ถุงยาง
ถุงยาง เมื่อวันก่อน ผมเขียนเรื่อง เสื้อยกทรง ความลับของฝ่ายมุมแดงไปแล้ว ใครที่ยังไม่เคยอ่านลองคลิกอ่านที่นี่ก็ได้ มาคราวนี้ผมก็เลยเขียนความลับของฝ่ายมุมน้ำเงินเขาบ้าง ในความคิดของผม คุณผู้หญิงก็คงจะอ่านเรื่องนี้ได้ เพราะฝ่ายมุมน้ำเงินเขาสวมนวม ก็เพื่อป้องกันไม่ให้คุณผู้หญิงตั้งครรภ์ และก็เพื่อป้องกันไม่ให้คุณผู้หญิงได้รับโรคทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งคุณมีแต่เป็นฝ่ายได้ โดยแท้ทีเดียว จึงโปรดอย่าเพิ่งคิดว่า เป็นเรื่องอุจาดนะคร้าบ
. ถุงยาง หรือชื่อที่เรียกกันอย่างค่อนเป็นทางการว่า ถุงยางอนามัย (คำสองคำนี้ ในพจนานุกรมยังไม่ปรากฏ) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นมาจากน้ำยางธรรมชาติ หรือบางรุ่นผลิตจากวัสดุโพลียูรีเทน ที่ว่ากันว่าเหนียวกว่ายางธรรมชาติถึง 2 เท่า นำมาใช้สวมอวัยวะเพศชายในขณะมีเพศสัมพันธ์ (เดี๋ยวนี้มีถุงยางประเภทสวมภายในอวัยวะเพศหญิง มีจำหน่ายด้วยแล้วFemale Condom ด้านที่มือจับ จะอยู่ลึกในช่องคลอดเป็นด้านปลายปิด อีกด้านมีปลายเปิดอยู่ที่ปากช่องคลอด) เพื่อหวังป้องกันการหลั่งน้ำอสุจิเข้าสู่ช่องคลอด เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ และการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ที่ทุกประเทศกลัวกันมากๆ คือโรคเอดส์ ถุงยางมีลักษณะเป็นถุง ปลายข้างหนึ่งตัน เรียกว่าก้นถุง ซึ่งมี 2 แบบ คือแบบหัวมน และแบบหัวมีกระเปาะยื่นออกไป สำหรับเป็นที่เก็บน้ำอสุจิ แบบหลังนี้แหละเป็นที่นิยม และใช้งานแล้วปลอดภัยมากกว่าแบบแรก ส่วนปลายอีกข้างหนึ่งของถุงยาง เป็นปากเปิดรูปวงแหวน เมื่อยังไม่ใช้ ถุงยางจะถูกม้วนเป็นวงแหวนไว้กับขอบยาง และบรรจุไว้ในซองพลาสติกหรือซองอลูมิเนียม ถุงยางนี้ คนทั่วไปจะเรียกกันหลากหลายชื่อ เช่นเรียกว่า ถุง ปลอก เสื้อฝน เสื้อเกราะ มีชัย สุลต่าน ในภาษาอังกฤษมีเรียกกันว่า condom, skin, sheath, prophylactics, protectives และ Frenchletter มีชัย น่ะ เป็นที่เข้าใจ เพราะมาจากชื่อของบุคคล ที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศเห็นประโยชน์ของการใช้ถุงยาง บุคคลท่านนั้น คือ คุณมีชัย วีระไวทยะ สุลต่าน
