แค่บอกว่าอีก 30 ปีจะรีไทร์ไปปฏิบัติธรรม ทำไมต้องหัวเราะกันด้วย
พอดีฝรั่งข้าง ๆ บอกว่า ถ้าชั้น retire แล้วไม่ติดว่ามีลูกนะ ชั้นจะ retire มาอยู่เมืองไทย เพราะหลัง retire เค้าก็จะได้รับเงินบำนาญทุกเดือน ซึ่งสามารถใช้จ่ายอยู่เมืองไทยได้อย่างเศรษฐี แต่ถ้าอยู่ประเทศเค้าก็กระเบียดกระเสียรกว่าจะอยู่รอดในแต่ละเดือน แต่ติดว่าลูกเค้ายังเรียนอยู่ แล้วให้มาอยู่นานาชาติที่นี่เค้าก็คงจ่ายไม่ไหว เพราะถ้าไปอยู่บ้านเค้า มันก็เรียนฟรี
แล้วทีนี้ เค้าก็ถามเรากลับว่า ถ้ายูเกษียณเนี่ย ยูจะทำอะไรเหรอ เราก็ตอบไปว่า ถ้าตอนนั้น พ่อแม่ชั้นตายแล้ว แล้วชั้นไม่ได้แต่งงาน ไม่มีภาระอะไร ชั้นจะไปปฏิบัติธรรมล่ะ แล้วใช้พวกเงินปันผลจากกองทุนต่าง ๆ ที่ชั้นทะยอยเก็บ ทะยอยซื้อตั้งแต่ยังสาวมาใช้เป็นค่าอุปโภค บริโภคอย่างพอเพียง
เพื่อนคนไทย ฟังว่าถ้าแก่ไปแล้วจะไปอยู่วัด ปฏิบัติธรรม ก็หัวเราะใหญ่ พี่ที่โสดก็ว่าเธอสิ้นหวังหาผู้ชายขนาดนั้น ถึงกับจะไปบวชเลยเหรอ พี่ที่มีลูกก็ว่าแก่ไปถึงกับไม่มีจะกินไปอยู่วัดเลยเหรอ
เราก็บอกว่า ไม่ใช่อย่างนั้น คือหลังจากไปปฏิบัติธรรมมา 2 รอบแล้วก็อ่านหนังสือธรรมะอยู่เนือง ๆ เนี่ย ได้เห็นแล้วว่าชีวิตนี้มันเป็นทุกข์นะ เราไม่อยากจะเกิดอีก ถึงเกิดอีกก็ไม่อยากทุกข์อีก ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ งั้นขอปฏิบัติธรรม ให้ชาติหน้าก็ได้มีโอกาสปฏิบัติอีก เพราะเคยอ่าน เคยฟังมาว่า การไปปฏิบัติธรรมเนี่ย มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ ถ้าไม่มีบุญ บารมีเก่าที่เคยปฏิบัติน่ะ ชาตินี้ไม่ได้ถึงธรรมะนะ แม้ว่าเกิดมาก็ได้ชื่อว่าศาสนาพุทธเนี่ย
แต่ดูเหมือนทุกคนจะฟังมั่ง ไม่ฟังมั่ง แล้วก็พาลแซวเราว่าเป็นตัวประหลาด
เราก็บอกว่าการปฏิบัติธรรมเนี่ย ปัจจัย 4 ต้องครบนะ คนเราไม่สามารถเข้าถึงธรรมะได้ถ้าท้องไม่อิ่ม ไม่มีบ้าน ไม่มีเงินซื้อยา หรือไม่มีเสื้อผ้าจะใส่ เราเลยบอกว่าถ้าแก่ตัวไปแล้วได้อยู่คนเดียวจริง ๆ ไม่มีภาระ ถ้าไปทางนั้น เราก็ต้องมีเงินส่วนนึงไว้สำหรับซื้อข้าวกิน ซื้อยากิน
บางคนก็บอกว่าน้องจะทุกข์อะไรขนาดนั้น ถึงกับหันหน้าเข้าวัดเลยเหรอ จริง ๆ แล้วมันเป็นสิ่งที่พุทธศาสนิกชนที่ดีควรจะทำไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องรอจนแก่ค่อยเริ่มทำก็ได้นี่ หรือไม่ต้องเข้าวัดก็ได้ แค่ปฏิบัติธรรมทุกลมหายใจเราก็ได้ แต่คน(โดยเฉพาะคนที่มีลูกหรือเป็นคริสต์) จะมองว่าคนที่ไปปฏิบัติธรรมคือพวกมีทุกข์ พวกเค้ายังมีความสุข จะไปปฏิบัติธรรมทำไม เพื่อนเราที่เป็นคริสต์ถึงกับบอกว่า พวกไปปฏิบัติธรรมเป็นพวกแปลก ๆ นิสัยประหลาด ๆ เวงกำ
