ตามรอยอารยธรรมกรีก (6): เบ็ดเตล็ด
มาปิดซีรี่ยส์กรีซ 10 วัน 6 เอนทรี่กันด้วยการสรุปเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่น่าสนใจจากการท่องเที่ยวกรีซครับ
อย่างที่รู้กันว่าประเทศนี้โด่งดังเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ถึงแม้ด้วยความเก่าแก่และถูกหลายอาณาจักรเข้ายึดครอง ไม่ได้สานต่อความรุ่งเรือง ทำให้โบราณสถานส่วนใหญ่ไม่ค่อยเหลือความอลังการให้ชม แต่หลายแห่งก็ล้วนมีความทรงจำที่น่าหลงใหล ไม่ว่าจะเป็นสนามจัดโอลิมปิกแห่งแรกที่โอลิมเปีย วิหารเทพพยากรณ์ในเดลฟี่ศูนย์กลางของโลกในยุคโบราณ เกาะโร้ดที่เคยเป็นศูนย์บัญชาการหลักของอัศวินแห่งเซนต์จอห์นในสงครามครูเสด หรือเอเธนส์ที่เป็นศูนย์กลางวิทยาการของโลกในยุคที่เมืองส่วนใหญ่ยังคงมุ่งสร้างความเข้มแข็งทางการทหารเพื่อรบพุ่งชิงดินแดนกัน
สถานที่ได้รับการยอมรับจากยูเนสโกให้เป็น มรดกโลกทางวัฒนธรรม จะต้องมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ มีความสมบูรณ์ และได้รับการดูแลตามกฎเกณฑ์ที่ระบุ ในประเทศไทยมีมรดกโลกทางวัฒนธรรม 3 แห่ง คืออุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา, อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย+ศรีสัชนาลัย+กำแพงเพชร (ต้องรวมกันสามแห่งจึงจะขอมรดกโลกได้) และแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง ส่วนประเทศกรีซ มีมากถึง 18 แห่ง เรียงตามลำดับการได้มรดกโลกตามนี้ครับ
1. วิหารอพอลโลอีพิคูเรียสเมืองบาสเซ (เพโลพอนเนส) 2. เมืองโบราณเดลฟี่ (กรีซตอนกลาง) 3. อะโครโปลิสกรุงเอเธนส์ (แอตติกา) 4. ภูเขาเอธอส (เทือกเขาศักดิ์สิทธิ์) 5. เมธีโอร่า (เทสซาลี) 6. 15 อนุสรณ์สถานแห่งเทสซาโลนิกิ (มาเซโดเนีย) 7. ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของแอสคลีปิออสที่อิพิดาวรุส (เพโลพอนเนส) 8. เมืองเก่าโร้ด (เกาะโร้ด) 9. เมืองโบราณมิสทราส (เพโลพอนเนส) 10. เมืองโบราณโอลิมเปีย (เพโลพอนเนส) 11. เดลอส (เกาะเดลอส) 12. สำนักสงฆ์ดาฟนี, โฮสซิออสลูคัส และเนียโมนี (แอตติกา) 13. พิธากอเรียนและเฮราเอียน (เกาะซามอส) 14. แหล่งโบราณคดีเวอร์จิน่า (มาเซโดเนีย) 15. เมืองโบราณไมซินีและไทริน (เพโลพอนเนส) 16. สำนักสงฆ์เซนต์จอห์น (เกาะแพตมอส) 17. เมืองเก่าคอร์ฟู (เกาะไอโอเนียน) 18. ฟิลิปปิ (มาเซโดเนีย)
ที่ไปมาแล้วในทริปนี้คืออะโครโปลิสกรุงเอเธนส์, เมืองโบราณเดลฟี่, เมืองโบราณโอลิมเปีย, เมืองโบราณไมซินี, เมืองโบราณมิสทราส และเมืองเก่าโร้ดครับ เหลือที่ยังไม่ได้ไปอีก 12 แห่งแน่ะ (และไม่น่าจะไปได้ครบในชาตินี้...)
