เที่ยวคันไซตามใจฉัน (3): อุจิ
ต่อจากบล็อกที่แล้ว วันที่ 31 ต.ค. 2559 หลังจากกินหอยตาวัวตัวย้าวยาวที่ตลาดศาลเจ้าอินาริเข้าไปแล้ว เราก็ออกเดินทางออกจากเมืองเกียวโต ลงใต้ไปยังนารา ด้วยความที่เวลาเหลือเฟือเลยแวะเที่ยวอีกสักเมืองก่อนเปลี่ยนจังหวัดครับ เราเลือกแวะกันที่เมืองอุจิ (Uji) ที่อยู่ติดกับเกียวโตเลย ที่นี่มีวัดเบียวโดอินที่มีหอวิหคเพลิงอยู่
นั่ง JR Nara Line สถานีอุจิจะห่างจากสถานีศาลเจ้าอินาริ 6 สถานีครับ เมืองนี้มีมรดกโลกสองแห่งคือวัดเบียวโดอินและศาลเจ้าอุจิกามิซึ่งรวมกับอีกหลายๆวัดในเมืองเกียวโตและโอสึขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก World Heritage of Ancient Kyoto ตำแหน่งของมรดกโลกชุดนี้ก็ตามภาพนี้เลยครับ จากหนังสือ Japan's World Heritage Sites ของ John Dougill (คลิ๊กที่รูปเพื่อชมภาพขยาย)
นอกจากประวัติศาสตร์แล้วที่นี่ยังดังเรื่องชาเขียวมากนะครับ เมื่อมาถึงเมืองอุจิจะมีหอนาฬิกาแสนน่ารักรอต้อนรับ พอครบชั่วโมงจะมีเพลงขึ้น ตุ๊กตาสาวเก็บใบชาข้างในเต้นให้ดูด้วย
สะพานอุจิ (Uji Bridge) เป็นสะพานข้ามแม่น้ำอุจิที่ไหลมาจากทะเลสาบบิวะ คาดว่าสร้างเมื่อ 1,300 ปีที่แล้วและเป็นหนึ่งในสะพานที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น (ซึ่งที่เห็นในปัจจุบันนี่แน่นอนว่าบูรณะไปจนไม่เหลือเค้าเดิมแล้วนะครับ) ด้านหน้ามีรูปปั้นของมุราซากิ ชิคิบุ ผู้ประพันธ์ตำนานเก็นจิที่โด่งดัง เธอเป็นคนในตระกูลฟูจิวาระที่มีอิทธิพลมากในช่วงต้นยุคเฮฮัน และสะพานนี้เคยถูกกล่าวถึงในตำนานเก็นจิด้วย
ตำนานเก็นจิ (Genji Monogatari) เป็นนวนิยายในสมัยเฮฮันที่แต่งขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 11 และเป็นหนึ่งในนิยายยุคใหม่ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เป็นเรื่องความรักของฮิคารุ เก็นจิ ขุนนางยุคเฮฮันกับสาวหลายคน เมืองอุจิมีพิพิธภัณฑ์เก็นจิด้วยนะครับ แต่ผมไม่ได้เข้าไปดู ผมรู้จักเก็นจิผ่านเกม RPG ทั้งหลายที่ชอบเอาชื่อเก็นจิไปตั้งเป็นชื่อเกราะเท่านั้นเอง
ไม่ต้องข้ามสะพานนะครับ วัดเบียวโดอินอยู่ฝั่งเดียวกับสถานีนี่แหละ เดินไปทางเหนือนิดเดียว
วัดเบียวโดอิน (Byōdō-in Temple) เดิมเป็นบ้านพักของตระกูลฟูจิวาระที่ทรงอำนาจช่วงต้นยุคเฮฮัน แต่โยริมิจิแห่งตระกูลฟูจิวาระเปลี่ยนเป็นวัดในปี 1052 ค่าเข้า 600 เยน เดินชมสวนและพิพิธภัณฑ์ของวัดได้ (ซึ่งแน่นอนว่าพิพิธภัณฑ์ห้ามถ่ายรูปจ้า~)