ส่วนพวกที่มีลูกก็บอกว่าหลังเกษียณก็คงอยู่บ้านเลี้ยงหลาน นั่นมันก็ทุกข์ไม่ใช่เหรอ เพราะที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ วันนึงเราก็ต้องทุกข์เพราะความตายก็ต้องพรากพวกเค้าหรือเราก็จากเค้าไปอยู่ดี
เราก็จะพยายามเชื่อพี่ที่เค้าปฏิบัติธรรมมาก่อนเรานะ ว่าเรื่องธรรมะ บางทีไม่ต้องอธิบายให้คนที่เค้ายังไม่เข้าถึงธรรมก็ได้ เพราะเค้าจะคุยกันคนละภาษาอยู่ดี กิเลสในตัวเค้าหรือเจ้ากรรมนายเวรเค้าก็จะคอยขัดขวางไม่ให้เค้ารับรู้อะไรที่มันทำให้เค้าเจริญอยู่ดี
แล้วเราก็ไม่ได้ยกว่าตัวเองจะดีเพราะไปปฏิบัติธรรมอะไรหรอกนะ เพราะเวลาเราเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่ดี พยายามชักชวนทุกคนไปปฏิบัติบ้าง ออกมาจะได้ปฏิบัติเองได้ แต่พูดได้แค่ 3 ประโยค ทุกคนในวงก็จะเปลี่ยนเป็นเรื่องอื่น หรือไม่ก็พยายามกวนตีนให้มันหลุดประเด็นแล้วก็ขำ ๆ ฮา ๆ ไปเรื่องอื่นอีกอยู่ดี
ก็ได้แต่หวังว่า เค้าคงจำเรื่องที่เราชวนได้ แล้วพอถึงเวลา คำพูดที่เราชวนก็คงกลับมาในใจเค้า ให้ผลบุญส่งให้เค้าไปเรียนรู้เอง เหมือนกับที่เพื่อนเราชวนเราหลายรอบ เราก็รับฟัง รู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ดี แต่ยังไม่ว่าง ไม่มีเวลา เพราะกิเลสมันครอบงำ (แหม เอาเวลา 7-8 วันไปเที่ยวเล่นดีกว่า)
แต่สุดท้ายเราก็มีโอกาสไปปฏิบัติจริง ๆ ซึ่งก่อนไป เรายังจำคำพูดของกัลยาณมิตรที่ชวนเราบ่อย ๆ แต่ก็ได้แต่รับฟังแล้วรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ดี แต่เรายังไม่อยากไป พอถึงจังหวะเวลาของเราที่ได้เข้าไปสัมผัส หลังจากกลับมา เราขอบคุณเพื่อนที่เคยชวนไปหลายรอบมาก เราไม่ได้ลืม เพียงแต่มันยังไม่ถึงเวลา ซึ่งเรายังคิดเลยว่าไปปฏิบัติตอน 25 มันยังช้าไปด้วยซ้ำ แต่พวกเขากลับคิดว่า ยังไม่แก่จะรีบไปปฏิบัติทำไม ต่างกรรม ต่างวาระ ก็ได้แต่หวังว่ามันคงจะถึงเวลาของพวกเขาในสักวัน
Create Date : 25 กันยายน 2555 |
|
8 comments |
Last Update : 25 กันยายน 2555 14:12:36 น. |
Counter : 3338 Pageviews. |
|
|
|
เอาใจช่วยค่ะ อย่าฟังมาร เอาใจเราเป็นหลัก หากเรารู้สึกอย่างไร ก็ทำอย่างนั้น