Group Blog
 
<<
มีนาคม 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
11 มีนาคม 2555
 
All Blogs
 
หมอดูนี่เค้าบอกผู้หญิงทุกคนเลยใช่มั้ยว่าคุณใช้เงินเก่งเนี่ย ทุกคนเชื่อแล้วบอกว่าแม่นกันใหญ่

พอดีมีหมอดูไพ่ยิปซีมาดูให้ฟรีในงานปาร์ตี้ของครบรอบของบริษัท
เค้าก็ดูกว้างมากเลยนะ
เราดูเสร็จ
เพราะเค้าบอกว่าเราใช้เงินเก่ง
แต่คนอื่นไปดูแล้วหมอก็บอกเกือบทุกคนว่าใช้เงินเก่ง
ทุกคนเนี่ย เชื่อกันใหญ่ พูดกันใหญ่ว่าหมอแม่นมาก
เราไม่เชื่อเลย
บอกทุกคนเลยว่าไม่แม่น
เพราะเรารู้ตัวว่าเราเก็บเงินค่อนข้างเก่งนะ




คือถ้าเทียบกับสาวออฟฟิศทั่วไปเนี่ย
เราเชื่อว่าเราเก็บเงินเก่งกว่าพวกเค้าเยอะ
อย่างพวกเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าเนี่ย
แต่ละชิ้น เราซื้อไม่เคยเกินชิ้นละ 500 บาทเลย
ยิ่งรองเท้านะ
เราใส่รองเท้าไม่มีส้น คู่ละ 120 เอง
เราก็ต่อรองเค้า ซื้อที 5-6 คู่คละแบบ คละสี
ขอลดได้อีกคู่ละ 10 บาทเจ้าประจำ แหะ ๆ
รองเท้าประมาณนี้




เพราะเราต้องนั่งมอร์ไซด์ออกจากซอยต่อรถไฟฟ้าบนดิน ใต้ดิน
บางครั้งก็ต้องนั่งรถเมล์ถ้าขี้เกียจเดิน
จะให้ใส่ส้นสูง เราคงตกส้นตายก่อน
เพราะอย่างว่านะ
ฟุตบาธเมืองไทย
มันเรียบซะที่ไหน
เราก็เลยใส่แบบไม่มีส้นแบบนี้ทุกวันไปทำงาน




ส่วนชุดทำงาน
ส่วนใหญ่ซื้อสุดละ 250-300 บาทเอง
เดี๋ยวนี้แซคหรือเดรสน่ารัก ๆ ราคาถูกจะตาย
บางครั้งก็ซื้อมือสองจากเกาหลีดี ๆ หน่อยตัวละ 100 เอง
เราไปทีนึงก็ซื้อมัน 6-7 ชุดเลย จะได้ไม่เปลืองค่ารถ
แต่เริ่มรู้สึกตัวแล้วว่า
ตอนนี้ซื้อมาเกือบ 20 ชุด ใส่จริง ๆ ยังไม่ถึง 10 ตัวเลย
เพราะซื้อมาแบบที่ชอบ
แล้วแบบที่ชอบมันเป็นแนว cocktail dress
อารมณ์ชุดราตรีเกาะอกผ้ามัน ๆ แบบเรียบหรู ดูแพง ออกงานได้น่ะสิ



























แบบว่าตอนอยู่ในร้านหน้ามืด
มันสวยไปหมด
ลองชุดไหนได้เอาหมดเพราะมันชุดละ 100 บาทเอง
เอากลับมาก็มาคิด
อ้าว แล้วใส่ชุดออกงานนี่ไปทำงานกับรองเท้าส้นแบนกับกระเป๋าใบละไม่กี่ร้อย แถมนั่งมอร์ไซด์เนี่ยนะ ฮา ๆ
แล้วขอโทษ
หุ่นก็ไม่ได้ดีเลยนะ
ชุดพวกนี้มันเข้ารูปด้วย
ตรงหน้าท้อง ก้น และต้นขาเนี่ย
มีกี่ลอน มันโชว์หราออกมาทุกลอนเลย ก๊าก ๆ



ส่วนกระเป๋า
อย่างที่บอก
ซื้อมาใช้ไม่เคยเกินใบละ 500 บาท
เน้น function การใช้งานในแบบเรา
คือมีช่องหรือซิปเยอะ ๆ
อย่างน้อยนะ ข้างในต้องมี 3 ช่องแยกกันให้ใส่
คือมีซิปกลางแยกกระเป๋า 2 ฝั่งแล้วอีกช่องคือในซิปประมาณนี้