ที่น่าสนใจอีกอย่างคือ 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคโบราณนั้น มาจากอารยธรรมของกรีก 2 อย่าง ได้แก่ เทวรูปซุสที่เมืองโอลิมเปีย และโคลอสซัสแห่งโร้ด ซึ่งแม้จะไม่หลงเหลือมาถึงยุคนี้แล้ว แต่ทริปนี้ก็ได้ไปสถานที่ที่เคยเป็นที่ตั้งของสิ่งมหัศจรรย์เหล่านี้นะเออ ส่วนอีก 5 อย่างคือปิระมิดแห่งกิซ่า (อียิปต์), สวนลอยกรุงบาบิโลน (อิรัก), วิหารอาร์เทมิส (ตุรกี), สุสานแห่งโมโซลูส (ตุรกี) และประภาคารแห่งอเล็กซานเดรีย (อียิปต์) ปัจจุบันมีแค่ปิระมิดที่ยังเหลือให้ชมนะครับ
และแน่นอนว่าประเทศที่ประวัติศาสตร์เยอะขนาดนี้ โบราณสถานก็มีกระจัดกระจายเต็มพื้นที่ นอกจากแหล่งโบราณคดีใหญ่ๆแล้ว พวกโบราณสถานข้างทางที่ไม่ได้เอามาลงบล็อกยังมีอีกเพียบเลยนะครับ
อีกสิ่งที่เห็นบ่อยตามข้างทางคือศาลริมทาง บางแห่งก็เป็นปูน บางแห่งเป็นเหล็ก มีตั้งแต่หรูหรายันบุโรทั่ง มีไว้สำหรับไว้อาลัยผู้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์แถวๆนี้ (ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ก็มักมีรูปผู้ตายแปะอยู่ในศาลด้วย) หรือบางจุดก็สร้างเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้เหล่านักบุญต่างๆ
เวลาเดินทางไปต่างถิ่นอีกเรื่องที่ตื่นตาตื่นใจคือพืชพันธุ์ตามธรรมชาติที่แตกต่างจากในบ้านเรา พืชที่โดดเด่นที่สุดของกรีซเห็นจะเป็นต้นมะกอกที่มีความสำคัญกับเศรษฐกิจของกรีซมายาวนาน น้ำมันมะกอกผลิตได้มากในประเทศแถบเมดิเตอเรเนียน โดยกรีซเป็นประเทศที่มีผลผลิตมะกอกมากเป็นอันดับสองของโลกรองจากสเปน และมะกอกดองยังเป็นส่วนประกอบของอาหารกรีกหลายอย่าง โดยเฉพาะพวกที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า greek-style นอกจากผลที่มีประโยชน์มากมายแล้วช่อมะกอกยังเป็นสัญลักษณ์ความความอุดมสมบูรณ์และสันติภาพ ในสมัยโบราณใช้มงกุฎที่สานจากช่อมะกอกเป็นรางวัลมอบให้ผู้ชนะในการแข่งขันต่างๆ และเนื้อไม้มะกอกก็แข็งแกร่งทนทาน นิยมนำไปทำเขียงหรือเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงๆ ตามตำนานอาเธน่าและโปเซดอนเคยแข่งขันกันเพื่อชิงความเป็นเทพผู้พิทักษ์กรุงเอเธนส์ ซึ่งอาเธน่าที่ประทานต้นมะกอกให้แก่ชาวเอเธนส์เป็นผู้ชนะไปตามที่เคยเล่าไปเมื่อบล็อกที่แล้ว ข้างวิหารอิเรคเธียนมีต้นมะกอกแก่ๆยืนต้นอยู่ แต่ก็คงไม่ได้มีอายุย้อนไปถึงยุคตำนานแน่ๆ มะกอกเป็นต้นไม้อายุยืนนะครับ ต้นที่มีอายุ 2 พันกว่าปีก็ยังมี หลายๆต้นคงมีอายุอยู่มาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณเลยทีเดียว ต้นที่แก่ที่สุดในกรีซคือต้นที่โรงเรียนปรัชญาของพลาโต ที่อยู่ทางตะวันตกของเอเธนส์ อายุ 2,400 ปี
