้อย ถึงจะมี กงลี่ แสดงก็เถอะ

ผมเคยดูหนังญี่ปุ่นเรื่อง "Double Suicide" หนังเก่าแล้วครับ ยังเป็นขาวดำอยู่เลย

หนังเรื่องนี้จัดแสงได้ดี เล่นกับความขาวดำได้อย่างยอดเยี่ยมเลยครับ แม้จะไม่เด่นชัด แต่หากสังเกตดี ๆ จะเห็นได้ชัดถึงความสงบนิ่งของพลังบางอย่างที่แฝงเฉพาะไว้ในหนังญี่ปุ่น

วัฒนธรรมบริบทแต่ละที่ ผมว่าก็ความรู้สึกต่าง ๆ ลึก คนต่างถิ่นคงยากจะเข้าใจได้ ยิ่งถ้าหากอยู่กันอย่างผิวเผินยิ่งแล้วใหญ่

มันก็คล้ายกับการแปลหนังสือ ที่เราไม่มีวันแปลภาษาหนึ่งไปเป็นอีกภาษาหนึ่งได้อย่างสมบูรณ์แบบ

เรื่องความรู้สึกแบบคุณพี่ว่ามาในหนังก็คงเป็นเช่นเดียวกัน ว่าไหมครับพี่

ป.ล. เมื่อคืนวันแฟต เหล่าบรรดา SO :: ON มาโฆษณาคอนเสิร์ต เมื่อวานมีโคอิชิ กูสและอ้วน อาร์มแชร์มา แค่ฟังเขาพูดก็อยากไปแล้วครับ

ตอนจากวงที่บอกไว้ในโปสเตอร์ ยังมีเกสท์รับเชิญด้วย เกสท์ที่ว่านี้ก็คือ จอนนี่ อันวา และ มณฑล จิรา (กรี๊ด)

แล้วเจอกันที่งานนะครับ เจอผมเดินตัวใหญ่ ๆ เหมือนหมีก็รบกวนทักทายกันด้วยนะครับพี่
โดย: I will see U in the next life. วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:11:50:35 น.
  
^
^ จริงอ่ะ น้องชาติหน้า พี่กรี๊ดทั้งสองคนเลยนะนี่ จอนนี่ อันวา และเจ มณฑล สองคนนี้ทำเพลงไปไกลกว่าเพลงป๊อบดาดๆ แล้ว
โดย: grappa วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:11:54:25 น.
  
เยินเงาสลัว...ภาษาสวยจังเลยครับ

ผมชอบแนวคิดอนุรักษ์นิดๆแบบนี้อะครับ
โดย: เซียวเปียกลี้ วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:12:20:57 น.
  
ถ้าเค้า "เข้าใจ" จริง ๆ เค้าคงเห็นความแตกต่างระหว่างดาราจีนกับดาราญี่ปุ่นนะคะ ??
โดย: ร่วมรัก...สมัครสมาน วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:12:42:35 น.
  
ไม่มีความเห็นอีกหล่ะค่ะ อายจัง
โดย: erol วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:12:45:34 น.
  
อยากดูเกอิชา มั่ง.ยังไม่มีเวลาเลยครับ

ผมก็ชอบนะ...เงาสลัวๆอ่ะ..ภาพที่เล่นแสงเงา โดยเฉพาะ ขาวดำหรือซ๊เปีย นี่ยิ่งชอบ ดูคลาสสิคดี ผมว่า
โดย: บ่าวเจียงใหม่ (กุมภีน ) วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:13:06:26 น.
  
หนังสือเล่มนี้ ชอบมากค่ะ
ซื้อมาหลายปีแล้ว ต้องไปค้นมาอ่านใหม่แล้วล่ะ ขอบคุณที่หยิบมาพูดถึงนะคะ...
โดย: เสือจ้ะ (เสือจ้ะ ) วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:13:31:32 น.
  
บางทีอะไรสลัวๆ ไม่เปิดเผยบางอย่างก็น่าอิงความสุนทรีย์ของเราได้มากกว่าแสงสีที่เปิดโล่งเหมือนกันนะค่ะ ...

