เครดิตมรณะ : มิยาเบะ มิยูกิ
"ธรรมชาติของมนุษย์มักเคลิบเคลิ้มกับสิทธิพิเศษ" เครดิตมรณะ มิยาเบะ มิยูกิ . .
. .
ฮมมะ ชุนสุเกะ นายตำรวจพ่อหม้ายวัยกลางคนถูกขอร้องจาก คาสึยะ หนุ่มแบงค์ญาติฝ่ายภรรยาให้ช่วยตามหา เสะคิเนะ โชโกะ คู่หมั้นที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ฮมมะเริ่มสืบจากที่ทำงานของโชโกะจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง จนได้พบกับ ทนายความมิโซงุจิ คนที่โชโกะเคยมาติดต่อตอนที่เธอเป็นบุคคลล้มละลาย และฮมมะก็ต้องอึ้งเมื่อทนายความดูรูปโชโกะที่ฮมมะยื่นให้ดูแล้วยืนยันหนักแน่นว่า เธอคนนี้ไม่ใช่โชโกะที่เขารู้จัก! อ้าว เว้ยเฮ้ย ไปไม่เป็นเลยทีนี้ แล้วตัวจริงหน้าตาเป็นไง และจะไปตามหาที่ไหนล่ะ? ว่าแล้วฮมมะก็ไปสืบเพิ่มเติมจากสำมะโนครัวและแมนชั่นที่โชโกะตัวจริงเคยเช่าอยู่จนมั่นใจ แล้วจึงบอกความจริงกับคาสึยะ แน่นอนว่าความรักทำให้คนตาบอด คาสึยะไม่เชื่อและโกรธฟิวส์ขาดถึงขึ้นโปรยเงิน (ที่คงเตรียมมาเป็นสินน้ำใจ) ใส่หน้าฮมมะแบบดูถูกและตัดขาดอย่างไร้เยื่อใย . . พอถึงตรงนี้ที่จริงฮมมะจะเลิกก็ได้นะ ก็มันไม่เกี่ยวอะไรกับเขา แต่อาจเพราะสัญชาติญาณตำรวจสืบสวน หรือเห็นใจคาสึยะ ไม่หรอก เพราะอยากรู้ให้สุดซะมากกว่า ฮมมะจึงตัดสินใจฝืนสังขารที่ขากระเผลก (เคยประสบอุบัติเหตุมาก่อน) เดินหน้าต่อ โดยมีลูกชาย เพื่อนบ้าน และเพื่อนตำรวจที่สนิท คอยให้กำลังใจและช่วยเหลือ จนกระทั่งดั้นด้นไปบ้านเกิดของโชโกะจนได้เจอกับ ทะมทสึ เพื่อนวัยเรียนของโชโกะ เป็นครั้งแรกที่ฮมมะได้เห็นหน้าของโชโกะตัวจริงจากรูปถ่ายมัธยมปลาย และก็ได้ ทะมทสึ เป็นผู้ร่วมทีมอีกหนึ่ง . . ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น ฮมมะรู้แล้วว่าตัวปลอมนั้นคือหญิงสาวชื่อ ชินโจ เคียวโกะ และพบจุดเชื่อมโยงระหว่างโชโกะตัวจริงกับตัวปลอม รวมถึงบุคคลที่เคยรู้จักกับเคียวโกะ ซึ่งฮมมะเชื่อว่าจะทำให้ปริศนาต่างๆ ของเรื่องนี้กระจ่างได้ สูดลมหายใจลึกๆ พร้อมแล้วลุยต่อด้วยกัน..ฮึบ!
. . . .
หยิบ เครดิตมรณะ ขึ้นมาอ่านเป็นครั้งที่สอง ทิ้งช่วงจากครั้งแรกสิบกว่าปี แม้ห่างกันนาน แต่ความชอบยังเหนียวแน่นและกอดแน่นกว่าเดิม เพราะได้อ่านเก็บรายละเอียดมากขึ้น ทำให้เข้าใจเหตุผลและการกระทำของตัวละครมากขึ้นไปด้วย และภูมิต้านทานที่เพิ่มขึ้นจึงอ่านจบด้วยไม่รู้สึก "ฮะ!?" เหมือนตอนอ่านรอบแรกอีก เครดิตมรณะ ไม่ได้เป็นแค่เพียงนิยายสืบสวนที่ทำให้เราร่วมลุ้นกับการตามหาคนหายและผู้ร้ายเท่านั้น แต่ยังสะท้อนชีวิตผู้คนในสังคมที่ดิ้นรนเพื่อปากท้อง บอกเล่าถึงสภาพเศรษฐกิจของญี่ปุ่นในช่วงต้นยุค’80 การมาถึงของบัตรเครดิต วงเงินสินเชื่อ ผู้เขียนร่ายยาวหลายสิบหน้าหล่ะ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้โชโกะตัวจริงลุ่มหลงจนกลายเป็นบุคคลล้มละลาย ส่วนโชโกะตัวปลอมนั้นต้นตอปัญหาเกิดจากหนี้สินของพ่อแม่ จนบ้านแตกเมื่อถูกตามล่าจากนักเลงทวงหนี้ เธอจึงต้องต้องหลบเร้นแฝงตัวเพื่อชีวิตรอด เกิดความคิดชั่วร้ายสวมร่างบุคคลอื่น แต่ก็หารู้ไม่ว่าเหยื่อเป็นบุคคลล้มละลาย!
