|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
ตามรอยอารยธรรมกรีก (1): เพโลพอนเนส
ซีรี่ยส์ยาวส่งท้ายปี ปีนี้ขอพาทุกท่านขึ้นเครื่องบินไปเที่ยวประเทศกรีซถิ่นกำเนิดอารยธรรมโบราณของโลกตะวันตก และเป็นต้นธารแห่งอารยธรรมหลายอย่างให้แก่โลกในยุคต่อมา
กรีซเป็นประเทศที่ผมหลงใหลมาตั้งแต่อ่านหนังสือเทพนิยายกรีกในห้องสมุดโรงเรียนสมัยประถม หรือไม่ก็ตอนอ่านการ์ตูนเรื่องเซนต์เซย่า (ไม่แน่ใจว่ารู้จักอันไหนก่อนกัน) และตั้งใจจะไปเที่ยวมาเนิ่นนาน กะว่าถ้าได้เที่ยวต่างประเทศที่แรกที่อยากจะไปก็ต้องเป็นกรีซ แต่ก็ถูกประเทศอื่นๆแซงไปเรื่อยๆ ทั้งเมกา สิงคโปร์ จีน ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น อินเดีย เวียดนาม พม่า อียิปต์ ตุรกี รัสเซีย มาเลเซีย อินโดนีเซีย อิตาลี กว่าจะมาถึงกรีซก็มาเอาตอนแก่แล้ว ทริปนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12-24 ต.ค. ถ้านับเฉพาะวันเที่ยวจริงๆก็ 10 วัน พักอีก 10 คืน ที่สำคัญคือเป็นทริปที่บ้านจัดไปกันเอง 3 คนแบบไม่ง้อทัวร์ เพราะทัวร์กรีซนั้นแพงมาก และโปรแกรมเที่ยวไม่จุใจเท่าไหร่ ซากอิฐไม่มากพอ ที่สำคัญราคายังแพงมากด้วย แถมยังแพงอีก (สรุปว่าไปเองเพราะทัวร์มันแพงนั่นแหละ!)
ความยากของการท่องเที่ยวกรีซแบบไม่ง้อทัวร์ก็คือขนส่งสาธารณะที่นี่ห่วยบัดซบครับ ไม่เหมือนญี่ปุ่น แค่ขึ้นรถไฟเป็นก็ไปได้ยันตรอกซอกซอย แต่กรีซต้องเช่ารถขับจ้า ซึ่งน้องผมทำหน้าที่สารถีก็ขอใบขับขี่อินเตอร์ไว้เรียบร้อย เตรียมเอกสารตามวีซ่าระบุ ทำประกันเดินทาง ทำโปรแกรมทัวร์แม่นๆ ซื้อซิมมือถือ จองที่พัก เครื่องบินทั้งข้ามประเทศและในประเทศ เช่ารถ จองเรือให้ครบ แล้วไปนัดคิวขอเชงเก้นวีซ่าโลด สถานทูตกรีซอยู่ที่สาธรทาวเวอร์ชั้น 23 ครับ มีห้องอยู่กระติ๊ดนึง รอคิวไปครึ่งวัน คนไทยไปกรีซก็น้อยจริงๆอะนะ เขาจะนัดวันไปรับวีซ่าแล้วก็บินโลดจ้าาาาา
เนื่องจากทริปนี้เที่ยวแหล่งอารยธรรมโบราณทางตอนใต้ของกรีซ ซึ่งจะข้ามไปข้ามมาหลายเมืองหลายเกาะ เพื่อความอินก่อนอื่นมาทำความรู้จักประเทศกรีซกันสักหน่อยครับ อย่าใช้คำปนกันนะครับ - อารยธรรมกรีก ชาวกรีก ประเทศกรีซ
ประเทศกรีซ มีชื่ออย่างเป็นทางการว่าสาธารณรัฐเฮเลนิก มีเมืองหลวงคือเอเธนส์ แบ่งออกเป็น 11 เขต ตามภาพเลยครับ เขตที่คนอยู่กันหนาแน่นที่สุดคือเอเธนส์และเมืองโดยรอบที่อยู่ทางตอนใต้ของแผ่นดินใหญ่ ซึ่งช่วงที่เอเธนส์มีอำนาจเป็นช่วงที่อารยธรรมกรีกรุ่งเรืองถึงขีดสุดด้วย แผ่นดินส่วนที่ถูกตัดออกมาจากส่วนอื่นด้วยคลองคอรินธ์เรียกว่าเพโลพอนเนส ที่เต็มไปด้วยเมืองโบราณอย่าง โอลิมเปีย คอรินธ์ ไมซินี สปาร์ต้า มิสทราส (รู้แล้วใช่ไหมว่าบ้านนี้จะเน้นเที่ยวที่ไหน?) ในทะเลมีหมู่เกาะไซคลาดิสที่มีเกาะอย่างซานโตรินีและมิโคนอสที่เป็นขวัญใจนักท่องเที่ยว และมีเกาะไกลออกไปเกือบถึงประเทศตุรกีอย่างหมู่เกาะโดเดคานีสที่มีเกาะโร้ด อันอุดมด้วยโบราณสถานทั้งยุคกรีกโบราณและยุคกลาง แต่ทริปนี้ไปไม่ถึงเกาะครีต เกาะใหญ่ที่สุดของกรีซที่อยู่ทางใต้นะครับ วันลาไม่พอจ้ะ
ทริป 10 วัน เที่ยวเมืองต่างๆ ตามลำดับนี้เลยครับ DAY 1 - คอรินธ์ ไมซินี DAY 2 - สปาร์ต้า มิสทราส โอลิมเปีย DAY 3 - นาฟปาคตอส เดลฟี DAY 4 - อาราโควา เอเธนส์ ราฟินา DAY 5 - มิโคนอส DAY 6 - ซานโตรินี DAY 7 - ซานโตรินี DAY 8 - โร้ด DAY 9 - โร้ด DAY 10 - เอเธนส์
ประวัติศาสตร์ของกรีกเล่าค่อนข้างยาก เพราะมีหลายรัฐเจริญและดับสลายในพื้นที่ใกล้เคียงกันนี้ ไม่ได้มีอาณาจักรที่ครอบคลุมทั้งพื้นที่แล้วค่อยๆแปรสภาพเป็นรัฐชาติเหมือนอยุธยาที่กลายเป็นประเทศไทยนะครับ ในพื้นที่แถบนี้เริ่มมีอารยธรรมมาตั้งแต่ยุคสำริด (Bronze Age) ราว 5,000 ปีก่อน ที่เกิดอารยธรรมมิโนอันขึ้นบนเกาะครีต ตามมาด้วยไมซินีที่เมืองไมซินี เข้าสู่ยุคอาร์เคอิค มารุ่งเรืองสูงสุดในยุคคลาสสิค เสื่อมลงในยุคเฮเลนิค จากนั้นพื้นที่ทั้งหมดก็ถูกโรมันยึดครอง เข้าสู่ยุคโรมัน ยุคกลาง และยุคใหม่