อากาศแบบเมดิเตอเรเนียนก็เป็นสภาพภูมิอากาศที่แปลกดีนะครับ มันทำให้ผมได้เห็นกระบองเพชรและปาล์มโตในที่เดียวกันได้
พวกดอกไม้เมืองหนาวก็แน่นอนว่าสวยงามมากมาย กระทั่งดอกหญ้าข้างทางที่ผุดขึ้นมาจากร่องคอนกรีตก็ยังบานไม่กั๊ก
อย่างนึงที่ผมตั้งใจจะมากินที่กรีซให้ได้คือส้ม เพราะพี่ที่ทำงานได้ยินว่าส้มกรีซอร่อยสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ที่นี่ก็ปลูกส้มตามข้างทางมากเหมือนตุรกีครับ ไม่รู้ปลูกไว้ซับสารพิษเหมือนกันหรือเปล่า ราคาน้ำส้มถูกกว่าตุรกีมาก แก้วละ 1.50 ยูโร (นี่แหละถูกแล้ว) เที่ยวตากลมมากๆ เหมือนหวัดจะลงคอก็กินน้ำส้มนี่แหละช่วยได้เยอะ แต่เอาจริงๆเจ้าตัวส้มนี่ไม่ได้อร่อยกว่าส้มเขียวหวานบ้านเราเลยครับ เปลือกหนา และเปรี้ยวกว่า หรือผมไปกินที่ซานโตรินีไม่รู้สิครับ แหล่งปลูกส้มที่อร่อยที่สุดของกรีซคือลาโคเนีย ...ภาพซ้ายคือที่ถ่ายมาจากเจ้าต้นข้างทางแถวที่พักคืนแรกในลาโคเนียนี่แหละ จะเด็ดลงมาชิมสักลูกก็กลัวไม่ได้กลับเมืองไทย
มาชมอาหารอื่นๆกันบ้าง ร้านในกรีซส่วนใหญ่ก็อาหารฝรั่งทั่วๆไปนี่แหละ พวกเสต็ก แซนด์วิช แฮมเบอร์เกอร์ สลัด พิซซ่า ฯลฯ เหมือนอาหารฝรั่งทั่วโลก แต่อาหารพื้นเมืองกรีกก็มีขายอยู่เยอะ และกินง่ายครับ ถ้าคุณเป็นคออาหารประเภทเนื้อนมไข่อะนะ
Grilled Lamb Chop เมนูแกะของที่นี่ราคาถูกกว่าเนื้อวัวเล็กน้อย เป็นโอกาสดีที่จะได้กินแกะครับ (ถึงกระนั้นก็จานละ 12-15 EUR อะนะ) แกะย่างของที่นี่จะหมักเนื้อแกะกับเครื่องเทศ ทาน้ำมันมะกอกแล้วนำไปย่าง หอมอร่อย เนื้อนุ่ม ไม่มีกลิ่นสาบ สิ่งที่สูสีกับแกะที่นี่เห็นจะเป็นเนื้อลูกวัว
|
Mousaka เนื้อสับผสมมันฝรั่ง มะเขือม่วง ซอสเนื้อ และชีส เอาไปอบ อารมณ์คล้ายๆ ลาซานญ่าอยู่เหมือนกัน เมนูนี้กินง่ายครับ
|
Greek Salad ใช้มะเขือเทศรสชาติอร่อยของกรีกเป็นตัวชูโรงคู่กับเฟต้าชีส ราดด้วยน้ำมันมะกอก ผักเคียงอื่นๆ เช่น หอมใหญ่ แตงกวา มะกอก ฯลฯ เป็นอ๊อพชั่น อร่อยสดชื่นครับ ช่วยให้ฟื้นคืนชีพจากกองอาหารอมไขมันจานอื่นได้เป็นอย่างดี
|
Gyros เคบับสไตล์กรีก เอาเนื้อหรือไก่ย่างและเฟรนช์ฟรายห่อด้วยแป้งพิต้า ทริปนี้ได้กินมื้อเดียว จุกเลยครับ อุดมไปด้วยแป้งและแป้ง เหมือนกินขนมปังยากิโซบะ หรือข้าวใส่ก๋วยเตี๋ยว ถึงจะเป็นอาหารกรีกยอดนิยมที่มีร้านขายอยู่เต็มไปหมดก็ไม่เอาแหล่ว
|
Souvlaki เป็นพวกปิ้งๆย่างๆ มีหมู ไก่ เนื้อ แกะ มักเสิร์ฟคู่กับเฟรนช์ฟรายและแป้งพิต้าเช่นกัน สู้หมูปิ้งไก่ย่างบ้านเราไม่ได้จริงๆ อันนี้ไม่ได้หลับหูหลับตาอวยประเทศตัวเองนะครับ พวกอาหารย่างแถบเมดิเตอเรเนียนนี่กินมาทั้งที่อียิปต๋ ตุรกี อิตาลี และกรีซ ก็ล้วนแห้งเค็ม ไม่อร่อยทั้งสิ้น