ไม่เน้นแบรนด์
แล้วแบรนด์ส่วนใหญ่เปิดมามีช่องใหญ่ช่องเดียว




เวลาใส่ของลงไปมันไปรวมหมด
หรือไม่ก็ต้องซื้อช่องมาใส่อีกให้มันวุ่นวาย




เพราะอย่างที่บอก นั่งรถสาธารณะทุกชนิดยกเว้นเรือ
จะให้มาถือกระเป๋าแพงให้เรากังวลอีกทำไม
แล้วเวลาเราถือ เราถือใบเดียวตลอดจนมันพัง
แล้วค่อยทิ้ง แล้วซื้อใบใหม่
แต่อย่างว่านะ
ถูก ๆ มันก็พังเร็วนั่นแหละ
ใช้ได้ไม่ถึง 6 เดือนก็พังละ
พวกซิปขาดมั่ง แป๊กขาดมั่ง หรือซับในข้างในมันขาดมั่ง หรือสายหรือหูหิ้วมันเปื่อยหรือขาดมั่ง





กระเป๋าเราใช้มากี่ใบไม่เคยถูกกรีดเลยนะ
(ใช่ซี้ โจรมันก็เลือกนะ)
ถึงถูกกรีดก็ไม่เสียดายเพราะมือถือก็เก่า ๆ เมื่อ 5 ปีที่แล้วโน่น
3G นี่ไม่รู้จักนะ ขนาดเข้า WAP ยังช้าเลย
ดีนะที่มันยังเป็นจอสี 555
กระเป๋าสตางค์ก็ใบละไม่กี่ร้อย เงินในกระเป๋าก็ไม่เคยถึงพัน
เพราะกดเงินทีละก็ทีละ 900

จะมีก็แต่บัตรเครดิตเนี่ยแหละที่ถ้ากระเป๋าหายต้องรีบโทรยกเลิก
เพราะวงเงินมันเป็นแสน
เคยโทรไปขอลดวงเงินให้ต่ำสุดแล้วนะ
แต่ถึงต่ำสุดก็ยังหลายหมื่นอยู่ดี
แถมใช้ไป 2-3 ปีมันก็เพิ่มวงเงินให้อีกละ
ทั้ง ๆ ที่เดือน ๆ นึงใช้บัตรไม่ถึง 5 พันเล้ย




หม่าม้าเราก็บอกนะ
ว่าให้ไปซื้อกระเป๋าแพงหน่อย
ซัก 2-3 พัน ให้มันดูดีหน่อยเวลาแต่งตัวน่ะ
ถือกระเป๋าอะไรก็ไม่รู้ เหลาเหย่มาก 555
เพราะสมัยม้าสาว ๆ เค้าก็ถือกระเป๋าเป็นพันนะ
ไม่มีหรอก ซื้อกระเป๋าไม่กี่ร้อยแบบเรา
แต่ตอนนี้คุณเธอเป็นแม่บ้านไม่ได้ไปไหน ไม่มีรายได้
เค้าก็ไม่ซื้อเลย กลัวเปลืองเงินลูก

อ้อ
เรื่องเก็บเงินเก่งเนี่ย
เราก็ไม่รู้หรอกนะว่าเก่งมั้ย
มาดูสัดส่วนกันดีกว่า
คือเวลาได้เงินเดือนมา 100% เนี่ย
เราให้พ่อกับแม่ 50% คือเป็นค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้าน
เพราะพ่อกับแม่เราไม่ได้ทำงานแล้ว
แล้วเราก็เก็บฝากประจำกับกองทุนรวมอีก 25%
ส่วน 25% ที่เหลือคือค่าข้าวมื้อกลางวันกับค่ารถของเรา
เพราะมื้อเช้ากับมื้อเย็นเรากินที่บ้าน





หม่าม้าเราเสียสละมากเลยนะ
ตื่นมาทำกับข้าวให้เราตั้งแต่ตีห้ากว่า
เพราะเราออกจากบ้าน 6 โมงเพราะออกหลังจากนี้ต้องรอคิวมอร์ไซด์ยาวมาก
แถมรถไฟฟ้าคนก็จะแน่นยิ่งกว่าปลากระป๋อง
เลยตัดปัญหา ออกเช้าดีกว่า
แล้วเงินที่ใช้ 25% เนี่ยถ้าเหลือก็อาจจะเอาไปทำบุญ แล้วก็ซื้อเสื้อผ้า หนังสือ หนังแผ่น อะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ว่าไป