กรีซล่มสลายไปพร้อมๆกับที่โรมันผงาดขึ้นมา ดังนั้นโบราณสถานเกือบทุกแห่งจะเก่าแก่ก่อนยุคโรมันนะครับ ยกเว้นพวกที่โรมันมาสร้างทีหลังอย่างโรงละครเฮโรด ซุ้มเฮเดรียน ปราสาทอัศวินในยุคกลาง หรือกลุ่มโบสถ์คริสต์ที่มิสทราส โบราณสถานส่วนใหญ่ก็ถูกทำลายในสงคราม แหล่งท่องเที่ยวเลยไม่ค่อยเหลือวิหารสวยๆงามๆตระการตาอย่างที่อิตาลี แต่มันก็มีความทรงจำที่เก่าแก่กว่าฝังลึกอยู่ และเป็นแหล่งกำเนิดของศิลปะวิทยาการที่โรมันรับสืบทอดต่อไปด้วย
ทริปนี้เราบิน scoot ครับ สายการบิน low cost คุณภาพก็ low ตาม ไม่มีอาหาร ไม่มีผ้าห่ม ไม่โหลดกระเป๋า อยากได้ต้องซื้อเพิ่ม ซือ้ไปซื้อมา แม่ม แพงกว่าสายการบินปกติ ที่สำคัญ ไม่มีทีวีดูนะครับ 11 ชม. ก็นั่งไป
เครื่องลงถึงเอเธนส์วันที่ 13 ต.ค. เวลา 9.20 น. (เวลาที่กรีซช้ากว่าเมืองไทย 4 ชม.) โทรหาบริษัทเช่ารถ เขาก็เอารถมาส่งให้หน้าสนามบิน เซ็นเอกสาร สอนวิธีขับ แล้วก็ลุยเที่ยวกันได้เลย!!
เป้าหมายแรกคือเมืองคอรินธ์ ห่างจากสนามบินเอเธนส์ 105 km ใช้เวลาชั่วโมงนึง ถึงเอาตอนเที่ยง ก่อนเที่ยวก็ขอกินก่อนครับ และเราก็แวะร้านข้างทางกินมื้อแรกในกรีซ ขอลงรูปไว้หน่อย ร้านนี้เน้นแซนด์วิชกับเบอร์เกอร์ ยังไม่ใช่อาหารกรีกแท้ๆนะ เอาไว้เดี๋ยวจะพาไปชิมอาหารกรีกมื้อต่อๆไป
ร้านนี้อยู่ติดกับที่เที่ยวแรกเลยครับ คลองคอรินธ์ (Canal of Corinth) ที่ขุดเพื่อเชื่อมทะเลไอโอเนียนและทะเลอีเจี้ยนเข้าด้วยกัน ทำให้เพโลพอนเนสถูกตัดออกจากแผ่นดินใหญ่
มีความพยายามจะขุดคลองเชื่อมสองทะเลนี้ตั้งแต่ยุคกรีกโบราณแล้ว แต่มาสำเร็จเอาจริงๆเมื่อร้อยกว่าปีมานี้เอง โครงการขุดคลองนี้เริ่มขึ้นในปี 1881 แล้วเสร็จในปี 1893 มีความยาวถึง 6.4 km กว้าง 21 เมตร ที่สำคัญคือความชันของหินที่คั่นสองทะเลนี่สิครับ ทำให้ต้องให้เงินมหาศาลในการขุดหินขนาดมหึมาให้เป็นคลอง เป็นภูมิประเทศที่โหดร้ายจริงๆ วัดจากก้นจนถึงขอบคลองนี้สูงถึง 79 เมตร สูงกว่าคลองสุเอซมากๆ (สูง 12 เมตร) ถึงกระนั้นคลองก็ได้ใช้ประโยชน์ไม่นานเมื่อการสัญจรทางเรือลดความสำคัญลง ปัจจุบันถึงจะยังคงมีเรือใช้เส้นทางนี้อยู่ แต่มันมีชื่อเสียงในฐานะแหล่งท่องเที่ยวมากกว่า
ภาพตรงนี้ถ่ายจากสะพานข้ามคลองครับ มองออกไปทางทะเลไอโอเนียนจะเห็นสะพานคอรินธ์ด้วย
ถัดมาคือเมืองโบราณคอรินธ์ (Ancient Corinth) อยู่ห่างจากคลองมาจากตะวันตก 12 km เป็นเมืองที่มีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์และมีภูเขาหินทางตอนใต้เป็นปราการธรรมชาติ เมืองคอรินธ์ถูกสร้างเป็นรัฐในช่วงปี 1000-900 BC มีกษัตริย์ปกครอง ต่อมาได้ผูกพันธมิตรกับสปาร์ต้าในปี 500 BC ก่อนที่จะถูกกษัตริย์ฟิลิปส์แห่งมาเซโดเนียกำราบในปี 338 BC และถูกฟื้นฟูขึ้นอีกครั้งโดยจูเลียสซีซาร์ แต่ต่อมาก็ถูกทำลายโดยสงครามครูเสด การบุกของเติร์ก และแผ่นดินไหว
เมืองคอรินธ์โบราณเต็มไปด้วยซากปรักหักพังที่ดูไม่เป็นรูปร่าง ส่วนใหญ่เป็นสิ่งก่อสร้างสมัยโรมัน ที่โดดเด่นกลางเมืองคือวิหารอพอลโล (Temple of Apollo) สร้างราว 600 BC และยังคงเหลือเสายุคอาร์เคอิคยืนอยู่เจ็ดต้น
ในเขตเมืองโบราณมีพิพิธภัณฑ์โบราณสถานคอรินธ์ (Ancient Corinth Archeological Site Museam) สร้างในปี 1931 รวบรวมของที่ขุดพบในคอรินธ์ไว้ ทั้งรูปสลักคูรอส, ปูนปั้นประดับวิหาร, โลงศพ, โครงกระดูกคนโบราณ, หม้อไหยุคก่อนประวัติศาสตร์ ฯลฯ พิพิธภัณฑ์ในกรีซส่วนมากถ่ายรูปได้ครับ เพราะเขาอยากให้คนเอาไปศึกษาหรือโปรโมทต่อไปด้วย แต่ห้ามใช้แฟลชนะ ค่าเข้าตัวเมืองโบราณและพิพิธภัณฑ์รวมกัน 8 EUR
