Group Blog
 
<<
กันยายน 2555
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
25 กันยายน 2555
 
All Blogs
 

แค่บอกว่าอีก 30 ปีจะรีไทร์ไปปฏิบัติธรรม ทำไมต้องหัวเราะกันด้วย

พอดีฝรั่งข้าง ๆ บอกว่า
ถ้าชั้น retire แล้วไม่ติดว่ามีลูกนะ
ชั้นจะ retire มาอยู่เมืองไทย
เพราะหลัง retire เค้าก็จะได้รับเงินบำนาญทุกเดือน
ซึ่งสามารถใช้จ่ายอยู่เมืองไทยได้อย่างเศรษฐี
แต่ถ้าอยู่ประเทศเค้าก็กระเบียดกระเสียรกว่าจะอยู่รอดในแต่ละเดือน
แต่ติดว่าลูกเค้ายังเรียนอยู่
แล้วให้มาอยู่นานาชาติที่นี่เค้าก็คงจ่ายไม่ไหว
เพราะถ้าไปอยู่บ้านเค้า มันก็เรียนฟรี

แล้วทีนี้
เค้าก็ถามเรากลับว่า
ถ้ายูเกษียณเนี่ย
ยูจะทำอะไรเหรอ
เราก็ตอบไปว่า
ถ้าตอนนั้น พ่อแม่ชั้นตายแล้ว แล้วชั้นไม่ได้แต่งงาน ไม่มีภาระอะไร
ชั้นจะไปปฏิบัติธรรมล่ะ
แล้วใช้พวกเงินปันผลจากกองทุนต่าง ๆ ที่ชั้นทะยอยเก็บ ทะยอยซื้อตั้งแต่ยังสาวมาใช้เป็นค่าอุปโภค บริโภคอย่างพอเพียง





เพื่อนคนไทย
ฟังว่าถ้าแก่ไปแล้วจะไปอยู่วัด ปฏิบัติธรรม
ก็หัวเราะใหญ่
พี่ที่โสดก็ว่าเธอสิ้นหวังหาผู้ชายขนาดนั้น ถึงกับจะไปบวชเลยเหรอ
พี่ที่มีลูกก็ว่าแก่ไปถึงกับไม่มีจะกินไปอยู่วัดเลยเหรอ

เราก็บอกว่า
ไม่ใช่อย่างนั้น
คือหลังจากไปปฏิบัติธรรมมา 2 รอบแล้วก็อ่านหนังสือธรรมะอยู่เนือง ๆ เนี่ย
ได้เห็นแล้วว่าชีวิตนี้มันเป็นทุกข์นะ
เราไม่อยากจะเกิดอีก
ถึงเกิดอีกก็ไม่อยากทุกข์อีก ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้
งั้นขอปฏิบัติธรรม ให้ชาติหน้าก็ได้มีโอกาสปฏิบัติอีก
เพราะเคยอ่าน เคยฟังมาว่า
การไปปฏิบัติธรรมเนี่ย มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ
ถ้าไม่มีบุญ บารมีเก่าที่เคยปฏิบัติน่ะ
ชาตินี้ไม่ได้ถึงธรรมะนะ แม้ว่าเกิดมาก็ได้ชื่อว่าศาสนาพุทธเนี่ย

แต่ดูเหมือนทุกคนจะฟังมั่ง ไม่ฟังมั่ง
แล้วก็พาลแซวเราว่าเป็นตัวประหลาด

เราก็บอกว่าการปฏิบัติธรรมเนี่ย
ปัจจัย 4 ต้องครบนะ
คนเราไม่สามารถเข้าถึงธรรมะได้ถ้าท้องไม่อิ่ม ไม่มีบ้าน ไม่มีเงินซื้อยา หรือไม่มีเสื้อผ้าจะใส่
เราเลยบอกว่าถ้าแก่ตัวไปแล้วได้อยู่คนเดียวจริง ๆ ไม่มีภาระ
ถ้าไปทางนั้น เราก็ต้องมีเงินส่วนนึงไว้สำหรับซื้อข้าวกิน ซื้อยากิน

