|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
เที่ยวคันไซตามใจฉัน (1): เกียวโตฝั่งตะวันตก
ช่วงปลายเดือน มี.ค. - ต้นเดือน เม.ย. เป็นช่วงยอดฮิตของการท่องเที่ยวญี่ปุ่นเพื่อชมซากุระมากๆ ผมตื่นเช้าขึ้นมาวันนี้พร้อมตระหนักได้ว่าทริปญี่ปุ่นที่ไปเยือนซากโบราณแถบคันไซตั้งแต่เดือน ต.ค. ปีที่แล้วนั้น.... ยังไม่ได้อัพเบย นี่เป็นทริปต่างประเทศที่ไปกันเองแบบไม่ง้อทัวร์ครั้งแรกในชีวิตด้วย อยากเที่ยวอะไรอยากกินอะไรอิสระตามจิตใจอันเสรี เลยเที่ยวได้เยอะกว่าไปทัวร์มากๆ ขอจับมานำเสนอสุดอลังการ 9 เอนทรี่สำหรับทริปนี้ไปเลยครับ
ทริปนี้น้องผมเป็นคนแพลนขึ้น หาข้อมูลเส้นทางเดินรถบัสรถไฟเสร็จสรรพ ส่วนผมมีหน้าที่แค่จองโรงแรมกับตั๋วเครื่องบินครับ ทีแรกตั้งใจว่าจะไปปี พ.ศ.2560 แต่อดใจไม่ไหว ไปซะเลย ปีก่อนเลยเที่ยวหนักมาก ตั้งแต่ไปลังกาวีต้นปี รัสเซียกลางปี จนมาญี่ปุ่นและอินโดนีเซียปลายปี แล้ววันลาพักร้อนที่สะสมมาก็ถูกใช้หมดไปในพริบตา สำหรับทริปญี่ปุ่นนี้ไปวันที่ 29 ต.ค. - 4 พ.ย. (7 วัน 6 คืน) เที่ยวแถบคันไซที่เป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ทั้งเมืองเกียวโต นารา และโอซาก้า พักที่ละสองคืนจะได้ลดเวลาเดินทาง ไปกันสามคน ผม-น้อง-แม่ เครื่องออกห้าทุ่มวันที่ 28 ต.ค. สายการบิน JAL ครับ ไป-กลับ กรุงเทพ-เกียวโต คนละ 20,075 บาท
ภูมิภาคคันไซคือบริเวณสีแดงในแผนที่ ประกอบด้วยจังหวัดมิเอะ, นารา, วากายามะ, เกียวโต, โอซาก้า, เฮียวโงะ, และชิกะ เมืองที่ไปตามลำดับคือ เกียวโต-อุจิ --> นารา-หมู่บ้านอาซึกะ --> โอซาก้า-ซาไก
เที่ยวเองเน็ตสำคัญนะครับ เอาไว้เปิดกูเกิ้ลคลำทาง ผมกับน้องซื้อซิม sim2fly ของ AIS ไป 399 บาท ใส่เข้ามือถือ กดโทรออกที่ไทยเพื่อ activate ซิม แล้วก็ไปใช้ที่ญี่ปุ่นได้สบายๆ 8 วัน 4 GB เปิดกูเกิ้ลแมพทั้งวันยังเหลือบานเบอะ มือถือผมเป็น dual sim เลือกให้ใช้ 3G/4G จาก slot ซิมอันนี้นะ พอไปถึงญี่ปุ่นมันจะโชว์ว่าต่อกับ SoftBank แล้ว ทีแรกว่าจะซื้อ pocket wifi แต่แพงเกิน แถมต้องหิ้วไปด้วยตลอดเวลาอีก ที่ญี่ปุ่นโรงแรมทุกแห่งแม้จะบ้านนอกสุดกู่แต่ส่วนใหญ่มี wifi แรงๆให้ใช้ฟรีนะครับ