ส่วนตัวก็คงชอบเหมือนกันกับบางสิ่งที่เราอนุรักษ์เอาไว้เพราะมันคือสิ่งบ่งบอกที่เราเป็นเรา แต่ก็ไม่ได้ขัดขวางกับการเปลี่ยนแปลงที่ดูเหมือนจะเป็นธรรมดาโลกของเราซะแล้วค่ะ

แนะนำว่าว่างๆ น่าไปนั่งเล่นริเวอร์บาร์นะค่ะ อาหารอร่อย เจ้าของสวย บรรยากาศดี๊ดี ... โฆษณาให้เค้าหน่อยเผื่อว่าอาจจะได้ส่วนลดคราวหน้าค่ะ
โดย: JewNid วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:13:45:15 น.
  


คุณ grappa เขียนถึงหนังสือเล่มไหนเล่มนั้นก็น่าอ่านไปหมดเลย

เล่มนี้ยิ่งน่าสนใจมากๆ ค่ะ

ต้องไปเพิ่มชื่อหนังสือในบัญชีหางว่าว อีกเล่มนึงแล้ว


ขออนุญาตลิงค์บล็อกนี้ของคุณ grappa ไปที่นี่ นะคะ
โดย: มัชฌิมา วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:14:00:27 น.
  


หญิงจีนกับญี่ปุ่น รูปร่างหน้าตาคล้าย ๆ กันก็จริง... แต่งาม...ต่างกัน

วันสองวันมานี้ อ่านพบในเน็ตว่า คนญี่ปุ่น ดูเหมือนจะเป้นหญิง วิจารณ์ว่า ..เอากง ลี่ หรือ ลี่ กง ไปเล่นเป็นเกอิชา นั้นไม่ถูกที่ ...เพราะทำให้ความงามของเกอิชาผิดเพี้ยนไป

เรามาคิดดูแล้ว เห็นจะจริงของเธอ ..แต่ยังหาคำอธิบายไม่ค่อยถนัดปากนัก

ประมาณว่า ต่างก็อ่อนหวานเหมือน ๆ กัน... แต่หญิงญี่ปุ่นนั้นงามแบบลึกลับ เข้าใจอยาก ยังไงชอบกล บอกไม่ถูก
ส่วนหญิงจีนนั้น งามลึก แต่ไม่ลับ คือพออ่านเข้าใจได้ ไม่น่าระแวง ว่างั้นเถอะ

นี่คงเป็นภาพนางเอกงิ้วที่ติดในความทรงจำวัยเด็กของเราด้วยกระมัง เพราะชอบไถลไปดูงิ่ว เวลาเดินกลับบ้านตอนโรงเรียนเลิกสมัยเด็กรุ่น (งิ้วจะมีช่วงสอบภาคปลาย จึงเลิก ร.ร. หลังเที่ยง งิ้วกลางวัน จะมีพวกเด็ก ๆ รุ่นฝึกหัดเล่น บางทีคนเล่นก็พูดเล่น่ ๆ เป็นภาษาไทยแทรกด้วย)

แปลกนะ ลูกไทย แต่ชอบดูงิ้ว?
โดย: a_somjai วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:14:51:34 น.
  
เคยอ่านเล่มนี้สมัยเรียน ส่วนเกอิชา อ่านจากพลอยแกมเพชรที่อาจารย์แปล แต่ไม่อยากดูหนังจ้ะ ไม่ชอบจางจื่ออี๋ และไม่ชอบลิเกฝรั่ง
โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:14:52:37 น.
  
นั่นสิครับ
ผมว่าฝรั่งชอบคิดเอง เออเอง
ไม่ได้รู้ลึกไปถึงข้างในเหมือนอย่างที่คุณ grappa บอกไว้จริงๆ

ว่าแล้ว
เดี๋ยวตอนเย็นๆ
จะหาเวลาไปพักผ่อน
"เยินเงาสลัว" บ้างดีกว่า
อิอิ
โดย: it ซียู IP: 161.200.95.27 วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:14:56:39 น.
  
