ตามรอยอารยธรรมกรีก (4): โร้ด
เครื่องบินออกจากสนามบินเอเธนส์เวลา 6 โมงเย็น มาถึงสนามบิน Diagoras Airport ของเกาะโร้ดเวลา 18.45 น. โร้ดเป็นเกาะขนาดใหญ่ สนามบินนี้เป็นสนามบินนานาชาติ ใหญ่น้องๆสนามบินเอเธนส์เลยครับ ว่าแล้วก็ขอเริ่มการผจญภัยในเกาะโร้ด วันที่ 20-21 ต.ค. 2561 หรือก็คือวันที่ 8-9 ของการเดินทาง ณ บัดนี้
|
| ก่อนอื่นมาทำความรู้จักเกาะโร้ดกันนิด... ขอย้อนไปภาพแบ่งพื้นที่ประเทศกรีซจากบล็อกแรกนิด เกาะมิโคนอสและซานโตรินีที่ไปเมื่อบล็อกที่แล้วอยู่ในโซนเกาะ Cyclades (หมายเลข 6) ขยับออกไปทางตะวันออก กลุ่มเกาะที่อยู่ติดประเทศตุรกีนั้นเรียกว่า Dodecanese ก็ยังถือเป็นอาณาเขตประเทศกรีซอยู่นะครับ และ โร้ด (Rhodes) เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะ Dodecanese มีพื้นที่ 1,400 ตร.กม. คือใหญ่กว่าซานโตรินี 20 เท่า อากาศอบอุ่น ข้าวของราคาถูก และสัญญาณมือถือแรงดีทั่วเกาะครับ
เกาะโร้ดมีคนมาตั้งรกรากตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ โดยชนกลุ่มแรกที่เข้ามาคือชาวตะวันออกกลาง แต่เริ่มมีการรวมกลุ่มอย่างแข็งแกร่งเมื่อพวกกรีกและชาวดอเรียนเข้ามาสร้างลินดอส คามิรอส และเอียลิซอส เป็นเมืองที่เป็นอิสระต่อกันและรวมอำนาจการปกครองร่วมกันในเวลาต่อมา แล้วโร้ดก็เข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ จนมีอิทธิพลเหนือเกาะอื่นๆ ในบริเวณนี้ไปด้วย แต่ก็มีภัยคุกคามจากเอเธนส์และสปาร์ต้าที่เริ่มเรืองอำนาจขึ้นมาในยุคคลาสสิค เมื่อ 408 ปีก่อนคริสตกาล ทั้งสามเมืองจึงร่วมกันสร้างเมืองใหม่เป็นศูนย์กลางการปกครองของเกาะนี้อย่างแท้จริงทางตะวันออกเฉียงเหนือ ให้ชื่อว่าเมืองโร้ด ตามชื่อเกาะแห่งนี้
โร้ดข้ามผ่านยุคสมัยต่างๆของกรีซโดยส่วนใหญ่จะถูกควบรวมไปกับรัฐที่เข้มแข็งที่สุดในภูมิภาคนี้ในช่วงเวลานั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นมาเซโดเนีย อียิปต์ โรมัน และในปี 1309 เกาะนี้ก็ถูกขายให้กองอัศวินแห่งเซนต์จอห์นของเยรูซาเล็ม ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากชาวเกาะ และนั่นก็ทำให้เกาะนี้มีสิ่งก่อสร้างยุคกลางหลงเหลือมากมายจนได้นิคเนมว่า "เกาะแห่งอัศวิน" เกาะถูกปกครองด้วยหัวหน้าอัศวินที่เรียกว่าแกรนด์มาสเตอร์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในสงครามครูเสดมายาวนาน ก่อนแกรนด์มาสเตอร์คนสุดท้ายจะพ่ายแพ้ต่อสุลต่านสุไลมานในปี 1522 และทิ้งเกาะแห่งนี้ไป
นี่คือแผนที่เกาะโร้ด เป็นแผนที่ของบริษัทรถเช่า ได้มาจากโรงแรมครับ ใครไม่รู้ว่าโร้ดแมปที่รัฐบาลพูดถึงบ่อยๆคืออะไร กดดูรูปขยายได้เลยครับ! ....นี่มันแมปของเกาะโร้ด ไม่ใช่โร้ดแมป!!