|
Octopus Stew สตูเป็นเมนูอาหารฝรั่งที่ผมชอบกิน มาถึงประเทศที่เต็มไปด้วยมนุษย์ฝรั่งน่าจะทำสตูว์เก่งละมั้ง .....พบว่าสตูเดียวในเมนูคือสตูปลาหมึก WTF! กินแล้วก็เค็มๆ ดีครับ สมควรกินกับข้าวเยอะๆ ร้านที่ไปกินอยู่ริมท่าเรือราฟิน่า โชคดีที่ปลาหมึกยักษ์ไม่เหนียวเป็นยางลบแบบร้านที่เมืองเก่าโร้ด พอเคี้ยวได้หนุบๆหนับๆ
|
Baklava อันนี้ของหวานยอดนิยม เป็นแป้งสอดไส้ถั่วราดน้ำผึ้ง หวานฉ่ำ อร่อยครับ
|
Greek Yogurt มากรีกต้องกินโยเกิร์ตสไตล์กรีก ซึ่งเป็นขั้นกว่าของโยเกิร์ตครับ กรีกโยเกิร์ตจะเอาโยเกิร์ตมาดูดน้ำและเวย์ออก ทำให้ความเข้มข้นโปรตีนและโปรไบโอติกส์สูงกว่าโยเกิร์ตปกติ หลายร้านมีท้อปปิ้งให้เลือกได้ตามใจชอบ
|
และแน่นอน มีไอศครีมเจลาโต้ขายเหมือนที่อิตาลีนะครับ มีหลากหลายหน้าให้เลือก ช่วงที่ไปเดือน ต.ค. อากาศไม่เย็นเท่าตอนไปอิตาลี (เดือน ธ.ค.) เลยกินไอติมได้อร่อยขึ้น แต่ทริปนี้ต้องจ่ายเอง ไม่มีคนเลี้ยง แหะๆ
คนกรีกไม่ได้ชอบโดนถ่ายรูปแบบอินเดียหรืออียิปต์นะครับ (อันหลังนี่รีบวิ่งเข้ากล้องแล้วมาเก็บตังค์เรา) ถ้าถ่ายภาพวิวแล้วติดคนก็โอเค แต่ถ้าเจาะจงถ่ายเขาเลยถือเป็นการเสียมารยาท มาต่างถิ่นนอกจากความตื่นตาตื่นใจกับความหลากหลายของพืชพันธุ์ที่ไม่เหมือนบ้านเราแล้วพวกสัตว์ก็แตกต่างกันไปนิดหน่อยครับ พวกแมวๆจะขนฟูกว่าในประเทศเขตร้อนอันนั้นก็แน่ละ แต่วันนี้ไม่มีรูปแมวให้ชมนะครับ รวมเด็ดๆไม่ได้เยอะเท่าตอนไปตุรกี ดูอีกาไปก่อนแล้วกัน สีจะไม่ดำสนิทเหมือนบ้านเรา เจ้าตัวนี้เป็น Fish Crow ไม่ใหญ่เท่า Raven นะครับ
การขับรถราในกรีซเป็นพวงมาลัยซ้าย รถเร็วชิดซ้าย รถช้าชิดขวา มีป้าย speed limit แต่ส่วนใหญ่ก็ขับเกินกันทั้งนั้นครับ จะเลี้ยวเข้าถนนไหนต้องสังเกตดีๆนะ ถ้ามีป้ายห้ามเข้าแสดงว่าคุณกำลังจะวิ่งย้อนเลนจ้ะ เวลาเช่ารถเลือกประกันแบบ full insurance ถึงจะแพงขึ้นจมหูแต่เวลาคืนจะไม่ต้องตรวจสภาพมากมาย มีรอยขูดขีดจากกิ่งไม้ข้างทางนิดหน่อยพอหยวนๆ
อุปกรณ์เดินทางที่สำคัญก็ต้อง TADA~ กูเกิ้ล!! จะไปไหนมาไหนก็เอามือถือเปิดกูเกิ้ลแมปนำทางได้สบายๆเลยครับ ตอนจองรถมีให้เลือกเพิ่ม GPS ติดรถได้นะครับ แต่มันเป็นภาษากรีกทั้งหมดทั้งมวล จิ้มไม่ถูกเลย อันที่จริงก็จองเผื่อไว้ เผื่อไปที่ที่ไม่มีสัญญาณมือถือนั่นแหละ แต่ในทริปนี้มีสัญญาณหมดทุกที่ยันเกาะห่างไกล ซานโตรินีดูจะสัญญาณกากสุดละ
