ข่าวเก่าแต่ยังเก๋าversion2



ข่าวเก่าแต่ยังเก๋าversion2








# 3 ความประทับใจของเลซอง



ข่าว ...”เรื่องเล่าจาก"เลซอง" หลากความประทับใจ ราชอาคันตุกะ”
เขียนโดย ชมพูนุท และ สุทธาสินี จาก หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2549 หน้า 33



คำว่า "เลซอง" (Liaison) "เจ้าหน้าที่ประสานงาน" ในที่นี้หมายถึง ผู้ทำหน้าที่ประสานงาน และอำนวยความสะดวกแก่พระประมุข ระหว่างที่ทรงประทับอยู่ในเมืองไทยตั้งแต่เสด็จลงจากเครื่องบิน จนกระทั่งส่งเสด็จนิวัติประเทศ







ในงานเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบรอบ 60 พรรษา เนื่องจากมีพระประมุข และตัวแทนพระประมุขเสด็จฯมาร่วมงานถึง 25 ราชวงศ์ จึงต้องมีการเตรียมการถวายการต้อนรับ และถวายการอารักขาอย่างสมพระเกียรติ


ผู้ทำหน้าที่เลซอง จึงไม่ใช่ระดับธรรมดา แต่เป็นถึงระดับเอกอัครราชทูต ผู้อำนวยการกองต่างๆ จากกระทรวงการต่างประเทศ


ยิ่งกว่านั้น ยังได้มีการจัดทีมประจำไว้ ณ โรงแรมที่ประทับ โดยมีหัวหน้าคณะเป็นถึงระดับรองอธิบดีไว้ประสานงาน หากพระประมุขจะทรงมีพระราชประสงค์ใดๆเป็นพิเศษ ในขณะประทับอยู่ในเมืองไทย


เมื่อแต่ละพระองค์เสด็จเข้าที่ประทับ เลซองจะอยู่ประจำ ณ ห้องปฏิบัติการที่ตั้งขึ้นเพื่อเตรียมการรับภารกิจต่างๆ ที่จะเข้ามา มีการติดต่อยืนยันหมายกำหนดการต่างๆ ทั้งในส่วนงานพระราชพิธี และหมายส่วนพระองค์ รวมทั้งการเตรียมเอกสารหรือสิ่งของที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯถวาย


ยิ่งกว่านั้น เนื่องจากงานเป็นการรวมพระราชวงศ์จากทั่วโลก จึงจะมีการเสด็จฯพบปะกันและกัน เลซองจึงต้องคอยประสานงานอำนวยความสะดวก เพราะการเสด็จฯพบกันในบางครั้งไม่ได้มีหมายล่วงหน้า





ผอ. ชาญ จุลมนต์ ผู้อำนวยการ กองสันติภาพความมั่นคงและการลดอาวุธ กรมองค์การระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เป็นเลซองประจำพระประมุขประเทศสวาซิแลนด์ เล่าว่า “ที่หลายๆ คนให้ความสนใจประเทศสวาซิแลนด์ ก็คือ ผู้ตามเสด็จฯที่ใส่ชุดประจำชาติสวาซิแลนด์ จะมีการร้องตะโกนเป็นภาษาท้องถิ่น บางคนเข้าใจว่าเป็นหมอผีช่วยปัดรังควาน”







“แต่ความเป็นจริง เจ้าหน้าที่ทางสวาซิแลนด์อธิบายว่า จริงๆ แล้วเป็นการถวายพระพรให้พระประมุขแคล้วคลาดจากภยันตราย ให้มีความเจริญ ขณะเดียวกัน ก็เป็นการย้ำเตือนว่าพระประมุขมาจากเผ่าพันธุ์ใด บรรพบุรุษของพระองค์ที่สวรรคตไปแล้วได้เฝ้าดูอยู่ ขอให้พระองค์ได้มีทศพิธราชธรรมในการบริหารแผ่นดินและให้ประชาชนอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข”







“ผู้ที่สวมชุดประจำเผ่าที่เห็นนั้น ก็ไม่ใช่ผู้ติดตามธรรมดาๆ แต่บางพระองค์เป็นถึงเจ้าชายที่เป็นพระญาติ บางท่านเป็นถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศและการค้า หรือเป็นเอกอัครราชทูตสวาซิแลนด์ประจำประเทศไทย ถิ่นพำนักอยู่ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์”



"พิธีนี้จะทำทุกแห่งที่พระประมุขปรากฏพระองค์ ออกจากที่หนึ่งที่ใดก็จะต้องร้องถวายพระพร เช่น ที่โรงแรม เข้าห้องเสวย เข้าห้องแสดงนิทรรศการ ผมสังเกตว่าคนรอบข้างทั้งที่ใส่ชุดประจำเผ่า และไม่ได้ใส่ชุดประจำเผ่า ก็จะช่วยกันร้องตะโกนในภาษาท้องถิ่นของเขา ซึ่งตอนแรกๆคนที่เห็น อาจจะรู้สึกแปลกที่ได้ยินเสียงคนตะโกนร้อง แต่พอครั้งที่สองครั้งที่สามก็จะเข้าใจว่า เป็นเรื่องวัฒนธรรมของเขา" ผอ.ชาญ ช่วยอธิบาย





ด้าน ผอ. ภัทราวรรณ เวชชศาสตร์ ผู้อำนวยการ กองสนเทศเศรษฐกิจ กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เป็นเลซอง ของมกุฎราชกุมาร จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฏาน เล่าถึงเจ้าชายที่ทรงกุมหัวใจของสาวไทยว่า “ทรงมีพระจริยวัตรที่งดงามมาก”









"ท่านทรงเขียนแถลงการณ์ส่วนพระองค์ถึงในหลวง ซึ่งท่านทรงเขียนเดี๋ยวนั้นเลย ทรงบรรยายว่าตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ทรงรู้จักพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจากเพื่อนคนไทย และได้ทรงติดตามพระกรณียกิจของพระองค์มาโดยตลอด ทรงประทับพระหทัยและมีดำริว่า ในหลวงของไทยเป็น Treasure of Thailand (สมบัติของแผ่นดิน) และท่านจะทรงดำเนินรอยตามพระองค์ให้ได้”


“ตอนที่ท่านประทับที่ภูเก็ต ท่านได้เข้าเฝ้าพระราชาและพระราชินีจากสวีเดน ซึ่งตอนนั้น เลซองฝ่ายสวีเดนบอกดิฉันให้ประสานงานกับภูฏานว่า ให้แต่งกายในชุดลำลองเข้าเฝ้าฯ พอถึงเวลานัด ท่านเดินออกมา ท่านใส่สูท เจ้าหน้าที่ภูฏานบอกว่า พระองค์มีพระประสงค์จะแสดงความเคารพกษัตริย์และพระราชินีสวีเดน”


"ท่านเป็นผู้ที่มีน้ำพระทัยมาก ท่านทรงห่วงใยเจ้าหน้าที่ที่ถวายการรับเสด็จเสมอ ทุกวันหลังจากพวกเราส่งท่านถึงที่ประทับแล้ว ท่านจะเดินย้อนกลับออกมาเพื่อที่จะบอกว่า ขอบคุณ.... ท่านตรัสแบบนี้ทุกวัน"


ผอ. ภัทราวรรณเล่าถึง ความเป็นเจ้าชายในฝันของสาวไทยว่า “เริ่มรู้สึกว่าเจ้าชายทรงเป็นที่สนอกสนใจของประชาชนตั้งแต่ขบวนรถผ่านถนนราชดำเนิน แล้วประชาชนได้เห็นพระพักตร์ท่านใกล้ๆ แล้วสื่อก็เริ่มลงรูปท่านเยอะขึ้นๆ ยิ่งตอนที่เสด็จฯไปภูเก็ตเป็นการส่วนพระองค์ ปรากฏว่า สาวๆ มาอยู่เต็มสองข้างทาง ตอนที่ท่านจะขึ้นเรือ ท่านก็ทรงยกมือไหว้หมด”


