- - - - - - + + + + ป่าลึกและปารีส - - - - - -+++++


เมื่อวันอาทิตย์เย็นที่ผ่านมา ดิฉันไปงาน "ปิดนิทรรศการภาพถ่ายจากป่าลึกสู่ปารีส" มาค่ะ สำนักพิมพ์โอเพ่นเขาจัดงานเก๋ นอกจากจะมีวันเปิดงานแล้ว ยังมีวันปิดงานอีก ใครไปงานนี้นับว่าไปด้วยใจกันจริงๆ ก่อนงานเริ่ม ฝนตกหนักมาก รถติดมากกกกกกกกก

งานภาพถ่ายจากปารีสเป็นงานแสดงและขายภาพขาว-ดำ ของนิว ศุภชัยเกศการุณกุล ช่างภาพคนแรกๆ ของนิตยสารโอเพ่น คงยังจำหน้าปกนิตยสาร
โอเพ่นรุ่นแรกๆ ที่มีภาพพอร์ดเตรทสวยๆ สีขาว-ดำได้ นิวเป็นช่างภาพที่ทำหน้าที่ถ่ายภาพสวยๆ ขาวดำ เหล่านั้น ก่อนหน้าที่เขาจะเดินทางไปใช้ชีวิตที่ปารีสดิฉันมักจะเจอเขาบ่อยๆ ที่ร้านเฮมล็อค ถนนพระอาทิตย์ มันเป็นร้านที่เรามักจะมานั่งพักผ่อน คุยกับเพื่อน ปรับทุกข์กับเพื่อนหลังเลิกงาน

ดิฉันมักจะทราบข่าวว่า นิว กำลังจะถ่ายรูปใคร หรือทำงานอะไรอยู่จากร้านนี้ แต่บ่อยครั้งที่เรามักจะเป็นฝ่ายฟังคนโน้น คนนี้พูดกันมากกว่า ดิฉันเคยเอาสมุดสเก็ตงานของนิวมาอ่าน นิวมักจะมีโน้ตๆ สั้นๆ ประกอบการคิดเรื่องงานถ่ายภาพ ตอนที่ได้อ่านโน้ตอันนั้นดิฉันคิดว่า นิวเขียนหนังสือได้ดีเทียว ฝีมือการเขียนหนังสือของเขาไม่แพ้การถ่ายรูปเลย

หกปีผ่านไป นิวกลับมาจากฝรั่งเศส ดิฉันรู้สึกว่า นิวก็ยังเป็น นิวคนเดิม ไม่ค่อยพูด มักเป็นฝ่ายยิ้มๆ ฟังคนอื่นพูดมากกว่า วันปิดงานวรพจน์ซักถามนิว เรื่องการใช้ชีวิตที่ฝรั่งเศส นิวไปเรียนปริญญาโททางทฤษฏีภาพยนตร์ที่ปารีสด้วย ( ตอนเรียนปริญญาตรี นิวเรียนเอกภาพยนตร์ คณะวารสารฯ )
นิวบอกว่า คนฝรั่งเศสรู้จักหนังไทยดีทีเดียว และคนที่ทำให้คนฝรั่งเศสรู้จักหนังไทยคือ อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล เพื่อนร่วมคลาส มักจะมาซักถามถึงหนังไทยจากเขาบ่อยๆ

นิวบอกอีกว่า ตอนไปใหม่ๆ ปีสองปีแรกเขาถ่ายรูปปารีสไม่ได้เลย ถ่ายออกมาก็ดูผิวเผิน เปลือกๆ ดิฉันถามว่า ถ่ายแบบนักท่องเที่ยวใช่ไหม เขาบอกว่าใช่ ถ่ายถ้วยกาแฟ ถ่ายร้าน ถ่ายป้ายไปเรื่อย พออยู่ไปสักปีที่ห้า ปีที่หก เขาถึงพบว่า เขาถ่ายปารีสได้แล้ว รูปที่ไปดูมาวันนี้ก็ยืนยัน มันดูเป็นภาพในชีวิตประจำวัน เหมือนจะถ่ายง่าย แต่ไม่เลย ดิฉันคิดว่าไม่ได้ถ่ายภาพแบบนี้กันได้ง่ายๆ

ตอนออกมาคุยนอกรอบกับนิว สิ่งที่ทำให้ดิฉันอิจฉานิวมากคือ นิว อ่าน South Of the Border , West of the Sun หนังสือของมูราคามิ ในเวอร์ชั่นภาษาฝรั่งเศส ฟังแล้วกรี๊ดสลบมาก นิวไปเรียนภาษาฝรั่งเศสที่นั่น หกปีผ่านไปเขาอ่านนวนิยายภาษาฝรั่งเศสได้แล้ว คนที่ไม่ค่อยได้ไปไหนอย่างดิฉัน อิจฉาจริงๆ

และนี่คือหนังสือเล่มแรกของนิว ซึ่งแน่นอนว่า ภาพปกคือฝีมือการถ่ายรูปของเขา


.....

