เฮ้อ กระแส lay off มาแรง ไม่อยากอยู่ในกระแสแต่ดันต้องมาอยู่
จริง ๆ อยากเขียนเรื่องนี้มานานแล้ว เพราะรู้เรื่องนี้มาครึ่งเดือนแล้วแต่มัวแต่ช็อคอยู่ รู้วันแรกนะ คืนนั้นนอนไม่หลับเลยอ่ะ โทรบอกเพื่อน ๆ ก็แล้ว ระบายก็แล้วก็ยังรู้สึกไม่ดี เป็นคืนที่เราสามารถนั่งสวดมนต์ได้เป็นชั่วโมงเลย สวดบทยาว ๆ ได้โดยไม่ง่วงแล้วก็มีความอยากสวดมากกว่าทุกวัน แถมตอนเช้านั่ง BTS ก็พกหนังสือสวดมนต์ไปสวดบทยาว ๆ และอิติปิโสได้เท่าอายุ + 1 โดยไม่รู้สึกเบื่อเลย (แหม ทำอย่างกะต้องสวดเยอะ จริง ๆ แค่ 27 จบเอ๊ง) เพราะรู้สึกว่า ถ้าไม่สวด เราจะฟุ้งซ่านมากมาย คิดไปก็วนอยู่ในอ่าง หาคำตอบไม่เจอ เลือกไม่ถูกว่าจะไปทางไหน ตัดสินใจอะไรไม่ได้ คิดแต่ว่าถ้าอย่างนู้น ถ้าอย่างนี้จะดีมั้ย แต่ก็ไม่มีคำตอบให้กับตัวเอง มีแต่คำถามลอยไปลอยมาอยู่ในหัว สิ่งที่เคยไปปฏิบัติธรรมมาคืนอาจารย์ไปหมด ไม่ได้อยู่กับปัจจุบันเลยซักนิด ไม่กำหนด แถมสติก็หลุดหายไปไหนก็ไม่รู้
มันก็ไม่เชิงโดน lay off เลยนะ เพราะเค้าก็ให้สมัครใหม่ แ้ล้วก็สัมภาษณ์กันใหม่ แผนกเราลดจาก 3 คนเหลือ 2 ตำแหน่ง รวม ๆ ในเกรดเดียวกับเรา จาก 13 ตำแหน่ง เหลือ 7 ตำแหน่ง แต่เราสามารถสมัครได้ทั้ง 7 ตำแหน่งนะ ต้องยื่นใบสมัครปลายเดือนมกราคมนี้ แล้วเตรียมสอบสัมภาษณ์ ผลจะออกกลางเดือนกุมภา เค้าจ้างวันสุดท้ายคือสิ้นเดือนมีนา คนที่ไม่ผ่านก็ได้เงินเดือนล่วงหน้าตามกฎหมาย + จำนวนเดือนต่อจำนวนปีที่ทำงาน
เช่น เราทำมาแค่ 2 ปีกว่า (อีก 1 เดือนจะครบ 3 ปีแต่เค้าไม่ให้อ่ะ) กฎหมายบอกว่าทำไม่ถึง 3 ปีได้ 3 เดือนล่วงหน้า (ถ้าครบ 3 ปีได้ 6 เดือนล่วงหน้าเลยนะ เข้าช้า 1 เดือน ขาดทุนไป 3 เดือนเลย ฮ่วย) บวกกับเงินอีก 2 เดือนล่วงหน้าเพราะทำมา 2 ปีเต็ม เท่ากับว่าถ้าแพ้ชาวบ้านเค้า ก็รับเงินค่าวิจัยฝุ่นมา 5 เดือน
แหม ๆ มีพี่คนนึงทำมาไม่นานเท่าไหร่หรอกนะ แค่เกือบ 40 ปีเอ๊ง ก็ได้แค่ 40+10 เดือน ได้เงินไปนอนกอดแค่ประมาณหลายล้าน!!!!!!
