เขาพระวิหาร



เขาพระวิหาร






เขาพระวิหาร ที่จะเขียนถึง คือ ปราสาทเขาพระวิหาร



ปราสาทเขาพระวิหาร หรือ ศรีศิขเรศวร เป็นเทวสถานแบบขอม บางเอกสารเรียกที่นี่ว่า ภวาลัย ตั้งอยู่บนเทือกเขาพนมดงรัก หรือหากจะออกเสียงแบบเขมรจะต้องออกเสียงว่า ดองเร็ก ซึ่งหมายถึงคานหาบ ก็คงเป็นเพราะรูปทรงสัณฐานของเทือกเขาที่แบนราบคล้ายไม้คาน เทือกเขานี้กั้นพรมแดนระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชา โดยสร้างขึ้นก่อนนครวัดประมาณ 100 ปี อยู่ระดับความสูง 657 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ในเขตจังหวัดพระวิหาร ของประเทศกัมพูชา ติดชายแดนไทยที่อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ



กล่าวกันว่า ปราสาทเขาพระวิหาร ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นการแสดงอำนาจของกษัตริย์แห่งเมืองพระนคร ที่มีความเชื่อถือในเรื่องเทวราชา อันหมายถึงกษัตริย์คืออวตารหนึ่งของเทพเจ้าในศาสนาฮินดู จึงมีการสร้างปราสาทเพื่อประดิษฐานศิวลึงค์ อันเป็นสัญลักษณ์แทนพระศิวะและพระมหากษัตริย์






























ท่านใด ประสงค์จะรู้จักเขาพระวิหารเพิ่มเติม ขอเชิญท่องเว๊ปได้ จะมีเขียนอยู่หลายเว๊ป ตัวอย่างเช่น ..จากวิกิพีเดีย (วิกิพีเดียเขียนไม่เยอะครับ) ..จากเว๊ป oceansmile .. จากเว๊ป travelfortoday และจากเว๊ปจังหวัดศรีสะเกษ เป็นต้น




เมื่อปี พ.ศ.2483 เกิดสงครามอินโดจีน ตอนนั้นฝรั่งเศสอ่อนแอ รัฐบาลไทยภายใต้การนำของจอมพล ป.พิบูลสงคราม จึงได้เรียกร้องให้มีการปรับปรุงพรมแดนไทย-อินโดจีน อันเป็นผลให้ ไทยได้ 4 จังหวัดฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงเข้ามาครอบครอง



ปีพ.ศ.2487 เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง เนื่องจากไทยจะต้องปรับตัวเอง มิให้เป็นประเทศแพ้สงคราม จึงต้องคืนดินแดนที่ได้มานั้น คืนให้แก่ฝรั่งเศสอีกครั้งหนึ่ง



ปีพ.ศ.2502 รัฐบาลกัมพูชานำด้วยสมเด็จพระนโรดมสีหนุ ยื่นฟ้องต่อศาลโลก ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ว่า ปราสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา



พอปีพ.ศ.2505 ศาลโลก ก็มีมติ 9 ต่อ 3 ให้ปราสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา



และครั้นในปีพ.ศ.2550 กัมพูชาได้ยื่นเรื่องต่อองค์การยูเนสโก เสนอให้ปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก




ที่จริง แผนผลักดันเขาพระวิหาร ให้เป็นมรดกโลกนั้น ได้เริ่มต้นมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2547 ที่คณะรัฐมนตรีไทย-กัมพูชา มีมติเห็นชอบให้ร่วมกันพัฒนาพื้นที่เขาพระวิหาร เพื่อประโยชน์ด้านการท่องเที่ยว ศึกษาประวัติศาสตร์ และกำหนดให้มีการดำเนินการเสนอเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก



แต่มาถึงปีปัจจุบัน ทางรัฐบาลกัมพูชาแอบเสนอชื่อ เขาพระวิหาร เป็นหนึ่งในนอมินี เพื่อรับการพิจารณาเป็นมรดกโลก ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยที่ 31 ขององค์การยูเนสโก ที่เมืองไครสต์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์ โดยเสนอให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเฉพาะตัวปราสาทเขาพระวิหาร ที่ตั้งอยู่ในเขตกัมพูชาเท่านั้น ซึ่งทางฝ่ายไทยเห็นว่า การจะเป็นมรดกโลกควรจะมีส่วนอื่นๆในภูมิศาสตร์ของไทย รวมอยู่ด้วย เช่น ปราสาทโดนตวล, บรรณาลัย, สถูปคู่, สระตราว และทางขึ้นปราสาทเขาพระวิหาร จึงควรที่จะเสนอร่วมทั้งสองประเทศ ไทยจึงยื่นประท้วงให้เป็นมรดกโลกร่วมกัน



และที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลก มีมติเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2550 ให้ไทยและกัมพูชากลับไปทำการตกลงกันให้ได้เสียก่อน พร้อมกับร่วมมือกันจัดทำแผนอนุรักษ์และบริหารจัดการบริเวณปราสาทพระวิหาร แล้วค่อยมาเสนอชื่อขอขึ้นทะเบียนอีกครั้ง ในการประชุมสมัยที่ 32 ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 2-4 กรกฎาคม 2551 ที่ประเทศแคนาดา



แต่เมื่อมีการหารือของสองประเทศ นอกจากไม่มีอะไรคืบหน้าแล้ว ทางกัมพูชายังมีโครงการสร้างถนนจาก จ.พระวิหาร และ จ.กัมปงธม ขึ้นสู่ปราสาทเขาพระวิหาร และยังมีโครงการสร้างกระเช้าขึ้นสู่ปราสาทเขาพระวิหาร อีกด้วย









พ.อ.นพดล โชติศิริ นายทหารจากกรมแผนที่ทหาร ได้ชี้ให้เห็นถึงปัญหาว่าเกิดขึ้นจากแนวชายแดนของทั้งสองประเทศ คือเรายึดถือแผนที่กันคนละฉบับ จะเห็นได้ว่าตลอดแนวเขตแดนที่เป็นที่ตั้งของเขาพระวิหาร ยังไม่เคยมีการปักปันเขตแดน เนื่องจากยังหาข้อสรุปไม่ได้ แม้ว่าศาลโลกจะได้ตัดสินให้ปราสาทเขาพระวิหารตกเป็นของกัมพูชาแล้วก็ตาม แต่ไม่ได้ตัดสินให้เส้นเขตแดนเป็นไปตามแผนที่ของคณะกรรมการปักปันเขตแดนอินโดจีน – สยาม หรือแผนที่ที่ทำขึ้นโดยฝรั่งเศส



ประกอบกับแผนที่ดังกล่าว เขียนสันปันน้ำผิด ฉะนั้นสันปันน้ำตามแผนที่คณะกรรมการปักปันเขตแดนฯที่บอกไว้ จึงไม่มีปรากฏอยู่ในภูมิประเทศจริง หลังจากศาลโลกพิพากษาไปแล้ว รัฐบาลไทยจึงตัดให้กัมพูชาเฉพาะตัวปราสาทไป แล้วจัดทำรั้วลวดหนามกันพื้นที่ดังกล่าวไว้ ซึ่งทางกัมพูชาก็ยอบรับ ไม่เคยละเมิดดินแดนในรั้วลวดหนามที่ไทยกันไว้ตั้งแต่ปีพ.ศ.2505




คือ ไทยยึดถือแผนที่ ที่เป็นฉบับอัตราส่วน 1:50,000 ตามมติคณะรัฐมนตรี ปี พ.ศ.2505 ภายหลังที่ศาลโลกได้ตัดสินให้ไทยแพ้คดี ก็ได้เฉือนเฉพาะส่วนปราสาทเขาพระวิหาร ให้กัมพูชาไปเท่านั้น แต่กัมพูชายึดถือแผนที่อัตราส่วน 1:200,000 ที่ฝรั่งเศสทำขึ้นเมื่อครั้งได้ พระตะบอง ศรีโสภณ เสียมราฐ ไป ซึ่งกินอาณาบริเวณล้ำเข้ามาในฝ่ายไทย



หากมองกันตามแผนที่ของไทยที่ไทยถืออยู่ หากกัมพูชาเสนอให้ปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกเพียงลำพัง โดยไม่รวมเอาโบราณสถานทางฝั่งไทยเข้าไปด้วย เท่ากับว่าแผนที่ของฝ่ายกัมพูชาเป็นที่ยอมรับในหลักสากลทันที ตามกฎของการคุ้มครองมรดกโลก ซึ่งเท่ากับว่า ไทยจะต้องเสียดินแดนเพิ่มอีกประมาณ 1,500 ไร่




เขาพระวิหาร ถ้าจะเรียกตามภาษาเขมรจะเรียกว่า เปรี๊ยะ วิเฮียร์ ภาษาอังกฤษ Phrea vihear















เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2551 ผู้สื่อข่าวจากจังหวัดศรีสะเกษ รายงานว่า ที่บริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ และเป็นโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้นำคณะเอกอัครราชทูตจาก 7 ประเทศ ได้แก่ ประเทศคิวบา, สหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น, เวียดนาม, จีน, เกาหลีใต้ และประเทศไนจีเรีย ลงพื้นที่สำรวจอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร , เชิงเขาพระวิหาร และ สระตราว ซึ่งเป็นบริเวณที่มีร่องรอยของการตัดเอาหินขึ้นไปก่อสร้างปราสาทเขาพระวิหาร



โดยมีกำลังทหารพราน จากหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ มาคอยเฝ้ารักษาความปลอดภัย ซึ่งคณะทูตดังกล่าวนี้ ไม่มีใครเดินทางขึ้นไปสำรวจบนประสาทเขาพระวิหารแต่อย่างใด และปฏิเสธที่จะให้ความเห็นใดๆกับสื่อมวลชน เกี่ยวกับการเดินทางสำรวจพื้นที่เขาพระวิหารในครั้งนี้



