เที่ยวมอสโกวันฝนพรำ
มารายงานทริปรัสเซียช่วงวันแม่ที่ผ่านมาครับ (12-16 ส.ค.) หนนี้เป็นครั้งแรกที่ไปกับสหกรณ์ออมทรัพย์ของ ปตท. ซึ่งจัดโปรแกรมท่องเที่ยวต่างประทศให้สมาชิกปีละหลายๆรอบอยู่แล้ว แต่ปกติไม่ค่อยอยากไปเพราะไม่ชอบไปเที่ยวกับคนที่รู้จักแต่ไม่สนิทน่ะสิ แต่หนนี้รัสเซียราคาน่าสนใจ (41,900 บาท) แต่ไปแค่มอสโกไม่ได้ไปเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กนะครับ ยังไงรัสเซียก็เป็นประเทศที่ขอให้ได้ชื่อว่าเคยไปสักครั้ง ไม่ได้ซาบซึ้งขนาดจะไปเก็บรายละเอียดเหมือนอียิปต์หรือตุรกี เอาคอร์สสั้นๆแบบนี้ก็โอเคนะ หัวหน้าทัวร์เป็นกะเทยหน้าตาดุร้ายครับ (จำชื่อไม่ได้แล้ว ขอเรียกว่ากะเทยละกัน)
ชื่อแพ็คเกจคือ Russia (6 วัน 3 คืน) ซึ่งมันนับรวมวันที่ 11 ซึ่งนัดพบกันที่สนามบินเวลา 23.30 น. (ก็ยังอุตส่าห์นับเนอะ) และวันสุดท้ายที่บินถึงกรุงเทพตอนบ่ายโมง เวลาเที่ยวจริงๆคือสี่วันครับ เครื่องบินออกจากสุวรรณภูมิตอนตีสองของวันที่ 16 ส.ค. ครั้งนี้ได้บินสายการบินกาตาร์แอร์เวย์ คุณภาพเครื่องเยี่ยม อาหารยอด และมีหนังสนุกๆให้ดูเยอะ รอบนี้นั่งดูซูเปอร์แมนเวอร์ชั่นคริสโตเฟอร์ รีฟ ที่เคยเช่าวิดีโอมาดูตอนเด็กๆ ดูภาค 4 ตอนสู้กับมนุษย์นิวเคลียร์ซึ่งเอฟเฟคต์ไม่ได้แตกต่างกับละครช่องเจ็ดตอนนี้สักเท่าไหร่ ส่วนขากลับดู Batman v.s. Superman กับฉากวินาศสันตะโรสุดอลังการก็รู้สึกว่าเออ วงการภาพยนตร์นี่มันพัฒนาไปไกลจริงๆเนอะ
ทริปนี้ไปกับแม่สองคนครับ ที่สนามบินได้เจอคุณลูกหมู ไกด์รอบที่ไปตุรกีที่ตะโกนทักทายคุณแม่มาอย่างดัง จำได้กระทั่งหน้าตาลูกทัวร์ชุดก่อนๆที่่ผ่านมาขนาดนี้แสดงความเอาใจใส่ของคุณลูกหมูเป็นอย่างยิ่ง ขอแลกคุณลูกหมูกับกะเทยทริปรัสเซียได้มั้ย? ใช้เวลา 7 ชั่วโมงบินถึงสนามบินโดฮาครับ สุดยอดสนามบินของเอเชียที่รวมเครื่องบินที่จะต่อเครื่องเอาไว้ตรงนี้หมด สัญลักษณ์ของสนามบินคือหมีเท็ดดี้ยักษ์ที่หัวติดอยู่กับโคมไฟ ใครออกแบบฟะโคตรไร้ความน่ารัก
DAY 1
เราถึงสนามบินมอสโกตอนเที่ยง แต่คนที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองอย่างเยอะ กว่าจะหลุดออกมาได้ก็บ่ายโมง มีไกด์ท้องถิ่นชื่ออเล็กซ์ แต่ไม่ค่อยมีบทบาทเท่าไหร่ กะเทยจะเป็นคนแนะนำสถานที่ส่วนใหญ่ พยากรณ์อากาศบอกว่าช่วงนี้มอสโกฝนเยอะ ซึ่งไกด์ก็แจ้งให้พวกเราเตรียมร่มกันไว้ล่วงหน้าแล้ว ถึงมอสโกได้ไม่นานคนที่มารอต้อนรับพวกเราต่อจากอเล็กซ์ก็คือน้องฝนครับ