ตอนนี้หยุดยาว 8 วันก็หางานซะ 1 วัน ยังไม่อยากเขียนใบสมัครอันยาวเยียดที่ต้องให้พรรณนาว่าทำอะไรมาบ้าง เจอปัญหาแล้วแก้ยังไง แล้วผลลัพธ์ออกมาเป็นยังไงอีกตั้งหลายหัวข้อ ขนาดตอนสมัครเข้ามานี่ต้องใข้เวลาเกือบอาทิตย์แน่ะถึงจะกรอกเสร็จ
ช่วงรู้ข่าวแรก ๆ จะเข้าห้องสีลมบ่อยมาก เพราะอยากรู้ว่ามีใครเป็นเหมือนเรามั้ย แล้วมีใครหนักกว่าเรามั้ย เรียกว่าหากำลังใจจากคนที่แย่กว่าก็ว่าได้นะ มันเป็นธรรมชาติอ่ะเนอะ ถ้าเรารู้สึกแย่ แล้วเจอคนที่แย่กว่า เราจะรู้สึกดีขึ้น หรือการที่เราทำอะไรที่เรารู้สึกว่าเราประสบความสำเร็จแล้ว แต่พอเจอใครที่ทำได้ดีกว่าเรา ไอ้ความรู้สึกนั้นมันจะหายไปทันที มีแต่คิดว่าทำไมเราด้อยกว่า
หลัง ๆ ก็มาเข้าห้องโต๊ะเครื่องแป้ง จะได้หายเครียด แต่ก็รู้สึกไม่ค่อยดีเหมือนกันนะที่เศรษฐกิจไม่ดี แต่ทำไมสาว ๆ ส่วนใหญ่จะกระหน่ำซื้อเครื่องสำอางกันอย่างหน้ามืด ของแบรนด์เนมเซลกันทีก็แย่งกันอย่างกับมันเป็นโรงทาน อาจจะเป็นเพราะว่าเราตาไม่ถึงก็ได้นะ ที่ไม่เห็นว่าเสื้อผ้าแบรนด์เหล่านั้นมันสวย อย่างเช่น Zara เนี่ย เราไม่เคยเห็นว่ามันสวยเลยนะ ก็ดูธรรมดาเรียบ ๆ ที่แพงเกิ๊น แพงมาก ช้อปเมืองไทยเราไม่เคยเข้าไปเดินดูเลยนะ เพราะซื้อเสื้อใส่ไม่เคยเกิน 500 บาท ตอนไปสเปน ทุกคนแห่เข้า Zara ช้อปกันโครม ๆ แต่เรากลับไม่ได้อะไรมาซักอย่าง ดูที่โน่นถูกกว่าเมืองไทย ยังรู้สึกว่าก็ยังแพงซื้อไม่ลงเลย ไอ้กระเป๋า Longchamp อีก มันสวยตรงไหนหว่า ทรงก็ประหลาด เหมือนกระเป๋าจ่ายตลาดสด ที่พวกแม่บ้านเอาไว้ใส่ผักอ่า อยู่บ้านเราก็ซื้อแต่ใบละ 199-250 บาท ตอนไปฝรั่งเศสก็มีเราคนเดียวที่ไม่ได้ไอ้กระเป๋ารูปทรงประหลาดนี้กลับบ้าน แล้วมันน่าเบื่อมากนะที่ทุกคนใช้เวลาอยู่กับร้านแบรนด์เนมเป็นชั่วโมงมากกว่าเดินชมบ้าน ชมเมืองเนี่ย จะไปเดินคนเดียวก็กลัวหลง แถมไม่มีคนถ่ายรูปให้อีก 55555
สรุปแล้ว ไปยุโรปครั้งนั้น ได้แค่ช็อคโกแลตไปฝากที่ออฟฟิศ (จริง ๆ แล้วถ้าไม่ได้ธรรมเนียมซื้อขนมฝาก เราคงไม่ได้อะไรกลับมาจริง ๆ นอกจากรูปในกล้อง เพราะที่บ้านครอบครัวเรา เราก็ไม่ได้ซื้ออะไรกลับมาเลย ดูเลวมั้ย แต่เปลืองเงินอ่ะ จะซื้ออะไรก็แพงไปหมด ให้เป็นเงินเค้าดีกว่า)