บนเครื่องบินดูรายการท่องเที่ยวแล้วอยากกินราเม็งขึ้นมาทันใด เรียกว่าบิลท์กันตั้งแต่เท้ายังไม่เหยียบประเทศญี่ปุ่น เป็นสารคดีเกี่ยวกับชายชาวชิลีที่ไปกินราเม็งร้าน Santouka ที่อเมริกาแล้วติดใจรสชาติราเม็งของญี่ปุ่นมาก เลยเดินทางแบบแบ็คแพ็คตระเวนกินราเม็งชื่อดังทั้งญี่ปุ่น ตั้งแต่ใต้จรดเหนือสุดคือฮอกไกโดดินแดนแห่งราเม็ง และเขาก็ได้เดินทางมาถึงต้นตำรับร้าน Santouka ที่ฮอกไกโดในที่สุด จะว่าไปเมืองไทยก็มีร้านสาขาของ Santouka อยู่นะ ว่าแล้วหลังจากกลับจากญี่ปุ่นผมก็ไป ctw ลองกินมาเรียบร้อย ก็รสชาติแบบญี่ปุ่นจริงๆ เค็มแต่ดีเพราะน้ำซุปมันมีความลุ่มลึก
ถึงสนามบินคันไซเช้าวันที่ 29 ต.ค. ครับ เข้า JR Office ไปซื้อบัตร ICOCA 3 ใบ เก็บไว้คนละใบ แล้วเอาไปเติมเงินสักใบละหมื่นเยน ใช้ได้ตลอดการเดินทาง ขึ้นรถไฟรถเมล์แถบคันไซได้เกือบหมดครับ คนเชี่ยวชาญการเดินทางในญี่ปุ่นมีวิธีเดินทางที่ถูกกว่านี้อยู่เยอะ แต่เราเน้นสะดวกเข้าว่า ตามป้ายและสถานีต่างๆมีภาษาอังกฤษให้อ่านหมดแล้วครับ สะดวกขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
ขึ้นรถไฟจากสนามบินคันไซเข้ามาที่สถานีรถบัสเกียวโตครับ เป็นศูนย์กลางเมืองเกียวโตที่จะตั้งต้นการท่องเที่ยวในแถบนี้ และเราจะพักใกล้ๆนี้แหละ แต่ก่อนอื่นขอเที่ยวก่อน เป้าหมายแรกคือป่าไผ่ที่อาราชิยามะ
รถไฟเข้าเมืองเกียวโตนั่งสบายไม่แน่นมาก เอากระเป๋าเดินทางล็อคไว้แถวที่เก็บกระเป๋าหน้าประตูแล้วหาที่นั่งตามสะดวก มีพนักงานตรวจตั๋วเอาให้เขาดูด้วยนะ
|
ล็อคเกอร์สำหรับฝากกระเป๋า เพื่อความสะดวกในการท่องเที่ยว ค่าฝาก 500 - 700 เยน ขึ้นกับขนาดกระเป๋า จัดว่าแพงเอาเรื่อง ต้องแพลนการเดินทางดีๆนะครับ ฝากแล้วเก็บกุญแจไว้กับตัวเลยครับ พอจะมาเอาคืนก็มาไขไป ไม่จำกัดเวลา
| เกียวโตเป็นเมืองใหญ่อันดับสามของญี่ปุ่นรองจากโตเกียวและโอซาก้า แต่เมืองก็ยังดูสงบสวยงาม บ้านเรือนสร้างโดยคงบรรยากาศยุคโบราณไว้ น่าเที่ยวครับ เสียดายเราพลาดชมใบไม้แดงเพราะมาเร็วไปสองอาทิตย์