.เอ!!!! ทำไมเขาจึงเรียกสุลต่าน อันนี้ผมก็ไม่เข้าใจ เดาว่าอาจจะเป็นชื่อของยี่ห้อถุงยาง ยี่ห้อหนึ่งก็ได้? condom n. ถุงยางอนามัย skin n. vi. vt. หนัง, ถลกหนัง, ปอกลอก, ผิว, เปลือก sheath n. ฝัก (ดาบ, มีด, ถั่ว, มะขามเทศ) prophylactics n. adj. ยา, ป้องกันโรค protectives adj. ป้องกัน ส่วนคำ Frenchletter คำนี้ไม่มีความหมายในดิคชันนารีครับ
.ใครพอรู้ ช่วยกรุณาแนะนำความหมายให้ด้วยนะครับถุงยาง เป็นวิธีที่ปลอดภัยมากที่สุดวิธีหนึ่งในการป้องกันการตั้งครรภ์ และการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ทั้งเป็นวิธีที่ใช้สะดวก และมักจะไม่ค่อยมีอาการแพ้ต่อผู้ใช้ (ห่วงคุมกำเนิด และยาเม็ดคุมกำเนิด บางคนจะเกิดอาการแพ้ได้ง่ายกว่า) ถุงยางจะเหมาะเป็นพิเศษสำหรับ 1. วัยรุ่น หรือ ชายหญิงที่ไม่ใช่คู่สามีภรรยาที่มีเพศสัมพันธ์กัน และสำหรับทุกคนที่ต้องการป้องกันความเสี่ยงจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 2. สามีภรรยาที่ยังไม่พร้อมจะมีบุตร ซึ่งอาจจะใช้ถุงยางสลับกันกับวิธีหาระยะปลอดภัยในช่วงไข่ยังไม่ตก สามีจะใช้ถุงยางเฉพาะช่วงไข่ตกเท่านั้น 3. สามีภรรยาที่อยู่ระหว่างการรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 4. ภรรยาที่ไม่ได้ใส่ห่วงคุมกำเนิดหรือกินยาเม็ดคุมกำเนิด และนานๆจะมีเพศสัมพันธ์กับสามีสักครั้ง(นานๆพบกันสักครั้ง) 5. ภรรยาที่รอตั้งต้นการคุมกำเนิดโดยวิธีกินยาเม็ดคุมกำเนิด 6. ภรรยาที่ยาเม็ดคุมกำเนิดหมดหรือมาฉีดยาคุมกำเนิดไม่ทันตามกำหนดการใช้ถุงยางจะมีผลต่ออาการข้างเคียงน้อย ผลที่อาจจะเกิดขึ้น เช่น 1. อาการระคายเคืองเฉพาะที่ของฝ่ายหญิง ถ้ามีการหล่อลื่นไม่เพียงพอ ซึ่งควรป้องกันในครั้งต่อไปโดยใช้เยลลี่สำหรับหล่อลื่นในทางการแพทย์ (เช่น K-Y Jelly) ทาด้านนอกของถุงยาง 2. อาการแพ้สารเคมีที่เคลือบอยู่ เช่น ยาชาที่ผสมอยู่ในสารหล่อลื่น เรื่องนี้เป็นเฉพาะบางท่านชาย โดยอาจทำให้ผิวหนังที่หัวอวัยวะแดงและเป็นเม็ดผื่นคัน หรือหากใช้ถุงยางชนิดที่เคลือบยาชานี้บ่อยๆ ก็อาจจะทำให้ปลายประสาทบริเวณนั้นชา ความสุขในการสัมผัสก็จะลดน้อยลง ถุงยาง ในท้องตลาดมีขายหลายยี่ห้อและหลายชนิด มีทั้งชนิดผิวเรียบ และชนิดผิวไม่เรียบ เพื่อเจตนาเป็นการกระตุ้นความรู้สึกของฝ่ายหญิง มีทั้งแบบแห้งและแบบหล่อลื่น (lubricated) มีทั้งแบบไม่มีกลิ่นและแบบแต่งกลิ่น มีทั้งแบบสีธรรมชาติและแบบมีสีสันหลากหลาย เช่นสีขาว สีเหลือง สีแดง สีดำ สีเขียว เป็นต้น ถุงยางบางชนิดจะบางมาก