. . "ความศรัทธาไม่ได้หากันง่ายๆ เหมือนอาหาร" ภาพจากเวป money ดอทcoดอทuk . . "ในโลกนี้มีคนประเภทหนึ่ง ที่ไม่ว่าใครจะทำอะไรก็รู้สึกขวางหูขวางตาไปเสียหมด" . .
หลายชีวิตที่มีบทบาทในเครดิตมรณะมีสภาพครอบครัวที่ต่างกันไป โชโกะหญิงสาวที่เข้ามาใช้ชีวิตเมืองหลวงแต่ถูกแสงสีเผาไหม้จนละลาย เคียวโกะหญิงสาวบ้านแตกทำให้ต้องดิ้นรนทุกทางเพื่ออยู่ให้รอดให้ได้และไม่แคร์คนอื่นอีกต่อไป ทะมทสึเพื่อนวัยเรียนของโชโกะที่เข้ามาร่วมมือกับฮมมะนั้น แม้ภรรยาจะรู้ว่าทะมทสึเคยมีใจให้โชโกะแต่เธอก็ยินดีและเต็มใจที่สามีจะออกตามหาเพื่อนที่หายไป เราว่าบ้านไหนที่มีความอบอุ่นเป็นพื้นฐาน หลังบ้านและด่านหน้าพร้อมช่วยเหลือกันยามทุกข์ยาก นั่นคือครอบครัวที่มีประสิทธิภาพเลยล่ะ . . "คนตายฝากรอยที่ระลึกไว้กับคนเป็น" มีฉากหนึ่งที่ฮมมะไปเห็น ซาโตรุ ลูกชาย กำลังใช้สกิลถอดเสื้อผ้าที่ใส่ทับหลายชั้น(วันนั้นเป็นหน้าหนาว)ออกได้ในครั้งเดียว ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ฮมมะเคยเห็นภรรยาทำ และยังบ่นเมียว่าเหมือนคนขี้เกียจเลย ^^ แต่วันนี้ไม่ได้ดุลูกนะ แต่ทำให้นึกถึงวันวาน ทั้งที่ตอนภรรยายังมีชีวิตอยู่เขาก็ไม่เคยเห็นซาโตรุเลียนแบบแม้แต่ครั้งเดียว นี่คงเรียกว่าเป็นพฤติกรรมที่ได้รับอิทธิพลมาโดยไม่รู้ตัวสินะ (เท้าความนิดนึงว่า ซาโตรุ ลูกชายวัยสิบขวบคนนี้เป็นเด็กที่ฮมมะและภรรยารับมาเลี้ยงแต่เแบเบาะ จวบจนปัจจุบันภรรยาของฮมมะตายไปได้สามปีแล้ว) นี่เป็นหนึ่งฉากที่อ่านแล้วมีรอยยิ้ม ประทับใจ และอุ่นใจในคราวเดียวกัน . .ในตัวมนุษย์แต่ละคนย่อมมีทั้งส่วนดีและส่วนเลว ขึ้นอยู่ที่ว่าคนคนนั้นจะแสดงด้านไหนสู่สังคม หากเป็นสิ่งที่สร้างความเดือดร้อนกับคนอื่น เหตุผลใดล่ะที่เขาต้องทำแบบนั้น แล้วถ้าเป็นเราซึ่งได้รับผลกระทบนั้น หากได้รู้ถึงเหตุผลหรือปูมหลังของเขาแล้ว เราจะยอมให้อภัยเขาได้หรือเปล่า?
. . . .
หากความหนาของหนังสือแทนค่าระยะทางที่ฮมมะออกเดินทางสืบเสาะหาความจริง เมื่อเขายังไม่เหนื่อยเลย แล้วเรา(คนอ่าน)จะไปเหนื่อยกว่าเขาได้อย่างไร ( คหสต. อันที่จริงถ้าพิมพ์ฟอนท์เล็กลง จะช่วยให้รูปเล่มกระทัดรัดมากขึ้นนะ) และปีนี้ก็น่าจะได้อ่านงานเขียนแปลไทยเล่มใหม่ของ มิยาเบะ มิยูกิ เพิ่มอีกหนึ่งเรื่องแล้ว จากที่เห็นในโฆษณาของสำนักพิมพ์ไดฟุกุ นั่นคือเรื่อง ぺテロの葬列 (Petero no Souretsu) หรือชื่อไทย ขบวนแห่ศพนักบุญปีเตอร์ ซึ่งเห็นเล่มญี่ปุ่นแล้วหนามากกก (แล้วเราจะรอดไหม TT ) รอติดตามเน้อ เพิ่มเติม : นิยายเรื่องนี้ยังถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนต์ทีวีในปี2011 โดย TV Asahi ความยาว 1ชม. 54นาที ( ข้อมูลจากเวป mydramalist) และถูกนำไปเป็นภาพยนตร์เกาหลี ใช้ชื่อว่า Train Helpless (2012)
. . "ใครๆ ต่างก็มีความฝันเป็นภาพลวงตาด้วยกันทุกคน" . . เครดิตมรณะ แปลจาก Kasha (火車) ,1992 ผู้เขียน : มิยาเบะ มิยูกิ / ผู้แปล : ฤทัยวรรณ เกษสกุล สนพ. เนชั่น / พิมพ์ครั้งแรก 2548 (2005)
Create Date : 10 สิงหาคม 2565 |
Last Update : 10 สิงหาคม 2565 0:12:13 น. |
|
24 comments
|
Counter : 806 Pageviews. |
|
|