โชคดีที่ตกไม่หนักและไม่นานเท่าไหร่ พอขึ้นเนินสแปโรว์ฮิล (Sparrow Hills) ไปได้สักพักฝนก็หยุด ทำให้เราสามารถถ่ายรูปสถานที่เที่ยวแห่งแรกได้โดยไม่ต้องเอาร่มหนีบกับคอขณะถ่ายรูป อันนี้คือมหาวิทยาลัยมอสโก มหาวิทยาลัยที่เก่งที่สุดของรัสเซียที่ระดับสูงพอๆกับอ๊อกฟอร์ดหรือเคมบริดจ์ ก่อตั้งขึ้นในปี 1755 ตัวอาคารหลักเป็นหนึ่งในเจ็ดตึกที่เรียกว่า Seven Sisters ที่สร้างในยุคของสตาร์ลินช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง กระจายอยู่ทั่วมอสโก แต่ปัจจุบันถูกใช้เป็นโรงแรมบ้าง อาคารหน่วยงานรัฐบ้าง มหาลัยบ้าง
สแปโรว์ฮิลเป็นจุดชมเมืองมอสโกยอดนิยมที่คนชอบขึ้นมาถ่ายรูปแต่งงานกันครับ
แต่ตัววิวถ้าไม่ได้ผูกพันอะไรกับมอสโกก็รู้สึกเฉยๆ ไม่ได้ว้าวอะไรมากนัก มองจากตึกสำนักงานใหญ่ ปตท. ลงมาสวนจตุจักรยังสวยกว่า ด้านขวาจะเห็นตึก seven sisters อื่นๆ โดดเด่นเป็นสง่า ด้านซ้ายเห็นกระจุกของหมูตึกที่มีรูปทรงทันสมัย เฉพาะบริเวณนี้ที่อนุญาตให้สร้างตึกทันสมัยได้ ตรงกลางคือแม่น้ำมอสควาที่ไหลผ่ากลางเมืองมอสโกครับ
จุดที่สองคืออารามชีโนวโวดิวิซี (Novodevichy Convent) ซ่อมแซมอยู่! ถ่ายติดโครงเหล็กกับสังกะสีซะเยอะ อารามแห่งนี้สร้างขึ้นในปี 1524 เดิมที่เป็นป้อมเอาไว้ป้องกันเมือง แต่ในช่วงราชวงศ์โรมานอฟที่นี่เป็นเหมือนคุกเอาไว้ขังสตรีชั้นสูงของราชวงศ์โรมานอฟที่ไม่ได้แต่งงานจะถูกบังคับให้บวชเป็นแม่ชีสวมชุดดำอยู่ในนี้จนตาย และเพิ่งเปลี่ยนสถานะเป็นพิพิธภัณฑ์ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 นี้เอง ที่นี่ถ้าจะถ่ายรูปต้องเสีย 100 RUB ครับ จ่ายๆไปเถอะ
คนรัสเซียนับถือศาสนาคริสต์นิกายรัสเซียนออร์โธดอกซ์ ที่เห็นศาสนสถานคล้ายๆมัสยิดนั่นเป็นโบสถ์นะครับ โดมแหลมๆแทนเปลวเทียน ด้านบนจะเห็นกางเขนที่มีขีดหัวขีดท้ายเป็นเอกลักษณ์ของนิกายนี้ด้วย
ช่วงนี้ครึ้มฟ้าครึ้มฝนตลอดคงไม่ได้รูปสวยๆสักเท่าไหร่ ตามถนนหนทางมีสายระโยงระยางนั่นไว้สำหรับรถไฟฟ้าแล่นตามรางที่อยู่บนถนนนะครับ ตึกรามบ้านช่องส่วนใหญ่เป็นอาคารเก่า ซึ่งสวยเป็นเอกลักษณ์ ทำให้มอสโกเป็นขวัญใจนักท่องเที่ยวที่ชอบตึกทรงคลาสสิค แต่ผมชอบแบบที่เก่าจนเละเป็นซากอิฐมากกว่า
ที่พักทั้งสามคืนเราพักกันที่นี่ครับ Izmailovo Gamma Hotel ตึกบะเร้อเฮิ่มมาก ไม่มีแอร์นะครับ ใช้แง้มหน้าต่างเอา (เรื่องปกติของรัสเซีย) แต่อ่างน้ำอุ่นเติมน้ำเร็วสุดยอดมาก 4 นาทีเต็มอ่างนะ ร้อนเร็วด้วย เพราะรัสเซียใช้ส่งน้ำร้อนตามท่อเอาครับ เมืองหนาวไม่เด่นเรื่องแอร์ แต่เรื่องน้ำอุ่นนี่ขอให้บอกเลย ถึงจะไม่มีสายฉีดตูดแต่ฝักบัวก็ยาวพอให้ใช้แทนกันได้ สำหรับอาหารเช้าทั้งสามวันเป็นบุฟเฟ่ต์กินที่โรงแรมนี้ และโชคดีเป็นอย่างยิ่งที่เขาแยกทัวร์ชาวจีนไปกินอีกห้องนึง ทำให้มื้อเช้าของพวกเรามีแต่ความสงบสุข
DAY 2
