ตามรอยอารยธรรมกรีก (3): มิโคนอสและซานโตรินี
เช้าวันที่ 17 ต.ค. 61 เป็นวันที่ 5 ของการเดินทาง ครึ่งหลังของทริปนี้เราจะไปเที่ยวเกาะสามเกาะครับ - มิโคนอส ซานโตรินี่ และโร้ด ก่อนปิดทริปวันสุดท้ายด้วยการเที่ยวเมืองหลวงเอเธนส์
ออกจากโรงแรมมารอที่ท่าเรือราฟิน่าตั้งแต่ 6 โมงเช้า ยังมืดตื๋ออยู่เลยครับ เรือ Fast Ferries จอดเทียบท่ารออยู่แล้ว โหลดกระเป๋าขึ้นเรือแล้วขึ้นไปจองที่นั่ง เรือเป็นเฟอรี่ลำมหึมามีสี่ชั้นรวมดาดฟ้า มีแบบล็อคที่นั่งกับนั่งอิสระ ของผมโซนที่นั่งได้อิสระ มีโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งสบาย จะเดินไปซื้อขนมกินหรือนั่งกดมือถือผลาญซิมให้คุ้มก่อนหมดทริปก็ย่อมได้ ออกเรือเวลา 7.30 น.
อาห์ นี่คือการล่องเรือในทะเลเมดิเตอเรเนียน ที่กำเนิดตำนานแห่งมหาสมุทรในยุคโบราณมากมาย
มาถึงเกาะ Andros เวลา 9.30 น. นั่งไปป้ายต่อไป
|
มาถึงเกาะ Tinos เวลา 11.20 น. นั่งไปป้ายต่อไป
|
มาถึงเกาะ Mykonos เวลา 12.00 น. นั่งไปป้ายต่อไป.... ไม่ต่อแล้วว้อย! ถึงแล้ว!
| สรุปว่าจากราฟิน่าไปเกาะมิโคนอสใช้เวลาเดินทาง 4 ชม. ครึ่ง (แพลนไว้ 2 ชม.) มันเสียเวลาแวะเกาะระหว่างทางด้วย เลทจากกำหนดการไปโข
| ก่อนอื่นมาทำความรู้จักเหล่าเกาะน้อยใหญ่ของกรีซกันก่อนครับ นอกจากโบราณสถานสมัยกรีกโบราณแล้วประเทศกรีซยังขึ้นชื่อเรื่องการท่องเที่ยวเกาะเพราะทะเลที่สวยงามและผังเมืองที่จัดวางเป็นอย่างดีพร้อมด้วยสีสันบ้านเรือนที่ดูเป็นเอกภาพ ถ้ามีเวลาน้อยเกาะที่น่าสนใจจะเป็นกลุ่มเกาะ Argo-Saronic ที่อยู่ใกล้เมืองเอเธนส์อย่างเกาะ Aegina, Poros, Hydra แต่ถ้ามีเวลาอีกสักหน่อยขอแนะนำให้มาเที่ยวเหล่าเกาะ Cyclades ที่อยู่ห่างแผ่นดินออกมาทางตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งแต่ละเกาะล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็น Mykonos ที่มีกังหันลมและบ้านเรือนเป็นระเบียบสวยงาม Santorini แหล่งอารยธรรมยุคมิโนอันที่ถูกภูเขาไฟทำลาย Delos เกาะศักดิ์สิทธิ์ที่กำเนิดของเทพอพอลโลและอาร์เทมิสในตำนาน Naxos แหล่งผลิตหินอ่อนที่มีโบสถ์เก่าเรียงรายมากมาย ฯลฯ