"มีสื่อมวลชนจำนวนมาก จะขอสัมภาษณ์เจ้าชาย แต่เพราะทรงมีกำหนดการของพระองค์อยู่แล้ว ก็เลยไม่ประทานให้สัมภาษณ์ใครเป็นการเฉพาะ”







"ท่านคงทราบว่าท่านเป็นที่สนใจ แต่ดิฉันคิดว่าท่านคงไม่ได้ทรงมองว่า ตนเองป๊อปปูล่าร์มากไปกว่าเป็นการทำให้ประเทศภูฏานเป็นที่รู้จัก”


"อย่างวันสุดท้ายที่ประทับอยู่ในเมืองไทย ทางสถานทูตภูฏานบอกดิฉันว่า ท่านทรงโทร.มาขอบคุณผ่านทางสถานทูต ท่านทรงมีความสุขมาก และเป็นความสำเร็จที่ท่านก็ไม่ได้คาดคิด กลายเป็นว่าพระองค์ทำให้ประเทศภูฏานเป็นที่รู้จักของคนไทย และทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับภูฏานดีขึ้น”


"เวลานี้ มีคนสนใจประเทศภูฏานเพิ่มมากขึ้น ถึงขนาดมีสื่อจะไปทำหนังสือเกี่ยวกับประเทศภูฏาน เขาโทร.มาถามดิฉัน ดิฉันก็เลยบอกว่า ต้องติดต่อผ่านสถานทูตภูฏานประจำประเทศไทย"





ทางด้าน ผอ.นริศโรจน์ เฟื่องระบิล ผู้อำนวยการ กองวัฒนธรรมสัมพันธ์ กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เลซองในสมเด็จพระราชินีโซเฟีย ตัวแทนพระองค์จากประเทศสเปน และ คุณพลอย คุ้มทุกทิศ เจ้าหน้าที่การทูต กองวัฒธรรมสัมพันธ์ ผู้ช่วยเลซอง เล่าถึงความประทับใจ กับการทำหน้าที่ในครั้งนี้ว่า


“นอกจากจะเสด็จฯเพื่อมาร่วมงานฉลองสิริราชสมบัติแล้ว ท่านยังได้ทูลเกล้าฯ ถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์ Order of the Golden Fleece เป็นเครื่องราชฯตระกูลหนึ่ง ซึ่งเก่าแก่และหายากมาก บุคคลที่ได้ครอบครองมีเพียงจำนวนน้อยคนมาก แสดงถึงความเป็นมิตรของในหลวงของเรากับพระราชวงศ์ชั้นสูงของประเทศสเปน”







"เป็นความปลาบปลื้มของทั้งผมและคุณพลอย ที่ได้เห็นเครื่องราชฯ ซึ่งมีโอกาสน้อยมากที่คนธรรมดาจะได้เห็น แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ของสเปนเอง เขาก็ยังมาขอดูเพราะยังไม่เคยเห็นเช่นเดียวกัน"


ผ.อ.นริศโรจน์ เล่าต่ออีกว่า “ท่านทรงเป็นกันเอง และทรงเรียบง่าย ไม่ถือพระองค์ อย่างวันหนึ่งเราจัดขบวนรถไว้ให้ ปรากฏว่าท่านมีพระประสงค์จะเสด็จ (เดิน) ไปเอง ท่านทรงเดินไปตามฟุตบาทไปเรื่อยๆ แม้จะอากาศร้อนแค่ไหน เราก็ถวายการอารักขาเต็มที่”


“ระหว่างทาง ท่านเดินสวนกับคณะของกษัตริย์สวีเดน ท่านทรงสัมผัสพระหัตถ์กับพระราชินีซิลเวีย แล้วก็หันไปจับมือกับตำรวจเกียรติยศ ซึ่งเป็นตำรวจไทย ตำรวจก็ตกใจ ถอดหมวกไม่ทันเลย”


“หรือมีอยู่วันหนึ่ง ท่านทรงมีพระประสงค์เฟอร์นิเจอร์ไปประดับพระตำหนัก เป็นตู้ที่มีลักษณะลดหลั่นเป็นชั้นๆ ทรงทอดพระเนตรหาตามนิตยสาร ทราบว่ามีที่ร้าน Yesterday Once Again ฟังจากชื่อร้าน เราก็นึกว่าจะเป็นร้านบูติคที่ตกแต่งสวยงาม สุดท้ายไปพบว่าเป็นร้านกึ่งโรงงานห้องแถว เป็นขายส่ง ไม่มีโชว์รูม เป็นร้านเปิดโล่ง แล้วก็มีป้ายไม้เก่าๆ เขียนชื่อร้าน”







"ร้านค่อนข้างโทรม แต่ท่านก็เสด็จฯไป ไม่ถือพระองค์ ชาวบ้านแถวนั้น พอรู้ว่าพระราชินีสเปนเสด็จฯมา ก็ยืนเข้าแถวกันเต็ม หาดอกไม้เท่าที่มีมาถวาย บางคนเอามาเป็นกระถาง พอท่านเสด็จฯกลับ เจ้าหน้าที่จากสเปนหอบหิ้วดอกไม้กลับกันพะรุงพะรังเลย ส่วนมากจะเป็นมาลัย รู้สึกว่าท่านจะเก็บกลับหมด เพราะท่านโปรดมาลัยไทย"


ทางด้านคุณพลอยเล่าเสริมว่า “วันที่เสด็จฯกลับจากทอดพระเนตรขบวนเรือ ระหว่างประทับในรถ ท่านทอดพระเนตรเห็นตำรวจเกียรติยศของเรา สวมริสท์แบนด์ "เรารักในหลวง" ท่านตรัสถามว่า อะไร พอดีนายตำรวจเกียรติยศมี ก็เลยนำมาถวายท่าน ท่านทรงใส่เลย และมีรับสั่งให้ซื้ออีกประมาณ 20 อัน”


"เมื่อท่านเสด็จฯกลับโรงแรมโอเรียนเต็ล วันนั้นที่โอเรียนเต็ล จัดงานชุมนุมพระราชวงศ์ คือจะแบ่งออกเป็น ราชวงศ์รุ่นชันษาเยาว์ และรุ่นชันษาสูง วันนั้นพวกเราได้เฝ้ากษัตริย์ต่างๆ แบบสมใจนึกเลย เพราะมีถึง 14 พระราชวงศ์ จะแบ่งออกเป็นโซนๆ ถ้าห้องแบมบู บาร์ เป็นห้องฟังเพลงแจ๊ซ หรือห้องดินเนอร์บุฟเฟ่ต์ ก็จะมีเจ้าชายภูฏาน เจ้าชายนอร์เวย์ เจ้าชายเดนมาร์ก เจ้าชายเบลเยียม เจ้าหญิงโมร็อกโก แล้วแต่ละพระองค์จะทรงเป็นกันเองมาก ทรงเดินตักข้าวกันเอง เสร็จแล้วก็ทรงนั่งคุยกันเฮฮา”


"ส่วนรุ่นชันษาสูง จะเสด็จอยู่ที่ห้องรีเจนซี่ รูม จะมีกษัตริย์ และพระราชินีแห่งสวีเดน พระจักรพรรดิ พระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น และพระราชินีโซเฟีย ซึ่งเลซอง ต้องประสานงานกันว่าพระองค์ไหนจะเสด็จฯทางไหน เมื่อเสด็จฯมาถึงโรงแรมแล้ว ต้องจัดเตรียมห้องรับรองไว้หรือไม่ เป็นต้น”


"ช่วงนั้น ถ้าฟังวิทยุสื่อสารแล้วจะสนุกมาก เพราะเดี๋ยวก็บอกว่า ขบวนรถคันนี้มาแล้ว คนนี้มาแล้ว" ผู้ช่วยเลซองเล่าด้วยความประทับใจ





แม้สมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ที่ 2 บิน อัลฮุสเซน แห่งราชอาณาจักรอัชไมต์จอร์แดน จะประทับอยู่ในเมืองไทย เพียงแค่ 2 วัน คือ 12-13 มิถุนายน แต่ ผอ.ศศิวัฒน์ ว่องสินสวัสดิ์ ผู้อำนวยการ กองอาเซียน 3 กรมอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศ เล่าด้วยความประทับใจในพระองค์ว่า