บางชนิดจะมียาชาเคลือบอยู่ด้านในของถุงยาง เพื่อลดความไวของประสาทสัมผัสและช่วยประวิงเวลาการหลั่งน้ำอสุจิของฝ่ายชาย (ตามคำโฆษณาของเขานะครับ) ว่ากันว่า ผลที่ได้น่าจะเป็นผลทางจิตใจของฝ่ายชายมากกว่าผลของยาชา ถุงยาง ที่มีขายในทั่วโลกมีหลายขนาด โดยแบ่งตามขนาดความกว้าง (มาจากครึ่งหนึ่งของเส้นรอบวงของถุงยาง) จะได้เป็น 13 ขนาด คือ 44 , 45 , 46 , 47 , 48 , 49 ,50 , 51 ,52 , 53 , 54 , 55 และ 56 มิลลิเมตร (มม.) ขนาดของถุงยางที่มีจำหน่ายในเมืองไทยส่วนใหญ่ จะเป็นขนาด 49 มม. ยาวประมาณ 150 มิลลิเมตร หรือ 5 นิ้วเศษ (ก็ไม่ถึงกับเล็กมากหากเทียบกับขนาดที่มีการผลิตขาย) และขนาด 52 มม. ยาวประมาณ 160 มิลลิเมตร หรือ 6 นิ้วเศษ ความหนาของถุงยางทั้งสองขนาด ประมาณ 0.03 - 0.07 มิลลิเมตร จากการสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่ของชายไทยจะใช้ถุงยางขนาด 49 มม. หากเป็นชายไทยที่พ่อให้มามากเป็นพิเศษ ขนาด 52 มม. จะเหมาะสมกว่า ในการเลือกซื้อ ควรจะเลือกซื้อในขนาดที่ตนเคยใช้สวมใส่มาแล้ว เพราะหากมีขนาดใหญ่เกินไปจะหลวมและหลุดง่าย หรือหากใช้ขนาดเล็กเกินไป ก็จะปริแตกได้ง่าย ซึ่งจะก่อให้เกิดความรู้สึกรำคาญ และแน่นอนความไม่ปลอดภัยก็จะตามมา กระบวนการผลิตถุงยาง ประกอบด้วย 6 ขั้นตอนคือ 1. การผสม 2. การขึ้นรูปถุงยาง 3. การอบแห้งและทำให้ยางคงรูป 4. การตรวจสอบหารอยรั่วด้วย ไฟฟ้า 5. การเติมสารหล่อลื่นและการบรรจุถุงยาง 6. การควบคุมคุณภาพถุงยาง ซึ่งผู้ผลิตจะทำการควบคุมคุณภาพ ตั้งแต่การควบคุมคุณภาพวัตถุดิบที่จะนำมาผลิต การควบคุมคุณภาพระหว่างการผลิต และการตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปตามมาตรฐานที่กำหนด นอกจากนั้น ภาครัฐยังได้ส่งเสริมมาตรการการสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2535 เป็นต้นมา โดยการริเริ่มโครงการตรวจสอบคุณภาพถุงยางก่อนออกวางจำหน่าย โดยกำหนดให้ถุงยางทุกรุ่นการผลิต หรือทุกรุ่นประเภทนำเข้า จะต้องส่งตัวอย่างให้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตรวจวิเคราะห์คุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนด หากพบว่าได้มาตรฐาน จึงจะอนุญาตให้จำหน่ายได้ ในกรณีที่คุณภาพไม่เข้ามาตรฐาน จะต้องทำลายหรือส่งกลับประเทศผู้ผลิตจำนวนทั้งหมดทันที มาตรการดังกล่าวนี้ จึงเป็นเสมือนการกลั่นกรองคุณภาพถุงยางก่อนถึงมือผู้บริโภคอีกชั้นหนึ่ง นอกเหนือจากการควบคุมคุณภาพจากภายในโรงงาน ตลอดจนยังเป็นการกระตุ้นให้ผู้ผลิตและผู้นำเข้า ตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคม ในการที่จะผลิตหรือนำเข้าเฉพาะถุงยางที่มีคุณภาพเท่านั้น อย่างไรก็ตาม แม้ว่าถุงยางที่วางจำหน่ายอยู่ในท้องตลาด จะผ่านขั้นตอนการผลิต และการควบคุมคุณภาพเป็นอย่างดี ทั้งในส่วนของผู้ผลิตและภาครัฐแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่สามารถจะเป็นหลักประกันได้ว่า ถุงยางทุกชิ้น ที่วางจำหน่ายในท้องตลาด จะมีคุณภาพและประสิทธิภาพที่ดี ต่อการป้องกันการตั้งครรภ์ และต่อการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะโรคเอดส์ เพราะถุงยาง เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากน้ำยางธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมีคุณสมบัติที่จะเสื่อมสลายได้ตามระยะเวลา และตามสภาพการเก็บรักษา ฉะนั้น ถุงยางที่จะนำไปใช้งาน จึงมิได้ขึ้นอยู่กับคุณภาพของถุงยางแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับว่า ถุงยางนั้นเก่าแค่ไหน เก็บรักษาไว้ในสภาพอย่างไร หมดอายุการใช้งานหรือยัง ขึ้นอยู่กับว่าวิธีการสวมและวิธีถอนถุงยางออกมานั้น ถูกต้องหรือเปล่า และมีการปริแตกขณะใช้หรือเปล่าด้วย งั้นก็คงต้องพูดว่า ถุงยางขนาดกล้วยหอม หรือขนาดกล้วยไข่ จึงไม่ใช่เรื่องกล้วยๆ ซะแล้ว ข้อแนะนำในการเลือกซื้อถุงยาง ควรจะสังเกตดูว่า เป็นชนิดที่มีขนาดตรงกับความต้องการของตนหรือไม่ มีสารหล่อลื่น มีสารฆ่าเชื้ออสุจิหรือไม่ มีสารแต่งกลิ่นหรือไม่ (ส่วนหลังนี้ แล้วแต่สเป๊กที่ตนต้องการ) ไม่ควรจะซื้อถุงยางที่ซองบรรจุเสียหาย จากความเปราะแตกง่าย เปื่อย สีซีดจาง หรือหมดอายุ ทั้งนี้ให้ดูวันหมดอายุที่ซองบรรจุ และเมื่อซื้อไปแล้ว หากเป็นไปได้ควรจะเก็บถุงยางในที่เย็นและแห้ง ไม่ให้ถูกแสงแดดและถูกฝน ไม่ควรให้บิดงอและถูกกดทับ บริษัทผู้ผลิตคำนวณไว้ว่า ถุงยางจะมีอายุใช้งานได้นาน 3 - 5 ปี หากเก็บไว้ในสภาวะที่เหมาะสม ได้แก่ อุณหภูมิภายในโกดังหรือสถานที่เก็บ ซึ่งเย็น ถ้าในฤดูร้อนที่มีอุณหภูมิสูงจะทำให้เกิดการเสื่อมสภาพอย่างช้าๆต่อคุณภาพของถุงยาง จากเหตุผลนี้ จึงไม่ควรจะเก็บหรือซ่อนถุงยางไว้นานๆในช่องเก็บของในรถยนต์ เพราะนอกจากจะร้อนแล้ว