ภาพหมู่เกาะ Cyclades โดย James Martin
และเกาะที่เราเลือกเที่ยวก็คือเกาะที่ได้รับความนิยมเป็นลำดับต้นๆอย่าง มิโคนอส (Mykonos) ครับ เป็นเกาะขนาด 85.5 ตร.กม. ไกลจากเอเธนส์ 150 km มีประชากรอยู่ 12,000 คน ส่วนใหญ่กระจุกอยู่ในเมืองคอร่า (Chora) เมืองหลักของเกาะนี้ เกาะนี้ตั้งชื่อตามมิโคนอส กษัตริย์องค์แรกของเกาะในตำนานซึ่งสืบเชื้อสายมาจากเทพอพอลโล ส่วนประวัติศาสตร์ไม่ค่อยมีอะไร ถึงจะมีคนเข้ามาตั้งรกรากหลายพันปีแล้ว แต่ก็เป็นเพียงเกาะห่างไกลและยากจน ไม่ค่อยมีบทบาทในหน้าประวัติศาสตร์ของกรีซเท่าไหร่ เพิ่งจะอู้ฟู่ตอนการท่องเที่ยวบูมนี่ละครับ กลายเป็นเกาะที่ค่าครองชีพสูงลำดับต้นๆ ไปเลย เกาะนี้เราเที่ยวแค่แถบตัวเมืองคอร่า ฝั่งตะวันตกของเกาะเท่านั้นครับ ไม่ได้ไปโซนอื่น เลยไม่ต้องเดินทางไกลมาก ไม่ต้องเช่ารถขับครับ แต่จะเดินทางจากท่าเรือเข้าเมืองมันก็ไกลอยู่ โบกแท็กซี่เอาโลด ใช้เวลา 5 นาทีก็มาถึงเขต Old Port หรือท่าเรือเก่าหน้าเมืองคอร่า (อันนี้เรือน้ำลึกจอดไม่ได้ครับ ต้องไปจอดท่าเรือใหม่ แล้วนั่งแท็กซี่เข้ามา)
ก่อนอื่นหาอะไรใส่ท้องก่อนครับ ตอนนี้บ่ายโมงแหล่ว เดินตามป้ายโฆษณาภัตตาคารคุณมาเรีย (Maria's Restaurant) นี่แหละ ขายอาหารกรีกดั้งเดิมมาตั้งแต่ปี 1975 สั่งพิซซ่าสไตล์กรีก มีมะกอกดองเปรี้ยวปะแล่มๆ เนื้อลูกวัวซอสไวน์แดงก็เหนียวไปนิด แต่รสชาติรวมๆอร่อยใช้ได้เลยครับ เจ้าของร้านเคยมาเมืองไทยด้วยนะ เคยไปสมุยกับหาดใหญ่ ดูสิ แม้แต่คนบนเกาะในทะเลเมดิเตอเรเนียนยังมาเที่ยวทะเลบ้านเรา!
ได้เวลาเดินเที่ยวละครับ ที่แรก แอ่น แอ๊น~ พิพิธภัณฑ์!! /me โดนโห่ อะไรวร๊ะ!! มาถึงเกาะยังจะพาเที่ยวดูของเก่าอีก!! เอาน่า... เกาะนี้มีของเก่าโปเกแค่ที่นี่ที่เดียวครับ พิพิธภัณฑ์โบราณคดีมิโคนอส (Archeological Museum of Mykonos) ก่อตั้งในปี 1905 เป็นที่รวบรวมโบราณวัตถุที่ขุดพบในมิโคนอสและเกาะใกล้เคียง โดยเฉพาะพวกเครื่องปั้นดินเผายุค 900 - 800 BC