อย่างหนังเนี่ย
เราก็ดูหนังอินดี้ไม่เหมือนชาวบ้าน
ซึ่งหนังแนวเราปี ๆ นึงมันก็ออกมาไม่กี่สิบเรื่องหรอก
เวลาซื้อหนังแต่ละทีเราก็ซื้อเยอะประมาณ 40-50 แผ่นเลย
จะได้ไม่เปลืองค่าส่ง
เราไม่เข้าโรงหนังนานมากแล้ว
เข้าโดยเฉลี่ยปีละ 2-3 ครั้งเอง
เราชอบดูหนังอยู่บ้านมากกว่า





แล้วเสาร์ อาทิตย์เราก็ชอบอยู่บ้าน
เรามีความสุขที่ได้เล่นเน็ท อ่านหนังสือ ดูหนังญี่ปุ่น ดูซีรี่ย์เกาหลี และนอนกลาววันอยู่ที่บ้าน
นอนกลางวันนี่ขาดไม่ได้ได้เลยนะ
ขนาดเรานอนตื่นสาย
แต่ซักบ่าย 2 ก็ต้องนอนกลางวัน
ตื่นมาอีกที 5 โมง เหอะ ๆ
คือถ้าไม่ได้นอนกลางวันจะถือว่าไม่ได้เป็นวันหยุด
นอนกลางวันคือการพักผ่อนวันหยุดที่มีค่าที่สุดของเราเลย



มีที่จะใช้ของแพงหน่อยก็พวก skin care กับ make up เนี่ยแหละ
แต่แพงหน่อยสำหรับเราก็คือแค่หลักพันต้น ๆ นะ
อย่างบำรุงเนี่ย
เราจะใช้เครือ Elca น่ะ
แต่เราไม่ซื้อเคาร์เตอร์เมืองไทยนะ
เราฝากเพื่อนเป็นแอร์ซื้อให้ราคาเมืองนอก
ซึ่งราคามันถูกกว่ากันแทบจะเท่าตัว
เหลือแค่หลักร้อยปลาย ๆ ถึงพันต้น ๆ เท่านั้นเอง
แล้วเราจะไม่อ่านห้องโต๊ะเครื่องแป้งเลยนะ
เพราะรู้ว่าถ้าอ่านแล้วจะเกิดกิเลส อยากได้เหมือนตอนทำงานใหม่ ๆ
จะอ่านแค่กระทู้แนะนำ
ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่ใช้กระทู้รีวิวของแพงให้เกิดความอยากเท่าไหร่





ถ้า
.
.
.
ถ้า
.
.
.
ถ้ามันเหลือ
เราก็เก็บอีกเพราะเราต้องจ่ายค่าประกันรายปีอีกปีละเกือบ 2 หมื่น
ทำทางโทรศัพท์ ไม่คุ้มเลย
แต่มันโทรมาพอดีที่อยากทำประกัน
เพราะมีความกลัวว่าจะตายก่อนพ่อแม่
ถ้าตายก่อนกลัวเค้าไม่มีเงิน เลยตัดสินใจทำทุนประกันที่สูงหน่อย
ถือซะว่าเก็บเงิน
แต่พอมาอ่านจริง ๆ มันไม่คุ้มเลยนี่หว่า
แต่ก็กัดฟันส่งไป เหลืออีก เกือบ 10 ปี






แต่ดีนะที่เราไม่ซื้อรถ
เราเลยไม่ต้องมีจ่ายเงินก้อนใหญ่ทั้งค่าผ่อนรถ ค่าประกัน ค่านู่น นี่ นั่นที่ต้องทำทุกปี

แล้วเราก็ไม่เข้าร้านทำผมนะ
เข้าปีละครั้งคือเข้าไปดัดผม
แต่ไม่เข้าไปสระไดร์ที่ผู้หญิงต้องเข้ากันอาทิตย์ละ 2-3 ครั้งหรือทุกวัน
แต่หม่าม้าเราเข้านะอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง
แต่เราบอกว่าเข้าไปเลย
อะไรที่ทำให้หม่าม้ามีความสุข ทำไปเลย
เราก็มีความสุขที่เห็นเค้ามีความสุข