| ต้องเช่ารถขับนะครับ เพราะเกาะใหญ่มาก จะรอรถเมล์ก็ไม่เข้าท่าเท่าไหร่ ใช้บริการ Colossus Rent-A-Car ขับรถมาส่งให้ถึงที่ หนนี้ได้ตรงกับรุ่นที่จองเป็นครั้งแรก เป็นรถเปอร์โยต์เปิดประทุนครับ น้องอยากลองขับดูสักครั้งในชีวิต แต่แดดสุดแรงบนเกาะนี้ก็ทำให้เปิดประทุนได้แป๊บเดียวอะนะ (รูปนี้ถ่ายวันรุ่งขึ้น) | โรงแรมที่พักหนนี้สองคืนครับ Lefka Hotel อยู่แถวตะวันออกของเมืองเก่าโร้ด คืนละ 41 EUR ถูกมาก!! และเป็นโรงแรมที่ถูกที่สุดในทริปนี้เลยครับ จะเพราะคุณภาพห้องไม่ดีก็ไม่ใช่ เอาจริงๆคือที่พักสองคืนนี้ได้ห้องกว้างกว่าคืนอื่นๆที่ผ่านมาทั้งหมดครับ ในห้องที่จองจะมีห้องย่อยอยู่ได้แบบบ้านเลย มีสองห้องนอน มีห้องครัว ห้องน้ำ WIFI แรง ข้าวของเครื่องใช้มีให้หมด (แต่ไม่มีข้าวเช้านะครับ ซื้อมานั่งกินในครัวก็ได้) ต่อให้อยู่เมืองไทยราคานี้ยังถือว่าถูกเลยครับ คุ้มยิ่งกว่าแฟลตปลาทอง โรงแรมนี้เปิดมาหลายปี เป็นธุรกิจครอบครัวครับ
| แถวที่พักมีโบสถ์และสุสานของเซนต์จอห์น (St.John the Baptist) ถึงจะชื่อแบบนี้แต่ร่างของเซนต์จอห์นจริงๆ ถูกฝังอยู่ที่ Surb Karapet Monastery ในตุรกีนะครับ |
เช้าวันนี้จะไปเที่ยวเมืองโบราณลินดอส เป็นที่เที่ยวแรกบนเกาะนี้ ลินดอสอยู่ทางใต้ลงไปจากเมืองเก่าโร้ด 47 km ครับ บรรยากาศการเดินทางในเกาะโร้ดสบายๆ~ เกาะใหญ่และถนนโล่งสุดลูกหูลูกตา อากาศอบอุ่นและแดดก็แรงเอาเรื่องเลยครับ
หาดลินดอส (Lindos Beach) ชายหาดทางตอนเหนือของเมืองลินดอส มองเห็นตัวเมืองอะโครโปลิสบนเนินเขาแล้ว นั่นละครับลินดอสที่โด่งดัง
และนี่คือเมืองท่องเที่ยวลินดอสที่สวยงามครับ ทางเดินสะอาดเป็นหินปู อาคารหลายแห่งมีอายุ 200-400 ปีและได้รับการอนุรักษ์ไว้ มีร้านค้าตลอดสองข้างทาง นอกจากของที่ระลึกที่ราคาถูกกว่าสองเกาะที่ผ่านมาแล้ว น้ำส้มที่นี่ยังถูกที่สุดในบรรดาเมืองที่ไปในทริปนี้ด้วยครับ แก้วละ 1.5 EUR ขวดละ 2.5 EUR
Church of Panagia โบสถ์เก่าแก่ของเมืองสร้างในศตวรรษที่ 14 และได้รับการบูรณะมาหลายครั้ง มีหอระฆังที่สูงโดดเด่น ข้างในห้ามถ่ายรูป ห้ามใส่ขาสั้น
|
Donkey Station มีบริการให้ขี่ลาด้วย
มุมมองเมืองลินดอสจากด้านบน
| พอขึ้นถึงทางเข้าอะโครโปลิสก็จ่ายค่าเข้า 6 EUR ลินดอสถูกสร้างโดยชาวดอเรียนเมื่อ 1200 BC เช่นเดียวกับคามิรอสและเอียลิซอส และรุ่งเรืองสูงสุดในช่วง 600 BC ทางขึ้นอะโครโปลิสมีรูปสลักเรือทริเอโมเลีย (Triemolia Ship) แกะไว้เมื่อปี 170 BC เป็นอนุสรณ์ให้แฮกแซนดรอส (Hagesandros) กัปตันเรือชื่อดังของยุคนั้น
ขึ้นบันไดไปจนถึงด้านบนอะโครโปลิส นี่คือ เมืองโบราณลินดอส (Acropolis of Lindos) เมืองที่เคยรุ่งเรืองที่สุดบนเกาะนี้ในยุคคลาสสิคครับ สมัยก่อนที่นี่เต็มไปด้วยรูปปั้นเหล่าเศรษฐีที่มาสักการะเทพีอาเธน่าจะจ้างคนสลักรูปปั้นตัวเองทิ้งไว้ถวายให้เทพ แต่ช่วงที่โรมันยึดครองกรีกได้ขนเอารูปปั้นไปจากเกาะโร้ด 3,000 ตัว เกือบหมดเกาะเลย
วิหารอาเธน่าลินเดีย (The Temple of Athena Lindia) เป็นวิหารหลักของเมืองนี้ สร้างบนจุดที่สูงที่สุดของอะโครโปลิส เพื่อบูชาเทพีอาเธน่า ปีที่สร้างไม่แน่ชัด แต่มีการบูรณะจากเพลิงไหม้ในปี 392 BC
|
ทางเดินใต้หลังคา (Stoa) เชื่อมวิหารอาเธน่าด้านบนกับโบสถ์ด้านล่าง
|
โบสถ์อายิออสไอออนนิส (The Church of Ayios Ioannis) สร้างในศตวรรษที่ 12 เป็นโบสถ์คริสต์ที่เพิ่มเติมเข้ามาทีหลังครับ