ทางเดินบนเกาะนี้จะเป็นวงกตนิดๆ หลงเอาง่ายๆ ก็ยึดกูกิ้ลแมพเป็นสรณะไว้นะครับ ที่นี่มีร้านค้ามีของน่าซื้อมากมาย แต่ราคาก็แพงกว่าที่อื่นๆพอสมควรเลยครับ เกาะนี้ค่าครองชีพสูง แต่ความสะดวกสบายไม่ต่างจากบนแผ่นดินใหญ่เลยหละ น้ำดื่มน้ำใช้มีเหลือเฟือเพราะเกาะนี้สามารถผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเลด้วยกระบวนการ RO ได้วันละ 4,500 ลบ.ม. เน็ต vodafon ที่เชื่อมต่อกับซิม AIS ก็วิ่งปรื๋อ เดินเที่ยวเปิดกูเกิ้ลแมพได้แบบไม่ต้องกลัวหลงเลย
► (ภาพขวา) ช่วงเช้าบริเวณท่าเรือเก่าเหล่านกพิลิแกนจะออกมาขอปลาจากพ่อค้าปลาเป็นกิจวัตร เป็นหนึ่งในจุดขายของเกาะเลยก็ว่าได้ แต่ผมไปถึงกว่าจะกินข้าวเสร็จก็บ่ายกว่าๆ แล้ว เหลือแต่เป็ดอะครับ โชคดีมาเจอเอาตัวนึงตอนเดินเที่ยวในเมือง คนรุมถ่ายภาพกันให้พรึ่บ
▼ (ภาพล่าง) ธีมของอาคารที่นี่มีสีขาว รูปร่างมน เพื่อสะท้อนแสงอาทิตย์ให้สว่างทุกมุม และยังสะท้อนแสงออกทำให้อาคารไม่ร้อนมากด้วย ที่เห็นสีสันของบ้านแถวนี้สวยงามเป็นระเบียบ เพราะเขาทาทับกันทุกปีช่วงก่อนวันอีสเตอร์ครับ ไม่ยอมให้บ้านตัวเองกระดำกระด่างอยู่หลังเดียวแน่ๆ และที่่ทาไม่ใช่สีทาบ้านนะ แต่เป็นหินปูนผสม เวลาทาเพิ่มก็ทับชั้นเก่าไปเลย ไม่ต้องรองพื้น นอกจากอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแล้วหินปูนยังมีราคาถูกกว่าสีด้วยนะ
|
| แลนด์มาร์คสำคัญของเกาะนี้คือกังหันลมที่ตั้งอยู่บนยอดเกาะ โดยเฉพาะกังหันลมเรียงกันห้าตัวที่เมืองคอร่าที่เรียกว่า Windmills of Kato Mili มองเห็นได้จากทุกมุมในเมืองนี้ กังหันจะหันไปทางทิศเหนือที่ลมพัดเข้ามาตลอดทั้งปี กันหันลมพวกนี้สร้างโดยชาวเวนิซในช่วงศตวรรษที่ 16 ใช้โม่แป้ง แต่เลิกใช้งานจริงไปนานแล้วครับ ตอนนี้เป็นแลนด์มาร์คดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างเดียว
อุณหภูมิของเกาะนี้ไม่ได้เย็นมาก แต่ลมแรงพัดทั่วทั้งเกาะ เพราะแผ่นดินมีความสูงชันตลอดพื้นที่ ถ้าไม่ใส่พร็อพกันลมดีๆ เดินเที่ยวเกาะนี้นานๆ ไข้จะขึ้นเอา
อันนี้ Boni's Windmills อยู่บนเนินเหนือโซนที่พัก มองลงไปเห็นกังหันลมตัวอื่นๆด้วย