ยังอาจโดนแดด และโดนรังสีอุลตร้าไวโอเล็ตด้วย ความชื้นก็มีส่วนทำให้ถุงยางเสื่อมได้ หากซองบรรจุนั้น ผนึกไม่สนิท หรือการจัดเก็บเป็นแบบพับงอ เช่นเก็บในกระเป๋าหลังของกางเกง หรือในกระเป๋าเงิน ซึ่งมักจะถูกกดทับจนปริแตก ซึ่งอาจจะทำให้ไอน้ำหรือความชื้นซึมเข้าไปได้ จะว่าไปแล้ว ยังมีข้อมูลบอกด้วยว่า แม้แต่แสงจากหลอดฟลูออเรสเซนส์ ก็สามารถทำให้ความแข็งแรงทนทานของถุงยางที่ผลิตจากยางธรรมชาติ ลดลงได้ด้วย ฉะนั้นโปรดระวัง ถุงยางชนิดที่บรรจุอยู่ในซองโปร่งใส ถุงยางเหล่านี้ จะเสื่อมสภาพภายใน 1 ปี หากเก็บรักษาในสภาวะที่ไม่เหมาะสมวิธีการใส่ถุงยางก็ไม่ใช่ของกล้วยๆ อย่างที่ฝ่ายชายมองเห็นของที่ตนเองมี แบบกล้วยๆ วิธีใส่ถุงยางที่ถูก ก็คือ ควรฉีกถุงยางด้วยมือ ไม่ควรใช้ปาก กรรไกร หรือเล็บ เพราะอาจจะทำให้ถุงยางฉีกขาดเล็กน้อยโดยบังเอิญ ควรเริ่มใส่ถุงยางต่อเมื่ออวัยวะเพศชายแข็งตัวเต็มที่ อย่าใส่ขณะที่มันยังดูง่วงงัวเงีย ประเภทยังไม่ค่อยอยากจะทำงาน และตอนเริ่มใส่ ควรเริ่มใส่จากการสวมที่หัว และที่ห้ามลืมเด็ดขาดก็คือ ต้องบีบกระเปาะที่ปลายถุงยางเพื่อไล่ลม เพื่อทำให้เป็นสูญญากาศเสียก่อน มิฉะนั้นลมที่ไม่ถูกไล่ออกมาจากหัวกระเปาะ มันจะพยายามแทรกตัวออกมาในขณะมีเพศสัมพันธ์ ทำให้ถุงยางไม่แนบกระชับกับลำตัวเต็มที่ ซึ่งอาจทำให้ ไม่อาจป้องกันการตั้งครรภ์และการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ตามที่มุ่งหวัง ฝ่ายชายท่านใดที่ยังไม่ได้ขลิบอวัยวะเพศ ก่อนจะสวมถุงยาง ให้รูดหนังอวัยวะเพศให้หัวอวัยวะเพศเปิดออกเต็มที่ เพื่อเปิดให้ส่วนปลายสัมผัสกับถุงยางตั้งแต่ต้นเสียก่อนเลย ซึ่งจะดีกว่าเมื่อทำกิจกรรมสองต่อสองไปแล้ว หนังหุ้มปลายค่อยๆเปิดออกในภายหลัง ซึ่งแบบนี้จะทำให้ถุงยางขยาย ไม่กระชับพอดี ทั้งอึดอัดและอาจจะปริแตกได้ หลังจากสวมที่ส่วนหัวแล้ว จากนั้นจึงค่อยๆรูดให้สุดโคน หรือสำหรับบางคนก็เพียงแค่สุดความยาวของถุงยางเท่าที่มันจะยาวได้ โฮะโฮะ
ยังเหลือเศษอีกเหรอ? ที่จริง ตอนนี้ผมข้ามขั้นตอนที่สำคัญไป ก่อนจะเริ่มกิจกรรมสองต่อสองนี้ ฝ่ายชายควรจะกระตุ้นอารมณ์ของฝ่ายหญิงเสียก่อน หากกระตุ้นถูกจุดหรือถูกใจ ฝ่ายหญิงจะมีน้ำหล่อลื่นออกมาภายในช่องคลอด เหตุผลที่ต้องเอ่ยถึงเรื่องนี้ด้วย ก็เพื่อไม่ให้มีแรงเบียดแทรกกับทรัพย์สินของฝ่ายหญิงมากจนเกินไป จนทำให้ถุงยางปริแตก