เช้าวันนี้เจอแม่ลูกชาวโปแลนด์ตอนกินข้าว เขาเล่าว่าเพิ่งมาจากเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเป็นเมืองที่สวยงามและเก่าแก่กว่ามอสโกด้วย (มีการบรรยายว่าถูกสร้างโดยพระเจ้าปีเตอร์ในปี ค.ศ. บลาๆๆ คุณป้าคนนี้ต้องเป็นอาจารย์สอนประวัติศาสตร์แน่ๆ) เสียจัยเลยครับที่ทริปนี้ไม่ได้ไปเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก แต่เขาเล่าถึงโปแลนด์ก็น่าเที่ยวเหมือนกันนะ โดยเฉพาะเมือง Krakow บ้านเกิดของคุณป้าคนนี้
วันนี้เป็นวันเที่ยวจตุรัสแดง (Red Square) กว้าง 70 เมตร x 695 เมตร เป็นที่รวมสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆของมอสโกไว้เพียบ! ถือเป็นไฮไลต์ของทริปครับ
ที่นี่ถือเป็นศูนย์กลางของมอสโก ถนนทุกแห่งของมอสโกพุ่งออกจากจตุรัสแห่งนี้ ด้านล่างของจตุรัส (ทิศใต้) คือวิหารเซนต์บาซิล ทางซ้ายคือพระราชวังเครมลิน ด้านขวาคือห้างกุม และด้านบนคือพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์มอสโกครับ
ภาพจตุรัสแดงจากกูเกิ้ลเอิร์ธ
ที่แรกคือวิหารเซนต์บาซิล (St.Basil Cathedral) ที่มีโดมหัวหอมสีสันสวยงามถูกใจเด็กๆ สร้างในสมัยพระเจ้าอีวานที่ 4 ในปี 1555 เพื่อเป็นอนุสรณ์ของชัยชนะเหนือพวกมองโกล ซึ่งหลังสร้างเสร็จก็ควักลูกตาสถาปนิกออก ไม่ให้สร้างสิ่งที่สวยงามกว่านี้ขึ้นมาได้ ตามสไตล์กษัตริย์ใจหยาบช้ายุคโบราณครับ ไม่แปลกที่ระบอบกษัตริย์โดนโค่นล้มไปจะหมดโลกอยู่แล้ว พระเจ้าอีวานมีสมญาว่า Evan the Terrible (อีวานจอมโหด) ส่วนด้านหน้าวิหารคืออนุสาวรีย์ของเจ้าชาย Dmitry Pozharsky และ Kuzma Minin ที่ร่วมกันขับไล่กองทหารของโปแลนด์และลิธัวเนียในปี 1612
ใกล้กับวิหารมีกำแพงพระราชวังเครมลิน เดี๋ยวช่วงบ่ายจะเข้าไปดูครับ
ข้างกำแพงมีสุสานเลนิน ซึ่งเก็บรักษาร่างของวลาดีมีร์ เลนิน ผู้นำคนสำคัญของคอมมิวนิสต์ เปิดให้เข้าไปเคารพศพได้เหมือนสุสานลุงโฮนะครับ แต่กรุ๊ปเราไม่ได้เข้าไปดู
ติดกับวิหารเซนต์บาซิลมีห้างกุม (Gum) เป็นห้างที่เก่าแก่ที่สุดมอสโกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1895 และคงลักษณะเดิมไว้จนถึงทุกวันนี้ ทั้งสวยทั้งใหญ่ทั้งเก่า แต่ไม่ได้เข้าไปซื้ออะไรหรอกครับ ใช้เป็นจุดนัดพบเฉยๆ
ทัวร์ปล่อยฟรีหนึ่งชั่วโมงแล้วกลับมาพบกันที่ห้างกุมก่อนพาไปกินข้าว แถวนี้มีพิพิธภัณฑ์อยู่ 5 แห่ง ชั่วโมงเดียวคงได้สักอันนึงเลยเลือกเข้า Moscow Archeology Museum ชื่อคล้ายๆพิพิธภัณฑ์โบราณคดีของอิสตันบูลกะว่าเด็ดคล้ายๆกันที่ไหนได้ ไม่ค่อยมีอะไรเล้ยยย เด่นตรงที่สร้างพิพิธภัณฑ์ตรงตำแหน่งที่ขุดพบโบราณวัตถุ ทำให้เราได้ไปชมแหล่งขุดค้นจริงๆ ของส่วนใหญ่เป็นยุคก่อนประวัติศาสตร์ครับ เก่าเกินไปก็ไม่ซึ้งนะ อยากได้สักยุคกลางอะไรแบบนี้มากกว่า ค่าเข้า 300 รูเบิล ประมาณ 150 บาท (แพง!)