|
โบสถ์ Panagia Paraportiani หรือ The Church of Our Lady ตั้งในบริเวณที่เคยเป็นป้อมปราสาทในยุคกลาง แต่ถูกทำลายในศตวรรษที่ 16 ตัวโบสถ์สร้างเสร็จในศตวรรษที่ 17 ด้วยรูปทรงที่แปลกประหลาดทำให้เป็นจุดสนใจที่คนนิยมมาถ่ายรูปกันมาก
| มื้อเย็นวันนี้กินร้าน GustoZiko ขึ้นไปชมวิวบนระเบียงชั้นบน มองลงมาเห็นวิวเมืองแคบๆครับ ไม่ได้หันหาทะเลแต่อย่างใด แต่อาหารร้านนี้จัดว่าอร่อยใช้ได้เลย เป็นมื้อเย็นที่อยากกินเบาๆ เพราะเพิ่งกินมื้อเที่ยงตอนบ่ายโมง เลยสั่งฮ็อทด็อกกับสลัดกรีก อร่อยทั้งคู่ครับ โดยเฉพาะสลัดกรีก ที่จริงไม่ใช่คนมังสวิรัตินะครับ แต่กินชีสกินเนื้อมาหลายมื้อละ อยากได้พืชผักลงไปผสมในกระเพาะบ้าง เจอเมนูนี้มันใช่!! มะเขือเทศลูกใหญ่หวานกรอบที่เป็นจุดขายของพืชผักเมดิเตอเรเนียน ราดด้วยน้ำมันมะกอกผสมเร้ดวิเนการ์ชุ่มฉ่ำ ผสมความครีมมี่และเค็มนิดๆของเฟตาชีสได้อย่างลงตัว ส่วนพริกหยวก มะกอก แตงกวา หอมใหญ่ นั่นตัวประกอบครับ จะกินหรือจะเขี่ยทิ้งก็แล้วแต่อัธยาศัย
หมู่บ้านชาวประมงที่ติดกับทะเลกลุ่มนี้เป็นอีกจุดที่คนนิยมถ่ายรูป เรียกว่า Little Venice สร้างราวศตวรรษที่ 18 เป็นที่อยู่อาศัยของกัปตันเรือและพวกเศรษฐีจากการค้าขายในทะเล เป็นมุมที่โรแมนติคที่สุดของเกาะมิโคนอส บางตึกถูกดัดแปลงเป็นร้านอาหาร คนนิยมมาถ่ายรูปยามเย็นแถวนี้กันเพราะมองออกไปเห็นเนินกังหันด้วย
แล้วเวลาก็ล่วงเข้าสู่ยามเย็น เป็นช่วงนาทีทองที่ต้องถ่ายพระอาทิตย์ตกตอนที่อยู่จุดที่พระอาทิตย์ตกสวยที่สุด ซึ่งบนเกาะนี้ก็คงเป็นที่ไหนไม่ได้นอกจากกังหันลมครับ ว่าแล้วก็กลับไปที่ Kato Mili เก็บภาพซะหน่อย
กลับมาพักครับ คืนนี้พักที่ Pension Kalogera ห้องกระติ๋วหลิวที่สุดในทริปนี้ นอน 3 คน แค่กระเป๋าก็เต็มห้องละ บันไดขึ้นก็แคบ ห้องน้ำก็เล็ก แต่ wifi แรงใช้ได้เลย ราคาดูแรงถ้าเทียบกับขนาดห้อง แต่ก็ถือว่าถูกที่สุดในแถบนี้แล้วครับ พิกัดที่ลงไว้ในกูเกิ้ลเห่ยมาก หาไม่เจอจนตาลุงที่นั่งดูดบุหรี่อยู่แถวนั้นอาสามาบอกทางให้เอง "ก็นั่งอยู่ตั้งนาน แม๊ ทำไมไม่ถาม?" ชาวกรีกใจดีอะ ♥ เจ้าของไม่อยู่ที่ห้องพักนะ ขอกุญแจจากแม่บ้าน แล้วตอนออกก็เสียบกุญแจทิ้งไว้ที่ประตูได้เลย