ส่วนป้อมอะโครคอรินธ์ไม่ได้ไปนะครับ สถานที่เป้าหมายถัดไปของวันนี้ก่อนมันจะปิดคือเมืองโบราณไมซินีในไมคิเนส เป็นศูนย์กลางของอารยธรรมไมซินี อารยธรรมยุคแรกๆของกรีซที่เก่าแก่รองจากมิโนอันเท่านั้นเอง (ส่วนก่อนหน้านั้นนับเป็นยุคก่อนประวัติศาสตร์) อารยธรรมไมซินีมีอายุราว 3,000 - 3,500 ปี (ช่วงที่อียิปต์กำลังเจริญถึงขีดสุดคือช่วงที่กรีกเพิ่งเริ่มอารยธรรมครับ) เป็นช่วงที่เกิดสงครามกรุงทรอยที่โฮเมอร์กล่าวถึงในมหากาพย์อิเลียด แม้แต่ยุคของโฮเมอร์ สงครามกรุงทรอยก็นับเป็นเรื่องในอดีตอันแสนไกล กว่าจะมีการค้นพบเมืองทรอยจริงๆที่ตุรกี ก็ล่อไปปี 1863 เลย
เมืองโบราณไมซินี (Ancient Mycenae) อยู่ทางใต้จากคอรินธ์ลงมา 34 km โบราณสถานที่หลงเหลือในไมซินีส่วนมากเป็นหลุมฝังศพของกษัตริย์ ทางตอนใต้ของเมืองมีหลุมศพอกาเมมนอน (Tomb of Agamemnon) บางที่จะเห็นคำเรียกหลุมศพรูปโดมแบบนี้ว่า tholos ค่าเข้า 12 EUR รวมกับค่าเข้าเมืองโบราณไมซินี สร้างขึ้นราวปี 1250 BC (หลุมศพอายุ 3,200 กว่าปี!!) อกาเมมนอนคือกษัตริย์ของไมซินีที่รบชนะจากสงครามกรุงทรอย หลังเสียชีวิตเขาถูกนำมาฝังที่นี่พร้อมทรัพย์สมบัติมากมาย โดยเฉพาะทองคำที่ถลุงได้มากที่ไมซินี
เมืองและพระราชวังของไมซินีสร้างบนเนินเล็กๆ รอบๆมีหลุมฝังศพสมัยโบราณมากมาย ที่เด่นคือหลุมฝังศพวงกลม Grave Circle B มีหลุมศพรวม 26 หลุม
ประตูสิงห์ (Lion Gate) เป็นประตูเมืองที่เป็นภาพจำของผู้คนว่าครั้งหนึ่งกองทัพไมซินียกทัพกลับมาผ่านประตูนี้หลังชนะสงครามกรุงทรอย ที่สำคัญรูปสลักราชสีห์นี้ถือเป็นงานแกะสลักที่เก่าแก่ที่สุดของกรีกที่หลงเหลือมาถึงยุคนี้ด้วย ตั้งแต่ยุคสำริดอะคิดดู!
สิ่งก่อสร้างที่โดดเด่นที่สุดคือ Grave Circle A อยู่ถัดจากประตูสิงห์เข้ามาหน่อยเดียว เป็นหลุมฝังศพกษัตริย์เรียงกัน 6 หลุม เป็นรูปวงกลม สมบัติชิ้นสำคัญที่สุดที่ขุดพบใน Grave Circle A คือหน้ากากทองคำอกาเมมนอนที่ใช้ปิดหน้าอกาเมมนอนตอนฝัง ปัจจุบันถูกนำไปเก็บที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเอเธนส์ แต่จากวิทยาศาสตร์ปัจจุบันตรวจสอบพบว่าหน้ากากที่ว่ามีอายุเก่าแก่กว่าสงครามกรุงทรอยถึง 300 ปี ไม่น่าจะใช่ของอกาเมมนอน
ด้านบนวิวดีลมแรง มองเห็นซากเมืองไมซินีกระจัดกระจายอยู่ทั่วเนินเขา
|
ด้านบนสุดของเนินเป็นพระราชวัง แต่นอกจากกำแพงหินก็ไม่เหลืออะไรให้ดูแล้วครับ
| ลงมาจากเนินด้านบน ข้างล่างมีพิพิธภัณฑ์โบราณคดี (Archeological Museum) รวมรวมของที่ขุดพบที่ไมซินี ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือของที่บรรจุลงไปในหลุมฝังศพนั่นแหละ ของสำคัญหลายๆชิ้นอยู่พิพิธภัณฑ์อื่นหมดแล้ว อย่างหน้ากากอกาเมมนอนจะจำลองขึ้นมาครับ
ข้างพิพิธภัณฑ์มี Lion Tholos Tomb เป็นอีกหลุมฝังศพนึง
|
|
ตอนนี้บ่ายสามกว่าๆ จองที่พักคืนแรกไว้ที่เมืองสปาร์ต้า ไกลจากไมคิเนส 113 km เลยครับ ต้องทำเวลาหน่อย ขับรถชมวิวชนบทข้างทางชั่วโมงครึ่ง ก็มาถึงสปาร์ติในที่สุด เมืองสปาร์ต้าใหม่นี้ถูกสร้างขึ้นทางตอนใต้ของเมืองโบราณสปาร์ต้า เต็มไปด้วยอาคารแบบนีโอคลาสสิค มีต้นปาล์มเรียงเป็นทิวแถวตามถนนหลัก มาสิ้นสุดที่เมืองโบราณสปาร์ต้าที่มีอนุสาวรีย์ลีโอไนดัส ยืนตระหง่านอยู่หน้าสนามกีฬาชุมชนที่ตั้งติดกับเขตเมืองโบราณ
สปาร์ต้า (Sparta) เป็นรัฐในดินแดนกรีกโบราณที่มีชื่อเสียงโด่งดังเรื่องการทหาร สร้างขึ้นราวปี 1100 BC ช่วงที่ชาวดอเรียนอพยพเข้ามาทางพื้นที่ตอนใต้ของกรีซ และรุ่งเรืองสูงสุดในยุคคลาสสิคทัดเทียมนครเอเธนส์ ศึกที่เป็นที่กล่าวขานเป็นอย่างมากคือสงครามเทอร์โมพิเลที่ลีโอไนดัสนำชาวสปาร์ต้า 300 นายต้านทานการบุกของกองทัพเปอร์เซียที่มีจำนวนมากกว่าหลายร้อยเท่าได้ (แต่สุดท้ายก็แพ้) ตำนานการสู้รบที่กล้าหาญของชาวสปาร์ตาได้ฝังลึกเป็นความภาคภูมิใจในความเสียสละเพื่อปิตุภูมิ ช่วงปลายยุคคลาสสิค สปาร์ต้ารบชนะเอเธนส์ แต่สุดท้ายก็ไปแพ้มาเซโดเนียที่ครอบครองรัฐเกือบทั้งหมดของกรีซในเวลาต่อมา
