MiG-29N และ F-5 ทอ.มาเลเซีย พร้อมปฏิบัติการอีกครั้ง พอดี ผมได้รูปสวย ๆ ของ MiG-29N ของทอ.มาเลเซียจากเว็บบอร์ดการทหารของมาเลเซีย เห็นว่ารูปสวยดี และยืนยันข้อมูลที่น่าสนใจหลายประการ ผมจึงขอพาทุกท่านไปรู้จักกับ MiG-29N ของทอ.มาเลเซีย พร้อมทั้งข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับ F-5 ของทอ.มาเลเซียครับ หลังจากการปลดประจำการ A-4PTM จำนวน 40 ลำในช่วงทศวรรศที่ 90 ในปี 1995 สองปีก่อนหน้าการจัดหา F/A-18D+ กองทัพอากาศมาเลเซีย (Tentera Udara Diraja Malaysia: TUDM) ได้จัดหาเครื่องบินขับไล่ MiG-29N/NUB จำนวน 18 ลำ มาใช้ในภารกิจขับไล่ครองอากาศ โดยเป็นรุ่นที่นั่งเดี่ยว (N) จำนวน 16 ลำ และรุ่น 2 ที่นั่งจำนวน 2 ลำ เพื่อใช้ในภารกิจขับไล่ครองอากาศ (Air Superority) ล่าสุดประจำการ ณ ฝูงบินขับไล่ที่ 19 ฐานทัพอากาศ Kuantan-Sultan Ahmed Shah จากจำนวน 18 ลำ MiG-29N ของทอ.มาเลเซียประสบอุบัติเหตุตก 2 ลำ คือ MiG-29N หมายเลข M43-17 ตกในวันที่ 3 ก.ย. 1998 และ MiG-29N หมายเลข M43-07 ตกในวันที่ 9 พ.ย. 2004 แม้ว่าในตอนที่จัดซื้อนั้น MiG-29N/NUB ของทอ.มาเลเซียจะได้ชื่อว่าเป็น MiG-29 ที่ทันสมัยที่สุดรุ่นหนึ่ง แต่ทอ.มาเลเซียกลับประสบปัญหาความพร้อมรบกับอากาศยานแบบนี้อย่างต่อเนื่อง ข้อมูลบางแหล่งชี้ให้เห็นถึงอัตตราความพยามรบที่ต่ำอย่างน่าตกใจ นั่นคือราว 30%-50% เท่านั้น ถ้าเป็นความจริง นั้นหมายความว่า ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง MiG-29 ของทอ.มาเลเซียจะขึ้นบินได้เพียง 5 - 8 ลำเท่านั้น ซึ่งทางทอ.มาเลเซียก็ได้พยายามแก้ไขปัญหานี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปัญหาด้านการส่งกำลังบำรุง เช่นการพยายามจัดตั้งศูนย์ซ่อมและอะไหล่ของอากาศยานรัสเซียประจำภูมิภาค ซึ่งทำให้ทุกวันนี้ MiG-29 สามารถกลับมามีความพร้อมรบได้ในระดับที่น่าพอใจอีกครั้ง แม้ว่าจะเป็นเครื่องบินรบรัสเซีย แต่ MiG-29 ของทอ.มาเลเซียก็ได้รับการติดตั้งอุปกรณ์หลายอย่างจากตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐเช่น ระบบพิสูจน์ฝ่าย (Identification Friend or Foe: IFF), ระบบนำร่อง TACAN รุ่น AN/ARN-139, ระบบ GPS และ ILS (Instrument landing system: ระบบช่วยลงจอด) แต่ก็ยังใช้ระบบหลาย ๆ ระบบจากรัสเซีย เช่นเครื่องยนต์ RD-33 และเรด้าร์ N019ME ซึ่งอุปกรณ์สองรายการนี้ได้รับการปรับปรุงในปี 1997 ระบบอาวุธอากาศสู่อากาศของมาเลเซียประกอบไปด้วยจรวดนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยใกล้ R-73E1 ระยะยิงไกลสุดถึง 