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนาน ตามตำนานกล่าวว่าเกาะญี่ปุ่นถูกสร้างโดยเทพอิซานางิและอิซานามิแห่งมิโคโตะ และอามาเทระสึเทพธิดาแห่งดวงอาทิตย์ผู้เป็นบุตรสาวของเทพทั้งสองได้ให้แสงสว่างและความอุดมสมบูรณ์แก่ญี่ปุ่น อีกทั้งได้มอบหมายให้นินิกิหนึ่งในลูกหลานของตนเองลงจากสวรรค์มาปกครองญี่ปุ่น และจักรพรรดิจิมมุ จักพรรดิองค์แรกผู้สถาปนาประเทศญี่ปุ่นขึ้นก็เป็นลูกหลานของนินิกินี้เอง
จักรพรรดิ 9 องค์แรกเป็นบุคคลที่มีอยู่ในตำนาน จนกระทั่งมาถึงจักพรรดิองค์ที่ 10 จักพรรดิซูจินจึงเป็นจักพรรดิองค์แรกที่น่าจะมีตัวตนอยู่จริงตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ รัชสมัยของจักรพรรดิซูจินก็ตั้งแต่ 97-30 ปีก่อนคริสตกาลครับ เรียกว่าญี่ปุ่นมีประวัติศาสตร์ไม่ต่ำกว่าสองพันปีมาแล้ว พิพิธภัณฑ์ส่วนมากจะแบ่งยุคสมัยของญี่ปุ่นตามนี้ครับ (ไม่รวมช่วงรอยต่อ)
1. ยุคโจมอน (ก่อน 270 AD) 2. ยุคโคฟุน (270 - 539 AD) 3. ยุคอาสึกะ-นารา (539 - 794 AD) เมืองหลวงคือหมู่บ้านอาสึกะและนารา 4. ยุคเฮฮัน (794 - 1185 AD) เมืองหลวงคือเกียวโต 5. ยุคคามาคุระ (1185 - 1333) 6. ยุคมุโรมาจิ (1318 - 1573) 7. ยุคเอโดะ (1603 - 1868) เมืองหลวงคือโตเกียว 8. ญี่ปุ่นยุคปัจจุบัน (หลังการปฏิรูปเมจิปี 1868)
ปีแบบญี่ปุ่นจะนับตามรัชสมัยขององค์จักรพรรดิ อย่างปีโชวะที่ 1 คือปี 1926 เป็นปีแรกที่จักพรรดิฮิโรฮิโตะ (จักรพรรดิองค์ก่อน) ครองราชย์ ปัจจุบันนับเป็นปีเฮเซย์รัชสมัยของจักพรรดิอากิฮิโตะ ปีนี้ 2017 คือปีเฮเซย์ที่ 29 ครับ
สำหรับสองวันแรก เราจะเที่ยวเกียวโตที่รุ่งเรืองเมื่อพันปีก่อนกัน เป็นเมืองที่ถูกใช้เป็นเมืองหลวงยาวนานตั้งแต่สมัยเฮฮันจนย้ายไปโตเกียวในยุคเอโดะ แต่สถานที่ท่องเที่ยวส่วนมากจะถูกสร้างในสมัยโชกุนเรื่องอำนาจช่วงยุคคามาคุระและมุโรมาจิครับ วันแรกเลาะเที่ยวแถบตะวันตกของเกียวโตก่อน ที่เที่ยวแรกก็ลุยเข้าย่านอาราชิยามะเลย...