ลีโอไนดัสจากเรื่อง 300 >> RRRRRRRR |
| บรรยากาศยามเย็นในเมืองสปาร์ติ
ทริปนี้จะต้องเปลี่ยนที่นอนเกือบทุกคืนครับ คืนแรกพักที่ Lakonia Hotel ราคาที่พักของกรีซจะแพงกว่าไทย แต่ไม่ถึงขนาดญี่ปุ่นครับ โรงแรมนี้คืนละ 1,967 บาท ถือว่าถูกนะ (ถ้าเอาอาหารเช้าเพิ่มหัวละ 5 ยูโร) แม้ว่าห้องจะแคบและประตูไขยากไปหน่อย ไม่มีที่จอดรถ แต่ข้างถนนของกรีซก็หาที่จอดรถไม่ยากเท่าไหร่
เช้ามาเราเริ่มการท่องเที่ยววันที่สองด้วยการเข้าพิพิธภัณฑ์โบราณคดีสปาร์ต้า (Archeological Museum of Sparta) สร้างในปี 1876 พิพิธภัณฑ์ของที่นี่แต่ละแห่งอายุเป็นร้อยปีทั้งนั้นเลยนะครับ ที่นี่รวบรวมโบราณวัตถุที่พบในเมืองสปาร์ต้า ทั้งรูปปั้น รูปสลัก หลักศิลา ป้ายหลุมศพ ดินปั้น ภาพโมเสก ค่าเข้า 6 ยูโร ถ่ายรูปได้เช่นเดียวกันครับ
ชิ้นที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือรูปปั้นลีโอไนดัส (ยิ้มแฉ่งมาเชียว) รูปปั้นหน้าสนามกีฬานั่นสร้างใหม่ แต่อันนี้ของเก่าดั้งเดิมตั้งแต่มัยสปาร์ต้ารุ่งเรืองเลยนะครับ สร้างขึ้นในปี 480 - 470 BC ถูกขุดพบที่เทวสถาน Athena Chalkioikos ในเมืองสปาร์ต้าโบราณ
ได้เวลาเข้าเมืองสปาร์ต้าแล้วครับ เมืองโบราณอยู่หลังสนามกีฬาที่มีรูปปั้นลีโอไนดัสนั่นแหละ ค่าเข้า 6 EUR พอเข้ามาแล้วรู้สึกถึงความเป็นเมืองโบราณมากกว่าสองเมืองที่ผ่านมามาก คอรินธ์แทบไม่เหลืออะไรให้ดู ส่วนไมซินีก็มีแต่หลุมศพ แต่สปาร์ต้าเป็นเมืองบนเนินเขา หรือที่เรียกว่าอะโครโปลิส (Acropolis) ซึ่งหลายเมืองในสมัยโบราณนิยมสร้างไว้เป็นยุทธศาสตร์รับมือสงคราม
มีต้นมะกอกเก่าแก่เต็มพื้นที่ ให้ความรู้สึกเป็นกรีกมาก
|
กำแพงเมืองสปาร์ต้าที่ยังหลงเหลือในปัจจุบัน สร้างในยุคโรมัน มีการเอาเศษชิ้นส่วนอาคารพังๆแถวนี้ไปปะกำแพงด้วย
| สิ่งก่อสร้างที่โดดเด่นที่สุดเห็นจะเป็นโรงละครที่อยู่ทางตอนใต้ของเมือง อยู่ต่ำกว่าโบราณสถานอื่นๆที่อยู่บนเนินครับ มองลงไปจะเห็นเมืองสปาร์ติปัจจุบันและเทือกเขาทายเกตัสเป็นฉากหลัง โรงละครนี้จุคนได้ 17,000 คน
ในเมืองยังมีโบราณสถานกระจายตัวอยู่จำนวนมาก มีทั้งสมัยสปาร์ต้า ไปจนถึงวิหาร Basilica of St.Nikon สมัยไบแซนไทน์
เที่ยวสปาร์ต้าเสร็จเพิ่งจะสิบโมงเช้า วันนี้ทำเวลาดีเกินคาด ว่าแล้วก็ไปที่ต่อไปเลยดีกว่า ทีแรกคิดว่าจะมาช่วงบ่าย เมืองโบราณมิสทราสครับ อยู่ทางตะวันตกของสปาร์ติแค่ 5 km แต่เป็นเส้นทางขึ้นภูเขานะครับ
มิสทราส (Mystras) ถูกสร้างขึ้นในปี 1249 ยุคไบแซนไทน์โดยวิลฮาดูอินวิลเลียมที่สอง เป็นปราสาทป้อมปราการ และโบสถ์คริสต์บนยอดเขารับมือสงครามครูเสด และหลังคอนสแตนติโนเปิลถูกพวกเติร์กทำลายในปี 1453 มิสทราสก็ตกอยู่ภายใต้การครอบครองของจักรวรรดิออตโตมัน
ค่าเข้า 15 EUR แพงกว่าเมืองอื่นที่ผ่านมา แต่สวยคุ้มครับ ที่นี่เป็นมรดกโลกด้วยนะ ขึ้นไปเพลิดเพลินกับปราสาทยุคไบแซนไทน์กลางหุบเขาอากาศเย็นๆ ท้องฟ้าสวยๆ นี่มันฉากในเทพนิยายชัดๆ มาผ่อนคลายก่อนกลับไปพบซากอิฐในเมืองต่อไปนะพวกเรา
เดินขึ้นไปเรื่อยๆครับ มีโบสถ์สวยๆให้แวะรายทาง แต่ผมก็แวะไม่ครบอะนะมันเยอะมาก ด้านบนสุดนั่นคือปราสาทมิสทราสของวิลฮาดูอิน
โบสถ์แรกที่เจอเรียกว่า The Cathedral Church of Agios Demetrios ปัจจุบันชั้นสองใช้เป็นพิพิธภัณฑ์เก็บจารึกและคัมภีร์ โบราณวัตถุชิ้นสำคัญคือเศษเสื้อผ้าที่ขุดพบจากสุสานของขุนนางสาว ยุคศตวรรษที่ 15 และแผ่นจารึกที่มีลายมือชื่อย่อของตระกูลคันทาคูเซนอสที่ปกครองมิสทราสในช่วงปี 1348-1384