“ช่วงเวลาที่ได้ถวายงานเป็นเลซองประจำพระองค์ เป็นช่วงเวลาที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิต ทรงมีพระจริยวัตรงดงาม ไม่ทรงถือพระองค์ พระพักตร์มีรอยยิ้มตลอดเวลา ในเรื่องการทรงงาน ท่านทรงมีแนวคิดในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อประชาชนมาก จึงทรงชื่นชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะเป็นกษัตริย์ที่ทรงงานหนักเช่นเดียวกัน”







"ดังนั้น แม้จะต้องเสด็จฯกลับจอร์แดน ในคืนวันที่ 13 มิถุนายน เพราะต้องทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่จอร์แดนในเช้าวันรุ่งขึ้น ก็เสด็จฯเข้าร่วมงานถวายเลี้ยงพระกระยาหารค่ำ”


"ทางราชสำนักจอร์แดน ประทับใจกับการต้อนรับและเตรียมการของฝ่ายไทยมาก เพราะเข้าใจว่า ทางฝ่ายเราประสานงานให้อย่างเต็มที่แล้ว จึงไม่มีปัญหา”







"ตอนส่งเสด็จแล้วประตูเครื่องบินกำลังปิด ผู้ช่วยเลซองของผมบอกผมว่า เห็นเครื่องบินขึ้นแล้วน้ำตาจะไหล คือโล่งใจที่ทุกอย่างเรียบร้อยไม่มีอะไรบกพร่อง และดีใจปลื้มใจที่ได้ถวายงานแด่พระองค์ที่เสด็จฯมาร่วมถวายพระเกียรติในหลวงของเรา งานนี้จะสำเร็จไม่ได้ ถ้าทุกฝ่ายไม่ช่วยกัน และผมก็ต้องขอขอบคุณทีมเลซองของผมด้วย" ผ.อ.ศศิวัฒน์กล่าวด้วยความจริงใจ


ยิ่งกว่านั้น ผ.อ.ศศิวัฒน์ยังบอกอีกว่า สิ่งที่ได้รับจากงานนี้ ยังมีมิตรภาพแถมมาอีกด้วย คือ มีการชักชวนให้ไปเยี่ยมเยียนไปมาหาสู่กันและกัน หลังเสร็จงานพระราชพิธี


"เมื่อก่อนผมมีความรู้เกี่ยวกับประเทศจอร์แดนน้อยมาก แต่จบงานนี้แล้ว ผมรู้จักมากขึ้น ได้เพื่อนเป็นคนจอร์แดน รู้สึกว่าจอร์แดนไม่ใช่ประเทศที่อยู่ไกลเลย"




พระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา เป็นพระประมุขอีกพระองค์หนึ่งที่เสด็จฯมาร่วมงานพระราชพิธีในครั้งนี้ มี ผอ.พิษณุ สุวรรณะชฏ ผู้อำนวยการ กองเอเชียตะวันออก 2 กรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศ เป็นเลซองประจำพระองค์


ตลอดเวลา 4 วันที่มีโอกาสถวายงาน ผอ.พิษณุ เล่าว่า “พระองค์ทรงตรงเวลามาก ก่อนถึงเวลาตามหมายกำหนดการของพระองค์ เลซองจะทูลเชิญพระองค์ผ่านราชเลขาธิการของพระองค์ เพียงไม่เกิน 10 นาที พระองค์ก็ทรงพร้อมเสด็จฯ ตรงเวลาตามที่กำหนดในหมาย”


“พระองค์ทรงโปรดความเรียบง่าย ทรงเคารพศรัทธาและเชื่อมั่นในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาก ระหว่างที่ประทับในเมืองไทย พระองค์ไม่ทรงมีพระราชประสงค์อื่นใด นอกเหนือจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถพระราชทาน หรือรัฐบาลไทยจัดถวาย พระองค์ทรงโปรดที่จะใช้เวลาอยู่ในห้องประทับ ในโรงแรมพลาซ่า แอทธินี เท่านั้น”







“พระองค์ทรงโปรดศิลปะ ดังนั้นทีมงานเลซอง จึงจัดดีวีดีภาพยนตร์เรื่องใหม่ๆ คอนเสิร์ตเพลงคลาสสิค การแสดงนาฏศิลป์ต่างๆ จำนวนมาก เพื่อให้พระองค์ทรงทอดพระเนตร ส่วนทางโรงแรม ก็ช่วยเปลี่ยนโทรทัศน์ให้เป็นจอพลาสมา เพื่อให้พระองค์ทรงทอดพระเนตรอย่างสำราญมากขึ้น ทั้งยังจัดเครื่องออกกำลังกายไว้ในที่ประทับให้อีกด้วย”


"พระองค์ทรงโปรดเสวยพระกระยาหารเพียงวันละมื้อ ที่ทรงโปรดมากคือ ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย และสลัดผัก ส่วนขนมหวานทรงโปรด ข้าวเหนียวมะม่วงน้ำดอกไม้”


"พวกเราซื้อข้าวเหนียว ร้านที่รสชาติหวานมันกลมกล่อม แถวทองหล่อ ส่วนมะม่วงซื้อแถวตลาด อ.ต.ก. วันที่จะเสด็จฯกลับ เจ้าหญิงอรุณรัศมี พระภคินีในกษัตริย์กัมพูชา ทรงมีรับสั่งว่า อร่อยมาก คณะทำงานจึงไปซื้อข้าวเหนียว 3 กิโลกรัม และมะม่วงน้ำดอกไม้ 1 กล่องใหญ่ถวาย ตอนแรกคนขายไม่รู้ว่าเราซื้อให้ใคร ไปบอกทีหลัง เขาดีใจมาก" ผอ.พิษณุเล่าให้ฟัง


“พระองค์ทรงมีพระจริยวัตรงดงาม เวลาที่เสด็จเข้า-ออกห้องบรรทมทุกครั้ง ก็จะทรงยิ้มแย้ม ทรงทักทายคณะทำงานตลอด ทรงหยุดและหันมาขอบพระทัยทุกคนที่ถวายงาน บางครั้งทรงยกพระหัตถ์ขึ้นมาพนมมือรับไหว้ ทำให้ทุกคนที่เห็นประทับใจในความไม่ถือพระองค์ และความเป็นกันเองของพระองค์”







“วันสุดท้ายก่อนเสด็จฯกลับกัมพูชา พระองค์ทอดพระเนตรเห็นผมดูแลความเรียบร้อยอยู่ จึงให้เข้าเฝ้าฯ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างสูง นอกจากนั้นยังได้พระราชทานของที่ระลึกแก่คณะฝ่ายไทยด้วย ผมได้รับพระราชทานขันน้ำและพานรองเงินแท้ ถึงจะเป็นขันเปล่า แต่ผมคิดว่าพระองค์ท่าน บรรจุน้ำพระทัยไว้เต็มเปี่ยม" ผอ.พิษณุ เล่าด้วยความปลาบปลื้ม





ส่วนเลซอง ประจำสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโต แห่งประเทศญี่ปุ่น คือ ผอ.สิงห์ทอง ลาภพิเศษพันธุ์ ผู้อำนวยการ กองเอเชียตะวันออก 4 กรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศ เล่าว่า


“ตลอดเวลาที่ได้ถวายงาน ทั้ง 2 พระองค์ทรงมีพระจริยวัตรงดงามมาก ไม่ทรงถือพระองค์ และทรงมีความรอบรู้เรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทยเป็นอย่างดี”



สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโต และ สมเด็จพระจักพรรดินีมิชิโกะ เสด็จเยือนจุฬาฯ





"ขณะที่ทั้ง 2 พระองค์ ไม่ว่าเสด็จฯ ไปทางไหน ก็จะทรงเห็นประชาชนนับหมื่นมาคอยรับเสด็จ ตั้งแต่รุ่นย่ายายไปจนถึงลูกเด็กเล็กแดงมาคอยโบกธงรับเสด็จ พร้อมตะโกน 'ทรงพระเจริญ' สมเด็จพระจักรพรรดินี ก็ทรงเปิดกระจกโบกพระหัตถ์ให้ตลอดเวลา”