นายธฤต จรุงวัฒน์ กล่าวว่า การที่นำคณะทูตจาก 7 ชาติ มาสำรวจพื้นที่โดยรอบบริเวณเขาพระวิหาร เนื่องจากประเทศไทยจะได้มีโอกาสอธิบายให้คณะทูตเข้าใจประเด็นที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ ซึ่งการที่รัฐบาลกัมพูชาจะขอขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกนั้น ตนเห็นว่าจะเป็นการนำไปสู่การปักปันเขตแดนที่ต่างฝ่ายต่างคิดว่าเป็นของตัวเอง อย่างไรก็ตามประเทศไทยยอมรับว่าปราสาทเขาพระวิหารเป็นของประเทศกัมพูชา ตามคำพิพากษาของศาลโลกในปี พ.ศ.2505 แต่พื้นที่โดยรอบเขาพระวิหารนั้น ศาลโลกไม่ได้นำเข้าไปพิจารณาตัดสินด้วย จึงทำให้ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธ์ว่า เป็นเขตแดนของตัวเอง



“การที่ฝ่ายกัมพูชาจะให้เขาพระวิหารขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ฝ่ายไทยก็ยินดี แต่อย่างไรก็ตาม ควรให้เกิดผลดีต่อดินแดนที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธ์ ไม่เป็นผลในทางบวกเพียงฝ่ายไดฝ่ายหนึ่ง และควรที่จะมีการเจรจาร่วมกันเพื่อหาทางยุติปัญหานี้โดยเร็วที่สุด เพื่อประโยชน์ของทั้ง 2 ฝ่าย เป็นการป้องกันรอยร้าวที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้”





หากท่านใดต้องการจะเดินชมรอบๆปราสาทเขาพระวิหาร ผมขอเชิญเดินร่วมไปกับทหารนะครับ ..เพราะผมเองเคยไปที่นี่แค่ครั้งเดียว แถมไปเมื่อหลายปีก่อน(ไปกับเพื่อนที่ทำงาน) ..ณ วันนี้ สภาพของที่นี่คงจะเปลี่ยนไปมากแล้ว จึงไม่ถนัดที่จะเป็นไกด์นำชม เชิญครับเชิญทางนี้ คลิกได้เลย...ทหารจะพาทัวร์





รูปข้างล่างนี้ นำมาจากเว๊ปอื่น








































ตัวผมเมื่อหลายปีก่อน วันที่เดินเข้าไปชม วันนั้นแดดร้อนมากๆ เพราะเข้าไปชมในช่วงปลายเดือนเมษายน เรื่องเดินขึ้นบันไดหลายกิโลนี่ ไม่ค่อยเท่าไหร่ สู้ได้ บ่ยั่น ..แต่วันนั้นสวมเสื้อยืดแขนสั้นกับกางเกงยีนส์ หมวกก็ไม่มี ...โห แดดเปรี้ยงตรงหัว เหงื่อโชกเลย เดินกลางแดดราวๆ3 ชั่วโมง ขาลงมาเนี่ย รีบหาน้ำดื่มสะอาดแบบชนิดขวดลิตรกระดกเข้าปากแบบอึ๊กอึ๊กอึ๊กไม่ยั้ง ผิวที่แขนนี่เกรียมแดด ชนิดแสบเทียวละ อุอุอุ




การเข้าชม เปิดให้เข้าได้ทุกวัน ไม่มีวันหยุด เวลา 08.00น. – 16.30 น. ค่าเข้าชม ต้องเสียค่าธรรมเนียมสองด่าน คือด่านเขาพระวิหารของไทย ชาวไทย 20 บาท ชาวต่างประเทศ 200 บาท กับค่าเข้าชมเขาพระวิหารที่เป็นด่านของกัมพูชา ชาวไทย 50 บาท ชาวต่างประเทศ 200 บาท.















โดย yyswim









Create Date : 01 เมษายน 2551
Last Update : 1 เมษายน 2551 0:02:18 น. 37 comments
Counter : 7353 Pageviews.

 
อลังการงานสร้างมาก ๆ เลยค่ะพี่สิน...

มาเก็บเกี่ยวความรู้ค่ะ.... วันก่อนยังพูดถึงเขาพระวิหารกะพี่บ่าวอยู่เลยค่ะ

แบบว่าพี่บ่าวเค้าอยากไปค่ะ
.....................................

พี่สินสบายดีไม๊คะ..... ฝันดีค่ะ


โดย: largeface วันที่: 1 เมษายน 2551 เวลา:0:09:06 น.  

 
อ่านเรื่องราวของปัญหาแบ่งแยก แล้วก็ได้แต่คิดว่า
มันน่าจะมีการตกลงกันให้เคลียร์นะค่ะ เพราะมีปัญหา
อย่างนี้ต่างฝ่ายก็ต่างที่จะอยากให้ฝ่ายตัวเองได้
ประโยชน์อย่างที่สุด .. เรียกว่าถ้ายอมกัน มันก็มีฝ่าย
ที่เสียเปรียบอยู่ดี .... แต่อะไรล่ะ ที่จะทำให้แต่ละฝ่าย
เสียเปรียบกันน้อยที่สุด และได้ประโยชน์ร่วมกัน
มากที่สุด อันนี้น่าสนใจนะค่ะคุณสิน



เที่ยวแนวประวัติศาสตร์อย่างนี้ ส่วนใหญ่ก็เป็นที่โล่งๆ
อ่ะคะ เที่ยวยามแดดจัดๆ ก็คงจะเจอภาวะการหิวน้ำ
และโดนแดดเผาเอาได้ง่ายๆ เลย ... ต้องระวังเลยอ่ะคะ
ขนาดว่าไม่ได้ไปไหน ออกบ้านแป็ปเดียวเอง กลับมา
แขนก็เป็นริ้วๆ แล้วน๊า


โดย: JewNid วันที่: 1 เมษายน 2551 เวลา:1:10:22 น.  

 
เรื่องเขาพระวิหารนี้ทำให้คิดถึงนวนิยายเรื่องเขมริน อินทิรานะคะ ตอนเด็กๆเคยอ่าน สนุกดี อ่านจบอยากเห็นเขาพระวิหารขึ้นมาทันใด

อ่านเรื่องนี้จบ รู้สึกว่าถ้าตกลงกันได้คงจะดี แต่ดูเหมือนเพื่อนบ้านไม่ค่อยอยากจะตกลงดีๆด้วยเลยค่ะ


โดย: SevenDaffodils IP: 69.140.210.74 วันที่: 1 เมษายน 2551 เวลา:1:41:26 น.  

 
ถ้ามีโอกาสอยากไปสัมผัสเหมือนกัน อาทิตย์ที่แล้วไปปราสาทหินพิมาย ยังรู้สึกว่ามีมนต์ขลังเลย ถ้าเป็นเขาพระวิหารเนี่ยคงน่าสนใจมาก ๆ แถมมีความรู้ให้ด้วย ดีจัง ขอบคุณค่ะ


โดย: แม่น้องสองพี วันที่: 1 เมษายน 2551 เวลา:3:01:38 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ยามเช้าค่ะพี่ชายที่แสนดี

ขอบคุณมากค่ะข้อคิดคำสอน..ที่มอบให้น้องสาวคนนี้


เรารู้สึกได้เสมอถึงความจริงใจที่ได้รับค่ะพี่ชาย
คุณสินที่น่ารัก


เราดีใจนะค่ะที่เจอตัวจริงของคุณสิน
ซึ้งใจเสมอที่ได้รับไมตรีที่แสนดี
พี่ชายเป็นคนอารมณ์ดีกว่าตัวอักษรแยอะเลย
จริงค่ะตัวจริงดู..เด็ก..น่ารักมากเลยละ
ไม่มีแววของรอยตีนกาชัวส์..
555555555555555

ถ้าเจอแค่ตัวอักษรที่รู้จัก
ตัวอักษรดูจริงจ้ง..เป็นผู้ใหญ่ที่มีทั้งภูมิปัญญาและมากด้วยความรู้
เป็นตัวอักษรที่ตรงไปตรงมา..ไม่อ้อมค้อม
เป็นตัวอักษรที่มอบความรู้สึกจริงใจให้เสมอ
สอนอะไรที่ดีได้จะสอนจะบอกกล่าว..
สมกับเป็นผุ้ใหญ่ที่น่านับถือเสมอ


เราชอบเข้าวัด..ชอบทำบุญ
แต่เราก็รักษาศีลได้ไม่ครบค่ะ
ขอเพียงรู้สึกสุขใจก็พอค่ะ


อิๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆก็รู้ๆๆนะค่ะ
ว่าคุณแคทคนนี้เป็นไง..ขวานฝ่าซากค่ะ
ความอ่อนหวานหามีไม่


ก็เราเจอกันแล้วนิ


เราดูร่าเริงออก...แต่เวลาขรึม..น่ากลัววววว


******************
ไม่เคยไปเลยค่ะเขาพระวิหาร
อยากไปมากเลยค่ะ
เพราะเป็นเป็นกรณีพิพาทกันนะค่ะ
แต่มีคนบอกว่าสวยนะค่ะ


จะยิ้มสู่กับทุกๆสิ่งที่เผชิญเสมอค่ะ
พี่ชายที่แสนดี
ขอบคุณมากค่ะ


มีความสุขมากๆในวันสีชมพูที่สดใสนะค่ะ





โดย: catt.&.cattleya.. (catt.&.cattleya.. ) วันที่: 1 เมษายน 2551 เวลา:7:49:34 น.  

 
งดงามจริงๆ


โดย: coming soon (The Yearling ) วันที่: 1 เมษายน 2551 เวลา:10:25:40 น.  

 
มีนักวิชาการด้านโบราณคดี-ประวัติศาสตร์ศิลปะ
เคยยกย่องปราสาทหินแห่งนี้ว่าเป็น "เพชรยอดมงกุฎ"
แห่งพนมดงรัก


โดย: Commencer วันที่: 1 เมษายน 2551 เวลา:15:10:57 น.  

 
มาขอบคุณย้อนหลังที่อวยพรวันเกิดให้นะครับ


โดย: Mr.DogGie วันที่: 1 เมษายน 2551 เวลา:16:15:03 น.  

 
เคยอ่านนวนิยายเรื่องเขมรินทร์ อินทิรา เหมือนกัน
เป็นเรื่องโปรดอีกเรื่องหนึ่ง
นึกชมคนแต่งคือ ก.สุรางคณางค์ที่สามารถจับเ
สี้ยวประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นลงมาในนิยายได้เนียนมากๆ

ยังไม่เคยไปเลย
เคยแต่ไปพนมรุ้ง เมืองต่ำ ในบ้านเราเอง

พนมรุ้งไปหลายรอบ
รอบแรก นารายณ์บรรทมสินธุ์ยังไม่กลับมา
ไปนอนค้างคืนข้างบนด้วย ได้ยินเสียงระเบิดตูมๆไกลๆ

รอบหลังเอากลับมาแล้ว



โดย: กูรูขอบสนาม IP: 202.28.179.3 วันที่: 1 เมษายน 2551 เวลา:19:58:46 น.  