สวน Alexander Garden สร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 1 โดยปรับปรุงเมืองส่วนที่ถูกทำลายในสงครามนโปเลียนเป็นสวนสาธารณะ
หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จก็ต้องรออีกสองชั่วโมงเพราะเราได้คิวเข้าพระราชวังช้ามาก ไม่เป็นไร มีที่อยากเทีย่วแถวจตุรัสแดงอีกเยอะเลยครับ ว่าแล้วก็โต๋เต๋นอกเส้นทางทัวร์รอบสอง คราวนี้เข้าพิพิธภัณฑ์ไม่ผิดอันละ State Historical Museum อันนี้คือพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติของรัสเซียที่แท้จริงครับ รวมโบราณวัตถุนับล้านชิ้นตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ไปจนถึงยุคราชวงศ์โรมานอฟ เดิมทีตึกนี้สร้างในปี 1755 ในสมัยของพระเจ้าปีเตอร์มหาราช เพื่อเป็นมหาวิทยาลัยและโรงหมอ ก่อนถูกใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ในปี 1872
อนุสาวรีย์นายพล Georgy Zhukov ผู้มีบทบาทสำคัญช่วงสงครามโลกครั้งที่สองด้านหน้าพิพิธภัณฑ์
ทริปนี้ผมถ่ายไป 800+ รูป นับว่าน้อยเมื่อเทียบกับอียิปต์และตุรกีที่กดไป 2000+ รูป แถมใน 800 กว่ารูปนั่นก็เป็นของพิพิธภัณฑ์นี้ไปซะ 138 รูปแล้วครับ อันนี้ต้องวิ่งถ่ายเลย ของเยอะห้องแยะแบบสุดๆ กลัวจะไปรวมกลุ่มไม่ทันเอา ค่าเข้าพิพิธภัณฑ์นี้ 350 RUB ครับ แพงกว่า Moscow Archeology Museum หน่อยนึง แต่ของเยอะกว่ากันพันเท่า
ทั้งนี้ บรรยายเป็นภาษารัสเซียทั้งหมดครับ อ่านไม่ออกสักตัว ขอสาดรูปรัวๆอย่างเดียวเลย
ขนาดวิ่งถ่ายก็ยังใช้เวลาไปกับพิพิธภัณฑ์นี้หนึ่งชั่วโมงเต็มๆเลยครับ ได้ฤกษ์ไปรวมกลุ่มเข้าโปรแกรมทัวร์ปกติเสียที ว่าแล้วก็ต่อคิวกันเข้าไปในพระราชวังเครมลินกัน คนล้านแตก เป็นคนจีนซะครึ่งนึง แถมมีการแทรกแถวทุกจังหวะที่สบโอกาส พยายามเกาะกลุ่มกันไว้แน่นๆอย่าให้พลัดหลงกับเพื่อนนะครับ ไม่งั้นต้องไปทัวร์กับคนจีนแทน (ล้อเล่น)
หลังราชวงศ์โรมานอฟถูกโค่นล้มไปเมื่อต้นศตวรรษที่ 20 แล้ว ภายในเขตพระราชวังก็ถูกใช้เป็นสถานที่ราชการและสถานที่ท่องเที่ยว นี่คือปืนใหญ่ Tsar Cannon ยาว 6 เมตร สร้างในปี 1586 ซึ่งปืนไซส์ใหญ่ผิดปกติขนาดนี้มันยิงไม่ได้หรอกครับ สร้างไว้ขู่เท่านั้นเอง แต่ก็ได้ลงกินเนสบุ๊คว่าเป็นปืนใหญ่ที่สุดในโลกนะ
ต่อจากปืนใหญ่ที่สุดในโลกก็มาเป็นระฆังที่ใหญ่ที่สุดในโลก Tsar Bell ทำจากสำริด สร้างในปี 1733 สูง 6 เมตร หนัก 11.5 ตัน ตั้งใจจะเอาไปแขวนบนหอระฆังอีวาน แต่ไม่เคยถูกใช้นะครับ เพราะมันแตกตั้งแต่ตอนหล่อ ตอนนี้เอาระฆังของใหม่ขึ้นไปแขวนแทนเรียบร้อย แต่ไม่ใหญ่เท่า ถ้านับเฉพาะระฆังที่ยังใช้งานอยู่ก็ต้องยกให้ระฆังมิงกุนที่พม่าครับ ใหญ่ที่สุดในโลก
ในโซนนี้จะมีศาสนสถานเรียงรายกันอยู่มากมาย เหมือนวัดประจำพระราชวังอย่างวัดพระแก้วนะครับ