"เมื่อทั้ง 2 พระองค์เสด็จฯ ศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยา จะมีส่วนหนึ่งที่เอ่ยถึงการค้าระหว่างอยุธยา-ญี่ปุ่น สมเด็จพระจักรพรรดิจะทรงซักถามอย่างคล่องแคล่ว ทรงทราบถึงพระนามและความสำคัญของกษัตริย์อยุธยาหลายพระองค์ ทรงทราบชื่อชาวญี่ปุ่นที่มารับราชการในสมัยนั้น พระองค์ใส่พระทัยกับการบรรยาย และสถานที่ที่เสด็จฯไปเป็นอย่างมาก" ผอ.สิงห์ทองเล่า


“ก่อนจะเสด็จฯกลับญี่ปุ่น สมเด็จพระจักรพรรดิ และสมเด็จพระจักรพรรดินี ทรงโปรดฯให้คณะทำงานฝ่ายไทยเข้าเฝ้าฯอย่างใกล้ชิด เป็นเวลานานถึง 20 นาที ทรงเล่าถึงความประทับใจในการเสด็จฯเยือนไทยครั้งก่อนๆ และครั้งนี้ ทรงตรัสว่าฝ่ายไทยเตรียมการต้อนรับเป็นอย่างดีมาก ทรงชมด้วยว่า ขบวนเรือพระราชพิธีงดงามมาก”







"ผู้ติดตามทางญี่ปุ่นบอกผมว่า ตามปกติเมื่อพระองค์เสด็จฯต่างประเทศ จะทรงใช้เวลาประทับในประเทศนั้นๆ อย่างนาน ก็ 3 คืน 4 วัน แต่ครั้งนี้ประทับในเมืองไทยถึง 4 คืน 5 วัน นับเป็นสถิติใหม่" ผอ.สิงห์ทองกล่าว……




ความคิดเห็น จขบ. …..งานนี้ไม่ใช่แค่เลซองที่ประทับใจ อ่านมาถึงบันทัดนี้ ชาวไทยทั้งประเทศก็คงจะอยู่ในความรู้สึกประทับใจไม่แตกต่างจากเลซอง เช่นเดียวกัน……….





# 4 ความประทับใจของเลซอง..... อีกตอน



ข่าว ...”ความปลื้มปีติที่ยังคงอยู่ในใจ “เลซอง””
ข่าวนี้ ไม่ระบุชื่อผู้เขียน จากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน Sunday, July 02, 2006





ผอ.พิรุณ ลายสมิต ผู้อำนวยการ กองเอเชียตะวันออก 3 กรมเอเชียตะวันออก กระทรวงต่างประเทศ ได้รับภารกิจเป็นเลซองประจำ เจ้าชายอัลแบร์ที่ 2 แห่งราชรัฐโมนาโก เล่าว่า “พระองค์ทรงเคยเสด็จฯ เยือนเมืองไทยเมื่อ 10 ปีก่อน ตอนนั้นยังทรงพระอิสริยยศเป็นมกุฎราชกุมาร ตลอดระยะเวลา 2 วันที่ได้ถวายงาน สังเกตเห็นว่าพระองค์ทรงโปรดแทบจะทุกอย่างในเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็น อาหารคาว-หวาน, ผลไม้, วัฒนธรรม และอัธยาศัยของคนไทย ทรงเป็นกันเอง และมีพระอัธยาศัยดีกับทุกคน”




เจ้าชายอัลแบร์ที่ 2 เสด็จฯเยี่ยมศูนย์หัตถกรรมเชียงใหม่





“โดยเฉพาะวันที่ 12 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันทอดพระเนตรขบวนเรือพระราชพิธี ที่ราชนาวิกสภา ได้ทราบจากนายตำรวจเกียรติยศ ซึ่งนั่งไปในรถไฟฟ้าพระที่นั่งพร้อมกับเจ้าชาย ว่า “พระองค์ทรงอิ่มเอมพระทัยมาก ถึงขั้นคลอเพลงเบาๆ อย่างมีความสุข”


“ขณะเสด็จฯ ออกจากราชนาวิกสภา พระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นประชาชนสองข้างทางที่มาเฝ้าฯ ถวายการต้อนรับเป็นจำนวนมาก พระองค์ทรงเข้าพระทัยเป็นอย่างดีว่า คนไทยรักพระเจ้าอยู่หัวมากขนาดไหน พระองค์ทรงโบกพระหัตถ์ทักทายกับประชาชนไปตลอดทาง” ผอ.พิรุณกล่าว





ผอ.นพพร อัจฉริยวณิช ผู้อำนวยการ กองอาเซียน 1 กรมอาเซียน กระทรวงต่างประเทศ เล่าว่า “แม้การรับหน้าที่เป็นเลซอง ในครั้งนี้จะไม่ใช่ครั้งแรก แต่ความตื่นเต้นที่ได้ถวายงานองค์มกุฎราชกุมารโฮกุ้น กับมกุฎราชกุมารีเมตเต-มาริด แห่งราชอาณาจักรนอร์เวย์ ซึ่งเสด็จฯ พร้อมเจ้าชายสแวร์เร แมกนัส พระชันษา 8 เดือน เป็นความปลาบปลื้มในชีวิตเป็นอย่างยิ่ง”



มกุฎราชกุมารโฮกุ้น





“ชาวนอร์เวย์มีลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งคือ สนใจในวิถีชีวิต และความเป็นอยู่ของผู้คนในประเทศต่างๆ โดยไม่คำนึงว่าจะต้องพบเจอความลำบากหรือไม่ แต่จะมองว่าเป็นความแปลกตาแปลกใจที่น่าสัมผัส ที่สำคัญชาวนอร์เวย์ ให้ความสำคัญกับครอบครัวมาก ผู้หญิงชาวนอร์เวย์ส่วนใหญ่ จะเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมแม่ประมาณ 1 ปี โดยทางรัฐบาลจะมีกฎหมายให้แม่สามารถลางานได้ถึง 1 ปีเพื่อดูแลลูก ที่สำคัญในช่วงระยะเวลาที่ลางานนั้น แม่ยังได้รับค่าจ้างตามปกติ”


“ในครั้งนี้ทั้งสองพระองค์ให้ความสนพระทัยในชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย โดยในช่วงเช้าของวันที่ 13 มิถุนายน ทรงเสด็จฯประพาสทางน้ำด้วยเรือหางยาว ไปตามคลองบางกอกน้อย คลองชักพระ คลองมอญ เพื่อทรงทอดพระเนตรชีวิตชาวบ้านริมสองฝั่งคลอง”


ร.ต. กิตินัดดา สุขสวัสดิ์ ณ อยุธยา เจ้าหน้าที่การทูต 5 กองอาเซียน 1 ซึ่งเป็นผู้ช่วยเลซอง บอกถึงพระอิริยาบถน่ารักของทั้งสามพระองค์ว่า “ทั้ง 2 พระองค์ทรงให้ความสำคัญกับพระโอรสมาก หากต้องเสด็จฯ ไปที่ใดเป็นเวลานาน ทั้งสองพระองค์จะรีบเสด็จฯกลับ มาดูแลพระโอรสด้วยตนเอง มกุฎราชกุมารียังทรงป้อนพระกษีรธาราแก่พระโอรสด้วยพระองค์เอง แม้ว่าจะมีพระพี่เลี้ยงคอยดูแลพระโอรสแล้วก็ตาม สังเกตเห็นได้ว่าเจ้าชายสแวร์เร แมกนัส ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์ และทรงร่าเริงมาก”



เจ้าชายสแวร์เร แมกนัส





ผ.อ. นพพร เล่าเสริมว่า “มกุฎราชกุมารโฮกุ้น และมกุฎราชกุมารีเมตเต-มาริต จะแสดงความใส่พระทัยซึ่งกันและกันเป็นอย่างยิ่ง สังเกตได้จากทุกครั้งก่อนจะเสด็จฯ ลงจากรถยนต์พระที่นั่ง มกุฎราชกุมารีเมตเต-มาริต จะทรงดูแลความเรียบร้อยของพระภูษาให้กับมกุฎราชกุมารโฮกุ้นเสมอ ซึ่งเป็นพระอิริยาบถน่ารักของทั้งสองพระองค์ที่น่าประทับใจเป็นที่สุด”