บางคนก็บอกว่าน้องจะทุกข์อะไรขนาดนั้น
ถึงกับหันหน้าเข้าวัดเลยเหรอ
จริง ๆ แล้วมันเป็นสิ่งที่พุทธศาสนิกชนที่ดีควรจะทำไม่ใช่เหรอ
ไม่ต้องรอจนแก่ค่อยเริ่มทำก็ได้นี่
หรือไม่ต้องเข้าวัดก็ได้
แค่ปฏิบัติธรรมทุกลมหายใจเราก็ได้
แต่คน(โดยเฉพาะคนที่มีลูกหรือเป็นคริสต์) จะมองว่าคนที่ไปปฏิบัติธรรมคือพวกมีทุกข์
พวกเค้ายังมีความสุข จะไปปฏิบัติธรรมทำไม
เพื่อนเราที่เป็นคริสต์ถึงกับบอกว่า
พวกไปปฏิบัติธรรมเป็นพวกแปลก ๆ นิสัยประหลาด ๆ
เวงกำ





ส่วนพวกที่มีลูกก็บอกว่าหลังเกษียณก็คงอยู่บ้านเลี้ยงหลาน
นั่นมันก็ทุกข์ไม่ใช่เหรอ
เพราะที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์
วันนึงเราก็ต้องทุกข์เพราะความตายก็ต้องพรากพวกเค้าหรือเราก็จากเค้าไปอยู่ดี

เราก็จะพยายามเชื่อพี่ที่เค้าปฏิบัติธรรมมาก่อนเรานะ
ว่าเรื่องธรรมะ บางทีไม่ต้องอธิบายให้คนที่เค้ายังไม่เข้าถึงธรรมก็ได้
เพราะเค้าจะคุยกันคนละภาษาอยู่ดี
กิเลสในตัวเค้าหรือเจ้ากรรมนายเวรเค้าก็จะคอยขัดขวางไม่ให้เค้ารับรู้อะไรที่มันทำให้เค้าเจริญอยู่ดี

แล้วเราก็ไม่ได้ยกว่าตัวเองจะดีเพราะไปปฏิบัติธรรมอะไรหรอกนะ
เพราะเวลาเราเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่ดี
พยายามชักชวนทุกคนไปปฏิบัติบ้าง ออกมาจะได้ปฏิบัติเองได้
แต่พูดได้แค่ 3 ประโยค
ทุกคนในวงก็จะเปลี่ยนเป็นเรื่องอื่น
หรือไม่ก็พยายามกวนตีนให้มันหลุดประเด็นแล้วก็ขำ ๆ ฮา ๆ ไปเรื่องอื่นอีกอยู่ดี

ก็ได้แต่หวังว่า
เค้าคงจำเรื่องที่เราชวนได้
แล้วพอถึงเวลา คำพูดที่เราชวนก็คงกลับมาในใจเค้า ให้ผลบุญส่งให้เค้าไปเรียนรู้เอง
เหมือนกับที่เพื่อนเราชวนเราหลายรอบ
เราก็รับฟัง รู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ดี แต่ยังไม่ว่าง ไม่มีเวลา เพราะกิเลสมันครอบงำ
(แหม เอาเวลา 7-8 วันไปเที่ยวเล่นดีกว่า)




แต่สุดท้ายเราก็มีโอกาสไปปฏิบัติจริง ๆ
ซึ่งก่อนไป เรายังจำคำพูดของกัลยาณมิตรที่ชวนเราบ่อย ๆ แต่ก็ได้แต่รับฟังแล้วรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ดี
แต่เรายังไม่อยากไป
พอถึงจังหวะเวลาของเราที่ได้เข้าไปสัมผัส
หลังจากกลับมา เราขอบคุณเพื่อนที่เคยชวนไปหลายรอบมาก
เราไม่ได้ลืม เพียงแต่มันยังไม่ถึงเวลา
ซึ่งเรายังคิดเลยว่าไปปฏิบัติตอน 25 มันยังช้าไปด้วยซ้ำ
แต่พวกเขากลับคิดว่า ยังไม่แก่จะรีบไปปฏิบัติทำไม
ต่างกรรม ต่างวาระ
ก็ได้แต่หวังว่ามันคงจะถึงเวลาของพวกเขาในสักวัน




 

Create Date : 25 กันยายน 2555
8 comments
Last Update : 25 กันยายน 2555 14:12:36 น.
Counter : 3338 Pageviews.