วันนี้จะออกจากมิโคนอสลงไปซานโตรินี่ครับ นั่งแท็กซี่มานั่งรอที่ท่าเรือแปดโมงครึ่ง คิดว่าจะได้ขึ้นเรือไปจองที่ก่อน แต่เรือมาตอนจะออกเลยจ้า มาสายอีกตะหาก ตั๋วบอกเรือออกสิบโมง เรือมาถึงท่าตอนสิบครึ่ง รอบนี้นั่ง SEAJETS ครับ ล็อคที่นั่งแบบบนเครื่องบิน ดาดฟ้าปิดขึ้นไปชมวิวไม่ได้ แถมพอเรือแล่นห่างจากเกาะก็ใช้เน็ตไม่ได้อีก นั่งแกร่ววนไปครับ แก๊งป้าข้างหน้าก็เสียงโคตรดัง ใช้เวลาเดินทางสามชั่วโมงก็มาถึงซานโตรินี่อย่างทรมาน
เกาะซานโตรินี่ (Santorini) หรือชื่อเดิมคือธีร่า (Thira) เป็นเกาะในหมู่เกาะ Cyclades และเป็นเมืองที่อารยธรรมมิโนอันแพร่มาถึง มีหลักฐานอารยธรรมถูกขุดพบที่อะโครทิริ แต่อารยธรรมมิโนอันบนเกาะนี้ก็ถูกทำลายไปด้วยการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อ 3500 ปีก่อนทำให้เกาะนี้มีรูปร่างเป็นพระจันทร์เสี้ยว เชื่อกันว่าอารยธรรมที่สูญหายไปอาจเป็นต้นกำเนิดของตำนานแอตแลนติสที่เพลโตเล่าว่าเป็นมหานครที่จมลงสู่ก้นทะเลและเป็นที่เล่าขานกันมานับพันปี และการระเบิดครั้งนี้ทำให้ซานโตรินี่แตกเป็นเกาะน้อยใหญ่ โดยเกาะที่ใหญ่ที่สุดชื่อซานโตรินี่เหมือนเกาะเดิม ส่วนเกาะอื่นๆ มีแค่เธราเซียที่มีคนอาศัยอยู่
ที่เที่ยวกระจายอยู่ทั่วเกาะ ไม่ได้กระจุกแบบมิโคนอสนะครับ ดังนั้นต้องเช่ารถขับ จองยาริสได้ซีตรอง ....อะไรแว๊ ซีตรองอีกละ!! คันนี้จองไว้ไซส์เล็กกว่าคันแรก นั่งได้สามคนแบบพอดิบพอดี โหลดกระเป๋าต้องเบียดที่คนนั่งหลังหน่อยนึง มาถึงเกาะเลทกว่ากำหนดการจมหูอีกเช่นเดิมครับ กะถึงเที่ยง ล่อไปบ่ายสอง!! กว่าจะขับรถไปถึงอะโครทิริที่เที่ยวแรกของวันนี้ก็บ่ายสองครึ่งแล้วจ้า
|
| ปกติอะโครทิริเปิดถึงหกโมงเย็นยกเว้นวันพฤหัสเปิดถึงบ่ายสาม และวันนี้เป็นวันพฤหัส (ช่างโชคดีอะไรเช่นนี้) เจ้าหน้าที่ก็ย้ำว่าเปิดถึงแค่บ่ายสามนะจ๊ะ แต่มาถึงแล้วก็ต้องเที่ยวสิ! แค่ครึ่งชั่วโมงก็เอา!