นั่งรถไฟมาถึงอาราชิยามะ ตอนนี้อุณหภูมิ 10 องศาปลายๆ กำลังเย็นสบายเลย เดินเที่ยวแบบไม่รู้สึกเหนื่อยทั้งที่วันนึงก็เดินเป็นสิบๆกิโลอยู่นะ ที่เที่ยวแรกคือ สะพานโทเงสึเคียว (Togetsukyo Bridge) หรือสะพานข้ามจันทรา เป็นสะพานไม้ข้ามแม่น้ำคัตสึระ สะพานนี้สร้างในสมัยเฮฮัน ที่เห็นนี้ปรับปรุงครั้งใหญ่ในปี 1930 ครับ
แถวสะพานเป็นตลาดของย่านอาราชิยามะ นับเป็นช้อปปิ้งแรกของการมาถึงญี่ปุ่นนะครับ โชคดีที่ไม่ได้มีของขายอะไรดึงดูดตามากมาย พวกของฝากก็พยายามอดใจไว้ซื้อวันหลังๆ เพราะไม่อยากแบกหนักหลายวัน และวันนี้เพิ่งจะเคยเห็นเห็ดมิสึทาเกะครั้งแรกครับ อยากกินมันตั้งแต่เห็นในเรื่องโดราเอมอนแล้ว ได้ข่าวว่าเอาไปย่างได้กลิ่นหอมอร่อยแบบสุดๆ และราคาก็แพงสุดๆด้วย นี่ถาดละ 200 กรัม 5,000 เยน (ลดจากแปดพัน) ...เท่ากับโลละหมื่นบาท!! นี่ขนาดดอกแก่แล้วนะ
เดินจากสะพานมาทางเหนือ 650 เมตรมาที่ วัดเทนริวจิ (Tenryu-ji Zen Temple) ค่าเข้าชม 500 เยน เดิมเป็นพระราชวังที่สร้างตั้งแต่ต้นยุคเฮอัน แต่ถูกเปลี่ยนเป็นวัดในปี 1339 โดยโชกุนอาชิคากะ (ยุคสมัยมุโรมาจิโชกุนเป็นใหญ่ครับ) เพื่ออุทิศให้จักรพรรดิโกไดโงะ แต่ตัววัดเคยถูกไฟไหม้และไฟสงครามจนเสียหายไปแปดรอบ ที่เห็นนี้บูรณะในช่วงเมจิเมื่อปี 1924 แต่ที่โดดเด่นและเป็นของเดิมเลยคือสวนบริเวณวัดที่มีทั้งใบไม้หลากสีและลานหินแบบเซน ออกแบบโดยมุโซ โซเซกิ จ้าอาวาสคนแรกของวัดนี้
ที่นี่เป็นหนึ่งในห้าวัดเซนของเกียวโตที่เรียกว่า "ขุนเขาทั้งห้าแห่งเกียวโต" ด้วย เป็นการสร้างวัด 5 แห่งบนเขา 5 ลูกตามแบบจีนครับ ของญี่ปุ่นมีวัดเทนริวจิ, โชโคคุจิ, เคนนินจิ, โทฟุคุจิ และแมนจูจิ สร้างในยุคมุโรมาจิ แต่นอกจากเทนริวจิแล้ววัดอื่นไม่ได้ไปดูอะจิ
และเป็นมรดกโลกด้วยครับ ที่นี่รวมกับอีกหลายๆวัดและสถานที่ทางประวัติศาสตร์อื่นๆของเกียวโตเป็น Historic Monuments of Ancient Kyoto เอาเป็นว่าเกือบทุกวัดที่เที่ยวในทริปนี้เป็นมรดกโลกนะครับ
ถนนป่าไผ่ซากาโนะ หรือที่เรียกกันว่า Arashiyama Bamboo Groove อยู่ด้านหลังวัดเทนริวจิครับ เป็นแนวต้นไผ่สูงตลอดสองข้างทางที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปกันมาก แต่คนเยอะจนหามุมสวยๆยากอยู่ รู้งี้น่าจะไปหัดถ่ายป่าไผ่ที่นครนายกมาก่อน