The Monastery of Pantanassa เป็นอีกหนึ่งโบสถ์สวยที่เต็มไปด้วยดอกไม้งามและฝูงแมว สร้างขึ้นในปี 1428 โดยแม่ทัพไอโอนิส แฟรงโคปูลอส เพื่อบูชาแพนตานาสซา มารดาแห่งทวยเทพ
มีภาพเขียนผนังที่ค่อนข้างสมบูรณ์เหลืออยู่เป็นจำนวนมาก ถ้านับจากอายุสร้างโบสถ์ภาพเขียนเหล่านี้ก็อายุ 600 ปีแล้ว พอๆกับสมัยอยุธยาตอนต้นเลย
|
หัวเสาต้นนี้มีลายมือชื่อย่อของไอโอนิส แฟรงโคปูลอส ผู้สร้างโบสถ์แห่งนี้ขึ้น
| พระราชวังบนยอดนั่นขึ้นได้ทางเดียวคือขึ้นจากอายาโซเฟีย โบสถ์ประจำพระราชวังครับ แต่ถ้าเดินจากตรงนี้ก็ปีนเขากันหน้าซีด คนขายตั๋วแนะนำให้ขับรถไปอีกฟากของภูเขา ใช้เวลาเดินต่ออีก 5 นาทีก็ถึงอายาโซเฟียเลยครับ
The Church of Agia Sophia สร้างช่วงศตวรรษที่ 14 โดยมานูเอล คันทาคูเซนอส ผู้นำเผด็จการคนแรกของมิสทราส เป็นโบสถ์ประจำพระราชวัง มีเพดานสูงกว่าโบสถ์ยุคไบแซนไทน์ทั่วๆไป
ทางขึ้นไปยังตัวปราสาทวิลฮาดูอินเดินค่อนข้างยากนะครับ หมดโปรโมชั่นทางเดินดีๆแล้ว แทบจะต้องชิ่งตามหินขึ้นไป แต่คนก็ขึ้นมาจนถึงบนสุดไม่น้อยเลยนะครับ ตัวปราสาทนี้สร้างขึ้นตั้งแต่แรกก่อตั้งมิสทราสในปี 1249 และยังคงรูปแบบเดิมไว้
มองลงไปด้านล่าง เห็นไกลถึงเมืองสปาร์ติเลย
หมดละจ้า เที่ยวจุใจมากๆสำหรับมิสทราส ขับรถออกมาสักพักเห็นมุมถ่ายรูปสวย ด้านบนนั่นคือพระราชวังของวิลฮาดูอิน ส่วนด้านล่างเป็นหมู่คฤหาสน์ของชนชั้นปกครอง
ระหว่างทางมีร้าน Marmara แวะกินข้าวที่นี่ละครับ เป็นอาหารกรีกแท้ๆ หลังจากค้นพบจากมื้อก่อนๆ ว่าคนกรีกกินเยอะกว่าคนไทย สั่งคนละจานมาทีไรก็เหลือ มื้อนี้สามคนเลยสั่งแค่สองอย่างจ้า ขาแกะย่าง กับสปาร์เก็ตตี้ไก่ เป็นครั้งแรกที่ได้กินแกะบนแผ่นดินกรีซ มันอร่อยมากกกกกกกก หอมกลิ่นย่างเนื้อแกะและเครื่องเทศ กินกับน้ำมันมะกอกชุ่มฉ่ำ และมันทอดกรอบนอกนุ่มใน ที่นี่แกะราคาเท่าไก่เท่าหมูเลยนะครับ ถูกกว่าเนื้อวัวด้วยซ้ำ (แกะจานนี้ 13 ยูโร) เป็นโอกาสดีที่จะได้กินแกะรัวๆ เจ้าของร้านก็คุยเก่งอีก เห็นเราชอบถ่ายรูปแกเลยแนะนำแกลเลอรี่รูปถ่ายให้ไปชมด้วย แต่ไม่ได้ไปอะ แหะๆ อยู่นอกแผนเที่ยว เดี๋ยวเที่ยวไม่ครบ
สถานที่ต่อไปคือโอลิมเปีย เมืองแห่งทวยเทพและการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคของโลกยุคโบราณ เมืองนี้อยู่ห่างจากมิสทราสไปทางตะวันตกเฉียงเหนือเป็นระยะทาง 165 km นับว่าเป็นเส้นทางที่ยาวที่สุดในทริปนี้แล้วครับ แต่ถ้าเทียบกับประเทศไทยมันก็พอกับขับจากกรุงเทพไประยองแค่นั้นนี่นะ เอ้า ขับรถเข้าไปเลยสองชั่วโมงครึ่งก็ถึง ถนนกรีซโล่งม้ากกกก เพลินเพลินกับวิวภูเขาเต็มที่ แต่ก็ไม่กล้าขับเกิน speed limit อะนะ เดี๋ยวคืนรถแล้วเขาตามไปเก็บค่าปรับทางบัตรเครดิต ช่วงนี้แวะพักผ่อนชมวิวชนบทกันก่อนครับ
|
| เมืองโอลิมเปีย (Olympia) มีมนุษย์เข้ามาตั้งรกรากอยู่ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ และเริ่มเจริญรุ่งเรืองขึ้นในยุคอาร์เคอิค ซึ่งมีการสร้างวิหารเทพีเฮรา และเริ่มต้นการแข่งกีฬาโอลิมปิค และไปเจริญรุ่งเรืองสูงสุดในยุคคลาสสิค เช่นเดียวกับนครรัฐส่วนใหญ่ในกรีกโบราณ ได้มีการสร้างวิหารเทพเจ้าซุสเป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นซุสที่เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคโบราณด้วย แต่หลังจักรพรรดิโรมันแบนกีฬาโอลิมปิค เมืองนี้ก็ลดความสำคัญลง และถูกแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปี 522 และ 551 ทำลายเมืองจนกลายเป็นกองอิฐที่ถูกโคลนทับถมมานับพันปี
ถึงที่นี่จะสร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพแห่งโอลิมปัส แต่ยอดเขาโอลิมปัสที่สถิตของเทพไม่ได้อยู่ที่นี่นะครับ อยู่ใจกลางประเทศเลย (ไม่ได้ไป)