เมืองโบราณอะโครทิริ (Prehistoric Town of Akrotiri) อยู่ทางตอนใต้ของเกาะ และเพิ่งถูกขุดพบใต้ซากเถ้าภูเขาไฟในปี 1967 เป็นแหล่งอารยธรรมยุคมิโนอันที่ใหญ่โตที่สุดที่อยู่นอกเกาะครีต และถูกอนุรักษ์ในสภาพเดิมมาถึง 3,500 ปี ตัวเมืองถูกคลุมใต้หลังคา ค่าเข้าชม 12 EUR มีอาคารยุคโบราณเรียงราย เดินดูจากทางเดินด้านบน หรือบางจุดลงมาชมข้างล่าง มีเจ้าหน้าที่บรรยายให้ฟังด้วยนะ บางหลังก็มีภาพเขียนสีเฟรสโก ซึ่งนำไปอนุรักษ์ในพิพิธภัณฑ์ทั้งที่เอเธนส์ที่จัดห้องสำหรับของที่ขุดพบที่นี่เลย และที่ซานโตรินี่ ภาพเขียนดังๆ เช่นภาพเด็กชกมวยหรือคนหาปลา เดี๋ยวไปถึงพิพิธภัณฑ์จะพาไปชมกันครับ
ใช้เวลาเดินแค่ 20 นาที ทำเวลาก่อนเขาปิด
จากอะโครทิริลงมาทางตะวันตกเฉียงใต้ 500 เมตรจะมาถึง หาดทรายแดง (Red Beach) จอดรถบนยอดเนิน ต้องมองลงไปจะเห็นหาดทรายแดงอยู่ด้านล่าง แต่ไม่ได้เดินลงไปที่หาดนะครับ ถ่ายรูปเอาจากมุมนี้พอ ตอนนี้บ่ายสามกว่าๆ ขอแวะซื้อคลับแซนด์วิชรองท้องก่อนมื้อเย็นซะหน่อย
ขับรถขึ้นไปตอนเหนือของเมืองแถวเอีย (Oia) ไกลจากหาดทรายแดงขึ้นมา 26 km google map มันพาไปขับทางฝั่งตะวันออกของเกาะ ถนนซิกแซกสูงชันอย่างแรงอะ ขับฝั่งตะวันตกที่รสบัสวิ่งกันปกติดีกว่าจมหูครับ วันนี้เราพักที่นี่ครับ Aethrio เป็นที่พักที่หรูหราและแพงที่สุดในทริป ขอปล่อยผีฟุ่มเฟือยสักหน่อยนึง อุตส่าห์มาถึงซานโตรินี่แล้ว (แม้จะขับรถกระป๋องก็ตาม) ลำบากตรงที่โซนที่พักรถเข้าไม่ได้ ต้องจอดไกลพอสมควรเลย โรงแรมนี้ได้บ้านคนละหลังเลย มีห้องนอน ห้องรับแขก ห้องน้ำ ห้องครัว สะอาด กว้างขวาง และสวยงาม (แต่ตามเรทก็เป็นแค่โรงแรมสามดาวอะนะ) ราคานี้รวมมื้อเช้าแล้วครับ ข้อเสียก็คือมื้อเช้าตั้งเลทมาก แปดโมงครึ่งแน่ะ! เช็คเอาท์ก็เช่นกัน วันต่อไปวางแผนเที่ยวแต่เช้าตรู่ไม่ได้เด็ดๆ
ข้อดีอีกอย่างของที่นี่คือการตั้งอยู่ในเมืองเอียนี่ละครับ เอีย (Oia) อยู่ตอนเหนือของเกาะ เป็นโซนที่อาคารทาสีขาวเรียงรายบนผาชันแนวชายฝั่งของเกาะเป็นภาพที่สวยงามมาก จุดที่คนนิยมมาถ่ายรูปกันคือบนยอดปราสาทเกาลาส (Goulas Castle) ครับ ถึงจะบอกว่าเป็นปราสาท แต่ก็โดนถล่มเละจนไม่เหลือเค้าแล้ว เหมือนกองหินเอาไว้ขึ้นไปชมวิวเท่านั้นเอง ตรงนี้จะถ่ายตอนเช้า ตอนเย็น หรือตอนกลางคืน ก็สวยไปคนละแบบนะ