เดินผ่านป่าไผ่กลับมาที่ถนนหน้าวัดเพื่อหาข้าวกินครับ ญี่ปุ่นมีอาหารอร่อยๆมากมายอยากกินแทบทุกร้าน แต่เป็นความน่าเศร้าเป็นอย่างยิ่งที่มนุษย์ธรรมดากินได้แค่มื้อละร้านเท่านั้น (ส่วนมนุษย์ไม่ธรรมดาก็เช่นเจ๊ๆสาย food blog จอมเขมือบ) จึงต้องเลือกดีๆไม่ให้เสียโอกาสครับ ร้านแรกขอเลือก Yojiya Cafe นี่แหละ!! เห็นโปรโมทว่าเมนูละพันเยนฟังดูถูกดี (แต่หลังจากพบว่าร้านต่อๆไปที่เหลือทั้งหมดล้วนถูกกว่าร้านนี้แล้วผมอยากใช้ Bite the Dust ย้อนเวลาเอามากๆ) รสชาติก็น่าผิดหวังเอาเรื่องเลย สปาเก็ตตี้กับไข่ห่อข้าวชืดสนิท มีแกงกะหรี่ใช้ได้หน่อยแต่มันก็แทบจะผักล้วนอะนะ มีเศษเนื้อลอยอยู่สองชิ้นเหมือนเผลอทำหล่นลงมา ขนมที่เป็นจุดขายของร้านอย่าง Yojiya Special Japanese Roll Cake ก็เฉยๆมาก แต่บริการได้อยู่นะ มีผ้าเย็นให้+น้ำเปล่าฟรี รวมราคามื้อนี้ 3,670 เยน ...หาร 3 แล้วเท่ากับตกหัวละ 490 บาท กรี๊ดดดด!! ราคานี้กินบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นที่เมืองไทยได้เลยนะ!! แต่อยากแร่ดอย่างเบิกบานที่ญี่ปุ่นก็ต้องทำใจเรื่องราคา
เป้าหมายต่อไปคือวัดเรียวอันจิครับ คราวนี้ต้องขึ้นรถเมล์ละ กว่าจะมาก็นานเอาเรื่องเหมือนกันเพราะมาแค่ 30 นาที/คัน นั่งสาย 11 ไป Yamagonaka Street แล้วต่อสาย 59 ไปวัดเรียวอันจิ
วัดเรียวอันจิ (Ryōan-ji Temple) ค่าเข้า 500 เยน เคยเห็นที่พักขุนนางสมัยเฮฮันแต่ถูกเปลี่ยนเป็นวัดเซนในสมัยมุโรมาจิปี 1450 ห้องเสื่อตาตามิด้านในวัดนี้ยกมาจากวัดไซเกนอิน หลังจากวัดนี้ถูกไฟไหม้ในปี 1797 ครับ (วัดญี่ปุ่นนี่ไฟไหม้บ่อยจัง)
ที่นี่มีสวนหินที่โด่งดังที่สุดในญี่ปุ่น มีหินวางอยู่ 15 ก้อน แต่ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็จะมีหินอย่างน้อย 1 ก้อนที่อยู่มุมอับสายตา ความหมายของสวนหินนี้ต่างคนต่างก็ตีความกันไปต่างๆนานา เราคนทั่วไปไม่อาจเข้าถึงเซน คงต้องลองเรียกพี่ก๋ามาจ้องดูสักคืนนึงครับ
จากวัดเรียวอันจิเดินเท้าต่ออีก 15 นาทีจะมาถึง วัดคินคาคุจิ (Kinkaku-ji Temple) หรือวัดทองที่โด่งดัง ค่าเข้า 400 เยน ก็เหมือนวัดอื่นๆแถบนี้ละครับ เดิมเป็นที่พักของขุนนาง แต่โชกุนอาชิคางะ โยชิมิตสึ ได้ซื้อต่อจากตระกูลไซออนจิในปี 1397 และหลังโชกุนเสียชีวิตได้ถูกเปลี่ยนเป็นวัดเซนตามความตั้งใจของโชกุน
วัดนี้มีสถาปัตยกรรมที่งดงามและสีทองเหลืองอร่ามสะท้อนบนผืนน้ำทำให้นักท่องเที่ยวแห่กันเข้ามาแน่นขนัดยิ่งกว่าวัดไหนๆที่ผ่านมา นอกจากนี้วัดทองยังเป็นแรงบันดาลใจให้หลานของโชกุนสร้างวัดเงินกินคาคุจิไว้คู่กันด้วย ไว้พรุ่งนี้จะพาไปดูวัดเงินครับ
ตัววัดถูกทำลายในช่วงสงครามกลางเมืองและคดีพระบ้าเผาวัดในปี 1950 แต่ก็ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ครับ สรุปว่าโบราณสถานของญี่ปุ่นที่เห็นครบๆนี่บูรณะหรือไม่ก็สร้างขึ้นมาแทนของเดิมทั้งนั้น แต่อย่างน้อยก็คงรักษารูปแบบเดิมไว้นะ