 

อ่านแล้วรู้สึกชื่นชมคุณมาก คนที่จะเข้าถึงธรรมะได้จริง ๆ ต้องมีความมุ่งมั่นและตั้งใจ หากได้เข้าปฏิบัติธรรมแล้ว ความสุขใด ๆ ก็ไม่เท่าอีกแล้ว จิตใจที่สงบร่มเย็น ไม่ทุรนทุราย และรู้สึกเสียใจดีใจมากมาย เห็นทุกอย่างเป็นอนัตตา ล้วนแล้วแต่ไม่เที่ยง

เอาใจช่วยค่ะ อย่าฟังมาร เอาใจเราเป็นหลัก หากเรารู้สึกอย่างไร ก็ทำอย่างนั้น

 

โดย: เห็นด้วย IP: 58.8.58.110 25 กันยายน 2555 16:52:49 น.  

 

ก็พวกที่ไม่เข้าใจเพราะเขาไม่รู้จักธรรมะน่ะคะ พูดไปก็ไม่รู้เรื่อง ไม่พูดดีกว่าค่ะ

 

โดย: leenalilly IP: 58.136.222.79 25 กันยายน 2555 17:12:03 น.  

 

สาธุ อนุโมทนาบุญค่ะ

ถ้าได้รู้จักธรรมแล้วจะรู้แจ้งเห็นจริง

^^

 

โดย: Slowlyliving 25 กันยายน 2555 21:37:55 น.  

 

คุณน้องลีลี...สอนพี่อีกแล้ว
ขอบคุณครับ

 

โดย: naray14 26 กันยายน 2555 17:00:32 น.  

 

สวัสดีค่ะลีลี
ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนว่า โนบูตะเอง ยังไม่เคยได้มีโอกาสที่จะไปปฎิบัติธรรมอย่างเป็นเรื่องเป็นราวจริงๆสักครั้งเลยค่ะ ถามว่าอยากมั้ย? คำตอบก็คือ อยากลองดูเหมือนกันค่ะ แต่พอวันหยุดยาวๆมาถึง ความคิดในหัวกลับเป็นที่พักผ่อนต่างๆ การนัดเจอทานข้าวกับเพื่อนๆหรือการนอนฟังเพลงสบายๆ และร้านหนังสือแทน (หนังสือธรรมมะที่ชอบจะอ่านของท่าน ว.วชิระเมธีค่ะ /พระอาจารย์มิตสุโอะ(หนังสือท่านส่วนมากเป็นตัวการ์ตูนประกอบคำบรรยายสั้นๆ)/ท่านพระอาจารย์ไพศาล วิสาโล )
แต่เห็นรู้จักท่านพระอาจารย์หลายๆแบบนี้ โนบูก็ยังคงเข้าไม่ถึงอย่างถ่องแท้หรอกค่ะ แต่ถึงแม้อย่างนั้น ก็ยังพยายามเข้าหาเสมอ เพราะมักจะได้ความสงบ ร่มใจกลับมาด้วยทุกครั้งที่ได้นั่งอ่าน แต่จริงๆ โนบูก็คิด(ไปเองคนเดียวเหมือนกัน:) ว่าหนังสือของพี่จิก พี่เอ๋ นี่ก็บางบท บางวลี ก็เข้าข่ายธรรมมะได้นะ
คะ

 

โดย: nobuta wo produce 28 กันยายน 2555 12:21:57 น.  

 

ความเชื่อเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลจริงๆ ซึ่งในฐานะพุทธศาสนิกชนคนหนึ่ง เรามองว่าสิ่งที่ลีลีคิดและทำ เป็นสิ่งที่พุทธศาสนิกชนควรเข้าถึง เข้าใจ และปฏิบ้ติ ไม่ใช่สิ่งที่น่าขำขันเลย

เราเองไม่เคยไปนั่งปฏิบัติธรรมเป็นเรื่องเป็นราว แต่ก็มีโอกาสได้อ่านหนังสือธรรมะบ้าง เราเคยมีเรื่องไม่สบายใจมากๆ แล้วที่เราทำคือ สวดมนต์และแผ่ส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร ให้ใจสงบ ให้มีสติ แล้วทุกอย่างก็ผ่านไป การเกิดเป็นคนคือช่วงเวลาที่เราต้องตามใช้กรรมที่เป็นพันธนาการ การได้สร้างบุญทำกุศลทำให้การใช้กรรมของเราไม่ต้องวิบากนัก เหมือนที่เราเกิดมามีเกิดแก่เจ็บตาย และเผชิญความทุกข์มากมายระหว่างวัย แต่บุญที่เคยสร้าง อย่างน้อยก็ทำให้เราเกิดมาในครอบครัวที่ดี มีโอกาส มีการศึกษา มีปัจจัยค่อนข้างครบ และนั่นทำให้เหมือนที่ลีลีบอกคือ มีโอกาสในการเข้าถึงธรรมอีกครั้งในชาตินี้