และฝ่ายหญิงก็จะพลอยดิ้นขัดขืนไม่เปิดประตูให้ฝ่ายชายเข้าไปได้ง่ายๆ อย่างไรก็ตาม หากไม่มีน้ำหล่อลื่นภายในของฝ่ายหญิง จะเพราะด้วยวัย หรือจะเพราะด้วยสาเหตุใดๆก็ตาม หนทางแก้ไขก็คือ ฝ่ายชายควรจะใช้สารหล่อลื่นที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ อย่างที่ทางการแพทย์เขาใช้เพื่อการหล่อลื่น เช่น K-Y Jelly ด้วย แต่ไม่ควรจะใช้สารหล่อลื่นที่มีส่วนผสมของไขมันโดยเด็ดขาด เช่น vaseline, baby oil, lotion ที่ใช้ทามือหรือทาลำตัว, cold cream เพราะอาจจะทำให้ถุงยางเสื่อมคุณภาพได้ เมื่อกิจกรรมสองต่อสองดำเนินไป จนฝ่ายชายหลั่งน้ำอสุจิแล้ว ฝ่ายชายควรรีบถอนทรัพย์สินของตนออกจากของฝ่ายหญิง ก่อนที่ของดีมีค่าจะเปลี่ยนขนาดเล็กลง แต่ถ้าฝ่ายชายท่านใดแน่ใจว่าของของตนคึกคัก สามารถฟิตแข็งได้อีกนานๆ อันนี้ก็อาจจะยกเว้นได้บ้าง คริ คริ และเมื่อตอนถอนออกมา ก็ควรจะระวังไม่ให้ถุงยางลื่นขยับหรือหลุดออกภายในช่องคลอด เมื่อถอนออกมาข้างนอกแล้ว ฝ่ายชายจึงค่อยถอดถุงยางออกในภายหลัง อ้อ ใช้ได้เพียงครั้งเดียวนะครับ ถ้าจะคึกคักใหม่ ฝ่ายชายก็จะต้องใช้ถุงยางอันใหม่
.ใช้อันซิงๆเท่านั้น ถุงยาง ถุงยาง เพื่อการไม่ให้ตั้งครรภ์ และการไม่ให้ติดโรค จึงขอฝากสโลแกนท้ายรถ อุ๊บ ท้ายบท ไว้อย่างนี้
..If it not on, Dont go in ถ้ามันยังไม่สวม ห้ามมันเข้า
เฮ้ !!!!.โดย yyswim
Create Date : 20 พฤษภาคม 2549
50 comments
Last Update : 20 พฤษภาคม 2549 2:24:29 น.
Counter : 5606 Pageviews.
โอลิเวอร์ โกเท หนุ่มวัย 36 ปี จากบริษัทเลเบนสลัสต์ (ความปรารถนาแห่งชีวิต) ในเมืองโคโลญจน์ ประเทศเยอรมนี เป็นผู้คิดค้นระบบผลิตถุงยางอนามัยส่วนตัวบุคคลได้สำเร็จ โดยเขาใช้อุปกรณ์ที่ใช้วัดขนาดอวัยวะเพศของลูกค้าขณะแข็งตัว
(ข่าวไม่ได้บอกว่าใครเป็นคนวัดหรือลูกค้าเป็นคนวัดเอง และวัดด้วยวิธีอย่างไร ข่าวก็ไม่ได้บอก)
แล้วก็มีการสร้างภาพคอมพิวเตอร์ 3 มิติขึ้น
จากนั้นจึงให้ลูกค้าเลือกระดับความหนาของถุงยาง และเพิ่มเติมรายละเอียดพิเศษต่างๆตามที่ลูกค้าต้องการ เช่น สี กลิ่น หรือพวกยาชา
นายโกเท เขาชี้แจงว่า ถุงยางของเราจะสวมกระชับตัวของคุณ จนขนาดที่ว่าคุณเองเกือบไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าคุณสวมมันอยู่ เราสามารถทำได้ทั้งแบบบางเฉียบหรือแบบหนามากๆให้คุณก็ได้ และแม้แต่จะแต่งเติมสีหรือลวดลายใดๆ หรือแม้แต่แต่งเติมด้วยลายเซ็นของคุณเอง รอบๆถุงยาง ก็ยังได้