คุณ ศิรินภา สินพัฒนานุกูล เจ้าหน้าที่การทูต 4 กองอาเซียน 1 ในฐานะผู้ช่วยเลซองอีกคน เล่าว่า “ประทับใจในพระจริยวัตรที่เป็นกันเองของทั้งสองพระองค์มาก หากเป็นการเสด็จฯ ส่วนพระองค์ ทั้ง 2 พระองค์จะทรงโปรดความเรียบง่าย ไม่ต้องการให้มีพิธีรีตองมาก ไม่ทรงโปรดให้มีขบวนเสด็จฯ ยาว และยังทราบมาว่า สำหรับราชองครักษ์นอร์เวย์ที่มาคอยอารักขาพระองค์ ยังไม่ทรงโปรดให้ใส่เครื่องแบบด้วยซ้ำ”







ผ.อ. นพพร เล่าเพิ่มเติมว่า “ก่อนเสด็จฯ ประทับเครื่องบินพระที่นั่ง กลับยังนอร์เวย์ ทั้งสองพระองค์ได้ตรัสกับ ท่านทูตจิตริยา ปิ่นทอง เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศนอร์เวย์ ว่า “ทรงประทับใจในงานพระราชพิธีครั้งนี้เป็นอย่างมาก”





ผอ. ภัทราวรรณ เวชชศาสตร์ ผู้อำนวยการ กองสนเทศเศรษฐกิจ กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เป็นเลซอง มกุฎราชกุมารจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฏาน เล่าว่า “มกุฎราชกุมารแห่งภูฏาน เสด็จฯ มาเยือนประเทศไทยบ่อยครั้ง ครั้งนี้นอกจากจะเสด็จฯ มาในฐานะพระราชอาคันตุกะแล้ว ยังทรงมีพระราชประสงค์ เสด็จฯ ทอดพระเนตรโครงการพระราชดำริ ซึ่งเป็นโครงการของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่เจ้าชายจิกมีมีความสนพระทัยเป็นอย่างยิ่ง เพื่อจะนำโครงการเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ยังประเทศภูฏานต่อไป แต่ด้วยเวลาที่มีจำกัด โปรแกรมที่จัดไว้จึงมิได้เป็นไปตามหมายกำหนดการ เจ้าชายจึงมีแผนการจะเสด็จฯ กลับมาเยือนประเทศไทยเป็นการส่วนพระองค์อีกครั้ง”







“พระจริยวัตรของเจ้าชาย ในวันที่พระองค์ไม่มีหมายกำหนดการเสด็จฯเมื่อทรงประทับอยู่ ณ โรงแรม พระองค์จะทรงพักผ่อนพระอิริยาบถด้วยการว่ายน้ำ หรือทรงงานอยู่ ณ ห้องที่ประทับเป็นส่วนใหญ่”



“หากจะให้บอกเล่าถึงพระอิริยาบถน่ารักๆ คงจะบรรยายได้ไม่หมด อย่างวันที่มีประชาชนมาเฝ้ารับเสด็จฯ อยู่หน้าบริเวณโรงแรม มีเด็กผู้ชายมากับแม่ ยืนรอรับเสด็จฯ อยู่ด้วย จริงๆแล้ว พระองค์เสด็จฯ ผ่านไปแล้ว แต่ทรงสังเกตเห็นว่าเด็กน้อยยืนมองตามพระองค์ จึงทรงเสด็จฯ กลับมาจับมือกับเด็กน้อยคนนั้น”


“เหตุการณ์ประทับใจที่ได้เห็นพระอัธยาศัยที่ดีกับทุกๆ คน คงเป็นเมื่อครั้งพระองค์เสด็จฯ พักผ่อนพระอิริยาบถที่จังหวัดภูเก็ตเป็นการส่วนพระองค์ และกำลังจะเสด็จฯ กลับกรุงเทพฯ ขณะที่พระองค์เสด็จฯ ถึงสนามบินภูเก็ต ปรากฏว่ามีเด็กนักเรียนหูพิการมาถวายดอกไม้ และตัวผ้ารองซึ่งเป็นงานฝีมือ จากนั้นเด็กก็อธิบายให้พระองค์ฟังว่า สิ่งที่นำมาถวายเป็นงานฝีมือ พระองค์ก็ทรงหยุดฟัง และพระราชทานวโรกาสฉายภาพเป็นที่ระลึกกับเด็กๆ ด้วย ซึ่งเด็กๆ แสดงภาษามือที่เป็นสัญลักษณ์ว่า ฉันรักเธอ เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็น ก็ทำพระหัตถ์เป็นสัญลักษณ์ ฉันรักเธอ ไปกับเด็กๆ ด้วย” ผ.อ.ภัทราวรรณ เล่าถึงความประทับใจ







“นอกจากนี้ พระองค์จะทรงห่วงใยผู้ที่ถวายงานให้กับพระองค์ทุกคน ตรัสเสมอว่า “ขอบใจ และให้ไปพักผ่อน เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว”



“ในวันที่จะเสด็จฯ กลับภูฏาน เจ้าชายจิกมี ทรงพระราชทานวโรกาสให้คณะผู้ถวายงานได้ฉายภาพเป็นที่ระลึก เป็นกลุ่มๆ ไป สำหรับคณะของกระทรวงต่างประเทศ พระองค์ทรงรับสั่งว่า ตั้งแต่พระองค์เป็นเด็ก ก็เคยมีเพื่อนเป็นคนไทย และได้รู้จักในหลวงของเรา ซึ่งพระองค์ได้ติดตามพระราชกรณียกิจต่างๆ ของในหลวงมาโดยตลอด ทั้งยังมีพระราชประสงค์ที่จะนำโครงการในพระราชดำริ ไปเป็นต้นแบบเพื่อพัฒนาประเทศภูฏานต่อไป”



เจ้าชายจิกมี ทรงฉายภาพที่ระลึกร่วมกับคณะผู้ถวายงาน ภัทราวรรณ เวชชศาสตร์ ( นั่งแถวหน้าคนที่ 1 จากขวา)





“นอกจากนั้น ยังมีรับสั่งว่า อยากให้ทั้งสองประเทศมีความร่วมมือ และมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ทั้งในระดับประเทศ และระดับประชาชน”


“พระองค์ทรงรับสั่งด้วยว่า ทรงพอพระทัยมากในการเดินทางมาในครั้งนี้ อีกทั้งการเสด็จฯ มาเยือนเมืองไทยในครั้งนี้ ยังทำให้คนไทย และชาวโลกได้รู้จักภูฏานมากขึ้นด้วย”






ผอ.ศริกานต์ พลมณี รักษาการผู้อำนวยการ กองส่งเสริมเศรษฐศาสตร์และความร่วมมือ กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เล่าความรู้สึกที่มีโอกาสได้ทำงานเป็นเลซอง ถวายเจ้าหญิง ลัลลา ซัลมา เบนนานี แห่งโมร็อกโกว่า



ผอ.ศริกานต์ พลมณี กับ นายตำรวจหญิงเกียรติยศ





“เมื่อทราบว่า ได้เป็นเลซองให้กับเจ้าหญิง ขั้นแรกก็เตรียมศึกษาข้อมูลของประเทศโมร็อกโก และเตรียมหาข้อมูลเกี่ยวกับประวัติส่วนพระองค์ของเจ้าหญิง ว่าพระองค์ทรงโปรดอะไรบ้าง พระองค์ทรงเคยเสด็จฯ เมืองไทยบ้างหรือเปล่า ถ้าเคยเสด็จฯ พระองค์เสด็จฯ ไปยังที่ใดบ้าง ทรงให้ความสนพระทัยสิ่งใดเป็นการส่วนพระองค์ ไปจนถึงกิจกรรมที่ทรงโปรด ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะนำไปจัดเป็นหมายกำหนดการ เพื่อนำเสนอพระองค์ว่า พอพระทัยหรือไม่”