ดีใจที่เห็นลีลีมีความสุขในทางธรรมนะ

 

โดย: copo de nieve 3 ตุลาคม 2555 17:06:11 น.  

 

การปฎิบัติธรรม คือการมีธรรมครอบครองครบถ้วน ไม่ขาดแม้ กตัญญุตาธรรม ที่มีต่อเจ้าเมืองธรรมชาติ เพราะเราเสพ เราต้องกตัญญู เราต้องศึกษาหาเจ้าของ(ปัญญาธรรม) เราไม่หนีความผิด หนีภพหนีชาติ(สุจริตธรรม) ทำผิดแล้วต้องมอบตัว(นิติธรรม) หาที่มอบตัวที่(เที่ยงธรรม)ที่สุด มีความ(ยุติธรรม)ที่สุด. และไม่ร้องแรกแหกกระเชอ ที่จะต้องพบเจอตรงหน้า(ขันติธรรม) จงขอพรที่ต้นพร อย่าขอผ่านเทวดาองค์ใดที่ท่านไม่สามารถถามได้ว่างานขอพรเสร็จไม่เสร็จเท่าใด คั่งค้างมากไหม(เมตตาธรรม) ท่านก็ยังไปขอเพิ่มอีก ทั้งๆที่มนุษย์ทุกคนขอตรงเองก็ได้(พึ่งพาตนเองได้). อย่าเพียงเชื่อว่าสิ่งที่ท่านๆทำนั้นจะเป็นสิ่งไถ่โทษให้ตัวท่านเพื่อน หรือคนที่ท่านรักเท่านั้น เพราะ เพื่อนมนุษย์ผู้มองเห็่องประตูนั้น จะไปรอที่นั่นเพื่อรับผลประโยชน์ ความพึงใจ และจับต้องงบประมาน. ไม่มีสิ่งใดที่จะเป็นเครื่องมือต่อรองในความผิดความชั่วของตนได้หรอก. นอกจากจะกลับเนื้อกลับตัว มอบตัวทุกคดี รอการสั่งคดี อย่าละโมบในสุข อย่าหวั่นในทุกข์ จะเข้าระบอบอสุขนิยม ทุกข์นิยม เท่านั้น. อย่าพนันกับการจะได้บุญ เพราะท่านอาจต้องเบียดเบียนพ่อแม่พี่น้องที่จะเจียดที่ ที่จะเก็บมัน(แต่ท่านๆไม่เคยเห็นมันจริง)นั่นคือการพนันทั้งสิ้น พระพุทธเจ้าหรือ จะแนะนำให้หมู่ชนที่ตามท่านพนัน. คิดดีดีซิ และท่านหรือที่จะห้ามกตัญญูต่อผู้ให้ออกซิเจนท่านหายใจ. งานการใหม่ๆถูกอุตริขึ้นมาเพื่อผลประโยชน์ แค่พึงใจก็เอาแล้วพวกนักบวช. เรี่ยวแรงประเทศชาติต้องตกไปเป็นนักพยากรณ์แลกข้าว แลกทาน แลกความพึงใจ ปีละกี่คน. ประเทศชาติจมลงๆทุกวัน. เพราะนักพยากรณ์เพิ่มขึ้น. รักชาติจงต่อต้านพนัน พยากรณ์ และ เนรคุณ.

 

โดย: ง่าย IP: 27.55.2.99 28 มกราคม 2556 17:02:50 น.  

 

อนุโมทนาครับ

 

โดย: สมาชิกหมายเลข 2570365 23 กันยายน 2558 9:46:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


หนูลีลี
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 94 คน [?]




ไม่อินกับการเขียนบล็อคมาตั้งแต่บล็อคสุดท้ายปี 2561 แล้วค่า
Friends' blogs
[Add หนูลีลี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.