...ใครรู้สึกคุ้นๆหน้าตาของวังสีทองหรือคุ้นๆท่านโชกุนโยชิมิตสึเจ้าของวังที่กลายเป็นวัดนี้บ้างครับ ปิ๊งป่อง! ท่านคือโชกุนจากเรื่องอิคคิวซังนั่นเอง อิมเมจของวัดนี้ถูกใช้เป็นวังของโชกุนในการ์ตูนด้วยนะ
วัดนี้เป็นวัดเซนผสมกับพุทธครับ มาดูในส่วนที่เขาไหว้กันบ้าง คนญี่ปุ่นจะไหว้พระปรบมือ, หย่อนเหรียญ, ขอพร, สั่นกระดิ่ง ต่างจากไหว้พระแบบบ้านเราครับ
ป้ายขอพร เขียนคำอธิษฐานแล้วแขวนไว้ แต่ละวัดจะมีรูปแบบป้ายแตกต่างกันไปตามจุดขาย อย่างของวัดนี้เป็นรูปเณรน้อยอิคคิวซัง
|
เซียมซีที่ได้คำทำนายไม่ดีจะเอามาผูกไว้ จะได้ผ่อนหนักเป็นเบา
| จากนั้นนั่งรถบัสสาย 12 มาอีก 6 กม. มาที่ ปราสาทนิโจ (Nijō Castle) ค่าเข้า 600 เยน สร้างในปี 1603 เพื่อเป็นที่พักของโชกุนโตตุกาวะ อิเอยาสึ โชกุนคนแรกของยุคเอโดะ แต่หลังรัฐบาลโตตุกาวะหมดอำนาจในช่วงปฏิรูปเมจิปี 1867 ก็ถูกใช้เป็นวังของเชื้อพระวงศ์จักรพรรดิ และกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ในเวลาต่อมา วังนี้มีพื้นที่ 172 ไร่ แต่ด้านในห้ามถ่ายรูปครับ มีภาพเขียนเก่าแก่แต่ก็ไม่ได้สวยงามอะไร เป็นความผิดของเจ้าของบล็อกที่เข้าไม่ถึง
ช่วงนั้นมีงานแสดงรถหรู "Artistic Cars at the World Heritage" จ่ายค่าเข้าอีก 600 เยนเพื่อเข้าไปชมรถสวยๆที่นำมาจัดแสดงในสวนของปราสาทได้ครับ
เดินเลาะรอบปราสาทจับโปเกม่อนได้เพียบเลย ที่ญี่ปุ่นมีเยอะจริงๆ (แต่ก็เลิกเล่นไปแล้วอะนะ ไม่ต้องมาท้าดูเอล) แล้ววันแรกก็จบลงครับ ต่อไปมุ่งหาที่พักอย่างเดียวเลย
ระหว่างเดินกลับไปที่สถานีรถไฟเดินผ่าน สวนชินเซนเอน (Shinsen-en) ที่เคยเป็นสวนในพระราชวังของจักพรรดิคัมมุ จักรพรรดิองค์แรกของยุคเฮฮัน สร้างในปี 794 เดิมมีน้ำพุธรรมชาติผุดขึ้นมา แต่ตอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของวัดโทจิครับ
ภาพนี้ถ่ายจากสถานีรถไฟนิโจ แสงสุดท้ายของวันแรกก็ยังสวยงาม ขณะนี้เป็นเวลา 18.30 น. หิวข้าวเย็นแล้วจ้า
ที่พักของสองคืนในเกียวโตคือที่นี่ครับ Sunrich Kyoto Station จองผ่าน booking.com โหลดแอพของบุคกิ้งไว้ในมือถือ พอถึงที่ก็เปิดแอพให้มันนำทางพาเรามาที่พักได้เลยครับ คาดไว้ว่าห้องพักญี่ปุ่นจะเล็กและแพงมาก แต่ที่นี่สะดวกสบายผิดคาดเลย