|
มองลงจากอะโครโปลิสเห็นทะเล และมุมยอดนิยมที่สุดคืออ่าวเซนต์พอลที่เห็นเป็นเวิ้งสวยงาม
| ว่าแล้วก็ลงไปชมกันเลยดีกว่า อ่าวเซนต์พอล (St.Paul's Bay) อยู่ด้านล่างของอะโครโปลิสฝั่งตรงข้ามกับหาดลินดอส มีที่จอดรถอยู่เหนืออ่าว เดินลงมาหน่อยเดียวก็ถึงครับ ประเทศนี้ออกแบบให้เที่ยวง่ายดีจริงๆ (ถ้ามีรถขับอะนะ) เวิ้งอ่าวเซนต์พอลเป็นมุมที่เห็นทั้งอะโครโปลิสของลินดอสด้านบน และโบสถ์เซนต์พอลทางขวา
| โบสถ์เซนต์พอล (St.Paul's Chapel) สร้างขึ้นบนตำแหน่งที่เซนต์พอลมาเผยแผ่ศาสนาคริสต์ที่เกาะโร้ดในปี 51 ในช่วงที่เดินทางมาแถบนี้และยังไปอีกหลายเมืองของกรีซทั้ง เอเธนส์ มาเซโดเนีย คอรินธ์ ฟิลิปปิ ฯลฯ และศาสนาคริสต์ก็กลายเป็นศาสนาประจำชาติของกรีซมาจนถึงปัจจุบัน
| จากเมืองลินดอสขึ้นมาด้านบน 22 km ผ่านหาดสเตกน่า (Stegna Beach) หาดที่มีแต่หินรูปร่างมนกลม เดินนวดเท้าได้ น้ำก็ใสสวย ตัวหาดค่อนข้างโล่ง ไปหลบแดดเอาตามแง่งหินนะครับ
อ่าวแอนโธนี่ควินน์ (Anthony Quinn Bay) อยู่เหนือหาดสเตกน่าขึ้นมา 17 km เป็นหาดที่มีชื่อเสียงของเกาะโร้ด และเป็นสถานทีถ่ายทำหนังเรื่อง The Guns of Navarone ซึ่งนำแสดงโดยแอนโธนี่ ควินน์ และเป็นที่มาของชื่ออ่าว ด้วยความที่น้ำที่นี่ใสเป็นสีเขียวมรกตเพราะพืชน้ำในบริเวณนี้ทำให้เป็นหนึ่งในชายหาดโรแมนติคที่สุดที่คนนิยมมาฮันนีมูนกันด้วย
|
หาดฟาลิรากิ (Faliraki Beach) เป็นหาดหน้าเมืองฟาลิรากิเมืองแห่งรีสอร์ทที่เนืองแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวที่สุดของชายหาดฝั่งตะวันออก ตัวหาดยาวถึง 4 km มีกิจกรรมทางน้ำทั้ง เจ็ทสกี วินเซิร์ฟ ดำน้ำ
| ขับรถกลับมาบริเวณเมืองโร้ดทางเหนือของเกาะใกล้กับที่พักของเรา แถวนี้เป็นบริเวณเมืองเก่า ซึ่งก่อนจะเที่ยวชมเมืองเก่าในยุคกลาง ขอพาทุกท่านมาดูเมืองใหม่ก่อน (ใหม่ของเขาก็มีอาคารอายุเป็นร้อยปีให้พรึ่บอะนะ) เมื่อนึกถึงโร้ด คนที่มีเทพนิยายกรีกอยู่ในสายเลือดย่อมต้องนึกถึง โคลอสซัสแห่งโร้ด (Colossus of Rhodes) รูปปั้นสำริดขนาดยักษ์ที่ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าทางเข้าท่าเรือแมนดรากิ และเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ น่าเสียดายที่รูปปั้นนี้พังทลายไปตอนแผ่นดินไหว จุดนี้เป็นตำแหน่งที่รูปปั้นเคยตั้งอยู่ครับ
| หลังสิ้นรัชสมัยของอเล็กซานเดอร์มหาราช กองทัพของมาเซโดเนียนำโดยดิมิเทรียสพยายามดึงโร้ดเข้าเป็นพวก แต่ชาวโร้ดก็ลุกขึ้นต่อต้านและขับไล่มาเซโดเนียออกไปได้สำเร็จ จึงได้สร้างโคลอสซัสแห่งโร้ดขึ้นในปี 292 BC เป็นการประกาศชัยชนะ โคลอสซัสเป็นรูปปั้นเทพเฮลิออส (Helios) สูง 31 เมตร (พอๆกับเทพีเสรีภาพไม่รวมฐาน) เป็นแลนด์มาร์คให้คนเดินเรือสังเกตเมื่อล่องเรือเข้าสู่ท่าเรือแมนดรากิทางเข้าเกาะโร้ด เมื่อคิดถึงการสร้างรูปปั้นใหญ่โตขนาดนี้ในยุค 2,300 ปีก่อนขึ้นมาได้แล้วก็ทึ่ง ควรค่าแก่การเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคนั้นโดยแท้ทรู น่าเสียดายที่ได้ยืนสง่าอยู่เพียง 66 ปีนะครับ เพราะโคลอสซัสถูกแผ่นดินไหวในปี 226 BC ทำให้ล้มครืนลงมา และกองอยู่กับพื้นเกือบพันปีโดยไม่ถูกซ่อมแซม จนช่วงที่มุสลิมบุกเกาะ รูปปั้นโคลอสซัสก็ถูกโจรสลัดอาหรับหิ้วไปชั่งกิโลขายพ่อค้าชาวยิวเป็นเศษเหล็กในปี 653 