แอบดูฐานทัพอากาศ Gong Kedak; บ้านของ Su-30MKM ของมาเลเซีย
เว็บ KL Security Reviews ลงบทความเกี่ยวกับ Su-30MKM พร้อมภาพที่ตั้งของโรงเก็บและอาวุธบางส่วนจากงานฉลองครบรอบ 50 ปีกองทัพอากาศมาเลเซียครับ เนื้อหาตัวจริงลงไว้เป็นภาษาจีน ผมจึงใช้ Google Translate ในการแปลเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งอาจจะผิดใจความบ้าง ถ้าท่านใดในข้อสงสัยกรุณาตรวจสอบกับต้นฉบับอีกครั้งหนึ่งครับ
แม้ว่าจะประจำการในทางตอนเหนือของประเทศ แต่ Su-30MKM ก็ยังได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ณ ฐานทัพอากาศ Gong Kedak ในโรงเก็บติดเครื่องปรับอากาศที่ควบคุมอุณหภูมิเอาไว้ที่ 20 องศาเซลเซียส
แม้ว่าจะถูกออกแบบมาสำหรับสภาวะอากาศของภาคเหนือของมาเลเซีย แต่เครื่องบินขับไล่จากรัสเซียรุ่น Su-30MKM ก็อาจจะเสียหายจากสภาพอากาศได้ กองทัพอากาศมาเลเซียจึงต้องติดตั้งเครื่องปรับอากาศในโรงเก็บ เจ้าหน้าที่ของกองทัพอากาศมาเลเซียได้กล่าวกับ KLS ในวัน Open Day ของกองทัพอากาศมาเลเซียว่าอุหภูมิถูกรักษาไว้ที่ 20 องศาเซลเซียส
ในการเตรียมการการเข้าประจำการของ Su-30MKM นั้น กองทัพอากาศมาเลเซียลงทุนกับฐานทัพอากาศ Gong Kedak ราว 100 ล้านเหรียญ (1 USD = 3.24 RM) ในการก่อสร้างอุปกรณ์สนับสนุน โรงเก็บเครื่องบิน และปรับปรุงโรงเก็บเพื่อให้ทนต่อการโจมตีจากระเบิดได้ นอกจากนั้นยังปลูกต้นไว้ในด้านบนเพื่อซ่อนพรางจากการตรวจการณ์ของข้าศึก
1. โรงเก็บซึ่งจะเห็นการปลูกต้นไม้เหนือหลังคาเพื่อซ่อนพราง
2. การปรับปรุงทำให้โรงเก็บสามารถทนต่อการโจมตีด้วยระเบิดได้
3. โรงเก็บเครื่องบินถูกควบคุมอุณหภูมิและมีเจ้าหน้าที่ดูแลรักษา โดยโรงเก็บ 1 โรงรองรับเครื่องบินได้ 1 ลำ
4. รายละเอียดของโรงเก็บ
ฐานทัพอากาศ Gong Kedak มีรันเวย์ยาว 2,012 เมตร กว้าง 45.7 เมตร ภาพจาก Google Earth แสดงให้เห็นถึงโรงเก็บสีขาวซึ่งเก็บเครื่องบินได้ 17 ลำ แต่ KLS เชื่อว่านี่ไม่ใช่โรงเก็บของ Su-30MKM อย่างมากที่สุดก็อาจจะเป็นโรงเก็บเครื่องบินขับไล่แบบอื่น ตำแหน่งที่แท้จริงที่คาดว่าน่าจะเป็นโรงเก็บของ Su-30MKM น่าจะอยู่ทางเหนือของฝั่งตะวันออก บริเวณใกล้กับสถานีวิทยุ
5. โรงเก็บซึ่งเก็บเครื่องบินได้ 17 ลำ แต่ไม่มีต้นไม้บนหลังคา
6. ยังมีฐานทัพบางส่วนที่ดูแล้วมีการปลูกต้นไม้ไว้ด้านบน คาดว่าน่าจะเป็นโรงเก็บของ Su-30MKM
7. อีกด้านหนึ่ง
นอกจากนั้นในงาน Open Day ของกองทัพอากาศมาเลเซียยังเป็นงานที่กองทัพอากาศมาเลเซียใช้เปิดตัวระบบอาวุธที่ใช้กับ Su-30MKM ซึ่งรวมถึงจรวด Kh-31, Kh-29, Kh-59, กระเปาะสื่อสาร APK-9 จากบริษัท Thales, และกระเปาะชี้เป้าด้วยเลเซอร์แบบ Damocles ของฝรั่งเศส