 
เรื่องเขาพระวิหารนี่ ลิตช์เคยอ่านข้อมูลตั้งแต่ ม.ล.ว.เสนีย์ ปราโมช ไปว่าความแพ้โน่นเลยค่ะ
ท่าทางเรื่องนี้ไม่มีทางตกลงกันได้ด้วยดีเป็นแน่ ขะแมร์เจ้าเล่ห์จะตาย
ลิตช์เคยไปเที่ยวที่นี่ตอนเด็ก ๆ ค่ะ ...


โดย: ลิตช์ (Litchi ) วันที่: 1 เมษายน 2551 เวลา:20:32:53 น.  

 


หวัดดีค่ะ
มินขอบคุณมากเลยนะคะ ที่ไปเยี่ยมเยียน
และให้ข้อคิดที่ดีเสมอ ๆ มินก็คิดแบบนั้นอ่ะค่ะ
มินรู้ว่าน้อง(ลูกอา) ยังทำใจให้ยอมรับไม่ได้
มินเองก็เป็นเหมือนกัน แต่อาจเป็นที่มินโตกว่าเขาเยอะ
มินถึงมองเรื่องนี้แบบ พูดว่าไงดีหล่ะคะ
มองแบบ " ทุกสิ่งในโลกนี้ มันไม่ใช่ของเราถาวรหรอก
มันแค่ชั่วคราว เท่านั้น แม้กระทั่งตัวของเราเอง"
แล้วมินก็เชื่อมาก กับเรื่องของเวรกรรมหน่ะค่ะ
ก็แม่มินเล่าให้ฟังว่า ตอนที่อาของมินออกจากเกณฑ์ทหารมาใหม่ ๆ
อายุ 22-23 ตอนนั้นเข้ามากรุงเทพใหม่ ๆ
อาเคยขับรถชนคนเสียชีวิตด้วย เรื่องนี้ผ่านมา
40 กว่าปีแล้ว จริง ๆ มินก็เคยรู้เรื่องนี้มาตั้งนานแล้ว
แต่มินไม่รู้ว่า ครอบครัวของอารู้เรื่องนี้กันหรือป่าว
เพราะไม่มีใครเคยพูดถึงกันหรอกค่ะ
พอมามีเรื่องนี้เกิดขึ้นมา แวบนึงเรื่องนี้มันก็เข้ามาในหัว
ของมินซะงั๊น ตอนที่มินนั่งฟังสวด ทุก ๆ คืน มินคอยนั่งแอบมอง คนที่ขับรถชนอามินอยู่เรื่อย ๆ
มินอยากรู้จริง ๆ ว่า มันจะเชื่อมโยงกันหรือป่าวนะ
กับเรื่องในอดีตเมื่อ 40 กว่าปีก่อนนั้น
วันนี้ มินไม่เป็นไรแล้วค่ะ มินไม่อยากคิดอาไร
ให้มันเครียด เพราะถ้าเครียดแล้ว ความดันมิน
มันจะขึ้นสูงปรี๊ดเลย..
ปล. วันนี้ มินไม่เห็นปฏิทินที่มินชอบเลย
ปฏิทินที่บอกว่า วันนี้ในอดีตเป็นยังไงหน่ะค่ะ
หายไปไหนแล้วคะ..


โดย: มิน (มินทิวา ) วันที่: 2 เมษายน 2551 เวลา:7:01:41 น.  

 
เพราะเป็นศาสนบรรพตที่งดงามที่สุด ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
งามทั้งในเชิงศิลปะ สถาปัตยกรรม และภูมิทัศน์
ที่นี่จึงมีประวัติศาสตร์ทั้งในเชิงศิลปะ สถาปัตยกรรมและภูมิทัศน์

เพราะฉะนั้น
ไม่ใช่ว่าด้วยเหตุที่ผมเป็นคนไทยแล้ว ผมจึงไม่เห็นด้วยที่ทางราชอาณาจักรกัมพูชาจะขอให้ UNESCO ประกาศขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวอาคารกลุ่มโบราณสถานที่อยู่ในครอบครองของฝั่งนั้นเท่านั้น ในการเป็น "มรดกโลก"

เนื่องจาก ถ้าเขมรจะเอาเฉพาะตัวสิ่งก่อสร้างซึ่งอยู่ในความครอบครองของฝั่งนั้น ตามคำตัดสินของศาลโลกเมื่อหลายสิบปีมาแล้วเป็น "มรดกโลก"

ผมว่าการกระทำเช่นนั้นจะส่งผลให้ ปราสาทเขาพระวิหารเป็น "มรดกโลก" ที่ "ขาดความสมบูรณ์เชิงคุณค่า"

คุณค่า ของ "มรดกโลก" มีความหมายที่สัมพันธ์กับผู้คน ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน
ตั้งแต่ในอดีต ที่ยังปราศจากการให้นิยามความหมายด้วยขอบเขตเชิง "ภูมิรัฐศาสตร์" แบบ "รัฐชาติ" หรือ Nation State ที่กำหนดขึ้นในสมัยหลัง

ดังนั้น หากเขมรปราถนาอย่างจริงใจที่จะให้ ปราสาทพระวิหาร เป็น "มรดกโลก" ที่มีความสมบูรณ์ในเชิงคุณค่า
ควรจะดำเนินการร่วมกับทางประเทศไทย
ในการจัดทำแผนแม่บท พัฒนาพื้นที่ทั้งที่อยู่ทางฝั่งไทยและฝั่งกัมพูชา
ซึ่งครอบคลุมถึงโบราณสถานอื่นๆ ทางฝั่งไทย แหล่งตัดหินและภูมิประเทศโดยรอบ

เพื่อให้โบราณสถานแห่งนี้ เป็น "มรดกโลก" ตามความหมายที่ทาง UNESCO คาดหวัง อย่างแท้จริง

ในท้ายที่สุด
ถ้าทั้งสองประเทศบรรลุข้อตกลงในการดำเนินการร่วมมือกันดังกล่าวได้
ผมว่า ปราสาทพระวิหาร จะเป็น "มรดกโลก" ที่วิเศษที่สุดอีกแห่งหนึ่ง
เท่าที่เคยมีการประกาศขึ้นทะเบียนมา อย่างแน่นอน

ด้วยความเคารพ ครับ


โดย: กุมภีน วันที่: 2 เมษายน 2551 เวลา:8:48:02 น.  

 



สวัสดีวันพุธกลางสัปดาห์คะพี่สิน เอาเมนูเย็นๆหน้าตาน่ารักเหมือนกวางเรนเดียร์มาฝากคะ

เรื่องของเขาพระวิหาร เคยดูละครเรื่องเขมริน อินทิรา ทำให้ได้เห็นภาพสวยๆที่นั่นเยอะเลยอะคะ ชอบๆ แต่ยังไม่เคยไปเลยคะพี่สิน




โดย: eeh (คิตตี้น้อยสีชมพู ) วันที่: 2 เมษายน 2551 เวลา:11:24:53 น.  

 
อยากมีโอกาสไปเยือนสักครั้งครับ

ประเทศไทยช่างมีเพื่อนบ้านที่วิเศษอะไรเช่นนี้ ส่วนศาลโลกก็ดีนะครับ ยุติธรรมมาก เหอะๆ


โดย: พ่อน้องโจ วันที่: 2 เมษายน 2551 เวลา:11:59:16 น.  

 


บล็อกเรื่องนี้ ผมขอนำเสนอในเชิงข่าวความเคลื่อนไหว ไม่ได้เน้นการนำเที่ยว เพราะเคยไปเที่ยวที่นี่เพียงครั้งเดีย รูปภาพก็ไม่ใช่เป็นรูปภาพของตัวเองครับ




น้องรัตน์น้องบ่าว....หน้าร้อนที่เขาพระวิหารร้อนมาก เพราะพื้นจะเป็นหิน และมีต้นไม้น้อย เดินขึ้นบันไดชัน บางขั้นบันได ถ้าเป็นคนอ้วนมีหวังต้องผลักสะโพก เพื่อช่วยกันยกขึ้น และระหว่างปราสาทกับบางปราสาท ต้องเดินกันไกล หลายพักหยุดหายใจเชียวละ

ที่บอกนี้ ไม่ใช่จะเขียนเสือให้น้องรัตน์น้องบ่าวกลัว แต่อยากบอกข้อมูลเท่านั้น เพื่อคิดจะไปจริงๆ ก็ต้องวางแผนว่า จะไปเจออะไรบ้าง? จะต้องทำอย่างไร


คุณพู่....นักข่าวทีวีเขาเปรียบเทียบระหว่างร้อนแดดภาคเหนือกับอีสาน เขาบอกว่าเมื่ออยู่กลางแดดเที่ยง จะร้อนตาหยี และผิวเกรียมแดดพอๆกัน

ไม่ได้เขียนเพื่อสื่ออะไรหรอก แค่จะบอกว่า ไปที่โน่น จะเจอแดดเท่ากะลำปาง


คุณ SevenDaffodils......นวนิยาย ผมไม่ค่อยได้อ่าน เห็นมีคนถามผมหลายคน ถามว่า อ่านเรื่องนี้ยัง? สนุกนะ .ยังครับ ผมไม่ชอบอ่านนวนิยาย .ผมเพียงแต่ฟังเสียงจกละครทีวี แล้วก็นั่งหน้าคอมพ์เปิดบล็อกแก๊งค์


คุณแม่น้องสองพี....ปราสาทหินดูยิ่งใหญ่ครับ ..แต่บ้านเมืองของเราก็โชคดีนะ ที่มีโบราณสถานให้ชมและได้ท่องเที่ยวในปริมาณมาก เป็นเกียรติภูมิของปะเทศด้วย

การดูแลปราสาทเขาพระวิหารของกัมพูชาไม่ดีครับ เด็กๆเดินเร่ขาย ร้อนแดดก็ร้อน ห้องน้ำสะอาดก็ไม่มี แถมมีรอยขีดเขียนกันบนทาเดินซึ่งเป็นหินทราย