ใกล้ปิดงาน คนที่มากล่าวปัจฉิมกถา คือ ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ คุณเชนบอกว่าเขาพูดไม่เก่ง ( อีกคนหนึ่ง ) เขาจึงใช้วิธีเขียนมา แล้วให้นอมีนี คือ วรพจน์ พันธ์พงศ์ ช่วยอ่านให้ โดยมีเขานั่งอยู่ข้างๆ นั่งยิ้มๆ ฟังวรพจน์อ่านสุนทรพจน์สั้นๆ ของเขาไปด้วย



นก คน ฝน ไฟ

ดิฉันชอบที่วรพจน์ เขียนถึง ม.ล.ปริญญากร ไว้ในหนังสือเล่มใหม่ของเขามาก มันอยู่ในหน้าคำนำ วรพจน์บอกว่า

...สัตว์แต่ละตัวมีหน้าที่ของมัน
เขาใช้คำพูดนี้บ่อยๆ
สิ่งที่เขาทำอยู่ก็คล้ายเป็นเช่นนั้น
คือมั่นคงในหน้าที่การงานของตัวเอง
ยืนยัน ยืนหยัด ยืนระยะ

ผมชอบคำว่า" ยืนระยะ" มันมีความหมายว่า อยู่ทน อยู่นาน อยู่อย่างเอาจริงเอาจังกับสิ่งที่คิด ที่เชื่อ พูดตรงๆ พูดโต้งๆ คืออุทิศชีวิตให้ ไม่ใช่ทำเอามัน หรือเพียงแวะมาตากอากาศ ฮิตอะไรที ก็ เห่อ-แห่ตามกัน สังคมโดยภาพรวมของเราเป็นกันเอามาก แต่ไม่ใช่เขา ม.ล .ปริญญากร วรวรรณ

------

ป.ล. ใครที่รอการรายงาน "รวมพลคนอ่านและไม่อ่านมูราคามิ "รอแป๊บนะคะ ตัวเองก็กำลังรอรูปจากสนพ.กำมะหยี่ แต่ขอเกริ่นๆ ว่า ที่น่าตื่นเต้นคือ คุณอนุสรณ์ ติปยานนท์ เล่าว่า เจอ หว่องกาไวในเมืองไทยนี่เอง แถมยังได้ถามด้วยว่า ตอนจบของ In The Mood For Love เฮียเหลียงแกพูดอะไรใส่ในโพรงไม้หนอ..



Create Date : 19 สิงหาคม 2551
Last Update : 28 สิงหาคม 2557 13:55:33 น.
Counter : 1773 Pageviews.

11 comments
  
เสียดายวันปิดงานไม่ได้ไป แงๆ
ฝนตกหนัก นั่งลุ้นกับน้องสาวอยู่ว่ามันจะกลับบ้านได้ไหม ไฟลท์จะแคนเซิลไหม ฯลฯ



ป.ล. ภาพคุณว่าที่ฯ ในเงามืดนั่น พยายามแต่งและทำสีแบบหนังหว่องฮ่ะพี่
โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 19 สิงหาคม 2551 เวลา:16:36:20 น.
  
สุดยอดเลยค่ะ อ่านมุราคามิภาคภาษาฝรั่งเศสด้วย
แล้วตกลงเฮียเหลียงพูดว่าอะไรตอนจบคะ
โดย: apple_cinnamon วันที่: 19 สิงหาคม 2551 เวลา:16:37:18 น.
  
^
^ ต้องรอบล็อกหน้า
จะเล่าให้ฟังค้า
โดย: grappa วันที่: 19 สิงหาคม 2551 เวลา:16:52:38 น.
  