อ้างอิงจาก Stockholm International Peace Research Institute (SIPRI) ซึ่งกล่าวว่ากองทัพอากาศมาเลเซียสั่งซื้อจรวดนำวิถีต่อต้านการแพร่คลื่นเรด้าห์แบบ Kh-31P จำนวนหนึ่ง, จรวดนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยกลางแบบ R-27 จำนวน 150 นัด, จรวดนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยใกล้แบบ R-73 จำนวน 150 นัด, และ จรวดนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยกลางแบบ R-77 จำนวน 150 นัด ในปี 2007 รัสเซียได้ส่งมอบ Kh-31P จำนวน 12 นัด, R-27 จำนวน 50 นัด, R-73 จำนวน 50 นัด, และ R-77 จำนวน 50 นัด
กองทัพอากาศมาเลเซียวางแผนที่จะจัดตั้งฝูงบินขับไล่จำนวน 6 ฝูงภายในปี 2025 ซึ่งปัจจุบันมี F/A-18D 1 ฝูง และ Su-30MKM 2 ฝูง (ยังไม่รวม MiG-29N จำนวน 2 ฝูงที่อนาคตไม่แน่นอน ทั้งนี้กองทัพอากาศมาเลเซียจัดเครื่องบิน 8 - 9 ลำใน 1 ฝูงบิน - Skyman ผู้แปล) โดยเจ้าหน้าที่ของกองทัพอากาศมาเลเซียกล่าวอยู่เสมอว่า F/A-18F Super Hornet จะเป็นตัวเลือกอันดับแรก
อย่างไรก็ตามการเข้าประจำการของ Su-30MKM เป็นการวางรากฐานของระบบการดูแลรักษาเครื่องบินอีกระบบหนึ่ง (ซึ่งแตกต่างจากระบบของ F/A-18D - Skyman ผู้แปล)
ข้อจำกัดของเครื่องบินขับไล่ฝูงใหม่คืองบประมาณ, ความสัมพันธ์ระหว่างมาเลเซียและสหรัฐ, แผนงานและความต้องการในการปฏิบัติการของกองทัพอากาศมาเลเซียในอนาคต, และการซ่อมบำรุงเครื่องบินจากรัสเซียและสหรัฐ โดย Su-30MKM มีระยะรับประกันเพียง 1 ปี และหลังจากนั้นมาเลเซียต้องดูแลเครื่องบินด้วยตัวเอง ทำให้เรายังไม่รู้ถึงผลของการตัดสินใจเลือกแบบจนถึงนาทีสุดท้าย
8. จรวดนำวิถีด้วยกล้องโทรทัศน์แบบ Kh-29
9. จรวดนำวิถีต่อต้านการแพร่คลื่นเรด้าร์แบบ Kh-31P รับมอบในปี 2007 จำนวน 12 นัด
10. จรวดนำวิถีด้วยกล้องโทรทัศน์แบบ Kh-59
11. กระเปาะสื่อสาร APK-9 ซึ่งจะสื่อสารกับจรวด Kh-59
12. กระเปาะชี้เป้าด้วยเลเซอร์แบบ Damocles
นอกจากนั้น กองทัพอากาศมาเลเซียยังได้จัดแสดงชุดนักบินสำหรับ Su-30MKM อีกด้วย
13. ชุดนักบินทะเลแบบ VMSK-4-15 เนื้อผ้ากันน้ำและความเย็น สีส้มทำให้เห็นได้ง่ายในทะเล
14. ชุดนักบินในระดับสูงแบบ BKK-15K สำหรับการบินที่ระยะสูง 11 - 20 กิโลเมตร
15. ชุดป้องกันแรงจีแบบ PPK-3-120
//www.klsreview.com/HTML/2008Jul_Dec/20080620.html
ข้อมูลเพิ่มเติม
- ปัจจุบันมาเลเซียมีเครื่องบินขับไล่ประจำการจำนวน 3 แบบคือ F/A-18D+ จำนวน 8 ลำ, MiG-29N จำนวน 14 ลำ, และ Su-30MKM จำนวน 18 ลำ - ในปี 2007 กองทัพอากาศมาเลเซียประกาศหยุดบิน MiG-29N แต่หลังจากประสบความล้มเหลวในการขาย MiG-29N ให้กับพม่าเพราะปัญหาด้านงบประมาณของพม่า ทำให้มาเลเซียกลับมาบิน MiG-29N อีกครั้ง และจะตัดสินใจในปี 2010 ว่าจะทำการบินต่อไปหรือไม่ - มาเลเซียได้รับมอบ Su-30MKM แล้วจำนวนราว 10 ลำ การส่งส่งมอบจะครบจำนวนที่สั่งซื้อ 18 ลำในปี 2009 - มาเลเซียเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่มีจรวดนำวิถีต่อต้านคลื่นเรด้าร์ประจำการคือ Kh-31P (เหมือน AMG-88 HARM ของสหรัฐ)