เพื่อนผมที่เป็นญี่ปุ่นรับหนังเรื่องนี้ไม่ได้อ่ะครับ ตั้งแต่การแต่งตัวก็ผิดแล้ว ใช้กิโมโนราคาถูกที่เหมือนซื้อจากประตูน้ำงั้นแหละ...

nut305.bloggang.com
โดย: นัท305 วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:15:19:42 น.
  
ผมเคยคิดว่าหนังน่าสนใจ
เมื่อทราบว่าเขากำลังจะทำเป็นหนัง
แต่เมื่อทราบว่าใครเล่น ใครทำ
ก็เปลี่ยนใจไม่ค่อยอยากดูแล้วอ่ะครับ

((พรุ่งนี้จะไปดู PRIME ครับ))

โดย: Marvellous Boy วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:16:05:25 น.
  
โหย...ภาษาสวยจริงๆค่ะ คุณ อิฉันว่า เกือยทุกอย่างในศิลปะเอเซียไม่ว่าจะ ญี่ป่น ไทย เขมร ลาว อินเดียนั้น แฝงเร้นด้วยความหมาย ความผูกพันธ์กับชีวิต ความงดงามของการมีชีวิตอยู่และตาย อยู่ที่ว่า เราจะใส่ใจค้นหามันหรือเปล่าเท่านั้น
คนที่เอาเรื่องนี้มาถ่ายทอดเป็นหนัง อาจจะไม่เข้าใจตรงนี้ลึกซึ้งมั้งคะ เพราะมุมมองคนละอย่างกัน ถึงจะลงทุนเท่าไหร่ก็ไม่วิญญาณ สงสัยจะจริงที่ว่า ความอลังการซื้อได้ แต่ วิญญาณไม่มีขาย
โดย: นางกอแบกเป้ วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:16:43:01 น.
  
มาอ่านเร็วๆ ก่อน เดี๋ยวอ่านช้าๆ แล้วจะมาเม้นต์ค่ะ
ตอนนี้รู้สึกเหมือนมีก้อน กระจุกๆ เต้นตุบๆ อยู่ในกะโหลก
คิดอะไรไม่ออกค่ะ

เม้นต์ตอนนี้ได้แค่... เราชอบทอง เขาชอบเพชร???
โดย: rebel วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:16:50:42 น.
  


รู้สึกเห็นด้วยกับบรรยากาศของหนังญี่ปุ่น ที่มักจะมี ความเย็นยะเยือก รวมอยู่ด้วยเสมอ


ปล. ทราบว่าคืนนี้ จะได้ไปทานอาหาร ริมแม่น้ำ ที่มีบรรยากาศแสงสลัวๆ ที่สามารถเห็นเงาสะท้อนของเปลวเทียนในดวงตาของคู่สนทนาของเรา นี่คะ
โดย: Black Tulip วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:19:14:02 น.
  
หนังสือเล่มนี้เป็นหนึ่งในหนังสือที่อาจารย์แนะนำให้อ่านตอนสมัยเรียนคณะสถาปัตย์ ดังนั้นผมจึงได้อ่านมานานหลายปีดีดักแล้ว...

นานจนกระทั่งลืมไปว่าได้เคยอ่านหนังสือเล่มนี้มา...

พออ่านบทความของ จขบ. ก็รู้สึกเห็นด้วยจริงๆ ว่าหนังเรื่องเกอิชานั้น ก็มีจุดบอดที่ความฉาบฉวยอย่างที่กล่าวจริงๆ นั่นแหละ...

(แต่หากดำเนินเรื่องที่เย็น นิ่ง สงัด ไปกว่านี้ ก็เห็นทีผมต้องหลับคาโรง)

กลับมาที่หนังสือ ชอบอยู่ตรงนึง (จากความทรงจำอันเลือนลาง) ที่ว่าชาวตะวันตกนั้นพยามจะทำกลางคืนให้สว่างเท่ากลางวัน ในขณะที่คนตะวันออกกลับเลือกจุดเพียงแสงเทียนเล็กน้อย แล้วชื่นชมความงามของดวงดาว
โดย: youarewhatyouread IP: 210.246.74.28 วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:23:56:34 น.
  