“กิจกรรมที่เสนอไปมีหลายกิจกรรม แต่ด้วยความที่เวลามีจำกัด เจ้าหญิงจึงทรงสนพระทัยเฉพาะบางกิจกรรมที่สามารถนำไปเป็นประโยชน์กับประเทศโมร็อกโกได้ เช่น พระองค์ทรงเป็นประธานมูลนิธิเกี่ยวกับโรคมะเร็งในประเทศโมร็อกโก จึงทรงสนพระทัยจะไปทอดพระเนตรมูลนิธิเกี่ยวกับโรคมะเร็งในประเทศไทย เช่น สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ แต่พระองค์ทรงไม่มีเวลา ที่สุดก็ทำได้เพียงรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์กลับไปยังโมร็อกโก”







“นอกจากนี้ เจ้าหญิงยังทรงสนพระทัยงานด้านหัตถกรรมไทย จึงจัดโปรแกรมไปทอดพระเนตร ศูนย์ศิลปาชีพ ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ ในวังสวนจิตรลดา ทรงโปรดผ้าไหมไทยมาก ทั้งยังทรงสนพระทัยฉลองพระองค์ที่ตัดจากผ้าไหม โดยสีที่ทรงโปรดจะเป็นสีอ่อนๆ เท่านั้น”


“ไม่เพียงแต่เท่านั้น เจ้าหญิงยังทรงสนพระทัย แหล่งชอปปิ้งของคนกรุงเทพฯ ประชาชนคนไทยจึงได้มีโอกาสชื่นชมพระสิริโฉม เมื่อครั้งพระองค์เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรตลาดนัดสวนจตุจักรเป็นการส่วนพระองค์ เจ้าหญิงทรงมีพระประสงค์ทอดพระเนตรชีวิตของผู้คนในกรุงเทพฯ ว่า มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร และตลาดแบบไทยๆ ที่คนต่างชาตินิยมมาเที่ยวนั้น เป็นอย่างไร ทั้งยังทรงโปรดถ้วยชามเบญจรงค์ เพราะลวดลายของถ้วยชามมีลวดลายขลิบทองคล้ายกับของโมร็อกโก และทรงเลือกซื้อกลับไปโมร็อกโกด้วย”







“เจ้าหญิงลัลลา ทรงรับสั่งถึงความรู้สึกในการเสด็จเยือนประเทศไทยครั้งนี้ว่า พระองค์ทรงพอพระทัยในการจัดงานที่มีการเตรียมการเป็นอย่างดีเยี่ยม แม้จะเป็นสิ่งละอันพันละน้อย ยังได้จัดเตรียมไว้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เอาใจใส่แม้ในรายละเอียดเล็กน้อย ซึ่งทางผู้เตรียมงานทางฝ่ายไทย ได้จัดไว้ให้ทุกอย่าง”





เลซอง หรือคณะผู้ประสานงาน ถวายงานพระราชอาคันตุกะ ทุกคนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า การปฏิบัติงานในหน้าที่เลซองในครั้งนี้จะไม่สมบูรณ์ หากขาดการปฏิบัติหน้าที่ที่ดีอย่างยิ่งของนายตำรวจเกียรติยศ และเจ้าหน้าที่อีกมากมายที่อยู่เบื้องหลังการถวายงานของทุกพระองค์ นับเป็นความร่วมมือร่วมแรงร่วมใจของคนไทยทุกหมู่เหล่า ในการแสดงออกถึงความจงรักภักดี ที่มีต่อพระเจ้าอยู่หัวของเรา



ซึ่งทำให้ในที่สุด งานเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นที่สัมผัสติดตรึงตราตรึงใจพระราชอาคันตุกะ และยิ่งใหญ่สมพระเกียรติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างน่าปลาบปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง......
















.......ขอพระองค์ทรงพระเจริญ พระเจ้าข้า…….






โดย yyswim




Create Date : 05 ธันวาคม 2549
Last Update : 5 ธันวาคม 2549 13:33:55 น. 39 comments
Counter : 9740 Pageviews.

 

10 กฎเหล็กเลซอง ประจำพระราชอาคันตุกะ
ข่าวจาก น.ส.พ.ไทยรัฐ วันเสาร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ.2549



10 กฎเหล็ก ที่เลซองจะต้องยึดถือประจำใจ!!

1. ต้องสุภาพ เรียบร้อย และถ่อมตน ห้ามพูดคุยเล่น หยอกล้อ

2. ต้องแต่งกายสะอาด หมดจด แลดูเนี้ยบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

3. เวลาตามเสด็จฯ ห้ามเดินนำหน้าพระองค์ท่าน ให้เดินเยื้องไปทางข้างหลัง

4. ทุกครั้งที่เสด็จขึ้นรถประทับ ต้องยืนทำความเคารพ และรอจนเสด็จเรียบร้อย

5. ต้องรักษาความลับทุกเรื่อง เพื่อความปลอดภัย

6. ห้ามพกพาอาวุธเด็ดขาด

7. ห้ามทำตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อพระองค์ท่าน ไม่ว่าด้วยการพูดจา หรือทำกิริยาไม่เหมาะสม

8. ตามหลักพิธีการทูต การเสด็จฯของพระราชอาคันตุกะ จะต้องเรียงลำดับจากอาวุโสมาก เสด็จถึงทีหลัง และกลับก่อน ส่วนอาวุโสน้อย เสด็จถึงก่อน และกลับทีหลัง

9. ต้องสื่อสารให้ถูกต้อง หากรับสั่งว่าเป็นการส่วนพระองค์ ก็ต้องจัดให้ไม่เอิกเกริก และเลซองจะต้องมีหน้าที่คอยเตือนผู้ติดตามว่า ถึงเวลาเสด็จแล้ว เพื่อให้เป็นไปตามหมายกำหนดการ

10. ต้องระวังเรื่องการรับประทานอาหาร หลีกเลี่ยงอาหารรสจัดและอาหารมีกลิ่นแรง.


โดย: yyswim วันที่: 5 ธันวาคม 2549 เวลา:13:37:02 น.  

 
ปลาบปลื้มใจเป็นอย่างยิ่งครับ ที่ราชอาคันตุกะจากหลายๆ ประเทศที่มาเยือนเมืองไทย ทรงชอบประเทศของเรา ดีใจมากๆ เลยครับ





ปล. ว่างๆ ลองไปฟังเพลงเพราะๆ แต่เนื้อหาแรงมากๆ ที่บล็อกผมได้เสมอนะครับ


โดย: เข็มขัดสั้น วันที่: 5 ธันวาคม 2549 เวลา:13:58:16 น.  

 


อ่านแล้วก็น่าปลื้มใจนะคะ แวะมาสุขสันต์วันพ่อจ้า


โดย: สลิลลา No.1 วันที่: 5 ธันวาคม 2549 เวลา:15:09:16 น.  

 
คงเป็นแรงบันดาลใจให้สาวๆไทยหลายคน ฝันอยากทำหน้าที่ "ลิเอซง" กันบ้างเปนแน่แท้


โดย: กุมภีน วันที่: 5 ธันวาคม 2549 เวลา:17:37:13 น.  

 
อ่านจบแล้วปลื้มมากเลยค่ะ ข่าวนี้กี่ปีๆก็ปลื้มไม่จบ น่ารักทุกพระองค์เลยนะคะ


โดย: random-4 วันที่: 5 ธันวาคม 2549 เวลา:18:17:51 น.  

 
ขอให้มีความสุขในวันพ่อนะค่ะ

วันนี้วันพระด้วยค่ะ

อนุโมทนาบุญค่ะ

ขอให้มีความสุขนะค่ะ



โดย: catt.&.cattleya.. (catt.&.cattleya.. ) วันที่: 5 ธันวาคม 2549 เวลา:18:21:16 น.  

 


สุขสันต์วันพิเศษ
อย่าลืมบอกรักคุณพ่อน่ะค่ะ...


โดย: fluffyboy101 วันที่: 6 ธันวาคม 2549 เวลา:0:53:57 น.  

 
เป็นความประทับใจไม่รู้ลืมจริงๆครับ


โดย: ยังคงรักเธอ (takechio ) วันที่: 6 ธันวาคม 2549 เวลา:9:54:44 น.  