ช่วงหลังมีหลักฐานใหม่ที่คาดว่าด้านในโคลอสซัสก่อสร้างแบบอาคารและน่าจะยืนบนบกบริเวณปราสาทแกรนด์มาสเตอร์ที่เคยเป็นวิหารเทพเฮลิออส มากกว่าอ้าขาให้เรือลอดดากแบบรูปที่ติดตากันมานานนะครับ มีโครงการระดมทุนสร้างโคลอสซัสขึ้นใหม่ให้สูงกว่าเดิมด้วย แต่ยังไม่มีความก้าวหน้าเท่าที่ควร ที่ปั้นเป็นเทพเฮลิออสเพราะตามตำนานเป็นเทพประจำเกาะโร้ดครับ เฮลิออสเป็นสุริยเทพรุ่นก่อนเทพอพอลโล เป็นบุตรของไฮเพอเรียนและไทอา ซึ่งเป็นไททันที่เกิดจากยูเรนัสและไกอา เฮลิออสเป็นหนุ่มรูปงามสวมมงกุฎเปล่งรัศมีเหมือนดวงอาทิตย์ ทุกวันเฮลิออสจะควบรถม้าจากโลกฟากตะวันออกไปยังตะวันตกเป็นการขึ้นและตกของดวงอาทิตย์
| นอกจากจุดที่โคลอสซัสเคยยืนอยู่แล้วบริเวณเมืองโร้ดใหม่นี้ยังมีอาคารน่าสนใจอีกมายมายเลยครับ ทั้ง โบสถ์แม่พระรับสาร (The Church of Annunciation), โรงละครแห่งชาติโร้ด, จวนผู้ว่า (The Governor's Palace), จตุรัสอีเลฟเทอเรียส, ฯลฯ
โบสถ์แม่พระรับสาร
|
จวนผู้ว่า
| ก่อนจะเข้าไปในเขตเมืองเก่าขอแวะอันนี้อีกที่นึงครับ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโร้ด (Rhodes Aquarium) ที่อยู่ตอนเหนือสุดของเกาะโร้ด เปิด 9.00 - 20.30 น. (หน้าหนาวปิด 16.30 น.) ค่าเข้า 5.5 EUR ชั้นบนเป็นห้องจัดแสดงสัตว์น้ำสตัฟ ส่วนชั้นล่างมีสัตว์น้ำตัวเป็นๆ ทางเดินลงไปทำจากหินพรุนและเปลือกหอยจำลองบรรยากาศเหมือนลงไปถ้ำใต้น้ำครับ
|
| เวลามาเที่ยวสถานแสดงพันธุ์สัตว์ในต่างประเทศมันตื่นตาตื่นใจตรงที่ได้เห็นสัตว์ที่หน้าตาแปลกประหลาดไม่เหมือนตัวทีเ่ห็นบ่อยๆในบ้านเรานี่แหละ แต่ช่วงหลังบ้านเราสวนสัตว์ดีๆ มีสัตว์นำเข้าจากต่างประเทศให้ชมกันเยอะเหมือนกัน ดีนะกรีซไม่นำเข้ากุ้งหอยปูปลาจากบ้านเรามาให้ชมมั่ง ไม่งั้นคงคิดว่าเดินอยู่อ่างศิลา
ได้เวลาเข้าชมเมืองเก่าละครับแถ่มแท้ม~ เย็นแล้ว.... ขอมาในโอกาสหน้าแล้วกัน //โดนอัด เย็นแค่ไหนก็เที่ยวได้ครับ อาคารต่างๆ ในเขตเมืองเก่าเปิดให้ชมกันถึงสองทุ่ม ยิ่งเย็นยิ่งถ่ายรูปสวยด้วยนะ
เมืองนี้ถูกสร้างเมื่อ 408 BC ตามที่เล่าไปเมื่อต้นบล็อก แต่สิ่งก่อสร้างที่เห็นเกือบทั้งหมดในเขตเมืองเก่าถูกสร้างในยุคกลางหลังถูกใช้เป็นที่มั่นของกองอัศวินแห่งเซนต์จอห์นในช่วงศตวรรษที่ 14-15 ครับ ภาคีอัศวินแห่งเซนต์จอห์น (The Order of the Knights of St. John) ถูกก่อตั้งขึ้นในเยรูซาเล็มโดยชาวอมาลฟี่ แต่ในช่วงสงครามครูเสด ซาลาดินเข้ายึดครองเยรูซาเล็ม ทำให้กองอัศวินต้องล่าถอยไปอยู่ที่ปาเลสไตน์ ไซปรัส ก่อนจะมาตั้งรกรากที่เกาะโร้ดยาวนานตั้งแต่ปี 1305 - 1522 มีแกรนด์มาสเตอร์ปกครอง 19 คน และสร้างเมืองขึ้นอย่างครบวงจรมีทั้งปราสาท โบสถ์ โรงเรียน โรงพยาบาล ที่สำคัญคือป้อมและกำแพงเมืองที่แข็งแกร่งโอบล้อมทั้งเมือง เป็นยุคที่รุ่งเรืองที่สุดของภาคีกลุ่มนี้ ก่อนแกรนด์มาสเตอร์คนสุดท้ายจะพ่ายแพ้ต่อสุลต่านสุไลมานที่นำกองทัพกว่าแสนคนบุกขึ้นเกาะ อัศวินและนักรบอาสาบนเกาะที่มีเพียง 7,000 ไม่สามารถต้านรับได้ จึงต้องทิ้งเกาะนี้ไปในปี 1522 และย้ายไปรวมกลุ่มที่มอลตาแทน ประเทศกรีซมีมรดกโลก 17 แห่ง และเมืองนี้เป็นหนึ่งในนั้น |
|
แผนที่เมืองเก่าโร้ด (คลิ๊กเพื่อชมภาพขยาย)