^
^ กรี๊ด
โดย: จขบ. IP: 61.90.14.155 วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:2:30:46 น.
  
ดีใจที่ได้เจอกันนะครับ รับรองว่าบรรยากาศคราวหน้าคงดีกว่านี้ เวลาที่ตัวอยู่กะหัวใจ หุหุ
โดย: me2you วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:2:39:47 น.
  
เพลงได้อารมณ์จริงๆ..
ส่วนหนังคาดว่าน่าจะได้ดู ถ้ามีเพื่อนไปดูด้วยกัน..
โดย: แร้ (แร้ไฟ ) วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:3:43:51 น.
  
อืมมมมม...ตอนนี้เลยลังเลว่าควรจะ
ไปดู Memoirs of a Geisha ดีรึเปล่า
เพราะว่าได้อ่านหนังสือเเล้ว เเต่เป็นภาคภาษาอังกฤษ
อ่านจบด้วยความประทับใจ เเต่อาจไม่ได้อรรถรสลึกซึ้ง
ทางภาษาเท่ากับฉบับเเปลภาษาไทย
เคยมีบทเรียนกับหนังหลายเรื่อง
ทั้งไทยเเละเทศ จากหนังสือที่ซาบซึ้ง
พอเป็นบทหนังทำไมถึงทำให้เรางงงวย
ว่าทำไมมันถึงไม่เหมือนที่เรารู้สึก
ตอนอ่านหนังสือเป็นเล่มเลย

เพลงเพราะมากๆเลยค่ะ
โดย: ปลาทอง9 วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:5:39:23 น.
  
ไม่ค่อยได้อ่านแนวนี้เลยค่ะ
แบบว่า...บ้านิยายกำลังภายใน

=)
โดย: hunjang วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:10:40:55 น.
  
เห็นหนังสือที่พี่แนะนำทีไร อยากอ่านไปด้วยทุกที คงเป็นหนังสือเก่าใช่มั้ยคะ ของสำนักพิมพ์อะไรหว่า จะได้ไปตามหามาอ่านบ้างนะคะ

พูดถึงตะวันตก-ตะวันออก ฝนดูหนังตะวันตกที่เค้าบอกว่าใส่อารมณ์ตะวันออกลงไป หรือหนังนิ่งๆ อย่างลอส อิน ทรานสเลชั่น ฝนก็ยังเฉยๆ เพราะรู้สึกว่ามันไม่นิ่งเท่าหนังตะวันออกจริงๆ (ไม่รู้คิดมากไปหรือเปล่า)

ตอนแรกก็อยากดูเกอิชานะคะ แต่ตอนนี้ไม่ละ แต่รู้มั้ยเอ่ยว่า ถ้าฝนจะหาหนังของมุราคามิมาดูอะค่ะ จะหาได้จากที่ไหน เอ๊ะ...หรือต้องไปถามมาเวย (เขียนถูกอ๊ะเปล่า) อะคะ
โดย: foneko (fonkoon ) วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:10:54:02 น.
  
^
^ หนังสือเก่าแล้วล่ะจ้า คงหายากแล้ว
สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์พิมพ์
หนังของมูราคามิพี่ดูจากร้านเฟม น่ะฝน
ชื่อเรื่อง Tony Takitani แต่พี่ดูแล้วหลับล่ะ
ทั้งๆ ที่ชอบเรื่องสั้นเรื่องนี้
พอดูหนังแล้ว รู้สึกว่าเขาช่างหาคนมาเป็นพระเอก
ทำให้คิดว่า มูราคามิคงมีท่วงท่าแบบนี้

แมกเวย ชื่อเขาเห็นเจ้าตัวบอกว่า อ่านว่า แมก-เวย จ้า

โดย: grappa วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:11:21:19 น.
  