 
โอ้ว....อ่านไปขนลุกไป


โดย: PADAPA--DOO วันที่: 6 ธันวาคม 2549 เวลา:10:08:29 น.  

 
ถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งเลยค่ะ ที่ได้สนองงานกษัตริย์ทุกพระองค์


โดย: mda IP: 203.159.0.10 วันที่: 6 ธันวาคม 2549 เวลา:11:41:38 น.  

 
อ่านแล้วก็พลอยประทับใจด้วยค่ะ ... โดยเฉพาะ เจ้าชาย วังชุก


โดย: VA_Dolphin วันที่: 6 ธันวาคม 2549 เวลา:20:26:23 น.  

 
ชื่นชมพระจริยวัตรของทุกๆ พระองค์เลยค่ะ
จำได้ว่า ช่วงเวลานั้น ต้องนั่งเฝ้าดูข่าว + การถ่ายทอดสดทุกครั้งที่มี

เป็นบุญจริงๆ ที่ได้เห็น


โดย: ซีบวก วันที่: 7 ธันวาคม 2549 เวลา:9:10:25 น.  

 
ข่าวนี้ไม่มีทางเก่าคะ สิ่งดีๆเหล่านี้จะตราตรึงในใจปวงชนชาวไทยไปตลอดอายุขัยเชียวคะ ภูมิใจที่อยู่บนแผ่นดินนี้ แผ่นดินที่มีพ่อหลวงที่เก่งที่สุดและอบอุ่นที่สุดในโลก ฮิฮิ

ขอบคุณที่ไปเยี่ยมนะคะ ไว้มาอ่านบ่อยๆแล้วมาให้คำแนะนำอีกก็ได้คะ หรือจะมาอ่านไปยิ้มไปอีกก็ได้นะคะ ไม่หวงห้ามคะ อยากเห็นทุกคนมีความสุข


โดย: Lilly (supremeking ) วันที่: 7 ธันวาคม 2549 เวลา:10:18:48 น.  

 
น่าประทับใจครับ เสด็จมากันมากมาย
ข้อมูลแน่นจัง


โดย: ต่อตระกูล วันที่: 7 ธันวาคม 2549 เวลา:16:10:54 น.  

 
แวะมาทำตาซึ้งก่อน

แล้วประนมมือ

ก่อนจะ

แว่บ...


โดย: ดำรงเฮฮา วันที่: 8 ธันวาคม 2549 เวลา:1:10:43 น.  

 
เป็นประโยชน์ดีจริง ๆ ครับสำหรับข้อมูลรายละเอียดเหล่านี้


โดย: ดำรงเฮฮา วันที่: 8 ธันวาคม 2549 เวลา:1:11:26 น.  

 
ข้อมูลดีเยี่ยมเหมือนเดิม

แวะมาทักทายจ้า


โดย: ช้าง IP: 210.1.18.85 วันที่: 8 ธันวาคม 2549 เวลา:5:40:18 น.  

 
ทรงพระเจริญ


โดย: ตี๋น้อย Zantha ไม่ได้ล็อคอิน IP: 222.130.153.172 วันที่: 8 ธันวาคม 2549 เวลา:7:07:13 น.  

 
ประทับใจทุกประเทศเลยค่ะ

แล้วการเพิ่มกล้ามเนื้อเนี่ยยย
ต้องออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำใช่มั๊ยคะ ^^


สวัสดีเช้าวันศุกร์ค่า...


โดย: ขอบคุณที่รักกัน (blueberry_cpie ) วันที่: 8 ธันวาคม 2549 เวลา:7:11:08 น.  

 
แวะเอาภาพปลามาฝากจ้ะ




โดย: VA_Dolphin วันที่: 8 ธันวาคม 2549 เวลา:10:12:01 น.  

 
...

น่าประทับใจครับ

เคยได้ยินมาแต่เล็กว่า "ความอ่อนน้อม" จะนำมาซึ่งความรักใคร่เอ็นดูจากผู้คนรอบข้าง
ได้เห็นประจักษ์ชัดก็คราวนี้ล่ะครับ



โดย: The Legendary Midfielder วันที่: 8 ธันวาคม 2549 เวลา:14:02:07 น.  

 
เป็นวันที่ยิ่งใหญ่และประทับใจมาก...

ชอบองค์หญิงลันลา...
อายุยังไม่ 30 เลยมั๋ง


โดย: จิ้งจอกสาวฝึกหัด วันที่: 8 ธันวาคม 2549 เวลา:15:16:18 น.  

 




วันศุกร์สุดสัปดาห์แล้ว ขอให้มีความสุขในวันหยุดนะจ๊ะ




โดย: แอน (thattron ) วันที่: 8 ธันวาคม 2549 เวลา:19:37:36 น.  

 
ตอนไปเชียงใหม่ก็เจอเจ้าชายจิกมีครับ ที่วัดพระธาตุดอยสุเทพ


โดย: ตงเหลงฉ่า วันที่: 8 ธันวาคม 2549 เวลา:21:56:31 น.  

 


อ่านแล้ว ปลื่มมากๆๆ อยากอยู่ในงานพระราชพิธีด้วยเลยค่ะ


โดย: fluffyboy101 วันที่: 9 ธันวาคม 2549 เวลา:0:05:03 น.  

 



เป็นเรื่องราวข้อมูลที่น่าสนใจน่าอ่านมากอย่างยิ่ง..ยาวมั่กมัก
แต่ก็จะอ่านให้หมดค่ะ..อยากรู้ว่าเลซองแต่ล่ะคนมีเรื่องเล่ารัยมั่ง




โดย: copbureau วันที่: 9 ธันวาคม 2549 เวลา:6:53:43 น.  

 
โอ๊ะ ทำเลซองด้วยเหรอคะ


โดย: -S n o w G i r l- วันที่: 9 ธันวาคม 2549 เวลา:9:45:34 น.  

 
แวะมา vote ให้ค่ะ เดาซีคะว่าสาขาอะไร


โดย: random-4 วันที่: 9 ธันวาคม 2549 เวลา:9:53:20 น.  

 


สวัสดีค่ะ คุณสิน สบายดีนะคะ

อ่านไปน้ำตาไหลไป หุหุหุ ปลื้มใจ


โดย: รวมการเฉพาะกิจ วันที่: 9 ธันวาคม 2549 เวลา:10:03:51 น.  

 

เข็มขัดสั้น……จะรีบไปฟังเพลงเพราะๆครับ เนื้อหาแรงระดับฟอมูล่าวันเหรอ ยินดีไปซิครับ


คุณสลิลลา……ขอบคุณครับที่เข้ามาอ่านและร่วมชื่นชมพระบารมี


กุมภีณ……อย่างนาย ซึ่งเก่งงาน เก่งประวัติศาสตร์ ภาษาดี มีอะไรที่เลซองมี นายมีหมด ไปสมัครเป็น เลซอง ซิ


คุณrandom……ครับ ทรงน่ารักมากๆทุกพระองค์ ทุกพระองค์ประทับใจในหลวงของเราด้วยครับ


โดย: yyswim วันที่: 13 ธันวาคม 2549 เวลา:21:29:19 น.  

 

คุณcatt. …..สาธุครับ ที่มาเตือนสติ วันพระ วันพ่อ


คุณบัว……ผมไปหาพ่อมาแล้ว ยังกระดากครับ ไม่ค่อยกล้ากอดพ่อ (ถ้าเป็นแม่ ผมกอดบ่อย) แต่วันนี้ ให้เงินพ่อเพิ่มขึ้นกว่าที่เคยให้ครับ ยังไม่เคยรู้เลยครับว่าคุณบัว เป็นคนเกิดที่จังหวัดไหน


Takechio……ใจตรงกันอ่ะครับ ผมก็รู้สึกเหมือนนาย


คุณPADAPa—DOO…..ขนลุก เพราะปลื้มใช่ไหม คงไม่ใช่ เพราะกลัว อิอิ


โดย: yyswim วันที่: 13 ธันวาคม 2549 เวลา:21:43:36 น.  