คุณแคท คนงาม.... งามน้ำใจ ผมไม่ค่อยเห็นคุณแคท ดุ หรือเครียดนี่ ก้อเลยนึกไม่ค่อยออกเรื่องปัญหาบางอย่าง ว่าจะมีระดับไหน

เพราะเคยเห็นแต่ช่วยบริการรับส่ง ช่วยจ่ายเงินเลี้ยงโน่นนี่ และซื้อของขวัญให้หลาน

ผมว่า คุณแคทดีสมบูรณ์แบบแล้ว กรรมดีจะสนองตอบครับ


สุ่น....พัทยาหน้าร้อน เป็นไงบ้าง? แถม ได้ข่าวว่าไปขึ้นภูที่ต่างประเทศด้วย นำรูปมาอัพบล็อกอีกซิ อยากเห็นความสนุก


Commencer….นายเป็นคนรอบรู้ครับ ช่าย ปราสาทเขาพระวิหาร มีนักประวัติศาสตร์ให้สมญานามว่าเป็น “เพชรยอดมงกุฏ” จริงๆ

แต่ น่าเสียดายที่กัมพูชา ปล่อยให้แดด ลม ฝน และความหนาว ทำลายตัวปราสาทให้กร่อน ร่อน ร่วง ลอก และอีกหลายๆประการจนดูไม่ค่อยเห็นความสวยงามและความยิ่งใหญ่ในอดีต


คุณDogGie….ขอบคุณครับที่แวะมาเยี่ยม


น้องกุลกูรู....พี่ดีใจนะที่น้องเข้ามาเยี่ยมที่นี่บ่อยๆ มีอะไรฝากข้อความได้ เดี๋ยวพี่จะไปบอกคุณแม่ให้


คุณลิตช์....ที่จริงเรื่องนี้ นมนานมากแล้ว งั้น ผมนำมาย่อความ

คดีประวัติศาสตร์ระดับโลกที่คนไทยจะต้องไม่ลืม ไทยแพ้คดี เสียดินแดนให้เขมร เดือนมิถุนายน 2505 ศาลโลกตัดสินให้ไทยแพ้คดีด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 3 ว่า ปราสาทพระวิหารอยู่ในอาณาเขตอธิปไตยของกัมพูชา และคะแนนเสียง 7 ต่อ 5 ให้ไทยคืนเขาพระวิหาร และวัตถุประติมากรรมในปราสาทพระวิหารแก่กัมพูชา คนไทยเจ็บปวดทั่วประเทศ...รัฐบาลไทยประท้วงคำตัดสินศาลโลกต่อองค์การสหประชาชาติ สงสงวนสิทธิที่จะเอาเขาพระวิหารคืนจากกัมพูชาในอนาคต ดร.ถนัด คอมันตร์ รมต.ต่างประเทศกล่าวว่า "...ไม่เคยเห็นการวินิจฉัยกฎกมายระหว่างประเทศที่หละหลวม เช่นคำพิพากษานี้..." ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ทนายฝ่ายไทยให้ความเห็น..."...คำพิพากษาศาลโลกผิดพลาดอย่างยิ่ง...แม้อีกร้อยปีสองร้อยปี คำพิพากษาของศาลโลกครั้งนี้จะไม่ทำให้นักกฎหมายคนใดในอนาคตเห็นด้วยเลย..." จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า "...ด้วยเลือดและน้ำตา...สักวันหนึ่งเราจะต้องเอาเขาพระวิหารคืนมาให้จงได้..."


น้องมิน...พี่ส่งหลังไมค์ ไปถึงนะครับ รอรับด้วย


กุมภีณ.....ใจคิดตรงกันเลย ผมน่ะคิดเหมือนนาย ซึ่งคงจะคล้ายกับคนไทยส่วนใหญ่ แต่พวกเราตัวเล็กๆ คงขอเชียร์อยู่ด้านหลัง ให้ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องค่อยๆคดีประวัติศาสตร์ระดับโลกที่คนไทยจะต้องไม่ลืม ไทยแพ้คดี เสียดินแดนให้เขมร เดือนมิถุนายน 2505 ศาลโลกตัดสินให้ไทยแพ้คดีด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 3 ว่า ปราสาทพระวิหารอยู่ในอาณาเขตอธิปไตยของกัมพูชา และคะแนนเสียง 7 ต่อ 5 ให้ไทยคืนเขาพระวิหาร และวัตถุประติมากรรมในปราสาทพระวิหารแก่กัมพูชา คนไทยเจ็บปวดทั่วประเทศ...รัฐบาลไทยประท้วงคำตัดสินศาลโลกต่อองค์การสหประชาชาติ สงสงวนสิทธิที่จะเอาเขาพระวิหารคืนจากกัมพูชาในอนาคต ดร.ถนัด คอมันตร์ รมต.ต่างประเทศกล่าวว่า "...ไม่เคยเห็นการวินิจฉัยกฎกมายระหว่างประเทศที่หละหลวม เช่นคำพิพากษานี้..." ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ทนายฝ่ายไทยให้ความเห็น..."...คำพิพากษาศาลโลกผิดพลาดอย่างยิ่ง...แม้อีกร้อยปีสองร้อยปี คำพิพากษาของศาลโลกครั้งนี้จะไม่ทำให้นักกฎหมายคนใดในอนาคตเห็นด้วยเลย..." จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า "...ด้วยเลือดและน้ำตา...สักวันหนึ่งเราจะต้องเอาเขาพระวิหารคืนมาให้จงได้..."...จัดการ





โดย: yyswim วันที่: 2 เมษายน 2551 เวลา:12:26:56 น.  

 



ขอบคุณน้องอี๊ครับ.....ที่มีของฝาก


พ่อน้องโจ.....จัดงานวันเกิดไหม? ท่าทางสมาชิกรอร่วมฉลองพร้อมแล้ว


โดย: yyswim วันที่: 2 เมษายน 2551 เวลา:12:30:18 น.  

 
แวะมาขอบคุณพี่ชายอารมณ์ดีเสมอค่ะ
คุณสินก็จิตใจงามต่อเพื่อนฝูงและมิตรสหายเช่นกันค่ะ
เราได้เห็นและได้สัมผัสในโลกความจริง
น่ารักที่สูดดดเลย
จำได้ค่ะเอา** ขนมปั้นสิบ.. **มาฝากเพื่อนทุกคนเลย
ทุกครั้งที่เห็นหน้าคุณสินต้องได้กินขนมแน่นอน

ค่ะพี่ชาย..ความดีคนอื่นไม่เห็นแต่ใจเรารู้ค่ะ
ย่อมตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ค่ะ



อิๆๆๆๆๆๆๆๆ..เราคนอารมณ์ดีเสมอค่ะ
มีคนบอกเวลายิ้มแล้วดูมีความสุข

แต่เวลาจริงจัง...หน้าตาไม่รับแขกและคนทุกชาติเลยสิ



แต่ถ้าคนนั้นได้เห็นอารมณ์ไม่รับแขกและทุกชาตินี้
โชคร้ายจังเลยค่ะ..นานครั้งค่ะ

คุณสิน..ขา..มื้อเที่ยงอยากทานแกงส้มบอนของใต้จังค่ะ
รสยังติดที่ริมฝีปากเลยนะนิ..อร่อยมากๆๆค่ะ
ช่วงนี้เฝ้างานตลอดเลยค่ะ
มื้อกลางวันเลยที่ออฟฟิสซะนิ



เราชอบเป็นผู้ให้เสมอจนเคยชินค่ะ
ก้รู้สึกดีนะค่ะไม่เคยฝืนความรู้สึกนะค่ะ
ก็ให้เท่าที่ให้ได้ค่ะ...ถ้าไม่เกินความสามารถค่ะ



คุณห่างหายบล็อกเรา
แต่เป็นพี่ชายที่แสนดีในหัวใจเราเสมอค่ะ
ขอให้วันสดใสที่แสนร้อน..
ช่วยชโลมใจพี่ชายให้สดชื่นและเย็นสบายนะค่ะนะค่ะ
ระลึกถึงเสมอค่ะ





ปล..เขาพระวิหารต้องไปให้ได้ค่ะ...





โดย: catt.&.cattleya.. (catt.&.cattleya.. ) วันที่: 2 เมษายน 2551 เวลา:14:27:39 น.  

 
กร๊ากกกกกกกก.... พี่สิน..... คะ

.... แบบว่ารัตน์สงส๊ายยยยย... สงสัย ตรงนี้อ่ค่ะ.... ไม่เข้าใจเล๊ยยย .....ถ้าเป็นคนอ้วนมีหวังต้องผลักสะโพก เพื่อช่วยกันยกขึ้น และระหว่างปราสาทกับบางปราสาท ต้องเดินกันไกล พักหยุดหายใจหลายครั้งเชียวละ

และเน้นตรงนี้ค่ะ..... "ถ้าเป็นคนอ้วน"


..... สงสัยว่า...... พี่คิดว่ารัตน์อ้วนใช่ไม๊คะ....
.......................................

ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ สำหรับขัอมูล.....

ถ้าร้อนและลำบากอย่างพี่บอกจริง ๆ งั้นคงยังไม่ไปช่วงนี้หรอกค่ะ... แบบว่าถ้าขืนไป... เดี๋ญวใคร ๆ จะหาว่ารัตน์์แต่งตัวไม่ถูกกาละเทศะอีกค่ะ....


โดย: largeface วันที่: 2 เมษายน 2551 เวลา:14:58:20 น.  

 
ลืมบอกไปอีกหน่อยค่ะว่า..... รัตน์จะรอให้พี่สินมาขำกลิ้ง หัวร่องอหาย... ท้องคัดท้องแข็งด้วยกันนะคะ

กร๊ากกกกกกกกกกกกกก





โดย: largeface วันที่: 2 เมษายน 2551 เวลา:15:04:05 น.  

