ของฝากจากเมืองจันทร์




จากวัดเขาสุกิม……




เมื่อวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2520 เวลา 12.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ มาทรงประกอบพิธีเททองหล่อพระพุทธรูปพระประธาน พระอัครสาวกทั้งสอง และพระอานนท์ ณ อุโบสถวัดเขาสุกิม จ.จันทบุรี


ในพระราชพิธีครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชปุจฉากับพระวิสุทธิญาณเถร(หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย)ประธานสงฆ์วัดเขาสุกิม


พระราชปุจฉา
“ผู้คนเขามาวัดทำไมกัน”



หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย ถวายพระพรว่า
“ผู้มาวัด มาด้วยเหตุต่างๆกัน บางคนเป็นคนดีอยู่แล้ว มาวัดด้วยการมุ่งทำความดีให้มากขึ้น ด้วยการถือศีลภาวนา บางคนมาด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าทางวัดเขาทำอะไรกันบ้าง บางคนก็มาด้วยความตั้งใจจริงๆที่จะมาช่วยงานวัด เพราะเห็นว่าอยู่บ้านไม่มีธุระจะทำ บางคนก็มาด้วยเหตุที่ว่า เห็นว่าอยู่บ้านมีแต่ปัญหา ล้วนแต่น่าเบื่อหน่ายสู้มาวัดหาความสงบดีกว่าก็มี เรียกว่ามาวัดทำให้สบายใจ”


พระราชปุจฉา
“ที่ว่า ชาวบ้านเขาเบื่อหน่าย เขาเบื่ออะไรกัน”



หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย ถวายพระพรว่า
“การเบื่อหน่ายของชาวบ้านมีสองอย่าง บางคนเบื่อหน่ายต่อการงานที่ต้องทำอย่างจำเจ ก็หาเวลามาวัดเพื่อพักผ่อน เป็นการเบื่ออย่างไม่จริงจัง
บางคนมีความเบื่อจริงๆโดยเห็นว่าการเป็นอยู่ทางโลกนั้น ถึงจะมั่งมี หาความสุขได้ทุกอย่างก็จริง แต่ล้วนเป็นความสุขชั่วคราวไม่เป็นความสุขที่แท้จริงเหมือนกับความสุขทางธรรม บางคนเห็นไปว่าเกิดมาแล้วก็หนีความตายไม่พ้น ก่อนจะตายก็ควรจะได้ทำอะไรๆให้เป็นเหตุให้ตายดี
มีความสุข อย่างนี้ก็มี”


พระราชปุจฉา
“การสอนให้คนนึกถึงความตายนั้น ถ้าหากสอนไม่ดีแล้ว ก็จะเป็นเหตุให้คนเกิดความเกียจคร้านในการแสวงหาเลี้ยงชีพ ทำให้เป็นคนจนเป็นภาระของสังคมก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นต้องระวังในการสอนอย่าให้เกิดผลร้าย”



หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย ถวายพระพรว่า
“โดยปกติพระจะสอนให้เห็นโทษของความมึนเมา ซึ่งเป็นตัวเหตุให้เกิดความเห็นผิดเป็นชอบ มักจะสอนให้คิดรู้เห็นในทางถูกก่อน เช่น อย่ามัวเมาในวัยว่ายังเป็นหนุ่มเป็นสาวอยู่ อย่ามัวเมาในความไม่มีโรคมาเบียดเบียน อย่ามัวเมาในชีวิตว่าเวลาของเรายังมีอยู่

ด้วยเหตุดังที่ได้ถวายพระพรมา ทางพระจึงสอนให้ทุกคนนึกถึงความตาย ถ้าไม่สอนให้เขาเข้าใจในทางที่ถูกก่อนแล้วกลับจะเป็นผลร้ายดังพระราชปุจฉา

การเจริญมรณสติขั้นต้น เพื่อให้รู้ว่าทุกคนหนีความตายไม่พ้นไม่ว่าจะเป็นคนมีคนจน มีความตายเหมือนกันเท่ากันทั้งนั้น

สำหรับผู้ทำการภาวนาเจริญกรรมฐาน เพื่อให้นิวรณ์สงบ ก็จำเป็นต้องพิจารณากำหนดเป็นอย่างๆไป ความตายคือนายเพชฌฆาต ความตายคือต้องพลัดพรากจากสมบัติทุกอย่าง เขาตายเราก็ต้องตายเหมือนเขา

ชีวิตเป็นของที่กำหนดเอาเองไม่ได้ หรือจะกำหนดเอาว่าอายุเท่านั้นเท่านี้จะตาย ก็กำหนดไม่ได้ ทั้งนี้เพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่าชีวิตเป็นของน้อย จะตายเมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ได้ …ขอถวายพระพร”




วัดเขาสุกิมตั้งอยู่ ณ ตำบลเขาบายศรี อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี


ตลอดระยะเวลา40 ปีเศษ(2507-2548) ที่หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย
ได้ขึ้นมาบนเขาสุกิม หลวงปู่เป็นผู้บุกเบิกสร้างสรรค์ภูเขาซึ่งเป็นป่า
ให้เป็นวัดที่ร่มรื่น เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของพระภิกษุสามเณร
และผู้ที่สนใจปฏิบัติกรรมฐาน มีศาสนสถาน ศาสนสมบัติ เช่น อาคาร
กุฏิ เสนาสนะ และวัตถุโบราณ ซึ่งล้วนเกิดขึ้นด้วยบุญญาบารมี
ของหลวงปู่ และพลังศรัทธาของประชาชนที่นับถือเลื่อมใสยอมเสียสละทุนทรัพย์จัดสร้างและบริจาคทั้งสิ้น


ปัจจุบันวัดเขาสุกิมมีเนื้อที่ในการขออนุญาตสร้างวัด จำนวน 6 ไร่ 50 ตารางวา แต่มีเนื้อที่เป็นของวัด 3,344 ไร่ ต่อมาได้ยกเนื้อที่บางส่วนให้เป็น โรงเรียนมัธยมวัดเขาสุกิม 50 ไร่ และเป็นโรงพยาบาลวัดเขาสุกิม
14 ไร่ จึงเหลือเนื้อที่เป็นของวัด 3,280 ไร่


ในแต่ละวัน ที่วัดเขาสุกิมจะมีสาธุชนเดินทางไปกราบนมัสการ
หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย เป็นประจำมิได้ขาด ทั้งประชาชนในท้องถิ่น
และต่างจังหวัดตลอดจนทั้งชาวต่างประเทศ จนนับเป็นสถานที่
ที่มีความสำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดจันทบุรี


หลวงปู่จัดระบบการบริหารการปกครองตามระเบียบแบบแผนของ
กรมการศาสนาและมหาเถรสมาคม คือได้แต่งตั้งให้ลูกศิษย์ของท่าน
เป็นเจ้าอาวาส มีหน้าที่ในการบริหารการปกครอง คอยสอดส่องดูแล
และอบรมสั่งสอนพระภิกษุสามเณร และเป็นผู้ประสานงานกับทางราชการ และคณะสงฆ์ฝ่ายปกครอง โดยตัวของหลวงปู่เป็นประธานสงฆ์ของวัด



วัดเขาสุกิมตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงปัจจุบัน มีเจ้าอาวาสมาแล้ว 3 รูป

1. พระอธิการคำพันธ์ สิริปญฺโญ เป็นเจ้าอาวาส ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2508-2517
2. พระอธิการคำพันธ์ คมฺภีรญาโณ เป็นเจ้าอาวาส ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517-2526
3. พระญาณวิลาส (บุญ สิริปญฺโญ) เป็นเจ้าอาวาส ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2526-ปัจจุบัน




โอ้ว่าอนิจจาสังขารเอ๋ย มาลงเอยสิ้นสุดหยุดเคลื่อนไหว

เมื่อหมดหวังครั้งสุดท้ายไม่หายใจ ธาตุลมไฟน้ำดินก็สิ้นตาม

นอนตัวแข็งและสลดเมื่อหมดชีพ เขาตราสังข์ใส่หีบสี่คนหาม

สู่ป่าช้าสิ้นเชื้อเหลือแต่นาม ใครจะถามเรียกเราก็เปล่าเลย


นี่แหละหนอมนุษย์เรามีเท่านี้ หมดลมแล้วก็ไม่มีซึ่งความหมาย

วิญญาณปราศขาดลับดับจากกาย หยุดวุ่นวายทุกทุกสิ่งนอนนิ่งเลย

เมื่อชีวิตเรานี้มีลมอยู่ จงเร่งรู้ศีลทานนะท่านเอ๋ย

ทั้งภาวนาทำใจหัดให้เคย อย่าละเลยความดีทุกวี่วัน


เมื่อสิ้นลมจิตพรากจากโลกนี้ จะได้พาความดีไปสวรรค์

อย่าทำบาปน้อยนิดให้ติดพัน เพราะบาปนั้นจะเป็นเงาตามเราไป

สู่นรกอเวจีที่มืดมิด สุดที่ใครจะตามติดไปช่วยได้

ต้องทนทุกข์สยดสยองในกองไฟ ตามแต่กรรมของผู้ใดที่ได้ทำ


หมั่นสวดมนตร์ภาวนารักษาศีล สอนลูกหลานให้เคยชินทุกเช้าค่ำ

ให้รู้จักเคารพนบพระธรรม อย่าลืมคำที่พระสอนวอนให้ดี

เราเกิดมาเพื่อตายมิใช่อยู่ ทุกทุกคนจะต้องสู่ความเป็นผี

เมื่อเกิดมาเป็นคนได้ทั้งที ก็ควรสร้างความดีติดตัวไป


เพื่อจะได้เป็นสุขไม่ทุกข์ยาก ไม่คับแค้นลำบากเมื่อเกิดใหม่

ใจทำดีย่อมสุขแท้จงแน่ใจ ใครทำชั่วทุกข์ยากไร้ย่อมถึงตน

เร่งบำเพ็ญทานศีลและภาวนา แสวงหาแต่สิ่งบุญกุศล

ทรัพย์ภายนอกเป็นของโลกโศกละคน ทรัพย์ภายในประดับตนพ้นทุกข์เอย









น.ส.พ.ข่าวสด วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ.2548 หน้า 4
คอลัมน์ข่าวทะลุคน