ที่นี่เก็บค่าเข้า 12 EUR รวมเข้าได้สามที่คือเมืองโบราณโอลิมเปีย, พิพิธภัณฑ์โบราณคดีโอลิมเปีย และพิพิธภัณฑ์โอลิมปิคเกมส์ครับ ตัวเมืองโบราณเข้าได้ถึง 18.30 น. ส่วนพิพิธภัณฑ์ปิด 20.00 น. เลย เมื่อเข้ามาได้สิ่งแรกที่ต้องทำคือตระการตาครับ! ซากอิฐมันเยอะกว่าเมืองก่อนๆมากกกกกก และตอนนี้ก็สี่โมงเย็นแล้ว ต้องรีบถ่ายรูปก่อนที่แสงหมดแล้วภาพมันจะไม่สวย
เลย์เอาท์ของโบราณสถานในเมืองโบราณตามภาพเลยครับ ภาพนี้จำลองเมืองในยุคนั้นขึ้นมา นึกย้อนไปในอดีตที่ยังเจริญรุ่งเรืองมันก็ผ่านมาเป็นพันปีแล้วอะนะหลานเอ้ย เราเข้ามาจากด้านทิศเหนือ โบราณสถานแรกที่เจอจะเป็นยิมเนเซียมครับ ตะวันออกของเมืองเป็นสนามกีฬาโอลิมปิค ทางใต้มีโรงอาบน้ำโรมันที่สร้างขึ้นในยุคโรมัน
แต่อันแรกที่สวยต้องตาก็ต้องอันนี้เลย วิหารฟิลิปส์ (Philippeion) ไม่ใช่อาคารของชาวฟิลิปปินส์นะ แต่เป็นวิหารทรงกลมที่กษัตริย์ฟิลิปส์ที่สองสร้างขึ้นปลายยุคคลาสสิค เพื่อขอบคุณเทพเจ้าซุสที่ทำให้รบชนะสงครามแชโรเนียในปี 338 BC และยังเป็นการประกาศศักดาของมาเซโดเนียเหนือเมืองอื่นๆในกรีกด้วย
ติดกันคือวิหารเทพีเฮรา (Temple of Hera) เป็นวิหารที่เก่าแก่ที่สุดของโอลิมเปีย สร้างขึ้นราวปี 600 BC ขนาด 50 เมตร x 18.75 เมตร x 7.8 เมตร มีเสา 6 ต้นในแนวขวาง และ 16 ต้นในแนวยาว นับว่าใหญ่โตมากสำหรับอาคารในยุคอาร์เคอิค
ด้านล่างของวิหารเทพีเฮรา คือวิหารเทพเจ้าซุส (Temple of Zeus) เป็นวิหารที่ใหญ่โตที่สุดของเมืองนี้และใหญ่ที่สุดในแผ่นดินเพโลพอนเนส สร้างขึ้นในปี 470 BC ขนาด 64.12 เมตร x 27.68 เมตร x 20 เมตร มีเสา 6 ต้นในแนวกว้าง และ 13 ต้นในแนวยาว ที่นี่เคยเป็นที่ประดิษฐานของเทวรูปซุส ในท่าประทับ สูง 12 เมตร สร้างจากหินอ่อน ประดับด้วยงาช้างและทองคำ โดยฝีมือของฟีเดียส ช่างมือหนึ่งของกรีก เจ้าเดียวกับที่สร้างเทวรูปอาเธน่าที่พาเธน่อน กรุงเอเธนส์ และเทวรูปซุสนี้ถูกยกย่องเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ น่าเสียดายที่ไม่เหลือซากให้ดูแล้วครับ เหลือแค่ชิ้นส่วนนิดๆหน่อยๆในพิพิธภัณฑ์
|
| กลับมาที่โบราณสถานน่าสนใจอื่นๆในโอลิมเปียกันครับ
| โรงฝึก (Gymnasion) ระเบียงคดกว้าง 120 เมตร x ยาว 220 เมตร สร้างเมื่อ 200 BC เป็นที่ฝึกวิ่งแข่ง พุ่งหลาว ร่อนจาน เป็นโบราณสถานแรกที่จะเห็นตอนเข้ามาในโอลิมเปีย เพิ่งขุดบูรณะไปส่วนนึงครับ
| โรงมวยปล้ำ (Palaestra) ระเบียงคดกว้าง 66 เมตร x ยาว 66 เมตร เต็มไปด้วยเสาเรียงราย สร้างเมื่อ 300 BC ใช้เป็นที่ฝึกมวยปล้ำ ชกมวย ก้าวกระโดด รวมถึงสอนหนังสือด้วย อาคารเอนกประสงค์ว่างั้น
|
|
| สิ่งก่อสร้างยุคก่อนประวัติศาสตร์ (Prehistoric Building) อายุ 4,000 ปี แสดงการตั้งรกรากของมนุษย์ในพื้นที่นี้มายาวนาน
| โรงอาบน้ำเลโอนิดาออน (Leonidaion Thermae) โรงอาบน้ำโรมันที่สร้างสมัยจักรพรรดิเนโร (แม้จะเผากรุงโรมแต่ชาวโรมันก็ย่อมมีสุนทรีย์ในการอาบน้ำ) ถูกดัดแปลงเป็นโรงผลิตไวน์ในศตวรรษที่ 5-6
|
|
| อาคารตะวันตกเฉียงใต้ (SW Building) เรียกชื่อกันตรงๆแบบนี้แหละ เพราะเป็นอาคารที่อยู่ทางตะวันตกสุดใต้สุดของเมืองนี้แล้ว เป็นสระว่ายน้ำสมัยโรมันที่สร้างพร้อมคอมเพล็กซ์โรงอาบน้ำนี่แหละครับ
| โรงช่างของฟิเดียส (Workshop of Pheidias) สร้างในปี 500 BC เป็นโรงงานที่ช่างฝีมือฟิเดียส ช่างเอกของเอเธนส์ มาปักหลักตั้งโรงงานผลิตงานฝีมือที่นี่ในช่วงที่ก่อสร้างเทวรูปซุส ถูกดัดแปลงเป็นโบสถ์คริสต์ในช่วงศตวรรษที่ 5
|
|
| ระเบียงยาว (Heptaechos หรือ Echo Portico) สร้างในปี 400 BC เป็นระเบียงด้านหลังสนามกีฬาที่ทำให้เสียงของกรรมการดังกังวาล ว่ากันว่ามันถูกออกแบบมาให้สามารถส่งเสียงสะท้อนไปมาได้เจ็ดรอบ ด้านหน้ามีเสาสองต้นสูง 8.5 เมตร บนยอดมีรูปปั้นเพื่อระลึกถึงฟิลาเดลฟัสปโตเลมีที่สอง และอาร์สินอ