จะรอบล็อกหน้าด้วยใจจดจ่อเลยค่ะ

หน้าตาน้องนิวน่าเอ็นดู


อยากหาภาพถ่ายของน้องเค้ามาดูเพิ่มนะนี่ หนังสือเล่มนี้มีเยอะปะคะ?
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 19 สิงหาคม 2551 เวลา:18:10:03 น.
  
นิทรรศการชุดนี้ ได้เห็นข่าวตั้งนานแล้ว
แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ไปซะที
แต่ที่คงจะอ่านได้ดูต่อไป คือ หนังสือ 2 เล่มนี้นั่นแหละค่ะ อยู่ใน list จับจ่ายแล้วด้วย
โดย: นัทธ์ วันที่: 19 สิงหาคม 2551 เวลา:21:25:55 น.
  
พี่แป๊ดไปมาด้วยเหรอคะ ฝนไม่ได้ไป
น่าเสียดายเนอะ ไม่ได้เจอกันเลยอะค่ะ
แต่อาทิตย์ก่อน เพิ่งไปฟังพี่เชนพูดเรื่องการถ่ายรูปมาแหละ
ส่วนอาทิตย์หน้านี่ไปแน่นอน เพราะเป็นงานของจ๊ะเอ๋อะค่ะ

ป.ล.เนี่ยก็คลิกเข้ามาดูตั้งสองรอบละวันนี้
รอว่าจะอัพงานลูงมูหรือยังน้อ ฮ่าๆๆๆ
เมื่อกี้เข้าไปแอบดูจากเว็บสำนักพิมพ์เข้ามาละนิดนึง
โดย: fonkoon วันที่: 19 สิงหาคม 2551 เวลา:21:49:34 น.
  
น่าอ่านอีกแล้วววววว
โดย: สายลมอิสระ วันที่: 19 สิงหาคม 2551 เวลา:23:53:41 น.
  
- ฝน

เด๋วอัพเรื่องงานลุงมุ แล้วไปตามจ้า

เสียดายเนอะไม่ได้เจอกัน ฝนไปวันเปิดงาน พี่ไปวันปิดงานจะเจอกันไหมล่ะเนี่ยะ

งานจ๊ะเอ๋ ไม่แน่ใจว่าจะได้ไปหรือเปล่าด้วย

เมื่อวันงานเจอพี่เชน แล้วไม่กล้าคุย
ขอลายเซ็นอย่างเดียว เพราะว่าแอบปลื้มพี่เค้ามานานมากแล้วววววว
โดย: จขบ. IP: 58.9.195.232 วันที่: 20 สิงหาคม 2551 เวลา:12:59:13 น.
  
ผมแวะเข้ามาในบล็อคนี้และมักรู้สึกว่าได้พลาดอะไรดีๆจากเมืองหลวงไปเสมอๆ

อีกอย่างครับ เมื่อวานในที่สุดผมก็ได้ A Wild sheep Chase มาครอบครองแล้วครับ เมื่อสำนักพิมพ์ GMM magie ได้จัดทำใหม่ ดีใจจริงๆครับ
โดย: เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน (kanapo ) วันที่: 20 สิงหาคม 2551 เวลา:17:46:59 น.
  
ยังไม่เคยเห็นงานถ่ายภาพของคุณนิว แต่ดูจากภาพปกหนังสือของเขาแล้วต้องชื่นชมฝีมือ เห็นปุ๊บก็รู้สึกได้ว่านี่แหละปารีส

ิอิจฉาจัง อ่านมูราคามิเป็นภาษาฝรั่งเศสด้วย นึกแล้วก็เสียดาย ตอนอยู่มหาวิทยาลัยเราก็เรียนภาษาฝรั่งเศส แต่พอเลิกเรียนแล้วก็ไม่ได้ใช้เลยลืมโม้ดดด

ขอแรงให้ช่วยลงชื่อคัดค้านการสร้างคอนโดข้างๆมูลนิธิของครูจักรพันธุ์หน่อยค่ะ ขอบคุณมากๆค่า

โดย: haiku วันที่: 21 สิงหาคม 2551 เวลา:10:12:02 น.
  
ภาพปก open ช่วงนั้นสวยจริงฮะ
โดย: พอกลอน ซาเสียง IP: 203.146.136.113 วันที่: 5 กันยายน 2551 เวลา:18:22:04 น.

A-wild-sheep-chase.BlogGang.com

grappa
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]

บทความทั้งหมด