| ผู้คนก็แห่กันขึ้นมาชมวิวกันล้นหลาม ยิ่งเย็นคนยิ่งเยอะ สมเป็นจุดชมวิวยอดนิยมจริงๆ มุมดีๆนี่ต้องผลัดกันถ่ายรูป อย่านั่งแช่กั๊กมุมนะจ๊ะ
| เย็นนี้นั่งโง่ๆ รอพระอาทิตย์ตกอย่างเดียวเลยครับ เป็นวันที่เที่ยวน้อยมากๆ อยู่ตั้งแต่แสงปกติ จนแสงทไวไลต์และพระอาทิตย์ตก แผ่นดินที่เห็นจากอีกฝั่งนั่นคือเกาะเธราเซียนะครับ ไม่ใช่โค้งพระจันทร์จากอีกฝั่งของซานโตรินี่
ในเมืองเอียยังมีบ้านเรือน ร้านค้า และโบสถ์เล็กๆ น่าถ่ายรูปจำนวนมาก เกาะซานโตรินี่ไม่ค่อยมีสัญญาณมือถือครับ น่าแปลกมากทั้งที่เป็นเกาะท่องเที่ยวชื่อดัง แต่สัญญาณแรงสู้มิโคนอสหรือเกาะโร้ดไม่ได้เลย ใช้เน็ตได้แค่ตอนอยู่โรงแรมแค่นั้น เกาะนี้อากาศอบอุ่นและลมไม่ได้แรงเหมือนมิโคนอส เที่ยวได้สบายๆ ครับ ของก็ไม่แพงมากด้วย แต่น้ำก๊อกกินไม่ได้นะ ซื้อน้ำขวดเอา (เมืองอื่นต่อให้กินได้ตูก็ซื้อน้ำขวดอยู่แล้ว)
มื้อเย็นวันนี้กินตอนสองทุ่ม เพราะเพิ่งกินมื้อเที่ยงบ่ายสาม (ความผิดไอ้ SEAJETS) แถวเมืองเอียร้านอร่อยลงเว็บเยอะมาก แต่หลายร้านก็คนเต็มนะครับ สุ่มได้ร้าน STROGILI ไหนๆก็มาถึงทะเลแล้วขอซีฟู้ดแบบกรีกๆหน่อย สั่งปลากะพงย่าง อร่อยเนื้อละเอียด ชุ่มฉ่ำด้วยน้ำมันมะกอกและหอมเครื่องเทศ และเป็นจานที่แพงที่สุดในทริปนี้ด้วยครับ (25 ยูโร) อีกจานพาสต้าซอสเนื้อลูกวัว (16 ยูโร) ปกติกินแต่แกะเพราะวัวกรีกชอบทำเหนียว แต่ร้านนี้นุ่มกินได้หมดจานเลย น่าจะเป็นร้านที่อร่อยเด็ดที่สุดในทริปนี้แล้วครับ เสียดายมืดแล้ว เอาไฟฉายส่องถ่ายออกมาสีมันก็ไม่สวยอะนะ
เดินกลับไปถ่ายมุมยอดฮิตอีกรอบ คราวนี้วิวกลางคืน
วันนี้โปรแกรมน้อยครับ เที่ยวซานโตรินีช่วงเช้าหน่อยนึงแล้วนั่งเครื่องกลับไปเอเธนส์เพื่อต่อเครื่องไปเกาะโร้ดช่วงเย็น ทริปที่ชิ่งหลายๆเมืองก็ใช้เวลาเดินทางเยอะหน่อย ไม่มีเที่ยวซากอิฐติดๆกันแบบตอนอยู่เพโลพอนเนสแล้วครับ (ได้ยินเสียงคนอ่านโห่ร้องดีใจ ) ช่วงเช้ามาเดินเก็บภาพพระอาทิตย์ขึ้น วันนี้ก็ดันเมฆเยอะจนแทบไม่เห็นพระอาทิตย์เลย แต่ฟ้าก็สีหวานดี ยกโทษให้
เดินเล่นเก็บภาพในเมืองเอียที่เมื่อวานไม่ได้เดินอีกหน่อย (มัวแต่ไปนั่งจิ้มมือถือบนปราสาทเกาลาส)
โบสถ์ Ekklisia Panagia Platsani เดิมอยู่ในเขตปราสาทเกาลาส ย้ายมาสร้างที่ศูนย์กลางเมืองเอียในปี 1956 ภาพพระแม่มารีหน้าโบสถ์ถูกพบในทะเล