 


คุณแคท…..ขอบคุณคุณแคทมากๆ ใกล้จะเลิกงานของผมแล้วครับ เลยแวะเข้าบล็อก อ่านเมนตืคุณแคทแล้วสุขใจ

เจอกันวันไหน วันนั้นเรากินแกงส้มกันนะ


น้องรัตน์...ตอนเขียนเมนต์ตะกี้ พี่กำลังนึกถึงผู้หญิงอ้วนนุ่งผ้าถุงอายุราว40 ผิวคล้ำอยู่ตรงหน้า คือเธอกำลังปีนขึ้นบันไดเขาพระวิหารในวันนั้น (ไม่ได้คิดถึงน้องรัตน์ของพี่นะ) โอ บันไดแต่ละขั้นสูงเหลือเกิน สูงเท่ากับปีนขึ้นเก้าอี้นั่งเลย แต่เธอก็ยกขาขึ้นบันไดเหมือนขึ้นเก้าอี้ทีละขั้น แล้วก็เดินอีก แต่พอเธอปีนหลายๆขั้นเข้า ก็หมดแรง เธอก็รอให้คนมาดันสะโพกเธอขึ้นบันไดทุกครั้ง อุอุอุ


เดี๋ยวพี่จะไปอ่านเรื่องเฮฮาขำขั้นคลายร้อนที่บล๊อกน้องรัตน์นะ


โดย: yyswim วันที่: 2 เมษายน 2551 เวลา:16:21:51 น.  

 
ฟังข่าวเรื่องเขาพระวิหารตอนนี้แล้วใจไม่ดีครับ รอลุ้นอยุ่ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ... แต่ที่แน่ๆ มันเป็นสิ่งอัศจรรย์ที่คนรุ่นก่อนสร้างไว้ในเป็นถึงอารยธรรมที่เจริญและความศรัทธาอย่างยิ่งใหญ่จริงๆ ครับ

พี่สินสบายดีนะครับ ช่วงนี้ผมยุ่งๆ อ่ะครับ ไม่ค่อยได้อัพบล็อกเท่าไหร่เลย ขอบคุณพี่มากๆ เลยครับที่อุตส่าห์ไปเยี่ยมเสมอๆ ครับ


โดย: Due_n วันที่: 2 เมษายน 2551 เวลา:23:51:12 น.  

 

แวะมาขอบคุณก่อนไปทำงาน
ทั้งเงินที่ร่วมบริจาคและหนังสือที่ขอร้องให้พี่อุ้มไปรับค่ะ

ขอบคุณน้ำใจดีๆ เน้อ

ปล.เคยไปเที่ยวเขาพระวิหารมาครั้งหนึ่ง ตอนไปไม่ค่อยชอบ เพราะไม่รู้จะดูอะไรและไม่มีความรู้ แต่บังเอิญมีไกด์คอยเล่าเรื่องต่างๆ และตำนานที่เกี่ยวกับเขาพระวิหาร ทำให้การเดินเที่ยวเพลินและมีสาระความรู้ จนลืมเหนื่อยและเมื่อยไปเลยล่ะ


โดย: sunny-low วันที่: 3 เมษายน 2551 เวลา:6:42:03 น.  

 
ประเทศนี้เจ้าเล่ห์สุดๆ (เจองูให้ตีขะแมร์)
ถ้าอ่านประวัติศาสตร์จะพบว่าเมื่อใดที่ไทยเพลี่ยงพล้ำให้
กับพม่า เขมรจะเข้าซ้ำทันที ทั้งที่ไทยเลี้ยงดูเป็นอย่างดี
ข้าวสุกของไทยไม่เคยทำให้มันเห็นบุญคุณอะไรเลยเป็นอย่างนี้มาทุกสมัย จนถึงราชวงส์จักรี
สมเด็จพระเจ้าตาก ทรงกริ้วมาก(แค้นมาก)
สาปแช่งเอาไว้ว่าขอให้ประเทศนี้จงมีแต่หายนะรบราฆ่าฟันกันเองทุกๆชาติ
สถานฑูตไทยมันยังเผาเฉยเลยไม่มีชาติไหนเขาทำกันในโลกนี้ มีขะแมร์ชาติเดียว โปรดจำไว้เลย


โดย: TATONG IP: 61.90.184.250 วันที่: 3 เมษายน 2551 เวลา:12:35:19 น.  

 
สวัสดีครับพี่สิน


วันที่ผมไปพักมีคนไปพักแค่ 5 ห้องครับ



ตื่นเช้าผมเดินเล่นถ่ายรูป
เหมือนเดินอยู่ในเมืองร้างเลยครับ 5555

เดินถ่ายจนเบื่อก็ยังไม่เห็นใคร
นอกจากบ้านที่เงียบเชียบ
บรรยากาศที่ร่มรื่นย์ครับ


สรุปว่าถูกใจผม
แต่เจ้าของรีสอร์ทคงยิ้มไม่ออกนะครับ 5555



โดย: ก๋า เก็กเสียง (กะว่าก๋า ) วันที่: 3 เมษายน 2551 เวลา:20:37:40 น.  

 


ดิว....ดิวอัพบล็อกบ่อยนี่นา พี่ไปเยี่ยมทีไร ก็เป้นเรื่องดีๆเรื่องใหม่ทุกที


คุณsunny-low.....ขอบคุณครับที่มาเยี่ยม เป็นห่วงอยู่เหมือนกันว่า งานจะบรรลุเป้าหมายระดับไหน หากพอมีอะไรช่วยได้เล็กน้อยก็ยินดีช่วยครับ

เขาพระวิหาร ก่อนผมจะเดินทางไป ผมก็เฉยๆครับ เพราะไม่ได้ชอบเขมร พอไปถึงก้เห็นทหารเขมร เห็นเด็กเขมรเดินตาม ตอนนี้ก็ยังเฉยๆ เพราะตัวเองก้เด็กต่างจังหวัด แต่พอเห็นบันได เห็นสิ่งก่อสร้างใหญ่โต ที่ต้องปีนป่ายกันก็ทึ่งผู้สร้างครับ

ความคิดตอนเดินกลับคือ เสียดายโบราณสถานดีๆ ที่เขมรปล่อยตามยถากรรม ทรุดโทรมลงไปมาก มีการขีดเขียนบนทางเดินเยอะแยะ และรู้สึกเหงื่อโชกเพราะร้อนแดด คิดว่าถ้าจะให้มาซ้ำ คงจะตัดสินใจอีกนานละ


โต้ง....เออ บ่นเข้าไปๆๆ ระวังจะเครียดลงท้องนา เดี๋ยวก้อได้คลื่นไส้หร๊อก


ก วรกะปัญญา....เห็นใจรีสอร์ทดีๆ แต่มีคนพักน้อย เขาจะทำอย่างไรดี ขอให้สงกรานต์และเทศกาลวันหยุดยาว ช่วยให้เขามีลูกค้ามากจนพอจะมีกำไรบ้าง

รีสอร์ทแห่งนี้ ผมยังไม่เคยไปครับ






โดย: yyswim วันที่: 4 เมษายน 2551 เวลา:10:12:04 น.  

 
lสวัสดีค่ะคุณสิน...ไม่ได้เข้ามานานเลย แต่ก็ยังคิดถึงเหมือนเดิมนะค่ะ
เขาพระวิหาร ยังไม่เคยไปเที่ยวเลยค่ะ ดูน่ากลัว แล้วดูขลัง
ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย คุณสินดูแลสุขภาพด้วยนะค่ะ


โดย: มดทิพย์ วันที่: 4 เมษายน 2551 เวลา:18:18:50 น.  

 
ยังไม่เคยไปเลยค้าบ เคยไปแต่ที่พิมาย รู้สึกว่าจะเป็นศิลปะช่วงเวลาเดียวกัน


สวยงามอลังการจริงๆครับ


โดย: smartman หล่อสุดๆ วันที่: 5 เมษายน 2551 เวลา:12:43:12 น.  

 


คุณตรี....ทางขึ้นเขาพระวิหาร ต้องเดินไกล นับ2กิโลเมตรได้ และต้องปีนนิดๆ คือบันไดจะสูง บวกค่อนข้างผุพัง

หากมีโอกาสไป ต้องนุ่งกางเกง ต้องสวมหมวก ต้องทนเหนื่อยและร้อน และน้องมีนน่าจะโตกว่านี้ ไม่งั้น พ่อหนุ่มเป็นภาระอุ้มน้องมีน คงแขนล้าแน่


Smartmanหนุ่มหล่อ.... ผมเองไม่ค่อยรู้ลึกข้อมูลทางโบราณคดีนัก สองปราสาทจะอยู่ในช่วงเวลาสร้างเดียวกันหรือไม่? อุอุอุ ไม่ทราบครับ






โดย: yyswim วันที่: 18 เมษายน 2551 เวลา:23:46:27 น.  

 
ถ้าคุณเคยร้องเพลงเราสู้ จะเห็นว่ามีความหมายมาก เพราะบรรพบุรุษของไทย ปกป้องอธิปไตยให้คุณ และให้คุณรักษาอธิปไตยให้ลูกหลานคุณต่อไป ไม่ได้ให้คุณนำไปให้คนอื่น และในเพลงยังบอกว่าเราสู้ไม่ถอยจนก้าวเดียว แต่ถ้าเราบอกว่ายกให้เขาไปเถอะมันจะหมายถึงหลายสิบหลายร้อยตารางกิโลเมตรทีเดียว และถ้าใครยังเห็นว่าให้เขาไปเถอะเพราะอะไรก็ตาม กรุณาอย่าร้องเพลงเราสู้ต่อไปอีกเลยในชีวิตนี้ คดีปราสาทพระวิหารผู้ที่ร่วมสู้และคัดค้านเรื่องนี้ไม่ได้พูดลอยๆ มีเหตุผลทางวิชาการสนับสนุนเต็มไปหมด และในอดีตเราก็เคยแพ้คดีปราสาทพระวิหารเพราะเรื่องกฎหมายปิดปาก (อยากรู้รายละเอียดก็อ่านบทความนี้ต่อไป) ลองอ่านเรื่องนี้แล้วอาจทำให้คุณขนลุกเพราะรักชาติขึ้นมาบ้างก็ได้ (ไม่ได้คลั่งชาตินะ แต่คลั่งชาติก็ยังดีกว่าขายชาติ)

ประเด็นหลักของเรื่องเขาพระวิหารที่พันธมิตรเรียกร้องคือการต้องไม่ยอมให้รัฐบาลปล่อยให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนเขาพระวิหาร เพราะอะไรหรือครับ ลองดูเหตุผลและหลักฐานเหล่านี้แล้วกัน