.......พี่กร๊าปป้า หวัดดีวันเสาร์
.....ยังไม่ได้ยลเรื่อง Memoirs of a Geisha หนังสือก็ยังไม่เคยได้หยิบมาอ่าน.... รูสึกว่ามีหนังสือดี ดีรออยู่เยอะเหลือ ก่อนตายจะอ่านครบมั๊ยเนี่ย

แต่เห็นด้วยที่พี่บอกว่า ฝรั่งเค้าไม่เข้าใจลึกซึ้งความละเมียดแบบตะวันตกหรอก เพราะของแบบนี้อ่านหนังสือเท่าไหร่ก็ไม่เข้าใจ มันเป็นเรื่องการสั่งสมในตัวต่างหาก....

ปล. เมื่อวานไปเดิน นายอินทร์ เจอ
"คิดถึงทุกวัน" อ่านไปครึ่งเล่มแล้ว อ่านๆไปคิดถึง "คุณวดีลดา เพียงศิริ" ขึ้นมาจับใจ แอนชอบอ่านแนวนี้อยู่แล้วพี่ ถ้ามีอีกรบกวนพี่แนะนำหน่อยนะ...
โดย: แผล (J'aime l'amour... ) วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:12:55:47 น.
  
พี่กร๊าปป้า ลบคห ข้างบนของแอนที แก้แล้วก็ยังผิดอีก
ยังไม่แก่ก็เลอะเทอะซะแล้ว

แก้คำผิดค่ะ บรรทัดที่4
"ความละเมียดแบบตะวันออก"
โดย: แผล (J'aime l'amour... ) วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:13:06:30 น.
  
แท้งกิ้ว ที่ซื้อ 'คิดถึงทุกวัน' นะจ๊ะ
หนูอ่านหนังสือเก่ง
คนเขียนเรื่องนี้เขาชอบงานของคุณวดีลดาและคุณปราย พันแสงน่ะ สำนวนเขาเลยมีกลิ่นอายของนักเขียนที่เขาชอบ

เห็นสโลแกนบล็อก แสดงว่าชอบ 'ฉันชอบความรัก' ด้วยใช่ไหมนี่

โดย: grappa 4 กุมภาพันธ์ 2549 13:29:17 น

.....พี่กร๊าปป้า ถูกต้องที่สุด
สโลแกน "ฉันชอบความรัก" มาจากหนังสือของ คุณวดีลดาเล่มนั้นแหละ.....

แอนมีเพื่อนอีกคนที่อยู่ในลัทธิ "ฉันชอบความรัก" ด้วย
ก็เรามันเป็นผู้หญิงเพ้อเจ้อหนิ ทำไงได้...
โดย: แผล IP: 203.113.35.9 วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:14:36:32 น.
  
แล้วก็ทำให้คิดว่าเราชาวตะวันออกล่ะ เข้าใจเนื้อแท้ของความเป็นตะวันตกจริงๆ หรือเปล่า

เคยซื้อหนังสือเล่มนี้แจกชาวบ้านเป็นตั้ง เพราะศูนย์หนังสือจุฬาเอามาลดเหลือเล่มละ 10 บาท

รู้จักคนแปลด้วย เป็นอาจารย์ที่น่ารักที่สุดในโลก

เคยถูกแม่ค้าปลาเข้าใจผิดว่าเป็นลูกสาวอาจารย์

อาจารย์มาบอกทีหลังว่า "ฉันไม่มีทางมีลูกแววตาสับสนอย่างเธอหรอก"

...
...
...

แหม่ หนูร้ากกกกกอาจารย์จริงจริ๊ง
โดย: ลูกสาวโมโจโจโจ้ (the grinning cheshire cat ) วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:15:06:16 น.
  
อยู่บ้านเปล่าคะ เห็นม็อบหรือเปล่า หรือเข้าไปอยู่ในม็อบเองแล้ว
โดย: the grinning cheshire cat วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:15:10:40 น.
  
โดย: erol วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:15:53:20 น.
  
ไม่เคยอ่านทั้งสองเล่มเลยค่ะ

ชอบคอนเซปต์ เยินเงาสลัว จัง

โดย: ยาคูลท์ วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:0:09:31 น.
  
หาซื้อได้ที่ไหนบ้างคะ น่าอ่านจังเลย
โดย: to be continued วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:0:13:55 น.
  