|
ทางเดินข้างโบสถ์ Ekklisia Isodia Theotokou church เป็นจุดลงไปถ่ายภาพวิวยอดนิยมอีกจุดนึงที่ผมลงไปถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้นครับ
| หลังกินข้าวเช้าและเช็คเอาท์เรียบร้อยแล้วก็ขับรถไปเมืองฟีร่าทางตอนกลางเกาะ ห่างจากเมืองเอีย 15 km นี่เป็นอีกเมืองที่คนมาเที่ยวซานโตรินี่นิยมมาพักกัน ค่อนข้างแออัดและไม่โรแมนติคแต่ห้องพักก็มีราคาถูกกว่าที่เมืองเอียครับ
พิพิธภัณฑ์ธีร่ายุคก่อนประวัติศาสตร์ (Museum of Prehistoric Thira) อยู่ทางตอนใต้ของฟีร่า เปิด 8.00 - 15.00 น. ปิดวันอังคาร และน่าเสียดายที่วันนี้เป็นวันอังคาร.... วันศุกร์ว้อย! หนนี้ไม่พลาดแล้ว!! ค่าเข้าชม 6 EUR ครับ เนื่องจากเมืองค่อนข้างแออัด ถ้าหาที่จอดรถใกล้ๆไม่ได้ก็มีลานจอดรถทางตะวันออกห่างออกไป 300 เมตร ที่นี่รวบรวมข้าวของที่ขุดพบในซานโตรินี่ โดยเฉพาะจากอะโครทิริที่เป็นแหล่งอารยธรรมยุคมิโนอัน มีถ้วยโถโอชาม เครื่องปั้นดินเผา เครื่องประดับ ที่โด่งดังคือแพะภูเขาทำจากทองคำแท้ขนาด 10 cm ของเก่าแก่ยุคก่อนประวัติศาสตร์อายุ 4,000 กว่าปีก็มี โดยเฉพาะรูปปั้นมนุษย์ที่ทำเป็นรูปทรงเรขาคณิตง่ายๆ เป็นเอกลักษณ์เครื่องปั้นยุคไซคลาดิค
ที่สำคัญคือภาพวาดที่ขุดพบในอะโครทิริยังมีความสมบูรณ์อยู่มาก และแสดงสภาพความเป็นอยู่และการแต่งกายของผู้คนในยุคนั้น ที่โด่งดังอย่างเด็กชกมวยถูกนำไปไว้ที่เอเธนส์แล้ว ชิ้นที่เด่นที่สุดที่แสดงอยู่ที่นี่คือภาพคนหาปลา อายุ 3,700 ปี เป็นภาพคนหนุ่มเปลือยโกนหัวรัดจุกหิ้วปลาในมือสองข้าง
มาถึงสนามบินสิบโมง เครื่องออกบ่ายโมงครึ่ง นั่งกินข้าวรอเวลาไปครับ สนามบินท้องถิ่นเล็กกระจิ๋วหลิว ถ้าเช็คอินเข้าไปแล้วหาที่นั่งแทบไม่ได้เลย ไม่ต้องเช็คอินล่วงหน้า 3 ชม. แบบเมืองไทยก็ได้ครับ มาเร็วไปเผลอๆยังไม่รับเช็คอินด้วย
|
| แล้วก็บินแล้วจ้า ไปถึงเอเธนส์ นั่งกินข้าวเย็นในสนามบิน แล้วต่อเครื่องมาเกาะโร้ด และเกาะที่ไม่ค่อยมีทัวร์ไหนพาไปนี้ก็มีความเป็นเลิศนานัปการ เดี๋ยวบล็อกต่อไปจะพาเที่ยวชมความตระการตาของเกาะโร้ดในวันที่ 8-9 ของการเดินทางกัน
Create Date : 08 ธันวาคม 2561 |
Last Update : 8 ธันวาคม 2561 21:10:34 น. |
|
71 comments
|
Counter : 1981 Pageviews. |
|
|