สนนราคาของบริการนี้ของเราจะอยู่ที่ ต้องสั่งครั้งละราวๆ 600 ปอนด์ แต่ข่าวไม่ได้บอกอีกว่า จำนวนกี่ร้อยอัน หรือกี่โหล
นายโกเท เขายืนยันในข่าวว่า หากท่านใด้สั่งสินค้าของเรา ท่านจะได้สิ่งของที่คุ้มค่า เพราะถุงยางของเราจะปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ และสวมสบายกว่าถุงยางทั่วไปในท้องตลาด เพราะมันผลิตขึ้นมาตามขนาดจริงๆของคุณเพียงคนเดียว จะอ้วนตรงไหน จะรูปโค้งอย่างไร มันก็จะเป็นไปตามที่มีการวัดมาให้
ความเห็นของเจ้าของBlog :
ข่าวนี้ผมคิดว่า ธุรกิจนี้ไม่น่าจะเป็นธุรกิจที่มีการติดต่อซื้อโดยคนกลุ่มมาก ไม่น่าจะขายดีมากจนได้กำไรใหญ่โต
แต่น่าจะเป็นเพียงแค่ธุรกิจเล็กๆ ที่อาจจะขายสินค้าผ่านทางWeb ขายสินค้ากับลูกค้าที่รวยมากๆประเภทอยากจะได้อะไรตามใจตัวเอง ที่ไม่อยากจะซื้อเหมือนใคร ซึ่งอาจจะขายได้จำนวนน้อยราย หรืออาจจะขายสินค้ากับลูกค้าที่หลงเชื่อการโฆษณา ว่าจะได้สินค้าที่ฟิตพอดีตัว เหมือนกับซื้อเสื้อแบบสั่งตัดโดยมีการวัดตัวลูกค้า
เรื่องการตัดเสื้อโดยวัดตัวนั้น ผมคิดว่ามีโอกาสเป็นธุรกิจที่ใหญ่โตได้ เพราะเสื้อ ไม่มีการขยายตัว วัดตัวอย่างไรก็จะได้เสื้ออย่างนั้น
แต่ถุงยางมีการขยายตัวได้อยู่แล้ว จะอ้วน จะโค้งกว่าปกติเล็กน้อย ถุงยางมีโอกาสปรับตัวขยายหรือหดตัวให้กระชับได้ทั้งนั้น ขึ้นกับตอนเริ่มสวมควรจะจัดท่าให้มันลงตัวก่อนก็แล้วกัน
เพราะถ้าการวัดถุงยางขาย เฉพาะตัวบุคคลเป็นเรื่องที่ดีจริง ป่านนี้ประเทศต่างๆต้องมีกลยุทธ์การตลาดเรื่องทำนองนี้ ทำเป็นธุรกิจไปได้กำไรใหญ่โตนมนานแล้ว
ยิ่งประเทศอเมริกา ที่สามารถทำธุรกิจได้ค่อนข้างจะเสรี ขายสินค้าได้กว้างขวางไปทั่วโลก และแถมมีดาราหนังเอ็กซ์ที่โด่งดังมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันทั่วไป
หากธุรกิจนี้เวิร์คจริง อเมริกาคงจะทำถุงยางไซส์ขนาดของดาราหนังเอ็กซ์ออกมาขายกันอย่างแพร่หลายแล้ว เพราะมีหรือ? ที่ลูกค้าจะไม่อยากสวมรองเท้าขนาดเดียวเบอร์เดียวกับดาราดังๆที่ตนชื่นชอบ
นั่นก็เพราะถุงยางมันสามารถขยายหรือหดได้เล็กน้อยนั่นเอง แล้วมีไซส์ให้เลือกตั้ง 13 ขนาด จึงย่อมไม่จำเป็นที่จะต้องไปเลือกซื้อไซส์ที่ฟิตตัวเป๊ะๆ แบบที่ไปซื้อขนาดของดาราหนังเอ๊กซ์ที่มีชื่อเสียง เพราะสินค้าแบบนี้ไม่มีความจำเป็นขนาดนั้น.