| ระบบเช็คอิน-เช็คเอาท์ของที่นี่เป็นระบบที่ไม่ต้องพูดคุยกับเจ้าของที่พักเลย ซึ่งผมชอบมาก!! ตั้งแต่ตอนจองเราจะต้องจ่ายล่วงหน้า เขาจะส่งรหัสให้เราทางอีเมล์สำหรับไขเอากุญแจที่หน้าห้องพัก ไขเข้าห้อง แล้วเวลาเช็คเอาท์ก็คืนกุญแจลงกล่องหน้าที่พักเป็นอันเสร็จพิธี งานนี้ใช้ได้ในประเทศที่มีความซื่อสัตย์อย่างญี่ปุ่นเท่านั้นนะครับ มาทำในประเทศด้อยพัฒนามียกคอมกลับบ้านแน่ๆ | เข้ามาในที่พักแล้วสะพรึงมากครับ มีห้องนั่งเล่นแยกเป็นสัดส่วนกับห้องนอนที่อยู่ชั้นลอยมีฟูกให้ เรียกว่าจัดสัดส่วนห้องใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่าและไม่รู้สึกว่าคับแคบ ที่นี่เข้าพักได้สามคน เหมาะสำหรับกลุ่มเราที่ไปกันสามคนพอดี มีคอมพิวเตอร์ wifi แรงๆ อ่างอาบน้ำอุ่น หรือกระทั่งครัวและไมโครเวฟ ราคาก็ไม่แพงครับ คืนละ 3,965 บาทเท่านั้นเอง เป็นที่พักที่ดีที่สุดในทริปนี้เลย ถ้ามาเกียวโตอีกก็เอาที่นี่อีกแน่นอน!
ร้านอาหารก็หาเอาง่ายๆเปิดกูเกิ้ลแมพหาเนี่ยละครับ ใกล้ที่พักมีร้านราเม็งอยู่เลยไปลองสักหน่อย เดินผ่านร้านเป่ากลิ่นหอมน้ำซุปเข้าจมูกแบบนี้ไม่กินก็จะเป็นการทรยศตัญหาของตัวเองมากเกินไป ไหนๆอีตาชาวชิลีบนเครื่องบินก็บิลท์จนเราอยากกินราเม็งขนาดนี้แล้ว ก็ขอจัดราเม็งชามแรกในทริปนี้เลยดีกว่า ร้าน Kyoto-Raken ครับ เมนูไม่มีภาษาอังกฤษก็ชี้รูปเอา ชามนึงราคา 600 - 880 เยน ขนาดชามอลังการสุดๆหมูแน่นเต็มชามยังถูกกว่าอีร้านเมื่อเที่ยงเลย! อร่อยด้วยนะครับ น้ำซุปคำแรกเค็มจนบาดเจ็บตามสไตล์ราเม็งญี่ปุ่น แต่ความหอมกลมกล่อมก็ทำให้กินคำต่อๆมาได้จนหมดชาม ถึงชามมันจะใหญ่เกินกระเพาะคนไทยก็เถอะ (คนญี่ปุ่นกินราเม็งปกติไซส์นี้แหละ) ข้าวหมูย่างก็ดีงามมาก หอมกลิ่นย่างและหมักเข้าเนื้อ เมื่อกัดชิ้นหมูที่หนานุ่มแล้วน้ำซุปที่สกัดจากเนื้อหมูชั้นดีก็แผ่กระจายเต็มปาก! (แกจะสวมวิญญาณโฆษกทีวีแชมเปี้ยนไปไหนครับ? ทำหยั่งกะเขาให้ตังค์มารีวิว) รวมแล้วมื้อนี้ 2,310 เยน หน้าร้านมีลายเซ็นกับรูปถ่ายคนดังที่แวะเวียนมาเยอะอยู่ น่าจะเป็นร้านท้องถิ่นที่ดังพอตัวเลยครับ
แถวๆที่พักเล็งๆเซเว่นหรือลอว์สันไว้ด้วยนะครับ ขาดเหลืออะไรก็แวะมาซื้อได้ โดยเฉพาะน้ำเปล่าไว้พกติดตัวถ้าไม่ชอบกินน้ำก๊อก ซื้ออาหารสำหรับเข้าเวฟกินเป็นมื้อเช้าก็สะดวกดีนะ
หน้าตามื้อเช้าของวันถัดมา
ขอพักบล็อกไว้สำหรับวันแรกก่อนครับ เดี๋ยวจะมาต่อวันที่สองไปเที่ยวฝั่งตะวันออกของเกียวโตกัน
Create Date : 16 มีนาคม 2560 |
|
57 comments |
Last Update : 16 มีนาคม 2560 22:22:19 น. |
Counter : 3925 Pageviews. |
|