30 กม. โดยใช้กับหมวกบินติดศูนย์เล็งของรัสเซีย ซึ่งนักบินเพียงแค่มองไปที่เป้าหมายเท่านั้น ก็สามารถใช้อาวุธได้ ทั้งใน R-73 ถือเป็นจรวดที่มีประสิทธิภาพสูงมาก โดยในการซ้อมรบระหว่าง MiG-29 ของกองทัพอากาศเยอรมัน (เมื่อตอนรวมประเทศใหม่ ๆ ) กับ F-16 ของกองทัพอากาศสหรัฐนั้น ผลปรากฏว่า MiG-29 ที่ติดจรวด R-73 สามารถเอาชนะ F-16 ที่ติดจรวด AIM-9M ได้ทุกครั้งในการซ้อม ทำให้สหรัฐ ยุโรปและอิสราเอลต้องพัฒนาจรวดแบบใหม่ขึ้นมาเช่น AIM-9X, IRIS-T, Python-4 เป็นต้น ในระยะเกินสายตา (Beyond Visual Range:BVR) MiG-29N-NUB ติดตั้งจรวดนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยปานกลางแบบ R-27R1 ซึ่งเป็นจรวดแบบ Semi-active Radar เทียบเท่ากับ AIM-7 Sparrow ระยะยิงไกลสุด 80 กม. ในภาวะที่เหมาะสม และการปรับปรุงในปี 1997 ก็ได้เพิ่มความสามารถในการติดตั้งจรวดนำวิธีอากาศสู่อากาศพิสัยปานกลางแบบ R-77 ซึ่งเป็นจรวดที่ใช้การนำวิถีแบบ Active Radar เหมือน AIM-120 AMRAAM นักบินสามารถสั่งยิงจรวดออกไปแล้วให้ความสนใจกับเป้าหมายอื่นได้เลย โดยมีระยะยิงราว 100 - 150 กม. ทั้งนี้ มาเลเซียจัดหา R-77 มาพร้อมกับการจัดซื้อ Su-30MKM ที่ผ่านมา มีความไม่แน่นอนในอนาคตของ MiG-29 ของกองทัพอากาศมาเลเซีย นั่นคือในปี 2006 มีข่าวว่ามาเลเซียจะหยุดทำการบิน MiG-29 ทั้งหมด เนื่องจากขาดแคลนนักบิน แบะส่วนหนึ่งเชื่อว่าเป็นเพราะปัญหาด้านการพร้อมรบ และมีข่าวออกมาว่าพม่าสนใจจะจัดหาเครื่องบินทั้งหมดไปประจำการในงบประมาณราว 250 ล้านเหรียญ แต่พม่าไม่มีงบประมาณเพียงพอ ล่าสุดรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมาเลเซีย นาย Najib Razak ก็ออกมาประกาศแล้วว่า MiG-29 จะทำการบินต่อไปจนถึงปี 2010 จึงค่อยตัดสินใจอีกครั้งว่าจะหยุดบินหรือไม่ จบจากเรื่อง MiG-29 แล้ว ยังมีข่าวการปรับปรุง F-5 ของทอ.มาเลเซียที่ล่าช้ามานาน ซึ่งมาเลเซียจัดหา F-5E/F จำนวน 16 ลำ และ RF-5E จำนวน 2 ลำในช่วงทศวรรตที่ 90 แต่หลังจากนั้นก็ไม่สามารถทำการบินได้และได้รับการปรับปรุงซึ่งการดำเนินงานค่อนข้างล่าช้ามาก แต่ภาพล่าสุดเมื่อปีที่แล้วก็แสดงให้เห็นว่า ปัจจุบัน F-5 ของมาเลเซียสามารถกลับมาทำการบินได้แล้ว ตัวผมเองไม่มีข้อมูลว่าทอ.