เชียงใหม่ - วัดล่ามช้าง อำเภอเมือง
เมื่อคราวที่ไปชมวัดอุโมงคมหาเถรจันทร์
พอดีเห็นเหมือนกูบอิฐที่โผล่พ้นเหนือกำแพงวัดล่ามช้างออกมา จึงเลี้ยวรถเข้าไปชม
เมื่อพญามังรายมหาราช ตกลงพระทัยจะสร้างเมืองขึ้นใหม่
ในบริเวณที่ตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำปิงกับดอยสุเทพ
จึงได้ส่งพระราชสาส์นไปทูลเชิญพ่อขุนรามคำแหง และพญางำเมือง
เพื่อปรึกษาการสร้างเมืองที่เวียงเหล็กซึ่งตอนนั้นเป็นที่ประทับ ราวพ.ศ.1835 1839
ด้านทิศตะวันออกของเวียงเหล็ก เป็นป่าไม้มีหนองน้ำใหญ่
จึงได้นำช้างราชพาหนะของกษัตริย์และข้าราชบริพาร มาล่ามไว้
เรียกว่า เวียงเชียงช้าง
เมื่อวางผังเรียบร้อย
ราวปี พ.ศ.1839-1840 ได้สร้างวัดที่บริเวณกลางเมืองก่อน
เพื่อ เป็นจุดรวมใจให้สร้างเมืองเชียงใหม่ให้สำเร็จโดยราบรื่น ไม่มีอุปสรรค
เป็นวัดแรกที่สร้างในเมืองเชียงใหม่ ชื่อวัดโพธิ์น้อย
... ปัจจุบันคือวัดอุโมงมหาเถรจันทร์ ...
เมื่อสร้างเมืองเสร็จ
จึงสร้างเจดีย์ไว้ที่ที่หอนอน พร้อมทั่ง สร้างวัดขึ้นที่เวียงเหล็ก คือ วัดเชียงมั่น
และสร้างวัดล่ามช้าง ไว้ที่เวียงเชียงช้าง
วิหาร
เป็นที่อยู่ของพระพุทธรูป ซึ่งเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า
ได้มีโอกาสเข้าไปชมเมื่อปี 2550 คราวที่ reunion ของทันตะ มช.รุ่น 11
พระพุทธประธานถูกขังอยู่ในกรงเรียบร้อย ... แสดงถึงสภาพสังคมได้เป็นอย่างดี ...
หลวงพ่อท่านก็ไม่ว่ากระไร ยิ้มตลอด
พระพุทธรูปยืน
ลวดลายของสบงทำให้คิดถึงเจดีย์วัดเจ็ดยอด
พระที่วัดในเชียงใหม่แห่งหนึ่ง เล่าว่า
พระพุทธรูปในสมัยโบราณ ถ้าองค์พระที่หล่อขึ้นมา ตำแหน่งที่ไม่ได้ปิดทองจะเป็นสีแดง
บันไดทางทิศเหนือของวิหาร
เจดีย์ฐาน 12 เหลียมย่อมุมไม้ 28 องค์เจดีย์ทรงระฆังคว่ำ แบบล้านนา
มุมที่กำแพงแก้วเป็นรูปช้าง
สิ่งก่อสร้างเก่าที่เหลืออยู่ ทรงสี่เหลี่ยม
ด้านหน้าอยู่ทางทิศเหนือ ทำให้ไม่คิดว่านี่คือเจดีย์
น่าจะมีแท่นวางอะไรสักอย่าง ... หรือจะเป็นอนุสาวรีย์ช้าง
มีโถงต่อออกมามีบันไดขึ้น
ฐานอยู่ลึกลงไป แสดงว่าดินเดิมอยู่ต่ำกว่าในปัจจุบัน
ดูภาพไปก็วิเคราะห์ไปเรื่อย ๆ แล้วเมื่อถึงจุดหนึ่งคงจะมีภาพที่สร้างขึ้นได้ในใจ
ปิดท้ายด้วยลวดลายปูนปั้นที่ยังคงเหลืออยู่
Create Date : 11 มกราคม 2559 |
|
7 comments |
Last Update : 13 เมษายน 2565 16:54:12 น. |
Counter : 380 Pageviews. |
|
|
เลยลุกขึ้นมาวิ่งตาม
วัดเก่าๆที่ยังมีอะไรๆน่าสนใจให้ชมก็
ยังมีอีกเยอะแยะเนอะ ชมแล้วก็มักคิดว่า
คนโบราณฉลาดล้ำลึกว่าเราเยอะ
tuk-tuk@korat Travel Blog ดู Blog
กลับไปนอนต่อนะก๊าาาา