| และทางตะวันออกสุดของเมืองลอดซุ้มหินออกมาจะมาถึงสิ่งนี้ครับ สนามกีฬา (Stadium) สนามกีฬาสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 192 เมตร x 29 เมตร จุคนได้ 40,000 คน เป็นสถานที่จัดโอลิมปิคเกมส์ในยุคโบราณตั้งแต่ปี 776 BC และจัดขึ้นทุกสี่ปี แต่ละรัฐในกรีกจะคัดเอานักกีฬามาแข่งขันกันเป็นเทศกาลเพื่อบูชาทวยเทพ ระหว่างแข่งกีฬาความบาดหมางระหว่างรัฐจะถูกลืมทั้งหมด นับถือศาสนาเดียวกันมันก็คุยกันง่ายแบบนี้ครับ
เมื่อโรมันเข้ามามีอำนาจเหนือกรีก ความสำคัญของกีฬาโอลิมปิคก็ลดลงไป และถูกยกเลิกไปในปี 393 โดยจักรพรรดิธีออโดเซียส ซึ่งไม่ยอมรับวัฒนธรมต่างถิ่น เป็นการสิ้นสุดมหกรรมกีฬาที่จัดต่อเนื่องกันมากว่าพันปี ก่อนจะกลับมาจัดอีกครั้งที่เอเธนส์ในปี 1896 เป็นการรื้อฟื้นมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษยชาติกลับมา เดี๋ยววันที่ไปถึงเอเธนส์จะพาไปดูสนาม Panathenaic Stadium ที่จัดกีฬาโอลิมปิคยุคใหม่ครั้งแรกครับ
จากตัวเมืองโบราณเดินผ่านสวนพฤกษศาสตร์มา จะพบพิพิธภัณฑ์โบราณคดีโอลิมเปีย (Archeological Museum of Olympia) เป็นที่รวบรวมโบราณวัตถที่ขุดพบในเมืองโอลิมเปีย ที่นี่ใหญ่โตกว่าพิพิธภัณฑ์ที่ผ่านมามากๆครับ ถึงจะเห็นข้างนอกมันเตียนๆแบบนี้ก็เถอะ จะแบ่งการจัดแสดงออกเป็นยุค มีห้องพิเศษสำหรับของที่ขุดพบในวิหารซุส, รูปปั้นไนกี้, รูปปั้นเฮอร์เมส, ของที่ขุดพบในโรงช่างของฟีเดียส
|
| ห้องนี้รวบรวมรูปปั้นที่หน้าจั่วของวิหารเทพเจ้าซุส แบบที่ครบเป็นภาพใหญ่คงอลังการมากๆ
ห้องนี้รวบรวมชิ้นส่วนที่หลงเหลืออยู่ของเทวรูปซุส น่าเสียดายของที่เคยเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกเมื่อ 2,500 ปีก่อน
และนี่คือรูปสลักที่สมบูรณ์และโด่งดังที่สุดของพิพิธภัณฑ์นี้ครับ รูปสลักเทพเฮอร์เมสโดยช่างฝีมือแพรกซิเทเลส (Hermes of Praxiteles) สร้างในปี 340-330 BC เป็นภาพตอนเฮร์เมสนำตัวไดโอนิซุสในวัยเด็กไปฝากให้นิมฟ์เลี้ยงดูตามคำสั่งซุส แขนข้างที่ขาดไปน่าจะถือพวงองุ่น รูปสลักนี้ขุดพบที่วิหารเทพีเฮร่าครับ
| ทางทิศเหนือก่อนเข้าเมืองโอลิมเปียใหม่ ไม่ไกลจากเมืองโบราณมีพิพิธภัณฑ์อีกแห่งครับ อันนี้คือพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์โอลิมปิค (Museum of the History of the Oylmpic Games) รวบรวมโบราณวัตถุที่เกี่ยวข้องกับกีฬาโอลิมปิคในยุคโบราณ ทั้งรูปปั้นในสนามกีฬา ช่อมะกอก กระถางคบเพลิง ฯลฯ
| คืนนี้พักในตัวเมืองโอลิมเปียใหม่นี่ละครับ โรงแรม Leonaidaion Guesthouse แพงกว่าแต่ก็หรูกว่า Lakonia Hotel เมื่อวาน ที่แน่ๆกุญแจไขง่ายกว่ามาก เจ้าของเป็นกันเองดี แถมทำกับข้าวอร่อยด้วยนะ ราคานี้รวมอาหารเช้าแล้ว
ตัวเมืองเป็นเมืองเล็กๆสร้างมาเพื่อการท่องเที่ยวโดยเฉพาะ ร้านขายของที่ระลึกเพียบเลย แล้วพวกเราก็ละลายทรัพย์ระลอกแรกกันที่นี่ละครับ ของที่ระลึกอันที่จริงยิ่งซื้อใกล้เอเธนส์ยิ่งถูก แต่จะไม่มีลวดลายเฉพาะของแต่ละเมือง ถ้าอยากได้เสื้อ-แก้ว-แม่เหล็ก-ฯลฯ ลายที่เกี่ยวกับเมืองโอลิมเปียก็ช้อปที่นี่โลด
หมดไปสองวันจากสิบวันครับ ปางตายไปเลยทีเดียวกับบล็อกแรกของซีรี่ยส์กรีซ ไว้รวบรวมพลังเต็มถังแล้วจะกลับมาต่อกันตอนสองจ้า
Create Date : 21 พฤศจิกายน 2561 |
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2561 22:57:02 น. |
|
52 comments
|
Counter : 5140 Pageviews. |