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณtoor36, คุณกะว่าก๋า, คุณสองแผ่นดิน, คุณข้ามขอบฟ้า, คุณmambymam, คุณไอเอิร์ธ, คุณThe Kop Civil, คุณเรียวรุ้ง, คุณRinsa Yoyolive, คุณสาวไกด์ใจซื่อ, คุณClose To Heaven, คุณAppleWi, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณtuk-tuk@korat, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณเนินน้ำ, คุณTui Laksi, คุณcomicclubs, คุณกาบริเอล, คุณkae+aoe, คุณInsignia_Museum, คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน, คุณDondaran, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณตุ๊กจ้ะ, คุณmariabamboo, คุณlovereason, คุณMaeboon, คุณphunsud, คุณทุเรียนกวน ป่วนรัก |
| |
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 16 มีนาคม 2560 22:27:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 16 มีนาคม 2560 22:52:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 16 มีนาคม 2560 23:31:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนินน้ำ 19 มีนาคม 2560 20:38:32 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 19 มีนาคม 2560 21:35:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 19 มีนาคม 2560 22:00:25 น. |
|
|
|
| |
โดย: กาบริเอล 20 มีนาคม 2560 10:36:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: kae+aoe 20 มีนาคม 2560 10:49:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 20 มีนาคม 2560 20:04:42 น. |
|
|
|
| |
โดย: จี้ดจ้าด (บ้านต้นคูน ) 21 มีนาคม 2560 21:08:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 21 มีนาคม 2560 22:02:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: Dondaran 21 มีนาคม 2560 23:27:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) 22 มีนาคม 2560 8:34:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: secreate 22 มีนาคม 2560 10:58:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: ตุ๊กจ้ะ 22 มีนาคม 2560 16:06:25 น. |
|
|
|
| |
โดย: Maeboon 23 มีนาคม 2560 1:56:49 น. |
|
|
|
| |
โดย: NENE77 23 มีนาคม 2560 11:27:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: phunsud 23 มีนาคม 2560 15:38:00 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 23 มีนาคม 2560 16:44:55 น. |
|
|
|
|
|
|
|
๙๙
๙๙๙
๙๙๙๙
_/๙๙๙\\_
เจิมก่อน~
มาแล้วๆ ว่าจะทวงเรื่องเที่ยวญี่ปุ่นอยู่เลย ขอเจิมไว้ก่อนนะครับ มันต้องค่อยๆ อ่าน เดี๋ยวกลับมาอ่านอีกทีครับ