และแน่นอนว่าแอพนับก้าวก็เอาไว้บันทึกความหฤโหดของการเดินทางในแต่ละวัน โดยเฉลี่ยแล้วทริปนี้เดินไม่มากเท่าทริปคันไซ ส่วนมากขับรถเอามากกว่า แต่วันสุดท้ายที่เที่ยวเอเธนส์ก็เดินซะ 47,718 ก้าว คิดเป็นระยะทางประมาณ 34.07 กม. ทำลายสถิติวันที่เดินได้เยอะที่สุดในชีวิตไปเลย ก็เล่นเที่ยวซะ 11 ที่ เดินวนมันครบทุกที่ด้วย
เวลาช้อปปิ้งที่กรีซต่อราคาได้นิดเดียวครับ ส่วนมากไม่ได้ตั้งไว้เผื่อต่ออยู่แล้ว ยกเว้นพวกของชิ้นใหญ่ๆแพงๆ อาจต่อได้เยอะหน่อย แต่ถึงกระนั้นของฝากจากแต่ละเมืองราคาก็แตกต่างกันพอสมควรเลย เท่าที่เที่ยวมาในทริปนี้ของที่เอเธนส์และเกาะโร้ดถูกที่สุด นอกนั้นพอๆกัน และเกาะมิโคนอสแพงที่สุดครับ แต่ก็น่าซื้อทุกที่นะ เพราะแต่ละเมืองจะมีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองนั้นๆเลย ของที่ระลึกยอดนิยมก็พวกพวงกุญแจ แม่เหล็กติดตู้เย็น สบู่น้ำมันมะกอก แก้วน้ำ จานกระเบื้อง รูปปั้นเทพเจ้า เสื้อยืด ฯลฯ
ของที่ระลึกที่น่าสนใจอย่างนึงคือเหรียญที่ระลึก กดได้ตามตู้ตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆครับ แทบจะมีลายเกือบทุกที่เลย เหรียญละ 2 EUR ในภาพนี้เหรียญจากพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเกาะโร้ด
|
พวกขนมก็น่าซื้อไปฝากมิตรรักแฟนเพลงที่รออยู่ที่ประเทศไทยครับ ขนมขึ้นชื่อของกรีกอย่าง Baklava, Kataifi, Halva มีทำใส่กล่องขาย ถึงจะไม่ได้ทำสดๆ แต่ด้วยธรรมชาติของขนมกรีกที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำผึ้งก็เป็นการถนอมอาหารอยู่แล้ว เก็บได้นานด้วยอร่อยด้วยครับ ซื้อที่ Flea Market ถูกสุด แต่ละร้านราคาไม่เท่ากันด้วยนะ เช็คดีๆล่ะ
|
ระหว่างเที่ยวกรีซจะมีสถานที่หลายแห่งเกี่ยวข้องกับตำนานเทพเจ้ากรีก ซึ่งเป็นศาสนาในยุคโบราณและปัจจุบันไม่มีคนนับถือแล้ว เลยเอามาเล่นทำหนังทำเกมได้มากมาย เช่นเดียวกับเทพเจ้าอียิปต์ และเทพนอร์ส ขอเล่าปูพื้นให้ฟังโดยสังเขปนะครับ
จักรวาลแต่ดั้งเดิมนั้นมีเพียงความมืดและความยุ่งเหยิง (Chaos) ได้มีไกอา (Gaia) เทพีแห่งผืนปฐพีกำเนิดขึ้นจากความมืดเป็นปฐมเทพ ตามด้วยยูเรนัส (Uranus) เป็นเทพเจ้าแห่งท้องฟ้า ทั้งสองได้ร่วมกันให้กำเนิดเทพหลายองค์รวมทั้งกลุ่มเทพไททัน 12 องค์ และโครนอส ไททันที่เข้มแข็งที่สุดได้โค่นล้มยูเรนัสขึ้นปกครองพื้นพิภพ โครนัสสมรสกับเทพีรีอา มีบุตร-ธิดาด้วยกัน 6 องค์ คือ ฮาเดส ดีมิเตอร์ โปเซดอน เฮสเตีย เฮร่า และซุส ซึ่งโครนัสกลัวว่าลูกตัวเองจะมาชิงบัลลังก์จึงกินลูกทั้งหมด ยกเว้นซุสที่รอดมาได้ เมื่อเติบใหญ่ ซุสจึงกลับมาโค่นพ่อตัวเอง และปลดปล่อยพี่ๆทั้งห้าคนออกมา