แล้วป๊ากับม้าเราก็ไม่ใช้เงินลูกสิ้นเปลืองเลย
จะใช้ที่ดูเปลืองสำหรับบางบ้านก็เนี่ยแหละ
แค่ค่าทำผมของม้ากับค่ายากับวิตามินของป๊าเท่านั้นแหละ
หรืออาจจะเป็นกับข้าวที่ซื้ออาหารทะเลมาทำให้ให้คนในบ้านกันเนี่ยแหละ
เพราะเราชอบกินกุ้ง แล้วป๊าชอบกินปลา
แล้วบ้านเราก็ไม่มีออกไปกินข้าวข้างนอกกันเลย
กินกันก็แค่ปีละครั้งคือวันแม่เท่านั้นเอง
วันพ่อก็ว่าจะไปกิน ป๊าก็ยืนยันว่าไม่ไป เปลืองเงิน
กินกับข้าวฝีมือม้าก็โอเคแล้ว




เวลาได้เงินโบนัสสิ้นปีออกมา
เพื่อน ๆ ในออฟฟิศก็จะเอาไปเที่ยวเมืองนอกมั่ง ซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมมั่ง ซื้อพวกเทคโนโลยีใหม่ ๆ มั่งเพื่อซื้อความสุขให้ตัวเอง
แต่เราเอาเก็บไว้เป็นแต๊ะเอียให้พ่อกับแม่เราตอนตรุษจีนอีก 1-2 เดือนถัดมา
คือได้มากี่หมื่นก็ให้หมดเลย แบ่งเป็น 2 ซองเท่ากัน
เค้าอยากได้อะไรก็เอาไปซื้อ
มันก็เป็นความสุขของเราเหมือนกัน
แต่ก่อนให้เงินแต๊ะเอียป๊ากับม้าแค่หลักพักนะ
แตพอโดนเพื่อนยืมเงินไปหลายพันแล้วหนีติดต่อไม่ได้
คราวนั้นตาสว่างเลย
ว่าให้เพื่อนยืมตั้งหลายพันน่ะให้ได้
รู้งี้ให้พ่อแม่เยอะกว่านี้ดีกว่า
หลังจากปีนั้น ก็ให้เค้าหลักหมื่นกันมาตลอด



แล้วไม่อยากจะบอกว่า
ไอ้เงินเก็บของเราเนี่ย
เราก็เก็บเตรียมไว้สำหรับค่ารักษาพยาบาลป๊ากับม้าเราตอนไม่สบายเนี่ยแหละ
เพราะเรารู้อยู่แล้วว่ายิ่งแก่ ก็จะยิ่งมีโรคเยอะ
แล้วทุกอย่างก็ต้องใช้เงินเพื่อรักษา
เรายอมเอาเงินเป็นหมื่นมาเสียให้โรงพยาบาลหรือหมอทางเลือก
ดีกว่าเอาไปซื้อของต่าง ๆ ให้ตัวเอง
แล้วเราก็เชื่อว่า
ทำบุญกับพระในบ้านทำให้เราร่ำรวยอริยทรัพย์
เราอยากสะสมบุญที่ตายไปก็เอาติดตัวไปได้
มากกว่าสะสมของแบรนด์เนมที่ตายไปก็เอาไปไม่ได้



Create Date : 11 มีนาคม 2555
Last Update : 11 มีนาคม 2555 17:12:40 น. 5 comments
Counter : 3411 Pageviews.

 
น่ารักมากเลยค่ะ


โดย: Tangmo_283 IP: 14.207.221.216 วันที่: 11 มีนาคม 2555 เวลา:18:47:48 น.  

 
คิดได้ดีมากค่ะ รู้จักวางแผนอนาคต


โดย: Lady Kate IP: 58.8.170.250 วันที่: 11 มีนาคม 2555 เวลา:19:30:09 น.  

 
น่ารักมากค่ะ กตัญญูพ่อแม่เจริญ100% ชัวร์


โดย: x IP: 182.52.115.208 วันที่: 12 มีนาคม 2555 เวลา:10:20:01 น.  

 
Your means of telling all in this piece of writing is really good, every one be able to easily understand it, Thanks a lot.
Mulberry Handbags //www.futurelex.com/


โดย: Mulberry Handbags IP: 94.23.252.21 วันที่: 2 สิงหาคม 2557 เวลา:20:58:44 น.  

 
Great website! I am loving it!! Will come back again. I am taking your feeds also
Cheap Oakley Sunglasses //michelleskitchen.com/fox5.html


โดย: Cheap Oakley Sunglasses IP: 94.23.252.21 วันที่: 4 สิงหาคม 2557 เวลา:1:26:14 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หนูลีลี
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 94 คน [?]




ไม่อินกับการเขียนบล็อคมาตั้งแต่บล็อคสุดท้ายปี 2561 แล้วค่า
Friends' blogs
[Add หนูลีลี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.