ละสังขารแล้ว พระวิสุทธิญาณเถร หรือพระสมชาย ฐิตวิริโย ผู้ก่อตั้งและประธานสงฆ์วัดเขาสุกิม จันทบุรี หลังอาพาธเรื้อรัง 4 ปีทั้งโรคหัวใจ
เบาหวาน ไต และสมอง มรณภาพอย่างสงบวันที่ 18 มิถุนายน 2548
อายุ 80 ปี 60 พรรษา


ขณะนี้ศพหลวงปู่ตั้งอยู่ ณ ศาลากลางน้ำ วัดเทพศิรินทราวาส
จากนั้นจะเคลื่อนกลับวัดเขาสุกิมซึ่งบุกเบิกมากับมือจวบจนรุ่งเรือง
ในวันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2548


พระวิสุทธิญาณเถร เป็นชาวร้อยเอ็ด นามเดิม สมชาย มติยาภักดิ์ เกิดในครอบครัวพราหมณ์ วันอังคารที่ 7 เมษายน 2468 ท่านกำพร้าบิดามารดาแต่เด็ก อายุ 19 ปีบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดป่าศรีไพรวัลย์ อ. เมืองร้อยเอ็ด อายุ 21 ปีอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดศรีโพนเมือง จ.สกลนคร เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2489 มีพระธรรมเจดีย์เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาฐิตวิริโย มีความหมายว่าผู้ตั้งมั่นในความเพียร


พระวิสุทธิญาณเถร ฝากตัวเป็นศิษย์ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลวงปู่ฝั้น อาจาโร และพระวิปัสสนาจารย์ชื่อดังอีกหลายรูป เป็นพระป่าออกธุดงควัตรไปทั่ว กระทั่งถึงป่าเขาสุกิม ต.เขาบายศรี อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี พัฒนาวัดในเนื้อที่ 3,280 ไร่ จนกลายเป็นศาสนสถานชื่อเสียงโด่งดัง ญาติโยมเลื่อมใสศรัทธาหลั่งไหลเป็นศิษย์ไม่ขาดสาย



หลังพิธี 7 วันที่วัดเทพศิรินทร์ ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2548 จะเคลื่อนศพไปยังตึก 60 ปีในวัดเขาสุกิม และเก็บไว้โดยไม่มีกำหนด ตามความที่สั่งไว้กับสานุศิษย์ว่าหลังจากมรณภาพ มิให้เผาให้เก็บไว้ในโลงแก้ว และตั้งไว้ที่วัดเขาสุกิม



โดย yyswim



Create Date : 24 มิถุนายน 2548
Last Update : 24 มิถุนายน 2548 22:05:36 น. 4 comments
Counter : 2931 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะ มาเยี่ยมค่ะ

นึกว่าจะมีแต่เรื่องว่ายน้ำซะอีก อิอิอิ

ตอนนี้ไม่ค่อยมีเวลาว่างแล้วค่ะ แต่ก็ยังอยากว่ายน้ำอยู่ จะแวะมาว่ายน้ำที่นี่ได้มั้ยคะ อิอิอิ


โดย: มีน แอนด์ มาร์ช วันที่: 24 มิถุนายน 2548 เวลา:23:14:13 น.  

 
ดีใจที่มีคนเอาบทความเกี่ยวกับจันทบุรีมาลงค่ะ มีโอกาสจะแวะมาเยี่ยมใหม่นะคะ


โดย: พรกุมภา วันที่: 20 สิงหาคม 2548 เวลา:0:05:06 น.  

 
เข้ามาอ่านเรื่องเก่าๆ ที่ขาดหายไปค่ะ


โดย: mda IP: 203.159.36.10 วันที่: 4 ตุลาคม 2548 เวลา:18:33:52 น.  

 
ไม่ไม่มีของโบราณ


โดย: ทิวา IP: 182.52.44.199 วันที่: 20 พฤศจิกายน 2555 เวลา:19:48:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

yyswim
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]





บล็อกสรรสาระนี้ จขบ.ไม่ได้เขียน-ไม่ได้ถ่ายภาพ-ไม่ได้อัพโหลดคลิปเอง หากแต่ทำหน้าที่เป็นบรรณาธิการบล็อก เสาะหาเรื่องดีๆ รูปสวยๆ คลิปแปลกๆ มาไว้ในบล็อก


ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยม ขอเชิญชมหรืออ่านตามสบาย ไม่ต้องคอมเมนต์ก็ได้ จขบ.ชอบการเข้ามาเยี่ยม แบบกันเอง ง่ายๆ สบายๆ




เริ่มเขียนBlog เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2548


เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ.2550 เวลา 23.30 น.


เริ่มนับจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชม




Latest Blogs

New Comments
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2548
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
24 มิถุนายน 2548
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add yyswim's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.