ซุสขึ้นเป็นเทพสูงสุดผู้ปกครองโอลิมปัส (ยอดเขาที่สูงที่สุดอยู่กลางประเทศกรีซ) พี่ชายอีกสองคนคือโปเซดอนปกครองมหาสมุทร และฮาเดสปกครองยมโลก ส่วนพวกสาวๆก็แบ่งบทบาทกันไป เฮสเตียเป็นเทพีแห่งไฟ ดิมีเตอร์เป็นเทพีแห่งพืชผล และเฮร่าเป็นเมียซุส จึงเป็นควีนแห่งทวยเทพ
รุ่นลูกของซุสมีเทพ/เทพีที่สำคัญอีกหลายองค์ ทั้งที่เกิดจากเฮร่าอย่างอาเรส (เทพแห่งสงคราม) เฮฟเฟสตุส (เทพแห่งไฟและการช่าง) และที่เกิดจากเมียน้อยอย่าง อพอลโล (เทพแห่งแสงและดวงอาทิตย์) อาร์ทีมิส (เทพีแห่งดวงจันทร์) ไดโอนิซุส (เทพแห่งไวน์องุ่น) อะโฟรไดต์ (เทพแห่งความรัก) เฮอร์เมส (เทพแห่งนักเดินทางและการค้า) หรือเกิดจากซุสเองแบบไม่ต้องมีเมีย เช่น อาเธน่า (เทพีแห่งสงครามและปัญญา)
12 เทพแห่งโอลิมปัส เป็นเทพเจ้าหลักที่ประทับบนยอดเขาโอลิมปัสประกอบด้วย ซุส เฮร่า โปเซดอน ดิมีเตอร์ อาเธน่า อพอลโล อาร์ทีมิส อาเรส อโฟรไดต์ เฮฟเฟสตุส เฮอร์เมส และเฮสเตียหรือไดโอนิซุส (12 เทพ แต่มี 13 คน เวรกรรม...) ส่วนฮาเดสถึงจะเป็นเทพผู้ยิ่งใหญ่แต่ประทับอยู่ใต้พิภพไม่ขึ้นมาบนพื้นโลก
ภาพผังเทพเจ้ากรีก จากหนังสือนิยายเรื่อง ไซคี ของคุณอ้อย สุชาคริยา ซึ่งขอลิขสิทธิ์ภาพจากต่างประเทศมาดัดแปลงเป็นภาษาไทยแล้ว
ขอบคุณพี่จินที่ส่งภาพนี้มาให้ประกอบบล็อกเน้อ (ส่งมาตั้งแต่ พ.ย. 61 แต่ผมเพิ่งจะเอามาอัพบล็อกนี้จ้าาาาา)
พอโรมันรับวัฒนธรรมกรีกไปก็เปลี่ยนชื่อเทพเจ้าเกือบทั้งหมดเป็นโรมันสไตล์ ขอยกตัวอย่างเฉพาะเทพเจ้าที่นำชื่อไปเป็นดาวนพเคราะห์นะครับ เฮอร์เมส -- > เมอร์คิวรี่ อโฟรไดต์ --> วีนัส อาเรส --> มาร์ ซุส --> จูปิเตอร์ โครนัส --> แซทเทิร์น ยูเรนัส --> ยูเรนัส (เยส! ไม่โดนเปลี่ยน!) โปเซดอน --> เนปจูน ฮาเดส --> พลูโต
เรื่องราวของเทพนิยายกรีกได้รับการต่อยอดมาใช้ในภาพยนตร์/นิยาย/การ์ตูน/เกม มากมายหลายเรื่องเลยละครับ ซึ่งเรื่องที่ดังที่สุดคงไม่พ้นการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง เซนต์เซย่า ผลงานฮิตถล่มทลายของ อ.คุรุมาดะ มาซามิ ที่เขียนขึ้นในช่วงปี 1986-1990 เนื้อเรื่องเกี่ยวกับเหล่าเซนต์แห่งอาเธน่าที่มีชุดเกราะประจำกลุ่มดาวต่างๆ ภาคแรกต่อสู้กับเซนต์เจมินี่ที่ปลอมตัวเป็นเคียวโกขึ้นปกครองแซงจูรี่ ภาคสองต่อสู้กับเทพสมุทรโปเซดอน และภาคสามต่อสู้กับยมเทพฮาเดส พวกเด็กยุค 90s อย่างผมติดเรื่องนี้ไม่แพ้ดราก้อนบอลเลยทีเดียว แต่กระแสดราก้อนบอลอยู่ได้ยาวกว่าเพราะมีภาคต่อยอดออกมาได้เรื่อยๆ
นอกจากธีมเรื่องแล้ว ฉากต่างๆในเรื่องนี้ยังดัดแปลงจากโลเกชั่นในกรีซจริงๆ อย่างแซงจูรี่ที่เป็นศูนย์กลางการปกครองเหล่าเซนต์ ที่พวกเซย่าต้องลุยผ่านปราสาท 12 ราศีเพื่อขึ้นไปถึงห้องเคียวโกนั้นใช้แบบจากอะโครโปลิสที่กรุงเอเธนส์ (โชคดีที่อะโครโปลิสไม่ได้สูงขนาดต้องวิ่งขึ้น 12 ชั่วโมง ไม่งั้นชีริวคงจอดสลบตรงนี้ อดไปที่เที่ยวต่อไป)