มาเลเซียทำการปรับปรุงอะไรบ้าง แต่ดูจากลักษณะของตัวเครื่องแล้วจะเห็นได้ว่ามีเซ็นเซอร์เพิ่มเข้ามาหลายจุดทีเดียว ทั้งนี้ ยังไม่มีข่าวว่า F-5 ของมาเลเซียสามารถทำการยิง AIM-120 ได้เหมือนกับการปรับปรุงของสิงคโปร์ ปัจจุบัน F-5E จำนวน 3 ลำ F-5F จำนวน 2 ลำ และ RF-5E อีก 2 ลำ สามารถทำการบินได้ และประจำการอยู่ที่ฝูงบินที่ 12 ฐานทัพอากาศ Butterworth โดยน่าจะมีหน้าที่ในการลาดตระเวนและสกัดกั้น สุดท้าย ในส่วนของกองทัพอากาศนั้น แผนการพัฒนากองทัพในอีก 5 ปี ตามแผนพัฒนาประเทศมาเลเซียฉบับที่ 9 ในระหว่างปี 2006 - 2010 นั้น นอกจากการรับมอบ Su-30MKM จำนวน 18 ลำ, เครื่องบินฝึกขั้นต้น PC-7 Mk. II จำนวน 10 ลำ, เครื่องบินฝึกขั้นปลาย MB-339CM จำนวน 8 ลำ, และเครื่องบินลำเลียงขนาดหนัก A400M จำนวน 4 ลำแล้ว ทอ. มาเลเซียวางแผนที่จะ.... - จัดหาระบบเรด้าร์ทดแทนระบบเดิมที่เก่าและล้าสมัย - จัดหาเครื่องบินขับไล่ในโครงการ MRCA ฝูงที่สอง ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่มาเลเซียจะจัดหา Su-30MKM อีก 18 ลำ - จัดหาเฮลิคอปเตอร์ค้นหาและกู้ภัยทดแทน S-61A4 Nuri จำนวน 30 ลำที่เก่าและประสบอุบัติเหตุตกบ่อย โดยตั้งแต่ปี 1968 มีอุบัติเหตุ 15 ครั้ง ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 89 คน ทั้งนี้ S-61A4 Nuri จะปลดประจำการในปี 2012 และมาเลเซียกำลังประกาศแบบของเฮลิคอปเตอร์ที่จะประจำการใหม่ในปีหน้า ซึ่งอาจจะเป็น AgustaWestland AW101, Eurocopter EC-725 Cougar, Sikorsky H-92 Superhawk หรือ Mil Mi-17 โดยจะจัดหาในเฟสแรกก่อนจำนวน 6 ลำ นอกจากนั้น ถ้ามีงบประมาณเพียงพอ ยังมีโครงการจัดหา..... - เครื่องบินควบคุมและแจ้งเตือน (AEW&C) ซึ่งอาจจะเป็น EMB-145, Saab 2000 AEWC (ทั้งสองแบบติดตั้งเรด้าร์ ERIEYE จากสวีเดน), หรือ E-2C Hawkeye 2000 รุ่นล่าสุด - จรวดต่อสู้อากาศยานพิสัยกลาง-ไกล - เครื่องบินลาดตระเวนทางทะเลและปราบเรือดำน้ำ ซึ่งอาจจะเป็น Embraer 145 MPA, CASA CN-295, CN-235 Persuader, ATR 72 Surveyor หรือ Falcon 900 DX แต่ทั้งนี้ ถ้างบประมาณไม่เพียงพอ ก็เป็นไปได้ที่จะถูกจัดหาในแผนที่ 10 ในปี 2011 - 2015 จบแล้วครับผม ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านจนจบครับ สำหรับวันนี้ จบเพียงเท่านี้ สวัสดีครับ reference //www.scramble.nl/ //en.wikipedia.org/ //kbmyaf.co.nr/TUDM.htm/   Create Date : 20 พฤศจิกายน 2550 3 comments Last Update : 20 พฤศจิกายน 2550 16:20:21 น. Counter : 9776 Pageviews. Share Tweet

โดย: นางน่อยน้อย 20 พฤศจิกายน 2550 17:51:46 น.

พี่โย งง ประโยคไหนหรือเปล่าค่ะ ก็บอกแล้นนว่าต้องทำตัวไฮโซไว้   โดย: นางน่อยน้อย 21 พฤศจิกายน 2550 8:08:03 น.

พักนี้ต้องคิดดีดีก่อนอัพบล๊อคเราเริ่มมีต้นทุนทางสังคมสูงแล้น เดี๋ยวเสียหาย   โดย: นางน่อยน้อย 22 พฤศจิกายน 2550 7:23:15 น.