เจอเด็กๆมาทัศนศึกษาอีกแล้ว ที่เห็นกลางน้ำนั่นคือหอโฮโอ (Phoenix Hall) เป็นอาคารกลางของวัดที่มีรูปหล่อวิหคเพลิงอยู่บนหลังคาซ้าย-ขวา (ส่วนวิหคเพลิงตัวดั้งเดิมถูกเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ของวัดแล้ว) โฮโอคือวิหคเพลิง เป็นสัตว์ในตำนานที่เกิดใหม่จากกองไฟ ฝรั่งเรียกนกฟินิกซ์ อาคารนี้รอดจากไฟไหม้มาได้ และเป็นอาคารไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นด้วยนะครับ (อาคารไม้ที่เก่ากว่านี้โดนไฟไหม้หมดแล้ว) สมชื่อหอโฮโอจริงๆ
วัดนี้เป็นวัดที่อยู่บนเหรียญ 10 เยนของญี่ปุ่นด้วยนะ แต่ถ้าจะเข้าด้านในหอโฮโอต้องจ่ายเพิ่มอีก 300 เยนครับ ภายในหอโฮโอประดิษฐานพระพุทธรูปอมิตาภพุทธะที่แกะสลักจากไม้อย่างบรรจงปิดทองสวยงามนั่งขัดสมาธิบนฐานดอกบัว ที่ผนังรอบๆก็มีไม้แกะสลักเก่าแก่รูปเทวดารายล้อม เจ้าหน้าที่จะปล่อยคนเข้าไปทีละชุดๆ และบรรยายให้ฟัง (เป็นภาษาญี่ปุ่น เวลาฟังก็ทำหน้าเออออสนใจไปด้วยก็ได้นะ แต่ฟังไม่ออกซักคำ) ...ห้ามถ่ายรูปนะจ๊ะ...
(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)
ช่วงปลายยุคเฮฮัน ในปี 1180 เกิดสงครามระหว่างตระกูลไทระและตระกูลมินาโมโตะเป็นช่วงแรกของสงครามเก็นเป มินาโมโตะ โยริมาสะ (1106-1180) กวีผู้โด่งดังที่รับใช้จักรพรรดิมาหลายยุคหลายสมัย ได้นำกองกำลังพาเจ้าชายโมจิฮิโตะหนีลงมาตอนล่างไปยังเมืองนารา แต่ระหว่างทางข้ามแม่น้ำอุจิได้ถูกกองกำลังของไทระปิดล้อม โยริมาสะที่จนมุมอยู่ในวัดเบียวโดอินจึงฆ่าตัวตายด้วยการฮาราคีรี นับว่าเป็นรายแรกๆของญี่ปุ่นที่ฆ่าตัวตายด้วยวิธีนี้ จนกลายเป็นธรรมเนียมการตายเพื่อรักษาเกียรติในยุคต่อๆมา (ไม่ควรเลียนแบบไปทำที่บ้านนะครับ)
เขาได้เขียนกลอนส่งท้าย (death poem) ก่อนฮาราคีรีไว้ว่า
ดุจดังไม้ตายซาก
ไม่ผลิตดอกออกใบ
ข้าขอตายด้วยโศกา |
มินาโมโตะ โยริมาสะ
|
สถานที่ๆโยริมาสะทำฮาราคีรีอยู่ด้านหลังวัดเบียวโดอิน
|
ดอกเบญจมาศเป็นดอกไม้ประจำชาติและประจำราชวงศ์ของญี่ปุ่น เห็นแล้วคิดถึงงานศพ แต่พอดูดีๆแล้วมันก็สวยดี
|
ส่วนบทสรุปของสงครามเก็นเปก็ตามที่เล่าในบล็อกที่แล้วว่าโยชิสึเนะนำพาตระกูลมินาโมโตะไปสู่ชัยชนะครับ (แต่ต่อมาก็ถูกพี่ชายหักหลังอะนะ)
ออกมาที่ถนนหน้าวัดมีร้านชาและร้านขนมเรียงราย เรียกว่าถนนชาเขียว (Matcha Dori) วันนี้วันจันทร์ผู้คนทำงานตามปกติ แต่เมืองนี้คนไม่พลุกพล่านแบบเกียวโตนะครับ มื้อเที่ยงวันนี้เราเลือกกินร้าน Wa Mu U Cafe ที่มีเมนู signature มากมาย ที่เด่นก็หมี่กรอบราดหน้าชาเขียวทะเลที่มีเมือกเหนียวสีเขียวเหมือนเสลดแต่อร่อยนะเฮ้ย! ทั้งรสชาติที่หลากหลายแต่ลงตัวและสัมผัสกรอบของเส้นกับสัมผัสเหนียวกรุบของเห็ดและอาหารทะเลผสมผสานเข้ากันอย่างกลมกลืนแถมยังหอมกลิ่นชาเขียวอ่อนๆด้วย ข้าวผัดราดหน้าก็อร่อยมาก หอมกลิ่นผัดกำลังดี เมื่อทานข้าวผัดจนพอใจแล้วสามารถราดน้ำราดหน้าลงไปเปลี่ยนเป็นข้าวราดหน้าที่ซดน้ำได้คล่องคอ (นี่มันเมนูโซมะชัดๆ!) มื้อนี้ 2,400 เยนเท่านั้นเองจ้า