ด้านบนสุด หลังวิหารของเคียวโก มีเทวรูปอาเธน่าขนาดใหญ่ มือขวาถือโล่เอจิส มือซ้ายถือไนกี้ ซึ่งในเรื่องเซย่าได้ดึงโล่ออกมาปัดเป่าศรทองที่ปักอกซาโอริ และขับไล่วิญญาณชั่วออกจากร่างของเจมินี่ ซากะได้สำเร็จ ส่วนไนกี้ที่หายไปก็คือคฑาที่คุณหนูซาโอริร่างจุติของอาเธน่าถืออยู่ตลอดเวลานั่นเอง คนละอันกับที่เฌอปรางถืออยู่นะเธอ เทวรูปอาเธน่านี้เป็นปางเดียวกับ Athena Parthenos ที่วิหารพาร์เธน่อน (447 BC) ทำจากงาช้างและทองคำ สูง 11 เมตร แต่หายสาบสูญไปแล้ว ได้มีการจำลองขึ้นมาใหม่หลายแห่ง แต่ที่สมบูรณ์ที่สุดคือรูปปั้นอาเธน่าพร้อมวิหารพาร์เธน่อนทั้งหลังที่สร้างขึ้นที่รัฐเทนเนสซี่ สหรัฐ
ฉากแรกที่พวกเซย่าบินมาถึงเอเธนส์เพื่อไปหาเคียวโกจะเห็นนักท่องเที่ยวแหงนมองเครื่องบิน ฉากนี้คือ propylaea ทางเข้าด้านบนสุดของอะโครโปลิสครับ
อีกฉากที่นำมาจากสถานที่จริงคือแหลมซูนิออนที่ซากะนำคาน่อนน้องชายตัวเองไปขังในคุกใต้แหลมนี้ให้สำนึกผิด และในคุกนี้เองที่คาน่อนได้พบกับคนโฑที่ผนึกวิญญาณโปเซดอนไว้ แหลมซูนิออนมีจริง และมีวิหารโปเซดอนอยู่ปลายแหลมจริง แต่ไม่มีคุกใต้แหลมนะครับ
ฉากที่อธิบายท่าไม้ตายต้องห้ามของเหล่าเซนต์อย่างอาเธน่าเอ็กซ์คลาเมชั่น ใช้ภาพประกอบรูปปั้นอาเธน่าปางเดียวกับในภาพสลักที่เรียกว่า Relief of the Pensive Athena หรือ Mourning Athena (460 BC) แกะสลักด้วยหินอ่อนจากเกาะปารอส ขุดพบที่อะโครโปลิสเอเธนส์ ปัจจุบันเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑ์อะโครโปลิส
| คิดว่าตัวเองเป็นคนที่ดวงสมพงษ์กับอะไรกรีกๆมายาวนานมากครับ (ชื่อล็อกอินยังเอามาจากเรื่องเซนต์เซย่าที่เป็นการ์ตูนที่เกี่ยวข้องกับกรีกเลย) กระทั่งภาพยนตร์สองเรื่องแรกที่ผมดูในชีวิตแล้วชอบมากๆ ก็ยังมีอิทธิพลจากวัฒนธรรมกรีก
เรื่องแรกคือ Jason & the Argonauts (1963) เป็นภาพยนตร์ที่สร้างจากตำนานของกรีกเรื่องเจสันกับขนแกะทองคำอยู่แล้ว เรื่องนี้ถือว่าเทคนิคเนียนตาสุดยอดของยุคนั้นแล้ว (ถึงผมจะดูหลังหนังสร้างไปแล้ว 20 ปีก็ยังเนียนตาอยู่นะ!) ฉากที่ชอบที่สุดคือตอนทาลอส ยักษ์สำริดที่เฮฟเฟสตุสสร้างไว้เฝ้าสมบัติ คว่ำเรืออาร์โก้ที่พวกตัวเอกนั่งมา ฉากยืนคร่อมเรือนี่คนสร้างได้แรงบันดาลใจมาจากรูปปั้นโคลอสซัสแห่งโร้ดเลย ตอนเด็กๆผมรู้สึกว่าเจ้าทาลอสถือเป็นตัวร้ายที่น่ากลัวสุดๆ ตอนรูปปั้นยักษ์ขยับหันมามองนี่สยองมาก!!! ทั้งที่จริงๆมันเป็นแค่หุ่นดินน้ำมันที่ถ่ายให้ขยับทีละเฟรมเองนะ