เคยมีหนังสือเล่มนี้ไว้ในครอบครองเหมือนกันค่ะ แต่ตอนนี้ไม่แน่ใจว่าหายไปไหน ได้มีโอกาสไปอยู่ญี่ปุ่นในช่วงเวลานึง ได้สัมผัสบรรยากาศและวัฒนธรรมเก่าแก่ ก็พอจะเข้าใจได้ถึงสิ่งที่ผู้เขียนกล่าวไว้ถึงความสวยงามตามแบบอย่างของรากเหง้าและแนวคิดแบบญี่ปุ่น ก็คงคล้ายกับความงามอย่างไทย ที่คนรุ่นใหม่ๆ ก็คิดว่าเชยว่าล้าสมัย แต่ในความเชยนั้นมีข้อคิดและวิ๔ชีวิตบรรพชนแฝงอยู่ไว้อย่างมากมาย

เดี๋ยวไปค้นมาอ่านใหม่อีกรอบดีกว่า
โดย: เดอะ กั้ง วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:1:29:28 น.
  
ตอนนี้กำลังสนใจแนวความคิดแบบตะวันออกอยู่ค่ะ
และอยากดูหนังเรื่องนี้มาก เพราะอยากเห็นว่าคนทำหนังตะวันตกมองความเป็นตะวันออกออกมาแบบไหน

พอได้ฟัง&อ่านคำวิจารณ์จากหลายๆที่ก็รู้สึกว่าเราอาจจะเป็นหนังอีกเรื่องที่ทำให้เราผิดหวัง

แต่ต้องหาโอกาสไปดูให้ได้สักครั้ง

เพราะชอบบรรยากาศแบบเยินเงาสลัวของโรงภาพยนตร์อยู่เหมือนกัน
โดย: iammonkey IP: 58.147.14.151 วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:1:50:33 น.
  
เจอกันวันวาเลนไทน์นะคะ


ปล. งานนี้ น้องสาวสั่งมาล่วงหน้าค่ะ ว่าให้ไป เพราะคิดถึง พี่สาวแสนดีเลยต้องทำตาม
โดย: Black Tulip วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:8:25:33 น.
  
ขอบคุณครับได้ความรู้ดีจัง
โดย: Johann sebastian Bach วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:13:04:53 น.
  
เพิ่งไปดูมาเองครับ ก็เห็นด้วยนะครับ
ถ้าเป็นคนญี่ปุ่นกำกับเองน่าจะดีเหมือนกัน
เพราะด้วยเรื่องวัฒนธรรม ต่อให้รู้เรื่องละเอียด
เเค่ไหน ก็สู้คนในชาติดั้งเดิมไม่ได้

ส่วนเรื่องรับวัฒนธรรมต่างชาติ ผมรับอยู่เรื่อง
เดียวคือเพลงครับ

เยินเงาสลัว อืม ฟังดูเเล้วโบราณมืดมัวน่าค้นหาดีครับ
โดย: Dark Secret วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:13:45:26 น.
  
ขอนอกเรื่อง (ตามสไตล์ของเราสองคน)

เมื่อวานคุณพี่ได้ไปดูคอนเสิร์ตอ่ะเปล่าครับ ผมพลาดอย่างแรง ด้วยเหตุว่าเพื่อนคนหนึ่งจะลาจากชีวิตกรุงเทพฯอันแสนเส็งเคร็งไปสู่บ้านเกิด ณ เชียงใหม่ ก็เลยกินเลี้ยงอำลากันหน่อย

ไป ๆ มา ๆ เลยเวลาคอนเสิร์ตเริ่มไปพอควร

ถ้าคุณพี่ (และคุณแข) ไปดูมา รบกวนเล่าให้ฟังถึงความหลอนจับจิตหน่อยนะครับ

ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
โดย: I will see U in the next life. วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:14:03:22 น.
  
ผมก็ว่าอย่างนั้นนะครับ คงเป็นเรื่องยากที่คนตะวันตกจะเข้าใจ คนตะวันออกอย่างพวกเราได้ทุกอย่าง เห็นคนที่แต่งงานกับชาวต่างชาติ มาเกือบ ๓๐ ปี ก็ยังไม่เข้าใจกัน เช่น ชายฝรั่งจะไม่เข้าใจ กรณีภรรยา ปากกะใจ ไม่ตรงกันนั่นแหละ .... คือ ไม่รู้ว่า ภรรยาพูดประชดประชัน ไม่โกรธแล้ว ..ฝรั่งนึกว่าจริง อะไรทำนองนี้ ...