คราวนี้ได้ออกจากจังหวัดเกียวโตจริงๆละครับ สถานีต่อไป.... นารา! ไปชมเมืองหลวงเก่าที่เก่าแก่ยิ่งกว่าเกียวโตขึ้นไปอีก!
Create Date : 30 มีนาคม 2560 |
|
55 comments |
Last Update : 30 มีนาคม 2560 20:21:25 น. |
Counter : 2985 Pageviews. |
|
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณกะว่าก๋า, คุณThe Kop Civil, คุณเนินน้ำ, คุณtoor36, คุณอุ้มสี, คุณmambymam, คุณสองแผ่นดิน, คุณmariabamboo, คุณเรียวรุ้ง, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณtuk-tuk@korat, คุณกาบริเอล, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณInsignia_Museum, คุณmastana, คุณRinsa Yoyolive, คุณClose To Heaven, คุณข้ามขอบฟ้า, คุณสาวไกด์ใจซื่อ, คุณcomicclubs, คุณnewyorknurse, คุณTui Laksi, คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณDondaran, คุณkae+aoe, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณhaiku, คุณรัชต์สารินท์, คุณALDI, คุณทุเรียนกวน ป่วนรัก |
| |
โดย: กะว่าก๋า 30 มีนาคม 2560 21:25:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนินน้ำ 30 มีนาคม 2560 22:20:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 30 มีนาคม 2560 22:44:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 30 มีนาคม 2560 23:37:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: กาบริเอล 31 มีนาคม 2560 16:45:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: กาบริเอล 31 มีนาคม 2560 16:50:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) 31 มีนาคม 2560 21:10:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 2 เมษายน 2560 17:31:32 น. |
|
|
|
| |
โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) 2 เมษายน 2560 22:10:32 น. |
|
|
|
| |
โดย: kae+aoe 4 เมษายน 2560 9:48:53 น. |
|
|
|
|
|
แปลกดีนะครับ
เวลาพี่ก๋ามองดูภาพถ่ายของประเทศญี่ปุ่น
จะนึกถึงความสงบ ความสะอาด
ความมีระเบียบ
เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นคนญี่ปุ่นไปเลย
บทกวีของท่านมินาโมโตะ โยริมาสะ
เศร้ามากๆเลยนะครับ
เขียนได้บาดลึกจริงๆ
ปล. พี่ก๋ายังไม่หายดีเลยครับ
ป่วยมาจะครบเดือนแล้ว 555