อีกเรื่องคือ The NeverEnding Story (1984) ภาคแรก และผมก็ชอบเรื่องนี้อยู่ภาคเดียว ที่เหลือกากตดมาก แต่ถึงกระนั้นมิคาเอล เอนเด้ คนเขียนนิยายต้นแบบก็ไม่ชอบภาพยนตร์เรื่องนี้เท่าไหร่ เพราะไปดัดแปลงนิยายเขาซะเละเลย (ตอนเห็นภาค 2-3 ไม่ช็อคตายไปเลยเหรอฮะ?) ถึงจะไม่เกี่ยวกับกรีก แต่ฉากที่น่ากลัวที่สุดอย่างตอนผ่านประตูสฟิงค์ก็ใช้สฟิงค์แบบกรีก เหมือนตัวที่เห็นตามพิพิธภัณฑ์ต่างๆนั่นแหละ สฟิงค์กรีกตัวที่ดังที่สุดก็ต้องที่พิพิธภัณฑ์เดลฟีเลยครับ
ยังมีหนังเกี่ยวกับกรีกอีกมากมายเกินจะสาธยายเลยครับ เรื่องที่น่าหลงใหล ผ่านไปกี่ร้อยกี่พันปีคนก็ยังคงหยิบขึ้นมาบอกเล่า ยิ่งเป็นเรื่องราวของกรีกโบราณที่ผ่านมากว่าสองพันปีแล้ว คนได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นั้นเสียชีวิตไปจนสาวถึงลูกหลานเหลนลื่อไม่เจอแล้ว เลยยิ่งสร้างหนังแบบเน้นบันเทิงไม่ต้องเกรงใจใครได้ง่าย ช่วงประวัติศาสตร์ที่คนนิยมหยิบยกมาทำหนังบ่อยๆก็จะมี สงครามกรุงทรอย ที่พวกกรีกไมซินี รบกับพวกทรอยในเมืองทรอยที่ตุรกี (1200 BC) สงครามเทอร์โมพิเลที่สปาร์ต้ารบกับเปอร์เซีย (480 BC) และยุคสมัยของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช (336-323 BC)
สรุปค่าใช้จ่ายในทริปนี้ 3 คน (คิดที่อัตราแลกเปลี่ยน 36 บาท/ยูโร) - ค่าที่พัก 10 คืน 28,670 บาท
- ค่าเครื่องบินไป-กลับ 88,089 บาท
- ค่าเครื่องบินในประเทศ 3 เที่ยว 48,270 บาท
- ค่าเรือในประเทศ 2 เที่ยว 11,616 บาท
- ค่าเช่ารถ 3 คัน 8 วัน รวมประกัน 14,400 บาท
- ค่าแท็กซี่ 4 รอบ 3,384 บาท
- ค่าอาหารมื้อหลัก 24 มื้อ 22,189 บาท
- ค่าเข้าสถานที่ 28 ที่ 19,278 บาท
- ค่าซิมต่างประเทศ 2 อัน 1,700 บาท
รวม 237,596 บาท คิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อหัว 79,199 บาท (ไม่รวมของกินจุกจิก หนังสือ และของฝาก) โอยยย... โคตรแพงเลย แต่ก็กรีซนี่นะ ยังถือว่าถูกกว่าทัวร์ที่ไปน้อยกว่านี้เยอะมาก
....
เป็นทริปที่ยาวนานที่สุดแล้วครับ 10 วัน 10 คืน ถึงจำนวนสถานที่ท่องเที่ยวจะน้อยกว่าทริปคันไซ เพราะครึ่งหลังของทริปใช้เวลากับการนั่งเรือนั่งเครื่องบินซะมาก แต่ก็ได้ไปที่ๆ ไม่ค่อยมีคนไทยได้ไปเหยียบย่าง และเป็นดินแดนที่หลงใหลมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ ท้ายสุดนี้ต้องขอขอบคุณชาวกรีกในอดีตกาลที่สรรค์สร้างศิลปะวิทยาการเป็นรากฐานให้แก่โลกยุคปัจจุบันมากมาย มา ณ ที่นี้
Greece Trip 13-22 Oct 2018
Create Date : 28 มกราคม 2562 |
Last Update : 30 มกราคม 2562 21:52:17 น. |
|
53 comments
|
Counter : 4554 Pageviews. |
|
|