จากรายการบนเวทีพันธมิตร เรื่องข้อเท็จจริงและคำพิพากษาของศาลโลกในคดีปราสาทพระวิหาร 18 มิ.ย. 2551 โดยคุณเติมศักดิ์ จารุปราณ กล่าวว่ามีบทความชิ้นหนึ่ง เป็นบทความของศาสตราจารย์ ดร. สมปอง สุจริตกุล เป็นหนึ่งในทีมทนายความร่วมกับ มรว. เสนีย์ ปราโมทย์ ได้เขียนบทความเมื่อประมาณต้นเดือน มิ.ย. 51 นี้ ทราบมาว่าคุณอานันท์ ปันยารชุน ได้ขอร้องให้เขียนบทความชิ้นนี้ เนื้อหาเรียกร้องให้ไทยต้องคัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก เพราะเมื่อดูอายุความของข้อพิพาทแล้วพบว่าเรายังมีอายุความที่จะโต้แย้งสิทธิเหนือปราสาทพระวิหาร แต่ถ้าคณะรัฐมนตรีหรือรัฐบาลไทยไปยินยอมให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก เท่ากับเราตัดสิทธิการรื้อฟื้นคดีนี้ขึ้นมาอีกครั้ง และตัดสิทธิในการโต้แย้งการเป็นเจ้าของปราสาทพระวิหาร

ในบทความ เนื่องจากไทยไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษา จึงไม่ยอมรับอำนาจอธิปไตยของกัมพูชาและยื่นประท้วงคัดค้านคำพิพากษาดังกล่าว และตั้งข้อสงวนไว้ โดยไทยถือว่าปราสาทพระวิหารยังอยู่ในอำนาจอธิปไตยของไทย และจะกลับไปครอบครองปราสาทพระวิหารอีกครั้งเมื่อคำพิพากษาได้รับการพิจารณาทบทวนแก้ไขอีกครั้ง ด้วยเหตุผลดังกล่าว ไทยจึงไม่ควรเปลี่ยนท่าที หรือยอมรับอำนาจอธิปไตยของกัมพูชาเหนือปราสาทพระวิหาร ซึ่งจะทำได้ก็ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบในระดับรัฐบาล และประชามติ (แต่มติครม. เมื่อวันที่ 17/6/51 เท่ากับยอมรับแล้ว)

เมื่อพิจารณาในภาพรวมจะเห็นได้ว่า ศาลโลกเชื่อในหลักการว่า เส้นสันปันน้ำยังคงเป็นเส้นเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาในบริเวณเทือกเขาดงรัก ซึ่งเส้นสันปันน้ำที่เขาพระวิหารตั้งอยู่ที่ขอบหน้าผา เพราะฉะนั้นถ้าจะมีการสำรวจใหม่ เส้นแบ่งเขตน่าจะเป็นเช่นเดิมโดยใช้เส้นสันปันน้ำเป็นหลัก และถ้าใช้หลักเส้นสันปันน้ำ ปราสาทพระวิหารยังอยู่ในเขตแดนไทย

คำพิพากษา 146 หน้าของศาลโลก จะมีคำพิพากษาโดยรวม และคำพิพากษาแย้งของผู้พิพากษาเสียงข้างน้อย ศ. ดร. สมปองบอกว่าต้องอ่านโดยตลอดจึงจะเห็นภาพรวมที่สมบูรณ์ และเมื่ออ่านโดยสรุป และอ่านความเห็นแย้งของผู้พิพากษาเสียงข้างน้อย 3 ท่าน มีประเด็นดังนี้

มิ.ย. 2505 (ครบ 46 ปีพอดี) ศาลโลกตัดสินให้ไทยแพ้คดีด้วยคะแนนเสียง 9:3 ในประเด็นปราสาทพระวิหารอยู่ในเขตอธิปไตยของกัมพูชา และคะแนนเสียง 7:5 บอกให้ไทยต้องคืนเขาพระวิหาร คนไทยเจ็บปวดทั่วประเทศ แต่รัฐบาลไทยได้ประท้วงคำตัดสินของศาลโลกที่องค์การสหประชาชาติ สงวนสิทธิที่จะทวงคืนเขาพระวิหารคืนจากกัมพูชาในอนาคต ดร. ถนัด คอร์มันต์ รมต. ต่างประเทศขณะนั้นพูดไว้ว่า ไม่เคยเห็นการวินิจฉัยกฎหมายระหว่างประเทศที่หละหลวม เฉกเช่นการพิพากษานี้ของศาลโลก ส่วน ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมทย์ ทนายฝ่ายไทยให้ความเห็นว่า คำพิพากษาของศาลโลกผิดพลาดอย่างยิ่ง แม้อีก 100-200 ปี คำพิพากษาของศาลโลกครั้งนี้ จะไม่ทำให้นักกฎหมายคนใดในอนาคตเห็นด้วยเลย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์นายกขณะนั้นกล่าวไว้ในขณะนั้นกล่าวไว้ว่า ด้วยเลือดและน้ำตา สักวันหนึ่งเราจะต้องเอาเขาพระวิหารคืนกลับมาให้จงได้

ข้อสังเกตที่ไทยแพ้อย่างไม่สมเหตุสมผล

1. เรื่องแผนที่ กัมพูชาอ้างว่าแผนที่บริเวณที่เกิดเหตุคือแผนที่ภาคผนวก 1 (แผนที่ที่กัมพูชาอ้าง โดยเป็นแผนที่ที่ฝรั่งเศสทำขึ้นโดยฝ่ายไทยไม่ได้รับรู้เลย) ระบุว่าปราสาทเขาพระวิหารอยู่ในเขตกัมพูชา ส่วนไทยอ้างว่าแผนที่ภาคผนวก 1 ฝรั่งเศสเป็นคนทำขึ้นเอง ไม่ได้ลงวันที่ ไม่มีผู้เชี่ยวชาญรับรอง ฝรั่งเศสทำขึ้นเองเพื่อประโยชน์ของประเทศฝรั่งเศสและประเทศกัมพูชาอาณานิคม โดยไม่ได้รับรองความถูกต้องด้วย ไทยจึงพยายามโต้แย้งว่าแผนที่ภาคผนวก 1 มีข้อผิดพลาดมาก เพราะไม่ได้เป็นไปตามเส้นแบ่งเขตสันปันน้ำตามที่ระบุไว้ในสนธิสัญญาคู่สัญญาไทยฝรั่งเศส ที่เจตนาแบ่งเขตตามเส้นสันปันน้ำ ซึ่งถ้าแบ่งเขตตามเส้นสันปันน้ำ ปราสาทพระวิหารจะอยู่ในเขตไทย แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญฝั่งไทยและกัมพูชาก็ยังยืนยันตรงกันว่า เส้นเขตแดนตามแผนที่ทีฝรั่งเศสทำ ไม่ใช่เส้นสันปันน้ำในปัจจุบัน และถ้าแบ่งตามสันปันน้ำแล้ว เขาพระวิหารจะอยู่ในเขตแดนไทยอย่างแน่นอน



นี่จึงเป็นสาเหตุที่เราต้องคัดค้าน และไม่หลงประเด็น เพราะแม้ว่าการขึ้นทะเบียนของกัมพูชาจะรุกล้ำเขตแดนของไทยหรือไม่ก็ตาม เราก็ยังต้องคัดค้าน เพราะถ้าแบ่งตามเส้นสันปันน้ำ ปราสาทพระวิหารจะเป็นของไทย และไทยยังมีโอกาสมีอายุความที่จะโต้แย้งได้


โดย: Saruti IP: 58.8.10.117 วันที่: 21 มิถุนายน 2551 เวลา:16:26:47 น.  

 
ขยายความเส้นสันปันน้ำ

ตามสนธิสัญญาทุกฉบับ แม้แต่สนธิสัญญาปีพ.ศ. 2447 ก็ระบุว่า คู่สัญญาตกลงแบ่งเขตแดนตามเส้นสันปันน้ำ เส้นสันปันน้ำตามเจตนาของคู่สัญญา ย่อมสำคัญกว่าแผนที่ที่ฝรั่งเศสทำขึ้นเอง สันปันน้ำระหว่างลุ่มแม่น้ำโขงกับแม่น้ำมูลของไทยอยู่บริเวณทิวเขาดงรัก อยู่บนหน้าผาทางใต้ เลยเขตปราสาทพระวิหารไปอีก เมื่อฝนตกหน้าผา ฝนจะไหลผ่านพระวิหารมาทางเรา ถ้าแบ่งตามสันปันน้ำแล้ว เขาพระวิหารจะอยู่ในเขตไทย แม้ศาลโลกในขณะนั้นก็ยังยอมรับว่า ตามหลักการแบ่งเขตตามสันปันน้ำ ปราสาทพระวิหารอยู่ในเขตไทย

แต่ศาลโลกกลับเอากฎหมายปิดปาก ที่มีหลักว่า เมื่อคุณไม่โต้แย้ง เท่ากับยอมรับ ไทยไม่โต้แย้งแผนที่ของฝรั่งเศส และไม่ได้โต้แย้งมาเป็นเวลานานด้วย ซึ่งผู้พิพากษาเสียงข้างน้อยระบุว่าไม่ควรใช้กฎหมายปิดปาก มีประเด็นแผนที่กับเจตนาของคู่สัญญา คู่สัญญาไทยกัมพูชาได้ทำสนธิสัญญาโดยถือเส้นสันปันน้ำเป็นเส้นแบ่งเขตแดน ตามหลักกฎหมายแล้วจะต้องถือหลักเจตนาของคู่สัญญาเป็นใหญ่ ซึ่งถ้าพิจารณาตามหลักการแบ่งเขตสันปันน้ำแล้ว ปราสาทพระวิหารจะอยู่ในเขตไทย แต่ศาลโลกกับพิจารณาแผนที่ของฝรั่งเศสโดยไม่สนใจว่าเจตนาของคู่สัญญาเป็นอย่างไร ศาลโลกถือเอากฎหมายปิดปากมาพิจารณาคดี

เมื่อ 13 ก.ค. 2505 หลังจากศาลโลกตัดสินแล้ว 20 กว่าวัน รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยโดย ดร. ถนัด คอร์มันต์ ได้มีหนังสือไปยังนายอู ถั่น เลขาธิการสหประชาชาติเพื่อประท้วงคำพิพากษาของศาลโลก โดยอ้างว่าคำพิพากษานี้ขัดต่อกฎหมายและขัดต่อหลักความยุติธรรม นอกจากนี้ยังสงวนสิทธิที่ประเทศไทยจะเอาปราสาทเขาพระวิหารกลับคืนมาในอนาคตด้วย

ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นเกียรติที่จะอ้างถึงคดีเกี่ยวกับปราสาทพระวิหาร ซึ่งได้นำขึ้นสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ โดยคำร้องเริ่มคดีฝ่ายเดียวของกัมพูชา เมื่อวันที่ 6 ต.ค. 2502 ซึ่งศาลได้พิพากษาเมื่อ 15 มิ.ย. 2505 ยอมรับนับถืออธิปไตยของกัมพูชาเหนือซากของปราสาทพระวิหาร ในแถลงการณ์อย่างเป็นทางการลงวันที่ 3 ก.ค. 2505 รัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ประกาศต่อประชาชน แสดงความไม่เห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาของศาลที่กล่าวข้างต้น โดยมีเหตุผลว่า ตามความเห็นของรัฐบาล คำพิพากษาของศาลโลกขัดต่อข้อกำหนดอันชัดแจ้งของบทที่เกี่ยวเนื่องของสนธิสัญญา พ.ศ. 2447 และพ.ศ. 2450 และขัดต่อหลักกฎหมายและความยุติธรรม แต่อย่างไรก็ตามรัฐบาลก็ยังแถลงว่า ในฐานะที่เป็นสมาชิกสหประชาชาติ รัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะปฏิบัติตามพันธะกรณีที่ตนมีอยู่ตามคำพิพากษาดังกล่าวเพื่อปฏิบัติหน้าที่ของตนให้สมบูรณ์ตามข้อ 94 ของกฏบัตรสหประชาชาติ ข้าพเจ้าใคร่จะแจ้งให้ท่านทราบว่า ในการตัดสินใจที่จะปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในคดีเกี่ยวกับปราสาทพระวิหารนั้น รัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปรารถนาที่จะตั้งข้อสงวนอันชัดแจ้งเกี่ยวกับสิทธิใดๆ ที่ประเทศไทยมีหรืออาจมีในอนาคต เพื่อเอาปราสาทพระวิหารกลับคืนมา โดยอาศัยกระบวนการทางกฎหมายที่มีอยู่ หรือที่จะพึงนำมาใช้ได้ในภายหลัง และตั้งข้อประท้วงต่อคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศที่ตัดสินให้ปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นเกียรติที่จะแจ้งข้อความข้างต้นให้ท่านทราบ พร้อมกับขอให้ท่านแจ้งข้อความทั้งปวงในหนังสือฉบับนี้ให้สมาชิกทั้งปวงในองค์การนี้ทราบทั่วกันด้วย

นั่นหมายถึงว่า เราเคยแสดงเจตจำนงค์ไว้แล้วว่าเราจะเอาปราสาทพระวิหารคืนมา แล้วทำไมวันนี้เราถึงยอมให้เขาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก


โดย: Saruti IP: 58.8.10.117 วันที่: 21 มิถุนายน 2551 เวลา:16:27:15 น.  

 
ความเห็นของ ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมทย์ สัมภาษณ์เมื่อ 19 มิ.ย. 2505 หลังจากศาลตัดสินแล้วนั้น ท่านกล่าวว่า ในฐานะที่เป็นประชาชนคนไทยและในฐานะนักกฎหมายเห็นว่า คำพิพากษาของศาลโลกเป็นไปโดยไม่ถูกต้อง เพราะข้อกล่าวหาของกัมพูชาในเรื่องกฎหมายปิดปากนั้น กัมพูชาไม่ได้กล่าวไว้ในคำฟ้อง แต่มาเพิ่มเติมทีหลังเป็นการผิดประการหนึ่ง ข้อบังคับของศาลโลกมีว่า คำฟ้องจะต้องเขียนให้ชัดเจน เพราะฉะนั้นเมื่อกัมพูชามาเพิ่มเติมเรื่องหลักกฎหมายปิดปากในภายหลัง จึงเป็นการไม่ถูกต้อง ศาลโลกไม่ควรจะพิจารณากรณีกฎหมายปิดปาก อีกตอนหนึ่งกล่าวว่า ตามคำพิพากษาของศาลโลกนั้นกล่าวว่า ตามหลักของสันปันน้ำเขาพระวิหารจะต้องเป็นของไทยอย่างไม่มีปัญหา แต่ศาลโลกได้หยิบยกเรื่องกฎหมายปิดปากขึ้นมากล่าวว่า ตามสนธิสัญญาที่ไทยได้ทำไว้กับฝรั่งเศส ฝรั่งเศสได้เขียนแผนที่ต่อท้ายสัญญาผิดพลาด โดยได้เขียนไว้ว่าเขาพระวิหารอยู่ในแดนกัมพูชา ซึ่งเป็นการผิดต่อข้อเท็จจริงอย่างยิ่ง สมเด็จกรมดำรงราชานุภาพ ซึ่งทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยในสมัยนั้น ได้แสดงการยอมรับสนธิสัญญาและแผนที่ฉบับนั้น จึงเป็นอันว่าไทยในสมัยนั้น ได้ยอมรับแผนที่ที่ผิดพลาดว่าเป็นความจริง ไทยจึงไม่มีสิทธิที่จะโต้แย้งในความผิดพลาดของแผนที่ฉบับนั้น (อันนี้เป็นการอ้างจากกัมพูชา) แต่ ม.ร.ว. เสนีย์ได้กล่าวว่า การที่ศาลโลกได้ตัดสินโดยถือหลักกฎหมายปิดปากมาบังคับไทยเช่นนี้ ย่อมจะทำให้กัมพูชาอยู่ในฐานะเป็นโจร เพราะศาลโลกได้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า เขาพระวิหารเป็นของไทย แต่กัมพูชาได้ไปโดยกฎหมายปิดปาก ไม่ให้ไทยได้โต้แย้งในความเป็นเจ้าของ อีกตอนหนึ่ง ตามที่ศาลโลกกล่าวว่าตามหลักของสันปันน้ำ เขาพระวิหารจะต้องเป็นของไทย ซึ่งได้หยิบยกหลักกฎหมายขึ้นมาพิจารณา ย่อมจะทำให้เห็นได้ว่า สิทธิที่กัมพูชาได้ไปนั้น ตั้งอยู่บนหลักฐานเท็จทั้งสิ้น เพราะถ้าตั้งอยู่บนหลักฐานจริงตามหลักสันปันน้ำ ศาลโลกยังยอมรับว่าถ้าใช้หลักสันปันน้ำนั้นปราสาทพระวิหารจะเป็นของไทย เพียงแต่เขาใช้กฎหมายปิดปาก ซึ่งกฎหมายปิดปากนั้นได้มาเพิ่มเติมทีหลัง ไม่ได้อยู่ในคำฟ้องตั้งแต่ตอนแรกด้วยซ้ำไป และกล่าวว่า คำพิพากษาของศาลโลกผิดพลาดอย่างยิ่ง แม้อีก 100-200 ปี คำพิพากษาของศาลโลกครั้งนี้ จะไม่ทำให้นักกฎหมายคนใดในอนาคตเห็นด้วยเลย และเป็นเครื่องชี้ชัดให้เห็นว่า ไทยจะต้องเสียดินแดนไปโดยปราศจากความเป็นธรรม ได้เสียดินแดนไปเพราะความเท็จ (เพราะฉะนั้นถ้าเรามีความจริง เราควรจะต้องได้รับสิทธิเหนือดินแดนปราสาทพระวิหารนี้กลับมา)

หลังฟังคำพิพากษา ท่านกล่าวว่า คำพิพากษานั้นมีช่องโหว่อยู่ คือศาลโลกได้พิพากษาให้ไทยปฏิบัติตามสนธิสัญญาที่ได้ทำไว้กับฝรั่งเศส คือให้ไทยยกเขาพระวิหารให้กัมพูชา ตามอาณาเขตของแผนที่ที่ต่อท้ายสัญญา แต่แผนที่ฉบับนั้นได้กล่าวแล้วว่า เป็นแผนที่ที่ทำขึ้นโดยความผิดพลาด ซึ่งแม้แต่ผู้ที่เขียนแผนที่ฉบับนั้นเอง ก็ได้เขียนระบุไว้ในแผนที่ว่า เขียนขึ้นโดยไม่ได้สำรวจเลย ถ้าจะยึดแผนที่ฉบับนั้นก็ย่อมจะไม่สามารถกำหนดได้ว่า เขาพระวิหารตามแผนที่นั้นอยู่ ณ ที่ใด เพราะภูมิประเทศต่างๆ ไม่ได้เป็นไปดังที่เขียนไว้ในแผนที่ คำพิพากษาของศาลโลกกล่าวว่ากัมพูชามีอำนาจเหนือเขาพระวิหารและบริเวณใกล้เคียง ในข้อนี้ก็เช่นเดียวกันไม่มีใครสามารถกำหนดได้ว่า คำว่าใกล้เคียงนั้นจะอยู่แค่ไหน เพราะฉะนั้นถ้ากัมพูชาจะร้องเรียนต่อคณะมนตรีความมั่นคงเพื่อบังคับให้ไทยปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลโลก ไทยก็อาจจะส่งคำร้องเรียนขอความเห็นจากศาลโลกว่า ไม่สามารถที่จะปฏิบัติตามคำพิพากษาได้ถูกต้อง

ต่อคำถามทีว่าคำพิพากษาของศาลโลกจะมีผลบังคับเมื่อไร ท่านกล่าวว่า ไม่มีกำหนดเวลาที่จะบังคับ เพราะกัมพูชาหรือศาลโลกไม่สามารถจะกำหนดอะไรอันเป็นการเปลี่ยนแปลงอธิปไตยในดินแดนของไทยได้ กัมพูชาไม่สามารถที่จะสร้างกฎหมายมาเปลี่ยนแปลงอาณาเขตของไทยได้ จะมีแต่ก็โดยที่ไทยออกกฎหมายสละการครอบครองแล้วเท่านั้น ด้วยเหตุฉะนี้ ตราบใดที่ไทยยังเป็นเจ้าของครอบครองเขาพระวิหาร กัมพูชาไม่มีสิทธิใดๆ เหนือปราสาทพระวิหาร