หอระฆังอีวาน (Ivan the Great Bell Tower) เป็นหอสูงที่สุดในเขตพระราชวังเครมลิน สูง 81 เมตร สร้างในปี 1508 | | โบสถ์อัสสัมชัญ (Assumption Cathedral หรือ Dormition Cathedral) สร้างในปี 1479 อันนี้ได้เข้าไปชมภาพเขียนด้านในแต่เขาไม่ให้ถ่ายรูปนะครับ | | โบสถ์แม่พระรับสาส์น (Cathedral of the Annunciation) สร้างในปี 1489 | | โบสถ์อัครเทวดา (Cathedral of the Archangel) สร้างในปี 1508 | | จากนั้นก็เข้าไปชมพิพิธภัณฑ์อาร์เมอร์รี่แชมเบอร์ (Kremlin Armoury Chamber) ที่เก็บรวบรวมสมบัติของราชวงศ์โรมานอฟไว้ แต่ละชิ้นสวยน้ำลายไหลมาก แต่ไม่มีรูปมาฝากนะครับ เขาไม่ให้ถ่าย
เรื่องราวของราชวงศ์โรมานอฟในยุคของจักพรรดินิโคลัสที่สองที่ถูกพรรคบอลเซวิคโค่นล้มและถูกประหารชีวิตทั้งครอบครัวในปี 1918 เป็นเรื่องสะเทือนใจชาวโลกมาก (ถูกจับกุมไว้ปีกว่า และกลางดึกคืนหนึ่งก็ถูกปลุกขึ้นมาไล่ยิงไล่แทงตายหมดทั้งบ้าน เพื่อไม่ให้ฝั่งต่อต้านคอมมิวนิสต์ชิงตัวราชวงศ์ไปใช้ปลุกขวัญและกำลังใจฝ่ายเดียวกัน) ศพของราชวงศ์ถูกฝังอำพรางไว้กว่า 80 ปี เพิ่งจะมีการค้นพบและฝังอย่างสมเกียรติเมื่อไม่นานมานี้เอง โดยร่างของอนาสตาเซียเป็นศพที่ถูกค้นพบหลังสุดในปี 2007 ก่อนหน้านั้นจึงมีข่าวว่าเจ้าหญิงอนาสตาเซียรอดชีวิตจากโศกนาฏกรรมครั้งนั้นและใช้ชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่ง จนมีคนออกมาอ้างตัวเป็นอนาสตาเซียอยู่บ่อยๆ ทำเป็นหนังหรือการ์ตูนก็มี แต่อันที่จริงเจ้าหญิงอนาสตาเซียก็ถูกประหารไปพร้อมๆกับพ่อแม่พี่น้องของเธอนั่นละครับ
ราชวงศ์โรมานอฟ จากซ้ายไปขวา - โอลกา, มาเรีย, จักรพรรดินิโคลัสที่ 2, อเล็กซานดรา, อนาสตาเซีย, อเล็กเซ และทาเทียนา (ปี 1913)
DAY 3
ช่วงเช้าก่อนโรงอาหารจะเปิดก็ไปเดินเล่นสวนสนุกแถวๆที่พัก เขาก็สร้างไว้สวยดีเหมือนกัน
วันนี้ออกจากเมืองมอสโกไปที่ซาร์กอส ไม่ไกลมากครับ ประมาณกรุงเทพนั่งรถไปอยุธยา (70 km) และสถานที่เที่ยวหนึ่งเดียวที่ทำให้เราอุตส่าห์ถ่อมาถึงนี่ก็คือสามศาสนสถานแห่งนักบุญเซอร์เจียส (Trinity Lavra of St. Sergius) ถ้าจะถ่ายรูปต้องจ่าย 100 RUB เช่นเดียวกับอารามนางชีครับ อันที่จริงไม่จ่ายแล้วเข้าไปถ่ายก็ไม่มีใครคอยมาส่องหรอก แต่ช่วยอุดหนุนสถานที่เขาซะหน่อย มีแม่เหล็กติดตู้เย็นแถมให้ด้วยนะ
นักบุญเซอร์เจียสได้รวบรวมผู้ศรัทธาสร้างศาสนสถานแห่งนี้ขึ้นในปี 1337 เป็นโบสถ์ไม้เล็กๆอยู่กลางป่าเขา หลังนักบุญเซอร์เจียสเสียชีวิตไปแล้ว ร่างที่ไม่เน่าเปื่อยของเขาได้ถูกค้นพบในบริเวณนี้ และสร้างเป็น Trinity Cathedral ขึ้นในปี 1422 จากนั้นกษัตริย์อีวานจอมโหดได้สร้างโบสถ์อัสสัมชัญ (Assumption Cathedral) ขึ้นมาบริเวณนี้ในปี 1559 ตามแบบโบสถ์อัสสัมชัญข้างพระราชวังเครมลิน ต่อมารอบๆศาสนสถานก็กลายเป็นชุมชน จนพัฒนาเป็นเมืองซาร์กอสในที่สุด ที่นี่จึงเป็นโบสถ์ศูนย์กลางความศรัทธาของชาวคริสต์นิกายรัสเซียนออร์โธดอกซ์ คนเมืองนี้เคร่งศาสนามากกว่าที่เมืองหลวง จะว่าไปก็คล้ายสุสานเมฟลาน่าในเมืองคอนย่าของตุรกีนั่นละครับ