ที่เที่ยวในเมืองเก่ามีมากมายเลยครับ ซื้อตั๋วเข้าชมโบราณสถานในโร้ดจะมีตั๋วเข้า 4 ที่รวมกัน 10 EUR เข้าได้ทั้งปราสาทแกรนด์มาสเตอร์ (หมายเลข 1 ในแผนที่), พิพิธภัณฑ์โบราณคดี (หมายเลข 17), โบสถ์พระแม่แห่งปราสาท (หมายเลข 16), และพิพิธภัณฑ์มัณฑนศิลป์ (หมายเลข 71) ซื้อแบบนี้คุ้มกว่าครับเพราะตั๋วเข้าปราสาทแกรนด์มาสเตอร์กับพิพิธภัณฑ์โบราณคดีรวมกันก็ 6+8 = 14 EUR แล้ว และสองที่นี้สมควรเข้าเป็นอย่างยิ่ง!!! พิพิธภัณฑ์โบราณคดีโร้ด (Archeological Museum of Rhodes) เปิด 8.00 - 20.00 น. (ปิด 15.00 น. ในหน้าหนาว) เดิมคือโรงพยาบาลของเหล่าอัศวิน สร้างขึ้นในปี 1489 เป็นอาคารสองชั้น ลานด้านล่างมีรูปปั้นสิงโตขย้ำวัวที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยเฮเลนิสติกตอนปลาย มีห้องหับพอที่จะจุคนไข้ได้ร้อยคน
ปัจจุบันถูกใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมโบราณวัตถุจากทั่วทั้งเกาะโร้ด ทั้งจากเมืองเก่าโร้ดเอง และเมืองลินดอส คามิรอส และเอียลิซอส ไล่เรียงตั้งแต่ยุคกอนประวัติศาสตร์จนถึงยุคโรมัน ขึ้นบันไดกลางมาชั้นบนห้องแรกจะเป็นที่เก็บป้ายสุสาน และตราอัศวินสลักหิน เดินชมป้ายสุสานในอาคารเก่าแก่ยามโพล้เพล้นี่ให้บรรยากาศเย็นยะเยือกยิ่งนัก
และที่สำคัญที่สุดคือชิ้นข้างล่างนี้ครับ โลงศพของ Pierre de Corneillan แกรนด์มาสเตอร์ลำดับที่ 4 ของโร้ด (ปกครองในช่วงปี 1353-1355) ตัวโลงเป็นของจริง แต่ฝาโลงจำลองขึ้นจากของจริงที่ตอนนี้เก็บอยู่ที่ฝรั่งเศสครับ
ห้องอื่นๆก็มีโบราณวัตถุที่น่าสนใจมากมาย ชิ้นที่โด่งดังที่สุดคือสามชิ้นนี้ครับ จากซ้ายไปขวา - (1) รูปเทพีวีนัสสลักจากหินอ่อนท่ายืนเปลือยครึ่งตัว พบจากในทะเล เป็นเทวรูปจากวิหารอะโฟรไดท์ใกล้ท่าเรือ เรียกว่าวีนัสแห่งท้องทะเล (2) รูปเทพีวีนัสเปลือยนั่งคุกเข่า เรียกว่าวีนัสแห่งโร้ด สร้างประมาณปี 100 BC (3) ศีรษะเทพเฮลิออสผลงานยุคเฮเลนนิสติก สร้างปี 200 BC
สวนด้านหลังยังเป็นที่เก็บรวบรวมรูปปั้นและภาพโมเสกมากมาย
ตอนนี้ห้าโมงเย็นแล้ว แต่ยังมีเวลาอีกเหลือเฟือครับ ที่เที่ยวที่นี่ปิดสองทุ่ม เพียงแต่เมืองมันเริ่มจะน่ากลัวขึ้นทุกขณะ ออกจากพิพิธภัณฑ์แล้วตรงเข้าถนนอัศวินไปยังปราสาทแกรนด์มาสเตอร์ต่อครับ ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นที่สุดของเขตเมืองเก่า เพราะเป็นศูนย์กลางการปกครองเมืองโร้ดในยุคอัศวินและที่พำนักของแกรนด์มาสเตอร์ ผู้นำของเหล่าอัศวินแห่งเซนต์จอห์น
ปราสาทแกรนด์มาสเตอร์ (Palace of the Grand Master) สร้างในบริเวณที่เคยเป็นวิหารเทพเฮลิออสที่หลักฐานยุคหลังๆ สันนิษฐานว่ารูปปั้นโคลอสซัสเคยตั้งอยู่ โดยแรกเริ่มได้สร้างเป็นป้อมยุคไบแซนไทน์ในศตวรรษที่ 7 และเปลี่ยนเป็นปราสาทในศตวรรษที่ 14
เดิมทีบริเวณนี้มีโบสถ์เซนต์จอห์นที่เป็นศูนย์กลางศาสนาคริสต์ของเกาะแห่งนี้ แม้โครงสร้างของปราสาทจะแข็งแกร่งจนไม่ถูกทำลายแม้ตอนเกาะโร้ดถูกบุกเข้าตี แต่หลังพวกเติร์กเข้ายึดที่นี่ได้ก็ปล่อยให้ทิ้งร้าง ส่วนโบสถ์เซนต์จอห์นก็ถูกแปลงเป็นมัสยิด จนกระทั่งในปี 1856 เกิดเหตุฟ้าผ่าถูกดินปืนที่เหลือทิ้งอยู่ในหอระฆังจนเกิดระเบิดวินาศสันตะโร คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 800 คน โบสถ์เซนต์จอห์นไม่เหลือซาก ส่วนตัวปราสาทก็เสียหายขนาดหนัก โชคดียังมีการเก็บแปลนของโบสถ์เซนต์จอห์นไว้ เลยไปสร้างใหม่เป็น The Church of the Annunciation ตรงท่าเรือแมนดรากิที่โคลอสซัสเคยยืนอยู่นั่นไง ส่วนตัวปราสาทถูกบูรณะในปี 1940 เพื่อใช้เป็นที่พักของกษัตริย์เอ็มมานูเอลและมุโสลินีตอนมาพักที่เกาะนี้ และหลังกรีซประกาศอิสรภาพ เกาะโร้ดรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศกรีซ ปราสาทแห่งนี้ก็ถูกใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ไป