16 ก.ค. 2505 ท่านให้สัมภาษณ์ว่า วิธีพิจารณาของศาลโลกได้บัญญัติไว้ว่า ถ้าชาติใดซึ่งอยู่ภายใต้อำนาจศาลโลกถูกเขาฟ้องแล้วไม่ไปต่อสู้คดีศาลอาจพิจารณาไปฝ่ายเดียวแล้วตัดสิทธิให้แพ้ได้ คงจะยังจำกันได้ เมื่อเขมรยื่นฟ้องต่อศาลโลก ในขั้นแรกเราก็ได้ต่อสู้ตัดฟ้องว่าศาลโลกไม่มีอำนาจพิจารณาคดีนี้ แต่ศาลโลกได้พิจารณาชี้ขาดมาว่าไทยยังคงอยู่ใต้อำนาจศาลโลก เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่เข้าไปต่อสู้คดีและนำหลักฐานพยานต่างๆ ไปแสดงว่าปราสาทพระวิหารเป็นของไทย ตามสนธิสัญญาและอาณาเขตสันปันน้ำ ศาลก็จะพิจารณาฝ่ายเดียว แล้วรัฐบาลของเราก็จะไม่อยู่ในฐานะที่จะกล่าวได้ว่า เขาพระวิหารเป็นของเราตามความจริงและตามสนธิสัญญา เมื่อเราต้องสูญเสียไป เราจะผูกใจเจ็บไว้ทั้งชาตินี้และชาติหน้า ไม่วันใดก็วันหนึ่ง เราจะเอาคืนมาให้จงได้ แต่นี่เพราะเราทำงานค้นคว้าหาหลักฐานกันมาถึง 3 ปี และเอาไปเสนอให้ปรากฏต่อโลกว่า เขาพระวิหารเป็นของเราตามความจริงและตามสนธิสัญญาและตามหลักการแบ่งเขตตามสันปันน้ำ รัฐบาลจึงอยู่ในฐานะที่จะแถลงได้ดังนั้น และก็นี่แหละ งานที่เราทำมา ซึ่งจะเป็นหลักฐานแย้งคำพิพากษาของศาลโลก ตลอดไปจนชั่วฟ้าดินสลาย

เพราะฉะนั้น คนไทยต้องไม่ยอมให้เขาขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก แม้ว่าการขึ้นทะเบียนจะล่วงล้ำหรือไม่ล่วงล้ำก็ตาม ก็ต้องไม่ยอม เพราะปราสาทเขาพระวิหารตามที่คุณชายเสนีย์ ปราโมทย์ไปต่อสู้โต้แย้งมา ยังมีหลักฐานที่สามารถโต้แย้งคำพิพากษาของศาลโลกตลอดไปจนชั่วฟ้าดินสลาย

ตค. 2502 (ยังไม่ตัดสิน) ก่อนศาลโลกตัดสิน 2 ปีเศษ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมทย์ได้แต่งกลอนว่าเขมรอย่างรุนแรงในหนังสือพิมพ์สยามรัฐ (ผู้ดำเนินรายการขออภัยว่าไม่ได้ต้องการให้เกิดความขัดแย้งทางเชื้อชาติ แต่กำลังพูดถึงข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์) ดังนี้

สัปดาห์นี้มีเรื่องความเมืองใหญ่ ไทยถูกฟ้องขับไล่ขึ้นโรงศาล
เคยเป็นเรื่องโต้เถียงเกี่ยงมานาน ที่ยอดเขาพระวิหารรู้ทั่วกัน

กะลาครอบมานานโบราณว่า พอแลเห็นท้องฟ้าก็หุนหัน
คิดว่าตนนั้นใหญ่ใครไม่ทัน ทำกำเริบเสิบสันทุกอย่างไป

อันคนไทยนั้นสุภาพไม่หยาบหยาม เห็นใครหย่อนอ่อนความก็ยกให้
ถึงล่วงเกินพลาดพลั้งยังอภัย ด้วยเห็นใจว่ายังเยาว์เบาความคิด

เขียนบทความด่าตะบึงถึงหัวหู ไทยก็ยังนิ่งอยู่ไม่ถือผิด
สั่งถอนทูตเอิกเกริกเลิกเป็นมิตร แล้วกลับติดตามต่อขอคืนดี
ไทยก็ยอมตามใจไม่ดึงดื้อ เพราะไทยถือเขมรผองเหมือนน้องพี่
คิดตกลงปลงกันได้ด้วยไมตรี ถึงคราวนี้ใจเขมรแลเห็นกัน

หากไทยจะลำเลิกบ้างอ้างขอบเขต เมืองเขมรทั้งประเทศของใครนั่น
ใครเล่าตั้งวงศ์กษัตริย์ปัจจุบัน องค์ด้วงนั้นคือใครที่ไหนมา
เป็นเพียงเจ้าไม่มีศาลซมซานวิ่ง ได้แอบอิงอำนาจไทยจึงใหญ่กล้า
ทัพไทยช่วยปราบศัตรูกู้พารา สถาปนาจัดระบอบให้ครอบครอง

ได้เดชไทยไปคุ้มกะลาหัว จึงตั้งตัวขึ้นมาอย่างจองหอง
เป็นข้าขันธสีมาฝ่าละออง ส่งดอกไม้เงินทองตลอดมา
ไม่เหลียวดูโภคัย ไอศวรรย์ ทั้งเครื่องราชกกุภัณฑ์ เป็นนักหนา
ฝีมือไทยแน่นักประจักษ์ตา เพราะทรงพระกรุณาประทานไป

มีพระคุณจุนเจือเหลือประมาณ ถึงลูกหลานกลับเณรคุณได้
สมกับคำโบราณท่านว่าไว้ อย่าไว้ใจเขมร เห็นจริงเอย


ข้อมูลเพิ่มเติม ทั้งแผนที่และคำสัมภาษณ์อื่นๆ

ดูชัดๆ ไทยยกแผ่นดินพระวิหารให้เขมร!!
//www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?New

โอกาสไทยทวงคืน “ประสาทพระวิหาร” ย้อนดูคำประท้วงคำตัดสินของศาลโลก
//www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000072311




โดย: Saruti IP: 58.8.10.117 วันที่: 21 มิถุนายน 2551 เวลา:16:27:44 น.  

 
Saruti เขาอภิปราย กันจบแล้ว อย่าเอาข่าว เมเนเจอร์ มาลงเลย ตอนนี้มันจบเรียบร้อย แพ้ไปแล้วเรื่องปราสาทอ่ะ


โดย: แจ็ค IP: 61.91.163.82 วันที่: 25 มิถุนายน 2551 เวลา:6:34:23 น.  

 
ดีมากครับ


โดย: ทักษ์ IP: 58.147.54.166 วันที่: 25 มิถุนายน 2551 เวลา:15:13:24 น.  

 


บล็อกเรื่อง ‘เขาพระวิหาร’นี้... ผมเขียนขึ้นตั้งแต่ วันที่ 1 เมษายน 2551



เขียนในทำนองรายงานข่าว ณ ช่วงเวลาตอนนั้น

คือกลัวเพื่อนๆจะตกข่าว จะไม่ได้อ่านข่าว


แต่ ก็มี ‘ไบแอซ’ ของความรักชาติของตัวเอง อยู่ลึกๆนะครับ



สำหรับเหตุการณ์หลังจากนั้น เป็นอย่างไร

เราๆท่านๆคงรู้ดีกันแล้ว

เพราะทุกสื่อ ประโคมข่าวกันแบบช็อตต่อช็อต


อย่างไรก็ตาม ผมคงจะปล่อยให้บล็อกเรื่องนี้ วางแหมะ อยู่ต่อไป



ก็หวังจะให้ลูกหลานของตระกูลผม ...ได้เข้ามาอ่าน

ความคิดของลุง ของอา ของน้าของมัน



ขอบคุณ ทุกๆความคิดเห็น ข้างบนครับ





โดย: yyswim วันที่: 16 กรกฎาคม 2551 เวลา:12:12:06 น.  

 
เสียดายเขาพระวิหารไม่ได้เป็นของเรา


โดย: นปช.ศรีสะเกษ IP: 202.28.51.71 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:33:38 น.  

 
คุณอภิสิทธิ์ เรื่องอธิปไตยไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะครับ
คุกนะครับทำเป็นเล่นไปคุณทำให้ชาติต้องเสียดินแดนโทษประหารชีวิตนะครับ


โดย: กิต IP: 101.108.43.218 วันที่: 18 มีนาคม 2554 เวลา:11:01:38 น.  

 
กลุ่มเพื่อน 5.63 โรงเรียนอุตรดิตถ์ ขอเชิญเพื่อนๆสมาชิกทุกมหาสาขาทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ร่วมทริปอีสานสัญจร ""ม่วนซื่นโฮแซว แอ่วแดนอีสาน 5.63 เบิกบาน ยามนำกันถิ่นดอกคูณ" ณ จังหวัดขอนแก่น วันที่ 23-24 ก.ค. 2554 สนใจเดินทางมาร่วมงานเชิญติดต่อได้ที่ เรืองวิทย์ ล้อศิริรัตน์ 081-5453575 วิชรัตน์ บุปผาพันธ์ 0892060812 กมนวรรณษ์ วัฒนศรีทานัง 0898559931 และ พ.ต.ท.เสฏฐวุฒิ รอดจันทร์ 0817862143


โดย: กลุ่มเพื่อน 5.63 อ.ต. IP: 210.246.186.4 วันที่: 18 กรกฎาคม 2554 เวลา:12:36:19 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

yyswim
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]





บล็อกสรรสาระนี้ จขบ.ไม่ได้เขียน-ไม่ได้ถ่ายภาพ-ไม่ได้อัพโหลดคลิปเอง หากแต่ทำหน้าที่เป็นบรรณาธิการบล็อก เสาะหาเรื่องดีๆ รูปสวยๆ คลิปแปลกๆ มาไว้ในบล็อก


ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยม ขอเชิญชมหรืออ่านตามสบาย ไม่ต้องคอมเมนต์ก็ได้ จขบ.ชอบการเข้ามาเยี่ยม แบบกันเอง ง่ายๆ สบายๆ




เริ่มเขียนBlog เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2548


เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ.2550 เวลา 23.30 น.


เริ่มนับจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชม




Latest Blogs

New Comments
Group Blog
 
<<
เมษายน 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
1 เมษายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add yyswim's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.