ช่วงที่ไปมีพิธีกรรมอะไรสักอย่างพอดี คนเลยแน่นมาก
ที่นี่มีกลุ่มโบสถ์รวมกันเหมือนในพระราชวังเครมลินครับ กรุ๊ปเราเข้าโบสถ์นักบุญเซอร์เจียส (Sergius of Radonezh Church) ก่อน
นอกจากนักบุญเซอร์เจียสแล้วที่นี่ยังเป็นที่ฝังร่างนักบวชคนสำคัญอื่นๆไว้มากมาย หนึ่งในนั้นคือ โลงนี้ครับ ผู้ไร้มลทินแห่งอลาสก้า (Innocent of Alaska)
สำหรับร่างของนักบุญเซอร์เจียสที่ไม่เน่าเปื่อยมากว่า 700 ปี! มองไม่เห็นนะครับ เขาห่อผ้าเก็บไว้ในโลงที่ Trinity Cathedral แล้วห้ามถ่ายรูปด้วย
ที่โบสถ์อัสสัมชัญมีภาพเขียนมากมายตั้งแต่ผนังถ้ำจนถึงเพดาน
มื่อเที่ยงวันนี้กินโรงอาหารแถวๆโบสถ์นั่นละครับ เป็นอาหารท้องถิ่นรัสเซียแท้ๆ ซึ่งไร้ความตระการตา เปิดมาเจอจานผัก ต่อด้วยซุป แล้วเมนดิชคือหมูต้มกับมันฝรั่ง รสชาติเหมือนแกงจืดที่แม่ทำค้างไว้อาทิตย์นึงเลย
ช่วงบ่ายเข้าสู่ช่วงช้อปปิ้ง เป็นภาคบังคับว่าทุกๆทริปจะต้องมีช่วงช้อปปิ้งครับ (อยากรู้จริงๆว่าคนต่างชาติมาเที่ยวไทยทัวร์มันพาไปช้อปที่ไหนกัน?) พวกเรามาเดินถนนอารบัต (Arbat Street) เป็นถนนคนเดินที่มีร้านค้าขนาบสองข้างทาง นับว่าเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่เจริญหูเจริญตาที่สุดเท่าที่ช้อปมาแล้วครับ (ไม่นับอากิฮาบะระ)
หัวถนนมีบ้านและอนุสาวรีย์ของ Pushkin นักประพันธ์ชื่อดังในศตวรรษที่ 19
มีการแสดงเร่เป็นระยะๆ ทั้งสีไวโอลิน เล่นมายากล ละครใบ้ ฯลฯ
ร้านที่ไกด์แนะนำอยู่หัวถนนเลย ไกด์บอกว่าร้านไหนราคาก็ไม่ต่างกันมากเท่าไหร่ แต่อันนี้ต่างสิครับ ร้าน Chaka ที่แนะนำนี่แพงเว่อร์ ช็อคโกแลตแท่งละ 145 RUB ซื้อทั่วไป 100 RUB ซื้อในห้างตอนลดราคา 79 RUB ถูกได้อีก หนังสือมอสโกก็แพงกว่าตามแหล่งท่องเที่ยวเกือบสองเท่า พนักงานก็ไม่ใส่ใจเห็นลูกค้าเป็นอากาศธาตุ สรุปว่าห่วยครับเลยไปซื้อร้านอื่นดีกว่า จำให้ขึ้นใจในการท่องเที่ยวต่างประเทศว่าร้านที่ไกด์แนะนำมักไม่ใช่ร้านที่ดีที่สุดหรือถูกที่สุด แต่เป็นร้านที่จ่ายตังค์ให้ไกด์ต่างหาก เดินลึกเข้าไปหน่อยมีร้าน CybehNPbI ขายของที่ระลึกเหมือนกัน แต่ถูกกว่า มีเสื้อให้เลือกหลายลายกว่าด้วย อันนี้คนจีนขายนะครับ ร้านนี้ที่ถนนอารบัตมีสองสาขาเลย ถนนมันยาวมาก
ร้านนี้ห่วย ไม่แนะนำ
|
ร้านนี้โอเคนะ
| จุดมุ่งหมายของผมคือเดินไปให้ถึงร้านสตาร์บั๊คเพื่อซื้อแก้วลายมอสโก (แม่ซื้อไปฝากพี่) ร้านมันก็อยู่ซะไกลเลยครับ เกือบสุดถนน ให้เวลาช้อปชั่วโมงเดียววิ่งกลับมารวมกลุ่มแทบไม่ทัน