อ่านบทความเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องได้ที่นี่
"มันมาแล้ว!!!...เอ้ย....ยินดีต้อนรับ "Su-30 MKM" สุดยอดเครื่องบินรบในอาเซียนของ "ทอ.มาเลเซีย" "
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=skyman&month=28-05-2007&group=1&gblog=50
"บทวิเคราะห์ Su-30 MKM ของมาเลเซีย"
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=skyman&month=14-01-2007&group=1&gblog=29
Create Date : 23 มิถุนายน 2551 |
Last Update : 23 มิถุนายน 2551 13:45:48 น. |
|
14 comments
|
Counter : 5508 Pageviews. |
|
|
|
เจ้าหน้าที่ปะทะป่วนใต้ วิสามัญฯดับ2ราย --------------------------------------------------------------------------------
โดย Post Digital 23 มิถุนายน 2551 10:31 น.
เจ้าหน้าที่รัฐ ค้นพื้นที่ อ.บันนังสตา ยิงปะทะกับกลุ่มก่อความไม่สงบ ถูกวิสามัญฯดับ 2ราย
วันนี้ (23มิถุนายน) พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผู้กำกับการ สภ.บันนังสตา จ.ยะลา สนธิกำลังทหารกว่า 100 นาย เข้าตรวจค้นเป้าหมายเมื่อเวลา 06.40 น. ที่ผ่านมา (23 มิ.ย.) ในพื้นที่ ม.3 บ้านบางลาง ต.เขื่อนบางลาง หลังมีเบาะแสกลุ่มก่อความไม่สงบเข้ามาเคลื่อนไหว ระหว่างการตรวจค้นปรากฏว่าถูกกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงใส่ เจ้าหน้าที่จึงยิงตอบโต้นานครู่หนึ่ง และพบว่าคนร้ายถูกยิงเสียชีวิต 1 ราย ส่วนเจ้าหน้าที่ปลอดภัย
จากนั้น เจ้าหน้าที่กระจายกำลังออกติดตามคนร้ายในบริเวณใกล้เคียง และเกิดการยิงปะทะขึ้นรอบ 2 พบว่าคนร้ายถูกยิงเสียชีวิตอีกราย [b]เบื้องต้นคาดว่าเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกับยิงตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) พลร่มรบพิเศษที่ 01 ในพื้นที่ ต.เขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา เมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา[/b]
ขณะเดียวกันที่ อ.รามัน จ.ยะลา คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนางฟารีด๊ะ กาจิ อายุ 37 ปี บาดเจ็บสาหัส ขณะเดินทางไปทำสวนยางมาถึงพื้นที่ ม.3 บ้านบาแตรายอ ต.ตะโล๊ะฮาลอ อ.รามัน เขตรอยต่อกับ อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี แต่นางฟารีด๊ะ ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาลกะพ้อ.
//www.posttoday.com/breakingnews.php?sec=breaking&id=245674
-----------------------------------
ปกติผมไม่นิยมการแก้แค้น แต่ในเมื่อเจ้าหน้าที่สามารถวิสามัญคนร้ายที่ชื่อว่าฆ่าหมวดตี๊ได้ ผมก็ขอให้หมวดรับรู้ว่า คนที่ทำกับหมวดบัดนี้ถูกเจ้าหน้าที่จัดการแล้ว และพวกมันจะไม่สามารถไปทำเรื่องเลวร้ายกับใครได้อีก ขอให้หมวดมีความสุขและสบายใจได้ครับ