 

คุณmda…….ผมภาคภูมิใจ อิ๊ดหนึ่ง ที่ได้ลงข่าวเรื่องของพระองค์


คุณVA_Dolphin……ใจตรงกันกับคนไทยที่อยู่ในประเทศเลยครับ ชอบเจ้าชายวังชุก

ผมมีเรื่องของพระองค์ในบล็อกที่แล้ว บล็อกนี้ และบล็อกหน้า (เรื่องผัดกะเพรา)ครับ


ซี……ใจร่วมกัน ตรงกันเลย ผมก็นั่งเฝ้าหน้าจอทีวี รอดู รออัด แล้วตามเซฟภาพเอาจากเน็ต อิอิ


คุณลิลลี่…..ขอบคุณนะครับที่เข้ามาเยี่ยม คงจะมองเห็นผมแอดเฟรนด์บล็อกของคุณไว้แล้ว ผมคงจะมีโอกาสไปเยี่ยมแบบไม่หลงทางล่ะครับ


โดย: yyswim วันที่: 13 ธันวาคม 2549 เวลา:22:31:23 น.  

 

ต่อตระกูล…..ขอบคุณครับที่ชอบอ่านแนวนี้ หากว่าง ขอเชิญแวะมาได้ทุกเวลานะครับ


ดำฮา……ขอบคุณที่นายบอกว่าเป็นประโยชน์ ขอบคุณ เดี๋ยวจะไปเยี่ยมดำฮา


ช้าง……วันนี้ ลมดี หอบช้างมาบล็อก ขอบคุณที่ชอบอ่าน


ตี๋น้อย……คนเก่งประจำบล็อก ก็มา ขอบคุณนะครับตี๋น้อย



โดย: yyswim วันที่: 13 ธันวาคม 2549 เวลา:22:38:20 น.  

 

คุณโบว์……ออกกำลังกายโดย วิ่ง กระโดดเชือก ขี่จักรยาน เต้นแอโรบิค เล่นแบด เล่นโยคะ หรือว่ายน้ำก็ได้คร้าบ ออกกำลังกายให้เหงื่อออกเต็มที่นะครับ ถ้าเหงื่อไม่ออก ไม่อยากเรียกว่าออกกำลังกาย

ทีนี้ ว่ายน้ำน่ะครับ จะเหมาะสมกับคนที่มีปัญหาเรื่องเจ็บข้อเท้า มีน้ำหนักมาก สูงวัย กลัวบาดเจ็บ และกลัวสกปรก…..ก็เป็นตัวเลือกที่น่าทดลองครับ เย็นและสดชื่นดี

เจ้าชายจิกมี ก็ทรงโปรดว่ายน้ำ เบิร์ดก็ชอบว่ายน้ำ ครับ

ผมเคยคิดอยู่ว่าจะเขียนเรื่อง การใช้คิกบอร์ด (ชิ้นโฟมที่ใช้สนับสนุนการฝึกว่ายน้ำ) แต่ที่ยังไม่กล้าเขียน เพราะผมไม่เคยสอนใคร และผมเองก็ไม่ได้ใช้บ่อย แต่เดี๋ยวจะลองค้นคว้าศึกษามาเขียนครับ ถ้าพอเขียนได้ …เผื่อว่าเพื่อนบางคนจะได้นำไปเป็นแนวทางการลดหน้าท้องนะครับ


The legendary midfielder……ผมชอบเจ้าชายจิกมีเหมือนกันครับ

ตอนนี้ผมดูการถ่ายทอดเอเชี่ยนเกมส์อยู่ ….ปลื้มแทนคนไทยครับ ที่นักกีฬาไทย ไหว้ผู้ชม ไหว้กรรมการอ่อนน้อมกันทุกคน


โดย: yyswim วันที่: 13 ธันวาคม 2549 เวลา:22:53:45 น.  

 

คุณจิ้งจอกสาวฝึกหัด……เจ้าหญิงลัลล่า เป็นอีกพระองค์หนึ่งที่ประทับใจคนไทยครับ

เรื่องของประเทศ มอร็อกโค เป็นอีกเรื่องหนึ่งครับที่น่าจะนำมาเขียน ไม่ทราบว่าจะมีเพื่อนคนใดอยากอ่านบ้างหรือเปล่า


คุณแอน…..เข้ามาเยี่ยม พร้อมภาพสวย ขอบคุณคุณแอนครับ


ตง…….นายโชคดีกว่าคนไทยหลายล้านคนนะนั่น เพราะได้มีโอกาสอยู่ในงานรับเสด็จเจ้าชายจิกมี


คุณบัว…….หมาของคุณบัว น่ารัก น่าเลี้ยงมาก ตั้งชื่อว่าไร อ่ะ



โดย: yyswim วันที่: 13 ธันวาคม 2549 เวลา:23:03:14 น.  

 

คุณcopbureau……ผมคิดว่า เป็นเรื่องที่อ่านแล้วประทับใจครับ เป็นเรื่องที่น้อยคนจะได้รู้ด้วย เพียงแต่ยาวไปนิดครับ จะอ่านสู้ไหวไหมครับ


คุณsnowgirl…..ผมปล่าวทำเลซองครับ

เป็นข่าวนานแล้ว แต่ยังมีคุณค่าในช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคมครับ


คุณrandom…….จะโหวตให้เหรอครับ ขอบคุณครับ… เดาไม่ออกหรอกครับ แง่ตลกขบขัน อ๊ะปล่าวววว


คุณหนิง…..อ่านไป ปลื้มใจไป ผมเองก็รู้สึกแบบนั้นที่เลซอง และทุกๆคน ร่วมใจกันต้อนรับแขกเมืองใหในหลวง

อย่างคุณแม่ค้าที่ตลาด อตก. เป็นตัวอย่าง

เธอบอกว่าขอไม่คิดเงิน เพราะพระองค์(พระราชอาคันตุกะ)เป็นแขกของในหลวงของฉัน ปลื้มครับ กับคำพูดนี้



โดย: yyswim วันที่: 13 ธันวาคม 2549 เวลา:23:17:59 น.  

 
สวยจัง


โดย: เด็กน่ารัก IP: 202.129.44.114 วันที่: 17 กันยายน 2550 เวลา:14:04:57 น.  

 
อยากให้คนไทยทุกคนนึกถึงวันเฉลิมฉลองกัน ต่างชาติหลาย ๆ ประเทศต่างชื่นชมยินดี ยกย่อง

แล้วผ่านมาแค่ไม่กี่ปีคนไทยนับล้านทะเลาะกันเองโดยไม่นึกถึงจิตใจพระองค์ท่านบ้าง อยากจะให้ออกมาห้ามไม่ให้ลูกทะเลาะกัน "คนที่ทำแบบนี้แสดงว่าต้องการอยากให้ต่างชาติและหลาย ๆ คนเห็นอิริยาบทของพระองค์ใช่มั้ยว่าเป็นอย่างไร" พูดง่าย ๆ คือโดนหลอกใช้จากผู้ไม่หวังดีจริง ๆ


โดย: tarika วันที่: 23 ตุลาคม 2553 เวลา:22:58:41 น.  

 
รักพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมากที่สุด


โดย: กิตติ วงค์เทียนชัย IP: 180.183.208.76 วันที่: 25 มกราคม 2554 เวลา:0:45:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

yyswim
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]





บล็อกสรรสาระนี้ จขบ.ไม่ได้เขียน-ไม่ได้ถ่ายภาพ-ไม่ได้อัพโหลดคลิปเอง หากแต่ทำหน้าที่เป็นบรรณาธิการบล็อก เสาะหาเรื่องดีๆ รูปสวยๆ คลิปแปลกๆ มาไว้ในบล็อก


ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยม ขอเชิญชมหรืออ่านตามสบาย ไม่ต้องคอมเมนต์ก็ได้ จขบ.ชอบการเข้ามาเยี่ยม แบบกันเอง ง่ายๆ สบายๆ




เริ่มเขียนBlog เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2548


เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ.2550 เวลา 23.30 น.


เริ่มนับจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชม




Latest Blogs

New Comments
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2549
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
5 ธันวาคม 2549
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add yyswim's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.