หลังจากมื้อเย็นกินอาหารจีน (อีกแล้ว) เสร็จแล้วก็ไปดูละครสัตว์กัน แต่มาก่อนเวลาเขายังไม่เปิดให้เข้านะครับ ฝนเจ้ากรรมก็ตกเอาตกเอา รอครึ่งชั่วโมงถึงเข้าไปได้
การแสดงเริ่มหนึ่งทุ่ม แสดงสองช่วงๆละ 1 ชั่วโมง ดูกันจุใจไปเลย นี่ก็อีกหนึ่งไฮไลต์ของทัวร์นี้เลยครับ ละครสัตว์คณะ Bravo นี้โด่งดังระดับโลก มีสารพัดการแสดงทั้งโชว์หมา โชว์ลิง โชว์ม้าแคระ โชว์แมว (ทึ่งมากที่เขาฝึกแมวได้) ยืนบนถัง โหนสลิง ต่อตัว และปิดด้วยโชว์ช้างซึ่งเป็นไฮไลต์ทำให้เราได้เห็นท่าทางต่างๆที่เกิดมาไม่คิดว่าช้างมันจะทำได้ เช่นยืนด้วยขาหน้าแล้วขาหลังหมุนห่วง ฝึกอีกหน่อยคงจับช้างไปโหนสลิงได้ เขาห้ามถ่ายภาพขณะแสดงนะครับ แต่หลายคนพอเจ้าหน้าที่เผลอก็ยกกล้องขึ้นถ่ายรัวๆ เจ้าหน้าที่วิ่งไปห้ามไม่ค่อยจะทัน
ช่วงเดินทางกลับฝนก็ยังคงตกไม่เลิก วันนี้นอนดึกสุด เพราะกว่าละครสัตว์จะจบก็สามทุ่มกว่าแล้ว
DAY 4
วันสุดท้ายเที่ยวไม่หนักครับ ช่วงเช้าออกไปซื้อช็อคโกแลตที่ซูเปอร์มาร์เก็ตแถวที่พัก (ทำให้ผมรู้ว่าไอ้ร้านของที่ระลึกที่ไกด์แนะนำเมื่อวานมันแพงจริงๆ) วันนี้ฝนก็ยังคงตกอย่างน่าเบื่อหน่าย แถมตกหนักกว่าวันอื่นซะด้วย ในทีวีถึงกับออกข่าวฝนตกรถติดเป็นอุบัติการณ์ครั้งใหญ่ราวกับชาตินี้รัสเซียไม่เคยมีฝนมาก่อน (นับว่าคณะเราโชคดีมาก)
ที่เที่ยวแห่งแรกของวันนี้คือวิหารเซนต์เดอซาเวีย (Cathedral of Christ the Saviour) ....ปิดครับ! เขาทำพิธีอยู่ จะเปิดรับนักท่องเที่ยวตอนบ่าย (เวรกรรม) ต้องวิ่งตากฝนกลับขึ้นรถ
ฆ่าเวลาด้วยการเดินเล่นที่ห้าง Europeisky Shopping Mall 2 ชม. .....ยาวม้าก!! เลยแวะซื้อเสื้อ+กินข้าว เดินไปสั่งอาหารตุรกีเพราะเห็นข้าวผัดเนื้อมันน่ากิน ซึ่งก็อร่อยครับ! อร่อยที่สุดเท่าที่กินมาในทริปนี้เลย โอ้! มื้อที่อร่อยที่สุดในรัสเซียคือกินอาหารตุรกี
พยายามไม่กินให้อิ่มมาก เพราะมันใกล้มื้อเที่ยงอย่างเป็นทางการแล้ว มื้อเที่ยงนี้ไกด์พาไปกินอาหารท้องถิ่นครับ ซึ่งหน้าตาละม้ายคล้ายมาม่า ไม่สิ นี่มันมาม่าชัดๆเลยนี่หว่า!! ผักก็เป็นของแห้งกึ่งสำเร็จรูป ผงเครื่องปรุงนี้ลอยเต็มชาม ผมนึกขอบคุณอาหารตุรกีเมื่อตะกี้ขึ้นมาที่มันทำให้เราอิ่มท้อง
หลังกินมาม่าเสร็จช่วงบ่ายก็เข้าวิหารเซนต์เดอซาเวียจริงๆซะที วิหารนี้สร้างในปี 1839 เคยถูกสตาร์ลินทุบทิ้งทำสระว่ายน้ำไปหนนึง ที่เห็นนั่นสร้างขึ้นใหม่ในปี 1994 ในสมัยของประธานาธิบดีบอริส เยลซิน ให้กลับมารูปแบบเดิมก่อนโดนทุบ ด้านในมีภาพวาดแต่ที่นี่ห้ามถ่ายภาพนะครับ เลยมีแค่รูปถ่ายด้านนอกที่แปะไปเมื่อสักครู่นั่นแหละ
สถานที่ท่องเที่ยวแห่งสุดท้ายคือรถไฟใต้ดินมอสโกครับ แต่ละสถานีจะตกแต่งแตกต่างกันออกไป แต่ล้วนสวยงาม ไกด์พาขึ้นรถไฟไปลงสถานีต่างๆเพื่อถ่ายรูป 3-4 แห่ง สมชื่อสถานีรถไฟที่สวยงามที่สุดในโลกจริงๆครับ
จบแล้วครับทริปรัสเซีย ที่เหลือก็เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ
ก่อนจาก เรามา quick view กับเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่เก็บได้แถวๆรัสเซียกันสักหน่อย... ไปแค่สี่วัน เก็บอะไรไม่ได้เท่าไหร่หรอกครับ ไกด์ก็ไม่ได้อธิบายอะไรมากมาย
อันนี้โซนตึกทันสมัยที่เห็นจากบนสแปร์โร่วฮิล หนนี้ถ่ายขณะแล่นรถผ่านครับ มันโดดจากตึกโซนอื่นๆมากจริงๆ
ตามถนนมีรางสำหรับให้รถไฟฟ้าแล่นด้วยนะ
รัสเซียใช้หน่วยเงินรูเบิล (RUB) 1 รูเบิลประมาณ 50 สตางค์น่ะ ซื้อของอะไรจะคำนวณเป็นเงินไทยก็หารสองง่ายๆเลย ของฝากยอดนิยมคือตุ๊กตาแม่ลูกดก (มีตัวเล็กอย่ข้างในตัวใหญ่ ซ้อนกันหลายๆชั้น) ซึ่งผมไม่ได้ชื่นชอบแต่อย่างใดเลยไม่ได้ซื้อ นอกนั้นก็เป็นพวกอำพัน หรือช็อคโกแลต
OK! เอาช็อคโกแลตนี่ละครับ ในโรงแรมมี welcome chokolate (แทนที่จะเป็น welcome drink) ให้ผู้มาเข้าพักทุกห้อง (รูปซ้าย) ลองกินแล้วอร่อยครับ รัสเซียน่าจะทำช็อคโกแลตเก่งอยู่ ยี่ห้อดังที่คนนิยมซื้อฝากกันก็ต้องยี่ห้อ Alenka ตามรูปขวาเลย อันละ 100 RUB
คนรัสเซียไม่ค่อยยิ้มครับ ตั้งแต่เจ้าหน้าที่สนามบินยันป้าร้านขายของยิ้มไม่เป็นทั้งนั้น เราก็ไม่ต้องไปยิ้มให้เขานะเขาจะคิดว่าเราคิดอะไรแปลกๆ แต่ยิ้มพร้อมให้ความช่วยเหลือแล้วหลอกเอาตังค์แบบอียิปต์ก็ไม่ไหวนะ ถึงคนรัสเซียจะแห้งแล้งแต่ดอกไม้ตามข้างทางสวยตามสไตล์เมืองหนาวครับ
ที่นี่นักท่องเที่ยวจีนเยอะแบบสุดๆ ไปไหนก็เจอเนาะ คิดว่าคนจีนไปเชียงใหม่หมดประเทศแล้วซะอีก ฝรั่งก็แยกคนไทยกับคนจีนไม่ค่อยอกหรอกครับ คนจีนทำทีเด็ดไว้เยอะ (ล่าสุดมีคนจีนไปนั่งขี้ใน Armoury Chamber ....เช้ดดดด! พิพิธภัณฑ์รวบรวมของล้ำค่าของราชวงศ์ที่ห้ามถ่ายรูปด้วยซ้ำนั่นน่ะนะ!) พอรัสเซียเห็นคนไทยก็เลยพาลไม่ชอบไปด้วย
ปูตินเป็นขวัญใจคนไทยหลายคนด้วยความดุดันเด็ดขาด และโต้ตอบอเมริกาได้อย่างถึงใจถูกใจฝั่งแอนตี้อเมริกา ส่วนที่รัสเซียเองก็เหมือนทุกประเทศนั่นละครับ มีข่าวทุจริตของนักการเมืองออกเช้าเย็น เป็นปกติที่ยิ่งถือครองอำนาจเด็ดขาดเท่าไหร่ ก็ยิ่งเปิดช่องให้ทุจริตง่ายเท่านั้น
โปเกม่อนก็มีให้จับนะครับ รัสเซียไม่ได้แบนเกมนี้อย่างที่เคยมีข่าวแต่อย่างใด ผมเป็นเพื่อนไลน์กับปูตินอยู่พอดี เลยลองไลน์ไปถาม
รัสเซียไม่ค่อยมีหนังสือแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเท่าไหร่ จะมีเล่มรวมๆของมอสโก แต่ราคาก็โหดเกินซื้อไหว หนังสือแยกรายละเอียดแต่ละโบสถ์ก็แพงเวอร์ ไม่มี booklet ราคาถูกๆให้ตามเก็บแบบอียิปต์ด้วย สุดท้ายนี่จึงเป็นทริปต่างประเทศที่ไม่ได้หนังสืออะไรกลับมาบ้านเลย ข้อมูลในบล็อกนี้เปิดเน็ตเอาเป็นหลักเลยครับ
Create Date : 28 กันยายน 2559 |
Last Update : 5 มีนาคม 2560 19:00:54 น. |
|
51 comments
|
Counter : 4413 Pageviews. |
|
|