|
| ภายในปราสาทมี 150 ห้อง เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งห้อง ข้าวของเครื่องใช้ยังคงจัดแสดงไว้อย่างครบถ้วนเหมือนตอนยังใช้งานปราสาทนี้อยู่ ที่โด่งดังคือลายโมเสกบนพื้น ซึ่งบางจุดก็นำมาจากเกาะคอส มีอายุเกินพันปี รูปสลัก Laocoön and His Sons ที่จำลองจากของจริงที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์วาติกันก็มีความงดงามมาก
ลานด้านล่างมีรูปสลักยุคโรมันเรียงราย นี่ก็นำมาจากกาะคอสเช่นกัน
เดินออกจากปราสาทมาตามถนน Paneitiou จะเห็นซากที่เหลือของโบสถ์เซนต์จอห์น มีอาคารโรงเรียนสอนมุสลิมตั้งอยู่ด้านบน ที่เห็นไกลๆนั่นคือมัสยิดสุไลมานครับ
|
|
ตอนนี้ได้เวลากินข้าวเย็นละครับ ตระเวนเดินในเขตเมืองเก่ามีร้านน่ากินหลายร้าน สุดท้ายก็ถูกป้ายโฆษณาที่มีรูปอาหารประกอบล่อลวงไปกินร้านในตรอกแห่งหนึ่ง อาหารหน้าตาดีม้ากกกกก ♥ แต่แหลกม่ายล่ายเลยจ้า ปลาหมึกยักษ์เหนียวเหมือนยางลบ! สเต็กเนื้อเหนียวเคี้ยวไม่ขาด คาดหวังว่าความสัมพันธ์ของสองเราก็เช่นกัน (อ่านมาเรื่อยๆจะมีคนรู้ตัวมั้ยว่าตูโดนหลอกให้อ่านอะไร??) มีสลัดคาปรีพอไปวัดไปวาได้ สั่งมาเพราะเห็นในรูปจัดเรียงมาเหมือนเมนูในโจโจ้ภาค 4 ดี โอ้วววว มะเขือเทศกับชีส! ชีสกับมะเขือเทศ~!! อย่างน้อยมื้อนี้ก็เป็นมื้อที่ถ่ายรูปออกมาสวยที่สุดครับ ข้อนี้มั่นใจ
ตกยามค่ำคืน (เสียเวลานั่งเคี้ยวยางลบอยู่เป็นชั่วโมง) บรรยากาศเมืองเก่าโร้ดเปลี่ยนไปสวยงามอีกแบบ เมืองเปิดไฟสีสลัว แม้แต่ตอนนี้ปราสาทและพิพิธภัณฑ์ก็ยังเปิดอยู่นะครับ เดินมาตามถนนอัศวิน (The Knight's Street หรือ Ippoton) มีอาคารเก่ายุคศตวรรษที่ 15-16 เรียงรายสวยงาม หลายแห่งก็มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ไม่ได้เปิดให้เข้าไปชมอย่าง โบสถ์แห่งตรีเอกภาพอันศักดิ์สิทธิ์ (Church of the Holy Trinity) มีเสียงหีบเพลงจากวนิพกดังขึ้นมา มีผู้หญิงใส่ชุดย้อนยุคออกมายืนเป่าขลุ่ย ยิ่งคิดถึงประวัติศาสตร์ที่มีแต่การสู้รบในช่วงสงครามครูเสดแล้วเมืองนี้ก็ยิ่งหลอกหลอนแต่น่าหลงใหล
เดินออกมาท่าเรือโคโลน่า (Kolona Harbour) มีเรือขายเปลือกหอยมาจอดสองลำ ลองขึ้นไปดูแบบไม่คาดหวัง เพราะราคาเปลอกหอยที่เห็นที่อิตาลีและเกาะมิโคนอสมันแพงกว่าบ้านเรา เลยคิดว่าหอยเมดิเตอเรเนียนมันคงแพง ปรากฏว่าที่นี่ถูกเว้ยครับ! มีหอยหลายๆชนิดไม่ค่อยได้เห็นที่บ้านเรา แต่ที่นี่มีมากมาย อย่างหอยหวีหรือหอยแต่งตัว หรือบางตัวอย่างหอยแสงอาทิตย์หรือหอยงวงช้างกระดาษ เคยเห็นแต่ในหนังสือของคุณสุรินทร์ มัจฉาชีพ กับในพิพิธภัณฑ์ ไม่เคยเห็นวางขายเลยด้วยซ้ำ แต่บางหอยบ้านเราหาง่ายๆ แต่ที่นี่ขายแพงเหมือนกันอย่าง หอยหัวใจหรือหอยตาวัว เรือขายเปลือกหอยมีสองลำนะครับ ลำนึงมีให้เลือกเยอะกว่า แต่อีกลำมีหอยหายากมากกว่า
กลับที่พักเข้านอนหลับปุ๋ยๆ ชาร์จพลังก่อนครับ ยัง! เกาะโร้ดยังไม่หมดแค่นี้ แค่เมืองเก่ายังเที่ยวได้ไม่ครบเลย