กลับผม ผมต้องตามหนังสือหลายเล่มที่นำเสนอเลยนะครับเนี่ย น่าสนใจทั้งนั้น
โดย: POL_US วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:14:26:22 น.
  
น่าอิจฉาจริง ๆ ไปกินข้าวแถวถนนพระอาทิตย์นะครับ (ทำเป็นพูดไป ไอ้เราก็บ่อยใช่เล่น 555)

คนชวนขออภัยมาก ๆ ที่ไม่ได้ไปดู 555

ป.ล. เมื่อวานไปคิโนะฯสาขาสยามพารากอนมา (ไฮโซมาก ไฮโซกว่าเอ็มโพเรียมหลายเลย) จะไปซื้อ walking stories เสียหน่อย ดันไม่มีเสียได้ (มีแต่ที่สาขาอิเซตัน)

พลาดอย่างแรง
โดย: I will see U in the next life. วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:14:37:02 น.
  
แซ่เดียวกับไช่หมิงเลี่ยงค่า
โดย: ลูกสาวโมโจ โจโจ้ (the grinning cheshire cat ) วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:15:21:17 น.
  
สวัสดีค่ะคุณกรัปป้า ... วันนี้แวะมาส่งยิ้มค่ะที่นานๆ ทีคุณกรัปป้าไปเม้นท์ได้คนแรก


มีความสุขวันอาทิตย์นะค่ะ
โดย: JewNid วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:18:13:27 น.
  
Image Hosted by ImageShack.us
โดย: erol วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:20:13:52 น.
  
แวะมาเยี่ยมค่ะ

โดย: menzel วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:2:53:39 น.
  

เห็นด้วยค่ะ ชอบดูหนังญี่ปุ่นเพราะความสงบนิ่งค่ะ
โดย: p_tham วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:5:22:05 น.
  
ยังค่ะ ยังไม่ได้Z เพราะไม่ ใสใสไม่

โดย: erol วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:7:03:17 น.
  
ชอบอารมณ์นิ่งๆแบบญี่ปุ่นแล้วก็ชอบบรรยากาศเงาสลัวมากๆเหมือนกันค่ะ

เป็นไปได้ว่าเพราะชอบเงาสลัว ถึงได้นอนกลางวันตื่นกลางคืน ฮ่าๆ

โดย: yodmanud^ying IP: 86.143.206.237 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:8:39:14 น.
  
ชอบเพลงนี้จริงๆ




กลับมาแล้วค่ะ มารายงานตัว (แต่ยังไม่อัพบล็อกนะ)





อ้อ..อ่านโตเกียวอะโซบิแล้วค่ะพี่ ชอบมาก อาจอัพบล็อกด้วยหนังสือเล่มนี้เร็วๆ นี้
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:8:59:15 น.
  
เล่มนี้มีคนให้มาค่ะ ... คนพิเศษเสียด้วย.... หุหุหุ
โดย: Mutation วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:9:10:13 น.
  
โดย: meri วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:12:39:14 น.
  
ชอบญี่ปุ่นจังค่ะใครใจดีพาไปมั้งก็ดีนะค่ะ
โดย: คนรักญี่ปุ่น ซารางแฮโย ZARAHEYO IP: 118.172.101.246 วันที่: 26 มิถุนายน 2551 เวลา:18:22:59 น.
  
เคยอ่านหนังสือเล่มนี้มานานแล้ว ตั้งแต่สมัยตอนเรียน ไม่ทราบว่าจะหาซื้อที่ใหนได้บ้างครับ อยากได้มาเก็บไว้
โดย: 2wenty5 IP: 58.8.107.36 วันที่: 21 กรกฎาคม 2551 เวลา:21:03:59 น.

A-wild-sheep-chase.BlogGang.com

grappa
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]

บทความทั้งหมด