S(b0zpmgnhknfcp1rcqhj2iwfb))/Contents/ProductImages/201003/4752819_250.jpg)
เพิ่งอ่านนวนิยายเล่มสุดท้าย ของคุณวาณิช จรุงกิจอนันต์จบไปหมาดๆ คุณวาณิชบอกไว้หลังปกว่า นี่เป็นนวนิยายเรื่องสุดท้ายที่ผมเขียนในรอบ 22 ปีที่ผ่านมา จริงๆ คุณวาณิช เขียนนวนิยายเรื่องนี้ไว้เมื่อ 2O กว่าปีมาแล้ว เขียนเป็นตอนๆ ลงในนิตยสารลลนา แล้วก็เก็บไว้ในลิ้นชัก มาปัดฝุ่นรวมเล่มเมื่อสิงหาคม 2552 (จากคำนำของคุณวาณิช) และแพรวสำนักพิมพ์ก็มารวมเล่มเมื่อ มีนาคม 2553 และดิฉันก็ได้มาอ่านเมื่อปลายปี 2553และมันคงเป็นนวนิยายเล่มสุดท้ายของคุณวาณิช จริงๆ
อ่านจบไป ก็ได้ความรู้สึกแบบ เออ หนอ เราไม่ได้อ่านอะไรแบบนี้มานาน ที่อ่านไปก็อ่านเรื่องแปล อ่านความเรียง ทั้งๆ ที่เมื่อก่อน สมัยมัธยม (นานมาแล้วจริงๆ ฮ่า ฮ๋า) ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบงานคุณวาณิชมาก รู้สึกเหมือนเราได้กลับไปอ่านภาษาที่เราเคยคุ้น
สำนวนภาษาของคุณวาณิชนั้นโรแมนติก ง่าย และลื่นไหล ดิฉันอ่านนวนิยายเรื่องนี้รวดเดียวจบ คิดถึงภาพของกรุงเทพ คิดุถึงภาพของเมืองทางเหนือ คิดถึงการดิ้นรนต่อสู้ของผู้หญิงไทย ตัวเอกในเรื่องคือ "เรืองดาว" เป็นนักร้อง (ทำให้คิดถึงเพลงของพุ่มพวง ดวงจันทร์หน่อยๆ นามดาวเรืองหรือนางเรืองดาว) แต่พอชื่อนี้มาอยู่ในนวนิยายเรื่องนี้มันดูโรแมนติกมากกว่าจะดูมีกลิ่นอายลูกทุ่งๆ
มันทำให้ดิฉันคิดถึงเคหาสน์ดาว คิดถึงเรื่องรักโรแมนติกของคุณวาณิช และคิดไปว่าในบางวันเราก็ต้องการหนังสือแบบนี้ หนังสือที่ไม่ไกลจากตัวเรามากนัก มีภาษาโรแมนติก มีบริบทของความเป็นไทย มีตัวละครธรรมดาสามัญ มีตัวละครที่เราเคยเดินผ่านไปผ่านมา มีฉากที่เราคุ้นเคย
ประเด็นสำคัญที่ดิฉันชอบนวนิยายเรื่องนี้มาก คือ " ณ ที่นั้นมีดาวเหนือ" มันแสดงให้ห็นถึงการต่อสู้เพื่อการงานทื่เธอรักของผู้หญิงคนหนึ่ง ถึงแม้นว่ามันจะจบแบบนวนิยาย (แน่น่อนดิฉันไม่ชอบตอนจบนิดหน่อย) มันดูพาฝันไปนิด แต่มันก็คือนวนิยาย มันมีความโรแมนติกแบบที่นวนิยายจะพึงมี และมันก็อ่านได้เพลิดเพลินมากมายทีเดียว
และมันทำให้ดิฉันอยากกลับไปอ่านนวนิยายและความเรียงเล่มอื่นๆ เพื่อรำลึกถึงคุณวาณิช จรุงกิจอนันต์อีกหลายเล่ม
ตอนนี้อาการดีขึ้นมากแล้วค่ะ คุณนพดล ไปร้านได้แล้ว ^^