วันต่อมาเลยเที่ยวต่อ 555 กลับเข้าไปในเขตเมืองเก่าแล้วไล่เก็บพวกสถานที่ๆเมื่อวานยังไม่ได้เข้าครับ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เปิดให้เข้าอะนะ เป็นแค่ซากโบราณข้างทาง ก่อนอื่นแวะมาหาข้าวเช้ากินแถวจตุรัสมรณะสักขีชาวยิว (Jewish Martyrs Square) .....ชื่อไม่เห็นชวนให้เจริญอาหารเช้าแต่อย่างใด แถบตะวันออกของเมืองเก่าเคยเป็นชุมชนชาวยิว แต่ถูกนาซีกวาดล้างไปมากจนปัจจุบันเหลือยิวอยู่ไม่กี่คนในเกาะโร้ดครับ รัฐบาลกรีซเลยให้จตุรัสนี้เป็นที่ระลึกถึงชาวยิวจากเกาะโร้ดและเกาะคอสจำนวน 1,604 คนที่ถูกส่งตัวไปสังหารที่ค่ายกักกันของนาซีในสงครามโลกครั้งที่ 2
วิหารพระแม่แห่งเบิร์ก (Our Lady of the Burgh) อยู่ติดท่าเรือฝั่งตะวันออก เป็นวิหารคาธอลิคที่ใหญ่ที่สุดในโร้ด เคยใช้เป็นที่ประทับของสังฆราช ก่อนจะถูกทำลายช่วงบุกเกาะโร้ดในปี 1522
|
สุสานของเรตเซปปาชา (Redjep-Pasha's Sarcophagus) ผู้สร้างมัสยิดเรตเซปปาชาเป็นมัสยิดที่สวยงามที่สุดบนเกาะนี้ในศตวรรษที่ 16 ก่อนจะถูกทิ้งร้าง
|
ซากโบสถ์อัครเทวดามิคาเอล (Church of Archangel Muchael)
|
พิพิธภัณฑ์มัณฑนศิลป์ (Museum of the Decorative Arts Collection) ตั้งอยู่หน้าจตุรัสอาร์ไจโรคาสโตร เดิมอาคารนี้เคยเป็นโรงพยาบาลในยุคอัศวิน ด้านในรวบรวมของตกแต่งภายในของอาคารเก่าในเกาะนี้ไว้ ใช้เวลาชมไม่นานเท่าไหร่ ถ่ายรูปไม่ได้นะครับ
|
วิหารเทพีอะโฟรไดต์ (Temple of Aphrodite) ตั้งอยู่หน้าประตู Eleftherias Gate ทางเข้าเมืองทิศเหนือ สร้างขึ้นราวปี 300 BC เป็นสิ่งก่อสร้างยุคกรีกโบราณไม่กี่แห่งที่หลงเหลือในเมืองนี้ (นี่เรียกว่าเหลือรึ??)
|
โรงแรมอูเวอเจน (Inn of Auvergen) อยู่ด้านหลังวิหารเทพีอะโฟรไดต์ สร้างในปี 1507 ตอนนี้ใช้เป็นอาคารหน่วยงานราชการ
| พิพิธภัณฑ์ในตั๋วที่ซื้อเมื่อวานยังเหลืออีกที่นึงยังไม่ได้เข้า คืออันนี้ครับ Our Lady of the Castle (โบสถ์พระแม่แห่งปราสาท) อยู่ตรงข้ามพิพิธภัณฑ์โบราณคดีโร้ดเลย สร้างขึ้นในยุคไบแซนไทน์ราวศตวรรษที่ 11 และถูกเปลี่ยนเป็นมัสยิดในปี 1523 แต่ในช่วงที่อิตาลีครอบครองกรีซก็รื้อโครงสร้างของอิสลามออกหมด ให้โบสถ์กลับมาอยู่สภาพเดิม ภายในเก็บภาพเขียนยุคศตวรรษที่ 15-17 ไว้มากมาย
หมดแล้วจ้า! สะใจกับเมืองเก่าโร้ดมากๆ ของที่ระลึกก็ซื้อแล้ว เปลือกหอยที่เมื่อวานทำใจซื้อไม่ลงแต่เกิดเปลี่ยนใจอยากได้ขึ้นมา วันนี้ก็เจอเรืออยู่ที่เดิมให้ซื้อมาจนได้ เรียกว่าหมดธุระกับเมืองเก่าโร้ดไปอย่างสมบูรณ์ ต่อไปเที่ยวเขต อะโครโปลิสของโร้ด (Acropolis of Rhodes) กันครับ อยู่ห่างจากโร้ด 3 km เป็นเมืองยุคกรีกโบราณ ประมาณ 300 - 200 BC ที่สร้างขึ้นบนเนินทางใต้ของเมืองโร้ด มีโบราณสถานที่สำคัญคือวิหารอพอลโลและโรงละครโบราณ แต่ช่วงนี้กำลังบูรณะ ห้ามเข้าจ้า
เวลาเหลือเพียบเลยครับ หลังจากนี้คือการเที่ยวมั่ว! เมื่อวานซืนตอนขับรถจากสนามบินไปเมืองโร้ด รู้สึกว่าชายหาดฝั่งตะวันออกมีโรงแรมหรูๆดังๆขึ้นเต็มเลย แต่มันมืดแล้วเลยไม่รู้ว่ามันสวยแค่ไหน วันก่อนเที่ยวชายหาดฝั่งตะวันออก (ติดกับตุรกี) ไปแล้ว วันนี้มาเลาะชมชายหาดฝั่งตะวันตก (หันเข้าหาหมู่เกาะในทะเลอีเจี้ยน) กันบ้าง หาดแรก! หาดอิกเซีย (Ixia Beach) เห้ย สวยยยยยยยยยยย!! ♥ นั่นคือสีของทะเลจริงๆรึ?? อย่างกับภาพวาดสีน้ำ บางจุดเป็นที่ส่วนตัวของโรงแรมที่ติดหาด มีบริการให้เช่าอุปกรณ์กีฬาทางน้ำด้วยครับ