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณกะว่าก๋า, คุณmambymam, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณJinnyTent, คุณRinsa Yoyolive, คุณสาวไกด์ใจซื่อ, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณSweet_pills, คุณสองแผ่นดิน, คุณtoor36, คุณmoresaw, คุณThe Kop Civil, คุณInsignia_Museum, คุณTui Laksi, คุณmariabamboo, คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน, คุณกาบริเอล, คุณอุ้มสี, คุณschnuggy, คุณhaiku, คุณnewyorknurse, คุณทุเรียนกวน ป่วนรัก, คุณเริงฤดีนะ, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณzungzaa, คุณlovereason, คุณเนินน้ำ, คุณmastana, คุณClose To Heaven, คุณlife for eat and travel |
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 22 พฤศจิกายน 2561 เวลา:0:09:02 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 พฤศจิกายน 2561 เวลา:6:29:26 น. |
|
|
|
โดย: mambymam วันที่: 22 พฤศจิกายน 2561 เวลา:7:54:24 น. |
|
|
|
โดย: JinnyTent วันที่: 22 พฤศจิกายน 2561 เวลา:11:44:30 น. |
|
|
|
โดย: JinnyTent วันที่: 22 พฤศจิกายน 2561 เวลา:12:30:56 น. |
|
|
|
โดย: JinnyTent วันที่: 22 พฤศจิกายน 2561 เวลา:20:36:07 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 22 พฤศจิกายน 2561 เวลา:23:29:33 น. |
|
|
|
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 22 พฤศจิกายน 2561 เวลา:23:31:22 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 22 พฤศจิกายน 2561 เวลา:23:32:09 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 พฤศจิกายน 2561 เวลา:6:27:15 น. |
|
|
|
โดย: moresaw วันที่: 23 พฤศจิกายน 2561 เวลา:8:00:12 น. |
|
|
|
โดย: JinnyTent วันที่: 23 พฤศจิกายน 2561 เวลา:12:23:08 น. |
|
|
|
โดย: Tui Laksi วันที่: 23 พฤศจิกายน 2561 เวลา:12:51:58 น. |
|
|
|
โดย: mariabamboo วันที่: 23 พฤศจิกายน 2561 เวลา:19:07:33 น. |
|
|
|
โดย: กาบริเอล (ไม่ได้ log-in) IP: 1.46.197.42 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2561 เวลา:15:19:26 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 พฤศจิกายน 2561 เวลา:21:20:49 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 24 พฤศจิกายน 2561 เวลา:21:41:26 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 25 พฤศจิกายน 2561 เวลา:0:33:13 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 พฤศจิกายน 2561 เวลา:6:29:26 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 25 พฤศจิกายน 2561 เวลา:7:07:44 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 พฤศจิกายน 2561 เวลา:23:06:38 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 27 พฤศจิกายน 2561 เวลา:0:32:35 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 27 พฤศจิกายน 2561 เวลา:6:36:45 น. |
|
|
|
โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 27 พฤศจิกายน 2561 เวลา:9:36:19 น. |
|
|
|
โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 27 พฤศจิกายน 2561 เวลา:9:38:58 น. |
|
|
|
โดย: zungzaa วันที่: 27 พฤศจิกายน 2561 เวลา:20:21:56 น. |
|
|
|
โดย: เนินน้ำ วันที่: 28 พฤศจิกายน 2561 เวลา:5:16:54 น. |
|
|
|
โดย: JinnyTent วันที่: 28 พฤศจิกายน 2561 เวลา:19:12:00 น. |
|
|
|
โดย: mastana วันที่: 28 พฤศจิกายน 2561 เวลา:20:38:38 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 29 พฤศจิกายน 2561 เวลา:0:59:13 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 พฤศจิกายน 2561 เวลา:6:25:18 น. |
|
|
|
โดย: kae+aoe วันที่: 29 พฤศจิกายน 2561 เวลา:15:56:10 น. |
|
|
|
|
|
|
|