อ้าว ๆ นอกเรื่อง ๆ กลับเข้าเรื่องต่อดีกว่า กำลังเศร้าอยู่นี่หว่า
เรารู้สึกว่ากระแสและหัวข้อการคุยในทุกวงข้าวเที่ยงนี้ยังคงอยู่ตั้งแต่กลางเดือนธันวาและคาดว่าจะอยู่จนถึงสิ้นเดือนมีนาเลย อาจจะหนัก ๆ ตอนกลางเดือนกุมภาที่เรารู้แล้วว่าใครจะอยู่ ใครจะไป มันก็หนักใจเหมือนกันนะที่จะต้องมาแข่งกับคนในออฟฟิศเดียวกัน แต่เราว่ามันก็แฟร์ที่สุดแล้วเหมือนกัน ดีกว่าชี้มาว่าเธอควรออกไรเงี้ย ถ้าชี้ว่าใครควรออกในแผนกเรา ก็คงไม่พ้นอิชั้นอ่ะเซ่ เพราะเค้าจะใช้เกณฑ์ว่าใครเข้ามาทำงานน้อยปีที่สุดสมควรออก เพราะมีโอกาสหางานใหม่ได้ง่ายกว่าคนที่อยู่มานานแล้ว ซึ่งก็แก่กว่าแล้วนั่นเอง อ๊ะ ๆ แต่อย่าคิดนะว่าเค้าเอาคนเก่าออกดีกว่าเพราะทำงานมานานเงินเดือนสูงกว่า เพราะออฟฟิศเราเงินเดือนขึ้นประมาณ 2-3% ต่อปี เงินเดือนมันไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอกนะ
ตอนนี้แอบถาม ๆ ทั้ง 13 คนก็ยังไม่รู้อนาคตตัวเอง แต่เชื่อว่าทุกคนคงหางานใหม่ไปด้วยแหละ คงไม่รอที่นี่อย่างเดียว เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ เราฟังแบบนี้แล้ว เราไม่อยากทำงานที่นี่เลย ในใจตอนนี้เลยมี 3 scenario คือ
1. เราหางานที่ใหม่ที่ดีกว่าที่นี่ได้ แล้วเค้าสามารถให้เราเริ่มงาน 1 เมษาหรือเร็วที่สุดคือ 1 มีนาได้ แล้วเราได้ 5 เดือนจากออฟฟิศเก่า 2. เราหางานใหม่ไม่ได้ แต่เราก็สามารถทำงานที่เดิมได้ 3. เราหางานที่ใหม่ไม่ได้ แล้วเราก็ตกรอบการประกวดครั้งนี้ แต่ก็ยังดีวะได้เงินมากอด 5 เดือน
ตอนนี้ก็ได้แต่หวังว่าผลลัพธ์มันคงเป็นข้อแรกล่ะนะ หม่าม้าบอกว่าลองไปดูดวงดีมั้ย จะได้ช่วยในการตัดสินใจ แต่เราค่อนข้างมั่นใจนะว่างานใหม่เนี่ย หาไม่ยาก แต่มันจะไม่สบายและเงินเดือนเยอะเท่าที่นี่แล้วล่ะ ก็ต้องทำใจกันไป หรือไม่ก็สอบสัมภาษณ์ให้ดีที่สุดแล้วมั่นใจว่าเราได้ทำงานต่อไป
Create Date : 28 ธันวาคม 2551 |
Last Update : 28 ธันวาคม 2551 17:57:58 น. |
|
7 comments
|
Counter : 1872 Pageviews. |
|
|
|
เฉียวหัวไปเหมือนกัน