จุดหมายต่อไปคือ เมืองโบราณคามิรอส (Ancient Kamiros) อยู่ห่างเมืองโร้ดลงมาทางใต้ 31 km เปิด 8.00 - 17.40 น. ค่าเข้า 6 EUR เป็น 1 ใน 3 เมืองที่ก่อตั้งโดยชาวดอเรียนในยุคเริ่มต้นของอารยธรรมบนเกาะโร้ด (อีกสองแห่งคือลินดอสและเอียลิซอส) และร่วมกันสร้างเมืองโร้ดขึ้นในปี 411 BC ตามที่เล่าไปแล้ว แต่เมืองก็ยังคงใช้งานมาจนถึงยุคโรมัน ซากปรักหักพังที่เห็นนี้ส่วนใหญ่สร้างในยุคโรมันนะครับ แต่สาเหตุที่เมืองถูกทิ้งร้างยังไม่ทราบแน่ชัด คาดว่าเพราะหนีโจรสลัด เมืองถูกฝังอยู่ในพื้นดินมาเป็นเวลานาน เพิ่งจะมีการขุดสำรวจเมื่อร้อยกว่าปีมานี้เอง
เทียบกับเมืองโบราณอื่นๆแล้วที่นี่แทบไม่เหลือเค้าโครงอะไรเลย ด้านล่างเป็นตลาด โรงอาบน้ำ วิหาร และลานน้ำพุ บนเนินมีวิหารเทพีอาเธน่าที่เหลือแต่ฐานแล้ว
เที่ยงวันนี้แวะกินอาหารทะเลที่ร้าน Porto Antico ซึ่งได้รับคูปองลด 15% มาจากโรงแรม อันที่จริงคูปองที่ว่าก็แจกไปทั่วเกาะโร้ดละครับ มาหยิบเอาหน้าร้านยังได้เลย ร้านอยู่ตรงข้ามทางเข้าคามิรอสพอดี ติดทะเลวิวสวยงาม อาหารก็อร่อยเลยครับ ปลาหมึกซอสไข่เค็มนี้ล้างปากไอ้ยางลบเมื่อวานได้ ส่วนจานปลาเลือกเอา Sea Bream... ไม่รู้ว่าคือตัวอะไร เปิดกูเกิ้ลบอกว่าเป็นปลาจาน (ซึ่งก็ไม่รู้จักอยู่ดี) จานนี้นึ่งกับน้ำมันมะกอกและมะนาว
ปราสาทคาสเทลลอส (Kastellos Castle) อยู่เลยจากคามิรอสลงมาทางใต้อีก 15 km สร้างโดยอัศวินในยุคกลางราวศตวรรษที่ 16 เพื่อป้องกันแนวชายฝั่งทิศตะวันตก ตัวปราสาทไม่ใหญ่มาก เดินขึ้นไปชมวิวด้านบนได้ฟรีเลยจ้า
ฝั่งตะวันตกยังมีหาดสวยๆอีกมากเลยครับ อันนี้หาดโคเปรีย (Kopria Beach) ชายหาดบนอ่าวเล็ก มีเก้าอี้พับให้นั่งฟรีไม่มีมาเฟียมาไถตังค์ ลมพัดเย็นสบาย บรรยากาศชิลมาก ชวนให้เจ้าของบล็อกนั่งชิลอยู่เฉยๆได้ถึง 10 นาที ทั้งที่ปกติมันงกเวลาตอนท่องเที่ยวมาก .....แล้วมันก็ไปเผาเวลาทิ้งที่สนามบินเหมือนเดิม (แป่ว!)
ตอนนี้บ่ายสอง เครื่องออกทุ่มนึง เที่ยวเรื่อยเปื่อยถึงบ่ายสามที่บ้านกลัวตกเครื่องขนาดหนัก เลยตัดจบทริปเกาะโร้ดไปสนามบินเลยละกัน ซึ่งเร็วเกินไป เขายังไม่ให้เช็คอินอะจ้ะ ก็นั่งจิ้มมือถือกันไป... ถ้าหาข้อมูลมาดีกว่านี้คงแบ่งเวลาไปเที่ยวหุบเขาผีเสื้อกับเมืองเอียลิซอส โอกาสได้กลับมาที่นี่ก็ยากเต็มทนเพราะมันเอกเทศจากแหล่งท่องเที่ยวอื่นขนาดนี้ ต้องตั้งใจมาโดยเฉพาะเลย
|
|
สรุปว่ารักมากครับเกาะโร้ด ไม่เกี่ยวกับการที่เคยไปเรียนที่รัฐโร้ดไอแลนด์ที่เมกาแต่อย่างใด เกาะนี้มีทั้งประวัติศาสตร์ยุคกรีกโบราณจนถึงยุคอัศวิน มี 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรรย์ของโลกยุคโบราณ เป็นดินแดนที่มีหลากหลายอารยธรรมเข้ามา วิวทะเลสวยงาม อากาศอบอุ่น ผู้คนเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยว ที่พักดีงามราคาถูก ข้าวของไม่แพง มีสินค้าหลากหลาย และ 4G แรงทั่วเกาะ แนะนำให้ใครที่มีโอกาสมาเที่ยวกรีซแบบมากันเอง ลองแวะมาเที่ยวโร้ดกันด้วยนะทุกคน คงเป็นเอนทรี่สุดท้ายของปีนี้แล้วครับ สวัสดีปีใหม่เพื่อนบล็อกทุกท่าน ขอให้เดินทางปลอดภัยทุกคน ใครอยู่บ้านก็ขอให้นั่งเปิดทีวีชมข่าวรถติดตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ อย่างรื่นเริงบันเทิงใจ ♥
เอ็นทรี่ต่อไปเป็นวันสุดท้ายของทริปกรีซแล้ว เที่ยวกรุงเอเธนส์ครับ
Create Date : 24 ธันวาคม 2561 |
|
79 comments |
Last Update : 24 ธันวาคม 2561 23:31:15 น. |
Counter : 2710 Pageviews. |
|
|
|